รักเหนือรัก (โสภี พรรณราย)
ประหยัด: 98.00 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
เรื่อง รักเหนือรัก โดย โสภี พรรณราย
บทที่
1
เอก..มองภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม
ยิ้มให้กับครอบครัว...คนอื่น...
ครอบครัวของเพื่อนรัก...
จะว่าไป...เขาเป็นส่วนเกินชัดๆ
ส่วนเกินที่แปลกประหลาด ส่วนเกินที่กลมกลืนกับครอบครัวนี้...ยิ่งนาน
วันยิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครับ...คนอื่น
ครอบครัว...เมธา....เพื่อนรัก
เมธา...กับภรรยา...ปานทอง กับเด็กชายอายุสี่ปี...น้องเจเจ
ที่นี่คือสวนสาธารณะ...
น้องเจเจเล่นอย่างสนุกสนาน เล่นกับพ่อ...กับแม่
ทั้งหมดมาที่นี่บ่อยครั้ง...มาเกือบทุกวัน...ในยามเย็น
เพื่อให้น้องเจเจได้วิ่งเล่น เด็กชายเป็นดวงใจของเมธากับปานทอง
เมธา...ร่างผอมขาว...หน้าตาธรรมดา...หากมีจิตใจที่มั่นคงต่อความรัก
รักภรรยาและลูก
ปานทอง...หล่อนสวย เคยเป็นนางงามมาก่อน อาจเพราะต้องทำงานหนัก
ดูแลครอบครัว...ทำให้มือหยาบกร้านและใบหน้าสวยของหล่อนเริ่มคล้ำ
เครียดเป็นบางเวลา
เด็กชายเจเจ...กลับมีผิวพรรณขาวผ่อง หน้าตาเข้ม มีแววจะเป็นหนุ่ม
น้อยรูปงามในอนาคต
ทันที่ที่เด็กชายวิ่งพลาด...ถลาล้มไปกับพื้นสนามหญ้าในสวน ทั้งเมธา
และปานทองก็ถลันไปดึงตัวเด็กในเกือบทันทีเช่นกัน
"เป็นอย่างไรหรือเปล่าลูก?" เมธาถาม
น้องเจเจลุกขึ้นด้วยแรงพยุงของพ่อกับแม่
"ไม่เป็นไรฮะ"
"ระวังหน่อยสิลูก" มารดาเตือน
เด็กน้อยหัวเราะ "ระวังแล้วฮะ...เจเจไปเล่นต่อนะฮะ..." ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดไป
"กลับเถอะเจเจ..." ปานทองว่า
เมธาจึงบอกกับภรรยา "ปล่อยให้ลูกวิ่งเล่นต่อ ลูกยังสนุกอยู่ เราไม่มี
ปัญญาพาลูกไปเล่นเสียเงิน ที่นี่สำหรับลูก แกสนุกมาก อย่าขัดความสุขของแก"
กระแสเสียงมีแววเสียใจกับชีวิต
เสียใจ...ที่ไม่อาจมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูก...ทั้งเจเจน่าจะมีโอกาส
เมธากำมือแน่น....เขาต้องเข้มแข็ง
ใครจะเชื่อเล่าว่าระหว่างเงินกับครอบครัว เขาเลือกครอบครัว
เมธา...นามสกุล...ไพบูลย์วัฒนะ
ตระกูลไพบูลย์วัฒนะก่อสร้างที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง
เมธา..เขาเป็นหลานชายคนโตของคุณปู่ไพบูลย์ และเป็นลูกชายคนโต
ของคุณสุพจน์...
เขาตกหลุมรักปานทอง...นางงามยากจนจากต่างจังหวัด
แต่...ทางบ้านขัดขวาง...เพราะต้องการให้เขาแต่งงานกับคุณหนูตระกูล
ร่ำรวยที่หมายหมั้นกันตั้งแต่เด็ก...โดยขู่ว่าถ้าเลือกปานทอง จะตัดเขาออกจาก
กองมรดก
เขายอมถูกตัดออกจากกองมรดก...ออกจากบ้านมาอยู่กับปานทอง สร้าง
ครอบครัวกัน...ลำบากสาหัส...
ตอนแรกก็มีเงินก้อนมาจากเงินเก็บ...ซื้อบ้าน...ลงทุนทำร้านอาหารเล็กๆ
โดยใช้ด้านหน้าของบ้านขายก๋วยเตี๋ยว ขายเฉพาะมื้อกลางวันมื้อเดียว...ยอมรับ
ว่าลำบาก...แต่เขาก็เลือกแล้ว...ทุกวันนี้...มีลูก...กับเมียเป็นแก้วตาดวงใจ
เมธารู้สึกปวดท้อง...นิ่วหน้า...ปานทองเลิกคิ้ว
เมธาพยักหน้าหมุนตัวจากสนามไปนั่งที่ริมขอบสวนสาธารณะ ซึ่งตั้งเก้าอี้
ม้าหินอยู่หลายตัว
เอกมองเหตุการณ์อยู่...เมื่อเมธาเดินมานั่ง เขาถาม
“ปวดท้องอีกแล้วเหรอ?”
“โรคกระเพาะ...” เมธาตอบ
“แกก็บอกแต่โรคกระเพาะ แกต้องไปตรวจบ้างแล้ว...”
“เข้าโรงพยาบาลทีหมดเงินเป็นพัน...เก็บเงินให้เจเจเรียนหนังสือ
โรงเรียนดีๆ ดีกว่า”
“กันจ่ายค่ายาแกเอง ระวังท้องจะพัง”
เมธาหัวเราะ “ไม่หรอก...กันดวงแข็ง กันไม่ตายง่ายๆ อีกอย่างแกช่วย
ครอบครัวกันมามากแล้ว”
“รักษาตัวเองหน่อย...มีลูกแล้ว...”
เมธาพูดเล่นว่า “กันไม่เป็นไรหรอก...ถึงกันเป็นอะไรก็ยังมีแกอยู่ทั้งคน
ที่สามารถดูแลลูกเมียกันได้...”
เอกสะดุ้ง...ถึงเพื่อนจะพูดเล่น...แต่เอกกลับรู้สึกเป็น ‘ลาง’
เมธามั่นใจในตัวเขา...เพราะ...อดีต...ปานทองคือคนรักของเอก!
เอกรักกับปานทองมาก่อน...รักก่อนที่ปานทองจะประกวด...จนได้เป็น
นางงาม...คบกันนาน...รักกันมาก...สัญญาจะสร้างอนาคตและครอบครัว
เอกแนะนำให้เมธาเพื่อนรักรู้จักกับปานทอง...เมธาก็หลงรักปานทอง
แต่ปานทองรักเอก
เขาเชื่อในพรหมลิขิต...
เอกมีฐานะปานกลาง เมื่อบิดาเสียชีวิตเขาต้องดูแลมารดากับน้องชาย
เขาทำงานบริษัทโฆษณา มีรายได้สูงเพราะผลงานเด่นและลูกค้าชื่นชอบ
แต่ปัญหาที่บ้านทำให้เอกต้องซวนเซ เสียความมั่นใจ
แม่...เอื้อมติดการพนัน ติดหนี้เป็นเงินก้อนใหญ่...และพจน์มีเรื่องกับ
นักเลง ทำร้ายร่างกายจนคู่กรณีบาดเจ็บ...เอกต้องใช้เงินเป็นล้าน...ในตอนนั้น
เมธาเพื่อนที่มีฐานะร่ำรวย ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยเงินเต็มจำนวน...ทำให้ไม่ต้อง
หนี...และพจน์ก็ไม่ต้องติดคุก
แลกกับ...ความรัก....
ปานทอง...
ลูกผู้ชายอย่างเอก...ต้องทำ...เขาเสียใจ...เสียความรู้สึก...เขาต้องเลิกกับ
ปานทอง...เขาต้องสร้างสถานการณ์มีผู้หญิงคนใหม่...ให้ปานทองเข้าใจเขาผิด
ตอนนั้น...เขารู้ว่าหญิงสาวเสียใจมากแค่ไหน...
เอก...เสียใจมากกว่านัก
แต่...เพราะรัก...เพราะจำเป็น...
ถ้า...ปานทองเลือกเมธา....จะสุขสบายกว่าเลือกเขา
เขา...เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนบริษัทโฆษณา
เมธา...เป็นอาเสี่ย...เป็นคุณชายคนโตของตระกูลไพบูลย์วัฒนะก่อสร้าง
ตอนนั้น...ถ้าปานทองแต่งงานกับเมธา...หล่อนจะสบายชั่วชีวิต
เอก...คิดเช่นนั้น...จึงยอมเสียสละ...หัวใจ...สร้างเรื่องว่ามีผู้หญิงคนใหม่
คิดไม่ถึง...ไม่เป็นไปตามที่คิด
ปานทองเข้าใจเอกผิด เลือกเมธา...แต่งงานกับเมธา....ต้องผ่านด่าน
ครอบครัวเศรษฐี...ที่กีดกันรักสาวผู้ต่ำต้อย...กีดกันชนชั้น...สังคมสมัยนี้ยังมีอยู่
เมธารักปานทองเกินจะยอมทิ้งหล่อน...ถึงถูกตัดออกจากกองมรดก เขา
ก็หิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน...จากครอบครัวมาอยู่กับปานทอง...กว่าห้าปีแล้ว เขา
ไม่เคยกลับไปตระกูลไพบูลย์วัฒนะก่อสร้างอีกเลย
ตัดขาด...เงียบหาย...เหมือนตายจาก ยอมลำบาก...เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว
เพราะปานทองเคยขายเมื่อตอนอยู่ต่างจังหวัดกับน้องสาว...ปัทมน
ปานทองยังโชคดีที่มีน้องสาวคนเดียวคอยช่วยเหลือที่ร้านและช่วยเลี้ยงลูก
เอก...ไม่เคยลืม...ปานทอง...
บ้านเอกอยู่ใกล้ร้านปานทอง...เอกกลายเป็นเพื่อนบ้านคนสนิทที่สุด และ
คอยช่วยเหลือเมธากับปานทอง...
น้องเจเจก็รักอาเอกมาก
เอกไม่สามารถจะรักใครมากกว่าปานทองได้อีก...แม้แต่ปัทมนก็ตาม
ปัทมนหลงรักพี่เอก...แต่เอกเห็นปัทมนเป็นแค่น้องสาว
หัวใจเอก...มีแต่...ปานทอง...
รัก...ต้องหักห้าม...ปานทองเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเมธาแล้ว
อยู่กันจนมีลูก...น้องเจเจ
เอก...ขอเก็บหล่อนในหัวใจ...
เอก...เป็นคนยกปานทองให้แต่งงานกับเมธา
เพราะ..เงิน
เพราะ...แม่...น้อง
เพราะ...ความจำเป็น
เอก..ทาตัวเอง...ในที่สุด...เพราะการตัดสินใจเมื่อห้าปีที่แล้ว...มาจน
วันนี้...ถึงจะเสียใจ...แต่...แต่...เห็นปานทองมีความสุขกับเมธา...
เห็น...เมธายอมสละทุกอย่างเพื่อลูกกับเมีย...แม้ฐานะจะยากจน...พ่อ
แม่ลูก ก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มีความสุขตามสมควร...
เอกเองมีภาระหนัก...ทั้งแม่และน้อง...แต่หลายครั้งเขาก็หยิบยื่นความ
ช่วยเหลือให้เพื่อน...
ร้านอาหารขายไม่สู้ดีนัก...และต้องเลี้ยงหลายปาก เอกต้องช่วยเท่าที่จะ
ช่วยได้...และคงต้องช่วย ตลอดไป...เพราะคำว่า... ‘เพื่อน’....’
และคำว่า ‘รัก’
เจเจสนุกสนามกับมารดาที่สนามเด็กเล่น...เมธาเริ่มปวดมากขึ้น...ถี่ขึ้น
เขากดท้องตัวเองอย่างแรง...เอกมองหน้าเพื่อน
“เฮ้ย...แกปวดท้องมากเลยเรอะ...”
เมธาอดทน...เขาปวดมาตลอดและกินยาแก้ปวด...ทีละเป็นกำ!”
“กันไม่เป็นไร...”
“แต่ท่าทางแกทรมานมากนะ”
“กัน...ทนได้...”
“ไปหาหมอเถอะ...”
“กัน...เสียดายเงิน....”
“ไม่มีเงินกันจ่ายให้เอง...” เอกย้ำอีกครั้ง
“อย่าบอกปานทองนะ...ไม่อยากให้เมียเป็นห่วง...”
และพอปานทองกับน้องเจเจเดินกลับมาที่หนุ่มทั้งสองนั่งสนทนากันริม
สวน...เมธาก็ทำหน้าติทั้งที่เจ็บปวดมาก
เอกสังเกต...เมธาไม่ได้ปวดธรรมดา
เอกกลับมาบ้านแล้ว
นางเอื้อมพร กำลังทานผลไม้กับพจน์ลูกชายคนเล็ก เห็นลูกชายคนโต
นางเอื้อมพรก็เอ่ยขึ้น
“เอ้อ...ไม่ต้องบอกก็รู้หายไปไหน...ไปอยู่กับครอบครัวเมธาง..ชอบเป็น
ส่วนเกินเหลือเกิน...” น้ำเสียงเหมือนเยาะลูก...
พจน์เองก็สนับสนุนมารดา กล่าวเสริมว่า
“พี่เอกไม่เคยลืมพี่ปาน...คนเคยรักกันมาก่อน”
มารดาตักเตือนว่า “แกควรจะตัดใจเสียนะ คนอื่นเขาก็มีลูกแล้ว แต่แก
ยังไม่มีเมียเลย”
“ผมจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้นครับ...”
“หนูปานน่ะเรอะ...จะรอให้เป็นแม่หม่ายก่อนเรอะ...”
เอกตกใจ “ไม่ใช่ครับ...ถึงผมจะรักปาน...แต่ตอนนี้เธอเป็นเมียเพื่อน
ผม...เธอคือเพื่อนผม...”
“แต่แกก็ยังรักเธออยู่...”
เขาไม่ปฏิเสธ...รัก...ยังรัก...ไม่เคยลดความรักลงเลย...แต่เขาสัญญากับ
ตัวเอง เขาจะไม่เป็นเพื่อนทรยศของเมธา...และปานทองเองก็ทำหน้าที่ภรรยา
อย่างดีเยี่ยม
เอกเงียบ
พจน์พูดโพล่งอีกครั้ง
“พี่เอกลืมรักครั้งแรกไม่ลงหรอกครับ สัญญาแต่งงานกันแต่ไม่ได้แต่ง...”
เอกอยากจะถามว่า...
เพราะใคร?
ห้าปีที่แล้ว...ต้องการเงินเป็นล้าน...เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตให้มารดา...กับ
น้องชาย...
จนวันนี้...มารดากับพจน์ หาได้รู้สึกอะไรไม่...
แรกๆ ก็อาจจะเสียใจกับลูก...แม่สัญญากับเขา...จะไม่เล่นการพนันอีก
เสียใจว่าเขาต้องสูญเสียคนรักแรกกับเงินล้าน แต่...พอผ่านไปไม่นาน...มารดา
ก็ลืมสัญญา
ทุกวันนี้แม่ก็ยังแอบเล่นการพนัน ยังสร้างปัญหา...และให้เขาแก้ปัญหา
เสมอ...
รวมทั้งพจน์ก็ยังไม่สนใจทำงาน...พจน์ทำงานที่ไหนไม่ได้นาน ทำไม่กี่
เดือน...ก็ออก...ช่วงตกงานก็ เป็นภาระ พี่ชายอย่างเขาต้องจ่ายเงินให้กินอยู่...
ให้จับจ่ายใช้สอยส่วนตัว
และตอนนี้พจน์ตกงานมาหลายเดือนแล้ว
นางเอื้อมพรมองบุตรชายคนโต...และรู้ว่าลูกชายคิดอะไร...นางรู้ตัว...จึง
ตัดบทกับลูกชายคนเล็ก
“เอาเถอะ...หนูปานกับเอกไม่ใช่เนื้อคู่กัน สักวัน...เอกต้องเจอเนื้อคู่
ที่แท้จริง...ผู้หญิงคนนั้นต้องดีกว่าหนูปานแน่ๆ”
บทที่
2
เมธาเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยศีรษะหนักอึ้ง
เขาทนปวดช่องท้องไม่ไหวแล้ว และมาหาหมอที่โรงพยาบาล ผลการ
ตรวจเบื้องต้น เขาเป็นมะเร็งลำไส้…!
ปวดท้องมานาน...แต่ไม่เอะใจ...จนมาถึงขั้นสุดท้าย...ผลตรวจออกมา
แล้ว แต่ถ้าจะให้แน่ชัดต้องรอตรวจละเอียดอีกครั้ง...ต้องรีบรักษา
เมธาปฏิเสธการรักษา...ถ้ารักษาต้องใช้เงินหลายล้าน...
เมธาเคยมีคุณย่าเป็นมะเร็งลำไส้ และผ่าตัดแต่ก็อยู่ได้เพียงสามเดือน ค่า
รักษาเกือบห้าล้านบาท...สามเดือน...ก็จากไป...เขากำลังเป็นโรคเดียวกับคุณย่า
คุณย่าจรรยาที่รักหลานชายอย่างเขามาก...
เมธานั่งซึมที่สวนสาธารณะ...
ภาพครอบครัวก่อนแต่งงานผ่านเข้ามาในสมอง...
คุณปู่ไพบูลย์...กับคุณย่าจรรยา...ท่านมีลูกชายกับลูกสาว...ลูกชายคือ
พ่อของเมธา...คุณสุพจน์...แม่เขาตายตั้งแต่เขายังเด็ก...พ่อเลี้ยงลูกสามคน...เขา
เมธา...คนโต...ชุมพล...คนกลาง และทิพย์วิภาคนเล็ก ส่วนอาหญิงคือ สมหญิง
แต่งงานและแยกทางกับสามีเจ้าชู้ มีเมียน้อย มีลูกสาวคนเดียวชื่อ มาริสสา
ตระกูลไพบูลย์วัฒนะก่อสร้างร่ำรวยและมีชื่อเสียง...
เขาแยกตัวออกมา...เขา...ถูกตัดออกจากกองมรดก
พ่อ...ปู่...ต่างรังเกียจปานทอง...ลูกสะใภ้นางงามที่ยากจน...ท่านหาผู้หญิง
ฐานะทัดเทียมกันให้แล้ว...เป็นลูกสาวของเพื่อนบิดา...แต่เขาก็ปฏิเสธ
พ่อไม่เชื่อว่าเขากับปานทองจะอยู่กันยืด...พ่อกับปู่ว่าปานทองคือนางงาม
ที่ไร้สมอง...หวังแต่จะจับคนร่ำรวย และเขาก็คือชายหนุ่มที่หลงคนสวย...ถ้าไม่มี
ปู่กับพ่อเป็นฐานให้ จะเอาตัวไม่รอด...
ท่านให้เขาเลือก...เลือกครอบครัวที่มั่งคั่ง และเขาเป็นลูกชายคนโตของ
ตระกูลด้วย...กับ...ผู้หญิง ยากจนอย่างปานทอง
เขาเลือก...ปานทอง...
เอกอุตส่าห์ยอมเสียสละความรักให้แล้ว...โดยเอกบอกว่า
กันเชื่อว่าถ้าปานอยู่กับแกเธอจะสบาย...และมีความสุขมากกว่าอยู่กับกัน!
เขารักปานทองมาก...
เมธา...เลือก...หัวใจ...ถึงเขาจะรักครอบครัวมากเพียงไร...เขาก็ว่าเขารัก
ปานทองมากยิ่งกว่า...เมธา... เชื่อว่าเป็นรักเหนือรัก...เขาเก็บข้าวของออกจาก
ตระกูล...ทั้งที่น้องขายกับน้องสาวต่างขัดแย้งและเรียกเขา กลับ...
เสียงบิดาตวาด “ให้มันไปเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง มันจะเก่งขนาดไหนเชียว”
และปู่ไพบูลย์ก็ว่า “อวดเก่ง ดื้อ ต้องรู้บทเรียน แล้วมันก็ต้องกลับมาใน
ไม่กี่วัน!”
เปล่าเลย...เขาพิสูจน์มาถึงห้าปีแล้ว...ไม่เคยกลับบ้าน...ไม่ติดต่อกลับไป
ครอบครัวก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
เขาจะพิสูจน์ว่า...เขามีรักแท้...มีรักเหนือรัก...
แต่วันนี้...โลกทั้งโลกถล่มทลาย...ความฝัน...ความหวัง...จบสิ้น...เหมือน
กับเขาตายไปแล้ว...ต้อง...ตาย...ตาย...เขาจะทำอย่างไร?
อนาคต...ของลูกกับเมีย...ปานทอง...กับน้องเจเจ
ร้านอาหารเล็กๆ...จะอยู่กันอย่างไร...เขา...เป็นหัวหน้าครอบครัว เรียน
จบจากเมืองนอก...แต่กลับไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนให้เป็นประโยชน์
เพราะ...นามสกุล...ไพบูลย์วัฒนะ ก่อสร้าง...ทำให้ไม่มีบริษัทไหนกล้ารับ
เขาอยู่กับครอบครัวอย่างสงบ...มีน้อยใช้น้อย...ขอเพียงได้อยู่กันพร้อม
หน้าพร้อมตา...
เมธามึนงง...จะทำอย่างไรดี? ชีวิตเขาที่เหลือเพียงสาม
เดือน...อาจเร็วกว่านั้นหรือ...ช้ากว่านั้น...แต่ก็ยืนอยู่ตรงสามเดือน...เก้าสิบวัน
นับเวลาถอยหลัง เขาจะทำอย่างไร?
เมธาหมดแรงแล้ว...หมดแรงอยู่ที่...สวนสาธารณะ...และต้องหยุดพักนาน
รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน...เหนื่อยมากจนยากจะยืนหยัด
ต่อให้จิตใจเข้มแข็งเพียงไร เขาก็ต้องพ่ายแพ้
ร้องไห้...เขายกมือปิดหน้า...ร้องไห้กับชะตาชีวิต...ชีวิตที่ถึงยากจนแต่ก็
มีความสุข...ได้อยู่กับคนรัก...กับลูก
ร้องไห้...
ขณะนั้น...รถของเอกแล่นผ่าน...เอกกำลังจะไปพบลูกค้า...
เอกเป็นนักโฆษณามือหนึ่งของบริษัทโฆษณาชื่อดัง...และขับรถประจำ
ตำแหน่งคันหรู ผ่านสวนสาธารณะ...เห็น...เมธา...
เฮ้ย...ไอ้เมธานี่หว่า...
เขาจอดรถและถอยรถ...มองว่าใช่จริงๆ จึงดับเครื่องลงจากรถเดินมาหา
เมธา...เจ้าตัวที่นั่งอยู่ก่อนยังไม่รู้ตัว...ปิดหน้า...สะอื้น...เมธาคิดว่าอยู่ตาม
ลำพัง...ในขณะนี้ยังไม่มีใครมาที่นี่ และฝนกำลังจะตก...ทุกคนต่างรีบกลับบ้าน
เมธาร้องไห้กับชีวิต...
เอกสงบนิ่งรอ...อย่างใจเย็นและสงสัย รอจนเมธายกมือลงจากดวงหน้า
ภาพพร่าเลือน...เอก...
เมธากลืนน้ำลายอย่างยากเย็น
“เอก!”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “แกเป็นอะไร?”
“กัน...กัน...เป็น...เป็น...” แล้วเสียงสุดท้ายหายเข้าไปในลำคอ..พูดไม่
ออก...เมธาต้องสะกดกลั้นความเสียใจ...และไม่อยากโทษชะตาชีวิต...เขา
พูดออกมา... “เอก...สัญญาอะไรกับกันบางอย่าง...สัญญาว่าจะดูแลปานทองและ
ลูก...สัญญากับกัน ดูแลเธอด้วยชีวิตของแก...”
เอกถามเสียงเครียด “แกเป็นอะไรกันแน่?”
“ถ้ากันตาย...สัญญานะ อย่างทิ้งปานทองกับลูก”
“แกจะตายได้อย่างไร...”
“กันเป็น...มะเร็ง...ระยะสุดท้าย...”
บุรุษสูงวัย วัยเจ็ดสิบปีเจ้าของบริษัทไพบูลย์วัฒนะก่อสร้าง นั่งเป็น
ประธานทานอาหารเย็น
ด้านขวามือลูกชายท่าน...คุณสุพจน์และหลานปู่สองคน คือชุมพลกับ
ทิพย์วิภา ด้านซ้ายมือลูกสาว ม่าย คุณสมหญิงกับหลานตาคือมาริสสา
ครอบครัวอยู่รั้วบ้านเดียวกัน...แต่แยกเป็นสองส่วนคนละตึก
ยามทานอาหารเย็นจะมารวมตัวกันที่ตึกใหญ่ของเจ้าของบ้านกับคุณสุพจน์
คุณสมหญิงรู้ตัวเองว่าเป็นหญิง...อ่อนแอ...สู้พี่ชายไม่ได้...แต่ก็ได้อาศัย
มาริสสา ลูกสาวคนเดียวที่เก่งไม่แพ้ผู้ชาย...เป็นหน้าตาแทนตน
มาริสสา...คือแก้วตาดวงใจคนเดียวของคุณสมหญิง
มาริสสา...สาวสวย เก่ง เปรี้ยว...เชื่อมั่นในตัวเอง
มาริสา สวยเด่นจนทิพย์วิภาอิจฉา
สองสาวในบ้าน...มาริสสา...ทิพย์วิภา...ต่างเป็นหลานคุณไพบูลย์
พ่อ...กับแม่ของสองฝ่ายเป็นพี่น้องกัน สองสาวเกิดเดือนและปีเดียวกัน
ต่างเฉพาะ...วัน...ห่างกันแค่ สองวัน...
ความจริงเกิดในชะตาราศีเดียวกัน น่าจะชะตาต้องกัน...นิสัยคล้ายกัน
สองสาวกลับรู้สึกแข่งกันอยู่ลึกๆต่างจะเอาชนะกัน...แข่งขันกันตั้งแต่
เด็ก...ทั้งการเรียน...ทั้งการแต่งตัว รวมไปถึง...ความรัก!
ถึงทั้งสองจะแข่งขันกันอย่างไร แต่ก็เกรงใจและเกรงกลัวคุณไพบูลย์...ปีนี้
ท่านอายุเจ็บสิบกว่า...และร่างกายก็อ่อนแอไม่ได้เข้าบริษัทหลายวันแล้ว
คุณสุพจน์ต้องปรึกษางานท่านในระหว่างทานอาหาร
“โครงการที่สุขุมวิทลุล่วงกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับ...”
“ใครดูแล...อยู่เพราะพ่อไม่ได้เข้าไปดูแลเลย...”
“เอ้อ...” คุณสุพจน์ตอบไม่เต็มเสียง “เมื่อสองวันก่อนผมเพิ่งแวะไป”
“แล้วนายพลล่ะ?” หันมาถามหลานชายคนรอง
ชุมพลหัวเราะแห้งๆ “ผมต้องการคนดูแลโครงการที่ฝั่งธนครับ”
“ยัยทิพย์?” ไล่ถามมาทีละคน
“ทิพย์ก็อยู่ฝั่งธนค่ะ...” ตอบเสียงอ่อน
ไม่ถามมาริสาเพราะบริษัททำแผนการตลาดโฆษณาฝ่ายขาย...ไม่
เกี่ยวกับการต่อก่อสร้าง
คุณไพบูลย์โคลงศีรษะ “คนของเราไม่พอ...”
ไม่พอ...เพราะขาดคน...ทำให้ทุกคนคิดถึง...เมธา...
คิดถึงโดยอัตโนมัติ และทิพย์วิภาก็เอ่ยปาก
“ขาดพี่เมธา...ถ้ามีพี่เมธา...พวกเราคงไม่ต้องเหนื่อย...”
เพราะพี่ชายคนโตเป็นคนเก่ง
เมธา...ชื่อนี้ทำให้ทุกคนชะงัก
คุณสุพจน์รีบปรามบุตรสาว “อย่าพูดชื่อนี้ให้คุณปู่ไม่สบายใจ...”
ใบหน้าคุณไพบูลย์เรียบเฉย...ผ่านมาเกือบห้าปี...หลานชายคนโต...หิ้ว
กระเป๋าออกจากบ้านและหายไปจากชีวิต...คิดถึงหลานชายคนโต...แต่ก็เจ็บปวด
นักที่หลานชายหยิ่งผยอง...เลือกคนรัก...ไม่เลือกความกตัญญู
เจ็บปวดแต่ไม่อยากแสดงออกว่าท่านอ่อนแอ
ท่านเป็นประมุขครอบครัว
มาริสสาเอ่ยขึ้น “ป่านนี้ไม่รู้พี่เมธาจะเป็นอย่างไร...ริสกลับเห็นว่าพี่เมธา
มีความรักที่ยิ่งใหญ่”
ทิพย์วิภาที่มักจะขัดแย้งทางความคิดกับมาริสสา โต้ว่า
“ความรักยิ่งใหญ่มีด้วยเรอะ...”
“ก็พี่เมธาเป็นตัวอย่าง...ที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อรัก...แม้แต่เงินทองชื่อ
เสียงเกียรติยศ...สังคมหรูหรา...”
ทิพย์วิภาแค่นหัวเราะ
“แล้วเธอคิดว่า...เธอจะพบผู้ชายอย่างพี่เมธาหรือเปล่า?”
“แน่นอน...คุณเขตต้องมีความรักมั่นคงเช่นเดียวกับพี่เมธา....”
คุณเขต...คือเขตทัต...คนรักของหล่อน
มาริสสาไปเรียนต่อต่างประเทศ...พบกับเขตทัตที่ไปดูงานที่นั่น...รักกัน
คบกันมาหนึ่งปีเต็ม...พอมาริสสากลับมาทำงานที่เมืองไทย...สานต่อกิจการของ
ครอบครัว...ความรักต่อเขตทัตก็แน่นแฟ้นขึ้น
มาริสสามองว่าทิพย์วิภาอิจฉาความรักของหล่อ
ทิพย์วิภาหัวเราะเสียงแปร่งๆ “อืมม์...คุณเขตนะ...มีความรักมั่นคง...
เธอคงรู้จักคุณเขตน้อยไป...เธอรู้มั้ยเขาเป็นใคร...คุณเขตเป็นเจ้าของบริษัท
โฆษณายักษ์ใหญ่ของเมืองไทย...อยู่ในระดับต้นๆ ร่ำรวยมาก...เจ้าชู้มาก...
รูปหล่อ สาวๆต่างอยากจับเขาจะตาย...”
มาริสสาเลิกคิ้ว “รวมทั้งเธอด้วย..ทิพย์...เธอเป็นสาวหนึ่งในนั้นสิท่า”
ทิพย์วิภากำมือแน่น...เล่นฉีกหน้าหล่อนต่อหน้าทุกคน
ต้องอดทน...ทิพย์วิภา...สะกดกลั้นอารมณ์
คอยดูสิ...จะทำให้มาริสสาเจ็บปวด
คอยดูสิ...เขตทัตหนีไม่พ้นมือหล่อนหรอก เพราะหล่อแอบพึงพอใจ
เขตทัตอยู่ลึกๆ