Customer Reviews

นางร้ายสายลับ
2
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 21 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง หัสบรรณ
สำนักพิมพ์ ปริ้นเซส
จำนวนหน้าหนังสือ 323 หน้า

มีหลายคนที่ประทับใจกับนิยายเรื่องนี้ ที่ถูกนำมาทำเป็นเวอร์ชั่นละคร แสดงนำโดยมาร์กี้และปีเตอร์ครับ ผมเองก็ดูเรื่อย ๆ นะ ไม่ได้ว่าติดอะไร คือว่างก็นั่งดู ก็รู้สึกว่า หนังก็โอเคดีนะ สนุกดี มาเจอหนังสือก็เลยลองอ่านดูครับ เพราะที่เจอกับตัวเองมา ละครมักจะปรับบทหนังสือ และละครส่วนมาก อ่านหนังสือและสนุกว่า

เรื่องก็จะเป็นคล้าย ๆ กับละครแหละครับ คือนางเอก สุรีกานต์เป็นดาราชื่อดังที่รับบทนางร้ายมาตลอด แต่ขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง เธอมีเพื่อนสนิทชื่อ พลอยนิล ที่ถูกเรียกว่าเป็นนางฟ้าแห่งวงการ รับบทนางเอกผู้แสนดีมาตลอด แต่ใครจะรู้เลยว่า ชีวิตของคนทั้งคู่ช่างแตกต่างกันมาก แม้สุรีกานต์จะเป็นนางร้าย แต่ก็มีจิตใจดี ต่างกับพลอยนิลที่ชอบเหวี่ยง ชอบวีน เอาแต่ใจตนเอง ด้วยความจิตใจดีของสุรีกานต์นี่แหละ ที่ทำให้ตัวเองต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ

พลอยนิลมาขอร้อง (แกมบังคับ) ให้สุรีกานต์เข้าไปขโมยภาพถ่ายของเนธาน แฟนหนุ่มของเธอ ที่เธออ้างว่าเป็นภาพหลุดของเธอเอง ที่ถ้าหลุดออกไป ชีวิตเค้าต้องดับแน่ ในบ้านของอุษณะ พระเอกหนุ่มชื่อดังอีกคนที่เป็นเกย์ ด้วยความรักเพื่อน สุรีกานต์ก็ยอมทำให้ ซึ่งเมื่อเธอเห็นภาพหลุดชุดนั้น เธอก็ได้แต่อึ้ง เพราะมันเป็นภาพเรื่องราวอย่างว่าของอุษณะกับเนธาน สุรีกานต์มั่นใจว่าตัวเองถูกเพื่อนหลอกใช้ และระหว่างที่ปีนรั้วบ้านออกมา เธอก็ถูกตำรวจที่นำทีมโดยสารวัตรนฤเบศจับกุมตัวไว้ ซึ่งสารวัตรนฤเบศได้ให้ข้อเสนอให้เธอให้ไปเป็นนางนกต่อจับผู้ร้ายคดียาเสพติดเพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มจากตรงนี้ครับ

ซึ่งในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ สุรีกานต์ต้องวิ่งรอกเข้าออกระหว่างกองถ่ายและเซฟเฮ้าส์ของสารวัตรหนุ่ม ซึ่งนั่นทำให้เค้าและเธอได้อยู่ใกล้ชิดกันโดยไม่ได้ตั้งใจ และดูเหมือนจากคู่กัดจะเปลี่ยนเป็นคู่รัก ถ้าหากไม่มีพระเอกหนุ่มหน้าใหม่ที่ต้องการจะเข้ามาสานสัมพันธ์กับเธอ ซึ่งตอนจบก็ค่อนข้างจะหักมุมครับ (แต่มันก็พอจะคาดเดาได้นะ) จบแบบมึน ๆ นิดหน่อย แต่ก็แฮปปี้ดี

ผมอยากจะบอกสั้น ๆ ว่า ถ้าคุณชอบละคร ก็จงชอบต่อไปเถอะครับ ถึงละครจะมีการปรับบทไปค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังดูสนุกกว่าในหนังสือ ผมไม่รู้ว่าผู้เขียนเค้าอัดอั้นตันใจอะไร ใช้สำนวนแปลก ๆ และดูเหมือนจะจิกกัด ประชดประชัน เสียดสีกันไปมาอยู่ตลอดเวลา แทบจะทุกบรรทัดเลยดีกว่าครับ เข้าใจครับว่ามันเป็นเรื่องของดารา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้ ทำให้หนังสือเรื่องนี้ไม่สนุกเลยครับ เรื่องความรักของพระเอกกับนางเอก ก็ไม่ได้ชวนให้ฟินมากเหมือนในละคร เจอแบบนี้ต้องขอบายครับ
ดั่งดวงหฤทัย
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 21 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง ลักษณวดี
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม

ผมยังเด็กมาก ตอนที่ละครเรื่องนี้ออกฉายทางช่อง 7 ที่เป็นเวอร์ชันของศรราม และ นัท มีเรีย ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่แม่ผมประทับใจมากครับ ถึงขนาดไปซื้อนิยายมาเก็บไว้ (ซื้อตอนไม่ลดราคาด้วย) เพราะฉะนั้นผมจึงได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ ครับ แต่อ่านกี่ครั้งก็ยังประทับใจเท่ากับครั้งแรก เลยค่อนข้างจะตื่นเต้นเมื่อเห็นช่อง 7 นำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง ซึ่งผมก็ตั้งใจดูได้อยู่ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นก็ไม่ดูแล้วครับ

ตอนแรกผมก็ไม่นึกอยากอ่านนะ เรื่องราวของเจ้าชาย เจ้าหญิง กลัวว่ามันจะเหมือนหนังสือนิยายวัยรุ่น แต่เมื่อลองอ่านดูแล้ว ไม่ใช่เลยครับ โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของ 3 แคว้น คือแคว้นกาสิก แคว้นพันธุรัฐ และแคว้นทานตะ ซึ่งทั้ง 3 แคว้นนี้เป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ก็ค่อนข้างจะระแวงซึ่งกันและกัน แคว้นทานตะจะค่อนข้างอ่อนแอกว่าเพื่อน แต่มีทรัพยากรมากและมีทางออกทางทะเล เป็นที่ต้องการของแคว้นกาสิกที่ขึ้นชื่อด้านความโหดเหี้ยม (แต่ร่ำรวยมาก มีเหมือนเพชรขนาดใหญ่อยู่จำนวนมาก) เรื่องจึงเกิดขึ้น เพราะความต้องการของแคว้นกาสิกที่อยากได้ทางออกทางทะเล และแคว้นทานตะอยากได้ความมั่งคั่งและความแข็งแกร่ง ซึ่งเหมือนจะไปได้ดีครับ เพราะเจ้าหลวงแห่งกาสิก จะหมั้นกับฟ้าหญิงแห่งทานตะ ถ้าระหว่างแคว้นนั้น ไม่มีแคว้นพันธุรัฐขั้นอยู่เสียก่อน

ฟ้าหญิงแห่งแคว้นทานตะ ฟ้าหญิงมณิศราเทวี เกิดกลัวคู่หมั้นที่เป็นเจ้าหลวงแห่งกาสิก จึงได้หลบหนีไปบริเวณเขตพันธุรัฐ เมื่อฟ้าชายทยุติธร เจ้าฟ้าชายแห่งพันธุรัฐทราบเรื่องจึงได้นำเสด็จไปพักที่พระตำหนักของพันธุรัฐ เมื่อเจ้าฟ้าหญิงทรรศิกา ผู้เป็นพระขนิษฐาทราบเรื่อง ด้วยความร้อนใจจึงรีบเสด็จไปที่พระตำหนัก ซึ่งระหว่างการเดินทางก็ถูกเจ้าหลวงรังสิมันต์ เจ้าหลวงแห่งกาสิกลักพาตัวไป นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความโรแมนติกครับ

เมื่อเจ้าหญิงทรรศิกาตกไปอยู่ภายใต้กาสิก เธอเองก็หวั่นกลัวมิใช่น้อยกับความดุร้ายของเจ้าหลวงรังสิมันต์ตามที่เคยได้ยินมา เธอจึงอาละวาดแผลงฤทธิ์ต่าง ๆ นานา ด้วยกลัวจะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของเจ้าหลวงแห่งกาสิก แต่กาลเวลาที่ผ่านไปได้ทำให้เธอเข้าใจในตัวเจ้าหลวงมากขึ้น และเปลี่ยนเป็นความชื่นชม ด้านเจ้าหลวงเองก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะทำให้เจ้าหญิงทรรศิกาเข้าใจในตัวพระองค์ อยากจะบอกว่าช่วงตั้งแต่กลาง ๆ เล่มที่ 1 เป็นต้นไป ถึงกลาง ๆ เล่มที่ 2 นี่น่ารักมากครับ อ่านแล้วอมยิ้มเลย ฟินกว่านิยายสมัยนี้อีก จากเจ้าหลวงที่ดูจะเด็ดขาด กล้าหาญ แต่มาทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เจ้าหญิงอันเป็นที่รัก ท่ามกลาางบรรยากาศหนาวเหน็บ หิมะโปรยปราย มาช่วงท้าย ๆ จะเกิดความไม่เข้าใจกันบ้างระหว่าง 3 รัฐ จากกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นในช่วงแรก ทำให้เจ้าหลวงรังสิมันต์ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง เจ้าหญิงทรรศิกาไม่รีรอที่จะรีบนำพระองค์ไปรักษาตัวในแคว้นพันธุรัฐ นั่นทำให้ทุก ๆ อย่างได้มีการเคลียร์ปัญหากัน และเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงด้วยดีครับ

ซึ่งมันต่างกันมากกับละครช่อง 7 เวอร์ชั่นใหม่ ที่มีทั้งตัวร้าย ตัวอะไรก็ไม่รู้ แปลงบทประพันธ์เดิมจนเพี้ยนไปมาก อยากจะบอกว่าอ่านหนังสือเถอะครับ หรือกลับไปดูเวอร์ชั่นเดิมก่อน จะบอกว่า สมัยก่อนนี้มันก็รู้จักความฟินนะ เพราะนิยายค่อนข้างน่ารัก เรื่องภาษาต้องยกให้คุณลักษณวดีอยู่แล้วครับ ไม่มีตรงไหนที่อ่านยาก แม้กระทั่งการเปรียบเปรยบางสิ่งบางอย่างยังทำให้เข้าใจได้ง่าย ๆ เป็นนิยายในดวงใจผมอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ
สี่แผ่นดิน (เล่ม 1-2) (มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์)
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 21 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000
จำนวนหน้าหนังสือ 617 หน้า

ผมได้ดูสี่แผ่นดินเวอร์ชันละคร ที่ออกอากาศทางช่อง 9 ที่คุณตุ้ย ธีรภัทรเล่นเป็นคุณเปรม เมื่อตอนเด็ก ๆ ครับ อยากจะบอกว่าติดมาก เพราะผมรักอะไรที่เป็นประวัติศาสตร์ไทย เคยตั้งใจว่า ไม่ว่ายังไง ก็จะขออ่านแบบเป็นเล่มดูสักครั้ง และเมื่อปีที่แล้ว ผมก็ได้อ่านอย่าง
สมความตั้งใจครับ ผมได้มาเป็นไฟล์ pdf ตอนแรกที่เห็นจำนวนหน้าแล้วก็คิดหนักอยู่ แต่ก็ตกลงใจที่จะอ่านวันนั้นเลยครับ

โดยสี่แผ่นดิน เป็นเรื่องราวชีวิตของ พลอย บุตรสาวของพระยาพิพิธ กับนางแช่ม อดีตข้าหลวงของเสด็จพระองค์หนึ่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่พลอยยังเด็ก ไปจนถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของพลอยที่กินเวลาทั้งหมดสี่แผ่นดินครับ

โดยจะเริ่มจากในสมัยของรัชกาลที่ 5 พลอยถือกำเนิดในฐานะลูกภรรยาเอก แต่ไม่ใช่คุณหญิง มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน (เอาแต่ที่สำคัญนะครับ) ลูกของคุณหญิงมีทั้งหมด 3 คนคือคุณอิ่ม คุณชิต และคุณเชย คุณเชยจะสนิทกับพลอยและรักพลอยมากที่สุด พลอยมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อเพิ่ม และมีน้องสาวต่างแม่อีกคนชื่อ หวาน

เรื่องราวดำเนินมาจนพลอยอายุได้ 10 ขวบ แม่แช่มแม่ของพลอยได้ตกลงใจที่จะเอาตัวพลอยไปถวายเสด็จ และทิ้งพ่อเพิ่มไว้กับเจ้าคุณพ่อ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่พลอยได้ออกจากบ้านและได้เห็นอะไรใหม่ ๆ แม่แช่มพาพลอยเข้าไปถวายตัวกับเสด็จในวัง โดยให้อยู่กับคุณสาย ข้าหลวงคนสนิทของเสด็จ เมื่อพลอยถวายตัวเสร็จ คุณสายจึงแนะนำให้พลอยรู้จักกับช้อย หลานสาวของคุณสายที่อยู่มาก่อนนานแล้ว เรื่องราวก็จะดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยจะบรรยายความเป็นอยู่ของพลอยในวัง ตรงนี้จะค่อนข้างเห็นภาพชัดครับ

เมื่อถึงเวลาพอสมควร พลอยกับช้อยก็ถึงเวลาที่จะต้องโกนจุก เมื่อจบงานโกนจุกพลอยก็พบว่า แม่เสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นพลอยก็อาศัยอยู่ในวังจนเริ่มจะโตเป็นสาว การที่พลอยสนิทกับช้อย ทำให้พลอยสนิทกับครอบครัวของช้อย รวมไปถึงพี่เนื่อง พี่ชายของช้อยด้วย พี่เนื่องแอบหลงรักพลอย ซึ่งพลอยก็แอบมีใจให้พี่เนื่องเช่นกัน จนกระทั่งพี่เนื่องถูกส่งตัวไปรับราชการที่นครสวรรค์ พี่เนื่องจึงให้สัญญากับพลอยว่าจะกลับมาแต่งงานกับพลอย ระหว่างนั้นพลอยก็ได้พบกับคุณเปรมเป็นครั้งแรกเมื่อครั้งคุณเปรมยังเป็นมหาดเล็ก พลอยออกอาการไม่พอใจมากนักที่คุณเปรมมาตามดูตัว คุณเปรมจึงได้เข้าทางผู้ใหญ่ ประจวบกับพี่เนื่องผิดสัญญา สุดท้ายพลอยจึงได้แต่งงานกับคุณเปรม

เมื่อแต่งงานไปแล้ว พลอยจึงพบว่าคุณเปรมมีลูกติดอยู่ 1 คน ซึ่งพลอยก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร รักตาอ้นเหมือนลูกคนหนึ่ง และพลอยก็ได้ให้กำเนิดบุตร 2 คน โดยในช่วงพลอยท้องลูกคนที่สอง พระเจ้าอยู่หัวก็ประชวรและเสด็จสวรรคตในเวลาต่อมา

แผ่นดินที่ 2 จะเน้นไปที่ในส่วนของคุณเปรมเป็นพิเศษ ในช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้นพอดี พลอยเองก็ไม่ได้อยู่ในวังแล้ว จึงได้แต่ฟังข่าวสารด้านนอกจากคุณเปรม จะมีบ้างครั้งที่ช้อยแวะมาหา แต่ก็ไม่ได้คุยกันมากนัก ในแผ่นดินนี้จะเริ่มเน้นไปที่ลูก ๆ ของพลอยที่คุณเปรมตัดสินใจส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และในแผ่นดินนี้พลอยได้พบเห็นอะไรต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปมากจากยุคสมัยเดิมที่เคยมี และเรื่องราวในแผ่นดินนี้จบลงที่ ตาอั้น บุตรคนแรกพาเมียแหม่มกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนตาอ๊อดยังเหลือเวลาอีก 1 ปีถึงจะได้กลับมา

เมื่อขึ้นแผ่นดินที่ 3 คุณเปรมมีอาการล้มเจ็บจากการตรอมใจ ตรงนี้ทำให้พลอยเป็นห่วงมาก สิ่งเดียวที่คุณเปรมยังสนใจอยู่คือการขี่ม้า และสุดท้ายคุณเปรมก็เสียชีวิตจากการตกม้า ด้านตาอ๊อดที่กลับมาจากเมืองนอกแล้ว ก็มามีปัญหาต่อที่ไม่สามารถหางานที่ถูกใจได้ ส่วนตาอั้นก็กำลังยึดมั่นในความคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในแผ่นดินนี้จะค่อนข้างเห็นความเป็นแม่ของพลอยอย่างชัดเจนที่ไม่สามารถพูดอะไรได้เมื่อเห็นลูก ๆ ทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย อยากจะบอกว่าในช่วงแผ่นดินนี้เรื่องราวค่อนข้างเครียดครับ

และแผ่นดินที่ 4 แผ่นดินสุดท้ายของพลอย ประไพ ลูกสาวคนเล็กของพลอยได้แต่งงานกับ เสวี เพื่อนของอั้น ในแผ่นดินนี้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น เราจะเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยสมัยนั้น อ๊อดที่ถูกอั้นกดดันอย่างหนักเรื่องทำงาน ก็ได้ไปทำงานที่เหมืองแร่แห่งหนึ่งทางภาคใต้ วันหนึ่งมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่บ้านที่พลอยอาศัยอยู่ ทำให้พลอยต้องย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมที่พลอยอยู่มาตั้งแต่เด็ก จากนั้นไม่นานพลอยก็ได้รับรู้ข่าวร้ายว่า ตาอ๊อดเสียชีวิตจากไข้มาเลเรีย ตอนนี้ค่อนข้างเศร้ามากครับ อ้นที่ออกจากคุกเพราะเรื่องการเมืองได้ตัดสินใจบวชให้อ๊อด พลอยจึงรู้สึกว่าตัวเองหมดห่วงแล้ว จนกระทั่งเมื่อรัชกาลที่ 8 เสียชีวิตกะทันหัน เมื่อพลอยทราบข่าวก็สิ้นใจทันที

หลังจากที่อ่านแล้ว ผมว่ามันสนุกมาก ๆ นะครับ ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาง่าย ๆ ไม่ต้องตีความอะไรมาก ผมชอบมากเพราะเห็นภาพคนสมัยก่อนได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงระเบียบปฏิบัติภายในวังที่อาจจะไม่สามารถหาอ่านได้ในปัจจุบัน การดำเนินเรื่องที่ไม่ค่อยเวิ่นเว้อ (อาจจะเอื่อย ๆ ไปบ้างตอนพลอยออกจากบ้านตอนเด็กครับ) ทำให้หนังสือ 617 หน้าเป็นหนังสือที่ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียวครับ ฉากที่เศร้าก็รู้สึกเศร้าใจจริง ๆ ฉากที่รู้สึกอบอุ่น ก็รู้สึกอบอุ่นตามไปได้จริง ๆ ครับ ผมว่าเป็นหนังสืออีก 1 เล่มที่คุ้มค่าและราคาไม่แพง อยากไปดูละครเวทีก็เงินไม่มีซะอย่างนั้น เลยต้องอ่านหนังสือไปก่อนครับ เวอร์ชันที่ช่อง 9 ทำ ก็ทำออกมาได้ดีนะครับ ไม่ผิดรายละเอียดเลย ผมยังซื้อแผ่นเก็บไว้ดูด้วย อยากจะแนะนำคู่กันเลยครับ
รักเกิดในตลาดสด (ละครช่อง 3)
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน นราวดี
สำนักพิมพ์ แสงดาว
จำนวนหน้าหนังสือ 112 หน้า

ผมก็ไม่คิดนะว่า หนังสือเล่มนี้จะถูกทำออกมาเป็นนิยายด้วย ยิ่งเห็นความยาวแค่ 112 หน้า ยังคิดว่าทำออกมาหลังละครจบแล้วเลย (เหมือนรักสุดฤทธิ์) เลยไปลองหาข้อมูลมาแล้วพบว่า หนังสือมันมีก่อนนานแล้ว แต่แค่เปลี่ยนปกเท่านั้น

ผมเคยดูทั้ง 2 เวอร์ชั่น ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 เลยไม่ลีลานักที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านครับ โดยหนังสือเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ จำนวนหน้าไม่มากนัก เหมาะที่จะอ่านฆ่าเวลา เรื่องราวในเล่มน่าจะเกิดประมาณ 30-40 ปีก่อนครับ

หนังสือเล่มนี้เป็นแนวรักคอมเมดี้ครับ โดยเป็นเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในตลาดแห่งหนึ่งระหว่าง "ปารเมศ หรือ ต๋อง" พ่อค้าขายผักรูปหล่อ ที่ไปตกหลุมรัก "กิมลั้ง" สาวหมวยร้านขายปลา ลูกสาวของแม่กิมฮวย

เมื่อกิมฮวยผู้หวงลูกสาวเป็นชีวิตจิตใจ มาเห็นต๋องจีบลูกสาวเธอ ทำให้กิมฮวยโกรธและเกลียดต๋องมาก เพราะเธอต้องการให้กิมลั้งหมั้นหมายกับ จาตุรงค์ ลูกชายร้านเขียงหมู ซึ่งเธอไม่ชอบเป็นอย่างมาก เนื่องจากชีวิตความเป็นอยู่ของเธอกับจาตุรงค์คนละสไตล์กัน จากนั้นเรื่องก็อีรุงตุงนังไปจนจาตุรงค์ได้ไปจับคู่กับกิมแช น้องสาวของกิมลั้งแทน ตรงส่วนนี้เป็นอันจบไปอย่างแฮปปี้และฮาครับ

ในช่วงหลัง ๆ จะพูดถึงเรื่องการพัฒนาตลาดของต๋องและเรื่องของการปลูกผักไร้สารพิษ ผมว่าตรงนี้ก็โอเคนะ มันดูน่ารัก ๆ ดี ดู ๆ ต๋องเองก็มีอุดมการณ์ด้วย อ่านตรงนี้แล้วชื่นชมครับ ชอบเป็นพิเศษตรงที่พระเอกเป็นคนตรงไปตรงมาด้วย ชอบนางเอกก็บอกว่าชอบ บอกทั้งแม่ทั้งลูก ผมยังรู้สึกหมั่นไส้ อยากให้กิมฮวยเอาปังตอเฉาะหัวสักที แต่นับถือพระเอกจริง ๆ ลูกเล่นเยอะมาก มีทั้งเปิดเพลงจีบ ฝากของฝากจดหมาย ฝากโน่นนี่นั่น เวลานางเอกไม่สนใจก็ไปยั่วให้เค้าหึง ความรักนี่ทำให้คนเราทำได้ทุกอย่างจริง ๆ

และเรื่องราวตอนจบที่พระเอกต้องพิสูจน์ตนเอง โดนนู่นโดนนี่จนกิมฮวยต้องยอมรับ ผมไม่อยากเชื่อว่าคนแบบนี้จะมีอยู่บนโลก อะไรจะอึดขนาดนั้น โดนเข้าไปทุกอย่าง นี่ถ้ากิมฮวยยังไม่ยอมรับอีก ผมว่าต๋องควรจะนอนให้สิบล้อทับได้แล้ว เรื่องเค้าฮาจริง ๆ ครับ ฮาเกือบทั้งเรื่อง นั่งอ่านไปหัวเราะไป คนรอบ ๆ ข้างคงคิดว่าผมเพี้ยนแน่นอน

สรุปว่า หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่น่าซื้อเก็บไว้มาก ราคาสบายกระเป๋าครับ เป็นหนังสือที่น่ารักและไม่มีพิษมีภัยจริง ๆ เด็ก ๆ ก็อ่านได้ ภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาง่าย ๆ เราจะเห็นภาพตลาดเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว และเห็นการแบ่งชั้นระหว่างแม่ค้าด้วยกัน (เออเนอะ พึ่งรู้ก็ตอนนี้) อ่านหนังสือแล้วขำจริง ๆ ละครที่เอามาทำได้ใกล้เคียงคือเวอร์ชั่นของช่อง 7 ครับ ของช่อง 3 ดัดแปลงไปเยอะมาก เปลี่ยนบทประพันธ์ไปเยอะครับ
ธรณีนี่นี้ ใครครอง (สนพ. พลอยจันทร์)
2
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน กาญจนา นาคนันทน์
สำนักพิมพ์ พลอยจันทร์
จำนวนหน้าหนังสือ 560 หน้า

ผมเจอหนังสือเล่มนี้ หลังจากที่ดูละครจบมาแล้วเกือบครึ่งปีครับ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะอ่าน เพราะผมไม่ชอบละครเท่าไร จริงอยู่ที่เนื้อเรื่องของหนังสอนให้เรารู้จักแทนคุณแผ่นดิน และการใช้ชีวิตแบบพอเพียง แต่ผมก็ไม่ได้ชอบละครที่นำนักแสดงมาเป็นจุดขายมากนัก และด้วยความอยากรู้ว่าหนังสือกับละครมันต่างกันมากน้อยแค่ไหน เลยลองเอามาอ่านดูครับ

คือผมอยากจะบอกว่า ในละครดูเหมือนจะสนุกกว่านะครับ ไม่รู้ยังไง แต่การที่ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่เลยรู้สึกว่า หนังสือมันเก่า ๆ มาแนวเดียวกับเชลยศักดิ์นั่นแหละครับ ออกจะพรรณนามากเกินไป จริงอยู่ว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้เรามองเห็นภาพ เห็นความเป็นจริงในหนังสือ แต่สำหรับผมคิดว่ามันเวิ่นเว้อไป แค่ความหล่อของพระเอกก็สองหน้ากระดาษแล้ว ทั้ง ๆ ที่ความจริงไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ผมเลยคิดว่ามันน่าเบื่อครับ แล้วยังจะเป็นเรื่องภาษา สำนวน ค่านิยมต่าง ๆ ที่มันอยู่กันคนละช่วงยุคสมัยกับปัจจุบัน ผมเลยคิดว่ามันกลายเป็นหนังสือที่อ่านยากไปโดยปริยาย

เนื้อเรื่องก็ตามในละครครับ พระเอกจบชั้นอนุปริญญา และตัดสินใจไม่เรียนต่อเพื่อเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เรียน (ตรงนี้ผมก็ไม่เข้าใจนะว่าผู้แต่งจะขายอะไร ทำไมต้องให้มีลูกมากขนาดนั้น ถ้ามีแล้วต้องลำบาก จริงครับที่ผู้แต่งได้เฉลยปมตรงนี้ว่า ถ้าเลี้ยงได้ดีทุกคนก็จะเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน แต่มันจะได้สักเท่าไรครับตามความเป็นจริง ? ) ซึ่งตัวพระเอกอยากมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง พ่อเลยส่งไปอยู่กับย่าเพื่อไถ่โทษที่ตัวเองเคยทำไว้ ย่าที่พอใจในตัวพระเอกเลยให้พระเอกไปทำงานอยู่ในไร่ที่ไม่มีลูกคนไหนยอมสืบทอดต่อ และด้วยความไฟแรงของพระเอกเลยทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น นางเอกที่มีศักดิ์เป็นย่า (ก็ช่างทำกัน) ด้วยความที่อิจฉาพระเอก เลยปล่อยให้เรื่องเลยเถิดไปมากกว่าเดิม ซึ่งกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยกันได้ ต่างก็ต้องเจออุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ไหนจะเรื่องของนางทองประศรี เรื่องของการสลับคู่ และเรื่องศักดิ์ของนางเอก แต่สุดท้ายก็แฮปปี้ดีครับ

เห็นในละครดูหวาน ๆ อบอุ่น แต่ในหนังสือมันไม่ใช่เลย คือในหนังสือจะค่อนข้างเน้นแบบรีล ๆ มันเลยดูแบบชาวไร่ลูกทุ่ง ๆ สรุปว่า ผมคิดว่ามันล้าสมัยไปแล้วครับ กับเหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่ได้ล้าสมัยตามหนังสือไปด้วย คือข้อคิดต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแทนคุณแผ่นดินเกิดให้มากที่สุดและการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงครับ จะรู้สึกประทับใจก็คงจะอยู่ตรงนี้

ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบหนังสือแนวพรรณนา หรือต้องคิดตามเยอะ ๆ หนังสือเล่มนี้จะน่าเบื่อทันที ผมเองกว่าจะอ่านได้จบก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน ผมว่าดูละครดีกว่าครับ เพราะละครไม่ได้แตกต่างจากหนังสือมากนัก แต่ถ้าคุณเป็นคนอ่านนิยายรุ่นใหญ่ หนังสือเล่มนี้อาจจะสนุกสำหรับคุณครับ
บ้านไร่ปลายฝัน : วายุภัคมนตรา (แพรณัฐ)
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 20 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง แพรณัฐ
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 516 หน้า

เล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกของผู้แต่ง "แพรณัฐ" ที่ผมได้อ่าน และเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของชุด "บ้านไร่ปลายฝัน"

ตอนทำเป็นละครผมว่าก็โอเคนะครับ ทำออกมาได้สนุกและเนื้อเรื่องตามละครไม่ต่างจากบทประพันธ์มากนัก เพียงแต่ในละครเปลี่ยนตอนจบไปเยอะพอสมควร ผมเลยคิดว่าถ้าทำเหมือนในนิยายมันก็ไม่ได้น่าเกลียดหรือเสียหายนะครับ

โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์และไร่องุ่น ดูไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ผมอยากจะชมคุณแพรณัฐว่า เก็บรายละเอียดและแทรกความรู้ทั้งสองเรื่องได้ดีทีเดียวครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของ วายุภัค อดิศวร หรือนายลม บุคคลที่เจ้าชู้ที่สุดในตระกูล และด้วยความเจ้าชู้ของเค้านี่เองที่ส่งผลให้เกิดเรื่องลึกลับตามมา

ฝ่ายนางเอกเป็นนักเขียนนวนิยายชื่อดังเจ้าของนามปากกา "ฮัมมิ่งเบิร์ด" ที่กำลังโด่งดัง เธอเป็นลูกของหมอไสยเวทย์ผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้เธอมีพี่เลี้ยงเป็นรัก-ยมดูแลมาตั้งแต่เด็กยันโต ด้วยความที่อยากเขียนหนังสือเกี่ยวกับไร่องุ่น ชีวิตของเธอเลยต้องมาผูกพันกับนายลมอย่างไม่ได้ตั้งใจ แม้ผู้เป็นพ่อจะรู้ดีว่า บุคคลที่ลูกสาวกำลังจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นเนื้อคู่ของเธออย่างแท้จริง แต่ก็ยังไม่วายที่จะขัดขวาง ซึ่งส่งผลให้ทั้งพ่อและลูกสาว ต้องมาช่วยชีวิตนายลมกันจนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยดี

ผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่น่ารักและแอบสยองขวัญนิด ๆ ครับ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงในสังคม แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของในนิยาย ซึ่งผมว่าผู้แต่งก็ทำออกมาได้ดี ในช่วงแรก ๆ ที่นางเอกมาที่ไร่ของพระเอกใหม่ ๆ ผู้เขียนก็ได้บรรยายสถานที่ได้เหมือนมองเห็นด้วยตา ทั้งคู่ต้องพบเจอสิ่งประหลาดต่าง ๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แม้กระทั่งพระเอกที่ไม่เชื่อแบบสุด ๆ ก็ต้องยอมแพ้และอยู่ในความดูแลของนางเอกเกือบตลอดทั้งเรื่อง ผมเลยคิดว่าคู่นี้แหละที่มีอุปสรรคมากกว่าเพื่อน และเป็นอุปสรรคที่เล่นงานกันถึงชีวิต การจะผ่านตรงนี้ไปมันไม่ง่ายเลย ซึ่งหนังสือเรื่องนี้ได้ผูกปมปัญหาและแก้ปัญหาออกมาได้อย่างสนุก และไม่ง่ายเกินไป ตรงนี้ผมให้คะแนนเต็มครับ

มาถึงกลาง ๆ เรื่อง พระเอกจะให้ความรู้กับนางเอกในเรื่องการทำไร่องุ่น ตรงนี้ผมได้ความรู้เพิ่มมามากขึ้นเยอะเลย (รู้สึกอยากเป็นเจ้าของไร่องุ่นบ้าง จะได้กินองุ่นตลอดทั้งปี ) และไปจนถึงตอนจบที่เป็นการเฉลยว่าเพราะอะไรพระเอกถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ ใครเป็นคนทำ และเพราะอะไรถึงทำ ผมว่ามันก็หักมุมดีใช้ได้นะ ถึงแม้จะเดาทางได้แต่แรกแล้ว แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ก็ยังรู้สึกอึ้ง ๆ อยู่เหมือนกันครับ

อยากจะขอหักคะแนนนิดนึงตรงที่นางเอกเป็นนักเขียนนิยายแนวโรแมนซ์ เลยทำให้เรื่องนี้แอบติดเรท ผมคิดว่า ถึงนางเอกจะเขียนนิยายกุ๊กกิ๊กหวานแหวว ก็คงไม่ทำให้นิยายเรื่องนี้สนุกน้อยลงนะครับ

และบทส่งท้ายก็เป็นอะไรที่น่ารักมาก เพราะจะเป็นเรื่องของลูกตัวน้อย ๆ ของพ่อแม่เจ้าปัญหาทั้ง 4 คน เสียดายที่ในละครไม่ได้ใส่ตรงนี้ไว้ครับ และปรับบทจบได้ไม่ค่อยเข้าท่าซะเลย ทำให้ผมประทับใจจากในหนังสือมากกว่า และอยากบอกว่าหนังสือเล่มนี้อ่านสนุกมากจริง ๆ ครับ
ฟ้ากระจ่างดาว
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 18 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง กิ่งฉัตร
สำนักพิมพ์ อรุณ
จำนวนหน้าหนังสือ 441 หน้า

ผมเคยดูละครเรื่องนี้ครั้งหนึ่งตอนที่ฉายช่อง 7 ครับ หลังจากนั้นอีก 1 ปี ผมก็ได้เจอหนังสือเล่มนี้ ซึ่งตอนนั้นบอกเลยว่าอายุยังน้อย อ่านแล้วก็ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร จนปีที่แล้ว ได้ดูเวอร์ชั่นช่อง 3 เลยได้กลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง คราวนี้ผมอ่านด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น เข้าใจมากขึ้น และหดหู่ใจกับความดาร์คของหนังสือมากขึ้นครับ

สำหรับคนที่เคยดูละครทั้ง 2 เวอร์ชั่น จะรู้อยู่แล้วว่าหนังสือเรื่องนี้จะสะท้อนเรื่องราวของผู้หญิงที่ขายบริการ หรือ โสเภณี ซึ่งผมก็คิดว่าแปลกที่นำเรื่องนี้มาทำเป็นนิยายได้ โดยผ่านอาชีพของนางเอกที่เป็นนักข่าว ถึงแม้เรื่องนี้จะดาร์คยังไง ก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจไปกับความอบอุ่นของพระเอกเรื่องนี้ครับ

ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าหนังสือเล่มนี้เป็น 1 ในหนังสือชุด "สามทหารเสือสาว" เข้าใจว่ามีเล่มเดียวไม่เกี่ยวกับใครมาตลอด จนมาเห็นโปรเจ็กค์ละครช่อง 3 นี่แหละครับ

หนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวของ "มีคณา" เด็กสาวที่เติมโตขึ้นมาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เห็นการขายบริการของผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นการตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา ทำให้เธอหนีออกมาอยู่กับป้าที่เป็นครู และความที่ป้าเป็นครู ทำให้มีคณะอึดอัดใจกับความเจ้าระเบียบของป้า และอดคิดไม่ได้มาตลอดว่า ป้าไม่เคยรักเธอเลย และด้วยปมต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้เธอเลือกอาชีพนักข่าว เผื่อที่จะตีแผ่เรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้ นี่คือเรื่องราวความเป็นมาของตัวละคร "มีคณา" นางเอกของเรื่องครับ

เรื่องราวเข้มข้นมากขึ้น เมื่อเธอจำเป็นต้องรับ "สันติ" หลานชายมาอยู่ด้วย ด้วยการปลูกฝังจากพ่อและตาที่เชื่อว่า ผู้หญิงต้องทำอาชีพขายบริการ ทำให้สันติไม่เคยนับถือมีคณาว่าเป็นป้า แถมยังดูถูกอีกสารพัด ไปเห็นเด็กผู้หญิงคนอื่นก็ไปว่าเค้า เด็กนรกจริง ๆ ครับ ดีที่ตอนหลังน่ารักขึ้นมาเยอะเลย ตรงนี้ผมให้คะแนนความพยายามของมีคณานะ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของเด็กคนหนึ่งที่ถูกปลูกฝังเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก

และขาดไม่ได้ ที่ทำให้นิยายดาร์คเล่มนี้ เปลี่ยนเป็นนิยายรักอบอุ่นคือตัวของ "สารวัตรหิรัณย์" หรือสารวัตรขยันยิ้ม แหล่งข่าวของมีคณาครับ ซ฿งสารวัตรเองก็ต้องพยายามอย่างมากที่จะทำให้มีคณาเชื่อในตัวเค้า และเชื่อว่าผู้ชายไม่ได้เลวทุกคนในโลกครับ นอกจากนี้ที่น่ารักอีกอย่างคือ สารวัตรก็เป็นอีก 1 คนที่เปลี่ยนทัศนคติของสันติครับ

สรุปว่า หนังสือเล่มนี้ถึงจะดาร์คแต่ก็สนุกครับ มันเป็นหนังสือที่ขัดแย้งในตัวมันเองนะ เพราะถ้าพูดถึงเรื่องผุ้หญิงขายบริการ มันจะดูเครียด ๆ (เครียดกว่า 2 เล่มแรกด้วย) แต่พอถึงโหมดสวีทของสารวัตรก็อมยิ้มได้ทุกตอนเช่นกันครับ ก็นับว่าเป็นหนังสือที่เขียนออกมาได้ดี สะท้อนความเป็นจริงในประเทศไทยครับ ใครที่ดูละครแล้วประทับใจ ต้องมาอ่านหนังสือครับ รับรองว่าประทับใจกว่าแน่นอน
เล่ห์นางฟ้า (แพรณัฐ)
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 18 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง แพรณัฐ
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 399 หน้า

ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะแฟนผมไปเช่ามาครับ เช่ามาแล้วก็วางทิ้งไว้ซะงั้น ผมเลยหยิบขึ้นมาอ่านเล่นเพลิน ๆ ฆ่าเวลาจนจบเล่มเลย

เห็นชื่อผู้แต่ง ถ้าผมจำไม่ผิด น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เขียน "คุณชายรณพีร์" ที่ผมประทับใจมากที่สุดในชุด ผมเลยยิ่งกล้าอ่านเพราะมั่นใจว่าจะไม่ผิดหวังครับ ถึงแนวนี้จะไม่ใช่สไตล์ของผมก็เถอะ

แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ นิยายเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติก คอมเมดี้ แฟนตาซี ที่ทำออกมาได้น่ารักมาก ๆ เลย นางเอกถูกหัวหน้านางฟ้าสาปให้เป็นนกหงส์หยก เพื่อดัดนิสัยที่ชอบวีนชอบเหวี่ยงใส่คนอื่น ซึ่งการจะพ้นคำสาปนี้ จะต้องมีเงื่อนไข 3 ข้อ ทีแรกผมอ่านเงื่อนไขแล้วก็รู้สึกตลก ๆ นะครับ ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย มีข้อสุดท้ายที่อาจจะเข้าท่า เพราะอาจจะหาได้ตามนิยายทั่วไป คือต้องได้รับจุมพิตจากชายที่เธอรักมากกว่าตัวเอง

แต่เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ผมก็ชักจะเห็นด้วยกับหัวหน้านางฟ้าแล้วครับว่า อีก 2 เงื่อนไขเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นคงทำได้สบาย ๆ แต่กับบิวตี้เนี่ย มันเป็นไปได้ยากจริงๆ กับการที่จะต้องทำความดีให้มากขึ้นเป็น 2 เท่า และคิดถึงผู้อื่นให้มากกว่าตัวเองเป็นเวลา 3 ชั่วโมงโดยไม่คิดเรื่องความสวยความงาม อ่านถึงตอนนี้ยังหัวเราะเลยว่า ผู้หญิงแบบนี้มีจริง ๆ ในโลกหรือนี่ ? คงจะตลกน่าดูครับ (แต่ผมเชื่อว่ามีจริง ๆ นะ)

ข้างพระเอกก็น่ารักดีครับ ธีภพ ผู้ชายนุ่ม ๆ ผู้ใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาเสมอ คือดูเหมือนจะเพอร์เฟ็กต์มาก แต่ที่ดูน่ารักเป็นพิเศษคือความอบอุ่นของเค้าครับ เค้าพูดคุยกับนก (บิวตี้นั่นแหละ) ดีมาก เสมือนกับว่า คิดว่านกตัวนี้คือบิวตี้จริง ๆ ไม่รังเกียจเลย (แม้จะไม่รู้เลยก็ตามว่านกตัวนี้คือบิวตี้ เพียงแต่แค่สงสัยว่ามันมาได้ยังไงและทำไมถึงแสนรู้) จุดนี้ให้คะแนนพระเอกเต็มครับ

ตัวละครอื่น ๆ ก็ทำให้อดอมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ อย่างเช่นน้องอรกับนายเจตน์ชาญ คู่นี้ก็น่ารักดีครับ แต่ผมชอบบุคลิกของนายเจตน์ชาญมากกว่าพระเอกนะ ดูสุขุมดี ๆ เป็นคนที่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ

สรุปว่า หลังจากที่อ่านเรื่องนี้จบ ผมก็ได้ดูละครย้อนหลังครับ เพราะแฟนมานั่งเปิดดูย้อนหลัง ทีแรกก็ว่าจะไม่ดูแต่ก็อดไม่ได้ อยากจะบอกว่าช่างหาพระเอกกับนางเอกได้ตามบทประพันธ์ดีแท้ ตรงนี้ขอชมครับ และถึงแม้ว่าละครจะปรับบทนิดหน่อย แต่ก็ยังมีเค้าโครงของเรื่องอยู่ประมาณ 80% ตรงนี้ผมก็ให้คะแนนความสมเหตุสมผลครับ

เนื่องจากหนังสือนี้เป็นหนังสือใหม่ ผมเชื่อว่าคนอ่านยังน้อย เพราะฉะนั้น ผมอยากให้ได้ลองอ่านกันเยอะ ๆ ครับ หนังสือน่ารักจริง ๆ อ่านแล้วอมยิ้ม ฟินกระจายครับ
สายเลือดแดนตะวัน (ชุด Rising Sun) (ณารา)
4
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 14 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ณารา
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 552 หน้า

สายเลือดแดนตะวัน หนังสือเล่มที่สาม เล่มสุดท้าย ปิดฉาก "เดอะ ไรซิ่ง ซัน" ได้อย่างสมบูรณ์แบบครับ

เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของรุ่นลูก คือ "ทัตสึโอะ โอะนิซึกะ" ลูกชายของริวกับมายูมิ และ "พราวตะวัน อรุโณทัย" ลูกสาวของทาเคชิกับแพรวดาว ยังมีอีกคู่ที่เป็น "ฮิโรมิ" กับ "ภาสกานต์" ด้วยนะครับ แค่นี้ก็พาปวดหัวได้ไม่ใช่น้อยกับตัวละครรุ่นลูกที่เพิ่มมาอีก แล้วยังจะบอดี้การ์ดรุ่นใหม่ ๆ อีก ผมอ่านรอบแรกงงสุด ๆ ไปเลย แต่เรื่องนี้ท่านโคจิยังอยู่นะครับ

แต่เรื่องนี้ผมบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ผมชอบน้อยที่สุดในบรรดา 3 เรื่องของซีรีส์ชุดนี้ครับ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบนเรือยอร์ชส่วนตัว และก็เน้นไปที่ความต้องการที่จะลบปมในใจของริวที่คิดว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดโอะนิซึกะที่แท้จริง จึงทำให้เค้าต้องพยายามที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อให้ ทัตสึโอะ ตกหลุมรัก พราวตะวันให้ได้ และได้ส่ง ฮิโรมิ ผู้เป็นลูกสาวไปตามประกบ ภาสกานต์ ลูกชายของทาเคชิ เพื่อกันไม่ให้ตามหาน้องสาวได้สะดวก เนื้อเรื่องก็จะวนไปวนมาอยู่แค่นี้ และจะเน้นไปที่ฉากอย่างว่า ซึ่งบอกเลยว่าเล่มนี้ค่อนข้างเยอะกว่าเล่มอื่น ๆ ครับ และดูเหมือนจะแสดงออกถึงความใคร่มากกว่าที่จะเป็นความรักเหมือน 2 เล่มที่ผ่านมา มีทั้งของคู่พระเอกนางเอก และคู่รองอย่างฮิโรมิกับภาสกานต์ ตรงนี้ตัดคะแนนไปเยอะครับ

ส่วนที่อยากให้คะแนนคือ ไอโกะกลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับความแค้นทั้งหมดพร้อมกับลูกชาย (ที่เกิดจากเคนอิจิ ซะโต้) ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความคลางแคลงใจให้กับแพรวดาวพอสมควร คือในเล่มแรกเธอก็น่ากลัวอยู่แล้วแต่อยากจะบอกว่าเล่มนี้น่ากลัวมาก ๆ ครับ เพราะเธอนี่แหละที่ทำให้ความจริงเปิดเผยว่า ริวคือผู้อยู่เบื้องหลังงานนี้ทั้งหมด ซึ่งริวก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างเสี่ยง ถ้าพลาดขึ้นมาต้องคว้านท้องสถานเดียว แต่การที่มาผิดพลาดและความจริงถูกเปิดเผยโดยไอโกะแบบนี้ ก็ถือว่าช็อกกันไปทั้งหมดแน่นอนครับ

พระรองของเรื่องนี้คือ ชิโร่ แน่นอน เพราะใคร ๆ ก็มองว่าเค้าคือทาโร่กลับชาติมาเกิด (ก็ช่างนะ) แล้วตอนท้ายก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะตอนที่ชิโร่พบแพรวดาวครั้งแรก แม้ว่าแพรวดาวจะอายุมากแล้ว แต่ชิโร่ก็ยังรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ตรงนี้ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ครับ น่ารักมากเลย

สรุปว่า จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ที่เด่นชัด ๆ ก็คือทาเคชิกับริวนี่แหละครับ สร้างความวุ่นวายกันเป็นการปิดท้ายได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็เต็มไปด้วยมิตรภาพที่คนทั้งคู่มีให้กันมาอย่างยาวนาน ซึ่งตอนสุดท้ายของเรื่องนี้ก็จะเป็นการพูดถึงความในใจและขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความยินดีของทุกคน ก็เป็นอันปิดฉากซีรีส์ชุดนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ครับ
บ้านไร่ปลายฝัน : ปฐพีเล่ห์รัก
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 13 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ร่มแก้ว
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 324 หน้า

เล่มนี้ดูจะเหมือนเป็นเล่มที่บางที่สุดนะครับ จากทั้ง 4 เล่ม ซึ่งเมื่อทำละครแล้ว ปรากฎว่าแป้กที่สุด ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมชอบมินต์ ชาลิดาจากเรื่องนี้มากครับ ชอบเพลงประกอบละครที่ผู้หญิงร้องด้วย บ่งบอกความรักที่นางเอกมีต่อพระเอกได้ดีทีเดียว

ผมเคยบอกตอนรีวิว "ธาราหิมาลัย" ไปแล้วว่า เรื่องนี้น่าเบื่อที่สุด ใช่ครับ น่าเบื่อที่สุดในบรรดาละคร แต่หนังสือผมก็โอเคนะ เป็นเรื่องเดียวที่ไม่มีฉากอย่างว่าครับ (ทุกเรื่องมีหมดเลย)

เรื่องนี้เป็นเรื่องของ "ดิน หรือ ปฐพี" ลูกชายคนโตเจ้าแผนการของบ้าน ผู้คิดทำนู้นทำนี่จนเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา (ในตอนท้าย ๆ ก็จะเฉลยว่าเกิดจากอะไร) กับ "ชะเอม" สาวน้อยเจ้าแผนการที่ปลอมตัวมากครับ ซึ่งผมว่าสนุกนะ กับการที่พระเอกซ้อนแผนนางเอกไป ๆ มา ๆ ซึ่งมันจะโยงไปถึงเรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้น และเรื่องปัจจุบันที่นางเอก เป็นลูกสาว (เมียน้อย) ของคู่แข่งทางการค้าของพระเอกครับ ซึ่งพระเอกก็จะปวดหัวมาก ๆ กับการกระทำของนางเอก และเมื่อปวดหัวมาก ๆ ก็เลยกลายเป็นความสนุกที่ได้จับตาดูนางเอกว่า วันนี้จะก่อวีรกรรมอะไรขึ้นมาครับ

เรื่องนี้จะเน้นเกี่ยวกับเรื่องของการโรงแรมเป็นหลัก เพราะพระเอกดูแลรีสอร์ทกึ่งโรงแรมอยู่ นางเอกจะปลอมตัวเข้ามาเป็นพนักงาน เรื่องนี้ไม่ค่อยมีฉากหวาน ๆ มากครับ เนื่องจากพระเอกเป็นมนุษย์ประเภทปากแข็งและไม่ค่อยพูด ส่วนนางเอกนี่ตรงข้ามมากคือพูดไม่หยุดและเถียงทุกคำ มันเลยดูน่ารัก ๆ ไปอีกแบบครับ และแผนการแต่ละอย่างนี่ก็ เออเนอะ ช่างคิดได้ คิดได้ไงว่าพระเอกจะไม่รู้ มันเลยขำ ๆ ตรงนี้ไปด้วยครับ อ่านแล้วยิ้มได้ว่างั้นเถอะ สรุปว่านางเอกเรื่องนี้เกรียนที่สุด

แต่เรื่องนี้มีแอคชั่นพอสมควรนะ พระเอกต้องโดดน้ำไปช่วยนางเอก ถือปืนไปช่วยนางเอก วางแผนเพื่อช่วยนางเอก สรุปว่านางเอกนี่แหละก่อเรื่องทั้งหมด ไม่มีคนอื่นเลย แต่ผมชอบนะนางเอกแบบนี้ ดุเป็นตัวป่วน วุ่นวายดีครับ และถึงแม้จะป่วนแค่ไหน สุดท้ายนางเอกก็สามารถทำให้พ่อยอมรับทั้งตัวเองและยอมเป็นพันธมิตรทางการค้ากับพระเอก และทำให้ตัวโกงต้องถูกดำเนินคดีได้ในที่สุดครับ

และที่ขำที่สุด อ่านทีไรก็หัวเราะคือเรื่อง "โรคแพ้ตุ๊ด" ของพระเอกครับ ถ้าตุ๊ดโดนตัวเมื่อไร จะเกิดลมพิษขึ้นทันที ไม่น่าเชื่อว่าโรคนี้จะมีอยู่จริง นั่นละครับ นางเอกก็คงไม่เชื่อถึงได้ลองของและต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นครับ

ผมคิดว่าหนังสือสนุกกว่าแน่นอน เลยอยากให้อ่านหนังสือกันครับสำหรับคนที่ดูละครแล้วบอกว่าไม่สนุก เนื้อเรื่องจะค่อนข้างกระชับกว่า และนางเอกไม่งี่เง่าเหมือนในละครด้วย ในหนังสือจะบอกที่มาที่ไปของนางเอกได้ดีทีเดียวครับว่าเพราะอะไร ทำไมต้องปลอมตัวมา และใครที่คอยปองร้ายพระเอกอยู่ตลอดเวลา เรื่องราวจะจบลงยังไงครับ
บ้านไร่ปลายฝัน : ดวงใจอัคนี (ซ่อนกลิ่น)
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 13 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ซ่อนกลิ่น
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้าหนังสือ 398 หน้า

จริง ๆ ผมจะบอกว่าผมชอบเรื่องนี้ที่สุดในละครครับ ชอบณเดชน์ที่เล่นเป็นพระเอก ผมว่าเค้าเหมาะมาก ชอบบทประพันธ์ ชอบเพลงประกอบละคร และชอบคาแร็กเตอร์พระเอกที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับผมครับ

ซึ่งผมก็ได้ไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านต่อจาก "ธาราหิมาลัย" และผมก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ว่าหนังสือเล่มนี้สนุกที่สุด และเหมือนจะฮาที่สุดด้วยครับ

ในละครจะทำออกมาได้น่ารักกว่าในหนังสือมาก แน่ละสิครับ ในหนังสือมันแอบติดเรทนี่นา วึ่งผมเองก็ไม่อยากให้ละครออกมาเหมือนหนังสือมากนัก ซึ่งผมก็ไม่ผิดหวังครับ (ผมย้อนดูไป 3 รอบแล้ว หนังสือก็อ่าน 3 รอบ)

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของ "ไฟ หรืออัคนี " แฝดชายคนสุดท้าย (น้ำ คือแฝดหญิงสุดท้องเลยครับ) กับ "จี๊ด หรืออัจจิมา" ด้วยความที่พ่อของทั้งคู่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ จึงทำให้เรื่องนี้ถ่ายทอดลงมายังรุ่นลูก ทำให้พระเอกและนางเอกเป็นทั้งคู่กัด คู่แค้น และพัฒนามาเป็นคู่รักทีหลังครับ

ซึ่งเหตุการณ์กว่าที่ทั้งคู่จะพัฒนามาเป็นคู่รักก็ทำออกมาได้ค่อนข้างสนุก พระเอกและนางเอกต้องรับมือกับตัวโกงทั้ง 2 คือศิลา และไกรภพ (ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือพระเอกดูเป็นฮีโร่มาก เป็นประเภทไม่กลัวตาย ทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่รัก และตัวนางเอกก็ไม่งี่เง่าครับ ฉากที่ต้องกล้าหาญก็แสดงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ) ที่ผมชอบเป็นพิเศษอีกอย่างก็คือคุณพฤกษ์กับน้องมิลค์ แย่งซีนกันได้อย่างน่ารักทีเดียว แต่ก็ยังไม่เท่าซีนหวาน ๆ ของพระนางนะครับ หวานจนผมคิดว่าทำสวนอ้อยมากกว่าทำฟาร์มโคนมเสียอีก (แต่เชื่อผมเถอะ ในละครหวานกว่าเยอะกับฉากแอปเปิ้ล)

ที่ต้องลุ้นอีกอย่างคือเรื่องราวความบาดหมางของรุ่นพ่อ ที่ผมยังคิดอยู่ว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้กันได้อย่างไร ก็ทำออกมาได้อย่างน่ารักเช่นกันครับ ซึ่งผมอิจฉาตระกูลนี้อยู่เหมือนกันที่ครอบครัวมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ทุกคนรับความทุกข์ของคนในครอบครัวมาใส่ใจและร่วมแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน ตรงนี้ผมก็ให้คะแนนเต็มครับ อ่านแล้วก็รู้สุกประทับใจกับความรักของครอบครัว "อดิศวร" มาก ๆ

สรุปว่า ต้องอ่านครับ หนังสือไม่ค่อยเหมือนละครเท่าไร คือในหนังสือฉากแอคชั่นจะมากกว่า พระเอกจะกัดกับนางเอกมากกว่า และพระเอกโหดกว่าครับ ฉากแบบนั้นก็มีอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ไม่เยอะเท่าธาราหิมาลัย และในเรื่องนี้ตอนท้าย ๆ จะมีลูกของทั้งคู่โผล่มาแจมด้วยครับ และหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของฟาร์มโคนม ถ้าคุณชอบธรรมชาติ หรือสนใจและอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็อยากให้อ่านกันครับ (ตอนผมอ่านจบใหม่ ๆ อยากเรียนเกษตรเลยทีเดียว)


นิทานของบีเดิล ยอดกวี
3
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 13 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง J.K.Rowling (เจ.เค.โรว์ลิ่ง)
ผู้แปล สุมาลี
สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์
จำนวนหน้าหนังสือ 128 หน้า

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มีหนังสือเล่มนี้ และคิดจะซื้อหนังสือเล่มนี้ เป็นแฟนหนังสือของพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ และซื้อหลังจากอ่านหนังสือตอนที่ 7 เครื่องรางยมทูต จบแล้ว ซึ่งผมก็เป็น 1 ในนั้นเช่นกันครับ

ถ้าผมจำไม่ผิด หนังสือเล่มนี้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ยกให้แฮร์รี่ตามพินัยกรรมหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วในภาคที่ 6 และมันยังช่วยให้แฮร์รี่สามารถกำจัดลอร์ดโวลเดอร์มอร์ได้ในท้ายที่สุด เพราะฉะนั้น ลองมาดูกันครับว่าเพราะอะไร หนังสือเล่มนี้ถึงช่วยแฮร์รี่ได้มากขนาดนั้น

โดยหนังสือเล่มนี้ จะมีเทพนิยายของโลกพ่อมด 5 เรื่อง 5 แบบ และในตอนท้ายของแต่ละเรื่อง ก็จะมีบทวิเคราะห์เพิ่มเติมโดย "ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์" ที่เป็นข้อคิดในด้านศีลธรรมไว้ด้วยและสอดแทรกเรื่องราวของ "ฮอกวอตส์" ไว้ด้วยครับ

โดยเทพนิยาย 5 เรื่อง จะเริ่มจากเรื่อง "พ่อมดกับหม้อกระโดดได้" โดยเรื่องนี้จะเน้นไปที่การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนบ้านครับ

ต่อมาเป็นเรื่องของ "น้ำพุแห่งโชคดีทีเดียว" ผมว่าเรื่องนี้ดีที่สุดใน 5 เรื่องนะ มันเป็นเรื่องของความไม่ยึดติด อ่านแล้วได้ข้อคิดดี ๆ มากครับ (แต่ผมก็ไม่สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเองได้เสียทั้งหมด)

เรื่องที่ 3 คือเรื่อง "หัวใจขึ้นขนของผู้วิเศษ" เรื่องนี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในแฮร์รี่ตอนที่ 7 เพียงเรื่องเดียวครับ และดัมเบิลดอร์ก็กล่าวไว้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก และคนที่กลัวความรัก ก็มักจะเจ็บปวดเพราะความรักเสมอ (ผมก็คิดอย่างนั้นนะ เรื่องความรักนี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจริง ๆ แต่ในเรื่องไม่ได้มีปีศาจสักตัวนะครับ)

เรื่องที่ 4 คือเรื่อง "ตอไม้หัวเราะได้" จริง ๆ ผมว่านิยายพวกนี้อ่านเข้าใจยากนะ โดยเฉพาะเรื่องนี้ หรือว่าเพราะผมไม่ใช่พ่อมดก็ไม่รู้นะ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความโง่เขลาและความเชื่ออย่างงมงายครับ

และเรื่องสุดท้ายคือเรื่อง "สามพี่น้อง" เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นจุดพีคที่สุดในแฮร์รี่ภาค 7 เพราะเป็นเรื่องที่เฉลยทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องผ้าคลุมล่องหนของตระกูลพอตเตอร์ (เออเนอะ ก็ช่างเชื่อมโยงกันได้) ซึ่งผมคิดว่าในแฮร์รี่ 7 ก็ได้อธิบายเรื่องนี้แบบย่อ ๆ ไว้แล้ว เลยอยากให้มาอ่านกันเองมากกว่าครับ

สรุปว่า ถ้าชอบแฮร์รี่ก็อยากให้ซื้อมาอ่านมาเก็บไว้ครับ อ่านเพลิน ๆ ก็สนุกดี แต่ถ้าอ่านเอาจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไร พูดง่าย ๆ คือทำขายเฉพาะแฟน ๆ ของแฮร์รี่ครับ ซึ่งผมอ่านแล้วมันก็ยังงง ๆ ถ้าคนไม่เคยอ่านแฮร์รี่เลยคงงงสุด ๆ ผมเลยหักคะแนนตรงนี้ครับ
ขอหมอนใบนั้น...ที่เธอฝันยามหนุน
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 13 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ประภัสสร เสวิกุล
สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์
จำนวนหน้าหนังสือ 368 หน้า (แบบ pdf 370 หน้า)

ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แบบ PDF ครับ ได้มาจากเพื่อนคนหนึ่ง ตอนแรกผมเห็นชื่อหนังสือแล้วคิดหนักว่าจะอ่านดีมั้ย คือแบบเห็นชื่อแล้วมันจั๊กกะจี้ ดูเหมือนจะเป็นนิยายรักหวานแหวว ผมเอาไฟล์มาเก็บไว้เป็นอาทิตย์ก่อนจะเปิดอ่านครับ

แต่เมื่ออ่านแล้ว ผมกลับไม่สามารถลุกไปทำอย่างอื่นได้ คือมันไม่ใช่นิยายรักหวานแหววอย่างที่ผมคิด แต่มันเป็นเรื่องของเด็กผู้ชายที่สู้ชีวิตมาตั้งแต่เล็กจนใหญ่ เด็กชายที่พ่อไม่ยอมรับ ซึ่งการจะทำให้พ่อยอมรับได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายด้วย มันจึงกลายเป็นหนังสือที่ผมประทับใจอีก 1 เล่ม และยังหยิบมาอ่านอยู่ทุกวันนี้ครับ

ด้วยความที่ว่า สิ่งที่ผู้เขียน มันไม่เกินไปสักนิดจากความเป็นจริง ผมเชื่อว่า คนเช่นเดียวกับ "จุ๊น" ยังมีอยู่จริงครับ ซึ่งในชีวิตความเป็นอยู่และเหตุการณ์ที่ผ่านไปแต่ละวัน มันดูเรียลมาก จนเหมือนกับว่า ผมเฝ้าดูการเจริญเติบโตจากเพื่อนข้างบ้านอีกคนครับ

เรื่องราวเริ่มจากเด็กชายคนหนึ่งจากลูกชาย 3 คนของตระกูล "ภูบาลบริรักษ์" ที่ถูกหาว่าเป็นตัวซวยตั้งแต่เกิดมา ด้วยทำให้พ่อ (เกือบ)ล้มละลาย จากนั้นจุ๊นต้องออกจากบ้านไปพร้อมกับแม่ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างจังหวัดหลังจากที่พบว่า พ่อไม่ต้องการเค้าและแม่แล้ว จากนั้น ทั้งคู่ต้องไปเริ่มต้นสู้ชีวิตใหม่ ผ่านวิบากกรรมต่าง ๆ มากมาย ต้องสูญเสียคนที่รัก สูญเสียคนรัก และต้องจากคนที่รัก จนจุ๊นได้กลับเข้ามาเรียนที่กรุงเทพอีกครั้ง และได้กลับมาอยู่ที่บ้านพ่อ จุ๊นต้องแข่งกับตัวเองหลายอย่าง ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ การทำให้พ่อยอมรับ และการพิสูจน์ตนเองเพื่อชนะใจ "แตงกวา" นางเอกสาวน้อยผู้แสนดีของเรื่อง ซึ่งเรื่องทั้งหมดก็จบลงได้ด้วยดีครับ

ผมอ่านแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจ จุ๊นลำบากมากแต่ไม่เคยคิดจะย่อท้อ สู้ทุกอย่างด้วยตนเอง ซึ่งเรื่องบางเรื่องมันก็เกินกว่าที่เด็กชายคนหนึ่งที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ต้องมาแบกรับไว้ แต่จุ๊นกลับทำให้เรื่องเหล่านั้นดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปในทันใด ซึ่งผมว่าจุ๊นเป็นแบบอย่างในชีวิตของผมได้เลยครับ ในเรื่องของความรักกับ "นิจ" ก็เป็นเรื่องที่ดูสวยงามแต่มันออกจะเวิ่นเว้อไปบ้าง แต่กับ "แตงกวา" ผมชอบมาก ๆ เลย แตงกวาเป็นคนมีเหตุผลและพร้อมจะเข้าใจจุ๊นในทุก ๆ เรื่อง (ตอนแรกผมไม่คิดแบบนั้นเลย เพราะแตงกวาดูดีมีชาติตระกูลมากครับ)

สรุปว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ก็แอบแฝงไปด้วยความเครียดนิดนึง ให้ผู้อ่านได้รู้สึกคิดตามไปด้วยว่า จุ๊นจะทำอย่างไร คนอื่นจะเป็นอย่างไร และสุดท้าย พ่อจะยอมรับจุ๊นได้มั้ย ซึ่งผมให้คะแนนหนังสือเล่มนี้เต็มไปเลยครับ
คู่กรรม 2 (เล่ม 1-2)
5
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 12 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้เขียน ทมยันตี
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
จำนวนหน้าหนังสือ 701 หน้า ( 2 เล่ม )

คู่กรรม 2 เป็นภาคต่อจากภาค 1 เลยครับ มีหลาย ๆ คนบอกว่า ทำมาแค่ภาคแรกก็พอแล้ว คืออยากจะประทับใจไว้แค่นั้น แม่ผมก็เป็นอึกคนหนึ่งที่คิดแบบนั้น ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจ จึงได้ไปหาคู่กรรม 2 มาอ่าน อ่านแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจแม่ ว่าทำไมคิดแบบนั้น จนต้องไปถาม และแม่ได้บอกผมว่า ถ้าทำเป็นละครก็ควรจะหยุดที่ภาคแรก แต่ถ้าพอใจหนังสือ ก็ควรจะอ่านทั้ง 2 ภาค ผมถึงเข้าใจครับว่า ภาค 2 มันดราม่าไปและละเอียดอ่อนไปที่จะทำละครนั่นเอง

ภาค 2 นี่ จะเป็นเรื่องราวหลังการเสียชีวิตของโกโบริ เราจะได้เห็นความโศกเศร้าของอังศุมาลินเกือบทั้งเรื่อง (ผมยังคิดอยู่ว่าควรจะสมน้ำหน้าดีมั้ย ภาคที่แล้วทำกับโกโบริไว้ซะเยอะเชียว) อ่านไปก็รู้สึกซึม ๆ ตามอังศุมาลินครับ เพราะเราอ่านภาคแล้วมา ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เมื่อโกโบริจากไป ความทรงจำที่ยังอยู่ในตัวอังศุมาลิน ก็ค่อย ๆ ย้อนกลับมาให้เราเห็นใหม่ ตรงนี้ผมว่าทมยันตีทำออกมาได้ดราม่ามาก ๆ ครับ

ในส่วนของลูกชายของโกโบริและอังศุมาลิน โยอิจิ หรือกลินท์ ชลาสินธุ์ ผมว่าตัวละครนี้มันเกรียน ๆ นะ ๆ จริง ๆ มันบอกไม่ถูกว่าอังศุมาลินปลูกฝังความเป็นโกโบริเข้าไปในตัวกลินท์มากเกินไปหรือเปล่า กลินท์ถึงได้แสดงท่าทีต่อต้านมากขนาดนั้น ซึ่งกว่าจะยอมรับได้ว่าตัวเองมีพ่อเป็นทหารชาวญี่ปุ่นก็ปาไปเกือบครึ่งเล่มแล้วครับ

ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่า "คู่กรรม" เพระอะไร ? เพราะกลินท์ไม่มีคู่ในตอนจบ ? เพราะศราวณี ลูกพี่ลูกน้องของกลินท์มีอาการทางจิต จากเหตุการณ์สงครามประชาชน หรือเพราะชิตาภา คนที่กลินท์มารู้ใจตัวเองภายหลังว่ารักเค้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ตรงจุดนี้มันตอบยากครับ

ในเรื่องนี้ที่คนส่วนมากอาจจะเบื่อ เพราะมันเน้นหนักไปที่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 (ทีภาคแรกเป็นเรื่องสงครามโลกทำไมไม่เบื่อกันบ้างนะ?) ตรงนี้ผมว่ามันไม่ค่อยสมเหตุที่จะมองว่ามันน่าเบื่อนะครับ มันก็เป็นการผูกเรื่องที่ทำให้เห็นภาพพจน์ของเหตุการณ์ชัดเจนว่าอยู่ในช่วงไหน ใครกำลังทำอะไร

ที่ผมประทับใจคือ ความรักที่ตัวละครจากภาคแรกทุกคนมีต่อโยอิจิ ไม่ว่าจะเป็น หลวงชลาสินธุราช ตาผล ตาบัว วนัส ลุงกำนันพ่อของวนัส เป็นต้น ตรงนี้ผมประทับใจมากครับที่ทุกคนไม่รังเกียจสายเลือดของโกโบริ แต่ยังดูแลและยังเคารพในความเป็นชายชาติทหารของโกโบริ อ่านถึงตรงนี้ทีไรก็อดตื้นตันใจไม่ได้ โดยเฉพาะวนัสกับโยอิจิที่ดูจะผูกพันกันมาก แม้จะไม่ใช่พ่อลูกกันแท้ ๆ และแม้อังศุมาลินจะไม่รับรักวนัสจนถึงวันสุดท้ายก็ตาม

และตอนจบที่เศร้ามากอย่างคาดไม่ถึง คือการที่โกโบริมารับอังศุมาลินไปทางช้างเผือกครับ อ่านแล้วตะลึงอยู่พักใหญ่ คุณทมยันตีช่างทำกันได้ ให้โยอิจิเล่นซามิเซ็งอยู่คนเดียวไม่เหลือใคร สรุปว่าเศร้ากันตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายเลยครับ
เชลยศักดิ์
2
โดย: Takeshi วันที่เขียนรีวิว: 12 กรกฏาคม พ.ศ. 2557

ผู้แต่ง ดวงดาว
สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ
จำนวนหน้า 880 หน้า

ผมไม่ได้ดูละครเรื่องนี้มาก่อน แต่รู้ว่าช่อง 3 สร้าง รู้ว่าพระนางใครเล่น ซึ่งผมเคยเปิดผ่าน ๆ และพบว่ามันไม่น่าสนใจเลยไม่ได้ติดตามครับ จนมาเจอหนังสือและคำวิจารณ์ตามเว็บต่าง ๆ ว่า สมัยก่อนที่ช่อง 7 ทำ ทำได้ประทับใจและเหมือนหนังสือมาก ผมเองก็ได้หนังสือมาอย่างเบลอ ๆ งง ๆ เลยลองอ่านดูครับ แต่จากความยาวของหนังสือ 880 หน้าก็ทำให้หนังสือดูน่าเบื่อไปเช่นกัน

เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีระหว่าง 2 ตระกูล คือตระกูลอัศวรัช และตระกูลสันตติวงศ์ครับ โดยเริ่มจากหม่อมเจ้าไตรศักดิ์ สันตติวงศ์ ถูกพระยาสวามิภักดิ์ราช (ต้นตระกูลอัศวรัช) ใส่ร้ายว่าเป็นกบฏจนทำให้ต้องหนีมาอยู่ที่ม่อนผาหลวง ซึ่งหม่อมเจ้าไตรศักดิ์มีลูก 2 คน เป็นชายและหญิง ท่านจึงได้ปลูกฝังความแค้นให้ลูกทั้ง 2 คนคือ คุณชายอติศักดิ์ และคุณหญิงอลิสา ให้แก้แค้นตระกูลอัศวรัชให้ท่าน จนกระทั่งร้อยโท โยธิน อัศวรัช วีรบุรุษเสรีไทยผู้มีอนาคตรุ่งเรือง ลูกชายของพระยาสวามิภักดิ์ราชกลับมาจากการรบสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวพระยาเองก็ทำธุรกิจการค้าขาดทุน ทำให้โยธินต้องกลายไปเป็นทาสของสันตติวงศ์อยู่ที่ม่อนผาหลวง 1 ปี ซึ่งโยธินมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ก็จำเป็นจะต้องปกปิดว่าไปทำการค้าที่เมืองเหนือ

คือผมมองว่าหนังสือนี้อาจจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าผม เพราะหนังสือจะเน้นหนักไปที่บรรยายภาพพจน์มากกว่า สำหรับผมมันเลยดูเวิ่นเว้อไม่จำเป็น และหนังสือก็จะเน้นหนักไปที่เรื่องของศักดิ์ศรีของพระเอก ที่อะไรจะค้ำคอมากขนาดนั้น ผมไม่เคยเห็นใครหยิ่งขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย กว่าพระเอกกับนางเอกจะเข้าใจกันได้ก็หน้าที่ 600 กว่าแล้วครับจาก 880 หน้า

ส่วนเรื่องคู่หมั้นของพระเอกที่แปรพักตร์จากพระเอกไปหาเจ้าขวัญฟ้า เจ้าหนุ่มเมืองเหนือผู้หล่อเหลา ผมว่าเรื่องนี้มันธรรมชาติ เพราะภิรมยาพบว่าโยธินไม่เหลือศักดิ์ศรีอีกต่อไป (ศักดิ์ศรีอีกแล้ว) จึงได้ไปหาเจ้าหนุ่มผู้อาจจะทำให้อนาคตเธอไปได้สวยกว่า และอาจจะทำให้เธอก้าวขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงกว่า และแน่นอนครับ ตัวร้ายต้องมีจุดจบ ดังนั้นทั้งภิรมยาและเจ้าขวัญฟ้าก็มีจุดจบที่อาจจะทำให้คนอ่านรู้สึกสะใจไม่น้อย

สรุปว่า ผมอาจจะเด็กไปที่จะมานั่งจินตนาการภาพพจน์ เลยมองว่าหนังสือเรื่องนี้น่าเบื่อครับ จะหาฉากสวีทของพระเอกนางเอกยังยากเลย แม้หลัง ๆ จะรู้สึกสนุกขึ้นมาบ้างกับการมีฉากให้ตื่นเต้น แต่ผู้แต่งก็ยังอดที่จะยัดเยียดความโศกเศร้ามาให้กับเด็กในอุปการะของคุณหญิงอลิสา ผู้นับถือวีรบุรุษเสรีไทยอย่างโยธินเสียไม่ได้ ผมเลยคิดว่านี่มันคือหนังสือดราม่าแบบผู้ใหญ่โดยแท้จริงครับ แล้วยิ่งตอนจบ จบแบบให้คิดอีก ผมปวดหัวขนาดหนักเลย
www.batorastore.com © 2024