จอมใจยอดจอมคน (นางแก้ว)

จอมใจยอดจอมคน (นางแก้ว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: จอมใจยอดจอมคน
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 350.00 บาท 87.50 บาท
ประหยัด: 262.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

คำนำ

ในรัชกาลที่สามแห่งราชวงศ์เจ้าสถาปนาขึ้นปกครองแผ่นดินหยวน ถึงรัชสมัยฮ่องเต้หลงเหรินเซียนกู่ ในยุคจินซิง(ดาวทอง) เมื่อฮ่องเต้หลง

เหรินเซียนกู่สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ แคว้นฉีจึงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันเพราะฮองเฮาองค์เก่าซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งแคว้นฉีได้ถูกประหารชีวิตไปพร้อมกับฮ่องเต้

 ยังมีแคว้นเหลียว ปกครองโดยไต้อ๋องเป็นแคว้นอิสระ เมืองชายแดนทางด้านตะวันตกซึ่งเป็นแคว้นพันธมิตรโดยการอภิเษกสมรสกระทั่ง นอกจากนี้ยังมีชนเผ่าชายแดนซึ่งอยู่ในแดนแห่งทุ่งหญ้าซึ่งตั้งตัวปกครองชนเผ่าท้องทุ่ง กำลังแผ่อิทธิพลเข้ารุกรานหัวเมืองอ่อนแอ รวมทั้งแทรกซึมเข้ามาถึงแผ่นดินหยวนซึ่งถือว่าเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดและตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ไม่ใช่ไต้อ๋องดังแคว้นอื่น นั่นคือแคว้นเหอเป็นแคว้นคู่สงครามรุกรานใคร่ยึดครองชายแดนกันมาโดยตลอด

หลังจากปราบดาภิเษกแล้วทรงประทานยศศักดิ์ให้กับพระอนุชาร่วมสายพระโลหิตให้เป็นอ๋องชั้นสูง มีทายาทให้นับยศศักดิ์เป็นองค์หญิง องค์ชาย เทียบเท่าราชโอรสหรือราชธิดาของฮ่องเต้ เว้นแต่เพียงองค์รัชทายาทคือไท่จือเท่านั้น แต่พระองค์ก็ไม่มีพระโอรสและพระธิดาแม้แต่พระองค์เดียว

กาลเวลาผ่านไปหลายปีเมื่อไร้รัชทายาทแล้วองค์ฮ่องเต้จึงหวาดระแวงพระอนุชาต้าอ๋องซึ่งมียศและตำแหน่งทางการทหารจึงได้ลิดรอนกำลังลง

ความอดทนอดกลั้นของต้าอ๋องมีมานานนับสิบปีนับแต่พระเชษฐาครองราชย์!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1 ลิขิตฟ้า ชะตาคน   

 

ใต้ฟ้า บนพื้นหล้าแห่งยุทธภพชายแดนแถบตะวันตกของแผ่นดินจงหยวน

ละอองหิมะขาวโพลนยังคงโปรยปรายจากเบื้องบนลงมาทับถมบนพื้นปฐพี เท้าคู่หนึ่งของสตรีผู้สวมชุดหนาว ความหนาของเกล็ดหิมะท่วมมิดหน้าแข้งของอิสตรีนางหนึ่งผู้มีร่างกายอ้อนแอ้นบอบบางแต่งกายมิดชิดคลุมผ้าสักหลาดให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายท่ามกลางความหนาวอันเย็นเยียบ

ในอ้อมแขนของนางมีร่างน้อยๆปกปิดผ้ามิดชิดปกป้องไม่ให้อากาศอันเหน็บหนาวแทรกเข้าทำร้ายนั้นได้

หยาดโลหิตสีแดงฉานหยดเป็นทางจากบาดแผลฉกรรจ์ของสตรีแต่งกายรุ่มร่าม  ใบหน้างดงาม ทำให้ดูนางนางซีดเซียว แลเผือดขาวลงไปทุกที ลมหายใจของนางเริ่มแผ่วเบา สายตาพร่าเลือน มองเห็นป่าสนเบื้องหน้าหนาทึบ บนยอดสูงของกิ่งใบเต็มไปด้วยหิมะเกาะจนดูเหมือนต้นไม้ประหลาด

“หญิงน้อย…แม่จะคุ้มครองเจ้าเข้าแคว้นเจ้าไปได้ไกลแค่ไหน” เสียงอ่อนล้าเต็มไปด้วยความห่วงใยนักหนา สองแก้มของนางอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความสงสารชะตากรรมลูกน้อย

เด็กน้อยในอ้อมแขนยังคงหลับสนิทด้วยพิษไข้ ร่างน้อยๆนั้นร้อนแข่งกับอากาศหนาวเหน็บด้วยพายุฝนแลหิมะซึ่งพัดกระหน่ำไม่ขาดสาย ทั้งมารดาและนางต่างสั่นสะท้านด้วยความหนาวจากความพิโรธของอากาศรอบตัว

ชะตากรรม…ฤาฟ้าลิขิต

พั่บ พั่บ

เสียงชายผ้าหลายชั้นกระพือพัดปะทะตามแรงลมและฝน เสียงบ่นออกมาจากปากบางปกคลุมไปด้วยหนวดยาว ผมรุงรัง และหมวกเก่าๆใบหนึ่ง

“แผ่นดินเย็นเยียบ หากฟ้ากลับร้องไห้ คนอย่างข้าจะไปซุกหัวนอนที่ไหนกันเล่า”

“ที่ไปคือวัด เจ้ากลับไม่ไป”

เสียงทุ้มดังมาจากหลวงจีนวัยกลางคน

 “เจ้าเฒ่าตีหมา กลิ่นของเจ้าทำให้สัตว์ทั้งหลายยังกลัว”

“กลัวก็ดี ไม่กลัวก็ได้ หมามันอยากทำร้ายข้า ข้าจะเอามันไว้ไยท่านพี่”

“บาปกรรม บาปกรรม”

“บาปแล้วเป็นไร ท่านพี่อยู่วัด ข้าอยู่บ้าน หากก็ต้องมาพบกันอีก”

“ถ้าท่านอ๋องไม่เรียกหา มีหรือข้าจะลงจากวัด”

“อยู่วัดยังวุ่นวายการเมือง อยู่บ้านย่อมดีกว่า” ชายหนวดยาวบ่นงึมงำ ขณะที่หลวงจีนร่างใหญ่ ชี้ให้เห็นทางที่โดนปกคลุมไปด้วยหิมะ รวมทั้งยอดไม้ แลกิ่งก้านสาขา

หิมะโดนละลายด้วยสายฝนลงไปบ้าง หากยิ่งทำให้อากาศเลวร้ายกว่าเดิม

“เบื้องหน้ามีกระท่อมร้าง ไปพักกันก่อนเถอะข้าไม่แข็งแรงเช่นเจ้า” หลวงจีนเอ่ยกับชายผู้น้องที่ไม่มีอันใดบ่งบอกความเป็นสายเลือดเดียวกัน หากว่าทั้งสองก็ร่วมอุทรมารดา และบิดา เป็นพี่น้องคลานตามกันมาโดยแท้

ในกระท่อมทรุดโทรม เต็มไปด้วยหยากไย่และสิ่งของที่ใช้งานเกือบไม่ได้ หากหลายสิ่งในกระท่อมแห่งนี้บ่งบอกว่า พวกเขาสองพี่น้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ทั้งสองสานสบตากันเพียงครู่เดียวจากนั้นเยื่องย่างด้วยฝีเท้าแผ่วเบา บ่งบอกถึงวรยุทธ์อันเลิศล้ำด้วยกันทั้งคู่

อุแว้ อุแว้

เสียงเด็กน้อยร้องออกมาให้ได้ยิน เฒ่าตีหมาหันขวับไปทางพี่ชายพลางกล่าวหาด้วยท่าทีชอบกลว่า

“ท่านพี่ แอบมามีทารกซุกไว้แถวนี้หรือ”

“เจ้าคนปากเสีย ปากเจ้าควรทิ้งสิ่งปฏิกูลมากกว่าสบถให้ระคายหู”

“หรือลูกศิษย์ตัวดีของท่านลงจากเขามาทำอนาจารหญิง” เฒ่าต้าหู่กล่าวหา ทำให้หลวงจีนต้าหุยไม่ยอมรับฟังเรื่องไร้สาระของน้องชายอีก ท่านพาร่างใหญ่ไปที่ต้นเสียงโดยมีเฒ่าตีหมาซึ่งอยู่ในวัยอ่อนกว่าตามไปติดๆ

ภาพการแฝงตัวอยู่ในมุมอันมืดมิด บอกให้รู้ว่าสตรีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสป้องกันตัวเองจากอันตรายที่สองพี่น้องต่างฐานะไม่อาจรู้ได้

หากเสียงเล็กๆที่ส่งเสียงแผ่วเบานั้นปลุกสตรีลึกลับให้รู้สึกตัวบ้างเป็นครั้งคราว หากว่าไร้เรี่ยวแรงในการประคองกอดให้ไอ้อุ่น สิ่งที่สองพี่น้องต่างวัยได้พบเห็นช่างทำให้รู้สึกบาดใจแม้คนที่คิดว่าปลงชีวิตทางโลกอย่างหลวงจีนต้าหุย (ดีมาก)ยังอดสูใจยิ่งนัก

   “เวรกรรมแท้เทียว” เสียงที่หลุดออกจากปากของหลวงจีนทใสตรีผู้ได้รับบาดเจ็บสะดุ้งสุดตัว ผนึกกำลังสุดท้ายแห่งชีวิตดึงร่างลูกน้อยเข้ามาไว้ เปล่งวาจาออกมาแผ่วเบาเต็มที

   “ไว้ชีวิตลูกหญิงของเราด้วย นางไม่มีผิดอันใดไว้ชีวิตนางด้วย”

   เฒ่าตีหมาทรุดกายลงนั่งยอง เอ่ยด้วยความอ่อนโยนจนผิดวิสัยที่มักบ่น ยียวน

“หากเราอยู่ไม่มีใครทำร้ายลูกเจ้าได้แม่นาง พวกเจ้าเป็นใคร มีอันตรายจากใครกัน” เสียงนั้นทำให้สตรีลึกลับต้องเพ่งตามองอีกครั้งจึงได้เห็นภาพลางเลือน อีกหนึ่งแต่งกายเป็นนักบวช ชั้นสูง มีจีวรครองเอาไว้ ส่วนอีกคนมีท่าทีรกรุงรังทั้งอาภรณ์และใบหน้าที่มองรู้เค้าแท้จริงแทบไม่ออกว่าเดิมทีงามสง่าจนเป็นที่หมายปองของอิสตรีมากมาย

“ชีวิตข้าคงไม่รอดแล้ว ข้าฝากฮามูซาด้วย ได้โปรดเมตตาต่อนาง”

“ทำใจดีดีไว้แม่นาง”หลวงจีนต้าหุยให้กำลังใจ “น้องชายเรานามต้าหู่เป็นแพทย์ฝีมือระดับเซียนมีสมุนไพรวิเศษมากมาย”

“เรารู้ตัวดีว่าไม่รอดแล้วท่านนักบวชเราฝากลูกสาวของเราด้วย โปรดนำนางให้พ้นภัยอย่าให้เท้านางได้แตะต้องแคว้นเหอ สักปลายเล็บ ให้นางได้มีชีวิตอิสระพ้นจากอำนาจทั้งปวง วอนท่านพานางไปให้พ้น ได้โปรด เปลี่ยนชื่อแซ่ของนางด้วย”เสียงนางขาดหายก่อนกล่าวจบศีรษะของนางห้อยพับไปทางหนึ่ง อ้อมแขนคลายลง ร่างของทารกหญิงดิ้นออกมาร้องครางราวกับสัญชาตญาณของนางบอกว่า ผู้มีพระคุณสูงสุดคนหนึ่งได้จากนางไปแล้วชั่วกาล

“ท่านพี่ นางตายแล้ว”

“แต่ทารกนั้นยังไม่ตาย”

“อ้า” เฒ่าตีหมาหรือนาม ต้าหู่(เสือใหญ่) วางมือบนหน้าผากเจ้าหญิงน้อย และเลื่อนไปสัมผัสชีพจร “ทารกนี้มีไข้สูง”

“เจ้าเป็นหมอ ย่อมรู้มากกว่าข้าซึ่งเป็นพระ”

“เช่นนั้นข้านำนางไปรักษาโดยเร็ว ท่านพี่ซึ่งเป็นพระจัดการศพแม่นางท่านนี้ให้ลับตาคน นางทั้งสองจะได้ไม่ต้องถูกใครพบเห็นเรื่องราวอีก”

“ข้าเป็นพระจะถูกกายสตรีเพศได้อย่างไร” หลวงจีนผู้พี่กล่าวตามซื่อ หากคนเป็นหมอผู้น้องกล่าวโดยไร้หลักการว่า

“ท่านพี่วางใจ ต่อให้ท่านลวนลามนางสักสิบหนนางก็ไม่มีปัญญามาตอบโต้ท่านได้หรอก ข้าไปล่ะ”

กล่าวจบ เฒ่าตีหมาต้าหู่ โอบอุ้มทารกออกจากกระท่อมร้าง ฝ่าสายฝนออกไปทันที โดยไม่วายพึมพำว่า

“ฟ้าส่งเจ้ามาเกิด หากยังส่งฝนบ้าบอตามมาข่มเหงเจ้าอีก หากเจ้าตาย ก็คงไม่ใช่เพราะข้าไร้ฝีมือ แต่เป็นเพราะฟ้าแกล้งเจ้านังหนูน้อย”คนผู้น้องจากไปแล้วอย่างรวดเร็ว หากคนสละทางโลกไปแล้ว รับภาระจัดการศพที่นอนไร้วิญญาณ

“ช่างน่าเวทนาจริงๆ”

กล่าวแล้วหลวงจีนกลางคนอุ้มร่างไร้วิญญาณออกไปจากที่นั้นไกลพอประมาณ จึงได้ฝังศพของนางในทำเลที่ท่านดูแล้วว่า ดีสำหรับทายาทที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

“ทางนี้เป็นท้องมังกร ต่อไปลูกหญิงของเจ้าจะมีวาสนาไม่ตกอับ เจ้าเองก็จงตายตาหลับเถิดสีกา”

ทั้งดินและหิมะสูงกลบร่างสตรีผู้นั้นราบเรียบไร้ร่องรอยให้ใครได้พบ หากว่าเมื่อหลวงจีนเดินย้อนกลับมาจึงได้เห็นป้ายหยกพู่แดงและพู่เหลืองตกอยู่ ท่านก้มลงหยิบ และรีบเก็บไว้ในอกเสื้อทันทีที่เห็นคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าตามมาพร้อมด้วยอาวุธ

“ท่านเห็นใครผ่านมาทางนี้บ้างหลวงจีน”

“ฝนตกหนักป่านนี้ใครจะผ่านมา แต่ทั้งฝนทั้งสายลมเย็นยังทำให้ท่านหยุดพักไม่ได้ท่าทีเหมือนมีเรื่องร้อนไม่น้อย”

“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า” มันกล่าวอย่างกักขฬะจากนั้นมุ่งหน้าตามหาคนต่อไป ปล่อยให้หลวงจีนต้าหุยลอบหยิบป้ายหยกออกมาดู ท่านถึงกลับขนลุก

“พระมเหสีแคว้นเหอ” ความในใจของนักบวชมีระดับรู้สึกแตกตื่น หากจะรีบไปบ้านต้าหู่ ก็ไม่อาจทำได้ในเวลานี้ ดังนั้นหลวงจีนต้าหุยจึงได้แต่กำความลับกลับเข้าวัดไปก่อน

“ไม่ว่าใครล้วนได้รับการลิขิตจากฟ้ามาแล้ว แม้แต่ท่านหรือองค์หญิงฮามูซา”

ในใจพึมพำด้วยความอาดูรในชะตาชีวิตของคน!!

เฒ่าตีหมาโอบอุ้มทารกน้อยด้วยความทะนุถนอมห่วงใย เมื่อเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว เขารีบวางร่างทารกผู้มีฐานันดรสูงศักดิ์ พลางแตะชีพจร และพลิกกายของนางเพื่อให้คลายร้อนลงไปบ้าง หากแล้วเขาได้พบต่ำกว่าบ่าของนาง กำลังมีบาดแผลบวมเปล่ง บอกถึงอาการอักเสบเต็มที่

“ลัญจกรกิเลนหรือนี่” เฒ่าทารกอุทานด้วยความแตกตื่น เวลานั้นย่อมเดาฐานะของทารกหญิงได้ว่าสำคัญมากเพียงใด หากว่าไม่วายด่าคนที่ใช้ตราเหล็กร้อนประทับบนผิวอ่อนเยาว์เช่นนี้

“ทารุณ ทารุณแท้ๆ หากบาดแผลลุกลามไม่ตายหรอกหรือ ใครทำเจ้าดังนี้หนอองค์หญิง ฮามูซา” อุทานออกมาแล้วก็รีบหุบปากโดยเร็ว จากนั้นจึงหาทางรักษาให้พิษไข้ของผู้เคราะห์ร้ายให้ลดลงโดยเร็วที่สุด

 “อยู่ในมือหมอเทวดาเยี่ยงข้า ท่านไม่ตายแน่องค์หญิง ต่อไปนี้ข้าจะดูแลปกป้องท่านเอง ใครมาข่มเหงท่าน ข้าจะเอาชีวิตมันทุกผู้ ข้าจะตีมันไม่ต่างจากตีหมาขี้เรื้อนสักตัวทีเดียว” ชายกลางคนบ่นไปพลางรักษาทั้งบาดแผล และดูแลองค์หญิงไร้นาม

เด็กน้อยร้องไห้ออกมาและถึงแม้จะแผดจนสุดเสียง แต่ไม่มีแรงมากพอจะส่งเสียงดังได้ หรือไม่นางก็แผดร้องจนหมดแรงแล้ว

 กลิ่นหอมโชยกรุ่นเข้ามาพร้อมกับเฒ่าตีหมาต้าหู่ถือนมแพะซึ่งไปรีดไถมาจากคนที่เคยมารักษาและไม่มีเงินจ่ายให้

 วันนี้เขาใจดำมากพอที่จะข่มขู่ว่าหากไม่มีเงินจ่ายจะเอาแพะมาแทน คนที่เคยรักษาต่อรองว่าจะให้น้ำนมทุกวัน เฒ่าต้าหู่จึงยินยอม เขาพาร่างอายุมากกลับมาบ้านพักของตนท่ามกลางความแปลกใจของชายและหญิงชาวบ้าน ที่อยู่ๆหมอเทวดาลือชื่อเรื่องความใจดีกับคนแต่ใจร้ายต่อสุนัข ก็เปลี่ยนเป็นชายหน้าเลือดรีดเร้นเอานมแพะทุกวันได้ลงคอ

เพลานี้เฒ่าต้าหู่ประคองนมแพะเข้ามาให้ทารกไร้นาม กลิ่นหอมลอยออกมาจากตัวเด็กหญิงทำให้ต้าหู่แปลกใจ จากนั้นจึงส่ายหน้าไปมาเมื่อเข้าใจบางอย่างต่อชีวิตขององค์หญิงน้อยผู้นี้

“ชะตาอาภัพยิ่งแล้วท่านปกปิดคนเรื่องฐานะได้ แต่กลิ่นหอมนี้คงเลื่องลือในวังให้คนได้รู้แล้วท่านจะปิดปิดชีวิตตนเองได้นานสักแค่ไหนกัน” บ่นแล้วก็ค่อยหาช้อนมาป้อนนมให้องค์หญิง ซึ่งนางอ้าปากรอรับด้วยความหิวโหย “อ๊ะ กินเก่งอย่างนี้เจ้าจึงได้โตเร็ว นี่คงจะสักหกเดือนแล้วกระมัง”

เมื่อทารกน้อยหยุดร้องไห้ กลิ่นหอมของนางก็จางลงไป  หมอเทวดาต้าหู่ รู้สึกรักและเอ็นดูอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างจับใจ

“เปลี่ยนนามเจ้าใหม่เถอะ  หรือข้าจะเรียกท่านว่าหลงเต๋อ ไม่ใช่ ไม่ได้ ไม่ดี” ต้าหู่ตีกับความคิดตนเองเพียงลำพังในการตั้งชื่อ

 เขาระวังแม้แต่จะเรียกชื่อเจ้าหญิงน้อยเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ที่ตนเอ็นดู และคิดว่าคงจะรักมากกว่าพี่ชายของตนเสียแล้วเวลานี้

“เสี่ยวไป๋ ขาวดุจหิมะ ไม่ได้ ไม่เพราะ อืม อืม” ชายผู้มีฉายาเป็นผู้เฒ่าตีหมางึมงำกับตัวเองเพียงลำพัง “เรียกเจ้าว่าเสวี่ย ฮวา อืม เสวี่ยฮวา (เกล็ดหิมะ) ดีแล้ว เจ้าหลานชายของข้า เสวี่ยฮวาเอ๊ย ชอบชื่อนี้หรือไม่ ชอบหรือไม่” ต้าหู่รู้สึกสำราญอารมณ์ไม่น้อย เด็กน้อยนามเสวี่ยฮวา ยิ้มน้อยๆราวกับพึงพอใจอีกฝ่าย เฒ่าต้าหู่ยิ่งรู้สึกยินดียิ่งนัก

“เมื่อเจ้าหัดเดินได้แล้วข้าจะถ่ายทอดสรรพยุทธ์ให้เจ้าทันที เสวี่ยฮวาเอ๋ยเสวี่ยฮวา เจ้าจะเป็นหนึ่งในปฐพีนี้ หมาทุกตัวจะต้องเกรงใจเจ้าทันทีที่กลิ่นกายเจ้าต้องจมูกพวกมัน!!!

 

หิมะตกโปรยปรายมาเป็นครั้งที่หกแห่งขวบปีที่ผ่านมา เสียงหมาเห่ากรรโชคดังลั่นๆ เด็กน้อยเสวี่ยฮวามีความน่ารักสะดุดตา พวงแก้มของนางผู้แต่งกายเป็นเด็กชายมีสีแดงราวดอกท้อ เรียวแขนของนางโอบรอบคอหมาตัวเขื่องกอดเดรัจฉานตัวนั้นเอาไว้แน่น ต่อให้นางรู้สึกหนาวแทบตายก็ไม่มิได้รับความสนใจจากผู้ลงโทษให้นางอยู่นอกบ้านสามชั่วโมงท่ามกลางลมพัดกระหน่ำ

 เฒ่าตีหมายังใจแข็ง ไม่ฟังแม้แต่คำวิงวอน

“ท่านปู่ ข้าหิวแล้ว”เสียงเล็กๆตระโกนเข้าไปในบ้าน “ข้าหิวแล้วนะท่านปู่”

“หิวก็กินหมาไปสิ มาร่ำร้องขอข้าอยู่ไย”

“ข้าจะกินหมาได้ยังไงล่ะท่านปู่ มันช่วยข้าจากบ่อน้ำแข็งนะท่านปู่”

“มันช่วยเจ้าไม่ใช่ช่วยข้า ข้าย่อมไม่สนใจ หากยังกอดมันอยู่อย่างนั้นไม่ต้องเข้าบ้าน”

“ผู้อื่นเรียกท่านเทวดา แต่ข้าอยากเรียกท่านว่าคนใจดำ เจ้าคนใจดำ” กล่าวพลางเสวี่ยฮวา จับหิมะปั้นเป็นก้อนขว้างปาบ้านของเฒ่าต้าหู่ เสียงโครมๆ ดังอยู่หลายครั้งเฒ่าต้าหู่จึงเปิดประตูดุด่า แต่พอดีหิมะอีกก้อนถูกขว้างมา และอีกฝ่ายหลบเลี่ยงพลางคว้ากอบหิมะปั้นเป็นก้อนปากลับคืน

แผละ

 หิมะถูกหน้าเสวี่ยฮวาเต็มที่ หมาเจ้ากรรมยิ่งเห่าเฒ่าต้าหู่ด้วยความเกลียดชังหนักกว่าเดิม

“เวรกรรม เวรกรรม” เสียงบ่นดังมาจากข้างหลังเสวี่ยฮวา เด็กน้อยหันขวับไปมองต้นเสียงเมื่อพบว่าเป็นผู้ใดนางจึงรีบคุกเข่ากราบกรานทั้งด้วยความเคารพ และต้องการเอาใจมากเป็นหลายเท่าในเวลานี้

“พระโพธิสัตว์โปรดปราน ข้าหิวแทบตายแล้วหลวงลุงมีขนมมาด้วยหรือไม่ หากท่านไม่มีข้าคงนอนตายตรงนี้ไม่ทันอึดใจ”

“มีซาลาเป่าไส้ถั่ว” ว่าแล้วล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบถุงผ้าออกมาส่งให้เสวี่ยฮวาทั้งหมด นางหยิบไปแกะออก เห็นซาลาเปาสีขาวสะอาดหลายใบนางรีบแบ่งให้กับสุนัขของนางกินไปด้วย จากนั้นจึงกล่าวหาผู้เฒ่าซึ่งอยู่หน้าประตูบ้านให้กับผู้อยู่ในเพศบรรพชิตฟังว่า

“ตาเฒ่าใจร้ายนัก จ้องตีเจ้าหมาตัวนี้แทบตาย”

“เจ้าย่อมรู้ตาเฒ่ารังเกียจหมา”

“ข้าย่อมรู้แก่ใจแล้วหลวงลุง” กล่าวพลาง นางลูบหลังหมาตัวใหญ่และบอกอีกฝ่ายว่า “เจ้าไปเถอะ ลุงข้าไม่ชอบเจ้า แต่ข้าขอบใจเจ้ามาก” เดรัจฉานตัวโตดูแสนรู้ยิ่งนัก เมื่ออิ่มแล้วมันจึงจากไป ขณะที่เสวี่ยฮวาเดินตามหลังหลวงจีนต้าหุยเข้าบ้าน

 หากต้าหู่ชี้หน้าดุด่าไล่ส่งเสวี่ยฮวา

“เจ้าคนปากดียังมีหน้าเข้าบ้านข้าอีกหรือ เจ้าคนดื้อด้าน”

“ข้ามีทั้งหน้าทั้งตัวเลยล่ะท่านปู่” เสวี่ยฮวาเสนอหน้ารับ จากนั้นโผไปคุกเข่าเบื้องหน้า ก่อนโผกอดขาอีกฝ่ายแน่น ออดอ้อนว่า “ท่านปู่ ดีกัน ดีกัน ข้าไล่เจ้าหมาตัวนั้นเปิดเปิงไปแล้ว ท่านย่อมเห็น” ต้าหู่ทำสะบัดขา หากเสวี่ยฮวาลงทุนกอดทั้งมือและเท้า ทำให้ต้าหู่สะบัดไม่หลุด หลวงจีนหัวเราะฮา และต้าหู่ก็หัวเราะกับความดื้อรั้นของเสวี่ยฮวาผู้มีทั้งมือและเท้าเหนียวแน่นจริงๆ

“ยิ่งโตยิ่งดื้อด้าน หิมะตกยังออกเป็นเที่ยวเล่นเจ้าตกบ่อน้ำแข็งแทบตาย แต่เจ้าหมาตัวนั้นมันคาบขึ้นมาจนได้”

“สุนัขทำดีใหญ่หลวงเจ้ายังไม่เลิกเกลียดมัน”

“พอมันเห็นข้ามันก็เห่า ใช้ได้เมื่อใดกัน” เฒ่าต้าหู่บ่นงึมงำ หลวงจีนแคว้นเหอไปมองร่างเล็กๆของเสวี่ยฮวา ซึ่งบัดนี้ทำหน้าที่รินน้ำชาให้ผู้เฒ่าสองพี่น้องวัยไล่เลี่ยกัน

 คนผู้น้องจิบน้ำชาร้อนพลางเอ่ยถามผู้พี่ว่า

“ท่านอ๋อง เอ้อซ่านยังเรียกท่านเข้าไปหาอีกหรือ ท่านจึงลงเขามาได้”

“ข้าลงเขามาหาเจ้าต่างหาก”

“อ้อเช่นนั้นก็คงเป็นเพราะท่านชายเทียนโจวลงจากหอพระธรรมได้แล้วกระมัง”ต้าหู่ถามไปอีกเรื่อง

“ยังไม่”หลวงจีนผู้ยังกิจติดต่อท่านอ๋องหลุดปากบอกออกมา “ฮ่องเต้ยังหวาดระแวงคนไม่เลิกยังจับท่านชายเป็นตัวประกันให้ท่านอ๋องเอ้อซ่านไม่กำเริบ”

“ทั้งที่อ๋องเอ้อซ่านร่วมรบปกป้องชายแดนจนได้รับชัยชนะไม่รู้ต่อกี่ครั้ง”

“ความใจแคบของคนไม่เว้นแม้แต่ผู้อยู่เหนือแผ่นดิน”

“ท่านจะเข้าไปหาท่านอ๋องด้วยเรื่องอันใด”

“ท่านชายฝากบอกท่านอ๋องให้รักษาสุขภาพ” หลังจากกล่าวจบ ต้าหู่จึงย้อนพี่ชายไปทันใด

“ดูเหมือนท่านพี่ช่างมีกิจชาวโลกไม่น้อย แล้วยังมีหน้ากล่าวว่ามาหาข้าโดยเฉพาะ” เฒ่าต้าหู่ประชด “ท่านไม่สู้มาอยู่รักษาคนกับข้าเสียเลยเล่า”

“ข้าแวะมาดูเสวี่ยฮวาต่างหาก ดูว่ามันมีแววเรื่องเพลงมวยเพลงกระบี่อันใดบ้างเล่า”

“หากเอาดีได้มันคงไม่ตกไปในบ่อน้ำ” คนเลี้ยงดูตัดพ้อเด็กน้อย อีกฝ่ายเข้าไปออดอ้อนเอาใจตามประสาเด็กหญิง หากว่าแต่งกายเยี่ยงเด็กชายเอ่ยกับท่านปู่ใหญ่

“ท่านปู่ให้ออกไปฝึกตักหิมะจนทำให้ข้าตกบ่อต่างหากเล่า”

“เจ้าต้องเว้นบ้างสิ ต้าหู่ มันเพิ่งหกขวบเท่านั้น”

“เอ๊ะท่านพี่ ท่านช่างไม่อยู่กะร่องกะรอยเสียจริง เมื่อครู่ยังถามหาให้มันฝึกวิชาติดตัว พอมันอ้อนเข้าหน่อยท่านกลับมาต่อว่าข้า ตกลงท่านนำมันไปเลี้ยงเองก็แล้วกัน” เสวี่ยฮวาโดนขับไสอีก นางรีบกล่าวเอาใจผู้เฒ่าผู้มีอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยว่า

“หากท่านปู่บวชตามท่านปู่ใหญ่ไปข้าย่อมต้องตามไปรับใช้ท่านแน่นอน”

“เหอะ ดีแต่วาจาเอาใจคน แต่ฝีมือไม่เอาไหน” ขาดคำสบประมาท เสี่ยวฮวาเข้าไปแย่งถ้วยชาจากเฒ่าต้าหู่

 หากว่าผู้เฒ่ากันด้วยท่อนแขน กระแทกนางจนถอยร่น นางกวาดเท้าเตะใส่ขาเฒ่าต้าหู่ หากเขายกหลบหลีกพลางไล่เหยียบเท้าเด็กน้อย นางหลบเลี่ยงว่องไว ร่างบอบบางกระโดดขึ้นโต๊ะ หลวงจีนต้าหุยยกกาน้ำชาหลบเลี่ยงไม่ให้เด็กน้อยจับติด

 บัดนี้เสวี่ยฮวาเอาตัวแทบไม่รอดเมื่อโดนสองผู้เฒ่าสั่งสอนผลัดกันตีขา ตบหัวดูวุ่นวาย นางปกป้องไม่ทันสักครั้ง สุดท้ายนางนั่งลงบนพื้นขัดตะมาดนิ่งเชิดหน้าประชดขึ้นว่า

“แค่ตัวคนเดียวยังไม่รอดพ้น ข้าเด็กน้อยยังมาโดนรังแกอีกซ้ำ ตีให้ตาย ตีให้ตาย”นางตบเข่าตัวเองฉาดๆ

“เจ้าคนไม่รักดี มีฝีมือเสียที่ไหน แค่น้ำชาถ้วยเดียวยังหาวิธีกินไม่ได้”

“ข้าไปหุงข้าวก็ได้” นางผุดลุกเผ่นแผล็วเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว โดยมีสองผู้เฒ่ามองตามหลังด้วยความเอ็นดู

เมื่อคนจากไปแล้ว หลวงจีนต้าหุยจึงได้ล้วงหยิบหยกที่สู้อุตส่าห์เก็บเอาไว้นานแล้วมายื่นส่งให้น้องชาย เฒ่าต้าหู่หยิบมาพินิจครู่เดียวจึงเงยมองหน้าพี่ชายอย่างไม่มีข้อสงสัย กระทั่งหลวงจีนผู้พี่ต้องเป็นฝ่ายฉงนใจเสียเอง

“เจ้าดูออกหรือไม่ออกกัน จึงได้ทำไม่รู้ไม่ชี้เช่นนี้ได้”

“ข้ามีเรื่องอื่นให้หนักใจมากกว่าหยกชิ้นนี้”

“เรื่องอันใด” เฒ่าผู้น้องกระซิบบอกไม่ต้องการให้เสวี่ยฮวาได้ยิน

“ที่หลังของนางมีรอยลัญจกรตรากิเลน นั่นไม่สำคัญกว่าหรือ แค่หยกก้อนเดียวทำลายทิ้งง่ายๆแต่จะให้ข้าไปขูดเนื้อขูดหนังนางออกคงเป็นไปไม่ได้”

“ไยมีตราลัญจกรได้เล่า”

“อาจเป็นไปได้ว่า ตราลัญจกรจากแคว้นเหอถูกทำลายไป หมายความผู้แย่งบัลลังก์ ไม่มีสิทธิ์โดยชอบธรรม”

หลวงจีนผู้พี่พยักหน้ารับช้าๆ ยิ่งวิตกมากกว่าครอบครองหยกพระมเหสีแคว้นเหอหลายเท่านัก

“มารดาเสวี่ยฮวาไม่ให้นางกลับไปแผ่นดินเกิด ข้าต้องทำตามคำสั่งนาง แต่เหตุใดนางจึงโดนตราประทับชั่วชีวิต”

“เพราะคนทำต้องการมอบสิทธิ์ให้นางครองบัลลังก์” หลวงจีนหลุดปากออกมา เฒ่าต้าหู่ย่นคิ้วลูบเคราช้าๆใช้ความคิดอ่านให้รอบคอบ ท่ามกลางความเงียบไปชั่วครู่ และแล้วต้าหู่เอ่ยออกมาว่า

“ให้ตายข้าก็ไม่ให้ใครทำร้ายเสวี่ยฮวา ข้าไม่ให้นางกลับไปแก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด ให้นางอยู่เป็นหมอเทวดาไปอย่างเงียบๆในหุบเขาลูกนี้”

เฒ่าต้าหู่เป็นคนดื้อดึง ดังนั้นเมื่อมีความคิดแน่วแน่ เขาก็ทำตามนั้น ไม่ให้เสวี่ยฮวาไปไกลตัวได้จริงๆ

หากแท้ที่จริงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์นั้น ต่อให้เป็นหมอเทวดา รักษาร่างกายแข็งแรงดีมากเพียงใด หากกาลเวลาก็ไม่อาจทำให้มนุษย์ทุกคนมีอายุยืนได้เกินร้อยห้าสิบปี


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024