101 เคล็ดลับ สมองดี ไม่มีเสื่อม

hikari |
31/10/2014

วันนี้มีหนังสือที่แปลจากภาษาญี่ปุ่นมาแนะนำค่ะ คงจะพอทราบกันอยู่แล้วว่าชาวญี่ปุ่นเป็นคนที่เอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพมากประชากรญี่ปุ่นมีอายุยืนโดยที่ยังมีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจศึกษาว่าคนญี่ปุ่นเขาทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน หนังสือ “101 เคล็ดลับสมองดีไม่มีเสื่อม” เขียนโดยศาสตราจารย์ชิราซาวะ ทาคุจิ เป็นศาสตราจารย์เวชศาสตร์ชะลอวัย คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยจุนเทนโด และยังเป็นประธานสมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัยของญี่ปุ่นอีกด้วย หนังสือเกิดจากความตั้งใจของผู้เขียนที่จะแสดงให้เห็นว่าคนที่มีอายุมากถึงขนาดเกินร้อยปีก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง สมองไม่เลอะเลือน และสามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ ซึ่งวิธีการใช้ชิวิตให้สามารถเป็นเช่นนั้นได้ถูกอธิบายไว้ในหนังสือเล่มนี้ หนังสือแบ่งเป็น 3 บทใหญ่ๆ คือ หมวดอาหาร หมวดการใช้ชีวิต และหมวดกายบริหาร แต่ละหมวดจะมีบทความสั้นๆที่เชื่อแน่ว่าเราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก เพียงแต่มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติเท่านั้น และมีข้อมูลและผลการวิจัยต่างๆมาอธิบายประกอบด้วย หมวดอาหาร มีบทความย่อยอยู่ 46 เรื่อง แนะนำเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เช่น ควรรับประทานแอ๊ปเปิ้ลทั้งเปลือก เพราะสารโพลีฟีนอลจะอยู่ใต้เปลือกแอ๊ปเปิ้ล คนอินเดียไม่ค่อยเป็นโรคอัลไซเมอร์ เพราะรับประทานแกงกะหรี่เป็นประจำ ซึ่งในนั้นมีสารเคอร์คูมินที่สามารถควบคุมการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เป็นต้น หมวดการใช้ชีวิต มีบทความย่อยอยู่ 36 เรื่อง แนะนำเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน เพื่อสมองที่กระปรี้กระเปร่า เช่น การอ่านหนังสือออกเสียง ทำให้สมองหลายส่วนได้ทำงาน เป็นวิธีป้องกันความชราอย่างหนึ่ง การสูบบุหรี่คือศัตรูตัวฉกาจของการต้านความชรา เพราะบุหรี่จะทำลายวิตามินซีทำให้การสูญเสียคอลลาเจนของผิวหนังขยายเป็นวงกว้าง เป็นต้น หมวดกายบริหาร มีบทความย่อยอยู่ 19 เรื่อง แนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกายชะลอความชรา เช่น การฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายท่อนล่างด้วย “สโลปปิ้ง” การบริหารคอทำให้เราดูเด็กกว่าใคร! เป็นต้น ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น และยังมีเรื่องที่น่าสนใจพร้อมข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกหลายเรื่องทีเดียว การเล่าเรื่องเป็นบทความสั้นๆทำให้เรารู้สึกอ่านง่ายค่ะ และไม่จำเป็นต้องอ่านต่อกันให้จบในทีเดียว อ่านจบเรื่องหนึ่งพักไปทำอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อก็ไม่เสียอรรถรส ถึงจะมีผลวิจัยหรือผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หนังสือก็เขียนอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบแทรกบ้างประปราย เมื่อเราแก่ตัวลงไปเรื่อยๆ เราคงไม่อยากเป็นคนแก่ขี้โรค จำอะไรไม่ได้ใช่ไหมคะ ฉะนั้นเราต้องเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อรักษาความเยาว์วัยให้อยู่กับสมองและหัวใจเราไปนานๆค่ะ^^

อทิตยา |
27/08/2014

101 สมองดีไม่มีเสื่อม หนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของการดูแลสุขภาพให้ยืนยาวและสมองไม่เสื่อม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณยายชาวญี่ปุ่นที่มีอายุมากถึง 115 ปี หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของ ชิราซาวะ ทาคุจิ และนำมาแปลเป็นภาษาไทยโดย ฐิติพงศ์ ศิริรัตน์อัสดร ภายในหนังสือเล่มนี้จะเน้นเรื่องราวของวิธีการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประวัน รวมไปถึงเคล็ดลับที่ทำให้คุณนั้นจะแลดูอ่อนเยาว์และคงความเยาว์วัยไว้ได้อยู่เสมอ โดยในหนังสือเล่มนี้จะแบ่งเนื้อหาสำคัญออกเป็นสามบทสำคัญด้วยกัน โดยที่ตอนเริ่มต้นบทแรกเค้าก็จะเล่าถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตของหญิงชราว่ามีเทคนิคในการดูแลสุขภาพยังไงถึงได้มีอายุที่ยืนยาวและยังคงดูแข็งแรงไม่เหมือนกับคนที่น่าจะมีอายุเท่านี้เลยโดยในตอนนี้เค้าก็จะบอกว่าของที่หญิงชราโปรดปรานนั้นนั้นก็คือปลา และน้ำส้มอ้าวเมื่อรู้อยากนี้แล้วสาวๆจะมัวรอช้าอยู่ทำไมรีบทำตามกันเร็วววและนอกจากนี้เค้าก็ยังได้แนะนำวิธีที่จะไม่ให้เป็นโรคสมองเสื่อม การดูแลสุขภาพด้วยการให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้า อ่านไปได้แค่บทเดียวก็ยังได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้น่ะไม่รอช้ามาต่อกันเลย สำหรับในส่วนที่สองเค้าก็ได้แนะนำถึงวิธีการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันที่จะส่งผลให้มีอายุยืนและสมองได้พัฒนาอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การเคี้ยวอาหารให้ได้สามสิบครั้งต่อหนึ่งคำอีกด้วยพอมาถึงบทสุดท้ายเค้าก็จะเล่าถึงประสบการณ์การออกกำลังกายของชายที่มีอายุยืนอีกคนว่าเค้าออกกำลังกายด้วยวิธีไหนบ้าง เห็นไหมค่ะว่าแค่หนังสือเพียงหนึ่งเล่มแต่กลับให้ประโยชน์ที่มากมายมหาศาลแก่เราขนาดไหน ขนาดคนแก่ที่เค้ามีอายุมากๆเค้ายังเรียนรู้ที่จะดูแลรักษาสุขภาพของเค้ากันเลยแล้วทำไมพวกเราหลายคนถึงไม่ชอบที่จะทำอะไรดีๆเพื่อตัวของเราเองบ้าง ดิฉันเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังเลยทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพในบ่อยครั้งดังหลังจากที่ไม่อยากไปหาหมอเลยทำให้ต้องหันมาดูแลตัวเองบ้างเริ่มด้วยการลดขนมขบเคี้ยวและตามมาด้วยการออกกำลังที่บ้าคลั่งเพราะเห่อในช่วงแรก บอกเลยตอนนี้ก็เริ่มจะกลับมาขี้เกียจแล้วแค่พอได้มาอ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าหึกเหิมอยากจะกลับไปดูแลสุขภาพให้ดีอีกครั้ง เชื่อว่าถ้าเรายังมีความหวังพรุ่งนี้ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นทำสิ่งดีๆเนอะ จึงอยากให้เพื่อนได้ลองหาหนังสือดีๆอย่างนี้มาอ่านกันให้ได้แล้วคุณจะเปลี่ยนความคิดไปเลยทีเดียว....