Customer Reviews

น้ำดื่มสมุนไพร ใกล้ตัวแต่ไกลโรค เป็นหนังสือที่บอกเล่าและนำเสนอเรื่องราวดีๆที่แสนจะมีประโยชน์ให้กับเราอีกเล่มหนึ่งโดยวันนี้ที่เราเลือกมานั้นเพราะเนื่องจากเราได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการทำน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพกับไปแล้วซึ่งแน่นอนว่าวัยรุ่นอย่างเราๆต้องเป็นที่ชื่นชอบเพราะว่ามันทำให้รู้สึกว่าสดชื่นและยังมีรสชาติที่อร่อย แต่ถ้าถามความคิดเห็นของผู้สูงวัยแล้วเค้าคงไม่บอกว่าอร่อยเหมือนอย่างที่เรารู้สึกเป็นแน่ ดังนั้นเลยอยากที่จะเอาใจผู้สูงวัยหรือบุคคลที่รักในการดูแลสุขภาพทั้งหลายให้ได้มารู้จักกับเครื่องดื่มที่ทั้งอร่อยๆและได้สุขภาพแบบเต็มๆและสามารถรับประทานได้ทั้งที่มีความร้อนและเย็นอีกด้วย งานนี้เจ้ศึกษามาดีเพราะเติบโตมาพร้อมคนแก่เยอะเลยทำให้ได้รู้เรื่องของสมุนไพรอยู่บ้าง ถ้าถามเด็กๆสมัยนี้จะรู้จักไหมว่าสมุนไพรนั้นมีอะไรบ้างรับรองว่าแค่นี้ก็ตอบไม่ได้กันแล้ว ดังนั้นเราจึงอยากให้เด็กๆหันมาใส่ใจสุขภาพไปพร้อมๆกับการได้ดูแลคนในครอบครัวอีกด้วย ในหนังสือเล่มนี้จะรวบรวมสูตรน้ำสมุนไพรที่เราสามารถหามำทำเครื่องดื่มได้อย่างง่ายดายและไม่ยุ่งยาก เพราะสมุนไพรส่วนใหญ่ที่เค้าเตรียมสูตรมานั้นพวกเราต่างก็ต้องเคยเห็นหรือพอจะได้ยินมาบ้างแหละ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเก๊กฮวย น้ำขิง น้ำกระเจี๊ยบ น้ำชา น้ำรากบัว เป็นต้น แน่ะแค่เห็นสำหรับหลายๆคนคงจะร้องยี้กันแล้ว แต่เอาเถอะค่ะถ้าเราได้รู้ว่ามันมีประโยชน์ต่อตัวเรามากแค่ไหนรับรองว่าต้องรีบหามาดื่มแทบไม่ทันเลยล่ะ สมุนไพรเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง บางตัวมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันในเส้นเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีอีกด้วย ขนาดแค่ยกตัวอย่างของสรรพคุณมาแค่นี้หลายๆคงคงอยากที่จะลองทำให้คุณพ่อคุณแม่ชิมแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเดี๋ยวนี้ที่วิวัฒนาการที่ล้ำสมัยอะไรก็สะดวกสบายไปเสียหมด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปที่จะหาวัตถุดิบเหล่านี้มาทำน้ำสมุนไพรและยิ่งไปกว่านั้นคือ เดี๋ยวนี้เค้าเพิ่มความสะดวกสบายให้สำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพแต่ไม่มีเวลาโดยการผลิตสมุนไพรนำมาแปรรูปเป็นลักษณะของผงที่สามารถนำมาชงและดื่มได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องไปต้มและกรองกากไยให้ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนอีกด้วย ดังนั้นเหมือนมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนอีกต่อไปดังนั้นเราจึงควรหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพ เพราะไม่ว่าจะเด็กหรือผู้หญิงถ้าไม่ดูแลตัวเองก็สามารถที่จะป่วยได้เหมือนกัน..ฉะนั้นจึงหวังว่าเรื่องราวในหนังสือดีๆแบบนี้จะเป็นแระโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคนนะคะ...

น้ำดื่มสมุนไพร ใกล้ตัวแต่ไกลโรค เป็นหนังสือที่บอกเล่าและนำเสนอเรื่องราวดีๆที่แสนจะมีประโยชน์ให้กับเราอีกเล่มหนึ่งโดยวันนี้ที่เราเลือกมานั้นเพราะเนื่องจากเราได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการทำน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพกับไปแล้วซึ่งแน่นอนว่าวัยรุ่นอย่างเราๆต้องเป็นที่ชื่นชอบเพราะว่ามันทำให้รู้สึกว่าสดชื่นและยังมีรสชาติที่อร่อย แต่ถ้าถามความคิดเห็นของผู้สูงวัยแล้วเค้าคงไม่บอกว่าอร่อยเหมือนอย่างที่เรารู้สึกเป็นแน่ ดังนั้นเลยอยากที่จะเอาใจผู้สูงวัยหรือบุคคลที่รักในการดูแลสุขภาพทั้งหลายให้ได้มารู้จักกับเครื่องดื่มที่ทั้งอร่อยๆและได้สุขภาพแบบเต็มๆและสามารถรับประทานได้ทั้งที่มีความร้อนและเย็นอีกด้วย งานนี้เจ้ศึกษามาดีเพราะเติบโตมาพร้อมคนแก่เยอะเลยทำให้ได้รู้เรื่องของสมุนไพรอยู่บ้าง ถ้าถามเด็กๆสมัยนี้จะรู้จักไหมว่าสมุนไพรนั้นมีอะไรบ้างรับรองว่าแค่นี้ก็ตอบไม่ได้กันแล้ว ดังนั้นเราจึงอยากให้เด็กๆหันมาใส่ใจสุขภาพไปพร้อมๆกับการได้ดูแลคนในครอบครัวอีกด้วย ในหนังสือเล่มนี้จะรวบรวมสูตรน้ำสมุนไพรที่เราสามารถหามำทำเครื่องดื่มได้อย่างง่ายดายและไม่ยุ่งยาก เพราะสมุนไพรส่วนใหญ่ที่เค้าเตรียมสูตรมานั้นพวกเราต่างก็ต้องเคยเห็นหรือพอจะได้ยินมาบ้างแหละ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเก๊กฮวย น้ำขิง น้ำกระเจี๊ยบ น้ำชา น้ำรากบัว เป็นต้น แน่ะแค่เห็นสำหรับหลายๆคนคงจะร้องยี้กันแล้ว แต่เอาเถอะค่ะถ้าเราได้รู้ว่ามันมีประโยชน์ต่อตัวเรามากแค่ไหนรับรองว่าต้องรีบหามาดื่มแทบไม่ทันเลยล่ะ สมุนไพรเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง บางตัวมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันในเส้นเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีอีกด้วย ขนาดแค่ยกตัวอย่างของสรรพคุณมาแค่นี้หลายๆคงคงอยากที่จะลองทำให้คุณพ่อคุณแม่ชิมแล้วใช่ไหมล่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเดี๋ยวนี้ที่วิวัฒนาการที่ล้ำสมัยอะไรก็สะดวกสบายไปเสียหมด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปที่จะหาวัตถุดิบเหล่านี้มาทำน้ำสมุนไพรและยิ่งไปกว่านั้นคือ เดี๋ยวนี้เค้าเพิ่มความสะดวกสบายให้สำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพแต่ไม่มีเวลาโดยการผลิตสมุนไพรนำมาแปรรูปเป็นลักษณะของผงที่สามารถนำมาชงและดื่มได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องไปต้มและกรองกากไยให้ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อนอีกด้วย ดังนั้นเหมือนมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนอีกต่อไปดังนั้นเราจึงควรหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพ เพราะไม่ว่าจะเด็กหรือผู้หญิงถ้าไม่ดูแลตัวเองก็สามารถที่จะป่วยได้เหมือนกัน..ฉะนั้นจึงหวังว่าเรื่องราวในหนังสือดีๆแบบนี้จะเป็นแระโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคนนะคะ...

โรค Office เรื่องที่คนทำงานออฟฟิศคิดไม่ถึง อีกหนึ่งของเรื่องราวสุขภาพของคนวัยทำงานมักมองข้ามไปวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ดิฉันเองจะได้มานำเสนอความรู้เกี่ยวกับภัยมืดเรื่องสุขภาพของคนที่อยู่ในวัยทำงานและไม่ยอมดูแลตัวเองมาฝากกัน อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วในตอนนั้นว่าวันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาของการทำงานไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตามถ้ามีวิถีชีวิตที่ซ้ำๆเดิมๆและหักโหมจนไม่ยอมดูแลตัวเองอีกนั้นมันจะส่งผลอะไรให้กับชีวิตของคุณได้บ้าง เรามาเริ่มกันจากที่ตัวของดิฉันเองก่อนเลยที่เป็นคนนึงพอทำงานแล้วก็จะรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียกลับมาจากที่ทำงานหรือหยุดช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ก็อยากที่จะนอนพักผ่อนไม่อยากที่จะทำอะไรหรือไปเที่ยวที่ไหนทั้งนั้นเนื่องจากสภาพร่างกายที่ล้ามาจากการทำงานที่ติดต่อกันถึงห้าวันนั้นเองหลายคนคงสงสัยว่าดิฉันมีอาชีพอะไรดิฉันเป็นครูค่ะ เป็นครูสอนเด็กอนุบาลที่ต้องทำตัวติดกับนักเรียนตลอดเวลา เนื่องจากโรงเรียนที่สอนอยู่เป็นโรงเรียนเอกชนจึงทำให้ต้องเข้มงวดกับการดูแลเอาใจใส่นักเรียนและด้วยอิริยาบถที่ต้องทำเป็นประจำนั้นก็คือการนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อตรวจการบ้านหรือแม้แต่เคลียงานเอกสารต่างๆทำแบบนี้อยู่ทุกวันจนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีอาการแปลกๆนั้นก็คืออาการปวดต้นคอเพราะก้มหน้าบ่อยครั้งการปวดหลัง เพราะนั่งไม่สบายตัว ปวดสะโพกรามไปถึงขาเพราะว่าเลือดไหลเวียนไม่ดี โอ๊ยสารพัดที่จะเป็นจึงทำให้ต้องหันกลับมาดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้มากขึ้นดังนั้นดิฉันเองก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวการรักษาสุขภาพของวัยทำงานจนมาเจอหนังสือเล่มนี้ที่มีเนื้อหาเตือนภัยให้ระวังโรคที่มาจากการทำงาน โดยเน้นที่คนทำอาชีพเป็นพนักงานออฟฟิตเพราะเนื่องจากวันๆนึงนั้นต้องนั่งอยู่ในท่าเดิมๆอยู่ทั้งวันจึงเสี่ยงที่จะมีการของโรคภัยต่างๆได้ซึ่งมันก็ตรงกับตัวของดิฉันเองที่มีวิถีการทำงานในรูปแบบนั้น จึงทำให้ต้องมาศึกษาและปรับตัวไม่ให้เสี่ยงต่อภัยเงียบอย่างโรคออฟฟิตซินโดม หรือโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนและเสื่อม และอีกสารพัดโรคที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราในภายภาคหน้าต่อไป เห็นไหมค่ะการที่เราใช้วิถีชีวิตเดิมๆซ้ำๆไปโดยที่ไม่มีการดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไรก็ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมได้ทั้งนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วทุกคนจะมัวรออะไร หันกลับมาให้ความสำคัญกับร่างกายและสุขภาพของเราให้ดีเพื่อที่จะได้อยู่ใช้ชีวิตอย่างปลอดโรคไปอีกนานกันดีกว่านะคะ..

โรค Office เรื่องที่คนทำงานออฟฟิศคิดไม่ถึง อีกหนึ่งของเรื่องราวสุขภาพของคนวัยทำงานมักมองข้ามไปวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ดิฉันเองจะได้มานำเสนอความรู้เกี่ยวกับภัยมืดเรื่องสุขภาพของคนที่อยู่ในวัยทำงานและไม่ยอมดูแลตัวเองมาฝากกัน อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วในตอนนั้นว่าวันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาของการทำงานไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตามถ้ามีวิถีชีวิตที่ซ้ำๆเดิมๆและหักโหมจนไม่ยอมดูแลตัวเองอีกนั้นมันจะส่งผลอะไรให้กับชีวิตของคุณได้บ้าง เรามาเริ่มกันจากที่ตัวของดิฉันเองก่อนเลยที่เป็นคนนึงพอทำงานแล้วก็จะรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียกลับมาจากที่ทำงานหรือหยุดช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ก็อยากที่จะนอนพักผ่อนไม่อยากที่จะทำอะไรหรือไปเที่ยวที่ไหนทั้งนั้นเนื่องจากสภาพร่างกายที่ล้ามาจากการทำงานที่ติดต่อกันถึงห้าวันนั้นเองหลายคนคงสงสัยว่าดิฉันมีอาชีพอะไรดิฉันเป็นครูค่ะ เป็นครูสอนเด็กอนุบาลที่ต้องทำตัวติดกับนักเรียนตลอดเวลา เนื่องจากโรงเรียนที่สอนอยู่เป็นโรงเรียนเอกชนจึงทำให้ต้องเข้มงวดกับการดูแลเอาใจใส่นักเรียนและด้วยอิริยาบถที่ต้องทำเป็นประจำนั้นก็คือการนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อตรวจการบ้านหรือแม้แต่เคลียงานเอกสารต่างๆทำแบบนี้อยู่ทุกวันจนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีอาการแปลกๆนั้นก็คืออาการปวดต้นคอเพราะก้มหน้าบ่อยครั้งการปวดหลัง เพราะนั่งไม่สบายตัว ปวดสะโพกรามไปถึงขาเพราะว่าเลือดไหลเวียนไม่ดี โอ๊ยสารพัดที่จะเป็นจึงทำให้ต้องหันกลับมาดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้มากขึ้นดังนั้นดิฉันเองก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวการรักษาสุขภาพของวัยทำงานจนมาเจอหนังสือเล่มนี้ที่มีเนื้อหาเตือนภัยให้ระวังโรคที่มาจากการทำงาน โดยเน้นที่คนทำอาชีพเป็นพนักงานออฟฟิตเพราะเนื่องจากวันๆนึงนั้นต้องนั่งอยู่ในท่าเดิมๆอยู่ทั้งวันจึงเสี่ยงที่จะมีการของโรคภัยต่างๆได้ซึ่งมันก็ตรงกับตัวของดิฉันเองที่มีวิถีการทำงานในรูปแบบนั้น จึงทำให้ต้องมาศึกษาและปรับตัวไม่ให้เสี่ยงต่อภัยเงียบอย่างโรคออฟฟิตซินโดม หรือโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนและเสื่อม และอีกสารพัดโรคที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราในภายภาคหน้าต่อไป เห็นไหมค่ะการที่เราใช้วิถีชีวิตเดิมๆซ้ำๆไปโดยที่ไม่มีการดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไรก็ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมได้ทั้งนั้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วทุกคนจะมัวรออะไร หันกลับมาให้ความสำคัญกับร่างกายและสุขภาพของเราให้ดีเพื่อที่จะได้อยู่ใช้ชีวิตอย่างปลอดโรคไปอีกนานกันดีกว่านะคะ..

Natural Beauty ผิวสวยด้วยธรรมชาติ อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สาวๆนั้นมีสุขภาพผิวที่ดีแลดูอ่อนกว่าวัยอย่างแน่นอนค่ะ เป็นหนึ่งในหนังสือที่สาวๆนั้นควรหามาอ่านเป็นอย่างมากเพราะเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้นั้นเป็นการรวมสูตรความงามตามธรรมชาติจากคอลัมน์นิตยสารดังอย่างนิตยสารชีวจิต ซึ่งแน่นอนว่าภายในเล่มก็จะมีสูตรหรือเคล็บลับดีๆมากมายที่นำมาฝากให้แก่คุณผู้อ่านทุกท่านได้นำไปใช้กันให้สวยตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายเท้ากันเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันเรียกความสนใจของคุณผู้หญิงทุกๆคนให้มาหยิบมันขึ้นไปอ่านหรือศึกษาวิธีกันแน่ๆเพราะเจ้าหนังสือเล่มนี้เค้าจะมาช่วยแก้ปัญหาที่คุณผู้หญิงทุกคนต้องเจอหรือกำลังมีปัญหาอยู่ตามไม่ว่าจะเป็น รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ปัญญาผิวสีไม่เสมอกัน ผมร่วง ขาใหญ่ใส่กระโปรงไม่สวยและอีกนานับประการปัญหาที่ทำให้เหล่าคุณผู้หญิงนั้นต้องปวดหัว แต่ต่อจากนี้ไปคุณผู้หญิงทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไปเพียงแค่ทุกคนปฏิบัติตามวิธีที่เรานำมาฝากรับรองได้เลยว่าผิวหน้าของและทุกส่วนในร่างกายของคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาและดูอ่อนเยาว์จนทำให้ตัวคุณเองตกหลุมรักผิวพรรณของตัวเองไปเลยล่ะค่ะ ดีใช่ไหมล่ะค่ะที่ผู้หญิงอย่างเราๆจะมีตัวช่วยที่สามารถแก้ปัญหาของเราได้อย่างตรงจุดไม่ว่าจะเป็นผิวรอบดวงตาหมองคล้ำ ผิวไม่กระชับ เป็นสิว เราก็สามารถหาวัตถดิบที่อยู่ตามท้องตลาดทั่วไปมาเลือกใช้ในการผสมให้เข้ากับเพื่อแก้ปัญหาของเราได้อย่างง่ายๆ และที่ดีไปกว่านั้นคือสูตรที่เค้าเตรียมมาให้ ทำไม่ยาก ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองเงิน ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญที่สุดไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือทำอาชีพอะไรก็สามารถที่จะนำสูตรและเคล็ดลับดีๆเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพผิวของเราเอง เรื่องดีๆแบบนี้เป็นใครก็ต้องบอกต่อใช่ไหมค่ะ สำหรับตัวดิฉันเองได้ลองทำตามสูตรที่เค้าให้มาซึ่งมันตรงกับความต้องการของฉันพอดีและพอทำแล้วมันก็ได้ผลฉันจึงได้แนะนำให้คนรักและคนในครอบครัวคนอื่นๆได้ลองทำตามกันด้วย ทุกคนต่างพูดเป้นเสียงเดียวกันว่าชอบและไม่เสียเงินอีกด้วย ยุคสมัยที่เรานั้นต้องแข่งขันกันอย่างนี้ถ้าเรื่องสวยยังต้องไปทำศัลยกรรมแข่งกันก็คงไม่ต้องทำไรกินกันแล้วทั้งเจ็บตัวเลียเวลาเสียเงินมากมาย สุดท้ายไม่รู้จะเสี่ยงติดเชื้ออะไรอีกหรือป่าวดังนั้นเราหันมาใช้วิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่ายๆและสวยยั่งยืนกว่าอีกกันดีกว่าเนอะ...

Natural Beauty ผิวสวยด้วยธรรมชาติ อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สาวๆนั้นมีสุขภาพผิวที่ดีแลดูอ่อนกว่าวัยอย่างแน่นอนค่ะ เป็นหนึ่งในหนังสือที่สาวๆนั้นควรหามาอ่านเป็นอย่างมากเพราะเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้นั้นเป็นการรวมสูตรความงามตามธรรมชาติจากคอลัมน์นิตยสารดังอย่างนิตยสารชีวจิต ซึ่งแน่นอนว่าภายในเล่มก็จะมีสูตรหรือเคล็บลับดีๆมากมายที่นำมาฝากให้แก่คุณผู้อ่านทุกท่านได้นำไปใช้กันให้สวยตั้งแต่ปลายเส้นผมจรดปลายเท้ากันเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันเรียกความสนใจของคุณผู้หญิงทุกๆคนให้มาหยิบมันขึ้นไปอ่านหรือศึกษาวิธีกันแน่ๆเพราะเจ้าหนังสือเล่มนี้เค้าจะมาช่วยแก้ปัญหาที่คุณผู้หญิงทุกคนต้องเจอหรือกำลังมีปัญหาอยู่ตามไม่ว่าจะเป็น รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ปัญญาผิวสีไม่เสมอกัน ผมร่วง ขาใหญ่ใส่กระโปรงไม่สวยและอีกนานับประการปัญหาที่ทำให้เหล่าคุณผู้หญิงนั้นต้องปวดหัว แต่ต่อจากนี้ไปคุณผู้หญิงทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไปเพียงแค่ทุกคนปฏิบัติตามวิธีที่เรานำมาฝากรับรองได้เลยว่าผิวหน้าของและทุกส่วนในร่างกายของคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาและดูอ่อนเยาว์จนทำให้ตัวคุณเองตกหลุมรักผิวพรรณของตัวเองไปเลยล่ะค่ะ ดีใช่ไหมล่ะค่ะที่ผู้หญิงอย่างเราๆจะมีตัวช่วยที่สามารถแก้ปัญหาของเราได้อย่างตรงจุดไม่ว่าจะเป็นผิวรอบดวงตาหมองคล้ำ ผิวไม่กระชับ เป็นสิว เราก็สามารถหาวัตถดิบที่อยู่ตามท้องตลาดทั่วไปมาเลือกใช้ในการผสมให้เข้ากับเพื่อแก้ปัญหาของเราได้อย่างง่ายๆ และที่ดีไปกว่านั้นคือสูตรที่เค้าเตรียมมาให้ ทำไม่ยาก ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองเงิน ไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญที่สุดไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือทำอาชีพอะไรก็สามารถที่จะนำสูตรและเคล็ดลับดีๆเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพผิวของเราเอง เรื่องดีๆแบบนี้เป็นใครก็ต้องบอกต่อใช่ไหมค่ะ สำหรับตัวดิฉันเองได้ลองทำตามสูตรที่เค้าให้มาซึ่งมันตรงกับความต้องการของฉันพอดีและพอทำแล้วมันก็ได้ผลฉันจึงได้แนะนำให้คนรักและคนในครอบครัวคนอื่นๆได้ลองทำตามกันด้วย ทุกคนต่างพูดเป้นเสียงเดียวกันว่าชอบและไม่เสียเงินอีกด้วย ยุคสมัยที่เรานั้นต้องแข่งขันกันอย่างนี้ถ้าเรื่องสวยยังต้องไปทำศัลยกรรมแข่งกันก็คงไม่ต้องทำไรกินกันแล้วทั้งเจ็บตัวเลียเวลาเสียเงินมากมาย สุดท้ายไม่รู้จะเสี่ยงติดเชื้ออะไรอีกหรือป่าวดังนั้นเราหันมาใช้วิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้ง่ายๆและสวยยั่งยืนกว่าอีกกันดีกว่าเนอะ...

ไม่อ้วนโดยไม่อด เป็นชื่อของหนังสือเล่มนึงที่ดิฉันได้ไปเจอะเจอมาและก็ทำให้ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อของสาวที่หลายๆคนร่วมถึงตัวดิฉันด้วยว่าการอดอาหารจะช่วยทำให้เรานั้นผอมลงได้ แต่พอได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้เลยทำให้เข้าใจถึงวิธีการของการเลือกรับประอาหารมากกว่าที่จะยอมอดอาหารเอาค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคุณผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีรูปร่างที่ผอมสวยอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว บางคนเป็นถึงขนาดต้องไปกินยาลดความอ้วนบ้าง ไปทำศัลยกรรม ดูดไขมัน บ้าง หรือแม้แต่การยอมอดอาหารเพื่อให้ร่างกายมีหุ่นที่ผอมสวยอยู่เสมอ จนลืมนึกถึงสุขภาพร่างกายของเรา ว่าก็ต้องการสารอาหารที่จำเป็นเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆที่สึกหรอ และบำรุงร่างกายให้เจริญเติบโตอยู่เสมอ เพื่อนๆทราบหรือไม่วันพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกายในแต่ละวันนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ บอกเลยก็ได้ว่าพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์ในแต่ละวันนั้นเท่ากับสองพันกิโลแคลอรี ยิ่งถ้าเพื่อนๆไปอดอาหารในแต่วันแล้วละก็จะส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง แถมยังส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติอีกด้วย นั้นก็เป็นเพราะว่าเราได้รับพลังงานไม่เพียงพอกับที่เราสูญเสียไปจึงส่งผลให้เราเกิดอาการหน้ามืดและเป็นลมหมดสติไปได้และนั้นยิ่งอันตรายไปใหญ่เลยด้วย ดังนั้นในหนังสือเล่มนี้เค้าก็จะมาเสนอแนะวิธีการดูแลสุขภาพอย่างที่แท้จริงอย่างเช่นการเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในแต่ละวันหรือเรียกง่ายๆว่าการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่นั้นเอง และถ้าเราทานอาหารครบทุกมื้อแล้วเราจะไม่อ้วนหรอ ตอบเลยว่าไม่อ้วนค่ะถ้าคุณรู้จักเลือกทานในสิ่งที่มีประโยชน์เพียงพอไม่ใช่ว่าทานครบสามมื้อแต่เป็นอาหารพาสฟู้ด หรืออาหารจำพวกแป้งและไขมันอย่างเดียวเลยกินอย่างนี้ยังไงก้อ้วนแน่ๆค่ะ แต่ถ้าอยากกินอาหารประเภทที่ให้แป้งและน้ำตาลบ้างก็สามารถรับประทานได้ตามปกติแต่แค่ทานให้พอดี และหลังจากที่เราดูแลเรื่องของการรับประทานไปแล้วเราก็อย่าลืมออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ร่างกายกระชับและมีผิวพรรณที่ผ่องใสวิธีที่แสนจะง่ายแต่คนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะมองข้ามกัน แต่ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าทำอย่างไรที่ผอมได้โดยไม่ต้องอดอาหารนั้นก็อย่าลืมนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กันด้วยนะคะ ดิฉันเองก็ได้นำความรู้ดีๆที่หนังสือเล่มนี้มอบให้ไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเหมือนกัน ต่อไปเราจะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคต่างๆเพียงแค่คุณหันกลับมาใส่ใจและเต็มที่กับมันเท นั้นเองค่ะ...

ไม่อ้วนโดยไม่อด เป็นชื่อของหนังสือเล่มนึงที่ดิฉันได้ไปเจอะเจอมาและก็ทำให้ได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อของสาวที่หลายๆคนร่วมถึงตัวดิฉันด้วยว่าการอดอาหารจะช่วยทำให้เรานั้นผอมลงได้ แต่พอได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้เลยทำให้เข้าใจถึงวิธีการของการเลือกรับประอาหารมากกว่าที่จะยอมอดอาหารเอาค่ะ ดิฉันเชื่อว่าคุณผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันที่จะมีรูปร่างที่ผอมสวยอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว บางคนเป็นถึงขนาดต้องไปกินยาลดความอ้วนบ้าง ไปทำศัลยกรรม ดูดไขมัน บ้าง หรือแม้แต่การยอมอดอาหารเพื่อให้ร่างกายมีหุ่นที่ผอมสวยอยู่เสมอ จนลืมนึกถึงสุขภาพร่างกายของเรา ว่าก็ต้องการสารอาหารที่จำเป็นเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆที่สึกหรอ และบำรุงร่างกายให้เจริญเติบโตอยู่เสมอ เพื่อนๆทราบหรือไม่วันพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกายในแต่ละวันนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ บอกเลยก็ได้ว่าพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์ในแต่ละวันนั้นเท่ากับสองพันกิโลแคลอรี ยิ่งถ้าเพื่อนๆไปอดอาหารในแต่วันแล้วละก็จะส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง แถมยังส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติอีกด้วย นั้นก็เป็นเพราะว่าเราได้รับพลังงานไม่เพียงพอกับที่เราสูญเสียไปจึงส่งผลให้เราเกิดอาการหน้ามืดและเป็นลมหมดสติไปได้และนั้นยิ่งอันตรายไปใหญ่เลยด้วย ดังนั้นในหนังสือเล่มนี้เค้าก็จะมาเสนอแนะวิธีการดูแลสุขภาพอย่างที่แท้จริงอย่างเช่นการเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในแต่ละวันหรือเรียกง่ายๆว่าการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่นั้นเอง และถ้าเราทานอาหารครบทุกมื้อแล้วเราจะไม่อ้วนหรอ ตอบเลยว่าไม่อ้วนค่ะถ้าคุณรู้จักเลือกทานในสิ่งที่มีประโยชน์เพียงพอไม่ใช่ว่าทานครบสามมื้อแต่เป็นอาหารพาสฟู้ด หรืออาหารจำพวกแป้งและไขมันอย่างเดียวเลยกินอย่างนี้ยังไงก้อ้วนแน่ๆค่ะ แต่ถ้าอยากกินอาหารประเภทที่ให้แป้งและน้ำตาลบ้างก็สามารถรับประทานได้ตามปกติแต่แค่ทานให้พอดี และหลังจากที่เราดูแลเรื่องของการรับประทานไปแล้วเราก็อย่าลืมออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ร่างกายกระชับและมีผิวพรรณที่ผ่องใสวิธีที่แสนจะง่ายแต่คนส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะมองข้ามกัน แต่ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าทำอย่างไรที่ผอมได้โดยไม่ต้องอดอาหารนั้นก็อย่าลืมนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กันด้วยนะคะ ดิฉันเองก็ได้นำความรู้ดีๆที่หนังสือเล่มนี้มอบให้ไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเหมือนกัน ต่อไปเราจะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคต่างๆเพียงแค่คุณหันกลับมาใส่ใจและเต็มที่กับมันเท นั้นเองค่ะ...

ระเริงรัก ผลงานของนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่า มัญชุดา อ่านชื่อเรื่องก็ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวข้างในจะต้องมีเนื้อหาที่สนุกเป็นอย่างมากแน่นอนแต่เราจะไม่ตัดสิ้นกันเพียงหน้าหน้าปกแน่นอนดังนั้นวันนี้เจ่เจ้จะพาทุกๆคนไปสนุกกับนิยายรักโรแมนติกที่เจ่เจ้นำมาฝากในวันนี้กันค่ะ และสำหรับเรื่องราวที่เจ่เจ้นำมาฝากวันนี้ก็จะเป็นการเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ไอริน หญิงสาวบ้านนอกที่เดินทางเข้ามาหางานงานในเมืองใหญ่ และเพื่อการตามหาความฝันที่เธอวาดหวังไว้ ไอรินจัดเป็นผู้หญิงบ้านนอกที่มีรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าสวยเลยทีเดียวจึงทำให้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาแวะเวียนมาขายขนมจีบและทุกคนล้วนแล้วแต่เข้ามาเติมเต็มให้เธอประดุจเป็นเจ้าหญิงผู้โชคดี ไม่ว่าจะเป็นชายที่มีรูปงามเยี่ยงชายในฝันที่เข้ามาพัวพันธ์ หรือจะเป็นหนุ่มใหญ่ในเครื่องแบบที่แสนอบอุ่นและจะทำให้เธอนั้นมีเกียรติยศ เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วๆไป หรือจะเป็นหนุ่มรุ่นน้องที่มีความเป็นชายอยู่สูงที่จะสามารถปรนเปรอให้เธอสำลักความสุขอยู่ทุกค่ำคืนก็ดี แต่สิ่งที่เธอได้มาพร้อมความสุขจอมปลอมพวกนี้นั้นก็คือความเห็นแก่ตัวของเธอเองความอยากได้อยากมี ชิงดีชิงเด่นอยากทำตัวอย่างหงส์ทั้งๆที่ต้นกำเนิดของตนเองเป็นเพียงแค่อีกา สุดท้ายสิ่งที่เธอได้จากการเดินทางในครั้งนี้กลับเป็นเพียงความว่างเปล่าที่สูญเสียและมีแต่ความเสียใจ เมื่อเธอนั้นคิดได้ เธอก็มานึกหวนถึงบุคคลที่รักเธอและเฝ้ารอให้เธอกลับไปหา เมื่อคิดได้เธอจึงเดินทางกลับไปหารักแท้ที่รอเธออยู่ที่บ้านเกิดนั้นเอง...
~ วันนี้เจ่เจ้อาจจะไม่ได้นำนิยายสุดร้อนแรงมาฝากเพื่อนกัน แต่ที่เจ่เจ้เลือกนิยายเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกันนั้นเพราะว่าเจ่เจ้รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มีเสน่ห์อยู่ในตัวและมีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน การนำเข้าเรื่องหรือการดำเนินเรื่องของเค้าที่ชวนให้น่าติดตามเรื่องราวต่อไป ถึงแม้ว่าเนื้อหาอาจมีความเครียดไปบ้างในบางตอน แต่ถ้าถามว่าโดยรวมเป็นยังคงต้องบอกเลยว่าเป็นนิยายที่น่าติดตามไม่แพ้กัน เจ่เจ้ก็อยากจะฝากหนังสือนิยายที่นำเสนอเรื่องราวอีกแง่มุมนึงที่จะทำให้ทุกคนได้ลุ้นและเป้นกำลังใจให้กับตัวเอกของเรื่องไปพร้อมๆกันค่ะ ยังไงก็อยากลืมหามาอ่านกันได้ใครชอบหรือไม่ชอบก็อย่าลืมนำมารีวิวและบอกเล่าความรู้สึกกันต่อไปด้วยเนอะ แล้วเจอกับเจ่เจ้ได้ในรีวิวเรื่องต่อไปค่า..~

ระเริงรัก ผลงานของนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่า มัญชุดา อ่านชื่อเรื่องก็ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวข้างในจะต้องมีเนื้อหาที่สนุกเป็นอย่างมากแน่นอนแต่เราจะไม่ตัดสิ้นกันเพียงหน้าหน้าปกแน่นอนดังนั้นวันนี้เจ่เจ้จะพาทุกๆคนไปสนุกกับนิยายรักโรแมนติกที่เจ่เจ้นำมาฝากในวันนี้กันค่ะ และสำหรับเรื่องราวที่เจ่เจ้นำมาฝากวันนี้ก็จะเป็นการเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ไอริน หญิงสาวบ้านนอกที่เดินทางเข้ามาหางานงานในเมืองใหญ่ และเพื่อการตามหาความฝันที่เธอวาดหวังไว้ ไอรินจัดเป็นผู้หญิงบ้านนอกที่มีรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าสวยเลยทีเดียวจึงทำให้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาแวะเวียนมาขายขนมจีบและทุกคนล้วนแล้วแต่เข้ามาเติมเต็มให้เธอประดุจเป็นเจ้าหญิงผู้โชคดี ไม่ว่าจะเป็นชายที่มีรูปงามเยี่ยงชายในฝันที่เข้ามาพัวพันธ์ หรือจะเป็นหนุ่มใหญ่ในเครื่องแบบที่แสนอบอุ่นและจะทำให้เธอนั้นมีเกียรติยศ เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วๆไป หรือจะเป็นหนุ่มรุ่นน้องที่มีความเป็นชายอยู่สูงที่จะสามารถปรนเปรอให้เธอสำลักความสุขอยู่ทุกค่ำคืนก็ดี แต่สิ่งที่เธอได้มาพร้อมความสุขจอมปลอมพวกนี้นั้นก็คือความเห็นแก่ตัวของเธอเองความอยากได้อยากมี ชิงดีชิงเด่นอยากทำตัวอย่างหงส์ทั้งๆที่ต้นกำเนิดของตนเองเป็นเพียงแค่อีกา สุดท้ายสิ่งที่เธอได้จากการเดินทางในครั้งนี้กลับเป็นเพียงความว่างเปล่าที่สูญเสียและมีแต่ความเสียใจ เมื่อเธอนั้นคิดได้ เธอก็มานึกหวนถึงบุคคลที่รักเธอและเฝ้ารอให้เธอกลับไปหา เมื่อคิดได้เธอจึงเดินทางกลับไปหารักแท้ที่รอเธออยู่ที่บ้านเกิดนั้นเอง...
~ วันนี้เจ่เจ้อาจจะไม่ได้นำนิยายสุดร้อนแรงมาฝากเพื่อนกัน แต่ที่เจ่เจ้เลือกนิยายเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกันนั้นเพราะว่าเจ่เจ้รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้มีเสน่ห์อยู่ในตัวและมีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน การนำเข้าเรื่องหรือการดำเนินเรื่องของเค้าที่ชวนให้น่าติดตามเรื่องราวต่อไป ถึงแม้ว่าเนื้อหาอาจมีความเครียดไปบ้างในบางตอน แต่ถ้าถามว่าโดยรวมเป็นยังคงต้องบอกเลยว่าเป็นนิยายที่น่าติดตามไม่แพ้กัน เจ่เจ้ก็อยากจะฝากหนังสือนิยายที่นำเสนอเรื่องราวอีกแง่มุมนึงที่จะทำให้ทุกคนได้ลุ้นและเป้นกำลังใจให้กับตัวเอกของเรื่องไปพร้อมๆกันค่ะ ยังไงก็อยากลืมหามาอ่านกันได้ใครชอบหรือไม่ชอบก็อย่าลืมนำมารีวิวและบอกเล่าความรู้สึกกันต่อไปด้วยเนอะ แล้วเจอกับเจ่เจ้ได้ในรีวิวเรื่องต่อไปค่า..~

วาดภาพน่ารักตกแต่งสิ่งของรอบตัว หนังสือที่นำเรื่องราวของศิลปะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งของทุกสิ่งรอบตัวและคุณเองก็เป็นคนที่จะสามารถดัดแปลงสิ่งของเครื่องใช้ที่เราอาจจะให้มานานแล้วหรือมันดูเก่าจนไม่นาใช้ วันนี้หนังสือเล่มนี้จะมาแนะนำวิธีการวาดรูปง่ายๆที่ดูยังไงก็น่ารัก และมันจะทำให้คุณกลับไปหลงรักเจ้าข้าวของ เสื้อผ้า หรือของใช้ที่เราจะนำมาดัดแปลงใหม่อย่างแน่นอนค่ะ หลายคนคงเคยประสบปัญหาเบื่อหรือว่าอยากได้เสื้อผ้าใหม่ๆอยู่ตลอดบ้างไหมค่ะ ดิฉันเองยอมรับเลยว่าเป็นผู้หญิงคนนึงที่ค่อนข้างชอบซื้อของอะไรที่มันจุกจิกน่ารักตามประสาผู้หญิงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และไหนจะเป็นของตกแต่งห้องไม่ว่าจะเป็น โคมไฟ และอะไรต่อมิอะไรที่จะทำให้ห้องๆนึงมันรกและเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย แต่ดิฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้เบื่อง่ายไม่ว่าจะใช้อะไรไม่เคยได้ใช้จนเก่าก็จะต้องซื้ออันใหม่มาแทนที่และ เมื่อเป็นอย่างนี้บ่อยๆเข้าจึงถูกแฟนสั่งห้ามซื้อของอีกแต่เค้าก็ไม่ห้ามเฉยๆเค้าได้มีการสอนให้ดิฉันวาดรูปและรู้จักการนำสิ่งของที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ใหม่โดยเค้าได้นำหนังเล่มนี้มาให้อ่านจึงทำให้ดิฉันเกิดไอเดียที่อยากจะดีไอวายข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดที่มีให้สวยงามเสมือนว่าได้ซื้อมาใหม่เลยค่ะ เนื่องจากดิฉันเองเป็นที่วาดรูปไม่เป็นเลยแต่ก็อยากที่จะตกแต่งสิ่งของให้สวยงาม เลยลองปากกาสีต่างๆมาลองวาดรูปพวกดอกไม้ลงบนเสื้อยืดอ่างานแรกนับว่าประสบผลสำเร็จ เมื่อแฟนของดิฉันเห็นดังนั้นเค้าก็เลยอยากที่จะช่วย เพราะเค้าเองจบด้านศิลปะมาจึงทำให้วาดรูปได้สวยดังนั้นฉันจึงยกหน้าที่ในการวาดรูปให้เค้าหมดเลย555+ เมื่อทุกอย่างที่นำมาวาดตกแต่งนั้นซึ่งก็เป็นของใช้น่ารักอย่าง กระเป๋าผ้า เสื้อยืด รวมไปถึงกล่องใส่อุปกรณ์เครื่องตกแต่งทั้งหลาย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่น่าเชื่อเลยว่าของที่เคยมีมานั้นเมื่อนำมาสร้างสีสันให้กับเค้ามันกลับทำให้สิ่งของเหล่านั้นแลดูมีชีวิตชีวา สดใสน่าหยิบมาใช้มากที่สุดเลยล่ะค่ะ และที่สำคัญนอกจากที่เราจะได้ตกแต่งห้องสิ่งของหรือของใช้ต่างๆด้วยตัวเองแล้วยังเป็นการสร้างกิจกรรมกันภายในครอบครัวเพื่อเพิ่มสัมพันธภาพที่ดีให้แก่กัน และไหนจะเป็นการใช้เวลาที่ก่อประโยชน์เป็นอย่างมาก ดิฉันหวังว่าหนังสือและเรื่องราวดีๆที่นำมาฝากเพื่อนๆในวันนี้จะสามารถทำให้เพื่อๆเกิดไอเดียดีๆในการไปตกแต่งข้าวของเครื่องใช้ของคุณเองก็ได้ค่ะ..

วาดภาพน่ารักตกแต่งสิ่งของรอบตัว หนังสือที่นำเรื่องราวของศิลปะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งของทุกสิ่งรอบตัวและคุณเองก็เป็นคนที่จะสามารถดัดแปลงสิ่งของเครื่องใช้ที่เราอาจจะให้มานานแล้วหรือมันดูเก่าจนไม่นาใช้ วันนี้หนังสือเล่มนี้จะมาแนะนำวิธีการวาดรูปง่ายๆที่ดูยังไงก็น่ารัก และมันจะทำให้คุณกลับไปหลงรักเจ้าข้าวของ เสื้อผ้า หรือของใช้ที่เราจะนำมาดัดแปลงใหม่อย่างแน่นอนค่ะ หลายคนคงเคยประสบปัญหาเบื่อหรือว่าอยากได้เสื้อผ้าใหม่ๆอยู่ตลอดบ้างไหมค่ะ ดิฉันเองยอมรับเลยว่าเป็นผู้หญิงคนนึงที่ค่อนข้างชอบซื้อของอะไรที่มันจุกจิกน่ารักตามประสาผู้หญิงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และไหนจะเป็นของตกแต่งห้องไม่ว่าจะเป็น โคมไฟ และอะไรต่อมิอะไรที่จะทำให้ห้องๆนึงมันรกและเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย แต่ดิฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้เบื่อง่ายไม่ว่าจะใช้อะไรไม่เคยได้ใช้จนเก่าก็จะต้องซื้ออันใหม่มาแทนที่และ เมื่อเป็นอย่างนี้บ่อยๆเข้าจึงถูกแฟนสั่งห้ามซื้อของอีกแต่เค้าก็ไม่ห้ามเฉยๆเค้าได้มีการสอนให้ดิฉันวาดรูปและรู้จักการนำสิ่งของที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ใหม่โดยเค้าได้นำหนังเล่มนี้มาให้อ่านจึงทำให้ดิฉันเกิดไอเดียที่อยากจะดีไอวายข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดที่มีให้สวยงามเสมือนว่าได้ซื้อมาใหม่เลยค่ะ เนื่องจากดิฉันเองเป็นที่วาดรูปไม่เป็นเลยแต่ก็อยากที่จะตกแต่งสิ่งของให้สวยงาม เลยลองปากกาสีต่างๆมาลองวาดรูปพวกดอกไม้ลงบนเสื้อยืดอ่างานแรกนับว่าประสบผลสำเร็จ เมื่อแฟนของดิฉันเห็นดังนั้นเค้าก็เลยอยากที่จะช่วย เพราะเค้าเองจบด้านศิลปะมาจึงทำให้วาดรูปได้สวยดังนั้นฉันจึงยกหน้าที่ในการวาดรูปให้เค้าหมดเลย555+ เมื่อทุกอย่างที่นำมาวาดตกแต่งนั้นซึ่งก็เป็นของใช้น่ารักอย่าง กระเป๋าผ้า เสื้อยืด รวมไปถึงกล่องใส่อุปกรณ์เครื่องตกแต่งทั้งหลาย เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นไม่น่าเชื่อเลยว่าของที่เคยมีมานั้นเมื่อนำมาสร้างสีสันให้กับเค้ามันกลับทำให้สิ่งของเหล่านั้นแลดูมีชีวิตชีวา สดใสน่าหยิบมาใช้มากที่สุดเลยล่ะค่ะ และที่สำคัญนอกจากที่เราจะได้ตกแต่งห้องสิ่งของหรือของใช้ต่างๆด้วยตัวเองแล้วยังเป็นการสร้างกิจกรรมกันภายในครอบครัวเพื่อเพิ่มสัมพันธภาพที่ดีให้แก่กัน และไหนจะเป็นการใช้เวลาที่ก่อประโยชน์เป็นอย่างมาก ดิฉันหวังว่าหนังสือและเรื่องราวดีๆที่นำมาฝากเพื่อนๆในวันนี้จะสามารถทำให้เพื่อๆเกิดไอเดียดีๆในการไปตกแต่งข้าวของเครื่องใช้ของคุณเองก็ได้ค่ะ..

วิตามินซี เป็นชื่อหนังสือที่จะรวบรวมเรื่องราวของเจ้าตัววิตามินว่าทีประโยชน์และสำคัญยังที่คนเราถึงต้องให้ความสำคัญและใส่ใจจนถึงต้องนำมาทำเป็นหนังสือแบบนี้ ถ้าใครอยากจะรู้จักที่มาหรือเรื่องราวของอะไรสักอย่างเราก็ต้องเริ่มจากการศึกษาและค้นคว้าถึงเรื่องราวของมันโดยเฉพาะ ดังนั้นดิฉันผู้ซึ่งมีความสงสัยต่อทุกเรื่องราวจะพาทุกคนไปรู้จักกับเจ้าวิตามินที่ทุกคนเค้าพูดถึงมันว่ากินแล้วจะแข็งแรงกินแล้วผิวพรรณจะผ่องใสว่าจริงไหมและจะหามันมากินได้ยังไงล่ะถ้าทุกคนพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย วิตามินจริงๆแล้วมันก็คือสารที่จำเป็นต่อร่างกายตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะเจ้าตัววิตามินเนี้ยจะมีหน้าที่สำคัญในการป้องการเชื้อโรคต่างๆไม่ให้เข้ามาสู่ร่างกายเราได้ง่าย และถ้าช่วงไหนที่ร่างกายเราเริ่มอ่อนแอให้รู้ไว้เลยว่าเรากำลังขาดสารวิตามินเข้าให้แล้วดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าเราจะป่วยหรือไม่สบายได้ง่ายๆเพราะฉะนั้นผุใหญ่หรือแม้แต่คุณหมอจึงมักที่จะให้เรากินวิตามินเสริมเพื่อบำรุงร่างกายยังไงล่ะ และสำหรับแหล่งที่พบวิตามินนั้นก็ง่ายมากๆเลยและพบมากๆอีกด้วยเพราะเจ้าวิตามินเนี้ยมักจะอยู่ในจำพวกผักและผลไม้ทั้งหลายนั้นเองจึงเป็นเรื่องง่ายที่เราจะได้รับวิตามินเข้าสู่ร่างกาย วิตามินก็มีมากมายแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด มีทั้งวิตามินเอ บี ซี ดี และอีกมากมายและแต่ละตัวนั้นก็จะมีหน้าที่ในการซ่อมแซ่มและบำรุงร่างกายของเราไปพร้อมๆกันด้วย และวิตามินที่เรามักพบได้บ่อยที่สุดนั้นก็คือวิตามินที่ทีมีมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้ม แต่ที่มีมากสุดเห็นจะเป็นผลไม้ที่มีชื่อว่าฝรั่ง ใช่ฝรั่งถึงจะไม่ได้มีรสเปรี้ยวแต่ก็ดันเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อตัวเรามากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง เห็นไม่ค่ะไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรเราก็สามารถหาวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายๆโดยผ่านการกินนั้นเอง แต่อะไรที่มันง่ายไปก็ใช่ว่าจะส่งผลดีต่อตัวเรานะเพราะถ้าเรารับประทานวิตามินจนเกินความพอดีก็จะทำให้ร่างกายเรานั้นแสดงปฏิกิริยาที่ตรงกันข้ามกันออกมาจากตอนแรกที่บำรุงเราแต่ถ้ามันเยอะเกินไปมันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องของวิตามินให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะคนที่จะได้ผลประโยชน์ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยแต่กลับเป็นตัวคุณเองนั้นแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้พบเจอเรื่องราวที่ดีๆแล้วก็อย่าลืมนำไปบอกหรือใช้กับคนที่เรารักและรักเราล่ะ เพราะทุกคนเค้าจะได้มีสุขภาพที่และอยู่กับเราไปนานๆไงค่ะ...

วิตามินซี เป็นชื่อหนังสือที่จะรวบรวมเรื่องราวของเจ้าตัววิตามินว่าทีประโยชน์และสำคัญยังที่คนเราถึงต้องให้ความสำคัญและใส่ใจจนถึงต้องนำมาทำเป็นหนังสือแบบนี้ ถ้าใครอยากจะรู้จักที่มาหรือเรื่องราวของอะไรสักอย่างเราก็ต้องเริ่มจากการศึกษาและค้นคว้าถึงเรื่องราวของมันโดยเฉพาะ ดังนั้นดิฉันผู้ซึ่งมีความสงสัยต่อทุกเรื่องราวจะพาทุกคนไปรู้จักกับเจ้าวิตามินที่ทุกคนเค้าพูดถึงมันว่ากินแล้วจะแข็งแรงกินแล้วผิวพรรณจะผ่องใสว่าจริงไหมและจะหามันมากินได้ยังไงล่ะถ้าทุกคนพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย วิตามินจริงๆแล้วมันก็คือสารที่จำเป็นต่อร่างกายตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะเจ้าตัววิตามินเนี้ยจะมีหน้าที่สำคัญในการป้องการเชื้อโรคต่างๆไม่ให้เข้ามาสู่ร่างกายเราได้ง่าย และถ้าช่วงไหนที่ร่างกายเราเริ่มอ่อนแอให้รู้ไว้เลยว่าเรากำลังขาดสารวิตามินเข้าให้แล้วดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าเราจะป่วยหรือไม่สบายได้ง่ายๆเพราะฉะนั้นผุใหญ่หรือแม้แต่คุณหมอจึงมักที่จะให้เรากินวิตามินเสริมเพื่อบำรุงร่างกายยังไงล่ะ และสำหรับแหล่งที่พบวิตามินนั้นก็ง่ายมากๆเลยและพบมากๆอีกด้วยเพราะเจ้าวิตามินเนี้ยมักจะอยู่ในจำพวกผักและผลไม้ทั้งหลายนั้นเองจึงเป็นเรื่องง่ายที่เราจะได้รับวิตามินเข้าสู่ร่างกาย วิตามินก็มีมากมายแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด มีทั้งวิตามินเอ บี ซี ดี และอีกมากมายและแต่ละตัวนั้นก็จะมีหน้าที่ในการซ่อมแซ่มและบำรุงร่างกายของเราไปพร้อมๆกันด้วย และวิตามินที่เรามักพบได้บ่อยที่สุดนั้นก็คือวิตามินที่ทีมีมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอย่างส้ม แต่ที่มีมากสุดเห็นจะเป็นผลไม้ที่มีชื่อว่าฝรั่ง ใช่ฝรั่งถึงจะไม่ได้มีรสเปรี้ยวแต่ก็ดันเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อตัวเรามากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง เห็นไม่ค่ะไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรเราก็สามารถหาวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายๆโดยผ่านการกินนั้นเอง แต่อะไรที่มันง่ายไปก็ใช่ว่าจะส่งผลดีต่อตัวเรานะเพราะถ้าเรารับประทานวิตามินจนเกินความพอดีก็จะทำให้ร่างกายเรานั้นแสดงปฏิกิริยาที่ตรงกันข้ามกันออกมาจากตอนแรกที่บำรุงเราแต่ถ้ามันเยอะเกินไปมันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นต้องศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องของวิตามินให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะคนที่จะได้ผลประโยชน์ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยแต่กลับเป็นตัวคุณเองนั้นแหละ เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้พบเจอเรื่องราวที่ดีๆแล้วก็อย่าลืมนำไปบอกหรือใช้กับคนที่เรารักและรักเราล่ะ เพราะทุกคนเค้าจะได้มีสุขภาพที่และอยู่กับเราไปนานๆไงค่ะ...

ฟักทองทำอะไรก็อร่อย หนังสือที่จะมาบอกเล่าถึงความมหัศจรรย์ของเจ้าผักที่มีสีเหลืองอย่างฝักทองที่ไม่ว่าจะนำมาประกอบอาหารประเภทไหนใครได้ชิมเป็นต้องติดใจกันทุกรายและที่สำคัญเจ้าผักชนิดมีประโยชน์มากกว่าแค่ให้วิตามินเท่านั้นนะ สำหรับเรื่องราวที่มีในหนังสือก็จะอธิบายถึงความหมายและชนิดของฝักทองว่ามีกี่ชนิดและเป็นพืชพรรณไหนอะไรยังไงซึ้งแน่นอนเค้าก็ต้องบอกคุณค่าทางโภชนาการของมันอยู่แล้วแต่วันนี้พระเอกของเรื่องอยู่ที่ว่าเราสามารถนำเจ้าฟักทองไปทำเป็นอาหารหรือขนมอะไรได้บ้างน่ะซิ ถ้าให้พูดถึงฟักทองคงเป็นหนึ่งในผักไม่กี่ชนิดที่ดิฉันยอมกินและชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆเพราะว่าแม่นั้นจะทำอาหารที่ใส่ฟักทองประกอบอยู่ด้วยบ่อยมากเพราะเนื่องจากฉันเป็นเด็กที่ไม่กินผักสีเขียวเลยจนแม่ต้องหาวิธีที่จะทำให้ฉันยอมกินผักบ้างจนมาเจอฟักทองได้ได้ลองนำมาผัดใส่ไข่ให้ฉันทานซึ่งตอนนั้นยังเด็กจึงไม่รู้ว่าไอ้เหลืองๆนี้มันคือผักและมีสีสวยดีจึงยอมกินอย่างง่ายดายแต่พอได้กินแล้วก็ติดใจในรสชาติของมันที่มีทั้งความหวานและก็ความมันในตัว ฉันจึงมักจะให้แม่ทำเมนูที่เกี่ยวกับฟักทองให้กินอยู่บ่อยๆแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นผัดฝักทองซะที จนฉันเริ่มสงสัยว่าเจ้านี้มันสามารถนำมาทำอะไรได้บ้างเลยไปหาหนังสือมาอ่านดูจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันทำได้หลายอย่างนะ ไม่ใช่แค่ของคาวของหวานมันก็ทำได้ ไม่รอช้ารีบอ่านรีบทำกินเองเลย เรามาดูซิว่าเมนูที่ทำจาฟักทองนั้นมีอะไรบ้าง ผัดฟักทอง แกงเลียง ผัดสามสหาย แกงบวดฟักทอง ฟักทองสังขยา ฟักทองเชื่อม แกงฟักทอง ฟักทองนึ่งอ่าอันนี้เด็ดมากๆเพราะสามารถกินเพื่อช่วยในการลดความอ้วนได้เลยเพราะเนื่องจากในฟักทองมีสารที่จะช่วยให้เรานับขับถ่านได้คล่องจึงเหมาะมากสำหรับสาวๆที่อยากจะหาเมนูไดเอทเพื่อนำมาแทนอาหารมื้อหนักๆนั้นเอง เห็นไหมล่ะค่ะว่าเจ้าฟักทองนี้ไม่ธรรมดาเสียจริงไม่ว่าทั้งเด็กหรือผู้หญิงถ้าได้ลองลิ้มชิมรสเป็นต้องติดใจในรสชาติอย่างจริงแท้แน่นอน แต่เมนูที่ทำจากฟักทองไม่ได้มีแค่เท่าทีดิฉันเอ่ยถึงหลอกนะคะ ฟักทองยังสามารถนำมาทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกเยอะซึ่งถ้าคุณได้อ่านหนังสือเรื่องนี้คุณจะต้องทึ่งไปกับความสามารถของมันเลยทีเดียวเพราะไม่ว่าจะทำเป็นอะไรหรือเอาไปร่วมกับอะไรก็ออกมามีรสชาติที่ดีเสมอ จนทำให้หลายคนยอมยกให้ฟักทองเป็นเทพแห่งความอะไรในเหล่าบรรดาของตระกูลฟักด้วยกันเลยล่ะค่า...

ฟักทองทำอะไรก็อร่อย หนังสือที่จะมาบอกเล่าถึงความมหัศจรรย์ของเจ้าผักที่มีสีเหลืองอย่างฝักทองที่ไม่ว่าจะนำมาประกอบอาหารประเภทไหนใครได้ชิมเป็นต้องติดใจกันทุกรายและที่สำคัญเจ้าผักชนิดมีประโยชน์มากกว่าแค่ให้วิตามินเท่านั้นนะ สำหรับเรื่องราวที่มีในหนังสือก็จะอธิบายถึงความหมายและชนิดของฝักทองว่ามีกี่ชนิดและเป็นพืชพรรณไหนอะไรยังไงซึ้งแน่นอนเค้าก็ต้องบอกคุณค่าทางโภชนาการของมันอยู่แล้วแต่วันนี้พระเอกของเรื่องอยู่ที่ว่าเราสามารถนำเจ้าฟักทองไปทำเป็นอาหารหรือขนมอะไรได้บ้างน่ะซิ ถ้าให้พูดถึงฟักทองคงเป็นหนึ่งในผักไม่กี่ชนิดที่ดิฉันยอมกินและชอบกินมาตั้งแต่เด็กๆเพราะว่าแม่นั้นจะทำอาหารที่ใส่ฟักทองประกอบอยู่ด้วยบ่อยมากเพราะเนื่องจากฉันเป็นเด็กที่ไม่กินผักสีเขียวเลยจนแม่ต้องหาวิธีที่จะทำให้ฉันยอมกินผักบ้างจนมาเจอฟักทองได้ได้ลองนำมาผัดใส่ไข่ให้ฉันทานซึ่งตอนนั้นยังเด็กจึงไม่รู้ว่าไอ้เหลืองๆนี้มันคือผักและมีสีสวยดีจึงยอมกินอย่างง่ายดายแต่พอได้กินแล้วก็ติดใจในรสชาติของมันที่มีทั้งความหวานและก็ความมันในตัว ฉันจึงมักจะให้แม่ทำเมนูที่เกี่ยวกับฟักทองให้กินอยู่บ่อยๆแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นผัดฝักทองซะที จนฉันเริ่มสงสัยว่าเจ้านี้มันสามารถนำมาทำอะไรได้บ้างเลยไปหาหนังสือมาอ่านดูจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันทำได้หลายอย่างนะ ไม่ใช่แค่ของคาวของหวานมันก็ทำได้ ไม่รอช้ารีบอ่านรีบทำกินเองเลย เรามาดูซิว่าเมนูที่ทำจาฟักทองนั้นมีอะไรบ้าง ผัดฟักทอง แกงเลียง ผัดสามสหาย แกงบวดฟักทอง ฟักทองสังขยา ฟักทองเชื่อม แกงฟักทอง ฟักทองนึ่งอ่าอันนี้เด็ดมากๆเพราะสามารถกินเพื่อช่วยในการลดความอ้วนได้เลยเพราะเนื่องจากในฟักทองมีสารที่จะช่วยให้เรานับขับถ่านได้คล่องจึงเหมาะมากสำหรับสาวๆที่อยากจะหาเมนูไดเอทเพื่อนำมาแทนอาหารมื้อหนักๆนั้นเอง เห็นไหมล่ะค่ะว่าเจ้าฟักทองนี้ไม่ธรรมดาเสียจริงไม่ว่าทั้งเด็กหรือผู้หญิงถ้าได้ลองลิ้มชิมรสเป็นต้องติดใจในรสชาติอย่างจริงแท้แน่นอน แต่เมนูที่ทำจากฟักทองไม่ได้มีแค่เท่าทีดิฉันเอ่ยถึงหลอกนะคะ ฟักทองยังสามารถนำมาทำอะไรได้มากกว่านั้นอีกเยอะซึ่งถ้าคุณได้อ่านหนังสือเรื่องนี้คุณจะต้องทึ่งไปกับความสามารถของมันเลยทีเดียวเพราะไม่ว่าจะทำเป็นอะไรหรือเอาไปร่วมกับอะไรก็ออกมามีรสชาติที่ดีเสมอ จนทำให้หลายคนยอมยกให้ฟักทองเป็นเทพแห่งความอะไรในเหล่าบรรดาของตระกูลฟักด้วยกันเลยล่ะค่า...

ทำอย่างไรเมื่อเจ้าตัวเล็กสมาธิสั้น หนังสือดีๆที่ดิฉันอยากจะแนะนำให้ผู้ปกครองทุกท่านได้ลองอ่านกันเพราะเดี๋ยวนี้เด็กที่เกิดมานั้นในช่วงที่พ่อแม่ยังไม่พร้อมหรือ มีน้องก่อนถึงเวลาอันควรหรือแม้แต่ตอนท้องเองคุณแม่นั้นมีเรื่องให้ต้องกระทบกระเทือนหรืออยู่ในสภาวะเครียดอยู่บ่อยๆก็ส่งผลให้เด็กที่อยู่ในครรภ์นั้นเกิดมามีปัญหาในเรื่องของสมาธิสั้นได้ และในเด็กแต่ละคนนั้นมีแนวโน้มของความรุนแรงในเรื่องของภาวะทางอารมณ์ที่รุนแรงมากน้อยแตกต่างกันออกไปด้วยเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหรือหลานของเรานั้นมีแนวโน้มหรือเสี่ยงที่จะเป็นเด็กที่มีสมาธิสั้น เอาแบบง่ายๆเลยนั้นก็คือให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ชิดตัวเด็กนั้นคอยสังเกตพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันหรือในขณะที่น้องนั้นเล่นอยู่ก็ได้ว่าเค้ามีอาการหรือแสดงปฏิกิริยาที่เล่นหรือทำอะไรที่อยู่กับที่ได้ไม่นานให้คุณคิดไว้ได้เลยว่าน้องอาจมีปัญหาในเรื่องของสมาธิ แต่กับเด็กที่มักจะเล่นซุกซนไปตามวัยแต่สามารถเล่นหรือมีสมาธิอยู่กับอะไรได้นานๆเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เป็นค่ะและในเมื่อรู้แล้วว่าลูกเป็นจะต้องทำยังไงต่อไปล่ะ ถ้าใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะรู้ว่าควรปรับตัวหรือต้องทำอย่างไรกับลูกน้อยดี โดยในหนังสือเล่มนี้เค้าจะอธิบายถึงความหมายของโรคสมาธิสั้นไว้อย่างละเอียดและยังแนะนำวิธีรับมือไว้ให้พ่อแม่ทุกท่านได้ลองนำไปใช้กับเด็กดูแต่ถ้าในกรณีที่เด็กมีอาการที่หนักขึ้นหรือรุนแรงถึงขั้นก้าวร้าวแนะนำให้พาน้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรงเพราะคุณหมออาจจะมีการให้น้องเข้ารักษาโดยการทานยาเพื่อระงับอาการหรือค่อยๆให้อาการเหล่านั้นทุเลาลงได้ค่ะ แต่ในกรณีที่ยังเป็นไม่มากหรือเข้าขั้นเสี่ยงอยู่ ดิฉันก็มีวิธีง่ายๆที่อยากจะนำมาแนะให้ใช้ไปกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยก็คือการเอาใจใส่และมีเวลาดูแลเค้าอย่างเต็มที่และต้องหากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ภายในครอบครัวมาทำด้วยกันวิธีนี้จะช่วยให้เค้าฝึกในเรื่องของการมีสมาธิที่มากขึ้น หรือไม่ก็ลองหาสิ่งที่เค้าชอบหรือสนใจมาให้ทำอยู่เสมอพยายามอย่าปล่อยให้เค้าเล่นหรืออยู่เพียงลำพังโดยเด็ดขาดไม่อย่างนั้นอาการเหล่านั้นมันจะค่อยๆเป็นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรจะมีให้กับเด็กที่มีอาการสมาธิสั้นนั้นก็คืออย่ารู้ว่าผิดหวังในตัวของเค้าเพราะมันจะทำให้เค้ายิ่งมีอาการที่ต่อต้านคุณยิ่งขึ้นค่ะ ...

ทำอย่างไรเมื่อเจ้าตัวเล็กสมาธิสั้น หนังสือดีๆที่ดิฉันอยากจะแนะนำให้ผู้ปกครองทุกท่านได้ลองอ่านกันเพราะเดี๋ยวนี้เด็กที่เกิดมานั้นในช่วงที่พ่อแม่ยังไม่พร้อมหรือ มีน้องก่อนถึงเวลาอันควรหรือแม้แต่ตอนท้องเองคุณแม่นั้นมีเรื่องให้ต้องกระทบกระเทือนหรืออยู่ในสภาวะเครียดอยู่บ่อยๆก็ส่งผลให้เด็กที่อยู่ในครรภ์นั้นเกิดมามีปัญหาในเรื่องของสมาธิสั้นได้ และในเด็กแต่ละคนนั้นมีแนวโน้มของความรุนแรงในเรื่องของภาวะทางอารมณ์ที่รุนแรงมากน้อยแตกต่างกันออกไปด้วยเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหรือหลานของเรานั้นมีแนวโน้มหรือเสี่ยงที่จะเป็นเด็กที่มีสมาธิสั้น เอาแบบง่ายๆเลยนั้นก็คือให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ชิดตัวเด็กนั้นคอยสังเกตพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันหรือในขณะที่น้องนั้นเล่นอยู่ก็ได้ว่าเค้ามีอาการหรือแสดงปฏิกิริยาที่เล่นหรือทำอะไรที่อยู่กับที่ได้ไม่นานให้คุณคิดไว้ได้เลยว่าน้องอาจมีปัญหาในเรื่องของสมาธิ แต่กับเด็กที่มักจะเล่นซุกซนไปตามวัยแต่สามารถเล่นหรือมีสมาธิอยู่กับอะไรได้นานๆเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เป็นค่ะและในเมื่อรู้แล้วว่าลูกเป็นจะต้องทำยังไงต่อไปล่ะ ถ้าใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะรู้ว่าควรปรับตัวหรือต้องทำอย่างไรกับลูกน้อยดี โดยในหนังสือเล่มนี้เค้าจะอธิบายถึงความหมายของโรคสมาธิสั้นไว้อย่างละเอียดและยังแนะนำวิธีรับมือไว้ให้พ่อแม่ทุกท่านได้ลองนำไปใช้กับเด็กดูแต่ถ้าในกรณีที่เด็กมีอาการที่หนักขึ้นหรือรุนแรงถึงขั้นก้าวร้าวแนะนำให้พาน้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรงเพราะคุณหมออาจจะมีการให้น้องเข้ารักษาโดยการทานยาเพื่อระงับอาการหรือค่อยๆให้อาการเหล่านั้นทุเลาลงได้ค่ะ แต่ในกรณีที่ยังเป็นไม่มากหรือเข้าขั้นเสี่ยงอยู่ ดิฉันก็มีวิธีง่ายๆที่อยากจะนำมาแนะให้ใช้ไปกับการอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยก็คือการเอาใจใส่และมีเวลาดูแลเค้าอย่างเต็มที่และต้องหากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้ภายในครอบครัวมาทำด้วยกันวิธีนี้จะช่วยให้เค้าฝึกในเรื่องของการมีสมาธิที่มากขึ้น หรือไม่ก็ลองหาสิ่งที่เค้าชอบหรือสนใจมาให้ทำอยู่เสมอพยายามอย่าปล่อยให้เค้าเล่นหรืออยู่เพียงลำพังโดยเด็ดขาดไม่อย่างนั้นอาการเหล่านั้นมันจะค่อยๆเป็นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรจะมีให้กับเด็กที่มีอาการสมาธิสั้นนั้นก็คืออย่ารู้ว่าผิดหวังในตัวของเค้าเพราะมันจะทำให้เค้ายิ่งมีอาการที่ต่อต้านคุณยิ่งขึ้นค่ะ ...

ลูกเขา ลูกเรา อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆที่จะมาถ่ายทอดความรู้ของความรักที่เหล่าบรรดาพ่อแม่ทั้งหลายเค้านั้นคิดต่อลูกตัวเองและลูกของคนอื่นซึ่งถือว่าเป็นหนังสือที่เหมาะมากๆที่จะนำมาใช้ในยุคสมัยที่คนเราเริ่มมีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้กันเยอะขึ้นไม่เว้นแม้แต่เรื่องของนิสัยของเด็กๆที่เค้าจะเป็นอย่างที่คุณนั้นกำลังจะหยิบยื่นให้เค้าอย่างที่ไม่รู้ตัวโดยที่ในหนังสือเค้าจะหยิบยกเรื่องราวของพ่อแม่ที่มักจะโทษแต่ลูกของคนอื่นโดยที่ไม่เคยดูหรือฟังลูกตัวเองเลยว่ามีนิสัยอย่างไร ประหนึ่งว่าลูกฉัน ฉันรักของฉันใครก็ห้ามมาแตะ ซึ้งมันเป็นปัญหามากเพื่อนลูกๆของคุณนั้นเข้าโรงเรียนและต้องไปอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่นๆที่ต่างเกิดมาต่างครอบครัวต่างสิ่งแวดล้อมซึ่งแน่นอนว่ามีมีผลต่อพฤติกรรมของเค้าทั้งนั้น ซึ่งถ้าทุกคนยอมให้โอกาสลูกๆได้ลองเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเค้าเองแน่นอนว่าเค้าจะเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แน่นอน ในฐานะที่ฉันเป็นครูอนุบาลจึงอยากจะนำเรื่องราวของเหล่าผู้ปกครองที่ไม่ยอมฟังใครและยังไงลูกฉันก็ถูกเสมอ มาให้ได้ฟังกัน เรื่องก็มีประมาณว่าเด็กสองคนเค้าเรียนอยู่ห้องเดียวและคุณครูก็ปล่อยให้เค้าเลือกเล่นในสิ่งที่เค้าอยากเล่นได้ตามใจชอบโดยที่เด็กสองนี้เค้าก็เลือกที่จะเล่นมุมไม้บล็อกและด้วยความไม่ระวังของเด็กเค้าเลยทำบล็อกหล่นใส่หัวของเด็กอีกคนหนึ่ง แต่เด็กคนที่ผิดเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจเพราะเด็กที่โดนบล็อกหล่นใส่นั้นแกล้งเอาขามาสะกัดขาของเด็กอีกคนทีถือบล็อกอยู่ เป็นเรื่องเลยทีเดียวเพราะว่าบล็อกมำมาจากไม้เลยทำให้เด็กคนนั้นมีอาการหัวโนเล้กน้อยคุณครูก็ได้ทายาให้แล้วก็โทไปรายงานพ่อแม่ของเด็กที่เจ็บว่าน้องมีอาการอย่างนี้นะเท่านั้นแหละมาโวยวายถึงโรงเรียนแถมยังสร้างปัญหาด้วยการโทรไปโวยวายกับผู้ปกครองของเด็กที่แกล้งลูกตัวเองด้วยนะ เรื่องมันเกิดจากปัญหาเพียงเล็กน้อยของเด็กแต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่แท้ๆกันเลือกที่จะใช้อารมณ์แทนการใช้เหตุผล ดิฉันเลยจัดการปัญหานี้โดยการเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมานั่งคุยกันโดยที่ดิฉันและเด็กทั้งสองก็อยู่ด้วย เมื่อมันเป็นปัญหาของเด็กๆก็ควรให้เด็กเค้าเป็นฝ่ายพูดดังนั้นฉันจึงต้องให้ผู้ปกครองเงียบฟังสิ่งที่เด็กๆเค้าจะเล่าให้ฟัง และเมื่อทั้งหมดรู้ความจริงฝ่ายผู้ปกครองของเด็กที่ถูกโวยวายนั้นเค้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้วเพราะเค้ารู้จักนิสัยของลูกเค้าดีผิดกับอีกฝ่ายที่รู้ว่าลูกตัวเองผิดกลับหันไปดุลูกแทนที่จะหันมาขอโทษอีกฝ่าย เนี้ยแหละหนาความไม่เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา คิดว่าคนอื่นเลี้ยงลูกไม่ดีเหมือนตัวเอง หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะมากๆที่จะทำให้ผู้ปกครองปรับเปลี่ยนทัศนะคติเสียใหม่ค่ะ...

ลูกเขา ลูกเรา อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆที่จะมาถ่ายทอดความรู้ของความรักที่เหล่าบรรดาพ่อแม่ทั้งหลายเค้านั้นคิดต่อลูกตัวเองและลูกของคนอื่นซึ่งถือว่าเป็นหนังสือที่เหมาะมากๆที่จะนำมาใช้ในยุคสมัยที่คนเราเริ่มมีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้กันเยอะขึ้นไม่เว้นแม้แต่เรื่องของนิสัยของเด็กๆที่เค้าจะเป็นอย่างที่คุณนั้นกำลังจะหยิบยื่นให้เค้าอย่างที่ไม่รู้ตัวโดยที่ในหนังสือเค้าจะหยิบยกเรื่องราวของพ่อแม่ที่มักจะโทษแต่ลูกของคนอื่นโดยที่ไม่เคยดูหรือฟังลูกตัวเองเลยว่ามีนิสัยอย่างไร ประหนึ่งว่าลูกฉัน ฉันรักของฉันใครก็ห้ามมาแตะ ซึ้งมันเป็นปัญหามากเพื่อนลูกๆของคุณนั้นเข้าโรงเรียนและต้องไปอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่นๆที่ต่างเกิดมาต่างครอบครัวต่างสิ่งแวดล้อมซึ่งแน่นอนว่ามีมีผลต่อพฤติกรรมของเค้าทั้งนั้น ซึ่งถ้าทุกคนยอมให้โอกาสลูกๆได้ลองเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเค้าเองแน่นอนว่าเค้าจะเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แน่นอน ในฐานะที่ฉันเป็นครูอนุบาลจึงอยากจะนำเรื่องราวของเหล่าผู้ปกครองที่ไม่ยอมฟังใครและยังไงลูกฉันก็ถูกเสมอ มาให้ได้ฟังกัน เรื่องก็มีประมาณว่าเด็กสองคนเค้าเรียนอยู่ห้องเดียวและคุณครูก็ปล่อยให้เค้าเลือกเล่นในสิ่งที่เค้าอยากเล่นได้ตามใจชอบโดยที่เด็กสองนี้เค้าก็เลือกที่จะเล่นมุมไม้บล็อกและด้วยความไม่ระวังของเด็กเค้าเลยทำบล็อกหล่นใส่หัวของเด็กอีกคนหนึ่ง แต่เด็กคนที่ผิดเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจเพราะเด็กที่โดนบล็อกหล่นใส่นั้นแกล้งเอาขามาสะกัดขาของเด็กอีกคนทีถือบล็อกอยู่ เป็นเรื่องเลยทีเดียวเพราะว่าบล็อกมำมาจากไม้เลยทำให้เด็กคนนั้นมีอาการหัวโนเล้กน้อยคุณครูก็ได้ทายาให้แล้วก็โทไปรายงานพ่อแม่ของเด็กที่เจ็บว่าน้องมีอาการอย่างนี้นะเท่านั้นแหละมาโวยวายถึงโรงเรียนแถมยังสร้างปัญหาด้วยการโทรไปโวยวายกับผู้ปกครองของเด็กที่แกล้งลูกตัวเองด้วยนะ เรื่องมันเกิดจากปัญหาเพียงเล็กน้อยของเด็กแต่ก็ทำให้ผู้ใหญ่แท้ๆกันเลือกที่จะใช้อารมณ์แทนการใช้เหตุผล ดิฉันเลยจัดการปัญหานี้โดยการเชิญผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมานั่งคุยกันโดยที่ดิฉันและเด็กทั้งสองก็อยู่ด้วย เมื่อมันเป็นปัญหาของเด็กๆก็ควรให้เด็กเค้าเป็นฝ่ายพูดดังนั้นฉันจึงต้องให้ผู้ปกครองเงียบฟังสิ่งที่เด็กๆเค้าจะเล่าให้ฟัง และเมื่อทั้งหมดรู้ความจริงฝ่ายผู้ปกครองของเด็กที่ถูกโวยวายนั้นเค้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้วเพราะเค้ารู้จักนิสัยของลูกเค้าดีผิดกับอีกฝ่ายที่รู้ว่าลูกตัวเองผิดกลับหันไปดุลูกแทนที่จะหันมาขอโทษอีกฝ่าย เนี้ยแหละหนาความไม่เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา คิดว่าคนอื่นเลี้ยงลูกไม่ดีเหมือนตัวเอง หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะมากๆที่จะทำให้ผู้ปกครองปรับเปลี่ยนทัศนะคติเสียใหม่ค่ะ...

ถนอมอาหารฉบับสมบูรณ์ วันนี้ดิฉันจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักวิธีการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานๆจากคำแนะนำและวิธีการจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินถึงเรื่องราวการถนอมอาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาชวดแล้วก็เป็นได้แต่ด้วยวิวัฒนาการที่ทันสมัยขึ้นจนทำให้วิธีการแบบสมัยเก่าแก่มีมานานนั้นกำลังจะเลือนหายไปจากชนรุ่นหลานแล้ว เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นคนสมัยใหม่จึงเริ่มที่จะไม่ใช้วิธีถนอมอาหารแบบเมื่อก่อนแต่เลือกที่จะรับประทานอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ไม่ได้ทำใหม่สดแต่สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานเพราะอาหารเหล่านั้นใช้วัตถุกันเสียซึ่งแน่นอนไม่บอกก็รู้ว่ามีผลต่อสุขภาพในระยะยาวแน่ๆที่ทุกคนก็เลือกที่จะเลือกรับประทานมันเพียงเพราะมันสะดวกและรวดเร็วไม่ทำให้เสียเวลา วันนี้ดิฉันจะนำความรู้ที่ได้จากหนังสือเรื่องนี้มาทำให้คุณรู้ว่าคุณคิดผิดแล้วที่เลือกอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ใช้วิธีการถนอมอาหารในแบบที่มีอันตรายต่อสุขภาพ เพราะว่าวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักวิธีการถนอมอาหารด้วยวิธีธรรมชาติและก็ปลอดภัยไร้สารพิษเจือปนอย่างแน่นอน แถมยังเก็บไว้ได้นานเหมือนกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปผักหรือผลไม้ให้อยู่ในรูปของการตากให้แห้ง การหมัก การดอง หรือการแปรรูปให้อยู่ในสภาพที่จะสามารถเก็บไว้รับประทานด้วยการนำผลไม้มากวนเป็นของทานเล่นได้อีกอย่างนึงด้วยค่ะ เรามาเริ่มจากการถนอมอาหารแบบง่ายๆด้วยการตากแห้งกันเลย วิธีนี้จะช่วยยึดอายุของผักและผลไม้ให้สามารถนำกลับมาทานใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นกล้วยตาก ลำไย หรือผลไม้ชนิดอื่นๆที่สามารถนำกลับมาทานได้อีก การหมักและการดองก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยถนอมอาหารให้เก็บไว้กินได้นานเหมือนกันเช่น ผักดองต่างๆ ผลไม้ดอง ไข่ก็สามารถนำมาดองได้เหมือนกันเค้าเรียกว่าไข่เค็มไงจ๊ะ ส่วนการกวนก็เป็นการแปรรูปอาหารให้อยู่ในรูปแบบเหมือนของหวานที่เก็บไว้กินได้นานเช่น มะม่วงกวน ทุเรียนกวน กล้วยกวน เป็นต้น เห็นไหมค่ะว่าวิธีชีวิตของคนไทยนั้นบรรพบุรุษของเราได้สร้างและสืบทอดในสิ่งที่ดีๆและเป็นประโยชน์ให้กับลูกหลานเสมอ ดิฉันเองในฐานะที่ก็เคยเติบโตมากับเรื่องพวกนี้จึงไม่แปลกใจเลยแต่กลับรู้สึกภูมิใจด้วยซ้ำที่เราเองก็สามารถสืบสารเรื่องราวดีๆไว้ให้ลูกหลานได้มีไว้กินไว้ใช้ในยามจำเป็น และทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการที่ดิฉันอยากที่จะมานำเสนอเรื่องราวของการถนอมอาหารให้กับทุกๆคนได้อ่านกันค่ะ...

ถนอมอาหารฉบับสมบูรณ์ วันนี้ดิฉันจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักวิธีการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานๆจากคำแนะนำและวิธีการจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินถึงเรื่องราวการถนอมอาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาชวดแล้วก็เป็นได้แต่ด้วยวิวัฒนาการที่ทันสมัยขึ้นจนทำให้วิธีการแบบสมัยเก่าแก่มีมานานนั้นกำลังจะเลือนหายไปจากชนรุ่นหลานแล้ว เพราะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นคนสมัยใหม่จึงเริ่มที่จะไม่ใช้วิธีถนอมอาหารแบบเมื่อก่อนแต่เลือกที่จะรับประทานอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ไม่ได้ทำใหม่สดแต่สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานเพราะอาหารเหล่านั้นใช้วัตถุกันเสียซึ่งแน่นอนไม่บอกก็รู้ว่ามีผลต่อสุขภาพในระยะยาวแน่ๆที่ทุกคนก็เลือกที่จะเลือกรับประทานมันเพียงเพราะมันสะดวกและรวดเร็วไม่ทำให้เสียเวลา วันนี้ดิฉันจะนำความรู้ที่ได้จากหนังสือเรื่องนี้มาทำให้คุณรู้ว่าคุณคิดผิดแล้วที่เลือกอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่ใช้วิธีการถนอมอาหารในแบบที่มีอันตรายต่อสุขภาพ เพราะว่าวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักวิธีการถนอมอาหารด้วยวิธีธรรมชาติและก็ปลอดภัยไร้สารพิษเจือปนอย่างแน่นอน แถมยังเก็บไว้ได้นานเหมือนกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปผักหรือผลไม้ให้อยู่ในรูปของการตากให้แห้ง การหมัก การดอง หรือการแปรรูปให้อยู่ในสภาพที่จะสามารถเก็บไว้รับประทานด้วยการนำผลไม้มากวนเป็นของทานเล่นได้อีกอย่างนึงด้วยค่ะ เรามาเริ่มจากการถนอมอาหารแบบง่ายๆด้วยการตากแห้งกันเลย วิธีนี้จะช่วยยึดอายุของผักและผลไม้ให้สามารถนำกลับมาทานใหม่ในรูปแบบที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นกล้วยตาก ลำไย หรือผลไม้ชนิดอื่นๆที่สามารถนำกลับมาทานได้อีก การหมักและการดองก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยถนอมอาหารให้เก็บไว้กินได้นานเหมือนกันเช่น ผักดองต่างๆ ผลไม้ดอง ไข่ก็สามารถนำมาดองได้เหมือนกันเค้าเรียกว่าไข่เค็มไงจ๊ะ ส่วนการกวนก็เป็นการแปรรูปอาหารให้อยู่ในรูปแบบเหมือนของหวานที่เก็บไว้กินได้นานเช่น มะม่วงกวน ทุเรียนกวน กล้วยกวน เป็นต้น เห็นไหมค่ะว่าวิธีชีวิตของคนไทยนั้นบรรพบุรุษของเราได้สร้างและสืบทอดในสิ่งที่ดีๆและเป็นประโยชน์ให้กับลูกหลานเสมอ ดิฉันเองในฐานะที่ก็เคยเติบโตมากับเรื่องพวกนี้จึงไม่แปลกใจเลยแต่กลับรู้สึกภูมิใจด้วยซ้ำที่เราเองก็สามารถสืบสารเรื่องราวดีๆไว้ให้ลูกหลานได้มีไว้กินไว้ใช้ในยามจำเป็น และทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการที่ดิฉันอยากที่จะมานำเสนอเรื่องราวของการถนอมอาหารให้กับทุกๆคนได้อ่านกันค่ะ...

คู่มือสุขภาพดีดูแลได้ด้วยตนเอง คู่มือดีๆที่ควรหามาอ่านและมีไว้ติดบ้านกันทุกครัวเรือน เนื่องจากช่วงนี้บ้านเมืองเรานั้นมีอากาศที่ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อยจึงทำให้เกิดโรคและมีเชื้อไวรัสต่างๆนานาเกิดขึ้นมาใหม่พร้อมกับวิวัฒนาการสมัยใหม่ที่จะทำให้คนเรานั้นลืมที่จะหันมาช่วยเหลือตัวเอง เพราะว่าเดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็แทบจะไม่ต้องหยิบจับหรือเสียเวลาขับรถกันนานๆแล้วเพราะมีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินที่จะทำให้คุณไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็วและในเวลาที่เร่งรีบ ใช่คนส่วนใหญ่สมัยนี้นั้นมักจะเร่งรีบและทำงานหรืออะไรก็ล้วนแต่แข่งกับเวลาอยู่เสมอเพราะเนื่องจากการมีประชากรที่เพิ่มมากขึ้น การแข่งขันก็สูงขึ้นมากตามไปอีก เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนจะได้มีโอกาสหันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพตัวเองโน้นแหละป่วยทีเจ็บทีถึงได้ไปเห็นหน้าหมอสักครั้งบ้างคนหนักหน่อยซื้อยามากินเอง ถูกกับโรคที่เป็นหรือเปล่าไม่รู้แต่เภสัชจ่ายมาให้ก็กินไปและนั้นยิ่งทำให้สภาพของมนุษย์ค่อยๆเสื่อมโทรมเร็ว คุณเคยเจอไหมว่าการที่เราคาดเดาอายุของคนแปลกหน้าทำให้เป็นเรื่องยากกันขึ้นมามากเลยเพราะเนื่องจากคนสมัยนี้นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดูแก่กว่าอายุของตัวเองเป็นอย่างมากเพราะเค้าอยู่ในสภาวะที่เครียดและก็ไม่มีเวลาได้ดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ดังนั้นวันนี้ดิฉันจึงได้นำหนังสือเล่มนี้มาให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน มันดีอย่างไรน่ะหรอ มันก็จะบอกอธิบายถึงวิธีการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายในแต่ละวัน แนะนำวิธีการดูแลสุขภาพที่จะช่วยให้ห่างใจโรคร้ายแรงต่างๆโดยเฉพาะโรคหัวใจ หรือแม้แต่การแก้ปัญญาความเครียด อาการนอนไม่หลับร่วมถึงปัญหาที่จะช่วยให้คุณนั้นมีวิธีรับมือกับภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละวันได้อย่างไร แถมยังแนะนำวิธีการออกกำลังกายในแบบที่คนที่มีคู่นั้นสามารถทำร่วมกันได้และก็ได้ผลที่ดีเยี่ยมอย่างการมีเซ็ก เรียกได้ว่าอ่านแค่เล่มเดียวแต่เหมือนได้คุยหรือปรึกษากับเพื่อนเป็นสิบๆคนเลยทีเดียว ดังนั้นมันจะดีกว่ากันไหมถ้าเรามีที่ปรึกษาในเรื่องของการใช้ชีวิตและยังช่วยดูแลสุขภาพให้กับเราโดยที่เราไม่ต้องไปเสี่ยงหรือคอยปรึกษาคนอื่นให้วุ่นวายกันไปเลย สำหรับดิฉันเองคิดว่าหนังสือเล่มนี้มันดีมากและช่วยให้การใช้ชีวิตที่แสนจะวุ่นวายนั้นง่ายขึ้นแถมยังช่วยปรับความคิดให้ดิฉันเสียใหม่ ฉันเลยอยากยกให้หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเพื่อนคู่กายของดิฉันไปแล้ว ..

คู่มือสุขภาพดีดูแลได้ด้วยตนเอง คู่มือดีๆที่ควรหามาอ่านและมีไว้ติดบ้านกันทุกครัวเรือน เนื่องจากช่วงนี้บ้านเมืองเรานั้นมีอากาศที่ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงบ่อยจึงทำให้เกิดโรคและมีเชื้อไวรัสต่างๆนานาเกิดขึ้นมาใหม่พร้อมกับวิวัฒนาการสมัยใหม่ที่จะทำให้คนเรานั้นลืมที่จะหันมาช่วยเหลือตัวเอง เพราะว่าเดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็แทบจะไม่ต้องหยิบจับหรือเสียเวลาขับรถกันนานๆแล้วเพราะมีรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินที่จะทำให้คุณไปถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็วและในเวลาที่เร่งรีบ ใช่คนส่วนใหญ่สมัยนี้นั้นมักจะเร่งรีบและทำงานหรืออะไรก็ล้วนแต่แข่งกับเวลาอยู่เสมอเพราะเนื่องจากการมีประชากรที่เพิ่มมากขึ้น การแข่งขันก็สูงขึ้นมากตามไปอีก เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนจะได้มีโอกาสหันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพตัวเองโน้นแหละป่วยทีเจ็บทีถึงได้ไปเห็นหน้าหมอสักครั้งบ้างคนหนักหน่อยซื้อยามากินเอง ถูกกับโรคที่เป็นหรือเปล่าไม่รู้แต่เภสัชจ่ายมาให้ก็กินไปและนั้นยิ่งทำให้สภาพของมนุษย์ค่อยๆเสื่อมโทรมเร็ว คุณเคยเจอไหมว่าการที่เราคาดเดาอายุของคนแปลกหน้าทำให้เป็นเรื่องยากกันขึ้นมามากเลยเพราะเนื่องจากคนสมัยนี้นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดูแก่กว่าอายุของตัวเองเป็นอย่างมากเพราะเค้าอยู่ในสภาวะที่เครียดและก็ไม่มีเวลาได้ดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ดังนั้นวันนี้ดิฉันจึงได้นำหนังสือเล่มนี้มาให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน มันดีอย่างไรน่ะหรอ มันก็จะบอกอธิบายถึงวิธีการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ด้วยตนเองง่ายในแต่ละวัน แนะนำวิธีการดูแลสุขภาพที่จะช่วยให้ห่างใจโรคร้ายแรงต่างๆโดยเฉพาะโรคหัวใจ หรือแม้แต่การแก้ปัญญาความเครียด อาการนอนไม่หลับร่วมถึงปัญหาที่จะช่วยให้คุณนั้นมีวิธีรับมือกับภาวะที่ต้องเผชิญในแต่ละวันได้อย่างไร แถมยังแนะนำวิธีการออกกำลังกายในแบบที่คนที่มีคู่นั้นสามารถทำร่วมกันได้และก็ได้ผลที่ดีเยี่ยมอย่างการมีเซ็ก เรียกได้ว่าอ่านแค่เล่มเดียวแต่เหมือนได้คุยหรือปรึกษากับเพื่อนเป็นสิบๆคนเลยทีเดียว ดังนั้นมันจะดีกว่ากันไหมถ้าเรามีที่ปรึกษาในเรื่องของการใช้ชีวิตและยังช่วยดูแลสุขภาพให้กับเราโดยที่เราไม่ต้องไปเสี่ยงหรือคอยปรึกษาคนอื่นให้วุ่นวายกันไปเลย สำหรับดิฉันเองคิดว่าหนังสือเล่มนี้มันดีมากและช่วยให้การใช้ชีวิตที่แสนจะวุ่นวายนั้นง่ายขึ้นแถมยังช่วยปรับความคิดให้ดิฉันเสียใหม่ ฉันเลยอยากยกให้หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเพื่อนคู่กายของดิฉันไปแล้ว ..

The Beauty Diet กินเป็น...สวยปิ๊ง เป็นหนังสือที่จะทำให้สาวๆหันมาใส่ใจเรื่องรูปร่างหน้าตาและสรีระกันอีกครั้งเพราะในหนังสือเล่มนี้เค้าได้รวบรวมเรื่องราวของการรู้จักเลือกรับประทานในสิ่งที่จะช่วยให้คุณนั้นดูดีมีน้ำมีนวลได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยา อาหารเสริมหรือวิตามินเพื่อทำให้ผิวพรรณนั้นดูขาวนวลเนียนหรือแลดูมีอายุที่อ่อนกว่าวัยเลย เพียงแค่เกริ่นๆดิฉันก็เชื่อว่ามีสาวๆหรือหนุ่มๆที่รักในเรื่องของการดูแลรูปร่างต้องรีบมาอ่านกันอย่างแน่นอน ซึ่งดิฉันก็รับรองเลยค่ะว่าหนังสือเล่มนี้นั้นจะให้ประโยคกับพวกคุณได้เป็นอย่างมากและสามารถนำวิธีการต่างๆในหนังสือนั้นไปใช้ในชีวิตประจำได้จริงๆเพราะมันก็ไม่ได้ยากจนที่เราไม่สามารถจะทำตามหรือว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตเสียหน่อยแต่กลับตรงกันข้ามยิ่งถ้าคุณได้ลองอ่านแล้วคุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเพียงแค่เราเลือกรับประทานอาหารที่จะให้ผลลัพธ์ในสิ่งที่เราต้องการเต็มร้อยเพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เรานั้นมีสุขภาพที่ดีมาจากภายในแล้วค่อยๆเปล่งปลั่งออกมาสู่ร่างกายภายนอก ง่ายๆเพียงเท่านี้เอง(หร๊า) เอาน่าดิฉันเชื่อว่าถ้าคนเรามีความตั้งใจทำอะไรๆมันก็คงไม่ยากไปกว่าความพยายามของเราหรอกค่ะ และนอกจากนี้เค้าได้บอกถึงสิ่งที่เราต้องเลือกรับประทานไว้ในนี้แล้วด้วยโดยที่การทดลองนี้ได้รับผลการยืนยันมาจากนักวิทยาศาสตร์ว่าได้ผลจริงร้อยเปอร์เซ็นกันเลยทีเดียว เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้วคุณสาวๆยังอยากเจ็บตัวหรือเสี่ยงอันตรายจากการฉีดยาขาว หรือกินยาเพื่อให้ขาวกันอีกมั้ยค่ะ เมื่อคิดได้แล้วก็หาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดิฉันเชื่อว่าคุณจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่มันจะเกิดขึ้นเพียงแค่คุณเริ่มลงมือทำ เพราะว่าตัวดิฉันเองก็ได้ลองทำเหมือนกันซึ่งต้องบอกต่อเลยเพราะมันดีมากๆถึงจะเห็นผลที่ช้าการใช้สารเคมีแต่วิธีธรรมชาตินี้ล่ะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอน เพียงแค่เริ่มทำตามได้ไม่นานก็มีคนเข้ามาทักว่าไปทำอะไรมาดิฉันก็ได้แนะนำให้พวกเค้าเหล่านั้นไปอ่านหนังสือเล่มนี้ดู ทุกคนที่ฉันรู้จักและได้ทดลองทำตามล้วนแต่ชื่นชอบและขอบคุณหนังสือมากันทั้งนั้น ฉะนั้นคุณสาวๆที่หวังจะใช้ทางลัดโดยการไปหาวิธีที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่ขอให้เลิกซะและหันกลับมาดูแลสุขภาพง่ายๆด้วยวิธีธรรมชาติกันดีกว่าค่ะ เพราะว่าได้บำรุงทั้งภายใน เมื่อภายในมีสุขภาพที่ดีก็จะส่งผลให้ภายนอกนั้นสวย ปิ้ง เฉียบขาดแน่นอนค่ะมาสวยไปพร้อมๆกันนะคะ...

The Beauty Diet กินเป็น...สวยปิ๊ง เป็นหนังสือที่จะทำให้สาวๆหันมาใส่ใจเรื่องรูปร่างหน้าตาและสรีระกันอีกครั้งเพราะในหนังสือเล่มนี้เค้าได้รวบรวมเรื่องราวของการรู้จักเลือกรับประทานในสิ่งที่จะช่วยให้คุณนั้นดูดีมีน้ำมีนวลได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยา อาหารเสริมหรือวิตามินเพื่อทำให้ผิวพรรณนั้นดูขาวนวลเนียนหรือแลดูมีอายุที่อ่อนกว่าวัยเลย เพียงแค่เกริ่นๆดิฉันก็เชื่อว่ามีสาวๆหรือหนุ่มๆที่รักในเรื่องของการดูแลรูปร่างต้องรีบมาอ่านกันอย่างแน่นอน ซึ่งดิฉันก็รับรองเลยค่ะว่าหนังสือเล่มนี้นั้นจะให้ประโยคกับพวกคุณได้เป็นอย่างมากและสามารถนำวิธีการต่างๆในหนังสือนั้นไปใช้ในชีวิตประจำได้จริงๆเพราะมันก็ไม่ได้ยากจนที่เราไม่สามารถจะทำตามหรือว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตเสียหน่อยแต่กลับตรงกันข้ามยิ่งถ้าคุณได้ลองอ่านแล้วคุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเพียงแค่เราเลือกรับประทานอาหารที่จะให้ผลลัพธ์ในสิ่งที่เราต้องการเต็มร้อยเพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เรานั้นมีสุขภาพที่ดีมาจากภายในแล้วค่อยๆเปล่งปลั่งออกมาสู่ร่างกายภายนอก ง่ายๆเพียงเท่านี้เอง(หร๊า) เอาน่าดิฉันเชื่อว่าถ้าคนเรามีความตั้งใจทำอะไรๆมันก็คงไม่ยากไปกว่าความพยายามของเราหรอกค่ะ และนอกจากนี้เค้าได้บอกถึงสิ่งที่เราต้องเลือกรับประทานไว้ในนี้แล้วด้วยโดยที่การทดลองนี้ได้รับผลการยืนยันมาจากนักวิทยาศาสตร์ว่าได้ผลจริงร้อยเปอร์เซ็นกันเลยทีเดียว เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้วคุณสาวๆยังอยากเจ็บตัวหรือเสี่ยงอันตรายจากการฉีดยาขาว หรือกินยาเพื่อให้ขาวกันอีกมั้ยค่ะ เมื่อคิดได้แล้วก็หาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดิฉันเชื่อว่าคุณจะได้เรียนรู้ถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่มันจะเกิดขึ้นเพียงแค่คุณเริ่มลงมือทำ เพราะว่าตัวดิฉันเองก็ได้ลองทำเหมือนกันซึ่งต้องบอกต่อเลยเพราะมันดีมากๆถึงจะเห็นผลที่ช้าการใช้สารเคมีแต่วิธีธรรมชาตินี้ล่ะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอน เพียงแค่เริ่มทำตามได้ไม่นานก็มีคนเข้ามาทักว่าไปทำอะไรมาดิฉันก็ได้แนะนำให้พวกเค้าเหล่านั้นไปอ่านหนังสือเล่มนี้ดู ทุกคนที่ฉันรู้จักและได้ทดลองทำตามล้วนแต่ชื่นชอบและขอบคุณหนังสือมากันทั้งนั้น ฉะนั้นคุณสาวๆที่หวังจะใช้ทางลัดโดยการไปหาวิธีที่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่ขอให้เลิกซะและหันกลับมาดูแลสุขภาพง่ายๆด้วยวิธีธรรมชาติกันดีกว่าค่ะ เพราะว่าได้บำรุงทั้งภายใน เมื่อภายในมีสุขภาพที่ดีก็จะส่งผลให้ภายนอกนั้นสวย ปิ้ง เฉียบขาดแน่นอนค่ะมาสวยไปพร้อมๆกันนะคะ...

101 สมองดีไม่มีเสื่อม หนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของการดูแลสุขภาพให้ยืนยาวและสมองไม่เสื่อม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณยายชาวญี่ปุ่นที่มีอายุมากถึง 115 ปี หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของ ชิราซาวะ ทาคุจิ และนำมาแปลเป็นภาษาไทยโดย ฐิติพงศ์ ศิริรัตน์อัสดร ภายในหนังสือเล่มนี้จะเน้นเรื่องราวของวิธีการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประวัน รวมไปถึงเคล็ดลับที่ทำให้คุณนั้นจะแลดูอ่อนเยาว์และคงความเยาว์วัยไว้ได้อยู่เสมอ โดยในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งเนื้อหาสำคัญออกเป็นสามบทสำคัญด้วยกัน โดยที่ตอนเริ่มต้นบทแรกเค้าก็จะเล่าถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตของหญิงชราว่ามีเทคนิคในการดูแลสุขภาพยังไงถึงได้มีอายุที่ยืนยาวและยังคงดูแข็งแรงไม่เหมือนกับคนที่น่าจะมีอายุเท่านี้เลยโดยในตอนนี้เค้าก็จะบอกว่าของที่หญิงชราโปรดปรานนั้นนั้นก็คือปลา และน้ำส้มอ้าวเมื่อรู้อยากนี้แล้วสาวๆจะมัวรอช้าอยู่ทำไมรีบทำตามกันเร็วววและนอกจากนี้เค้าก็ยังได้แนะนำวิธีที่จะไม่ให้เป็นโรคสมองเสื่อม การดูแลสุขภาพด้วยการให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้า อ่านไปได้แค่บทเดียวก็ยังได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้น่ะไม่รอช้ามาต่อกันเลย สำหรับในส่วนที่สองเค้าก็ได้แนะนำถึงวิธีการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันที่จะส่งผลให้มีอายุยืนและสมองได้พัฒนาอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การเคี้ยวอาหารให้ได้สามสิบครั้งต่อหนึ่งคำอีกด้วยพอมาถึงบทสุดท้ายเค้าก็จะเล่าถึงประสบการณ์การออกกำลังกายของชายที่มีอายุยืนอีกคนว่าเค้าออกกำลังกายด้วยวิธีไหนบ้าง เห็นไหมค่ะว่าแค่หนังสือเพียงหนึ่งเล่มแต่กลับให้ประโยชน์ที่มากมายมหาศาลแก่เราขนาดไหน ขนาดคนแก่ที่เค้ามีอายุมากๆเค้ายังเรียนรู้ที่จะดูแลรักษาสุขภาพของเค้ากันเลยแล้วทำไมพวกเราหลายคนถึงไม่ชอบที่จะทำอะไรดีๆเพื่อตัวของเราเองบ้าง ดิฉันเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังเลยทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพในบ่อยครั้งดังหลังจากที่ไม่อยากไปหาหมอเลยทำให้ต้องหันมาดูแลตัวเองบ้างเริ่มด้วยการลดขนมขบเคี้ยวและตามมาด้วยการออกกำลังที่บ้าคลั่งเพราะเห่อในช่วงแรก บอกเลยตอนนี้ก็เริ่มจะกลับมาขี้เกียจแล้วแค่พอได้มาอ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าหึกเหิมอยากจะกลับไปดูแลสุขภาพให้ดีอีกครั้ง เชื่อว่าถ้าเรายังมีความหวังพรุ่งนี้ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นทำสิ่งดีๆเนอะ จึงอยากให้เพื่อนได้ลองหาหนังสือดีๆอย่างนี้มาอ่านกันให้ได้แล้วคุณจะเปลี่ยนความคิดไปเลยทีเดียว....

101 สมองดีไม่มีเสื่อม หนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของการดูแลสุขภาพให้ยืนยาวและสมองไม่เสื่อม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณยายชาวญี่ปุ่นที่มีอายุมากถึง 115 ปี หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของ ชิราซาวะ ทาคุจิ และนำมาแปลเป็นภาษาไทยโดย ฐิติพงศ์ ศิริรัตน์อัสดร ภายในหนังสือเล่มนี้จะเน้นเรื่องราวของวิธีการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประวัน รวมไปถึงเคล็ดลับที่ทำให้คุณนั้นจะแลดูอ่อนเยาว์และคงความเยาว์วัยไว้ได้อยู่เสมอ โดยในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งเนื้อหาสำคัญออกเป็นสามบทสำคัญด้วยกัน โดยที่ตอนเริ่มต้นบทแรกเค้าก็จะเล่าถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตของหญิงชราว่ามีเทคนิคในการดูแลสุขภาพยังไงถึงได้มีอายุที่ยืนยาวและยังคงดูแข็งแรงไม่เหมือนกับคนที่น่าจะมีอายุเท่านี้เลยโดยในตอนนี้เค้าก็จะบอกว่าของที่หญิงชราโปรดปรานนั้นนั้นก็คือปลา และน้ำส้มอ้าวเมื่อรู้อยากนี้แล้วสาวๆจะมัวรอช้าอยู่ทำไมรีบทำตามกันเร็วววและนอกจากนี้เค้าก็ยังได้แนะนำวิธีที่จะไม่ให้เป็นโรคสมองเสื่อม การดูแลสุขภาพด้วยการให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้า อ่านไปได้แค่บทเดียวก็ยังได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้น่ะไม่รอช้ามาต่อกันเลย สำหรับในส่วนที่สองเค้าก็ได้แนะนำถึงวิธีการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันที่จะส่งผลให้มีอายุยืนและสมองได้พัฒนาอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การเคี้ยวอาหารให้ได้สามสิบครั้งต่อหนึ่งคำอีกด้วยพอมาถึงบทสุดท้ายเค้าก็จะเล่าถึงประสบการณ์การออกกำลังกายของชายที่มีอายุยืนอีกคนว่าเค้าออกกำลังกายด้วยวิธีไหนบ้าง เห็นไหมค่ะว่าแค่หนังสือเพียงหนึ่งเล่มแต่กลับให้ประโยชน์ที่มากมายมหาศาลแก่เราขนาดไหน ขนาดคนแก่ที่เค้ามีอายุมากๆเค้ายังเรียนรู้ที่จะดูแลรักษาสุขภาพของเค้ากันเลยแล้วทำไมพวกเราหลายคนถึงไม่ชอบที่จะทำอะไรดีๆเพื่อตัวของเราเองบ้าง ดิฉันเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังเลยทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพในบ่อยครั้งดังหลังจากที่ไม่อยากไปหาหมอเลยทำให้ต้องหันมาดูแลตัวเองบ้างเริ่มด้วยการลดขนมขบเคี้ยวและตามมาด้วยการออกกำลังที่บ้าคลั่งเพราะเห่อในช่วงแรก บอกเลยตอนนี้ก็เริ่มจะกลับมาขี้เกียจแล้วแค่พอได้มาอ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าหึกเหิมอยากจะกลับไปดูแลสุขภาพให้ดีอีกครั้ง เชื่อว่าถ้าเรายังมีความหวังพรุ่งนี้ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นทำสิ่งดีๆเนอะ จึงอยากให้เพื่อนได้ลองหาหนังสือดีๆอย่างนี้มาอ่านกันให้ได้แล้วคุณจะเปลี่ยนความคิดไปเลยทีเดียว....

กขค ของหนู อีกหนึ่งในหนังสือที่ควรหามาให้น้องๆก่อนวัยเรียนได้ลองอ่านและทดลองทำแบบฝึกหัดตามเพราะในหนังสือเล่มนี้นั้นจะเป็นการสอนถึงตัวพยัญชนะไทยทั้ง สี่สิบสี่ตัวที่จะมาให้น้องได้ทำความรู้จักไปพร้อมๆกับภาพสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวพยัญชนะและนอกจากนี้ยังมีแบบฝึกหัดน่ารักมาให้น้องได้ลองฝึกกล้ามเนื้อมือในการจับดินสอลากเส้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นดิฉันจึงอยากที่จะแนะให้ผู้ปกครองลองหามาให้น้องๆได้สังเกตและพิจารณาถึงลักษณะของตัวพยัญชนะได้อย่างเพลิดเพลินและสนุกสนานไม่น่าเบื่อ ควบคู่ไปกับการสอนให้น้องๆนั้นพูดออกเสียงเรียกตามตัวพยัญชนะที่เราชี้ให้เค้าดู ถ้าฝึกบ่อยๆจะทำให้เด็กๆนั้นซึมซับภาพและเสียงและทำให้เค้าจำได้ในที่สุดค่ะเมื่อเค้าจำได้แล้วเคาอยากที่จะขีดเขียนให้เหมือนกันตัวพยัญชนะที่เห็นนั้นก็จะตามมาอย่างแน่นอน เพราะดิฉันได้ลองพิสูจน์มากับหลานๆของดิฉันเองแล้วว่าการที่เรานั้นเอาหนังสือเล่มนี้มาให้เค้าดูเค้ารู้สึกอย่างไรจากที่สังเกตได้ง่ายเลยก็คือเค้ามีความสนในและตื่นเต้นมากๆและนอกจากนี้เค้ายังถามทุกครั้งว่าสิ่งที่เค้าเห็นนั้นเรียกว่าอะไรและจะยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ให้เค้านั้นลองจับดินสอและให้เรานั้นจับมือเค้าเขียนตัวพยัญชนะต่างๆ นอกจากเราจะได้ให้ความรู้และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้เค้าแล้วนั้นเรายังได้สร้างสายใยที่แสนจะอบอุ่นให้แก่เค้าผ่านทางการสัมผัสอีกด้วย และยิ่งถ้าผู้ปกครองทุกท่านนั้นมีเวลาให้กับเจ้าตัวเล็กมากพอเชื่อเถอะค่ะว่าเค้าจะเป็นฝ่ายที่ขอให้คุณอ่านหนัง ก ข ค ให้เค้าฟังทั้งวันแน่ๆ การสร้างพัฒนาการด้านสติปัญญาแบบง่ายๆของน้องๆก่อนวัยเรียนหรือแม้แต่จะเข้าโรงเรียนแล้วก็ตามก็ยังสามารถที่จะใช้หนังสือเล่มนี้ในการฝึกทบทวนหรือจะหัดท่องจำใหม่ก็ยังได้ ถ้าอยากให้ลูกหรือหลานๆของคุณนั้นมีพัฒนาการที่รวดเรียนหรือเรียนรู้อะไรได้เร็วนั้นคุณก็ต้องเป็นฝ่ายที่จะต้องเสียสละเวลาและหยิบยื่นสิ่งเหล่านั้นให้กับตัวของพวกเค้าด้วยไม่อย่างนั้นเค้าอยากจะกลายเป็นเด็กที่มีสมาธิสั้นหรือไม่ก็ศึกษาหรือเข้าใจอะไรได้ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกันก็ได้เพราะฉะนั้นการได้รับการเริ่มต้นที่ดีในเรื่องของทางด้านสติปัญญานั้นจะส่งผลต่อวิวัฒนาการในทุกๆด้านของเค้าเลยก็ว่าได้ค่ะ การสร้างเด็กนิสัยที่รักการอ่านในเด็กเล็กๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะถ้าเค้าเคยได้รับการปลูกฝังมาจากคนรอบตัวเค้าก็จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบและจำได้ว่าเค้าเคยทำแบบนี้นะดังนั้นถ้าอยากให้เจ้าตัวเล็กเติบโตไปและมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามไวก็ควรเริ่มเสียตั้งแต่วันนี้ได้เลยค่ะ...

กขค ของหนู อีกหนึ่งในหนังสือที่ควรหามาให้น้องๆก่อนวัยเรียนได้ลองอ่านและทดลองทำแบบฝึกหัดตามเพราะในหนังสือเล่มนี้นั้นจะเป็นการสอนถึงตัวพยัญชนะไทยทั้ง สี่สิบสี่ตัวที่จะมาให้น้องได้ทำความรู้จักไปพร้อมๆกับภาพสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวพยัญชนะและนอกจากนี้ยังมีแบบฝึกหัดน่ารักมาให้น้องได้ลองฝึกกล้ามเนื้อมือในการจับดินสอลากเส้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นดิฉันจึงอยากที่จะแนะให้ผู้ปกครองลองหามาให้น้องๆได้สังเกตและพิจารณาถึงลักษณะของตัวพยัญชนะได้อย่างเพลิดเพลินและสนุกสนานไม่น่าเบื่อ ควบคู่ไปกับการสอนให้น้องๆนั้นพูดออกเสียงเรียกตามตัวพยัญชนะที่เราชี้ให้เค้าดู ถ้าฝึกบ่อยๆจะทำให้เด็กๆนั้นซึมซับภาพและเสียงและทำให้เค้าจำได้ในที่สุดค่ะเมื่อเค้าจำได้แล้วเคาอยากที่จะขีดเขียนให้เหมือนกันตัวพยัญชนะที่เห็นนั้นก็จะตามมาอย่างแน่นอน เพราะดิฉันได้ลองพิสูจน์มากับหลานๆของดิฉันเองแล้วว่าการที่เรานั้นเอาหนังสือเล่มนี้มาให้เค้าดูเค้ารู้สึกอย่างไรจากที่สังเกตได้ง่ายเลยก็คือเค้ามีความสนในและตื่นเต้นมากๆและนอกจากนี้เค้ายังถามทุกครั้งว่าสิ่งที่เค้าเห็นนั้นเรียกว่าอะไรและจะยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ให้เค้านั้นลองจับดินสอและให้เรานั้นจับมือเค้าเขียนตัวพยัญชนะต่างๆ นอกจากเราจะได้ให้ความรู้และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้เค้าแล้วนั้นเรายังได้สร้างสายใยที่แสนจะอบอุ่นให้แก่เค้าผ่านทางการสัมผัสอีกด้วย และยิ่งถ้าผู้ปกครองทุกท่านนั้นมีเวลาให้กับเจ้าตัวเล็กมากพอเชื่อเถอะค่ะว่าเค้าจะเป็นฝ่ายที่ขอให้คุณอ่านหนัง ก ข ค ให้เค้าฟังทั้งวันแน่ๆ การสร้างพัฒนาการด้านสติปัญญาแบบง่ายๆของน้องๆก่อนวัยเรียนหรือแม้แต่จะเข้าโรงเรียนแล้วก็ตามก็ยังสามารถที่จะใช้หนังสือเล่มนี้ในการฝึกทบทวนหรือจะหัดท่องจำใหม่ก็ยังได้ ถ้าอยากให้ลูกหรือหลานๆของคุณนั้นมีพัฒนาการที่รวดเรียนหรือเรียนรู้อะไรได้เร็วนั้นคุณก็ต้องเป็นฝ่ายที่จะต้องเสียสละเวลาและหยิบยื่นสิ่งเหล่านั้นให้กับตัวของพวกเค้าด้วยไม่อย่างนั้นเค้าอยากจะกลายเป็นเด็กที่มีสมาธิสั้นหรือไม่ก็ศึกษาหรือเข้าใจอะไรได้ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกันก็ได้เพราะฉะนั้นการได้รับการเริ่มต้นที่ดีในเรื่องของทางด้านสติปัญญานั้นจะส่งผลต่อวิวัฒนาการในทุกๆด้านของเค้าเลยก็ว่าได้ค่ะ การสร้างเด็กนิสัยที่รักการอ่านในเด็กเล็กๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะถ้าเค้าเคยได้รับการปลูกฝังมาจากคนรอบตัวเค้าก็จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบและจำได้ว่าเค้าเคยทำแบบนี้นะดังนั้นถ้าอยากให้เจ้าตัวเล็กเติบโตไปและมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามไวก็ควรเริ่มเสียตั้งแต่วันนี้ได้เลยค่ะ...