แรงรักพิศวาสร้อน (นางแก้ว)

แรงรักพิศวาสร้อน (นางแก้ว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: แรงรักพิศวาสร้อน
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1

 

ร่างสูงโปร่งบอบบางได้สัดส่วนสวยของอันนา หิ้วกระเป๋าที่วางกับพื้นนำมาวางไว้บนเตียง รูดซิบเปิดเพื่อรื้อของภายในออกมาจัดเก็บให้เข้าที่ ของภายในนั้นเป็นรูปภาพใส่ในกรอบขนาดต่างๆ

มือเรียวขาวของหญิงสาวค่อยๆวางกรอบรูปขนาดสี่คูณแปดซึ่งเป็นรูปวัยเด็กของเธอและครอบครัว รูปเพื่อนสมัยเด็กที่ถ่ายคู่กัน และชายต่างชาติรูปหล่อท่าทางอ่อนโยน อยู่ในช่วงอายุสิบแปดปี ดวงตาสีฟ้า มีรอยยิ้มเปิดเผยจริงใจ เมื่อเธอมองภาพนั้นแล้วจึงจุดยิ้มที่มุมปากด้วยความรู้สึกที่ดีต่อเจ้าของรูป

เสียงเคาะประตูดังสองครั้ง อันนาจึงเดินมาเปิดออกดู จึงเห็นหญิงวัยห้าสิบกลางๆยืนถือถ้วยขนมไว้ในมือ ถามหญิงสาวอย่างเอาใจใส่ว่า

“กำลังทำอะไรหรือนา”

“จัดของค่ะคุณป้า ขนมอะไรคะ” เธอรับถ้วยจากมือของญาติผู้ใหญ่ มองดูในถ้วยและบอกตัวเอง“ปลากริม”

“เคยชอบไม่ใช่หรือลูก ชอบใส่เค็มมากกว่าหวาน”

“ตอนนี้โตแล้วนาไม่ค่อยชอบของหวาน” เธอบอกค่อนข้างเกรงใจญาติผู้ใหญ่คนนี้

“ไม่อ้วนหรอก กำลังสวยแล้ว เล่นกีฬาอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ได้เล่นค่ะ”

“อยู่หออย่างนั้นไม่มีที่ออกกำลังกายล่ะสิ” คนเป็นป้าชวนคุย พลางช่วยอีกฝ่ายจัดของ สังเกตเห็นว่าไม่มีรูปน้องสะใภ้ของตนเองสักรูปเดียว

ความหลังที่หลานสาวยังไม่ลืม การถูกทำร้ายจากมารดา

“ไม่มีเพื่อนสนิทบ้างหรือลูก” คุณกัลยานั่งบนเก้าอี้อ่านหนังสือในห้องของหลานสาว ซึ่งห้องนี้นางจัดด้วยตัวเองทีเดียว “ตอนอยู่ต่างจังหวัดมีอยู่คนหนึ่งสนิทมาก ไม่ได้ติดต่อกันแล้วหรือ”

“เปล่าค่ะ”

“อย่าทำเพียงหน้าที่ให้ผ่านพ้นไปวันๆเท่านั้น วัยอย่างนาควรมีงานสังสรรค์ ไปเที่ยว ไปดูหนัง อย่าเก็บตัวอยู่คนเดียวเลยนะ”

“ค่ะคุณป้า” เธอยังคงพูดน้อย

คุณกัลยานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง อันนาเก็บกระเป๋าใส่ถุงพลาสติก และยัดใส่ไปในกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ซึ่งใช้เก็บของ ชีวิตหอพักจะมีแต่กล่องและกระเป๋าไว้ใส่ของเพื่อไม่ให้รกมาก

หลานสาวเพียงคนเดียวคนนี้อยู่ต่างจังหวัดตามลำพังมาตั้งแต่อายุสิบหกปี เมื่อท่านมารู้ความจริงข้อนี้ท่านตกใจมาก ท่านรีบตามหาเพื่อให้อีกฝ่ายได้กลับมาอยู่ในปกครองอีกครั้ง

สายตาผู้ใหญ่มองที่รูปหนุ่มต่างชาติอีกครั้ง จากนั้นจึงตัดสินใจคุยเรื่องที่นางกลัวว่าจะทำความหนักใจให้หลานสาว

“สนิทกับคนในรูปมากมั้ย”

“แดนนี่ใจดี ใจเย็นมากค่ะ”

“กับแม่ล่ะ”ในที่สุดคุณกัลยาก็เข้าประเด็น ซึ่งหญิงสาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปนิด และปรับคืนได้รวดเร็ว ซึ่งบอกนิสัยให้รู้ว่าเก็บอารมณ์ได้เก่งจนดูเหมือนเย็นชาเสียด้วยซ้ำไป “ไม่คุยกันหรือนา”

“ค่ะ ไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่”

“กลับจากนอกจึงได้รู้ว่านาอยู่ตามลำพัง น้าเล็กน้องสาวของแม่นาบอก ป้าก็อยู่เฉยไม่เป็นเลยทีนี้ คิดว่านาจะอยู่กับน้าเล็ก”

“น้าเล็กมีเรื่องยุ่งๆตลอดนาเกรงใจค่ะ กับแม่นาเคยไปอยู่เมืองนอกด้วย แต่นาไม่อยากอยู่อย่างนั้นนาหนีกลับมาค่ะ”

“ทำไมไม่หาป้านะนา”

“คุณป้ายังอยู่เมืองนอก แล้วนาก็ไม่ได้ติดต่อกับใครอีก นาขอโทษ นาไม่รู้ว่าคุณป้ากลับเมืองไทยหลายปีแล้ว”

“มียัยปลาที่เมืองนอก อยู่ห้าปีก็มาอยู่ที่นี่ บ้านคุณรสเขามาอยู่ก่อน ดีที่มีเพื่อนบ้านที่ดีมาก ปรึกษาเรื่องงานกันได้ มาคิดถึงนา ดีนะที่ตามกันเจอ บ้านพ่อของนาก็ปล่อยให้ฝรั่งเช่าไป นามาอยู่กับป้านี่แหละไม่ต้องกลับไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆอย่างนั้น บ้านป้ายิ่งเหงาๆอยู่ ที่นี่บ้านเราก็มีแต่สาวๆ”

“หนุ่มอย่างคุณลุงก็ยังอยู่นะคะ”

“ใช่จ้ะ มีมือปืนคนเดียวบ้านนี้” คุณกัลยาพูดด้วยท่าทีรื่นเริง อันนายิ้มในสีหน้า พยายามอย่างยิ่งที่จะปรับตัวให้เข้ากับครอบครัวของผู้เป็นป้า ซึ่งเธอรู้ดีว่าท่านรักเธอมาก อารดาผู้เป็นมารดาของหญิงสาวบอกว่าทำงาน และชอบทิ้งเธอ  ส่วนบิดานั้นทำงานเป็นข้าราชการ  ส่วนใหญ่เธอได้รับการดูแลจากป้ากัลหลายปี จนกระทั่งงานของลุงธาราต้องย้ายไปประจำต่างประเทศ เป็นงานที่ป้ากัลยาทำงานอยู่ด้วย จึงตามไป ท่านอยากพาเธอไปแต่เพราะบิดาไม่อนุญาตให้ไปไกลขนาดนั้น

ผู้เป็นป้าเห็นหลานสาวจมในความคิดจึงเอ่ยขึ้นเพื่อดึงอีกฝ่ายกลับมาจากการจมอยู่กับความคิด

“พรุ่งนี้ตื่นตามสบายนะนา อยู่แบบสบายๆจ้ะ”

“ค่ะคุณป้า” เธอรับคำจากนั้นหยิบถ้วยขนมทำท่าจะถือลงไป แต่ผู้เป็นป้ายื่นมือมารับ พลางบอกว่า

“ป้ารักนา รู้ใช่มั้ย”

“นาขอโทษค่ะที่ไม่ติดต่อคุณป้าหลังจากพ่อตาย”

“วันนี้หนูก็มาอยู่กับป้าเหมือนตอนเป็นเด็กแล้วไง อยู่บ้านใหม่ ความทรงจำใหม่ๆจริงมั้ย”

“ค่ะ”เธอพูดน้อย ตามนิสัยคนเก็บตัว คุณกัลยาส่งยิ้มอบอุ่นมาให้หลานสาว

“เดี๋ยวนาไปกับปลา ไปรู้จักเพื่อนบ้านเรานะลูก เราเป็นเด็กไปทำความรู้จักฝากเนื้อฝากตัวกันไว้”

“ค่ะ”

“คุณเสาวรสกับคุณวีรพันธ์เป็นคนดีมาก รู้จักกันมาตั้งแต่ป้ากับลุงตัดสินใจปลูกบ้านกันที่นี่เลย”

“ค่ะคุณป้า” อันนารับคำ

จากนั้นคุณกัลยาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ตามลำพัง

 

บ้านตึกเดี่ยวสองชั้นเป็นการก่อสร้างทรงสวย ทาสีขาวตัดสีโอ๊ค ชื่อบ้านวีรพันธ์ กัมปนาท ในส่วนรอบบริเวณ

บ้านมีการจัดแต่งด้วยการปลูกต้นไม้สูงให้ความร่มรื่นเป็นระยะ ทางซ้ายมือเป็นสวนพักผ่อน มีบ่อปลาด้านข้างสระปูพื้นด้วยเป็นกระเบื้องตัด ทรงกลม ไว้เป็นที่รองรับที่นั่ง เมื่อยามสังสรรค์ ข้างตัวตึก มีกระถางยาง กว้าง ปลูกไม้ดอกตัดแต่งพุ่มสวย ยามกลางคืนมีกลิ่นดอกไม้ส่งกรุ่นหอม

จากหน้าประตูรั้วแสตนเลส มีถนนอัดหินอ่อน มีความแข็งแรง และคงทนมาก ความกว้างสามเมตรทอดยาวคดเคี้ยวจากหน้าประตู ก่อนขยายเป็นลานกว้างเพื่อเลี้ยวเข้าไปจอดยังโรงจอดรถซึ่งทำแยกจากตัวตึกเยื้องไปด้านข้าง ตกแต่งได้สวยงาม ไม่กระด้างต่อสายตา

บ้านกัมปนาทมีรั้วติดกันกับ บ้านธาราทิพย์ ซึ่งเป็นคนรู้จักชอบพอกันมานานหลายปี ดังนั้นคนทั้งสองครอบครัวจึงมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษกว่าบ้านใหญ่หลังอื่น ที่มักจะต่างคนต่างอยู่

ในครอบครัว กัมปนาท  มีคุณวีรพันธ์ ผู้เป็นพ่อ ทำงานเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่  คุณเสาวรสผู้เป็นภรรยาทำงานในสถานที่เดียวกัน ทั้งสองมีบุตรชายสองคน ลูกชายคนโต เรียกเล่นว่า เม่น ชื่อจริงคือ วิธวินท์ ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาบุคลากรของบริษัทการลงทุนระหว่างประเทศเป็นบริษัทที่ใหญ่มากทีเดียว

ยามเย็นถ้ามีเวลาว่างตรงกันสองพี่น้อง จะออกกำลังกาย ด้วยการเล่นบาสเกตบอล เมื่อมีการแข่ง

พวกเขาดูเหมือนเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งบิดาซึ่งนั่งเล่นที่เก้าอี้ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใบ ริมสนามหญ้า ต้องเทใจเชียร์ลูกชายคนเล็กซึ่งอยู่ในวัยรุ่นอายุห่างจากลูกชายคนโตหลายปี

            “อย่าแพ้พี่เม่นเด็ดขาดนะไม้”

            “ครับคุณแม่” ไม้ รับคำ แต่หอบแฮ่ก เพราะพี่ชายไม่เคยอ่อนข้อให้

“โอ๊ย” ไม้อุทานเสียงดังราวกับเจ็บนักหนาหลังจากโดนพี่ชายขว้างบอลใส่กลางศีรษะพอดี

“อะไรว่ะ ไม้ อ่อนชะมัดเลยลูกพ่อ” บิดากระเซ้า

“อย่างไม้เขาเรียกว่าชกข้ามรุ่น เสียเปรียบวันยันค่ำครับ” ไม้แก้ตัว ปาดเหงื่อแล้วเขาป้องกัน และแย่งชิงลูกบาสพี่ชายใหม่

“เอ้าไม้ เหลืออีกสองแต้มก็แพ้ครบสิบลูกแล้วนะ”

“แม่ นับทวีคูณหรือเปล่าครับ”หนุ่มวัยรุ่นหันไปเย้ามารดา

“อย่าวอกแวกสิไอ้น้องชาย” คนเป็นพี่เตือน ตบบอลเล่นรอบตัว ทำท่าหยอกยั่วน้องชาย ซึ่งถลันรับว่องไว

สองพี่น้องออกแรงกันอย่างเอาจริงเอาจัง เด็กในบ้านซึ่งว่างงาน ต่างพากันมานั่งดูและแอบต่อรอง อาทิตย์นี้คุณไม้ จะแพ้เท่าไหร่

 หากแล้วดวงตายาวรี หากคมกริบของวีรดนธ์พลันเหลือบไปเห็นเด็กสาวหน้าใส บ้านข้างเคียงชื่อปาริสา กำลังขี่รถจักรยาน โดยมีสาวสวยรุ่นพี่ ไม่คุ้นหน้าซ้อนท้ายมาด้วย แต่ทุกครั้งที่เด็กรุ่นหนุ่มเห็นปาริสา เขาจะเกิดอาการใจหล่นทุกทีไป

“น้องปลา” วีรดนธ์หยุดโดยทันที วิธวินท์จึงปาบอลใส่หัวน้องชายโดยแรงอีกครั้ง

            “อะไรของเอ็งนักหนาวะไม้” วิธวินท์ว่าน้องไม่ขาดคำ ก็สะดุดกึก เมื่อเห็นหญิงสาวสวย รูปร่างดี ผิวขาวลออตานั่งซ้อนท้ายมาด้วย ชายหนุ่มเดินไปคว้าผ้าเช็ดหน้าซึ่งวางไว้บนเก้าอี้ว่าง ส่วนวีรดนธ์ฉวยหยิบผ้าซึ่งวางไว้ใกล้ซับเหงื่อพลางก้าวเดินแต่พี่ชายล็อกคอเอาไว้ก่อน พลางกระซิบถามเสียงเบา

            “ใครวะไม้” น้องชายทำเป็นไม่ได้ยินคำถามของพี่ชาย แต่ผละไปที่หญิงทั้งสอง

            เด็กรุ่นสาวยิ้มให้หนุ่มรุ่นกระทง แล้วค่อยจอดจักรยาน อันนาหย่อนเท้าลงจากรถ ยิ้มเป็นการทักหนุ่มน้อย จากนั้นแลเลยไปที่ร่างสูงของแม่น ซึ่งเดินตามน้องชายเข้ามา ปาริสาทักหนุ่มหล่อจัด พร้อมกับยกมือไหว้ ส่งรอยยิ้มแจ่มใสไปให้

            “พี่เม่นสวัสดีค่ะ”

            “ดีจ้ะน้องปลา พาพี่สาวมาทานข้าวเย็นที่นี่หรือเปล่าจะได้บอกคุณแม่ไว้” ชายหนุ่มเอ่ยกับเด็กสาว แต่สานสบตาหวานหยดมาที่หญิงสาวอย่างไม่วางตา ใบหน้าเรียวรูปไข่หน้าผากกว้างได้รูปสวยคิ้วเรียวยาวดำสนิทไร้การแต่งเติมขนตาขณะกระพริบมองเห็นชัดว่าเป็นแพหน้าสองสามชั้นไม่ใช่ขนตาปลอม ดวงตากลมโตดูหวานแฝงแววเศร้าแปลกๆ จมูกโด่งอันเล็กแต่ริมฝีปากเต็มอิ่มสวย แม้ไม่ใช่คนช่างยิ้มแต่ใบหน้าเธอเหมือนยิ้มในที

เธอสูงกำลังดี มีผิวขาวอมชมพูระเรื่อทำให้หัวใจหนุ่มร่างสูงเนื้อหนั่นตึงเปรี๊ยะอย่างวิธวินท์รู้สึกหัวใจละลายไหลไปอยู่ใกล้หญิงสาวได้อย่างง่ายดาย เธอสวยไม่ทันสมัย แต่สวยสะดุดตาตามธรรมชาติอย่างน่ามอง ยิ่งมองยิ่งสวย

อันนานบนิ้วไหว้ตามอาวุโส ก่อนเอ่ยว่า

            “คุณป้าให้น้องปลาพามาไหว้คุณป้าค่ะ”

            “คุณแม่นั่งที่ริมสนามนั่นแน่ะ มาพี่พาไป ให้พี่เรียกว่าอะไรครับ” วิธวินท์ตีสนิท อันนาเดินระยะห่างพอควร ตอบเสียงอ่อนมีมารยาท

            “เรียกนาก็ได้”

            “พี่เม่นครับ”

            สองหนุ่มสาวรุ่นพี่เดินไปข้างหน้า  เด็กรุ่นหนุ่มรีบเข้าไปเดินใกล้เด็กสาว ใกล้มากกระทั่งปาริสาผลักอีกฝ่ายให้เดินห่างอีกหน่อย วีรดนธ์ทำเสียงโหย

            “ผลัก มีผลักแน่ะ”

            “พี่ไม้เดินชนปลานี่คะ” เด็กสาวต่อว่าอย่างแสนงอน หากเด็กรุ่นก็พอใจต่อกิริยาซึ่งเขามองว่าน่ารักนักหนา

            “ไม่เคยได้ยินปลาบอกว่ามีพี่สาว”

            “คุณแม่เพิ่งเรียกตัวให้เข้ามาอยู่ด้วยกันค่ะ”

            “อ้าวไหงงั้นล่ะ ตอนแรกพี่นาอยู่ไหน”

            “ปลาไม่รู้ค่ะพี่ไม้” เด็กสาวไม่รู้จริงตามที่บอกอีกฝ่าย

 ชีวิตของอันนาสลับซับซ้อน อย่างที่คนภายนอกยากจะเข้าใจ

            คุณวีรพันธ์ คุณเสาวรสรับไหว้หญิงสาวแสนสวย ปาริสาเป็นฝ่ายแนะนำ

            “พี่อันนาเป็นหลานคุณแม่ค่ะคุณลุงคุณป้า ท่านบอกให้มาทำความรู้จัก”

            “จ้ะดีนั่งตามสบายนะลูก บ้านใกล้เรือนเคียง” คุณเสาวรสออกปาก ชอบกับหน้าตาสะสวยของหญิงสาว และดูกิริยาค่อนข้างเรียบร้อย “อันนามาเรียนหรือลูก”

            วิธวินท์ยกเก้าอี้เลื่อนให้หญิงสาวนั่ง ส่วนวีรดนธ์ทำหน้าที่ยกเก้าอี้ให้ปาริสานั่ง คุณวีรพันธ์แอบมองสุภาพบุรุษทั้งสองของตัวเองด้วยความชอบใจ ลูกชายสนใจผู้หญิงบิดาย่อมภูมิใจ

            อันนานั่งเก้าอี้เรียบร้อย วิธวินท์ถามอีกฝ่ายอย่างเอาใจ

            “ดื่มอะไรดี อย่าบอกว่าน้ำเปล่าล่ะครับ เพราะที่นี่คือร้านสะดวกซื้อขนาดย่อมของคุณแม่” ท้ายประโยคเอาใจมารดา ซึ่งชอบคั้นน้ำผลไม้สดให้สมาชิกในครอบครัวได้รับประทานเพื่อสุขภาพ

            “มีทั้งน้ำผักและผลไม้ ซึ่งคุณแม่คั้นเองไม่ได้เอามาผสมขาย รับรองความอร่อยครับ” วิธวินท์สาธยายให้สาวสวยสะดุดใจได้รับฟัง ปาริสายืนยันเสียงใส

            “น้ำฝรั่งอร่อยค่ะพี่นา” อันนาจึงหันไปบอกชายหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งทอดสายตามองเธอด้วยประกายตาหวานระยับทีเดียว หากแต่หญิงสาวกลับไม่หวั่นไหวบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบ

“นาขอน้ำฝรั่งค่ะ”พยักหน้าไปให้น้องสาว จากนั้นคุณเสาวรสจึงเรียกเด็กรับใช้วัยสามสิบเข้ามาสั่งเครื่องดื่มให้กับทุกคน

            ระหว่างรอน้ำผลไม้มาเสิร์ฟ อันนาบอกเล่าเรื่องของตัวเองคร่าวๆ เท่านั้นดูเหมือนเธอไม่ช่างพูดเอาเสียเลย

            “นาพึ่งย้ายมาอยู่กับคุณป้า”

            “เรียกป้ารสก็ได้ลูก นั่นลุงหมอก แล้วนั่นพี่เม่นลูกชายคนโต” อันนายกมือไหว้อีกฝ่ายอีกครั้ง คุณเสาวรสชอบใจ เพราะท่านชอบมารยาทไทยมากกว่าไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ใช้วิธีโบกมือเป็นการทักทายแทนการไหว้ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดีงามอย่างเทียบกันไม่ได้กับแค่ยกมือข้างเดียวโบกสะบัด

            “หวัดดีอีกครั้งค่ะคุณลุง พี่เม่น” สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล คุณเสาวรสชื่นชมในใจ

            “คุณแม่ถามค้างไว้ว่า นามาเรียนหรือว่ามาทำงานครับ” วิธวินท์ถามเรื่องที่เขาอยากรู้มากกว่า

            “นาได้งานแล้ว”

            “อ้าว แล้ว อ้อจ้ะ ช่างมันเถอะยังไงนาก็ย้ายมาอยู่กับคุณป้าแล้วนี่นะ” คุณเสาวรสตัดบท ไม่ถามต่อไปว่าทำไมจึงเพิ่งมาบ้านคุณป้า ซึ่งทั้งสองครอบครัวอยู่ที่นี่มานานกันแล้ว การไม่โดนถามเรื่องส่วนตัวมาก ทำให้อันนาจะพอใจมาก         เด็กรับใช้นำน้ำผลไม้มาเสิร์ฟ  วิธวินท์ยื่นส่งให้แขกผู้มาเยือนก่อนตามมารยาทเจ้าของบ้าน จากนั้นจึงยกให้มารดา ซึ่งรับไปจิบ อันนาดื่มไปอึกหนึ่งลิ้มรสแล้วกล่าวชม

            “อร่อยจริงด้วยค่ะ”

            “นาชอบน้ำผลไม้อะไร คั้นเป็นมั้ย”

            “พอเป็นค่ะ แต่ไม่อร่อยเท่านี้” คำหยอดท้ายทำให้คุณเสารสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คุณวีรพันธ์ชวนอีกฝ่าย

            “ว่างๆก็มาช่วยกันทำอาหารกับป้าเขาสินา  เราสองบ้านมีกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆ”

            “นาคงต้องเป็นผู้ช่วยคุณป้าไปก่อนค่ะ เอ่อนากลับก่อนนะคะ”

            “ทำไมรีบกลับล่ะ” วิธวินท์หลุดปากถามออกมา หน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเป็นพวก ก้นร้อน มาไวไปไว หญิงสาวผู้มีความสวยทุกส่วนอย่างไร้ที่ติยิ้มในสีหน้า บอกกับชายหนุ่มที่หล่อจนดาราหลายคนต้องไปยืนข้างหลังให้

            “นาจะไปช่วยคุณป้าทำกับข้าวค่ะ ท่านสั่งไว้”

            “มีวิชาการเรือนติดตัวไว้ดีแล้วลูก วันอาทิตย์นี้ถ้าว่างก็มาช่วยป้าทำขนมบ้างนะขนมไทย ๆ”

            “แล้วนาจะขออนุญาตมาเรียนนะคะ”

            “จ้า” คุณเสาวรสยิ้มรับ

            อันนาส่งยิ้มให้กับทุกคน จากนั้นไหว้ลาตามมารยาท สองหนุ่มต่างคนต่างมองตามหญิงที่ตนถูกชะตา วีรดนธ์ทำท่าจะลุกตามปาริสา แต่มารดายุดแขนเอาไว้ พลางเย้า

            “เย็นไว้พ่อหนุ่ม จะออกนอกหน้าไปไหนกันนี่”

            “โธ่คุณแม่ น้องปลาเพิ่งกลับจากซัมเมอร์นะครับ”

            ชายผู้พี่ยีผมน้องชายเป็นการยั่ว จากนั้นเสียงหัวเราะดังตามหลังสองสาวลูกพี่ลูกน้อง อันนาหันกลับไปมอง เสียงหัวเราะร่วนของผู้ชาย เธอจึงเห็นภาพการหยอกเย้าของสองพี่น้อง เธอรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก จึงพูดกับปาริสา

            “ดูพวกเขามีความสุขจังเลยนะปลา”

            “ค่ะ ตอนแรกที่ปลากลับมาอยู่บ้าน ปลายังตกใจที่พี่ไม้เขาทำสนิทสนมกับปลาอย่างเร็วเลยค่ะ”

“ไม้ดูเป็นเด็กดี”

“เรียนเก่งค่ะ แต่สู้อีกคนไม่ได้”ปาริสาพาดพิงไปถึงอีกคน ซึ่งอันนาอดถามไม่ได้

“พี่เม่นทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ได้หมายถึงคนแก่ขนาดนั้นสักหน่อย” กล่าวแล้วสองพี่น้องต่างหัวเราะประสานกันออกมาเบาๆ ปาริสาช่างพูดคุยมากกว่าอันนาซึ่งมักจะรับฟังมากกว่าจะเปิดประเด็นการคุย

“พี่ไม้เขาดูไงไม่รู้นะ”

“ไม้ดูดีนะ ท่าทางชอบปลา”

“แต่เขาดูเด็กๆ”ปาริสาพ้อไปที่เด็กรุ่นหนุ่มที่โตตามวัยเพียงแต่เด็กหญิงคิดต่างออกไปเท่านั้นเอง

อันนาเหลือบสายตามองบ้านหลังใหญ่ของวิธวินท์อีกครั้งหนึ่ง พลางย้อนกลับมาคิดถึงตนเอง

ชีวิตใหม่โดยลืมเรื่องร้ายในอดีตให้หมดเลยหรือ…ถ้าลืมได้ เธอคงทำหน้าที่ลูกด้วยความเต็มใจกว่าที่ผ่านมา คนที่บ้านพ่อไม่โทษแม่ที่หนีครอบครัวไปแต่งงานใหม่ ไม่โทษพ่อที่คิดสั้น

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเข้าใจทำไมอันนาจึงเป็นคนเก็บตัว เวลานี้ป้าที่เคยได้ดูแลเธอมาตั้งแต่เยาว์วัยได้เข้ามาดูแลเธออีกครั้ง ป้าทำท่าเหมือนเข้าใจว่าเธอต้องการความอบอุ่น ป้าเข้าใจเธอจริงๆหรือเปล่า ป้ากัลยาของเธอจะรู้หรือเปล่าว่า ในเวลาที่ผ่านมาเธอกลัวความความรุนแรงอย่างจับใจ

 

บ้านสองหนุ่มมีการนั่งสนทนาหลังอาหาร พวกเขาหยิบยกเรื่องของอันนามาเป็นหัวข้อสนทนาด้วยความสนใจ โดยคุณวีรพันธ์ตั้งข้อสังเกตว่า

“คุณกัลยาเคยบอกว่ามีน้องชาย สงสัยจะเป็นลูกของน้องชาย”

“อันนาดูเงียบๆ ไม่ย้อมสีผมอย่างนี้บอกนิสัยนะได้เลยนะ”

“เป็นไงครับแม่” วิธวินท์ให้ความสนใจด้วยความอยากรู้เป็นพิเศษ ทั้งที่ก่อนนี้เขาพอใจที่เห็นผู้หญิงบางคนมีผมสีต่างๆกันและแต่ละคนก็ทำทรงเข้ากับบุคลิกตัว เขาคิดว่าสาวสมัยนี้สวยแทบทุกคน แต่ก็จริงของมารดาที่ว่า อันนาออกแปลกที่ไว้ผมยาวดำเป็นเงา

“แสดงว่าอันนาไม่ค่อยให้ความสนใจกับคนรอบข้างน่ะสิ ปล่อยผมยาว ไม่ติดกิ๊บติดโบว์ท่าทางจะมีโลกส่วนตัวไม่น้อยเลย”

“อันนามีเค้าหน้าคุณกัลยา สงสัยจะเหมือนพ่อ”

“สมัยก่อนเขาถือว่า ถ้าผู้หญิงเหมือนแม่จะอาภัพ”คุณวีรพันธ์ พาดพิงถึงความเชื่อของคนสมัยก่อน วิธวินท์หัวเราะในลำคอพลางต่อความกับบิดาว่า

“ถ้าผมเป็นผู้หญิงและสวยมาก เม่นยอมอาภัพเลยครับคุณพ่อ”

“นั่นสิ พวกแกเหมือนพ่อทั้งคู่ ไม่เห็นอาภัพตรงไหนนี่” คุณเสาวรสเย้าสองลูกชายคนดีของนาง “คุณพ่อตามใจยังกับอะไร”

“แต่หนุ่มๆของเราก็เป็นเด็กดีนะคุณ ถึงเจ้าเม่นจะเอาแต่ใจเกินพ่อแม่ไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เสียคน”

“ให้รับราชการก็ดื้อซะ” คุณแม่จิกลูกชายคนโต ซึ่งยิ้มกว้าง ดื้อตาใส หนุ่มน้อยของบ้านกล่าวแก้แทนพี่ชายว่า

“พี่เม่นเป็นผู้จัดการบริษัทฝรั่งก็โก้ดีครับ”

“เป็นหนุ่มแล้วยังติดพี่แจอย่างนี้ไม่เอาไหน” มารดาต่อว่าลูกในดวงใจ

วิธวินท์รั้งคอน้องชายเข้าไปใกล้แล้วให้ดมรักแร้ของเขาทำให้วีรดนธ์ดิ้นรนบ่นอู้ ทั้งที่พี่ชายไม่มีกลิ่นตัวแรงสักนิด

“โอ๊ย เก็บเต่าไว้เป็นฝูงเลยมั้งเนี่ย”

“มันเดินเข้าจมูกแกไปแล้วไม้”

ผู้ให้กำเนิดมองความสนิทสนมของสองพี่น้องด้วยความเอื้อเอ็นดู ทั้งสองสนิทกันมาก หากแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อวิธวินท์ขึ้นห้องนอนไปแล้ว เขาทิ้งกายลงบนเตียงนุ่ม พลางคิดถึงสาวสวยที่เข้ามาทำความรู้จักในวันนี้

อันนาสะดุดใจของเขาทันทีที่มองเธอตั้งแต่ครั้งแรก เมื่อแอบคิดถึงคนที่ดูเหมือนไม่มีที่ติ ทำให้ตั้งคำถามกับตัวเอง สวยขนาดนั้น มีคนข้างกายแล้วหรือยัง ส่วนเขาไม่เคยรู้สึกว่าได้รักหญิงสาวคนไหนสักคนเดียว

“หัวใจว่างรับพี่สักคนนะอันนา”

วิธวินท์พึมพำตามลำพังด้วยความที่ติดตาตรึงใจกับหญิงสาวที่พบกันครั้งแรก ชายหนุ่มผู้ไม่เคยปล่อยหัวใจให้รู้สึกผูกพันหรือไปสะดุดรักกับใคร

เพราะเขาบอกกับตัวเองเสมอว่าถ้าไม่รักใครเขาคงกอดไม่ลง หากแต่เวลานี้ เพียงได้พบกันครั้งแรก เขากลับเชื่อเรื่องพรหมลิขิตของอานุภาพ “รักแรกพบ” เข้าเสียแล้ว

รายละเอียด

คำโปรยปก

 

อันนาเติบโตมาตามลำพัง แม้จะมีมารดาที่อยากดูแลหากเธอและมารดาเข้ากันไม่ได้เลย แม้จะมีพี่เลี้ยงที่เข้าใจหญิงสาวและรักเธอในฉันคนรัก หากแต่อันนากลับให้ความรักตอบแทนได้แค่พี่ชาย กระทั่งหัวใจของหญิงสาวมาพบรักแท้กับชายหนุ่มที่มีความรักเฉกเช่นเดียวกับเธอ ความรักที่ร้อนตามประสาวัยหนุ่มสาว มีความรักใคร่เสน่หาติดตามให้วิธวินท์ถวิลหาใคร่ครอบครอง 

ความรักใสๆของวัยหนุ่มสาวที่ต้องเผชิญอุปสรรคกับเรื่องราวของคนรอบกาย พวกเขาจะแอบไปหวานกันได้อย่างไร

นิยายรักหวาน ใส สไตล์นางแก้ว

 

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (77 รายการ)

www.batorastore.com © 2024