ใครไม่ป่วย ยกมือขึ้น

วาชิ |
31/08/2014

หนังสือหมวดสุขภาพ เรื่องง่ายๆ เริ่มได้ที่ตัวเอง มักจะเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมล่ะคะว่า การไม่เป็นโรคคือลาภอันประเสริธ ตอนเด็กๆ เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยกังวลเรื่องสุขภาพของตัวเองเลย จนกระทั่งเรียนจบ เริ่มทำงาน อายุที่เพิ่มมากขึ้นก็เลยทำให้ต้องเจอกับโรคนั่นนี่เยอะกว่าที่เคยเป็นมาในสมัยอดีต ทั้งภูมิแพ้ กรดไหลย้อน โรคกระเพาะ ออฟฟิตซินโดรม น้ำในหูไม่เท่ากัน เวียนหัวจนบ้านหมุน ฯลฯ คือเป็นเยอะมากจนอยากจะร้องไห้กับตัวเองเลย วันหนึ่งน้องชายของเราเลยซื้อหนังสือเล่มนี้มาให้อ่าน เชื่อไหมว่าเราเข้าใจแบบผิดๆ มาตลอดเลยว่าการดื่มน้ำให้ได้ 8-12 แก้วต่อวันนั้นเพียงพอแล้ว แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า น้ำ 8-12 แก้วนั้นจะต้องดื่มยังไงให้ถูกวิธี การจิบมาก จิบน้อยแต่สม่ำเสมอนั้นจะให้ผลที่ค่อนข้างแตกต่างกันกับสุขภาพของเรา ในหนังสือเล่มนี้จะเขียนให้เราตระหนักถึงพฤติกรรมที่เราประพฤติในแต่ละวัน ว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างไรกับร่างกายของเราบ้าง โดยเขาจะยกตัวอย่างผ่านบุคคลที่เคยประสบกับโรคเหล่านี้มาให้เราศึกษาเป็นกรณีแบบ case by case ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบถนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายเราได้โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ทั้งยังมีบอกอาการของแต่ละโรคให้เรารู้อย่างละเอียดด้วย อ่านแล้วแทบไม่อยากป่วยเลย แต่ในเมื่อเราเลือกไม่ได้ว่าจะอยากป่วยหรือไม่ ก็เหลืออยู่แค่หนทางเดียวคือการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงจากโรคทั้งหลายแหล่ที่อาจมาเยี่ยมเยือนเราได้ในอนาคต หนังสือเรื่องนี้อ่านแล้วต้องยอมรับเลยว่าเขาแน่นปึ้กเรื่องข้อมูลมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของโรค การดูแลรักษา วิธีที่จะช่วยบรรเทา คุณค่าของอาหารที่รับประทาน รวมไปถึงอะไรหลายๆ อย่างที่เราอาจจะรู้แต่ไม่เคยใส่ใจมาก่อน หนังสือเล่มนี้นับว่าอ่านง่ายเพราะสำนวนการเขียนของเขาลื่นไหลและค่อนข้างเรียบง่าย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังสือที่มีตัวอักษรเรียงกันเป็นพรืดก็คงอ่านแล้วจะเบื่อหน่อยเพราะมันเป็นเรื่องของวิชาการล้วนๆ อ่านแล้วเหมือนหนังสือเรียนที่พอผ่านตาปุ๊บก็เหมือนได้กินยานอนหลับไปสักสองเม็ด ฮ่าๆ ขนาดเราอ่านนิยายเป็นร้อยๆ เล่ม เจอหนังสือแนวนี้เข้าไปอ่านแล้วยังจะหลับเลย แต่เรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้อ่านนี่นับว่าจัดเต็มมาก หากใครอ่านแล้วสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัด เชื่อว่ามันจะช่วยให้สุขภาพของท่านห่างไกลจากโรคที่ระบุเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ได้ไม่มากก็น้อยเลยค่ะ

จตุพร |
29/07/2014

“ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น” เป็นหนังสือแนวสุขภาพ ที่เน้นพฤติกรรมการกินการอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่ค่ะ จากคำนำของสำนักพิมพ์ กล่าวไว้ว่า ไม่ว่าการแพทย์ปัจจุบันจะเจริญก้าวหน้าไปเพียงไร โรคภัยไข้เจ็บก็มักจะวิ่งแซงหน้าไปสองช่วงตัวเสมอ เหตุเพราะวิถีการกินและการใช้ชีวิตของคนที่แข่งขันกับเวลา การเลือกกินในแบบที่ชอบแต่ไม่ได้เหมาะสมกับสุขภาพร่างกาย แค่คำนำก็แทงใจดังจึกๆกันแล้วใช่ไหม หนังสือเล่มนี้ยังบอกอีกว่าถ้าเราดูแลร่างกายให้ถูกต้องแล้ว ไม่จำเป็นที่เราจะต้องพึ่งหมอหรือยาใดๆเลย แหมๆๆ น่าสนใจขนาดนี้ ดิฉันจึงไม่รอช้ารีบเปิดเข้าสู่เนื้อหาทันทีค่ะ บทนำของหนังสือได้เล่มนี้เป็นการบอกที่มีท่ไปของหนังสือค่ะ ผู้เขียนเล็งเห็นว่าคนในยุคปัจจุบันมีคนเจ็บป่วยมากมาย ดังนั้นเมื่อเราเจ็บป่วยครั้งนึง เราก็ต้องเสียเงินที่เราออมไว้ในการรักษา แต่หนังสือเล่มนี้จะใช้แนวทางธรรมชาติในการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วย ไม่จำเป็นพึ่งการใช้ยามากมายนัก สาเหตุหลักๆของการเป็นโรคต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้ เท่าที่ดิฉันอ่านและสรุปใจความได้มาจากการดื่มน้ำที่ไม่ถูกวิธีค่ะ เราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆว่าให้ดื่มน้ำวันละ8-10 แก้วเนอะ แต่แนวคิดของหนังสือเล่มนี้ แนะนำการดื่มนี้ว่าแต่ละคนควรดื่มน้ำปริมาณมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว มีตารางคำนวณมาให้ในเล่มด้วยค่ะ ประกอบไปด้วยวิธีคำนวณและเวลาที่เหมาะสมกับการดื่มน้ำ บทต่อมาได้กล่าวถึงการนวด ว่าการนวดสามารถกระตุ้น ภูมิต้านทาน หรือ “พลังบำบัด”ขึ้นมา เพื่อจะได้ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่ต้องนวดให้ถูกวิธีนะคะ วิธีการนวดที่ปลอดภัย คือการนวดเพื่อปรับสมดุลความเป็น หยิน-หยาง เลือดลมในร่างกายของเรา เพื่อขจัดของเสียออกจากร่างกาย ส่วนบทถัดมาจะเป็นเรื่องของโรคต่างๆค่ะ ยกตัวอย่าง โรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นกันเยอะมาก โดยเฉพาะอาการปวดหลังเรื้อรัง สาเหตุสำคัญก็มาจาก “น้ำ”ค่ะ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะว่าสิ่งใกล้ตัวเราทำให้เราเป็นโรคนี้ได้ เพราะคนทำงานดื่มน้ำผิดค่ะ ไหนจะชา กาแฟ น้ำปั่น เยอะแยะไปหมด แถมมือเย็นกินแล้วก็นอนเลยก็มี ดังนั้น “กระเพาะอาหาร” นี่แหละค่ะที่จะบอก ชี้ชะตาได้ว่าเราจะปวดหลังหรือไม่ ถ้ากระเพราะอาหารย่อยไม่ได้ ย่อยไม่ดี ก็จะส่งผลให้ปวดหลัง แต่ถ้ากระเพาะอาหารทำงานได้ดี อาหารย่อย ไม่มีลม ก็จะไม่ทำให้ปวดหลังค่ะ นิเป็นแค่ตัวอย่างนะคะ บทถัดมาก็เป็นความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับโรคที่พบเห็นได้ทั่วไปตลอดจนการกินที่เรามองข้าม ท้ายเล่มมีเคสตัวอย่างของผู้ป่วยที่มาทำการรักษาจนอาการดีขึ้น หากใครสนใจลองหาอ่านกันดูนะคะ