Deadly Lover แผนรักมัดหัวใจของยัยยมทูต 2

Deadly Lover แผนรักมัดหัวใจของยัยยมทูต 2

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789740538240
ผู้แต่ง: เจ้าหญิงผู้เลอโฉม
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 37.25 บาท
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

23

ฉันคือ...คำตอบของโชคชะตา

 

“มะ..มิคกี้ เดี๋ยวสิ...ฉัน...” หลังจากที่ตามเขามาไกลจนกระทั่งออกมานอกโรงเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าฉันอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย นั่นแหละฉันถึงส่งเสียงเรียกเขาที่ยังคงดึงมือฉันให้เดินไปไม่หยุดสักที มิคกี้หยุดเดินก่อนจะหันมายิ้มน้อยๆ

“ทำไมเหรอ”

“ทะ...ทำไมน่ะเหรอ ก็...ทำไมอยู่ดีๆ นายถึงพูดแบบนั้น” ทำเอาฉันเริ่มต้นไม่ถูกเลยทีเดียว คำถามอะรไของหมอนี่ ถามมาด้ายยย มิคกี้หัวเราะน้อยๆ ราวกับเป็นเรื่องน่าขบขันพลางยกมือขึ้นเสยผมที่ดูเหมือนมะจะยาวขึ้นอย่างเร็วผิดปกติ...

“ถามอะไรแบบนั้นน่ะเซร่า”

รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนและอบอุ่นเหมือนสายลมยาวเช้า แต่เมื่อมองดูดีๆ กลับพบว่ามันเป็นเพียงแค่เปลือกนอก แท้จริงแล้ว... มันคือรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความคิดคำนึงสุดลึกล้ำยากจะหยั่งถึง... เหมือนดังเช่นนัยน์ตาสีน้ำตาลที่คล้ายถูกเคลือบปิดบังสีที่แท้จริงเอาไว้ ...สีดำมือแห่งรัตติกาล ...สีแห่งซาตาน

ฉันได้แต่ยืนนิ่งเงียบมองดูคนตรงหน้าอย่างเหม่อลอย...

เส้นผมที่เดิมเป็นสีน้ำตาลกลับกลายเป็นสีดำสนิท... ภาพนั้นแทบทำให้ฉันลืมหายใจ

“เธอจำไม่ได้จริงๆ น่ะเหรอ”

ผิวขาวเนียนละเอียด จมูกโด่งรับกับริมฝีปากสวยที่เชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง นัยน์ตาคมสีดำสนิทจับจ้องราวกับจะฉกชิงเอาวิญญาณฉันไปอย่างง่ายดาย ผมสีดำสวยนั่นทำให้เขาดูงามสง่ายิ่งกว่าภาพวาด... ใช่แล้ว... ไม่ผิดแน่...

“ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการเอง ถึงกับจ้างประธานชมรมหนังสือพิมพ์มา...ไม่ใช่เหรอ ไม่สิ...” เขาก้าวเข้ามาหาฉัน ขาทั้งสองข้างของฉันเหมือนถูกตอกตะปูตรึงไว้กับพื้น ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ทั้งสิ้น นิ้วมือเรียวยาวแตะเบาๆ บนใบหน้าฉัน ไล่จากหน้าผาก ดวงตา จมูก และริมฝีปาก ก่อนจะประคองใบหน้าฉันเอาไว้อย่างนุ่มนวล ผิวที่ขาว...จนซีดของเขาตัดกับสีดำของเรือนผมและนัยน์ตาอย่างชัดเจน

“แต่เธอ...จำฉัน...ไม่ได้จริงๆ เหรอ”

“ฉัน...”

ฉันพูดไม่ออกคล้ายคำพูดมันเลือนหายไป แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกหวาดกลัวแวววูบไหวประหลาดในแววตาของเขา แต่กลับไม่สามารถละสายตาได้ ใครกัน...เขาเป็นใครกัน... ทั้งที่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แต่กลับรู้สึกเหมือนรู้จักคนคนนี้ ใครกัน... เขาเป็นใครกัน...

“หรือเพราะฉันจูบแบบมนุษย์ เธอถึงลืม” เสียงกระซิบแผ่วที่ข้างหูทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากร้อนของเขาจะสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก “ไม่เป็นไร ถึงลืมก็ไม่เป็นไร ตอนนี้...เธออยู่ตรงนี้ อยู่กับฉัน...เท่านั้นที่สำคัญ...” มิคกี้เลื่อนมาจุบที่ริมฝีปากฉัน ความร้อนจากร่างกายเขาแทบจะทำให้สติของฉันสูญสิ้นไป และในใจก็เริ่มรู้สึกเศร้าๆ

เมื่อเขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วดึงมือของฉันไปจุมพิตแผ่วเบา... ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้...

ทันใดนั้นเองฉันก็รู้สึกราวกับร่างกายถูกกระชาก เมื่อมิคกี้ถูกร่างที่มองไม่เห็นซัดเข้าเปรี้ยงหนึ่ง กระเด็นไปกระแทกกับผนังอีกฝั่งจนล้มลงไปกองกับพื้น

ฉันตวัดสายตาไปมองร่างตัวปัญหาทันที ดีนอนผู้มีสีหน้าโกรธจัดจนแทบจะฆ่าคนได้ง่ายๆ ทำให้ฉันกระตุกวูบหนึ่ง แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูดอะไร...ยมทูตนัยน์ตาสีเขียวก็แทรกขึ้นก่อนแล้ว

“ฉันเตือนแล้วใช่มั้ยเซร่า เกรเซียส!! ว่าอย่าเข้าใกล้คนคนนี้!!”

“นายจะบ้าเหรอดีมอน!! ใครใช้ให้นายทำแบบนี้ อยากเปิดเผยตัวตนกับมนุษย์นักหรือไง!! ฮะ? รีบใช้เวทลบความจำเดี๋ยวนี้เลยนะ!! นี่ถ้าเกิดมิคกี้เป็นอะไรไป...”

“ยัยโง่เอ๊ย ทำไมไม่เชื่อฉัน!! หมอนั่นน่ะมัน...อ๊ากกกกก!!” จู่ๆ คำพูดของดีมอนก็ขาดหายไปราวกับแผ่นเสียงกระโดด ร่างของเขาถูกแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นเหวี่ยงกระเด็น... มันเร็วจนมองไม่ทัน...

รู้ตัวอีกทีก็เมื่อหมอนั่นนอนหมอบอยู่กับพื้น... และกระอักเลือดออกมาเป็นสีดำ

ฉันถลาเข้าไปเพื่อจะช่วยเขา ทว่าเสียงเยือกเย็นจับขั้วหัวใจที่ดังขึ้นก็ทำให้ขาทั้งสองข้างหยุดชะงักไปทันที

“นายอีกแล้วเหรอ ดีมอน เอเรียส...” เสียงนั้นเย็นชาเหลือเกินจนทำให้รู้สึกเหมือนเดิมอยู่ในดินแดนน้ำแข็ง

เสียงนั่น...ขัดกับใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนของมิคกี้เหลือเกิน

“...” สีหน้าของดีมอนบ่งบอกว่าบาดแผลนั้นแม้จะดูไม่ร้ายแรงแต่สร้างความเสียหายมากมาย ไม่ได้นะ นายจะหาเรื่องใส่ตัวทำไมกัน ฉันขยับจะตรงเข้าไปหาเขา ทว่าเขากลับลุกพรวดขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปหาร่างสูงที่ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น

ร่างสูงของคนที่สมควรจะมองไม่เห็นดีมอนซึ่งเป็นยมทูต นอกเสียจากว่าเขาจะมีเนตรปีศาจ... แต่ถ้าจะเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าเขาต้องเป็นหนึ่งในทายาทตระกูลปราบปีศาจ หรือไม่ก็...

...เป็นคนของแดนโลกันตร์...

“ฉันเตือนแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่ง...” มิคกี้พูดเสียงเรียบ มองหน้าดีมอนราวกับเป็นแค่มดปลวกที่ไร้ค่า ร่างสูงของเขาสืบเท้าเข้าหาดีมอนก่อนจะสะบัดมือวูบเดียว...เกิดเป็นไฟสีดำ หรือที่รู้จักกันในนามเปลวเพลิงแห่งซาตานที่ปลายนิ้ว...

เปลวไฟนั้นส่งร่างของดีมอนที่พุ่งเข้าไปหาให้ไถลครูดไปกับพื้น มือเรียวสวยของมิคกี้ตวัดอีกรอบ และจู่ๆ เปลวเพลิงซึ่งลามเลียอยู่ที่ปลายนิ้วก็กลายเป็นมีดปลายแหลมซึ่งแกะสลักสลายแห่งแดนโลกันตร์.... จ่อที่คอของดีมอนที่ยังคงนั่งกุมบาดแผลที่มีเลือดสีดำไหลอาบอยู่...

ดีมอนตะโกนขึ้นในขณะที่ฉันได้แต่ยืนอึ้ง “แกนั่นแหละที่ต้องไม่เข้ามายุ่ง ฮาเซท!!”

นัยน์ตาสีดำของมิคกี้ลุกวาบเหมือนเปลวไฟก่อนที่เขาจะวาดมือวูบหนึ่งเป็นวงกว้าง กรีดใบหน้าของดีมอนเป็นบาดแผลยาว เลือดสดๆ สีดำของยมทูตไหลซึมออกมา ทว่านัยน์ตาสีเขียวของดีมอนยังคงวาวโรจน์อย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด หนำซ้ำยังฉายแววท้าทายขึ้นด้วย

“เสียมารยาทกับคนอย่างฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ เดี๋ยวนี้เหิมเกริมใหญ่แล้วนะ ดีมอน เอเรียส...”

นี่มันอะไรกัน!!

ความมึนชาทำให้ฉันไม่สามารถคิดอะไรออกได้ชั่ววูบหนึ่ง

ทำไมมนุษย์ถึงใช้เวทแห่งซาตานได้อย่างน่ากลัวเช่นนี้ ทำไมถึงทำให้ยมทูตระดับเอสที่มีฝีมือและพลังร้ายกาจระดับต้นๆ ของแดนโลกันตร์กลับพ่ายแพ้อย่างหมดหนทางสู้ได้ เพราะอะไร...

“ไสหัวไปซะ อย่ามายุ่งกับเซร่า!!”

“บางทีนะ... มันควรจะเป็นแกมากกว่าที่จะต้องไสหัวไป...” มิคกี้พูดพลางระบายยิ้มพรายบนใบหน้า... “หรือเพราะว่าเป็นฉัน แกถึงวางใจ”

ฉัวะ!!

ปลายกริชสีดำที่อาบมนตร์ดำแห่งซาตานตวัดใส่ มิคกี้กระโดดวูบเดียวหลบออกมาไกล ปลายแขนเสื้อของเขาขาดเพียงเล็กน้อย

“หึๆๆ ฮ่าๆๆๆ คิดว่าของกระจอกๆ พรรค์นั้นจะมาทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ ดีมอน เอเรียส”

“ห้ามเข้าใกล้เซร่านะ!!” ดีมอนยังคงยืนยันอย่างเดิม มิคกี้มองดูอย่างเหยียดๆ พลางหัวเราะในลำคอก่อนจะหันมาสบตากับฉัน

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง... ในเมื่อ... ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา... ฉันเฝ้ารอผู้หญิงคนนี้มาตลอด...”

ฉัน... กำลังจะเอ่ยปากถามทั้งที่ในหัวสมองยังขาวโพลนไปหมด

“ทำ...ไม...”

“...”

“นายเป็นใครกันแน่”

รอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าของมิคกี้แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนโยนในทันใด เขาก้าวเข้ามาหาฉัน จังหวะเดียวกับที่ดีมอนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ทว่าอยู่ในสภาพโซเซคล้ายคนใกล้จะตายเมทน ไม่ได้นะ... บนโลกที่มีอณูวิญญาณไม่หนาแน่นแบบในแดนโลกันตร์ นายจะสูญเสียพลังไปและยากจะได้กลับคืนนะ...

นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าหากวิญญาณดับสูญที่นี่ล้วนหมดทางจะได้พลังกลับคืนน่ะ...

“ลืมหมดแล้วจริงๆ สินะ...”

“...”

“จริงๆ แล้วฉัน...”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะฮาเซท!!” ก่อนคำพูดของมิคกี้จะหลุดออกมา ดีมอนใช้แรงเฮือกสุดท้ายยันตัวเองลุกขึ้นพลางร้องตะโกนขัดขึ้น

“หึ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน... มีสิทธิ์อะไรมาห้ามโชคชะตา”

โชคชะตา...

พรหมลิขิต...

จริงสิ... ก่อนหน้านี้เขา...

‘เธอเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า’

คำถามนั้น...มีความหมายอะไรแอบแฝงเหรอ

“อย่าไปฟังมันนะเซร่า เชื่อฉันนะ..ฉันสาบานจะใช้ชีวิตนี้เพื่อปกป้องเธอ!! แต่ว่าอย่า...”

“หึ...เธอเลือกได้... เลือกที่จะได้รู้ถึงความจริงในอดีตที่เธอเฝ้าตามหามานาน หรือว่า...จะเชื่อองครักษ์อ่อนแอไร้ฝีมือผู้มีบาปในใจมานานนมอย่างดีมอน เอเรียส...”

ฉันชะงัก

“ก็ตามใจ”

เมื่อมองจากหางตาก็พบว่าดีมอนกำลังกระโจนเข้าหามิคกี้ หมายจะปลิดชีพเขาด้วยกริชปลิดวิญญาณ

ฉันควรจะเชื่อดีมอนใช่มั้ยนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียงหมอนั่นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือฉันมาตลอด เป็นทั้งผู้ช่วยและเพื่อนคนสำคัญ... ที่แม้จะปากไม่ดีหรือกวนประสาท หรืออะไรใดๆ ก็แล้วแต่ แต่ว่า... ฉันไม่เคยปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยสักครั้ง ครั้งนี้ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ลางสังหรณ์ของทุกส่วนในร่างกายฉันร้องบอกว่าทำตามดีมอนคือทางเลือกที่ดีที่สุดของฉัน

ทว่า...

ก่อนที่ร่างของดีมอนจะทันได้เข้าปะทะกับมิคกี้...มือเล็กของฉันก็ยกขึ้นส่งไอสีดำเข้าปกคลุมร่างของยมทูตนัยน์ตาสีเขียว

ส่งให้ร่างนั้นหายวับไปราวกับปาฏิหาริย์...

ถ้าหากปล่อยให้ดีมอนดึงดันต่อไป เขาอาจจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย แค่เพียงมองนัยน์ตาสีดำสนิทของคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกเกร็งจนมือไม้สั่นระริกได้

มิคกี้ยังคงยืนส่งยิ้มน้อยๆ ให้ฉันอยู่ตรงนั้น

วินาทีนั้นไม่มีความลังเลใจใดๆ อีกแล้ว ถึงผลที่ตามมามันจะร้ายแรง โหดร้าย หรือเจ็บปวดมากสักเพียงใดก็ตาม

ฉันก็ยังอยากจะรู้...

“นาย...เป็นใคร...”

ฉันส่งเสียงขึ้นอย่างยากเย็น รู้ทั้งรู้... ทั้งที่รู้อยู่แล้ว...

“ฉัน...คือ....”

ไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่บนริมขอบบ่อน้ำพุในสวนกว๊าง...กว้างของบ้านโซโล่นานเท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่า...ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน ไม่ทันได้ก้าวเข้าไปในบ้านสักก้าว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปในนั้น รู้แค่ว่าหัวใจมันเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ตอนที่มองดูบ้านหลังนี้

เพราะมันทำให้ฉันต้องนึกถึงเจ้าของบ้านด้วย

กี่วัน กี่คืน กี่สัปดาห์ กี่อาทิตย์ กี่เดือนแล้วนะที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ที่ที่ฉันคิดอย่างสนิทใจว่ามันคือ ‘บ้าน’ หลังหนึ่งที่ฉันจะต้องกลับมาทุกวัน จากความตื่นเต้นกลายเป็นความเคยชิน ยมทูตอย่างฉัน... ไม่ถูกต้องเลย ที่ฉันคุ้นเคยกับการมีโซโล่อยู่เคียงข้างทุกวัน ได้ยินเสียงของเขา มองเห็นหน้าเขาทุกวัน มีมือใหญ่ที่อบอุ่นคอยลูบหัวปลอบเวลาฉันฝันร้ายหรือเวลาไฟดับ อาหารอร่อยๆ ฝีมือเขาที่ตั้งใจทำให้ฉันแม้ปากจะบ่นงึมงำนั่นนี่ตลอดเวลา เขาที่เคยกุมมือฉันไว้อย่างแผ่วเบาแล้วจูบเบาๆ เพื่อทำให้แผลหายไวๆ ฉันค่อยๆ ซึมซับความเป็นมนุษย์เข้ามาโดยไม่รู้ตัว จนเกิดเป็นความรู้สึกผูกพัน...

กับเขา... ผู้ที่สอนให้ฉันรู้จักการจูบของมนุษย์...

ผู้ที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งยามอยู่ใกล้...

ผู้ที่มีนัยน์ตาสีฟ้าสดมีประกายวิบวับอยู่ภายใน และมักจะจ้องตรงสบตาอย่างไม่เกรงกลัวอยู่เสมอ...

ผู้ที่มีหัวใจรักมั่นคงให้กับ...ผู้หญิงที่ชื่อคิมมินเฮ...

เขาคือผู้ชายที่ฉันจะต้องมาทำให้แปดเปื้อนด้วยความรัก คำสั่งจากซาตาน คำสั่งที่ดูไม่มีความหมายใด แต่กลับทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง... ทั้งความสุข ความเศร้า เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ รอยยิ้ม และน้ำตา หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่มีในแดนโลกันตร์ ฉันเรียนรู้ได้จากที่นี่... ฉันยังจดจำได้ชัดเจนติดตรึงในความทรงจำ ที่มนุษย์ว่า...จูบแรกคือสิ่งที่จะติดตัวเราไปจนตาย มันคงจะเป็นความจริง...

เพยีงแต่ฉันจะจดจำมันไปตลอดกาล เพราะถึงแม้ตอนนี้ฉันจะอยู่ในฐานะมนุษย์ ก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงอีกอย่างหนึ่งได้...

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (77 รายการ)

www.batorastore.com © 2024