
เพลิงทระนง (เพ็ญศิริ)
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
เพลิงทระนง
ประพันธ์โดย เพ็ญศิริ
กลีบดอกพวงชมพูระเรื่อเต็มสองฟากทางที่ร่มรื่นด้วยไม้ดอก ไม้ประดับมากมาย เพราะเจ้าของบ้านเรือนหลังเล็ก ซึ่งอยู่ด้านหลังสุดเรือนใหญ่ของคุณหญิงทองตรา เป็นคนรักต้นไม้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอจึงใช้เวลาว่างแทบทั้งหมดให้กับมันออกดอกออกใบสดใสอย่างที่เห็น ๆ
ทว่า สตรีวัยกลางคน ลักษณะบ่งบอกความเป็นผู้ดีเต็มตัวกลับไม่มีความรู้สึกในสัมผัสอันร่มรื่นของแมกไม้และดอกใบอันสดใสเหล่านั้นแม้แต่น้อยไม่ ใบหน้าคงเค้าความงามกลับเคร่งเครียด จนแลดูเป็นขรึมน่าเกรงขาม ด้านหลังของคุณหญิงทองตรา คือ บ่าวรับใช้ประจำตัว และเคยให้นมแก่พิภัชทายาทคนแรกของคุณหญิงในช่วงเวลาหนึ่งมาแล้ว นางสำอางค์กำลังเร่งซอยเท้าติดตามผู้เป็นนายไปกระชั้นชิด
“แกแน่ใจนะ นังสำอางค์ ว่าตาพิภัชไม่อยู่บ้านนั้นจริง ๆ น่ะ”
“โถ้ โถจริงซิเจ้าคะ คุณหญิง ก็บ่าววางแผนหลอกคุณใหญ่ให้ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วนี่เจ้าค่ะ ไม่แน่นะคะ วันนี้คุณใหญ่อาจจะกลับกรุงเทพฯ ไม่ทันก็เป็นได้”
“ดี ให้มันกลับมาไม่ทันนั่นแหล่ะดี”
ใบหน้าเคร่งขรึมผุดพรายรอยยิ้มสมใจออกมา ขณะที่เท้าก็ยังเร่งรีบก้าวไปข้างหน้า จนกระทั่งเรือนไทยหลังเล็กกะทัดรัดปรากฏบนสายตาของผู้เป็นนายและบ่าว หัวใจของคุณหญิงทองตราเร่าร้อนไปด้วยความชิงชังรังเกียจในตัวสตรีที่ท่านกำลังจะไปพบหน้าด้วยคนนี้อย่างที่สุด
ร่างโปร่งระหง สวมเสื้อคอโปร่งแขนตุ๊กตา และผ้าซิ่นตีนเชิง กำลังรดน้ำต้นกุหลาบที่กำลังชูช่อตูมตึง ใบเขียวยังไม่ทันหายจากโอบรัดกลีบดอกอ่อนสีชมพูระเรื่อนัก ผ่องผ่องพุ่งความสนใจไปอยู่ที่ต้นกุหลาบทั้งหมดเสียจนไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของผู้มาเยือนทั้งสองเอาเสียเลย
“ดูซิเจ้าค่ะ คุณหญิง ขนาดเราอุตส่าห์ลดตัวมาหามันถึงที่นี่มันยังทำทีไม่รู้ไม่เห็น ไม่แยแสเราเอาเสียเลย มันทำแบบนี้เท่ากับลบหลู่บารมีของ ท่านนะเจ้าค่ะ”
“เออ ก็เพราะมันจองหองนักล่ะซิ ฉันจึงจะต้องกำจัดมันออกไปเสียแต่วันนี้เลย”
คุณหญิงเค้นเสียงออกมาด้วยกระแสชิงชังที่พลุ่งพล่านปะทุอยู่ข้างใน ท่านเดินเข้าไป ใกล้ ๆ ร่างบอบบางนั้น แล้วตวาดเรียกชื่อลูกสะใภ้คนโตออกไปด้วยน้ำเสียงกระด้างวางตัว
“นี่แน่ะ แม่ผ่องแผ้ว”
“อุ้ย คุณหญิงแม่”
บัวรดน้ำในมือของผ่องผ่องแทบหลุดร่วงจากมือของเธอ หญิงสาวรีบทรุดกายนั่งพับเพียบกับพื้น ยกมือขึ้นไหว้แม่ของสามีทันที เลือดในกายของผ่องผ่องเย็นเฉียบเมื่อสบตาอันเยือกเย็นแฝงจุดมุ่งหมายบางประการของคุณหญิงในวินาทีนั้นเอง
“คุณหญิงแม่มีธุระอะไรจะวานใช้ดิฉันหรือเจ้าค่ะ”
“มีซิ ถ้าไม่มี ฉันคงจะถ่อมาถึงที่นี่หรอกนะยะ เรื่องที่ฉันเคยพูดกับเธอเอาไว้หลายครั้งหลายครา ฉันคิดว่าหล่อนคงจะยังไม่ลืมหรอกนะ ตาพิภัชลูกชายของฉันไม่เหมาะสมกับผู้หญิงต่ำๆ ไร้สกุลอย่างเธอเลยเวลานี้ฉันมีสตรีที่คู่เคียงเพียบพร้อมเหมาะกับเขามากกว่าเธอเอาไว้เลย ติดขัดก็เพียงแต่ว่า ยังมีเธอคาค้างให้ตาพิภัชกระดากกระเดื่องใจ ถ้าเขาจะต้องแต่งงานกับสตรีที่ฉันและเขาเองก็พึงพอใจอยู่เช่นกัน”
คุณหญิงทองตราใช้สายตาคมกริบของผู้ที่ฉลาดและเหนือกว่า พิจารณาใบหน้ารูปใบพลูที่ก้มต่ำจนคางแทบจะจรดกับอก ท่านเว้นระยะไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อไป
“ถ้าเธอรักผัวของเธอจริงๆ เธอคงยากจะเห็นเขาก้าวหน้าในอนาคต ไม่ใช่มาจมปลักอยู่กับเมียที่มีอดีตเป็นแม่ค้าขายอย่างเธอตลอดไป เพราะอาชีพข้าราชการน่ะ หลังบ้านก็ต้องมีเกียรติ มีหน้าตาด้วยเหมือนกัน ไม่อยากจะพูดหรอกนะว่าเธอน่ะคือตัวถ่วงความเจริญลูกชายฉัน แต่นั่นแหล่ะ เพื่อเห็นแก่ตาพิภัช เธอน่าจะหลีกทางให้เขาได้พบกับสตรีที่ดี คู่ควรกับเขาจะดีกว่า”
“คุณหญิงแม่”
ผ่องผ่องอุทาน น้ำตาที่คลอรื้นในหน่วยตากลมวาว ถูกกลั่นกรองร่วงเผาะต้องเปลือกแก้มอันขาวซีดไร้สีเลือด หล่อนรู้สึกว่าความเป็นคนที่พอจะหลงเหลืออยู่ บัดนี้มันได้ถูกคุณหญิงทองตราผู้เป็นแม่ของสามีบดขยี้ไม่มีเหลือไปเสียแล้ว หัวใจของผ่องผ่องจึงนองเนืองด้วยความหดหู่ รันทด และปวดร้าวยากจะคณนาหยั่งได้
คุณหญิงทองตรากะพริบตาเล็กน้อย แสร้งทอดถอนใจออกมาเบา ๆ ท่านหันไปทางบ่าวของท่านที่นั่งพับเพียบคอยรับฟังคำสั่งจากผู้เป็นนายอย่างเคร่งครัด แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเนิบนาบ
“นังสำอางค์ แกส่งกระเป๋ามาให้ฉันซิ”
หญิงรับใช้ใกล้ชิดรีบส่งกระเป๋าหวายแบบถักด้วยฝีมือประณีตบรรจงส่งให้ท่านทันที คุณหญิงรับเอาไปเปิดแล้วหยิบธนบัตรที่ท่านเตรียมเอามาแต่แรกแล้ว ยื่นส่งให้สะใภ้ใหญ่ที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในไม่ช้านี้
“เอ้า แล้วนี่ เงินที่ฉันจะให้เธอเอาไปตั้งเนื้อตั้งตัว มันคงจะมากพอที่หล่อนจะเอาไปสร้างร้านค้าขายอย่างที่หล่อนถนัดที่แม่กลองหรอกนะ"
ผ่องแผ้วเงยใบหน้าอันนองน้ำตาขึ้นประสานตากับผู้เป็นแม่ของสามี รอยยิ้มหยันและดวงตาแข็งกล้าก่อเกิดขึ้นบนดวงตาคลอรื่นนั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว มันทำให้คุณหญิงร้อนผะผ่าวไปทั่วใบหน้าเสมือนถูกตบเต็มแรงก็ไม่ปาน
"ดิฉันคงไม่กล้าจะด้านหน้ารับความกรุณาจากคุณหญิงแม่อีกแล้วเจ้าค่ะ เพราะเท่าที่ผ่านมา ก็ถือว่าท่านเมตตาต่อชีวิตของดิฉันมากมายพอแล้ว เอาเถอะเจ้าค่ะเพื่อเห็นแก่อนาคตอันก้าวหน้าของคุณพี่พิภัช ดิฉันยินดีจะก้าวออกไปจากที่นี่ แต่คงจะไม่กล้ารับอะไรจากท่านหรือคุณพี่อีกแล้ว ดิฉันฝากกราบลาคุณพี่พิภัชด้วยนะเจ้าคะ"
หญิงสาวคลานเข้าไปกราบแทบเท้าของคุณหญิงทองตรา ก่อนจะพยุงร่างลุกขึ้นร่างลุกขึ้นยืน ต้องบังคับตัวเองไม่ให้ซวนเซล้มลงไปเสียกลางครัน ร่างโปร่งบางหันหลังให้กับเรือนหลังน้อยที่เคยครองรักกับผัวแก้วอย่างเปี่ยมสุข แม้จะเป็นเสี้ยวเวลาอันน้อยนิด แต่ที่ก็เคยมอบทั้งสุขและทุกข์ระคนกันให้กับชีวิตของผ่องผ่องได้มากมาย
ร่างระหงก้าวตรงไปข้างหน้าอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน ผิดกับหัวใจของคุณหญิงที่วูบไหวให้กับความเข้มแข็งของลูกสะใภ้ที่ได้กลายเป็นอดีตด้วยฝีมือการกระทำของท่าน น่าประหลาด ท่ามกลางความโล่งอกเบาหวิวนั้น มันกลับเจือปนไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่ท่านก็อ่านไม่ออกเอาเสียเลย กลีบดอกจำปีเฉาปลิดปลิวตามรอยเท้าของเจ้าของซึ่งเคยให้น้ำให้ดินกับมัน ดุจจะไว้อาลัยให้กับการจากไปยากจะหันกลับคืนเรือนเดิม
"โอ๊ย โล่งอกจับเลยนะเจ้าคะ ที่มันยอมไปได้อย่างง่าย ๆ คิดว่าจะต้องลงมือลงไม้เสียแล้ว ต่อไปคุณใหญ่ก็คงจะได้แต่งงานใหม่กับสตรีที่เหมะสมกับเธอเสียที" นางสำอางค์ ลูบอกของตนทำท่าโล่งอกแทนนาย คุณหญิงออกคำสั่งเสียงเรียบ ห้วน
"ไป กลับเรือนใหญ่เสียที นังสำอางค์
-------------------------------------------
ภาพของชายหนุ่มร่างผ่ายผอมที่ก้าวลงจากรถอย่างทุลักทุเล กระทั่งพวกบ่าวไพร่ผู้ชายต้องผลุงเข้าไปช่วยประคองปีกกันคนละข้าง บาดลึกความรู้สึกของผู้เป็นแม่ให้รวดร้าวสุดคณนา ผ่องแผ้วผละจากชีวิตของพิภัชไปหลายปีแล้ว แต่ลูกชายคนใหญ่ของท่านก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลายกำสรดสร่างซารสรักในเมียชาวบ้านผู้นั้นลงไปเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกาลเวลาที่ล่วงเลยกลับจะกัดกร่อนชีวิตจิตใจของชายหนุ่มให้เหลือน้อยลงไปทุกที เหล้ากลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจพิภัชไปเสียแล้ว เขาไม่ยอมฟังเสียงทัดทานของแม่ และน้อง ๆ อีก สองคนเลยสักคำเดียว
สตรีคนใหม่ที่เพียบพร้อม งดงามด้วยเรือนร่าง และการศึกษาคนแล้วคนเล่า ที่คุณหญิงเฝ้าสรรหามาให้ไม่มีใครเลยที่จะเข้ามาแทนที่ผ่องผ่องได้เลย กระทั่งบัดนี้ท่านได้วางมือจากการเฟ้นหาสะใภ้ใหญ่ผู้เลิศเลอไปเสียแล้ว
"ตาพิภัช นั่นแกยังไม่เลิกกินเหล้าเมายาอีกเรอะ แกจะกินไปถึงไหนกัน"
"คุณแม่ก็ทราบดีนี่ครับ ถ้าผมไม่กินเหล้า ผมจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อชีวิตนี้ผมไม่มีอะไรเหลือให้รักอีกแล้ว"
พิภัชสลัดบ่าวไพร่หนุ่มที่ประคองเขาอยู่ข้าง ๆ ออกไป แล้วยืนในสภาพไม่มั่นคงเอาเสียเลย ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นประกาศความชอกซ้ำที่สุมในทรวงนานปีชัดเจน คุณหญิงถอนใจเหนื่อยหน่ายออกมา
นานแค่ไหนกันที่ท่านไม่ได้พบหน้าลูกชายคนนี้อย่างใกล้ชิดเสียที ต่างก็เลี่ยงกันไปมา ดั่งจะจงใจไม่ให้พบหน้าเจรจาต่อกันกระนั้น
"แม่อยากจะรู้เหลือเกินว่านังผ่องแผ้วผู้หญิงชาวบ้านลูกแม่ค้าคนนั้น มันวิเศษวิโสยังไง มันจึงกำหัวใจของแกเอาไปด้วย"
"คุณแม่ไม่มีวันทราบและเข้าใจหรอกครับ ว่าความรักไม่เคยแบ่งชนชั้น ไม่มีต่ำ ไม่มีสูง ในเมื่อความรักของคุณแม่มันตายไปนานแล้ว ผ่องแผ้วเป็นผู้หญิงที่ดี ปรนนิบัติผัวเสมือนทาส ยอมถวายให้แม้ชีวิต เธอไม่มีความผิดอะไรเลย แต่คุณแม่ก็ยังเสือกไสเธอไปได้ลงคอ คุณแม่ใจร้ายมาก คุณแม่คงจะไม่ทราบหรอกนะครับ ว่าคุณแม่ไม่ได้ไล่ผ่องแผ้วไปจากผมเพียงคนเดียว แต่คุณแม่ยังพรากลูกของผมซึ่งเป็นหลานของคุณแม่ไปด้วย ได้ยินมั้ยครับ ว่าผ่องแผ้วมีลูกของผมติดท้องและชีวิตของเธอไปด้วยอีกชีวิตหนึ่ง"
"ตาพิภัช"
คุณหญิงทองตราผงะ ดวงตาเบิกค้าง ใบหน้าอันเคร่งเครียดถือตัวมีอันซีดขาวไร้สีเลือด เสียงตะโกนของลูกชายคนโตเข้าไปอื้ออึงรบกวนโสตภายในของท่านไม่ต่างจากลมพายุที่พัดหมุนวนเวียนทำร้ายจิตใจท่านให้ไหววูบวาบ ทำไมท่านไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ ไม่เคยมีใครปริปากบอกกับท่านสักคน ว่าผ่องแผ้วกำลังตั้งท้องกับพิภัชแม้แต่ตัวของหล่อนเอง ในวันนั้นหล่อนก็ยังไม่ปริปากเอ่ยออกมาสักคำ นอกจากกิริยาอัดอั้นทรมาน พูดไม่ออกที่ท่านเข้าใจว่าหญิงสาวใคร่จะกล่าวคำวิงวอนขอความเมตตาให้ท่านสงสาร
"จริงเรอะ….ทำไมวันนั้น มันถึงไม่….บอกกับฉันเลย"
"ก็เพราะผ่องแผ้วไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับท่านคุณแม่อีกซิครับ ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการเธออีก เธอจะอยู่ไปทำไม คุณแม่ใจร้ายมาก ที่ฆ่าคนในเวลาเดียวกันให้ตายทั้งเป็นได้ถึงสามคน ผ่องแผ้วทำเพื่อคุณแม่ แล้วใครล่ะครับ จะทำเพื่อลูกในท้องของผม ใคร…"
"ตาพิภัช…แก…แกหยุดเดี๋ยวนี้"
คุณหญิงยกมือกุมอกที่เต้นระรัว แล้วค่อยผ่อนจังหวะช้าลงปานว่ามันกำลังจะหยุดเต้น ดวงตาพร่างพรายมองอะไรเบื้องหน้าแทบจะไม่เห็น เสียงหัวเราะเยาะหยัน และเจ็บปวดทรมานของพิภัชมันทำให้ท่านแทบจะน้ำตาร่วงเสียให้ได้
"ถ้าคุณแม่ไม่อยากเห็นผมในสภาพแบบนี้อีก คุณแม่ไปตามลูกเมียผมกลับมาซิครับ ผมอยากจะได้ผ่องแผ้วกันลูกของผมคืนมา คุณแม่ทำได้หรือเปล่า เอาลูกกับเมียผมคืนมา…ลูก…ลูกพ่อ…"
เสียงตะโกนคำรบสุดท้ายซ้ำซ้อนในโสตอันสับสนนั่น ในแสงสลัวที่สาดส่องเข้านัยน์ตาพร่ามัวของท่าน คุณหญิงมองเห็นร่างพิภัชยืนโอนเอนไหวลู่ไปมา แล้วล้มตึงลงกองกับพื้นไม่เขยื้อนตัวอีกเลย เสียงร้องกรี๊ดกร๊าดของบ่าวไพร่ดังเซ้งแซ่ พร้อมกันนั้น บุษกลกับนิรุตลูกชายหญิงอีกสองคนของท่านก็วิ่งถลันเข้าไปหาพี่ชายคนโตของเขา คุณหญิงอยากจะขยับร่างตามเข้าไปโอบกอดลูกชายใหญ่ ลูบไล้ใบหน้าฉ่ำน้ำเหล้านั้นแล้วกล่าวคำขอโทษสักร้อยคำ
"ลูกใหญ่จ๋า…แม่ขอโทษ แม่ผิดไปแล้ว อภัยให้กับความโฉดเขลาของแม่ด้วย"
แต่สิ่งเดียวที่คุณหญิงเป็นได้ในขณะนั้น คืออาการลมหายใจติดขัด ดวงตาเบิกค้าง และร่างของท่านก็พลัดร่วงจากเตียงลงมา
เสียงเอะอะดังมาจากภายในห้องนอนของคุณหญิงทองตราปลุกทุกชีวิตของบ้านปางพญาให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แล้วพากันมุ่งมารวมตัวกันที่หน้าห้องของท่านทันที
"คุณแม่ครับ เปิดประตูด้วยครับ"
"คุณแม่ขา…คุณแม่เป็นอะไรไป เปิดประตูให้ลูกด้วยซิคะ"
ทั้งนิรุตและคุณบุษกลแข่งกันเคาะประตูห้องของมารดาระรัว แต่บานประตูยังคงปิดสนิท มีเพียงเสียงครางเบา ๆ ดังมาจากผู้ที่อยู่ภายในห้องนั้น
สินีนาถกับชนนท์ ภรรยากับลูกชายคนเดียวของนิรุต และนาฏนรีพร้อมทั้งอาณัติ ลูกชายหญิงของคุณบุษกลติดตามมายืนคอยฟังข่าวอยู่ด้วยทั้งหมด นิรุตหันไปมองหน้าชนนท์ดั่งจะขอความเห็นว่าสมควรจะทำประการใดดี
"อย่างนี้ผมว่าเราเห็นทีจะต้องใช้วิธีพังประตูห้องแล้วล่ะครับคุณพ่อ"
"จะเอายังไงก็รับทำซะซิ เดี๋ยวพอดีย่าของแกก็ได้เป็นอะไรไปเสียก่อนหรอก"
คุณบุษกลเร่งเร้าอย่างใจร้อน ในที่สุดบานประตูห้องนอนของคุณหญิงก็ถูกพังจนทุกคนสามารถเข้าไปในห้องนั้นได้ ภาพที่ทุกคนเห็นร่างของคุณหญิงร่วงลงมากองกับพื้นข้าง ๆ เตียงของท่านนั่นเอง
"คุณแม่"
ลูก ๆ หลาน ๆ พากันถลันเข้าไปประคองร่างผอมบางของคุณหญิงอย่างตื่นตระหนก บ่าวไพร่ถูกเรียกใช้ให้หาหยูกยาสารพันที่ในบ้านจะมี เพื่อนำมาปฐมพยาบาลปลุกสติท่านให้ฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว คุณบุษกลเฝ้าเขย่าร่างมารดาด้วยจิตใจพะวักพะวนไปร้อยแปด
"นี่แหละ ฉันบอกแล้วว่าอย่าให้ท่านนอนอยู่คนเดียวตามลำพัง ฉวยเป็นอะไรไป พวกแกจะว่ายังไงกันหา"
"เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาต่อว่ากันหรอกนะครับ พี่บุษเราช่วยกันทำให้คุณแม่ฟื้นดีกว่า"
"คุณแม่ครับ ผมว่าเรารีบพาท่านไปหาหมอกันเถอะครับ" ชนนท์ออกความเห็นหลังจากสังเกตว่าอาการของผู้เป็นย่าไม่สู้จะดีเท่าไหร่ แต่นาฎนรีแหวขึ้น
"แหม แค่คนเป็นลมหน่อยเดียว ไม่ต้องพาไปหามดหาหมอหรอกย่ะตานนท์ อีกอย่างคุณย่าเองก็ชอบเป็นแบบนี้เสมอ ฝันร้ายเพ้อหาลูกชายคนโต เพ้อหาหลานที่ไหนก็ไม่รู้ ทีหลาน ๆ ที่อยู่เต็มบ้านเต็มเรือนกลับไม่ใส่ใจ"
"นี่ ยายนรี แกหุบปากของแกเสียที เอ้า ป้าสำอางค์ รีบเอาสำลีจุ่มแอมโมเนียเพิ่มอีกซิ แน่ะ คุณแม่ท่านเริ่มจะขยับตัวแล้ว"
ไม่นานนัก เปลือกตาที่พริ้มสนิทก็เริ่มจะเคลื่อนไหวและพับขึ้นได้บ้างเล็กน้อย ริมฝีปากเหี่ยวย่นมีรอยจีบกลางขยับขึ้นลง มีเสียงครางและพึมพำดังเล็ดลอดออกมาจากปากของผู้ป่วย คุณบุษกลเบิกตาอย่างยินดี รีบเขย่าร่างคุณหญิงเต็มแรง
"คุณแม่ขา คุณแม่ฟื้นแล้ว…โอ้ย พวกลูก ๆ ตกใจแทบแย่เลย"
นิรุตจับมือพี่สาวให้หยุดการเขย่าตัวท่าน เมื่อคุณหญิงลืมตาขึ้นมองหน้าทุก ๆ คน ดวงตาของท่านบอกถึงความผิดหวังที่แลไม่เห็นคนที่ท่านต้องการจะพบหน้าในวินาทีที่มีสติกลับคืน
"มัน…มันไม่มาหรอกรึ แม่บุษ"
"เอ๊ะ ใครกันคะ ลูกก็เห็นมากันทุกคน ยายนรี ตาอาณัติก็มานี่ไงคะ หลานของคุณแม่"
คุณบุษกลรีบหันไปสบตากับลูกชายหญิงทั้งสองของตน สองพี่น้องรีบเข้ามาโอบประคองร่างคุณย่าแสดงความห่วงใยออกมาเต็มที่ ทว่า คุณหญิงกลับสั่นหน้าไปมา
"คุณแม่ต้องการจะพบใครหรือครับ?"
นิรุตจับมือมารดาเบา ๆ ท่านปัดสายตามามองหน้าลูกชายคนสุดท้อง แล้วพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้เขาเข้าไปหาใกล้ ๆ
"เมื่อกี้นี้ แม่ฝันร้าย…แม่เห็น…เห็นพี่ใหญ่ของแก เขามาทวงลูกทวงเมียของเขา แม่ทุกข์ใจเหลือเกินที่ไม่ยอมติดตามผ่องแผ้วกับลูกของมันกลับคืนมาบ้านปางพญาของเราเสียที" คุณหญิงกล่าวเสียงเครือสะท้าน
"จนป่านนี้แล้ว คุณแม่ยังไม่เลิกนึกถึงเรื่องเก่า ๆ อีกหรือคะ พี่ใหญ่ก็ตายจากเราไปตั้งนาน ป่านนี้ไปผุดไปเกิดที่ไหนแล้วก็ไม่รู้"
"ไม่จริงหรอก แม่บุษ ตาใหญ่พี่แกยังไม่ไปไหน เขายังวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ แม่ จนกว่าแม่จะตามหาลูกเมียของเขา แล้วไถ่บาปทั้งหมดเสียก่อน"
คุณบุษกลเม้มริมฝีปากอย่างขัดเคืองใจ เมินหน้าไปเสียทางอื่น ไม่ได้พูดอะไรอีก นิรุตบีบมือมารดาแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ
"ถ้าเช่นนั้น เราก็น่าที่จะ…"
"นี่ ตารุต แกอย่าแส่หาเรื่องวุ่นวายมาเพิ่มในบ้านหลังนี้อีกเลยย่ะ" เขาถูกพี่สาวตวาดเบา ๆ แต่ไม่สนใจ เพราะสิ่งใดที่เป็นความสุขของมารดาก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
"ชนนท์ เข้ามาหาย่าหน่อยซิลูก…"
"ครับ คุณย่า"
ชนนท์คลานฝ่ากลุ่มญาติ ๆ เข้าไปนั่งชิดกับคุณย่า กุมมืออีกข้างของท่านอย่างอ่อนโยน
"ชนนท์ต้องช่วยย่านะลูก ช่วยไถ่บาปกรรมเคราะห์เวรให้กับย่าสักครั้ง"
"คุณย่าสั่งผมมาเถอะครับ ผมจะช่วยคุณย่าทุกอย่าง"
"ดี…ถ้าเช่นนั้น ชนนท์ช่วยพาย่าไปแม่กลองที…ไปตามหาเมียกับลูกลุงของชนนท์กลับมา ย่าเชื่อว่า ที่ย่าฝันถึงลุงใหญ่ในคืนนี้เพราะวิญญาณของเขาอยากจะดลบันดาลให้ย่าไปตามหาลูกเมียเขา…ที่แม่กลอง"
|
ในห้องโถงใหญ่ ซึ่งใช้เป็นห้องประชุมของบ้านปางพญา สมาชิกทุกคนของบ้านพากันรวมตัวอยู่ในห้องแห่งนี้ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีสีหน้าเคร่งขรึม เนื่องจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรังยาวนานของคุณหญิงทองตรา ผู้ยังคงครองตำแหน่งประมุขแห่งบ้าน สาเหตุมาจากตราบาปที่ตอกย้ำอยู่ในห้วงสำนึกมโนธรรมคอยย้ำเตือนให้ท่านระลึกถึงหลาน และวันตายของลูกชายใหญ่
วันนั้นเองที่ท่านได้ทราบความลับบางประการ จากปากพิภัชที่ประกาศออกมา ว่าผ่องแผ้วได้หอบลูกติดท้องของเขาไปด้วยอีกหนึ่งชีวิต หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตเนื่องจากโรคพิษสุราเรื้อรัง มันกลายเป็นความผิดที่อยู่ในใจของคุณหญิงทองตราเสมอมา ท่านเฝ้าแต่โหยหาอดีตสะใภ้แม่ค้า และหลานที่ติดท้องหล่อนไปด้วย ยิ่งกาลเวลาผ่านไป ท่านก็ยิ่งหวนให้อยากจะได้พบหน้าหลาน ซึ่งท่านเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ว่าเป็นชาย หรือหญิงกันแน่
"คุณแม่ก็ช่างเหลือเกิน เวลาก็ผ่านนานจนป่านนี้แล้ว ยังละเมอเพ้อหา นังผ่อง แผ้วอยู่ได้ ฉันว่าเดี๋ยวนี้มันคงจะมีผัวใหม่ไปแล้วล่ะ ส่วนลูกของมันก็อาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้ ใครจะรู้"
คุณบุษกลซึ่งดูว่าจะอารมณ์เสียกับเรื่องนี้มากกว่าใคร ๆ โพล่งขึ้นหลักจากที่ปล่อยให้ทุกคนครุ่นคิดไตร่ตรองกันอย่างเงียบงันมานาน สายตาของทุกคู่หันมาจับมองที่ใบหน้าคงเค้างดงาม ทว่า ไร้รอยยิ้มปรานีนั้นกันเป็นตาเดียว
"พี่บุษอย่าเพิ่งตีความข้างเดียวสิครับ เราเองก็ยังไม่ได้พบหน้าผ่องแผ้วเขาเลย เขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ หรือใครประเมินก็ได้"
"แหม ตารุต แกช่างมองโลกในแง่ดีเสียเหลือเกินนะยะ ผู้หญิงชาวบ้านที่ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว คิดจะจับแต่ผู้ชายมียศถาบรรดาศักดิ์หวังความสบายทางอ้อมอย่างนังผ่องแผ้วน่ะเหรอ มันจะทนครองความโสดอยู่ได้นานถึงป่านนี้น่ะ ฉันไม่เชื่อ ต่อให้ใครอมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อ ว่าแต่ว่าจะมีแค่ผัวเดียว หรือกี่ผัวเข้าไปแล้วล่ะ"
"คุณอาครับ ไม่ว่าคุณป้าผ่องแผ้วจะเป็นอย่างไร แต่เด็กที่ติดท้องของเธอไป ก็ได้ชื่อว่าเป็นหลานของบ้านปางพญา เหมือนๆ กับที่ผมหรือพี่นรี กับพี่อาณัติเป็นนั่นแหละครับ"
"ตานนท์ แกอย่าเอาฉันไปเปรียบกับนังลูกแม่ค้าไพร่สถุลนั่นเชียวนะ ฉันกับมันไม่เหมือนกัน แกอยากจะนับญาติกับมันก็เชิญ แต่ฉันไม่เกี่ยว"
นาฎนรีทุบโต๊ะปังใหญ่ ตวาดใส่ญาติผู้น้องน้ำเสียงกราดเกรี้ยวถือดี หล่อนไม่เคยว่าตัวเองจะต้องมีญาติโยมอะไรที่ไหนอีก เพราะเท่าที่มีอยู่นี้มันก็มากเกินไปแล้ว หากต้องมีเพิ่มเข้ามาอีก หล่อนไม่ขอรับแน่ ๆ
"ผมก็เหมือนกัน ไม่ขอรับไอ้เด็กส่วนเกินนั่นมาเป็นเชื้อแถวเด็ดขาด อีกไม่นานถ้าคุณยายสิ้น เรื่องบ้า ๆ นี่ก็พลอยจบไปด้วย"
"ตาอาณัติ"
นิรุตเรียกชื่อหลานชายหนัก ๆ น้ำเสียงตำหนิในที อาณัติสะบัดหน้า หันไปทางมารดาที่รีบกล่าวเสริมขึ้นเสียก่อน
"เอาอย่างนี้เถอะนะ เราอย่าพูดถึงเรื่องนังผ่องแผ้วกับลูกของมัน ให้คุณแม่ฟังอีก อีกหน่อยท่านก็คงจะเลือน ๆ ไปเอง"
"มันไม่เป็นอย่างนั้นซิครับ พี่บุษ เพราะเวลานี้คุณแม่ได้เร่งวันให้ตานนท์รีบเคลียร์งาน เพื่อที่จะได้พาท่านไปตามหาพี่ผ่องแผ้วกับลูกภายในอาทิตย์หน้านี่แล้ว"