นักปลูกดอกไม้บนกระดาษขาว (ธารา ศรีอนุรักษ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: นักปลูกดอกไม้
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท

เนื้อหาบางส่วน

(-ปฐมบท-)

นักปลูกดอกไม้

 

“หากว่าคุณไม่กล้าที่จะก้าว        จะรู้สั้นรู้ยาวกระนั้นหรือ

เพียงกอบฝุ่นขึ้นมาใส่ฝ่ามือ        ก็อาจถือได้ว่าคุณกล้าทำ”*

 

อีกครั้งที่กวีบทนี้ผุดขึ้นในความรู้สึกของ สกล เด็กชายวัยย่างสิบแปดปีผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชน ถึงแม้จะเป็นบทกวีสั้นๆ แต่ได้สร้างพลังใจมากมายแก่เขาซึ่งพออ่านเจอครั้งแรกในหนังสือกวีนิพนธ์ก็ถึงกับท่องจำจนขึ้นใจ

ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องอยู่กับหนังสือ ทำให้สกลกลายเป็นนักอ่านอย่างหาตัวจับยาก หนังสือวรรณกรรมทุกเล่มในชั้นล้วนผ่านสายตาของสกลแล้วหมดสิ้น ยิ่งโดยเฉพาะวรรณกรรมเยาวชน เด็กหนุ่มจะชอบอ่านเป็นพิเศษ สกลมาทำงานตั้งแต่เช้า มาถึงก็เปิดประตูหน้าต่างห้องสมุด เก็บกวาดถูพื้นอย่างเรียบร้อย นำหนังสือพิมพ์ที่คนส่งเอามาวางไว้ตรงจุดรับประจำวันเอาใส่ที่เสียบแล้วนำไปตั้งเรียงตามรายชื่อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ รวมทั้งวารสาร-นิตยสารต่างๆ ฉบับออกใหม่ นำไปแทนที่เล่มเก่า

อันที่จริงห้องสมุดแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่บรรณารักษ์เพียงคนเดียวเป็นผู้หญิงวัยกลางคน แต่เนื่องจากสกลได้แวะเวียนมาช่วยเหลืองานต่างๆ ในห้องสมุดทุกวัน สืบเนื่องมาจากนิสัยรักการอ่านนั่นเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ชักชวนมาทำงานเป็นผู้ช่วย ซึ่งสกลก็ยินดีเป็นอย่างมาก ได้ทุ่มเททำงานทั้งตามหน้าที่และด้วยจิตอาสาด้วยใจรัก เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่บรรณารักษ์คนปัจจุบันไว้เนื้อเชื่อใจ และรักใคร่เอ็นดูไม่ต่างจากลูกหลานอีกทั้งพอมีสกลมาช่วยงานเธอก็มีเวลาได้ทำอย่างอื่นมากขึ้น

ชีวิตของสกลก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป ณ ชุมชนริมฝั่งทะเลสาบแห่งนี้ พอเรียนจบชั้นมัธยมหก ก็ไม่อยากขวนขวายเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาเท่าไร อาจจะเป็นเพราะว่ามีแหล่งงานมากมายรองรับ ทั้งท่าเรือ และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในอีกฝั่งฟากของทะเลสาบ รวมไปถึงต้นทุนทางการศึกษาที่ต้องทุ่มเทอย่างหนักหากอยากได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง เด็กในชุมชนผู้ปกครองไม่มีเงินพอจะส่งให้ไปเรียนพิเศษยังสถานกวดวิชาดังๆ ในเมืองได้ สุดท้ายจึงมักชะงักอยู่ที่ ม.หก

บ่ายวันนี้สกลลอบมองดูกลุ่มนักเรียนสามคนนั่งติววิชากัน แล้วให้เกิดรู้สึกชื่นชมในจิตใจใฝ่เรียนของนักเรียนกลุ่มนั้นยิ่งนักจึงแอบส่งแรงใจไปให้เงียบๆ และที่ยิ่งไปกว่านั้น มีหนึ่งในสามคนที่สกลเฝ้าดูเธออยู่เงียบๆ มานานแล้ว ทุกครั้งที่เธอมาอ่านหนังสือในห้องสมุด คือทุกครั้งที่ได้นำดอกไม้มาประทับไว้ในแจกันความรู้สึกของสกล  เด็กชายเก็บความอ่อนหวานนี้ไว้ภายในใจ ไม่แม้แต่จะพยายามอธิบายด้วยสายตา ได้แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบทกวีร่ายอารมณ์อ่อนไหวเป็นอักษรจากหัวใจลงสมุดบันทึก ปลูก

 

ดอกไม้ดอกเล็กๆ กลางกระถางกระดาษสีขาวบริสุทธิ์วันแล้ววันเล่า...

ช่วงว่างจากงานจัดเก็บหนังสืออะไรเสร็จ สกลหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน เป็นรวมกวีนิพนธ์

ชื่อคือแรงใจและไฟฝัน ของกวีไพวรินทร์ ขาวงาม ชมชอบเป็นพิเศษกับบทกวีชื่อ ‘ดอกน้อย’ – เนื้อหากวีเปรียบเทียบชีวิตกับดอกไม้น้อยๆ ริมทาง คอยส่งยิ้มให้กับทุกคนที่ผ่านมา ไม่ปรารถนาจะเทียบเคียงดอกไม้สวยๆ ชนิดอื่น แต่จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมท่ามกลางแดดลม รวมไปถึงแม้ว่าใครสักคนเดินหลงผ่านทางมา(แม้จะในความฝัน)  หากปรารถนาจะเด็ดดอกน้อยขึ้นแซมเสียบผมก็แสนยินดี  เป็นบทกวีให้กำลังใจแด่คนเล็กๆ ที่ไม่สำคัญอะไร สกลรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงเหงาซ่อนหวานอยู่ในนั้น

และด้วยความรักในการอ่านหนังสือ สกลมีสมุดบันทึกเล็กๆ เล่มหนึ่งไว้สำหรับแปลงภาษาความรู้สึกเป็นตัวอักษร ร้อยเรียงถ้อยคำธรรมดาแต่ออกจากหัวใจพิเศษเก็บไว้  จากนั้นค่อยนำไปขยายความเป็นความเรียงบ้าง กวีนิพนธ์บ้าง เรื่องสั้นบ้าง ส่งตามหน้านิตยสารต่างๆล่าสุดเขาเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่สวยงามและนิรันดร์เหนือความรักฉาบฉวยแบบวัยรุ่นที่ไม่เข้าใจรักทว่ากลับพร่ำเพ้อหาอยู่ทุกเช้าค่ำ  โดยตั้งชื่อเรื่องว่า ‘เหนือคำว่ารัก’ ส่งไปยังนิตยสารสตรีรายปักษ์ฉบับหนึ่ง  ถึงแม้ผลตอบรับคือความเงียบหาย ทว่าเขาก็ไม่เคยหมดพลังที่จะเขียนฝันตัวเองต่อไป นั่นเพราะทุกครั้งที่เขียนสิ่งตอบแทบเบื้องต้นคือความสุข

สกลตักตวงความอ่อนหวานวันนี้ แล้วพรั่งพรูออกมาเป็นหน่อดอกไม้เล็กๆ ปลูกไว้บนกระถางกระดาษบันทึกบทหนึ่งโดยเขาตั้งชื่อว่า เพียงความรู้สึก สกลไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกสวยงาม ยามเมื่อได้เห็นเด็กสาวผู้มีนัยน์ตาประหนึ่งน้ำค้างยามเช้า สดใส เปี่ยมชีวิตชีวา คนนั้น แต่เขาปฏิเสธอารมณ์อย่างอื่นที่อาจแปรเปลี่ยนเป็นความหมกมุ่นอยากเป็นเจ้าของโดยขอหยุดความอ่อนหวานสวยงามนี้ไว้แค่ ‘เพียงความรู้สึก’

หลังจากเสร็จสิ้นหน้าที่การงาน ห้องสมุดหมดเวลาบริการ สกลจัดเก็บและปิดหน้าต่าง  ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่าง รวมถึงปิดประตูอะไรเสร็จ เขาช่วยถือของเล็กๆ น้อยๆ เดินไปส่งพี่บรรณารักษ์ที่

วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งเป็นเจ้าประจำและคุ้นเคยกันดีเหมือนทุกวัน จากนั้นจึงกลับมานั่งบนม้านั่งหินอ่อนใต้ร่มต้นตะแบกภายในบริเวณห้องสมุด ยังไม่อยากกลับบ้าน อยากอยู่กับความเงียบเพื่อมองดูกลีบดอกตะแบกสีม่วงร่วงหล่นลงมาเหมือนธารน้ำตกดอกไม้และฟังเสียงนกตัวเล็กๆ หยอกล้อกันตามพุ่มไม้ใกล้ๆ

สกลมองดอกตะแบกแล้วเผลอคิดถึงดอกตะแบกที่ป้อม ตัวละครเรื่องเวลาในขวดแก้ว พูดกับนัทวันที่ไปรับเธอกลับจากโรงพยาบาล แต่เธอไม่ได้บอกถ้อยคำที่ออกจากใจ ได้แต่ทิ้งเพียงข้อความในกระดาษแผ่นเศร้าๆ ในวันที่เธอจากไปให้นัทแทน

‘ตะแบกบาน...เธอเคยบอกจะเก็บให้

ฉันรอคอย...ชั่วชีวิตแต่วันนั้นไม่เคยมาถึง

สกลรู้สึกขอบตารื้นๆ ออกมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อนึกถึงฉากนี้ และต่อจากนั้นได้แต่ปล่อยให้หัวใจสนทนากับกลีบดอกตะแบกที่พลิ้วลงดั่งเรือน้อยสีม่วงอ่อนหวานสู่ผืนธารหญ้าสีเขียวอย่างไม่ขาดระยะ...แต่ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกกับปากกามาเขียนถ้อยคำอะไรบางอย่างลงไป พลันเสียงโทรศัพท์มือถือเรียกเข้าก็ดังขึ้น

“สวัสดีค่ะ...โทรมาแจ้งว่าเรื่องสั้นเหนือคำว่ารัก จะตีพิมพ์ในนิตยสารของเราฉบับหน้านะคะ...เลยอยากขอสำเนาบัตรประชาชน และหมายเลขบัญชีธนาคาร เพื่อโอนค่าเรื่องให้ส่งมาตามที่อยู่เดิมนะคะ หรือจะสะดวกส่งมาทางอีเมลก็ได้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ แล้วผมจะจัดการส่งไปให้ทางอีเมลพรุ่งนี้นะครับ”

“ได้ค่ะ...ขอบคุณค่ะ”

หลังจากวางสาย หัวใจสกลเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกดีใจจนอยากกระโดดร้องออกมาดังๆ แม้มันจะเป็นผลตอบรับครั้งแรกจากเรื่องสั้นที่เขาเฝ้าเขียนส่งมาตลอด แต่มันได้สร้างแรงหวังกำลังใจมหาศาลเพื่อต่อยอดใจมุ่งมั่นสู่ความเป็นนักเขียนในอนาคตข้างหน้า สกลปรารถนาเหลือเกินว่าตนเองจะก้าวเดินไปบนถนนสายอักษร เขียนรักให้หัวใจ ท่องไปในอุทยานวรรณกรรมที่เขาหลงใหลมาตลอดอย่างมีความสุข

 

ดึงมากแล้ว สายลมจากทะเลสาบพัดโชยเข้ามาทางหน้าต่าง หอบเอากลิ่นหอมรื่นของสายน้ำอ่อนๆ เข้ามาด้วย มันเป็นกลิ่นที่แทบจะหล่อหลอมเข้ากับสายเลือดทั่วทุกหยาด-หยดในร่างกายของสกลเลยก็ว่าได้ เด็กหนุ่มตั้งใจว่าจะเขียนฝันของตัวเองคืนละเรื่องนับแต่นี้ โดยใช้ตัวละครและฉากทั้งหมดในเรื่อง จากการได้สัมผัสผู้คนหลากหลายอาชีพ ที่อยู่ในชุมชนริมทะเลสาบที่เขารักแม้บางส่วนบางด้านจะแฝงมุมอัปลักษณ์ไว้บ้างก็ตามที แต่หากยึดเอาผืนทะเลสาบเป็นฉากใหญ่ ตัวละครที่โลดแล่นแสดงอยู่ในฉากผืนนี้ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองดีที่สุดแล้ว‘เขาผู้ปลูกดอกไม้บนกระดาษสีขาว’... สกลตั้งชื่อเรื่องไว้อย่างนี้ 

ธรรมชาติได้มอบความสวยงามบริสุทธิ์ให้กับทุกคนริมฝั่งทะเลสาบ มอบความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรน้ำให้ทุกสรรพชีวิตได้อาศัยดำรงชีพอย่างพอเพียง แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไป ความเจริญแบบที่แฝงด้วยคมอันตรายในรูปแบบของการล้างผลาญธรรมชาติดั้งเดิม สภาพจิตใจของผู้คนเปลี่ยนไปตามธรรมชาติที่ถูกทำลาย แต่อย่างน้อยๆ ในความเสื่อมทรามนั้นยังมีสิ่งดีงามเจือปนอยู่เพื่อเป็นกำลังใจแด่ผู้ศรัทธาในคุณงามความดีเสมอ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

             สกลจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ เริ่มเขียนเรื่องแรกทันที เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาเจอหน้าเกือบทุกเช้าที่ริมฝั่งทะเลสาบ...

 

 

 

 

(-คืนแรก-)

เรื่องของ ‘พี่ชาย’

 

ทันทีที่แสงแรกสาดทอเป็นลำทวนเงินพุ่งมาจากฟากฟ้าทิศตะวันออก  หลังจากถูกม่านดำราตรีครอบแผ่คลุมตลอดคืน หมู่บ้านริมฝั่งทะเลสาบแห่งนี้จึงไม่ต่างจากดอกไม้แรกเช้า ชุ่มชื่น เอิบอิ่ม กับวันใหม่ ทุกชีวิตตื่นฟื้นรับอรุณและเริ่มดำรงโคจรแห่งตนกันอีกครั้ง

“พี่ไปเก็บไซก่อนนะ...สาว”  เสียงพี่ชายตะโกนบอกน้องสาวชื่อ‘สาว’ ให้รีบลุกขึ้นจัดเก็บที่นอนหมอนมุ้ง เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่า หุงข้าว และกินข้าวก่อนไปโรงเรียน

สิ้นเสียงของพี่ชายสาวรีบจัดการกับกิจวัตรประจำวัน เก็บที่นอนหมอนมุ้ง พับเข้าที่ ก่อนจะเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวพร้อมอาบน้ำเสร็จสรรพ แล้วออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักเรียนหญิง  ปีนี้เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม ซึ่งนั่นหมายถึงว่า หลังจากพ่อกับแม่ประสบเคราะห์กรรมแบบปัจจุบันทันด่วน เพราะพิษความขัดแย้งลามยืดเยื้อในสามจัดหวัดไม่ใกล้ไม่ไกลจากจังหวัดที่เธอกับพี่ชายอาศัยอยู่ ตลอดระยะเวลาอันเคว้งคว้างเปลี่ยวเหงานี้ เธอมีพี่ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ในคนคนเดียวกันตลอดมา

วันที่ร่างไร้วิญญาณของพ่อกับแม่ถูกเปลวเพลิงย่อยสลายกลายเป็นพวยควันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทางยอดเมรุ เธอร้องไห้จ้าวิ่งเข้าโผกอดพี่ชายผู้ครองผ้าเหลืองบวชหน้าไฟให้พ่อกับแม่

“ไม่ได้นะหนู ไม่ได้นะลูก ผู้หญิงโดนผ้าเหลืองไม่ได้...” ญาติๆ หลายคนเอ่ยปากปรามอย่างนี้ แต่เธอจำได้ว่าเจ้าอาวาสกล่าวขึ้นท่ามกลางความสับสนนั้น

“ไม่เป็นไรหรอกโยม... ให้น้องสาวได้กอดพี่ชายเถอะ”

ตอนนั้น เธออ่อนแอเกินกว่าจะยอมรับรู้ว่า ต่อแต่นี้ไปจะไม่เห็นร่างพ่อกับแม่อีกชั่วนิรันดร์ และคนๆ เดียวเท่านั้นในโลก ที่จะช่วยประคับประคองสายป่านชีวิตอันจะขาดแหล่มิขาดแหล่ของเธอให้ดำรงอยู่ได้ คือพี่ชาย

“สาว...พี่จะดูแลน้องเอง พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว...อย่ากลัวนะน้องนะ...”  เสียงสั่นเครือของพี่ชายในวันนั้นเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจดวงแห้งระแหง คือพลัง คือความหวังยิ่งใหญ่สำหรับเด็กน้อยเช่นเธอ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ พี่ทำงานทุกอย่างที่พ่อกับแม่เคยทำ ออกเรือวางไซในทะเลสาบ หาปลา แล้วเอาไปขายตลาดนัด ทิ้งการศึกษาซึ่งกำลังไปได้ดีเพียงแค่มัธยมต้น หาเงินส่งเสียให้น้องเรียน...สาวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ขณะรอหม้อหุงข้าวดีดขึ้นจากหุงเป็นอุ่น  เธอต้องหุงข้าวกินก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ไม่ต้องการไปเสียเงินซื้อกินข้างนอก กับข้าวก็ได้ปลาที่พี่หามา ตากแห้ง หรือไม่ก็แกงง่ายๆ พอสองปากสองท้องได้อิ่มกัน

หลังจากจัดการกับมื้อเช้าเสร็จ สาวจัดเตรียมสำหรับพี่ชายครอบฝาชีไว้อย่างเรียบร้อยก่อนลงจากบ้านปิดประตูปั่นจักรยานคู่กายไปโรงเรียนเธอปั่นจักรยานลัดเลาะไปทางถนนสายเล็กๆ มุ่งไปสู่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอใกล้ๆ

สาวปั่นไปพลางคิดถึงเหตุการณ์วันนัดพบผู้ปกครองเมื่อวานไปด้วย ไม่นึกเลยว่าพี่จะมา...มาด้วยชุดเสื้อและกางเกงตัวออกงาน ซึ่งเมื่อก่อนมันเคยเป็นของพ่อ ถูกรีดพับเก็บเข้าตู้ไม่ได้ใช้มานานแล้ว ทันทีที่เห็นพี่ สาวถึงกับยิ้มด้วยความตื้นตันใจ ภาพของพี่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวใหญ่โคร่ง สวมกางเกงผ้าลินินขายาวสีกรมท่า  คาดเข็มขัดหนัง สวมรองเท้าลำลองสีน้ำตาลเก่าๆ ผมเผ้ารกกระเชิง ดูขัดๆ เขินๆ น่าขบขันสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับน้องสาว  ภาพพี่ที่เห็นเมื่อวานมีร่างพ่อรวมอยู่ด้วย  เธอตื้นตันใจถึงกับขอบตารื้นด้วยน้ำตาที่เอ่อท้นจากความรู้สึกเคารพรักและศรัทธาพี่ชายคนเดียวของเธออย่างที่สุด

ที่ผ่านมาสาวตอบสนองความรักห่วงใยของพี่ ด้วยการตั้งอกตั้งใจเล่าเรียน ไม่เหลวไหลนอกลู่นอกทาง เอาความรักเป็นแรงสร้างทำ แปรโศกช้ำเป็นกำลังใจ จนผลการเรียนของเธอเกรดเฉลี่ยรักษาระดับอยู่ที่ ๔.๐๐ มาตลอดตั้งแต่ชั้นมัธยมหนึ่ง

สาวปั่นจักรยานเรื่อยๆ โดยไม่รีบเร่งอะไรมากนัก อากาศยามเช้าๆ สดชื่นสบาย สายลมรินพัดเรื่อยให้รู้สึกราวกับตัวเองล่องลอยเป็นผีเสื้อตัวน้อย สิ้นเวลาไม่นานก็มาถึงโรงเรียน นำจักรยานไปจอดยังโรงจอดรถสำหรับนักเรียนเสร็จ เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเรียน จัดการทำหน้าที่ของตนตามชั้นเรียนมอบหมายอะไรเรียบร้อย เธอก็เดินมานั่งเล่นบนม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางริมสนามฟุตบอลเตรียมเข้าแถวหน้าเสาธงเหมือนทุกวันระหว่างนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหูพลันได้ยินเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังขึ้นมาใกล้ๆ พอหันไปดูจึงเห็นนักเรียนหญิงกลุ่มใหญ่กำลังห้อมล้อมเพื่อนคนหนึ่งในนั้นแล้ว พากันร้องเพลงอวยพรวันเกิด พร้อมกับยื่นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มอบให้ ด้วยเสียงนั้นทำให้เพื่อนๆ นักเรียนทั้งหมดที่ได้ยินหันมองเป็นสายตาเดียวกัน

สาวพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงเลิกสนใจ แต่พลันนั้นเองความรู้สึกหนึ่งก็วูบขึ้นมาในหัวใจเธอ... ‘วันเกิด’ จริงสินะ...วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอเหมือนกันพอคิดได้ดังนี้สายตาเธอก็พร่าไหวด้วยความรู้สึกคิดถึง ‘แม่กับพ่อ’ และเพื่อสกัดความอ่อนแอที่กำลังก่อตัวเป็นก้อนแข็งๆ เอ่อจุกขึ้นมาในลำคอ ก่อนที่มันจะถั่งท้นออกมาเป็นน้ำตา เธอรีบลุกขึ้นเดินไปยังกลางสนามฟุตบอล ตากแดดสดเช้า เพื่อต้องการหักดิบอารมณ์อ่อนแอนั้น ซึ่งมันก็ได้ผล...

ตลอดวันนั้นสาวพยายามใช้ความมุ่งมั่นต่อหนังสือตำราเรียนมากลบทับความรู้สึกปวดร้าวของตัวเอง เธอไม่ยอมปล่อยให้ความคิดด้านบั่นทอนความเข้มแข็งมารุกรานได้ คาบไหนว่างก็รี่เข้าห้องสมุดหยิบหนังสือที่เกี่ยวข้องกับวิชาเรียนมานั่งอ่านทันที

ตกเย็นกลับบ้าน ตามเส้นทางสายเดิม รถจักรยานคันเดิม แต่พอเปิดประตูบ้านขึ้นไปเธอพลันพบกับความประหลาดใจใหญ่หลวง เมื่อพี่ชายยื่นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลขนฟูน่ารักให้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ...น้องสาวของพี่...”

เธออาจจะสามารถแปรความรู้สึกอ่อนแอเศร้าช้ำในเรื่องอื่นๆ เพื่อกลายเป็นพลังในการศึกษาเล่าเรียนได้ แต่สำหรับความรู้สึกนี้ วินาทีนี้ เธอมิอาจสกัดห้ามความตื้นตันใจมหาศาลที่ถั่งท้นเพิ่มพูนออกมาจากภายในอีกต่อไป โผเข้าสวมกอดพี่ชายอย่างแสนรักพร้อมกับปล่อยโฮออกมาหลั่งน้ำตาเปื้อนเสื้อสีมัวของพี่จนเปียกชื้น

สาวรู้ดีว่า พี่ต้องเจียดเงินจากหยาดเหงื่อแรงงานหาปลา กว่าจะกลายเป็นเงินได้สักบาทสักสตางค์มิใช่ง่ายๆ เพื่อซื้อสิ่งของพิเศษมอบให้เธอเนื่องในวันที่ถูกสมมุติและสร้างค่านิยมสิ้นเปลืองตามๆ กันเหมือนแฟชั่น

“ต่อไปไม่ต้องซื้ออะไรให้นะคะ ไม่ต้องซื้อ ฮือๆๆๆ”

สาวสะอื้นพร้อมกับร้องบอกพี่ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ขณะที่สายตาได้เพ่งผ่านม่านน้ำตามองไปยังตุ๊กตาหมี ซึ่งแม้ว่าจะตัวเล็กกว่าที่เธอเห็นเมื่อเช้ามากนัก แต่ในความรู้สึกของสาว มันคือตุ๊กตาหมีที่น่ารักที่สุดในโลก.

๐๐๐๐๐๐๐๐๐

สกลจบเรื่องราวชีวิตของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ถูกโชคชะตาพลิกผันกะทันหันจนต้องเลิกเรียนกลางคันแล้วออกไปกรำงานหนักหาเงินส่งน้อยสาวเรียนหนังสือ ทุกวันสกลเห็นเขานำเรือน้อยออกหาปลาในทะเลสาบ ภาพของเขาช่างยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากภาพผู้เฒ่าซานติเอโก ในเรื่อง The Old Man and the Sea หรือ ‘เฒ่าผจญทะเล’ สกลรู้สึกชื่นชมพี่ชาย-น้องสาว คู่นี้เป็นอย่างมาก

รายละเอียด

สารบัญ

 

(-ปฐมบท-) นักปลูกดอกไม้                                       ๑

 

(-คืนแรก-) เรื่องของ ‘พี่ชาย’                                              ๔

(-คืนที่สอง-) เรื่องของ ‘ยายจันทร์'                                        ๗

(-คืนที่สาม-) เรื่องของ ‘วันโปรด’                                         ๑๐

(-คืนที่สี่-) เรื่องของ ‘โลดแล่นดั่งผีเสื้อ’                                   ๑๓

(-คืนที่ห้า-) เรื่องของ ‘เหนือมิตรภาพ’                                    ๑๖

(-คืนที่หก-) เรื่องของ ‘พลังภายใน’                                      ๑๙

(-คืนที่เจ็ด-) เรื่องของ ‘ภายในอกข้างซ้าย’                              ๒๒

(-คืนที่แปด-) เรื่องของ ‘สายสัมพันธ์’                                    ๒๕

(-คืนที่เก้า-) เรื่องของ ‘ลุงเคล้า’                                          ๒๘

(-คืนที่สิบ-) เรื่องของ ‘ฟ้าใส’                                             ๓๑

(-คืนที่สิบเอ็ด-) เรื่องของ ‘ทุกวันคือชัยชนะ’                             ๓๔

(-คืนที่สิบสอง-) เรื่องของ ‘วัยเยาว์ที่แสนสวย’                           ๓๗

(-คืนที่สิบสาม-) เรื่องของ ‘พวยควันในแววตา’                          ๔๐

(-คืนที่สิบสี่-) เรื่องของ ‘ด้วยศรัทธายังเหลืออยู่’                         ๔๓

(-คืนที่สิบห้า-) เรื่องของ ‘นัยน์ตาคู่เดิม’                                  ๔๖

(-คืนที่สิบหก-) เรื่องของ ‘ลุงเติม’                                         ๔๙

(-คืนที่สิบเจ็ด-) เรื่องของ ‘เหล็กในหนังสือ’                              ๕๓

(-คืนที่สิบแปด-) เรื่องของ ‘คำมั่นสัญญา’                               ๕๖

(-คืนที่สิบเก้า-) เรื่องของ ‘จนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า’                        ๕๙

(-คืนที่ยี่สิบ-) เรื่องของ ‘ความเศร้าต้องไม่อยู่กับเรานาน’                ๖๒

(-คืนที่ยี่สิบเอ็ด-) เรื่องของ ‘ทิพยรสจากดิน’                             ๖๕

(-คืนที่ยี่สิบสอง-) เรื่องของ ‘พรแสวงจากรัก’                             ๖๘

(-คืนที่ยี่สิบสาม-) เรื่องของ ‘ครูแคล้ว’                                   ๗๑

(-คืนที่ยี่สิบสี่-) เรื่องของ ‘เจ้าสาวของคนหาปลา’                        ๗๔

(-คืนที่ยี่สิบห้า-) เรื่องของ ‘ความรัก’                                     ๗๗

(-คืนที่ยี่สิบหก-) เรื่องของ ‘ศิลปินเพลงใบไม้’                           ๘๐

(-คืนที่ยี่สิบเจ็ด-) เรื่องของ ‘สายฝน’                                     ๘๓

 

(-ปัจฉิมบท-) หน้าต่างความรู้สึก                                ๘๖


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024