ประกาศิตรักเหนือมังกร (นางแก้ว) (EBOOK)

ประกาศิตรักเหนือมังกร (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ประกาศิตรักเหนือมัง
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1 มังกร กับ หงส์

 

            ท้องฟ้ากว้างใหญ่ สีฟ้าคราม ภายใต้ฟากฟ้านี้มีชีวิตมากมายต้องดิ้นรน แย่งชิง และการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

หนึ่งในใต้หล้านี้ยังมีสตรีหนึ่งมีความคิดมั่นคง และความมุ่งมาดปรารถนาอันแรงกล้ายิ่งนัก นางมีนามอันเรียบง่ายว่า จื่อหลานแซ่จง นามจริงคือ จงจื่อหลาน

เรือนร่างของนางสูงโปร่ง มีเรือนร่างอ้อนแอ้น แต่มีความแข็งแกร่งอย่าน่าสนเท่ห์ นางสามารถแบกชายสองคน หรือสตรีสี่คน ได้ในคราวเดียวเหตุที่นางมีร่างกายแข็งแรง เพราะบิดานางเป็นนักท่องยุทธภพลือนาม จงหวู่ เขาผู้มีเพลงกระบี่ล้ำเลิศ และเพลงมวยหมัดพิสดาร เขาได้ฝึกฝนบุตรสาวให้เป็นจอมยุทธหญิงผู้มีวิชาล้ำเลิศอันดับหนึ่งในแหล่งหล้านี้

จงจื่อหลานถูกเลี้ยงให้แข็งแกร่ง แต่แท้ที่จริงนางกลับเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน น่ารัก และมีวาจาชอบหยอกล้อยามอยู่กับมารดา

อดีตของบิดาเป็นที่รู้จัก ของทางการ และชาวยุทธ จนกระทั่งเขาเร้นตัวหายไปจากวงการ เมื่อเขาได้พบหญิงงามซึ่งนางเป็นเพียงคณิกา นามว่าเหมยฮัวนางถูกขายตัวมา ยังไม่ได้รับชายใดมาก่อน จงหวู่ซื้อตัวนางด้วยเงินทั้งหมดที่มี จากนั้นเขาได้ถอนตัวออกจากยุทธภพ ไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา

ตลอดเวลาเขาเฝ้าแต่รอให้มีลูกชายสักคนหนึ่งจากภรรยา แต่เหมยฮัวไม่สามารถมีให้กับเขาได้ จวบจนอายุทั้งสองมากเข้า เหมยฮัวกลับตั้งครรภ์ แต่นางคลอดเด็กหญิงออกมาให้สามีเชยชมด้วยความผิดหวัง

“ท่านพี่” นางกล่าวขณะอุ้มลูกน้อยไว้ในอก ให้กินนมหยดแรกที่เพิ่งกลั่นออกมา นางมีน้ำตาเอ่อคลอ

“ข้าคงไร้วาสนามีบุตรชายให้ท่านได้ชื่นชมแล้วค่ะ ทั้งที่ท่านสู้อุตส่าห์รอคอยมานานเกือบยี่สิบปี แต่ข้ามีความสามารถเพียงเท่านี้”

จงหวู่นั่งข้างเตียงภรรยา โอบนางมาไว้แนบอก เขี่ยแก้มบางใสของทารกหญิง ซึ่งมีอายุไม่กี่วัน แม้ในใจผิดหวัง หากความเป็นบิดาไหนเลยจะไม่รักทารกน้อยนางนี้ได้ เขายิ้มในสีหน้ากล่าวเสียงอ่อนโยนต่อผู้เป็นภรรยาว่า

“กำเนิดคนจะโทษสตรีเพียงฝ่ายเดียวหาได้ไม่ พี่ไม่ใช่ชายไร้เหตุผลปานนั้น เมื่อเราสองมีบุตรออกมานับว่าเป็นวาสนาแล้ว เรียกนางว่าจื่อหลานก็แล้วกัน”

“จื่อหลาน จื่อหลาน ข้าชอบนามนี้นัก แม้เป็นเพียงต้นหญ้า หากนางมิใช่เพียงหญ้าธรรมดาให้คนเหยียบเล่น หญ้าอย่างนางเป็น

**จื่อหลาน  แปลว่า หญ้าโบราณ มีกลิ่นหอม

 

ยารักษาคน ต่อไปลูกสาวคนนี้อาจช่วยคนได้มากมายก็ได้นะคะท่านพี่”

จงหวู่ เหลือบมองกระบี่สวมปลอกเงินตีลายนูนเป็นรูปขุนเขา ท้องฟ้าและสายน้ำ หมายความว่าเขาท่องเที่ยวไปทุกแหล่งหล้า รับจ้างล่าค่าหัวคนพาล การฆ่าคนนำมาซึ่งเงิน เขาฆ่าคนชั่ว ดังนั้นบาปจึงไม่เคยติดอยู่ในใจของเขา

จวบจนเขาได้พบสตรีอ่อนหวานผู้นี้ นางเอ่ยเพียงประโยคเดียวเท่านั้นทำให้เขาร่วมใช้ชีวิตกับนาง

“พ่อข้าเป็นโจร เมื่อสิ้นพ่อ ข้าเป็นเพียงสตรีผู้ดูแลตัวเองไม่ได้ ข้าถูกพาตัวมาที่นี้ด้วยการฉุดลากไม่เต็มใจ หรือสายเลือดโจรยังทำให้ข้าต้องแบกรับกรรมที่ข้าไม่ได้ก่อด้วยเล่าคุณชาย”

โจร คนดี เศรษฐี ยาจก หรือพวกนี้ไม่ได้เรียกคำเดียวว่า คน ค่าของคนอยู่ที่ ค่าหัวที่เขาไล่ล่ามาหรือ หรือว่าค่าของชีวิตสตรีในหอคณิกาจะนับรวมกันได้หรือไม่

เขาท่องยุทธภพค่ำไหนนอนนั่น ต่อไปหรือเขาจะไม่ชรา หรือเขาจะไม่มีการพลัดพราก แก่ตาย คิดได้เช่นนั้นเขาจึงถอนตัวออก ลบชื่อตนเองออกจากยุทธภพนักล่าค่าหัว

การใช้ชีวิตราบเรียบทำให้เขามีความสุข มีภรรยาดี แต่ไร้บุตรชายสืบสกุล

เพลานี้เขาได้บุตรสาว อายุเขาไม่ใช่น้อยแล้ว บุตรสาวของเขาหากไม่มีวิทยายุทธติดตัว อาจบางทีนางจะถูกรังแกดั่งมารดาของนางที่โดนฉุดคร่าไปขายให้กับซ่องนางโลม

ความคิดป้องกันคนจึงต้องมี จงหวู่ถ่ายทอดวิชาป้องกันตัวและทำลายล้างศัตรูให้กับบุตรสาวอย่างหมดทุกสุดยอดวิชา

เด็กหญิง จื่อหลาน จึงเติบโตมาพร้อมเพลงกระบี่ และหมัดมวย นับแต่นางยังพูดได้ไม่ชัด เมื่อนางอายุได้เก้าปีมารดาของนางจากไปด้วยโรคร้าย จงหวู่จึงทุ่มเทความรักให้กับบุตรสาวเพียงคนเดียวให้เป็นยิ่งกว่าแก้วตา ดวงใจ ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ที่เขารู้ ให้แก่จื่อหลาน จนนางเป็นหนึ่งอย่างที่บิดาต้องการ

จื่อหลานสามารถดัดแปลงพลิกแพลงเพลงดาบเอาชนะบิดาได้ครึ่งเพลง จงหวู่พึงพอใจยิ่งนักที่ลูกสาวเป็นได้ดังใจ

กาลเวลาผ่านมาอีกไม่นาน จงหวู่ล้มป่วยหนัก มีความห่วงบุตรสาวมาก แม้นางจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธแล้วก็ตามที

“อาหลาน” เสียงแหบของบิดาเรียกจื่อหลานเข้าไปใกล้ นางถือชามยามาให้ หากบิดาของนางปัดออก

“ท่านพ่อ ท่านต้องกินยานะคะ”

“พ่อย่อมรู้ว่ากินหรือไม่กิน บัดนี้ย่อมมีค่าเท่ากัน”

“ท่านพ่อ ได้โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้น”

“อาหลาน” เสียงบิดาเอ่ยปราม แม้แหบแห้ง ยังฟังออกว่าดุนาง

“สตรีผู้มีน้ำตามีไว้เพื่อล่อให้บุรุษตกอยู่ในกลลวงได้หลายประการ น้ำตานางหมายความว่าต้องการสิ่งของ น้ำตาสตรีไหลริน เพื่อขอความเห็นใจ น้ำตาสตรีมีไว้เพื่อล่อลวงให้คนหลงใหล น้ำตาสตรี มีไว้เพื่อหลอกลวง น้ำตาสตรีหลั่งรินเพราะอ่อนแอ อาหลานน้ำตาของเจ้าเป็นสิ่งที่พ่อหวงแหนนัก เจ้าอย่าได้รินไหลออกมาง่ายเช่นนี้”

“ท่านพ่อ” จื่อหลานสะท้อนในอก ท่านพ่อของนางไม่ชอบให้นางอ่อนแอ ไม่ให้นางร้องไห้ ท่านเลี้ยงนางมาราวกับว่าท่านพร้อมจะตายจากไปอย่างไร้กังวลทุกเมื่อ เฉกเช่นเวลานี้ ลมหายใจของบิดาอ่อนลงทุกที

“แม้เจ้าไม่ใช่ชาย แต่ไม่ได้ความว่าเจ้าไม่แข็งแกร่ง พ่อปรารถนาให้เจ้าไร้คู่ มากกว่ามีคู่แล้วโดนกดขี่ เจ้าย่อมเข้าใจใช่มั้ยอาหลาน”

“ค่ะท่านพ่อ” จื่อหลานรับคำเสียงแผ่วเบา

ความงดงามหมดจดของนางทำให้มีแม่สื่อมาติดต่อให้บุรุษทั้งฐานะดี และฐานะเดียวกัน หากท่านพ่อของนางปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ไปทุกคน

บัดนี้อายุของนางสิบเก้าปีแล้ว หากนับการมีคู่กับสาวในหมู่บ้านเดียวกัน จื่อหลานเกินวัยไปแล้ว หากนางคิดแต่งงาน คงต้องเสียเงินให้แม่สื่อหาผู้ชายมาให้อีกหลายเท่าตัว

“อย่าอยู่อย่างเงียบเหงา เจ้ามีความสามารถ เจ้าสามารถทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเอง หรือผู้อื่นได้ เจ้าต้องไป”

“ท่านพ่อ” จื่อหลานอุทานอย่างตกใจ

“เหตุใดท่านพ่อจึงมีความปรารถนาเช่นนี้ ท่านไม่ให้ลูกคิดเรื่องแต่งงาน เรื่องนั้นข้าย่อมไม่ฝักใฝ่ แต่จะให้ข้าแบกรับภาระของผู้คน ข้าไม่อาจทำได้ดีหรอกค่ะท่านพ่อ ข้าไม่เคยมีไมตรีให้ใคร” น้ำเสียงของจื่อหลานแข็งขึ้น และฟังเย็นชา ซึ่งทำให้จงหวู่เปล่งเสียงหัวเราะ ก่อนหอบแรง ย้ำเรียกชื่อบุตรสาวอย่างสมใจ

“อาหลาน พ่ออยากเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ แม้ได้ชื่อว่าเย็นชา แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้ายิ้มไม่เป็น เจ้าจงเดินทางตามที่พ่อปรารถนา”

กล่าวจบ จงหวู่อาเจียนออกมาโดยแรง จื่อหลานถลันไปหยิบกระโถน พร้อมกับโผกลับมาที่ท่านโดยเร็ว นางเพิ่งทราบว่า ท่านพ่อของนางมีความปรารถนามากเกินกว่าที่จะให้นางเป็นหญิงเร่ร่อน กำพร้า

“อาหลาน หากเจ้าจะมีคู่ คู่เจ้าไม่ให้เกียรติแล้วไซร้ เจ้าอย่ามีคู่เสียจะดีกว่า” จงหวู่อาเจียนออกมาเป็นโลหิต จื่อหลานเปล่งเสียงร่ำไห้โฮ

“ท่านพ่อ ท่านพ่อขา ลูกรับปากท่านแล้ว ท่านพ่อ ท่านพ่ออย่ากังวลอีกเลย”

 ท่านจับมือนางบีบแน่น กายกระตุกสามครั้งก่อนไฟธาตุในร่างแตก เหงื่อกาฬท่วมท้นและสิ้นใจตายในอ้อมกอดของบุตรสาว

ซึ่งนางย่อมรู้ความปรารถนาแท้จริงของบิดา ท่านต้องการบุตรสาวที่มีความแข็งแกร่งเยี่ยงบุรุษ ท่านต้องการลูกชาย ‘มังกร’ สำคัญกว่าจื่อหลาน ซึ่งเป็นสตรีนักหรือ นางจะเป็นหงส์ที่เหนือมังกรจะได้มั้ย!

ที่เนินสูง มีขุนเขาใหญ่อยู่เบื้องหลังหลุมศพ ป้ายปักนาม จงหวู่ จอมกระบี่สะท้านแผ่นดิน

สตรีสวมชุดปอ นั่งเผากระดาษต่อป้ายหลุมศพ จงหวู่  แม้ยามนี้สีหน้าของนางหม่นหมองเพราะบิดาบังเกิดเกล้าได้จากไปแล้วตลอดกาล

นับจากนี้ต่อไปนางต้องต่อสู้อย่างเดียวดาย  ต่อหน้าท่านพ่อ ยามท่านมีชีวิตอยู่ ท่านมิให้บุตรีคนนี้ร่ำไห้ จื่อหลานสัญญาต่อบิดา จะมีวันนี้เท่านั้นที่นางไม่อาจกลั้นน้ำตาแห่งความสูญเสียไว้ได้นางจึงปล่อยให้มันร่วงรินอย่างไม่ขาดสาย

ใบหน้านางงดงามของนางมีแต่ความราบเรียบ เยือกเย็น ไร้ความรู้สึกให้อ่านได้ นอกจากวาจาที่กล่าวต่อหลุมศพบิดา

            “ท่านปรารถนา มีบุตรชาย หากแต่กำเนิดข้า จงจื่อหลาน แม้ว่าข้าเป็นสตรีท่านยังเลี้ยงดูข้าดุจดวงใจของท่าน ท่านพ่อท่านรับคารวะจากลูกด้วยเถอะ หาก จื่อหลาน ทำไม่ได้ดังวาจาที่ลั่นไว้ จื่อหลาน ผู้นี้จะไม่มีหน้ามาให้ท่านได้ผิดหวังอีก”             

หากมีผู้ใดเล็ดลอดได้ยินวาจา แลท่าทางของนางยามนี้แล้ว คงต้องยอมรับฟังว่า นางต้องทำดังวาจานั้นได้เป็นแน่แท้

            จื่อหลาน สาวเท้าขึ้น โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งที่พักพิง และร้านขายสุรา อาหาร ขณะนางกำลังจะเดินเข้าไปภายใน ปรากฏชายหนุ่มหนึ่งชนใส่นางเต็มแรง

“ไฮ้” นางร้องไฮ้ออกมาคำหนึ่ง

 “ขออภัย” มันกล่าวขอโทษนาง

 “ไม่เป็นไร” จื่อหลานไม่ติดใจเอาโทษในการชนของมัน ด้วยเห็นเป็นโทษเพียงน้อยนิด แต่นางได้ยินเสียงจากเบื้องหลังนางดัง

เผียะ

นางหันขวับไปมองทันที ภาพที่เห็นคือ บุรุษแต่งกายชุดขาว เรืองร่างสูงสมชายชาตรี ชายผู้นี้มีใบหน้างามสง่าหากดูเย่อหยิ่งในตนเองยิ่งนัก จื่อหลานใส่ใจต่อการกระทำนั้น ด้วยเหตุเพราะชายแต่งกายซอมซ่อเป็นต้นเหตุชนนาง หรือว่า บุรุษคนนั้นลงโทษแทนนาง

เสียงทุ้มห้าวตวาดใส่ชายผู้โดนตบ

            “ยังไม่คืนของที่เจ้าฉกฉวยมาหรือ”

 จื่อหลานฉุกใจคิดเห็นผิดท่า นางคลำถุงเงินของนางหากแต่พบความว่างเปล่า ใบหน้างามเปลี่ยนสี ไถ้ใส่เงินหายไปแล้วจริงๆ นางเข้ามาในเมืองเพียงวันแรกนางกลับเสียที

นางเปล่งวาจาด่าคนที่นางให้อภัยพร้อมทะยานเข้าใส่

 “เจ้าคนชั่ว” นางต่อยตีขโมยไม่ยั้งมือ มันผู้นั้นสะบักสบอมอย่างเห็นได้ชัด บุรุษคงเค้าสง่างาม โบกมือห้ามพลางชูไถ้ใส่เงินให้ได้คลายโทสะ

 “ของๆเจ้าอยู่นี้แล้วอย่าได้ลงมือต่อมันอีก”  

“ข้าจะจับมันไปกรมการเมือง”

“อย่าได้ยุ่งยากไปเลยน่า เจ้าก็ได้เงินคืนแล้วมิใช่หรือ” 

“มาดว่าเป็นเช่นนั้น...แต่มันคงไม่เข็ดหลาบ สุนัขชั่วหากินโดยทุจริตเช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้มันเสนอหน้าอยู่ให้มันทำความเดือดร้อนให้ผู้คนได้อีก”

บุรุษรูปงามชุดขาว ปรายตามองจื่อหลาน ในสายตาของอีกฝ่ายทำให้จื่อหลานรู้สึกร้อนวูบไปทั้งกาย สายตาที่นางอ่านได้ว่า นางใจดำ ไม่เพียงแต่จื่อหลานเดาใจคนผู้นั้นออก หากวาจาที่เปล่งออกมาจากปากเขายิ่งตอกย้ำชัดเจนมากขึ้นไปอีก ด้วยการเอ่ยด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง

 “ช่างเป็นสตรีที่ไร้น้ำใจนัก”

            “ท่าน” จื่อหลานอุทานเรียกชายผู้เย่อหยิ่งด้วยความขุ่นเคืองยิ่งนัก แต่ยังไม่ทันได้โต้วาจา นางเป็นฝ่ายโดยดูแคลนอีกซ้ำ

 “เรื่องแล้วไปแล้วไม่รู้จักเลิกรา เมื่อของเจ้าไม่เสียหายก็ถือว่ามันไม่มีผิด...นี่หากเราปล่อยปละไปแต่แรกเจ้าคงไม่รู้เรื่อง ต้องหมดตัวตามประสาหญิงบ้านนอกเท่านั้นเอง”  วาจาของเขาช่างสร้างความสะเทือนหูให้จื่อหลานมิใช่น้อย เขาด่าทอนางว่าเป็นคนบ้านนอก ย่อมหมายความว่าไร้การอบรม และไม่มีน้ำใจอันดี

            จื่อหลานปลดปล่อยชายแต่งกายมอซอให้เป็นอิสระ ด้วยการผลักไสเต็มแรง ก่อนประสานมือคารวะคุณชายรูปงามแต่มีวาจาระคายหูหญิงสาวยิ่งนัก จากนั้นนางกล่าวเย็นชาว่า

            “ข้าขอรับน้ำใจในการช่วยเหลือของท่านเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งนั้นสักวันข้าคงได้ให้ท่านเป็นหนี้ข้าบ้าง”

            “อะไรนะ นางคนบ้านนอก เจ้ากล้ากล่าวล่วงเกินข้าถึงเพียงนี้ เจ้าเข้าใจว่าตัวเองเป็นใคร”

            “ข้าย่อมเข้าใจว่าข้ายังเดินดิน และเจ้ายังเดินดินเช่นข้า ตราบใดฝ่ายหนึ่งไม่ตาย ย่อมมีโอกาสพบพานกันแน่นอน”

กล่าวจบจื่อหลานถอยกายออกมา ไม่เข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างที่ตั้งใจ

 ใช่แล้ว นางย่อมฝืนทานอะไรไม่ลง ตราบใดที่มีบุรุษเย่อหยิ่งผู้นั้นเข้าไปอยู่ในร้านเดียวกัน

เสี่ยวเอ้อ คนหนึ่งเอ่ย

 “ท่าทางไม่ใช่ชาวเมืองนี้กระมัง นางจึงไม่รู้จัก ท่านชายหวัง”

            ท่านชายหวังเทียนเว่ยไม่แยแสสนใจ ดังนั้นเวลาต่อมาต่างคนจึงต่างไป                    

            ‘สตรีบ้านนอก’ ถ้อยคำนี้บาดหัวใจจื่อหลานอย่างไม่อาจลืมได้ นางก้มมองเสื้อแดง หมวกสานปิดบังด้วยผ้าบางสีขาว แม้นางเป็นสตรีบ้านนอกจริงแต่นางกลับยอมรับวาจาของอีกฝ่ายไม่ได้

            นางยิ่งแปลกใจตัวเองยิ่งนัก เหตุใดนางจึงสลัดถ้อยวาจาเหยียดหยามนั้นนั้นไม่หลุดไปจากห้วงนึก ยิ่งสลัดดูเหมือนมันกลับสะท้อนดังยิ่งขึ้น

            เวลาต่อมา จื่อหลานอยู่ในชุดสตรีชาวเมืองกลมกลืนกับหญิงสาวทั่วไป นางถือห่อผ้าเดินไปตามเส้นทางเข้าเมืองหลวง

            จื่อหลานเดินลัดเข้ามุมหนึ่ง ปรากฏชายในเครื่องแบบทหาร นางเข้าไปใคร่ถามทาง แต่กลิ่นสุราออกจากกายของมัน ทำให้นางผงะถอย แต่เมื่อนางถอย มันผู้นั้นกลับถลันกายเข้ามาลวนลาม

            จื่อหลานมิอาจทนต่อความกักขฬะของบุรุษผู้เมามาย แม้อยู่ในเครื่องแบบทางการ นางจึงยกเท้าถีบอีกฝ่ายกระเด็นติดกำแพง เจ้าของเท้านั้นยังตามมาหมายซ้ำให้สาสม

            ภาพการซ้อมทหารในสังกัดหวังทำให้เกิดความโมโหแก่ชายผู้สวมชุดขาว หากวันนี้เป็นสีเงินยวง

“อะไรกันนั่น” เสียงห้าวตวาดใส่ด้วยความเกรี้ยว กราด

จื่อหลาน เหลียวไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครนางโพล่งวาจาออกมาว่า

“ยังเป็นท่านอีก”

“แล้วเจ้าเล่า...มาทำร้ายคนทางการเช่นนี้เจ้าคิดโอ้อวดอันใด”

 “กล่าววาจาไร้เหตุผลนัก” จื่อหลานตวาดใส่อย่างเย็นชา “เพียงแค่สวมเครื่องแบบ แล้วมันจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”

“บังอาจนัก เจ้าคิดกล่าวหาเรื่องต่อยตีคนเพื่อสำแดงเดชอันใด มันเป็นคนทางการเจ้ารู้กฎหรือไม่เจ้าทำร้ายคนทางการเจ้าย่อมมีโทษ”

“ยิ่งคนทางการทำผิดยิ่งต้องลงโทษให้หนักนัก มันผู้นี้ลวนลามหญิงสาว...สมควรสั่งสอน ไม่ทราบว่าท่านปกป้องมันเพราะเหตุใดกัน”

            บุรุษผู้มีความเย่อหยิ่งทระนงแทบไม่มองหน้าจื่อหลาน การแสดงออกของเขาทำให้จื่อหลานร้อนวูบไปทั้งหน้า ดุจดั่งนางถูกท่าทีของอีกฝ่ายตบใส่ก็ไม่ปาน

 เสียงของเขายังกล่าวเยาะเย้ย

“อย่างเจ้าน่ะหรือ มันจะหลับตาลวนลาม”

 “เจ้า.. หรือเห็นว่าเป็นบุรุษเช่นกัน จึงเอ่ยวาจาเข้าข้างจนออกหน้าเช่นนี้”

“สตรีบ้านนอกไร้ซึ่งการศึกษาเอ่ยไปเกรงว่าจะไม่เข้าใจ..อาฝู่ ลุกขึ้น ข้าจะต้องลงโทษเจ้าเอง”

“ท่านชายหวัง” มันผู้สร่างเมาเดินตามท่านชายที่มันเอ่ยแซ่ออกมา

‘ท่านชายหวัง’ จื่อหลานจึงได้พอรับทราบถึงฐานะของชายผู้นั้นว่าเป็นคนแซ่หวัง หากไม่รู้มากกว่านั้น จื่อหลานจึงจับจ้องมองคนทั้งสองคนลับตา


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (68 รายการ)

www.batorastore.com © 2024