มนตร์มธุรส

มนตร์มธุรส

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160009602
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 350.00 บาท 87.50 บาท
ประหยัด: 262.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

รถไฟขบวนสุดท้าย

 

มธุรินหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับใบหน้า จ้องตาตัวเองใน

กระจกเงาอย่างเศร้าสร้อย ถอนใจเฮือกก่อนจะเดินคอตกออกจากห้องน้ำ

นั่งซึมกะทืออยู่บนเตียงได้ครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนกลุ่มหนึ่งเดินผ่าน

หน้าห้อง มีเสียงพูดคุยสอดแทรกคล้ายมีเรื่องวุ่นวายบางอย่างเกิดขึ้น แต่

ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับห้องพักเธอ หญิงสาวจึงเฉย

                ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของใคร ผ่านไปราวครึ่ง

ชั่วโมงเหตุการณ์ด้านนอกน่าจะสงบลงแล้วเพราะเสียงต่างๆ เงียบหายไป

หญิงสาวนอนมองเพดานอย่างเลื่อนลอย อึดใจต่อมาเสียงเรียกเข้า

โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอหยิบเครื่องมือสื่อสารมาดู เป็นสายจากภาคภูมิ

สถาปนิกหนุ่มหล่อวัยสามสิบหก ทายาทคนโตของสิรินทร์ กรุ๊ป บริษัท

ออกแบบก่อสร้างและตกแต่งภายในครบวงจร เข้าตำรารูปหล่อพ่อรวย

ผู้ชายสำเร็จรูปที่อยู่ในฝันของสาวๆ ทุกคน แต่ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายในชีวิต

จริงของเธอ

มธุรินเม้มปากนิดหนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงคะพี่ภูมิ”

“มิ้มนอนหรือยัง พี่โทร. มากวนหรือเปล่า”

“ยังค่ะ แปลกที่มั้งคะเลยไม่ค่อยง่วง พี่ภูมิมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“พี่อยากเจอมิ้ม...คืนนี้”

เธอมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ อีกสิบนาทีจะเที่ยงคืน

“เอ่อ...ไม่ดึกไปหน่อยเหรอคะ” หญิงสาวพยายามบ่ายเบี่ยง การ

ที่ผู้หญิงจะเปิดรับผู้ชายเข้าห้องในเวลาดึกๆ ดื่นๆ นั้นไม่งาม ถึงภาคภูมิ

จะสุภาพ ไม่เคยทำเจ้าชู้ใส่เธอก็เถอะ แต่ถ้าเธอยอมเปิดประตูรับเขากลางดึก

เขาอาจคิดว่าเธอ ‘ง่าย’ ก็ได้

มลวิภาสอนเสมอว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว อย่าง่ายกับใคร

เดี๋ยวราคาจะตก และเธอก็เชื่อถึงได้โสดมาจนอายุสามสิบเอ็ดนี่อย่างไรล่ะ!

“พี่อยู่หน้าห้องแล้ว จะเปิดประตูหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับมิ้มนะ” เขา

 ตอบอย่างเคร่งขรึมแล้วตัดสายไป

หญิงสาวได้แต่อึ้ง รู้ดีว่าไม่มีทางปฏิเสธการเปิดประตูต้อนรับเขาได้

แม้จะรู้จักคบหากันมาเพียงครึ่งปี แต่เธอดูออกว่าภาคภูมิเป็นคนจริงจังกับ

ทุกอย่าง เขาพูดน้อยก็จริง แต่เมื่อเอ่ยออกมาแล้วเขาจะทำตามนั้นอย่าง

แน่วแน่

เธอถอนใจเฮือก ไม่อยากเปิดรับแต่เมื่อไม่อาจปล่อยให้เขาหลุดมือ

ไปได้ด้วยประการทั้งปวง จึงหันไปคว้าเสื้อคลุมเนื้อดีมาสวมทับชุดนอนแล้ว

เดินไปหยุดอยู่หน้าประตู สูดลมหายใจเข้าปอดลึก คลี่ยิ้มหวานขณะเปิด

ประตูต้อนรับแขกยามวิกาล

สิ่งแรกที่เห็นคือกุหลาบแดงช่อใหญ่ ก่อนคนถือจะลดช่อดอกไม้ลง

เผยให้เห็นใบหน้าคมคายพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานที่เธอแทบไม่เคยเห็น

หญิงสาวนิ่ง มองหน้าเขาสลับกับดอกไม้ ในคืนวาเลนไทน์ผู้ชาย

ในฝันของสาวๆ มายืนถือกุหลาบแดงช่อใหญ่อยู่ตรงหน้า เธอควรมีปฏิกิริยา

อย่างไรนะ...คิดสิคิด เธอคิดไม่ออก เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลย

ปรึกษาใครไม่ได้ด้วย...อายเขา เธอให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าอยู่มาจนปูนนี้

เอ๊ย...ป่านนี้แล้วยังไม่เคยมีแฟนสักคน เดี๋ยวหน้าสวยๆ ของเธอไม่มีที่วาง

“มิ้มไม่ชอบดอกไม้หรืองอนที่พี่ไม่มีเวลาให้” เขาถาม รอยยิ้มเลือนไป

มีแววกังวลในดวงตา

มธุรินกะพริบตา คลี่ยิ้มสดใส เอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้ “มิ้มดีใจ

จนพูดไม่ออกน่ะค่ะ ไม่นึกว่าพี่ภูมิจะทำอะไรน่ารักแบบนี้เป็นด้วย”

“แล้วมิ้มชอบหรือเปล่าล่ะ” ภาคภูมิถามยิ้มๆ มองใบหน้าเนียนใส

ไร้เครื่องสำอางของหญิงสาวด้วยความพึงพอใจ เวลาไม่แต่งหน้ามธุริน

ดูเด็กกว่าอายุจริงหลายปี หรือแม้ตอนแต่งหน้าผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ บางคน

ยังดูแก่กว่าเธอเสียอีก ความคิดนั้นทำให้เขาภาคภูมิใจ

“มีผู้หญิงที่ไม่ชอบดอกไม้ด้วยเหรอคะ” เธอก้มลงสูดกลิ่นหอม

รวยรินของราชินีแห่งมวลดอกไม้เพื่อเอาใจคนให้

เขายิ้ม “แทนคำขอโทษที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้มิ้มเลย”

มธุรินยิ้มประจบ คิดว่าเขาคงดื่มมาแน่เลย คืนนี้นัยน์ตาถึงได้เชื่อม

กว่าทุกที “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มิ้มเข้าใจว่าพี่ภูมิงานยุ่ง ดึกแล้วยังอุตส่าห์

แวะมาหา ลำบากน่าดูเลย มิ้มว่าพี่ภูมิรีบกลับไปพักดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมา

รับมิ้มแต่เช้าก็ได้”

เขามองเธอนิ่งๆ ยันมือไว้ที่ประตู สายตาคู่นั้นบอกความหมาย

ชัดแจ้ง “บ้านพักพี่อยู่นอกเมือง ไหนๆ พรุ่งนี้ก็ต้องมารับมิ้มแต่เช้า คืนนี้...

 พี่ขอค้างด้วยได้ไหม”

หญิงสาวอ้าปากค้าง ทำหน้าไม่ถูก คำปฏิเสธแล่นมาจุกที่ลำคอ

แต่ไม่ยอมหลุดออกจากปาก

“ได้หรือเปล่า”

ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาหา จมูกโด่งชนแก้มนุ่มเบาๆ มธุรินรีบเอียง

หลบ ยกมือปัดป้องแต่ไม่รุนแรงนัก เขาชะงัก มองเธออย่างค้นหา

“ทำไม หรือมิ้มรังเกียจพี่”

มธุรินเม้มปากแน่น ถามตัวเองว่ารังเกียจเขาไหม...คงไม่หรอก

ไม่อย่างนั้นเธอจะรับหมั้นทำไม แต่ที่ไม่ยอมง่ายๆ เพราะแม่กับน้าสอนมาดี

มากกว่า

“มิ้มไม่อยากทำให้แม่เสียใจค่ะ” เธอเล่นบทลูกกตัญญูแบบนี้ เขา

น่าจะเห็นใจกันบ้างนะ

“แต่พี่ว่ามิ้มยังไม่มั่นใจในตัวพี่ต่างหาก”

เขาเบรกจนเธอหัวทิ่ม...ไม่มั่นใจอย่างนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร

เธอเลือกเขาแล้ว จะแต่งงานกันอีกเดือนสองเดือนนี่เอง ยังมีอะไรที่เธอ

ไม่มั่นใจอีกล่ะ นอกจาก...

                “มิ้ม” เขาขัดจังหวะความคิดเธอ ทวงคำตอบด้วยสายตาจริงจัง

คนอย่างภาคภูมิไม่เคยทำอะไรเล่นๆ ถ้าเขาเอ่ยปากแปลว่าต้องได้ตามนั้น

 หญิงสาวกะพริบตา เรียกสติกลับมา “มิ้มมั่นใจในตัวพี่ภูมิค่ะ

แต่ว่า...”

“ถ้ามั่นใจก็ไม่มีคำว่าแต่” เขาตัดบทอย่างคนที่เป็นผู้นำและได้

ทุกอย่างดั่งใจมาตลอด รวบเอวบางเข้ามากอด แต่ก็ทำอะไรได้ไม่ถนัด

เพราะมีช่อดอกไม้ขวางกั้น

มธุรินตกใจ ขืนตัวไว้ ร้องปรามน้ำเสียงตื่น “พี่ภูมิคะ เดี๋ยวใครเห็น”

“งั้นก็เข้าห้อง” เขาตอบง่ายๆ

หญิงสาวตื่นตระหนก ละมือจากช่อดอกไม้ไปคว้ากรอบประตูห้อง

เอาไว้แน่น พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรที่กำลังจะเสียตัว เอ๊ย...

จี๋จ๋ากับคู่หมั้นเป็นครั้งแรก มลวิภาบอกว่าอย่าง่าย ถึงจะตกลงเรื่องค่าตัว

เอ๊ย...สินสอดไว้แล้วก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้ ถ้าเขา ‘ทดลอง’ แล้วไม่ชอบ

ขอคืนสินค้าขึ้นมา ทั้งแม่ทั้งน้าก็ด่าเธอยับน่ะสิ ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงอย่างยิ่ง!

ชายหนุ่มชะงัก สบตาคนในอ้อมแขนด้วยแววตาที่เหมือนมีเครื่อง-

หมายคำถามอยู่ในนั้น

เธอยิ้ม ทำท่าเอียงอาย เมื่อปฏิเสธโต้งๆ ไม่ได้ก็ต้องเล่นลูกไม้กัน

เล็กน้อย “มิ้ม...มิ้มกลัวค่ะ”

“อยู่กับพี่มีอะไรต้องกลัว” ภาคภูมิว่าพลางฉวยช่อดอกไม้มาแล้ว

โยนเข้าไปในห้อง ก่อนจะแกะมือเธอออกจากกรอบประตู จากนั้นก็รวบเอว

บางเข้าไปด้านในอย่างไม่ยากเย็นนัก

หญิงสาวขบริมฝีปาก หลับหูหลับตาคว้าที่จับประตูไว้มั่น พร้อมจะ

เปิดทุกเมื่อหากเขารุกหนักกว่านี้

‘แม่จ๋า...ลูกสาวแม่กำลังจะถูกคู่หมั้นจับกินแล้วนะ แม่อยู่ไหนมาช่วย

มิ้มที โฮ...’

ภาคภูมิทำหน้านิ่วเมื่อเห็นท่าทีหญิงสาว เขาไม่อยากเชื่อว่าสาวสวย

รวยเสน่ห์อย่างมธุรินจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้ถึงสามสิบเอ็ดปี แต่เรื่องนั้น

ไม่ใช่สาระสำคัญ นี่คือเพชรแท้ราคาสูงลิ่วที่เขาคัดเลือกมาแล้วเป็นอย่างดี

ต่อให้เธอมีตำหนิบ้างเขาก็ไม่ใส่ใจ แต่ถ้าหญิงสาวกลัวลนลานขนาดนี้ก็อาจ เ

ป็นเพชรไร้ตำหนิจริงๆ ก็ได้

ดี...คืนนี้เขาจะพิสูจน์!

ชายหนุ่มปล่อยร่างบางลง กอดหญิงสาวไว้แนบอก จมูกโด่งกดลง

 กลางหน้าผากมนแล้วปลอบเสียงนุ่ม “ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำร้ายมิ้มหรอก

เชื่อพี่นะคนดี”

เสียงนุ่มทุ้มกับสัมผัสปลอบประโลมของเขาไม่ได้ทำให้เธอคลาย

ความตื่นกลัวลงเลย พอริมฝีปากหยักเคลื่อนต่ำลงมาที่ใบหู มธุรินก็สะดุ้ง

ผลักอกเขาสุดแรง ภาคภูมิเสียหลักไปชนประตูเสียงดัง

ชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านนอกชะงัก เหลือบมองประตูห้องพักที่เกิด

เสียงเมื่อครู่ด้วยความสงสัย เขาเพิ่งส่งแขกที่มีอาการไส้ติ่งอักเสบไป

โรงพยาบาลเมื่อไม่กี่นาทีก่อน และอยู่รอตรวจสอบอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก่อน

จะออกจากห้องพักแขกเป็นคนสุดท้าย พอได้ยินเสียงดังจากห้องที่ตนเดิน

ผ่านจึงหยุดรอ เผื่อแขกต้องการความช่วยเหลือ

 

มธุรินยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาเบิกโต รีบขอโทษขอโพยเป็น

การใหญ่ “มิ้มไม่ได้ตั้งใจนะคะพี่ภูมิ มิ้มขอโทษ เจ็บมากมั้ยคะ”

ภาคภูมิเหลือบตามองคู่หมั้นสาวที่ปากบอกขอโทษแต่กลับหนีไปยืน

เสียไกล “อีกสองเดือนเราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว มิ้มกังวลอะไร หรือกลัวพี่

ไม่รับผิดชอบ”

เธอส่ายหน้า “เปล่าค่ะ มิ้มแค่...ตกใจ พี่ภูมิไม่เคยทำอะไรแบบนี้”

“ไม่เคยทำไม่ได้แปลว่าไม่อยากทำ ที่พี่ไม่ทำเพราะพี่ไม่มีโอกาส

พี่ไม่ค่อยมีเวลามิ้มก็รู้ มิ้มอยู่กรุงเทพฯ พี่ขึ้นเหนือล่องใต้แทบทั้งปี คราวนี้

พี่รีบเคลียร์งานเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับมิ้มให้เต็มที่ เราหมั้นกันแล้วนะ พี่เลือก

มิ้ม มิ้มก็ตกลงแล้ว แปลว่ายินดีจะใช้ชีวิตร่วมกัน คู่อื่นเขาก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น

บางคนไม่มีแหวนหมั้นอย่างมิ้มด้วยซ้ำ แล้วผู้ชายอย่างพี่มันเชื่อถือไม่ได้

เลยหรือไง มิ้มถึงทำท่ารังเกียจกันขนาดนี้”

ภาคภูมิรู้สึกหงุดหงิดเพราะคนอย่างเขาวางแผนอะไรไว้แล้วไม่เคย

พลาดเป้า เขาจะมุ่งมั่นไปให้ถึงจนได้ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในมุมมองของเขา

เซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหมือนการกินข้าว เขาไม่สนว่าคนที่แต่งงาน

ด้วยจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี เมื่อเขาเลือกมธุรินก็แปลว่าเขายินดี

ยอมรับทุกอย่างที่เธอเป็น เมื่อหมั้นกันแล้วเธอก็เป็นสมบัติเขา วันนี้เขา

ต้องการเธอ เขาก็ต้องได้ เขามีสิทธิ์ที่จะครอบครองคู่หมั้นตัวเอง

“มิ้มแค่...ตื่นเต้นมากไปหน่อยน่ะค่ะ” หญิงสาวแก้ตัวเสียงอ่อย

พลางถอยหลังไปจนชนบาร์เครื่องดื่ม

เขาพูดถึงขนาดนี้จะให้เธอทำเป็นไม่เข้าใจสังคมยุคใหม่ก็ไม่ได้ ต้อง

ยอมรับว่าปัจจุบันมีคู่รักที่อยู่กันก่อนแต่งงานเยอะแยะ แม้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

แต่ก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย และมีคนส่วนหนึ่งยอมรับได้ คนส่วนนั้นมักเรียก

ตัวเองว่า ‘คนยุคใหม่’

เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคนยุคไหน ถ้าใช้มุมมองจากเรื่องนี้ตัดสิน

แต่ที่แน่ๆ เธอยังไม่พร้อมจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับภาคภูมิ อย่างน้อย

ก็ไม่พร้อมจนกว่าจะถึงวันแต่งงานนั่นแหละ อย่าถามเลยว่าติดขัดอะไร

ตอนนี้คิดไม่ออก เอาเวลาไปคิดหาทางรอดก่อนดีกว่า

“พี่จะทำให้มิ้มหายตื่นเต้นเอง” เขาเอ่ยอย่างมุ่งมั่น พลางย่างสามขุม

ไปหาเธอ พอจะคว้าร่างบางเข้ามากอด หญิงสาวก็ก้มตัว ลอดใต้แขน

ชายหนุ่มไปยืนติดประตูห้อง

“มิ้มต้องการเวลาค่ะ” เธอบอกเสียงสั่น ปั้นยิ้มแต่ดูเหมือนเธอจะ

ร้องไห้มากกว่า เธอไม่ได้รังเกียจนะ แค่ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง

“พี่มีเวลาน้อย มิ้มก็รู้ เห็นใจพี่บ้างสิ” เขาวอนด้วยสุ้มเสียงนุ่มนวล

ตรงไปคว้าไหล่มนแล้วดึงเธอเข้ามากอดไว้ เชื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้

หญิงสาวคลายความตื่นกลัวลงได้ในที่สุด

มธุรินหลับตาปี๋ ไม่รู้จะหนีไปทางไหน ปฏิเสธแฟนน่ะไม่ใช่ปัญหา

แต่ปฏิเสธคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกันอีกเดือนสองเดือนนี้ก็น่าคิด เขาไม่มี

อะไรบกพร่องหรือน่ารังเกียจสักนิด เหตุผลเขาก็พอมีน้ำหนักอยู่บ้าง เจอกัน

 คราวนี้กว่าจะได้เจออีกทีคงเป็นวันแต่งงาน ไหนๆ เธอก็เลือกเขาแล้ว ยอมๆ

ไปจะดีไหม

                หญิงสาวกำลังชั่งใจ แต่พอริมฝีปากหยักกดแนบลงมาที่กลีบปากนุ่ม

เท่านั้นแหละ เธอก็ลืมตาโพลง ตวัดฝ่ามือตบหน้าเขาฉาดใหญ่...เธอไม่ได้ตั้งใจ

นะ แต่มือมันไปเอง!

ชายหนุ่มหน้าหันตามแรงตบ ก่อนจะตวัดสายตามาจ้องมองหญิงสาว

อย่างงุนงงปนหงุดหงิด มธุรินเห็นแล้วก็ใจหายวาบ

งานเข้าแล้วไง!

“พี่ภูมิ มิ้ม...มิ้มขอโทษค่ะ” เธอยกมือไหว้ปลกๆ เนื้อตัวเริ่มสั่น

ไม่ใช่เพราะหวั่นไหวแต่กลัวจริงๆ...กลัวถูกทิ้งให้เป็นม่ายขันหมาก

“พี่ไม่เคยถูกใครตบหน้า” เขาว่าน้ำเสียงเครียด

“มิ้มไม่ได้ตั้งใจ” เธอครางเสียงอ่อย

“งั้นก็อย่าทำอีก” เขาตัดบท รวบมือเล็กไว้ ก่อนจะซุกใบหน้าลงไป

ที่ซอกคอหอมกรุ่น

มธุรินตัวแข็งทื่อ พยายามบิดข้อมือแต่ไม่หลุด เธอยังปลอบตัวเองว่า

นี่ไม่ใช่ความรังเกียจ แค่เธอยังไม่พร้อมเท่านั้น แต่พอเขาจูบลำคอระหง

หญิงสาวก็ทนไม่ไหว กรีดร้องเสียงดังก่อนย่อตัว ใช้ศีรษะกระแทกคาง

เขาสุดแรง แล้วเปิดประตูวิ่งหน้าตื่นออกไป

 

ชลธีแทบหงายหลังเมื่อมีใครบางคนโผล่พรวดออกมาชนเขา

โครมใหญ่ ชายหนุ่มรวบร่างเพรียวบางเอาไว้และถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อ

ตั้งหลักให้มั่น

มธุรินเงยหน้าขึ้นสบตาเขาและจำได้ในทันที...นายแว่น!

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นๆ แต่ไม่มีเวลาให้นึกนาน

ผู้ชายอีกคนโผล่พรวดออกมาจากห้องพัก ที่แก้มมีรอยฝ่ามือแดงเป็นปื้น...

ถูกตบชัวร์

เขาก้มมองหญิงสาวอีกที เห็นว่าเสื้อคลุมเธอหลุดลุ่ย ผมเผ้ากระเซอะ

กระเซิง แถมที่คอยังมีรอยแดงเล็กๆ เป็นหลักฐานจึงเข้าใจสถานการณ์โดย

ไม่ต้องมีใครบอก

“สารเลว!” เขากัดฟันคำราม พร้อมเหวี่ยงหมัดออกไปกระแทก

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024