Customer Reviews

4
ถ้าเพิ่มเรื่องการออกกำลังกายอีกหน่อยจะดีมากๆเลย
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้เขียนโยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย เพราะฉะนั้นรับรองได้เลยว่าข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างน่าเชื่อถือ ที่เหลือก็คงอยู่ที่วินัยของผู้อ่านเองว่าจะสามารถทำตามคำแนะนำของหมอได้สม่ำเสมอแค่ไหน ถ้ามองในภาพรวมเราว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการดูแลตัวเองให้ดูดีเท่านั้นนะคะ แต่เป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงมากกว่า ส่วนเรื่องความอ่อนวัย ความดูดี น่าจะเป็นผลพลอยได้ อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้เลยค่ะว่าในเล่มนี้จะเน้นความรู้ในเชิงปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน หลักๆก็จะเป็นการบอกเคล็ดลับชะลอวัยต่างๆ บวกกับทิปหรือว่าคำแนะนำในการเอาเคล็ดลับเหล่านั้นไปปฏิบัติ ในส่วนของทิปที่ว่านี้ก็จะมีง่ายบ้าง ยากบ้าง ปนๆกันไปนะคะ ที่สำคัญคือคุณผู้อ่านต้องมีวินัยในตัวเองสูงพอสมควรถึงจะสามารถทำตามคำแนะนำที่ว่านี้ไปได้ตลอด เราเองก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกันว่า ถ้าทำตาม 188 วิธีที่บอกไว้แล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆสุขภาพต้องดีขึ้นแน่นอน เสียดายนิดนึงตรงที่หนังสือจะเน้นไปที่เรื่องกินซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ส่วนเรื่องการออกกำลังกาย การพักผ่อนหรือกิจกรรมอื่นๆ แทบไม่ได้พูดถึงเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกลุ่มผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงด้วยรึเปล่า เลยไม่ค่อยมีเรื่องการออกกำลังกาย ซึ่งเราว่าการออกกำลังกายน่าจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยชะลอวัยได้ดีมากๆพอๆกับการควบคุมอาหารเลยนะคะ แต่ยังไงก็ตามหนังสือก็สามารถตอบโจทย์ผู้อ่านได้ดีพอสมควรค่ะ
3
ยังไม่ตอบโจทย์หนังสือสุขภาพซักเท่าไหร่ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สุขภาพดีได้ในวันเดียวไม่ได้หมายความว่าต้องการให้ผู้อ่าน อ่านแล้วกลายเป็นคนที่มีสุขภาพดีได้ภายในระยะเวลาสั้นๆนะคะ ไม่ใช่คู่มือการย่นเวลาการสร้างสุขภาพอะไรทำนองนั้น แต่ความหมายจริงๆก็คือการบอกวิธีจัดกิจกรรมประจำวันของเราเพื่อส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีนั่นเอง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า ผู้เขียนจะสอนทำท่าบิดขี้เกียจบนเตียงค่ะ จากนั้นก็จะเป็นการบริหารร่างกายในห้องน้ำ ด้วยการนวดส่วนต่างๆบนใบหน้าและมือ การขัดผิวก็เป็นอีกเรื่องที่ผู้เขียนแนะนำ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของน้ำเหลืองนั่นเอง ในส่วนนี้ดูเหมือนจะนานนะคะ แต่เท่าที่ลองทำก็ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง สามารถทำได้ทุกเช้า แม้ว่าจะต้องรีบไปเรียนหรือไปทำงานก็ตาม ต่อไปก็จะเป็นการออกกำลังกายตอนเช้า ส่วนนี้เราว่าไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาว่างมากจริงๆค่ะ เช่นเดียวกับเรื่องอาหารเช้าซึ่งเราก็รู้ว่าสำคัญ แต่ผู้เขียนให้ข้อมูลน้อยไปนิด ในส่วนของการปฏิบัติตัวระหว่างการทำงานก็ไม่ค่อยน่าสนใจ ไม่ตอบโจทย์คนทำงานทุกกกลุ่มอะค่ะ ในส่วนของการออกกำลังกายตอนเย็นก็มีแค่การแนะนำท่าออกกำลังกายเบาๆ สุดท้ายก็คือการนอนก็ไม่มีอะไรมาก ผู้เขียนจะพูดถึงการแผ่เมตตา การทำสมาธิอะไรทำนองนั้น โดยรวมเราว่ายังเป็นหนังสือที่ไม่ค่อยน่าสนใจเทาไหร่ เน้นไปที่หลักการกว้างๆมากกว่า ถ้าผู้อ่านคาดหวังเทคนิค เคล็ดลับ หรือตัวอย่างการทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน หนังสือเล่มนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ค่ะ
5
คำถามง่ายๆแต่บางทีก็ตอบยากเหมือนกัน
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรื่องความดีและความชั่วคืออะไร ดูเผินๆเป็นคำถามที่น่าจะตอบได้ไม่ยากเลยนะคะ อย่างเช่นลักขโมยก็เป็นความชั่ว บริจาคสิ่งของก็เป็นความดี แต่ปัญหาก็คือการกระทำหลายๆอย่างของมนุษย์ไม่ได้มีแค่สีขาวกับสีดำใช่มั้ยคะ แต่จะมีพื้นที่ตรงกลางที่เป็นสีเทาๆอยู่ด้วย อย่างเช่น ถ้าเราชอบบริจาคของให้คนยากไร้ แต่ที่เราบริจาคไปเพราะเหวังจะได้รับอะไรบางอย่างตอบแทน อย่างเช่น ชื่อเสียงคำชื่นชมหรือแม้แต่ตำแหน่งอะไรบางอย่าง แบบนี้ การบริจาคของเรายังจะเรียบกว่าเป็นการทำความดีอยู่หรือเปล่า แล้วจะเรียกว่าถึงขั้นเป็นความชั่วได้มั้ย ตอบยากเหมือนกันนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คุณก็ยังจะไม่ได้คำตอบเหมือนเดิม 555 แต่อย่างน้อยคุณจะได้ใช้สมอง ได้ใช้ความคิดแน่นอนค่ะ เล่มนี้ไม่อยากให้อ่านคนเดียวนะคะ อยากให้อ่านแล้วชวนเพื่อนๆมาช่วยกันคิด ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองไปคุย แลกเปลี่ยนกับครูอาจารย์หรือพระที่เก่งๆเลยยิ่งดี 555 ลองดูว่าเค้าจะมีมุมมองยังไง สำหรับคำถามจะมี 6 คำถามนะคะ คือ เรามีสิทธิของกินเพื่อประทังชีวิตมั้ย เราต้องทำดีกับทุกคนรึเปล่า เราต้องเชื่อฟังพ่อแม่ตลอดเลยหรือ เราต้องพูดความจริงทุกเรื่องมั้ย เราทำทุกอย่างที่เราอยากทำได้หมดเลยหรือ และเราต้องช่วยเหลือผู้อื่นมั้ย น่าสนุกดีนะคะ อยากให้ลองอ่าลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันค่ะ ผิดถูกไม่มี มีแต่ความคิดที่มากขึ้นๆ สุดท้ายแล้วน่าจะได้คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
5
คุณอาจหาคำตอบของชีวิตได้จากคำถามง่ายๆในหนังสือเล่มนี้ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เราเชื่อว่าไม่ว่าผู้อ่านจะเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็นคนวัยทำงานหรือเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย ทุกคนต้องเคยถามตัวเองมาแล้วทั้งนั้นว่าชีวิตคืออะไร โดยเฉพาะวัยรุ่นหลายคนเคยสงสัยว่าเราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิตของเรา ชีวิตของเราคืออะไร ฯลฯ เวลาที่เราสงสัยเรื่องแบบนี้เรามักนึกถึงคนที่ผ่านชีวิตมาเยอะๆ นึกถึงพ่อแม่เรา เพราะคิดว่าพวกเค้าน่าจะให้คำตอบกับเราได้ จริงๆคนเหล่านี้คงให้คำตอบเราได้แหล่ะ เพียงแต่ว่าคำตอบนั้นจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือเปล่า แล้วเราจะเข้าใจคำตอบนั้นแค่ไหนเท่านั้นเอง หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือที่จะมาช่วยเฉลยคำตอบว่าชีวิตคืออะไรนะคะ แต่จะเป็นหนังสือที่จะทำให้ผู้อ่านพยายามลองคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง ซึ่งถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดผู้อ่านจะยังหาคำตอบไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะทำให้ผู้อ่านได้หันกลับมาทบทวนตัวเอง ได้มีโอกาสได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นแน่นอน ในหนังสือจะมีคำถามอยู่ทั้งหมด 6 คำถามค่ะ อย่างเช่น เราจะมีชีวิตที่มีความสุขได้อย่างไร ต่อไปเราจะเป็นที่หนึ่งได้ไหมนะ ทำไมชีวิตถึงได้ทุกข์ยากนักนะ เป็นต้น ในหนังสือจะไม่มีคำตอบตายตัวนะคะ คือจะมีคำตอบมาให้ค่ะ แต่ก็จะตามด้วยคำถามต่อๆ มาเสมอในทุกคำตอบ จะเหมาะมากๆ เลยถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ร่วมกับเพื่อนๆ เพราะจะทำให้เราได้คิด ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันค่ะ เป็นการเพิ่มมุมมองใหม่ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีบทสรุปชองเรื่องเลย หนังสือชวนให้คิดเยอะๆ แล้วในที่สุดผู้อ่านก็จะได้คำตอบของตัวเอง
5
เป็นหนังสือที่ถามคำถามสั้นๆแต่อ่านสนุกค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ความสุขคืออะไร เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งในหนังสือชุดถามใจตัวเองค่ะ ผู้เขียนบอกว่า หนังสือชุดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอ่านประกอบการขบคิด พิจารณาหรือพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจตัวเอง แบ่งปันแง่คิดระหว่างกัน มากกว่าการหาคำตอบที่ตายตัว ในหนังสือชุดนี้มี 6 คำถามค่ะ คือ เราจะรู้ตัวว่าเรามีความสุขได้อย่างไร การมีความสุขเป็นเรื่องง่ายๆหรือเปล่า เราต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมีความสุขรึเปล่า เงินทำให้เรามีความสุขได้หรือเปล่า เราต้องการใครๆเพื่อให้มีความสุขหรือเปล่า ทำไมบางครั้งเราถึงทุกข์ใจนัก เอาแค่คำถามเดียว ก็ชวนให้สนุกที่จะคิดแล้วค่ะ จะพูดไปคำถามนี้ถ้าไปถามคนร้อยคนก็น่าจะได้ซักร้อยคำตอบนะคะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าไม่มีคำตอบตายตัว ความสนุกอยู่ตรงที่เราได้ใช้ความคิดมากกว่าการหาคำตอบสุดท้าย อย่างเช่นถ้าเราตองว่า เราจะรู้ว่าเรามีความสุขได้ในเวลาที่เราไม่คิดถึงเรื่องเศร้าๆและไม่กังวลอะไรอีกแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเกิดคำถามต่อมาว่า ถ้าอย่างนั้นเราต้องไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยใช่มั้ยถึงจะมีความสุขได้ เห็นมั้ยคะว่าแต่ละคำตอบชวนให้เราคิดต่อได้เสมอ เราชอบบทสรุปที่ผู้เขียนบอกไว้ว่า ที่ต้องตั้งคำถามแบบนี้ก็เพราะ ให้เรายอมรับว่าความสุขอาจจะไม่คงอยู่กับเราตลอดไป เราต้องรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะมีความสุขหรือมีความทุกข์ก็ตาม
เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อ่านแล้วทำให้ได้ใช้ความคิดดีมากๆเลย อยากให้เอาไปอ่านแล้วแลกเปลี่ยนกันนะคะ
ผอม สวย ด้วยน้ำผักผลไม้
4
เป็นหนังสือที่ต้องประยุกต์เอาเทคนิคผู้เขียนมาใช้พอสมควรค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผอมสวยด้วยน้ำผักผลไม่มื้อเช้า เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรงของคุณคาเอะ ฟูจิอิค่ะ เธอลองผิดลองถูกด้วยวิธีการต่างๆในการลดน้ำหนักแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนมาค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการกินน้ำผักผลไม้มื้อเช้าค่ะ ด้วยวิธีนี้เธอใช้เวลาเพียง 6 เดือน ก็สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 20 กิโล แล้วไม่เกิดอาการโยโย่ด้วย เธอก็เลยเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นคู่มือให้กับผู้ที่อยากจะลดน้ำหนักด้วยวิธีการแบบเดียวกับเธอ หนังสือจะแบ่งออกเป็น part ค่ะ มีทั้งหมด 3 part part 1 เป็นเรื่องคำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้วยน้ำผักผลไม้มื้อเช้า ก็จะเป็นการอธิบายว่าทำไมน้ำผักผลไม้มื้อเช้าถึงมีความสำคัญและช่วยในการลดน้ำหนักได้ ส่วนนี้ได้ความรู้ดีมากๆเลยค่ะ เป็นการอธิบายที่ไม่ยาก เข้าใจง่าย แถมยังมีเทคนิคในการกินน้ำผักผลไม้ที่จะทำให้มีสุขภาพดีด้วย ผู้เขียนเค้าอธิบายละเอียดถึงขั้นสอนวิธีการปอกและวิธีการหั่นผลไม่เลยค่ะ ที่เราสนใจมากที่สุดคือเทคนิคการผสมผลไม้แต่ละประเภทเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้ได้รสชาติของน้ำผักผลไม้แปลกๆใหม่ๆดีค่ะ ใน part 2 จะเป็นเรื่องเมนูน้ำผักผลไม้ที่เป็นการบำรุงผิวพรรณและสุขภาพของคุณผู้หญิง โดยผู้เขียนจะแบ่งออกเป็นเมนูสูตรไดเอท สูตรผิวสวย สูตรเพิ่มพลัง และสูตรสุขภาพ จุดเด่นของ part นี้คือความน่ากินค่ะ แต่เสียดายที่เมนูน่ากินส่วนใหญ่จะทำมาจากผักผลไม้ราคาแพงไปหน่อย ใน part สุดท้ายจะเป็นการเล่าประสบการณ์ตรงของผู้เขียนค่ะ ซึ่งอ่านเพื่อเก็บข้อมูลพอไหวค่ะ แต่ถ้าจะอ่านแล้วลองทำตามอาจจะลำบากหน่อย เพราะผู้เขียนเป็นคนญี่ปุ่น อาหารประจำวันของเค้าจะไม่เหมือนกับคนไทย แต่รวมๆก็ยังพอเอาเทคนิคมาปรับใช้ได้ค่ะ
สัตว์บำบัดโรค
3
ยังมีเนื้อหาไม่ละเอียดเท่าไหร่ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สัตว์บำบัดโรคเป็นหนึ่งในวิธีการที่ถูกนำมาใช้ในเทคนิคทางการแพทย์ทางเลือกค่ะ หลักๆก็คือการอธิบายว่าทำไมสัตว์แต่ละชนิดถึงสามารถนำมาใช้บำบัดโรคได้ แล้วกระบวนการบำบัดโรคด้วยสัตว์เหล่านั้นเป็นอย่างไร ในหนังสือมีสัตว์หลายชนิดนะคะ ถ้าจะแบ่งก็น่าจะแบ่งได้เป็นสัตว์เลี้ยงกับสัตว์อื่นๆค่ะ สัตว์เลี้ยงก็เช่น หมา แมว ปลา นก ส่วนสัตว์อื่นๆก็เช่น ม้า ผึ้ง ปลิง หนอน งู งูบำบัดนี่น่าสนใจดีค่ะ ใครจะคิดว่าการใช้งูบำบัดโรคนั้นมีอยู่จริง แน่นอนว่างูในที่นี้จะต้องเป็นงูที่ไม่มีพิษและไม่ก่ออันตราย คงไม่มีใครกล้าเอางูเห่ามาบำบัดโรคมั้งคะ 555 แต่ประเด็นคือผู้เขียนไม่ได้บอกว่าจะเอางูมาบำบัดโรคยังไงอะค่ะ ที่พอจะใกล้ตัวและพอจะเป็นไปได้หน่อยน่าจะเป็นการบำบัดโรคด้วยสัตว์เลี้ยง อย่างเช่นการบำบัดโรคด้วยปลา ที่เราคุ้นเคยกันก็คือการทำสปาปลานั่นเอง ส่วนการบำบัดด้วยสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นก็จะเน้นไปที่การบำบัดทางจิตใจมากกว่าค่ะ เพราะการที่ผู้เลี้ยงได้มีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์เหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นพัฒนาการทางจิตใจได้ดี ภาพรวมเราว่าเป็นหนังสือที่เน้นให้ข้อมูลทางวิชาการมากกว่าค่ะ ไม่ใช่หนังสือประเภทคู่มือสอนหรือแนะนำว่าจะใช้สัตว์ต่างๆมาช่วยบำบัดรักษาโรคของเราได้อย่างไร อ่านเอาเป็นความรู้เบื้องต้นเฉยๆได้ แต่จะอ่านเพื่อนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัตินี่น่าจะยังไม่เหมาะค่ะ หนังสือต้องให้เทคนิคและความรู้ที่มากกว่านี้ค่ะ ไม่ใช่แค่เพียงการให้ความรู้เบื้องต้นแบบพื้นๆ ขอให้คะแนนซัก 5 เต็ม 10 ละกันค่ะ
อาหารต้านโรค ลดไขมัน ลดโคเลสเตอรอล
5
หาความรู้เกี่ยวกับโรคที่มาจากไขมันได้จากเล่มนี้ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

โรคอ้วนหรือว่าโรคที่เกี่ยวกับการสะสมของไขมันในร่างกายนั้นถือเป็นโรคยอดฮิตโรคหนึ่งของคนยุคนี้เลยนะคะ สาเหตุหลักของการเกิดโรคนี้ก็คือพฤติกรรมการกินของเรานี่แหละค่ะ เรากินกันแบบเอาสะดวก เอาง่ายเข้าว่า คำนึงถึงรสชาติของอาหารมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ เรื่องนี้เราว่าหลายคนรู้ดีนะคะ แต่ก็ยังแก้นิสัยการกินของตัวเองไม่ได้ซักที ผลสุดท้ายก็ต้องพึ่งหมอ พึ่งยา มารักษาความเจ็บป่วยกันทีหลัง อาหารต้านโรค ลดไขมัน ลดคอลเสเตอรอล เล่มนี้ เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะทำให้ผู้อ่านสามารถป้องกันโรคที่จะเกิดจากการกินอาหารที่มีไขมัน มีแป้งเยอะๆได้ค่ะ ผู้เขียนบอกว่าแม้ไขมันจะเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่เราก็ต้องเรื่องกินอาหารประเภทนี้อย่างถูกวิธี กินในปริมาณที่พอดี เพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างกาย คำอธิบายในเรื่องนี้ดูเป็นหลักการดีค่ะ เข้าใจง่าย นอกจากนี้ผู้เขียนยังพูดถึงอาการบ่งชี้ที่จะเตือนเราว่าเรามีอาการไขมันในเลือดสูงผิดปกติ ในส่วนของสาเหตุของอาการดังกล่าวก็มีหลายสาเหตุค่ะ ส่วนใหญ่ก็มาจากพฤติกรรมการกินนั่นเอง ถ้าจะให้แบ่งหนังสือเล่มนี้ออกเป็นส่วนๆก็จะแบ่งได้เป็นสองส่วนคือส่วนความรู้ทั่วไปเบื้องต้นเกี่ยวกับไขมันและคอเลสเตอรอล และส่วนที่ว่าด้วยเมนูต่างๆที่แนะนำให้กิน ส่วนที่ว่าด้วยเมนูต่างๆนั้น รวบรวมเมนูไว้เยอะเลยค่ะ แต่ว่าส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เมนูผักนะคะ ผู้เขียนเรียกว่าเป็นผักฤทธิ์เย็น เพราะว่าคนที่มีไขมันสูง จะมีภาวะร้อนค่ะ ต้องอาศัยอาหารที่มีฤทธิ์เย็นมาช่วยดับพิษเพื่อทำให้ร่างกายสมดุล
5
ได้เมนูปลาน่ากินเยอะเลยค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะอยากหาเมนูมาทำกินในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักค่ะ ช่วงนั้นแน่นอว่าถ้าไม่กินผักผลไม้ ก็ต้องนึกถึงปลาใช่มั้ยคะ เพราะว่าปลาน่าจะเป็นเมนูที่ให้แคลอรี่น้อยที่สุดแล้วในบรรดาเนื้อสัตว์ต่างๆ แต่ว่าเล่มนี้ไม่ใช่เมนูปลาสำหรับคนที่ต้องการผอมนะคะ เป็นเมนูปลาทั่วๆไปที่ถ้าเผลอกินมากๆก็อาจจะอ้วนได้เหมือนกัน โดยเฉพาะพวกเมนูผัด เมนูทอดทั้งหลาย เราเลยเลือกทำเฉพาะเมนูต้ม นึ่ง เป็นหลักค่ะ เท่าที่ลองเป็นบางเมนูก็ถือว่ารสชาติกลางๆค่ะ ต้องปรับสูตรเล็กๆน้อยๆเพื่อให้ถูกปาก เมนูที่น่ากินก็อย่างเช่น ปลาจะเม็ดนึ่งเต้าเจี้ยว ปลากะพงนึ่งมะนาว ต้มโคล้งปลากรอบ ต้มยำปลาเก๋าน้ำข้น ปลาสำลีแดดเดียวยำมะม่วง ปลาสำลีเผาทรงเครื่อง ปลาทูลุยสวน ฯลฯ นอกจากเรื่องเมฯต่างๆแล้ว ผุ้เขียนจะให้ความรู้เกี่ยวกับปลาน้ำจืดและปลาทะเลแต่ละชนิดว่าเหมาะกับการนำมาทำอาหารประเภทไหนบ้าง วิธีการเลือกซื้อปลาจะต้องเลือกซื้ออย่างไร ดูจากอะไรบ้าง เท่าที่อ่านดูก็ถือว่าเป็นคู่มือการทำอาหารประจำบ้านก็ได้หรือว่าจะเอาไปใช้ในการทำเมนูอาหารสำหรับเปิดร้านอาหารก็ได้ค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่ารสชาติตามสูตรที่ให้มาเป็นรสชาติกลางๆน่าจะถูกปากหลายๆคน สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ในการทำเมนูปลา อ่านเล่มนี้แล้วรับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ ได้ฝึกฝีมือกับการทำเมนูที่ไม่ยากจนเกินไปแล้วเอาไปต่อยอดดัดแปลงทำเป็นเมนูใหม่ๆได้เพิ่มอีกแน่นอน ถึงแม้ว่าเมนูอาจจะยังไม่เยอะจุใจเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอีกเล่มที่มีเมนูคุณภาพทุกเมนูค่ะ
4
ยังไม่ตอบโจทย์การฝึกสำเนียง แต่อ่านเเพื่อฝึกการออกเสียงเบื้องต้นได้ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียนบอกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่กำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อต่างประเทศ รวมถึงผู้ที่ต้องการสื่อสารกับชาวต่างชาติ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นค่ะ การออกเสียงภาษาอังกฤษให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา ทำให้เราสามารถสื่อสารกับเค้าได้เข้าใจได้มากขึ้นค่ะ ลองนึกดูสิคะว่า ถ้ามีฝรั่งมาคุยภาษาไทยกับเราแล้วฝรั่งคนนั้นพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงเพี้ยนๆแปลกๆ ก็คงเป็นเรื่องยากที่เราจะเข้าใจกับสิ่งที่ฝรั่งคนนั้นต้องการจะบอก เผลอๆอาจทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่ การพูดอังกฤษสำเนียงไทยอาจจะไมใช่เรื่องที่ผิด แต่ถ้าต้องการสื่อสารกับเจ้าของภาษา ก็ต้องพยายามพูดให้เหมืนเค้าให้มากที่สุด ในหนังสือจะสอนการออกเสียงพยัญชนะแล้วก็สระแต่ละแบบค่ะ มีการแบ่งรูปของพยัญชนะแล้วก็สระออกมาเป็นประเภทๆตามลักษณะของการออกเสียง ทำให้เข้าใจและออกเสียงตามได้ง่ายขึ้น แต่จริงๆแล้ว ถามว่าจะออกเสียงได้เหมือนเลยมั้ย เราว่าไม่ค่ะ เพราะว่าหนังสือน่าจะเหมาะกับคนที่ยังสะกดคำไม่เป็นหรือไม่มีพื้นฐานด้านการออกเสียงเลยมากกว่า เนื้อหาจะเน้นไปที่เรืองพื้นฐานมากๆ จะสอนการออกเสียงโดยนำมาเทียบกับพยัญชนะหรือสระในภาษาไทย ความเหมือนก็เลยอาจจะไม่ 100 % น่าจะได้ประมาณซัก 85 % ค่ะต้องอาศัยการฟังเพิ่มเข้าไป บวกกับจริตแบบฝรั่งนิดหน่อยถุงจะได้เต็ม 100 ถึงแม้ตอนท้ายจะมีแบบฝึกหัดให้ลองเขียนคำอ่านเป็นภาษาไทยดู ก็คงยังไม่ตอบโจทย์เรื่องการฝึกสำเนียงค่ะ แต่น่าจะตอบโจทย์เรื่องการฝึกสะกดคำ การออกเสียงพื้นฐานมากกว่า
สุขภาพดีตั้งแต่ตื่นยันนอน Be Healthy 24 Hour
4
เป็นหนังสือสุขภาพที่ให้หลักการในการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หลักๆในหนังสือเล่มนี้จะพูดถึงการกิน การทำงาน การออกกำลังกาย และการนอนเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีค่ะ จะเป็นการพูดถึงเรื่องการจัดสรรเวลาเพื่อทำกิจกรรมต่างๆที่ว่ามา แล้วก็ลงรายละเอียดไปในแต่ละเรื่องว่าเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ในส่วนของการกิน เนื้อหาส่วนแรกจะพูดถึงเรื่องประโยชน์ของอาหารแต่ละชนิด ซึ่งอ่านแล้วอาจจะน่าเบื่อนิดนึง ประมาณว่าอ่านตำราสุขศึกษา จะมีเรื่องเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ แทรกเข้ามาบ้าง อย่างเช่น กินผลไม้เวลาไหนได้ประโยชน์มากที่สุด ข้อแนะนำในการเลือกดื่มนม ควรกิกาแฟมากแค่ไหน ในส่วนต่อไปจะเป็นเรื่องของการทำงานค่ะ อันนี้ดูจะเป็นหลักการที่ปฏิบัติยากไปนิดนึง ที่น่าสนใจจะเป็นเรื่องแบบประเมินว่าความเครียดของเราอยู่ในระดับไหน ในส่วนของเทคนิคคลายเครียดก็เหมือนกัน ไม่ค่อยมีตัวอย่างเป็นรูปธรรมนะคะ ส่วนใหญ่จะเน้นหลักการมากกว่า ข้อดีของส่วนนี้น่าจะเป็นเรื่องการพูดถึงเรื่องใกล้ตัวค่ะ ทำให้เราได้คิดได้ทบทวนพฤติกรรมประจำวันของตัวเองเสียใหม่ ส่วนสุดท้ายจะเป็นเรื่องการพักผ่อน ซึ่งได้แก่การออกกำลังกาย และการนอน ส่วนนี้เราหวังว่าจะได้เทคนิคอะไรบ้าง แต่ก็เหมือนเดิมค่ะคือผู้เขียนจะเน้นไปที่การให้ความรู้พื้นฐานแบบย่อๆมากกว่า ประมาณว่าถึงไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็พอรู้อยู่บ้าง ก็เลยทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสนุกกับการอ่านเทาไหร่ ถ้าจะบอกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับการอ่านแบบไหน เราว่าน่าจะเหมาะกับการอ่านเพื่อนำไปใช้อ้างอิงในงานเขียน มากกว่าอ่านเพื่อนำไปใช้ปฏิบัติจริงค่ะ
ศัพท์น่ารู้ ดูจากภาพ
5
จำศัพท์จากภาพ จำง่าย จำไวค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ศัพท์น่ารู้ดูจากภาพเป็นหนังสือท่องศัพท์ภาษาอังกฤษในแบบที่เราอยากให้มีออกมาเยอะๆค่ะ เพราะว่าการจดจำด้วยภาพ ทำให้เราจำได้ง่ายและแม่นกว่าการท่องจำแบบธรรมดาๆทั่วไป ถ้าเป็นเด็กๆ วิธีการจำศัพท์ด้วยภาพน่าจะทำให้เค้าสนใจภาษาอังกฤษได้มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกๆดูภาพพร้อมกับอ่านคำศัพท์ของภาพนั้นๆให้ลูกๆฟังไปด้วยได้ สำหรับเล่มนี้มีทั้งศัพท์อังกฤษ แล้วก็ศัพท์ญี่ปุ่นค่ะ ในส่วนของเนื้อหาเรียกได้ว่าเยอะจุใจมากค่ะ ครอบคลุมหลายเรื่องเลย ไม่ได้เว่อร์นะคะ แต่อยากจะบอกว่าเล่มนี้เล่มเดียวทำให้ได้ศัพท์มากกว่าที่เรียนในห้องเรียนทั้งเทอมอีกค่ะ อย่างที่บอกง่าเป็นการเรียนด้วยภาพทำให้เข้าใจง่ายและจำได้เร็ว แถมยังมีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน ยิ่งทำให้น่าสนใจขึ้นไปอีก ทำให้การท่องศัพท์ไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อค่ะ เพราะบางทีเวลาเราท่องศัพท์ปกติเราก็ไม่รู้ว่าท่องไปทำไม ท่องแล้วไม่ได้ใช้ เป็นเรื่องไกลตัว ก็เลยไม่รู้สึกอยากทำ แต่ถ้าลองเปลี่ยนมาเป็นเรื่องใกล้ตัว ก็น่าจะทำให้เรามีกำลังใจท่องมากขึ้น เวลาไปไหนมาไหนพอได้เห็นภาพของสิ่งที่เราเคยเห็นมาแล้วจากในหนังสือ ก็จะทำให้เรานึกถึงคำศัพท์คำนั้นขึ้นมาในหัว เป็นการได้ทบทวนคำศัพท์คำนั้นๆ บ่อยๆ ด้วย เป็นอีกเล่มที่แนะนำเลยค่ะว่าต้องซื้อเก็บไว้ ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกๆเก่งศัพท์ ต้องมีเล่มนี้ติดบ้านไว้
โอชาอาเซี่ยน (นันทนา ปรมานุดิษฐ์)
5
เรียนรู้เมนูแปลกๆใหม่ๆจากเพื่อนบ้านอาเซียนได้เยอะเลยค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กระแสเรื่องอาเซียนนี่แพร่หลายไปทุกวงการจริงๆนะคะ เราได้ยินเรื่องอาเซียนบ่อยจนรู้สึกว่าอะไรก็สามารถจับโยงมาที่เรื่องอาเซียนได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องอาหาร ด้วยความที่เป็นคนชอบกินชอบทำอาหารอยู่แล้ว โอชาอาเซียนเล่มนี้เลยน่าสนใจสำหรับเราเพราะเราจะได้รู้จักเมนูแปลกๆใหม่ๆจากเพื่อนบ้านแถบอาเซียน ในหนังสือสอนวิธีทำและรวบรวมสูตรการทำอาหารของประเทศต่างๆเอาไว้ มีทั้งหมด 45 เมนูค่ะ แบ่งตามพื้นที่ที่ประเทศนั้นๆตั้งอยู่ อย่างเช่นอาหารของประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง อาหารของประเทศแถบคาบสมุทรมลายู และก็ฟิลิปปินส์ ในส่วนของเมนูต่างๆเราว่าทำไม่ยากเลยค่ะ ส่วนผสมก็พอหาได้จากตลาดทั่วไป ส่วนรสชาติเราขอไม่คอมเมนท์ละกัน เพราะว่าเราเองลองทำเป็นบางเมนูที่คิดว่าน่าจะถูกปาก แล้วก็ดัดแปลงส่วนผสมบ้างเท่าที่พอหาได้ ก็เลยไม่รู้ว่าจะได้รสชาติตรงตามต้นตำรับรึเปล่า ข้อดีของหนังสือเล่มนี้ก็คือไม่ใช่เป็นแค่ตำราสอนทำอาหารอย่างเดียว อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้ค่ะว่าเป็นหนังสือสารคดีอาหารมากกว่า หมายความว่าผู้เขียนเค้าให้ความรู้เสริมเกี่ยวกับอาหารแต่ละจานว่ามีที่มาที่ไปยังไงด้วย เหมือนกับว่าเราเรียนรู้เพื่อนบ้านจากอาหารที่เค้ากินนั่นเอง นอกจากเรื่องของเมนูและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับอาหารแต่ละจานแล้ว ก็จะมีการเขียนถึงวัฒนธรรมอาหารของแต่ละประเทศด้วย ผู้เขียนก็จะอธิบายทั้งในแง่ประวัติศาสตร์แล้วก็ในแง่ของเอกลักษณ์ของอาหารของแต่ละประเทศ สำหรับเล่มนี้ให้ 9 เต็ม 10 ค่ะชอบที่ได้เห็นเมนูแปลกๆใหม่ๆแล้วก็ชอบเรื่องเกร็ดความรู้เกี่ยวกับอาหารของเพื่อนบ้านอาเซียน
สุดยอดคำคมข้อคิดโดนใจ
5
เป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดโดนใจที่ยังไม่ค่อยโดนใจ^^
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สุดยอดคำคม ข้อคิดโดนใจ เป็นหนังสือที่รวบรวมคำคมจากหนังค่ะ มีทั้งหมด 100 คำคม ในหนังสือก็จะมีโควทที่ตัดมาจากหนังแล้วก็มีคำอธิบายเพิ่มเติมลงไป ซึ่งจะเป็นมุมมองของผู้เขียนที่มีต่อคำคมเรื่องนั้นๆ จุดประสงค์ผู้เขียนบอกว่าต้องการเติมพลัง เติมกำลังใจให้กับผู้อ่าน อย่างที่เขียนไว้ว่าคำคมดีๆมักให้ข้อคิดที่ยิ่งใหญ่ สร้างแรงบันดาลใจ เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล โดยเค้าจะแบ่งเป็นตอนๆนะคะ มีทั้งหมด 5 ตอน คือคำคมเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการให้กำลังใจ ความสำเร็จ ความสุข แล้วก็เรื่องความรัก สำหรับเราถามว่าหนังสือเล่มนี้โดนใจตามคอนเซปที่ผู้เขียนต้องการมั้ย ก็ขอบอกว่ายังไม่โดนเท่าไหร่ค่ะ ที่ไม่โดนไม่ได้แปลว่าไม่ดีนะคะ คือโควททุกโควทดีหมดค่ะ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นกินใจคนอ่าน เพราะว่าหลายเรื่องเป็นเรื่องธรรมดาๆที่เรารู้ๆกันอยู่แล้ว อารมณ์ประมาณว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น คืออ่านแล้วก็ได้ข้อคิดใช่มั้ยคะ แต่ยังไม่ให้ความรู้สึกอินไปกับเรื่อง จะอธิบายยังไงดี น่าจะพูดว่ายังไม่สามารถปลุกแรงบันดาลใจขึ้นมาได้ (อ่านแล้วเข้าใจ แต่ไม่รู้สึกถึงสิ่งนั้น) ถ้าผู้อ่านไม่ได้กำลังมองหาแรงบันดาลใจอะไร คิดว่าอ่านแล้วน่าจะเบื่อนะคะ ตอนดูหนังถ้าตัวละครพูดคำคมเหล่านี้ออกมาก็น่าจะอินไปกับคำพูดได้มากกว่า แต่สำหรับคนที่กำลังมองหากำลังใจหรือข้อคิดอะไรบางอย่าง เราว่าหนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับผู้อ่านได้ค่ะ สรุปก็คือหนังสืออาจจะตอบโจทย์เฉพาะผุ้อ่านบางกลุ่มเท่านั้น
มหัศจรรย์ผักผลไม้ต้านโรค เล่ม 1
4
เป็นหนังสือที่ทำให้รู้ว่ายารักษาโรคที่ดีที่สุดก็คือผักผลไม้ค่ะ
โดย: moobig วันที่เขียนรีวิว: 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ตอนเด็กเราเป็นคนไม่ค่อยชอบกินผักค่ะ ถ้ามีผักอยู่ในจานเป็นอันต้องเขี่ยทิ้งตลอด เราพึ่งเริ่มกินผักแบบจริงๆจังก็ตอนตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากว่ากินผักแล้วจะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักยังไง เพราะไม่เกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ 555 แต่ที่เลือกหยิบเล่มนี้ขึ้นมารีวิวก็เพราะการกินผักผลไม้ที่เพิ่มขึ้นของเรา ทำให้เราอยากรู้ประโยชน์ที่แท้จริงของผักผลไม้ต่างๆเหล่านั้น พอได้อ่านเล่มนี้ก็รู้สึกตามชื่อหนังสือเลยค่ะ มหัศจรรย์ผักผลไม้ต้านโรค เรารู้สึกว่ายาที่วิเศษที่สุดในการรักษาหรือป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆก็คือ ยาจากธรรมชาตินี่ล่ะค่ะ เราชอบประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มนี้คือ “โรคภัยไข้เจ็บเกิดจากการขาดสมดุลของร่างกาย…จงให้อาหารของท่านเป็นยารักษาโรค” การกินผักผลไม้ก็เหมือนเราได้กินยาที่จะช่วยดูแลสุขภาพ ช่วยชะลอโรคภัยไข้เจ็บ แล้วก็ช่วยรักษาความเจ็บป่วยต่างๆ ตัวอย่างผักผลไม้ที่ผู้เขียนยกมาอาจจะไม่เยอะมากค่ะ แต่ส่วนใหญ่เรารู้จักคุ้นเคยกันดี อย่างเช่นกะเพรา กล้วย แตงกวา ถั่วพู ทับทิม ทุเรียน ผักขม ฟักทอง ตำลึง ฟักเขียว ฯลฯ ในการอธิบายผู้เขียนก็จะพูดถึงลักษณะทางวิทยาศาสตร์ของผักผลไม้แต่ละชนิด ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับผักผลไม้นั้น คุณค่าทางโภชนาการมีอะไรบ้าง แล้วก็สรรพคุณทางยาเป็นยังไง อย่างผักขมก็ช่วยบำรุงสายตา กล้วยช่วยลดความดันโลหิตสูง แตงกวาช่วยขับปัสสาวะ แก้ไข้ ลดอาการนอนไม่หลับ ลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้กระหายน้ำ ลดอาการเกาท์ ลดอาการบวมน้ำ จะเห็นว่าแค่แตงกวาอย่างเดียวก็สรรพคุณมากมายแล้ว ถ้าผู้อ่านอยากรู้ว่ายาจากธรรมชาติเหล่านี้มีสรรพคุณยังไง แนะนำให้อ่านเล่มนี้เลยค่ะ
www.batorastore.com © 2024