Customer Reviews

เล่าขานนิทานเซน (นโมริจัง)
4
นิทานเซนในหนังสือเล่มนี้ มีความหมาย และข้อคิดสอนใจ แต่บางเรื่องอ่านแล้วยังไม่ตกผลึก ยังไม่เข้าใจต้องอ่านซ้ำหลายครั้งหน่อยค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 29 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

เล่มนี้อ่านแล้วจะให้ความรู้สึกเย็นๆ นิ่งๆ สงบๆ บอกไม่ถูกค่ะ >0<
อาจเพราะนิทานสั้นๆ กว่า 50 เรื่องในหนังสือเล่มนี้ มีความหมาย และข้อคิด แอบซ่อนอยู่ พออ่านจบหนึ่งเรื่องก็เกิดอาการงง ว่า เอ…นิทานต้องการบอกใบ้อะไรกันน้า บางเรื่องอ่านแล้วก็เข้าใจและอมยิ้มในทันที บางเรื่องอ่านซ้ำแล้วก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในนิทาน อย่างมีเรื่องหนึ่งน่าสนใจดีค่ะ ขออนุญาตหยิบยกนิทานในเล่ม เรื่อง “ตัดใจยกให้” มาเล่าให้เพื่อนๆฟังนะคะ ^^
เรื่องมีอยู่ว่า มีพระอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งชื่นชอบดอกกล้วยไม้มาก ดูและทะนุถนอมเป็นอย่างดี มีปลูกไว้ในวัดนับร้อยๆชนิด ใครต่อใครก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดอกกล้วยไม้เป็นชีวิตของอาจารย์”
แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่ออาจารย์เดินทางออกไปข้างนอก ลูกศิษย์คนหนึ่งไม่ทันระวัง ทำดอกกล้วยไม้ที่อาจารย์รัก ตาย เขาตกใจและเป็นกังวลมากคิดว่าถ้าอาจารย์กลับมาพบเข้าต้องโกรธมากแน่ๆๆๆ
พออาจารย์กลับมาและทราบเรื่องทั้งหมด อาจารย์ก็พูดกับลูกศิษย์ว่า “อาตมาชอบดอกกล้วยไม้เพราะมีไว้ใช้ทำบุญ อีกหนึ่งคือปลูกแล้วสวยงาม ทำให้สิ่งแวดล้อมภายในวัดดีขึ้น ไม่ใช่ปลูกขึ้นมาเพื่อให้โกรธ ”
^^ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง หวนคิดถึง “การให้อภัย” หากมีคนทำผิดกับเรา อย่างเข่นในเรื่องนี้ ทำของที่เรารักเสียหาย แต่หากเขาสำนึกผิดและขอโทษในสิ่งที่ทำ บางครั้งเราก็ต้องตัดใจ ตัดความเสียดาย และยกโทษให้เขา คิดเสียว่าสิ่งนั้นเรามีไว้ก็เพื่อสร้างประโยชน์ สร้างความสุข ให้กับตนเองและผู้อื่น ไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างความโกรธและความทุกข์ให้กับตนเองและผู้อื่น
หากใครชอบอ่านหนังสือแนวนี้ก็ลองหามาอ่านกันนะคะ แต่แอบบอกว่ามีหลายเรื่องอ่านแล้วไม่เข้าใจ ตีความไม่ออกเหมือนกัน ที่บอกตอนต้นว่า อ่านแล้วให้ความรู้สึกเย็นๆ นิ่งๆ สงบๆ เพิ่งมาคิดออกว่า อาจเพราะอ่านจบแล้วยังไม่เข้าใจในทันที สมองและใจก็เลยได้อยู่นิ่งๆ ได้คิด และก็ “อ้อๆๆ เค้าหมายถึงอย่างนี้นี่เอง”
ใครอ่านแล้วตีความนิทานเรื่องไหนได้แล้วรู้สึกประทับใจ อย่าลืมเขียนรีวิวเล่าให้ฟังกันบ้างนะค้า
สุดยอด SME ตีแตก
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 18 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

หลายคนคงเคยประทับใจกับรายการ SME ตีแตก ที่ออกอากาศแผ่นทางช่อง 5 มาแล้ว เป็นรายการธุรกิจที่ดูสนุกมากค่ะ ผู้ประกอบการไฟแรงหลากหลายรุ่น ต่างงัดกลยุทธ์แปลกใหม่ออกมากระตุ้นยอดขาย เห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้น ทึ่งไปกับความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการในการต่อยอดธุรกิจของพวกเค้า ดูไปก็คอยลุ้นไปค่ะ แอบช่วยเค้าคิดไปด้วยว่าถ้าเป็นเราจะเลือกทำแบบเค้ารึเปล่า การลงทุนที่เค้าตั้งใจจะทำมันจะคุ้มค่าหรือไม่ ยิ่งตอนกรรมการจะตัดสินว่าธุรกิจนี้ผ่านหรือไม่ผ่านยิ่งลุ้นใหญ่ ผู้ประกอบการทุกคนดูมั่นใจกับกิจการที่สร้างด้วยมือของตนเองมาก ตอนกรรมการตัดสินให้ผ่านก็ดีใจไปกับเค้าด้วยค่ะ ส่วนคนไหนที่ไม่ผ่านก็แอบให้กำลังใจเค้าอยู่ห่างๆ (555 ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าเล้ย)

พูดมาเสียยืดยาว จริงๆอยากจะแนะนำหนังสือ “หนังสือสุดยอด SME ตีแตก” ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวได้อ่านกันค่ะ เพราะเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลมาจากธุรกิจที่น่าสนใจทั้งที่เคยและไม่เคยออกอากาศผ่านรายการ SME ตีแตก รวบรวมไว้ทั้งหมดประมาณ 18 ธุรกิจค่ะ เช่น หมูทอดเจ๋จง Daddy Dough (โดนัทพรีเมียม) SRIMALA (ไอศกรีมดอกไม้) Greenday (ขนมสุขภาพ) Xongdur (ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ) TARAD.com ห้างสรรพสินค้าสังฆภัณฑ์ Lady Fat Shop (เสื้อผ้าสำหรับคนอ้วน) ปุ๋ยน้องเดือน (ปุ๋ยจากมูลไส้เดือน) ธุรกิจโชว์ไอที Siam Squared (รับจ้างสร้างแอพพลิเคชั่น) ThaiHosting (สร้างเว็บไซต์) PRESSTIGE Printing (ธุรกิจการพิมพ์) WRAP@CAR (ธุรกิจฟิลม์เคลือบรถยนต์) LDCDental (ร้านหมอฟัน) UNO Guard Service (บริษัทรักษาความปลอดภัย)

เนื้อหาภายในเล่มกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ ประวัติการก่อตั้งทั้งที่ประสบความสำเร็จและเคยล้มเหลว หลายธุรกิจเกิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ บางธุรกิจดูเหมือนเป็นธุรกิจธรรมดา แต่สามารถก็มัดใจลูกค้าด้วยความจริงใจในการให้บริการ

นอกจากความเป็นมา และกลยุทธ์ต่างๆของแต่ละธุรกิจแล้ว ยังมีบทวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน และข้อคิดในการทุธุรกิจจาก อ. ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและการตลาดอีกด้วย

หลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบได้รับแนวคิดดีๆ ในการธุรกิจมากมายเลยค่ะ นอกจากนี้ยังได้ข้อคิดที่เกิดขึ้นภายหลังการอ่านด้วย
ก็คือเราสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุ หรือใบปริญญา แต่ขึ้นอยู่กับความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้ ที่จะอดทนทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับการแสวงหาโอกาส และไม่มองผ่านช่องว่างทางธุรกิจให้ผ่านเลยไป

เคยมีคำกล่าวว่า เมื่อออกไปเดินตามท้องถนน คุณจะพบกับเหรียญทองคำอันมีค่ามากมายเกลื่อนเต็มท้องถนนไปหมด แต่มันขึ้นอยู่กับคุณว่าจะมองเห็นเหรียญทองคำเหล่านั้นหรือไม่ และมีความสามารถมากพอที่จะเก็บมันขึ้นมารึเปล่า
หากจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คงเปรียบเหรียญทองคำเป็นเหมือนโอกาส และช่องว่างทางธุรกิจที่มีอยู่ทั่วไป มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะมองเห็นและนำมาใช้เพิ่มมูลค่าให้เกิดเม็ดเงินมหาศาลได้หรือไม่

สรุปแล้วหากใครมีความฝันที่อยากจะออกมาเปิดร้านเล็กๆ เป็นเจ้านายตัวเอง เป็นเจ้าของกิจการในแบบที่วาดฝัน แนะนำให้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนเริ่มต้นธุรกิจ เพื่อที่จะได้ศึกษาทั้งความผิดพลาดและกลยุทธ์ช่วยสร้างความสำเร็จก่อนลงมือจริง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการลองผิดลองถูกนานจนเกินไปค่ะ
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 16 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

ก่อนแนะนำหนังสือให้เพื่อนๆ รู้จัก อยากจะขอเล่าถึงผู้ก่อตั้งวิธีการดูแลสุขภาพแบบชีวจิต และที่มาสักหน่อยค่ะ

อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง เป็นผู้ก่อตั้งและเผยแพร่ความรู้ในการดูแลสุขภาพนี้ค่ะ อดีตท่านเคยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูก แต่ก็สามารถหายขาดได้โดยการใช้ความรู้ด้านโภชนาการและอาหารแมคโครไบโอติกส์มาใช้ในการบำบัดรักษาตนเองค่ะ
ท่านทำงานในโรงพยาบาลที่ต่างประเทศจนเกษียณจึงกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย และตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ด้านแมคโคไบโอติกให้กับคนไทย โดยท่านคิดค้นและประยุกต์วิธีการกินและปฏิบัติตัวต่างๆ ให้เข้ากับวัฒนธรรมการกินของคนไทย เพื่อให้สามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้ง่าย และเรียกชื่อว่า “ชีวจิต” ค่ะ
การดูแลตนเองตามแบบชีวจิตเป็นการใช้การแพทย์ทางเลือกเข้ามาผสมผสานกับการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ผ่านมาท่านได้รับเชิญให้ไปบรรยายตามหน่วยงานต่างๆ เป็นผู้ก่อตั้งชมรมชีวจิต และยังร่วมก่อตั้งนิตยสารชีวจิต ซึ่งเป็นหนึ่งในนิตยสารของบริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เพื่อเผยแพร่ความรู้ในการดูแลสุขภาพให้กับคนทั่วไปด้วยค่ะ
สำหรับใครที่กำลังสนใจเรื่องการแพทย์ทางเลือก หรือกำลังหาวิธีดูแลสุขภาพโดยใช้อาหาร และการออกกำลังกายเป็นหลัก แนะนำให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ค่ะ

หนังสือเล่มนี้ เห็นเล็มเล็กๆ แต่รวบรวมความรู้สำคัญๆ ในการปฏิบัติตนตามแบบแผนชีวจิตไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยค่ะ
อธิบายตั้งแต่ความหมายของคำว่าชีวจิต การกินอาหารเป็นยา วิธีต้มน้ำอาร์ซี (ทำจากข้าวและธัญพืชหลายชนิด) การดื่มน้ำคั้นเอนไซม์บำรุงร่างกาย (น้ำคั้นผักผลไม้) แนะนำน้ำชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ อธิบายประโยชน์ของวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่างๆ รวมถึงแหล่งอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง
มีคำแนะนำในการขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วยการทำดีท็อกซ์ การออกกำลังกายด้วยการรำระบอง (มีภาพประกอบการำในท่าต่างๆ พร้อมคำอธิบายที่ทำตามได้ง่าย) นอกจากนี้ยังรวบรวมวิธีการผ่อนคลายกายและใจ ในรูปแบบต่างๆ เช่นการผ่อนคลาย ที่อาจารย์สาทิสนิยมเรียกว่า Relaxation แถมด้วยขั้นตอนการผ่อนคลายความเครียดในใจโดยการนอนสมาธิ และการนวดกดจุดที่สามารถทำตามได้เองที่บ้านด้วยค่ะ

มีทั้งภาพสีและตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่จะมาชวนเพื่อนๆให้ดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน รับรองอ่านง่าย และนำไปใช้ดูแลสุขภาพได้จริงค่ะ
รู้จัก รู้เรื่อง รู้รักษา โรคมะเร็ง
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 16 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งครบถ้วนมากค่ะ เพราะเขียนโดยคณะแพทย์จากฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้เกิดจากความคิดของหน่วยรังสีวิทยาและมะเร็ง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่อยากจะรวบรวมความรู้ในการดูแลร่างกายและจิตใจแจกให้แก่ผู้ป่วยที่มารับการรักษาค่ะ รับรองว่าใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้จริง
เล่มนี้เหมาะกับทั้งคนทั่วไป และผู้ป่วยโรคมะเร็งค่ะ จะป่วยหรือไม่ป่วยก็ควรศึกษาไว้ ตามที่หน้าปกเขียนเอาไว้เลยค่ะว่า เป็นมะเร็ง (หรือไม่เป็น) ก็ต้องอ่าน
ที่บอกว่าเหมาะกับคนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ก็เพราะเนื้อหาในบทต้นๆ จะมาบอกวิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นโรคมะเร็งในอนาคต เริ่มให้ความรู้ตั้งแต่การเกิดมะเร็ง การกินอาหารต้านมะเร็งเสียแต่เนิ่นๆ การออกกำลังกาย วิธีหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงรอบตัวที่ทำให้เกิดมะเร็ง แถมมีการแนะนำให้รู้จักวัคซีนป้องกัน และรักษามะเร็งด้วย (แต่ฉีดได้กับบางคนเท่านั้นนะคะ)
เนื้อหาในบทต้นๆ ที่ชอบมากคือ ถาม-ตอบเกี่ยวกับอาหารและโรคมะเร็ง เช่นกินเนื้อสัตว์มากๆ เร่งให้เซลล์มะเร็งโตหรือไม่ หรือมีอาหารเสริมป้องกันโรคมะเร็งหรือไม่ (คำตอบน่าสนใจมากๆๆ ยาวมากๆๆ อันนี้ต้องไปอ่านในหนังสือดูนะคะ ^0^)
สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ดูแลผู้ป่วย แนะนำว่า อยากให้อ่านมากเลยค่ะ แล้วจะรู้ว่าโรคมะเร็งรักษาให้หายได้ แถมจะช่วยให้เข้าใจขั้นตอนการรักษาของคุณหมอด้วย
หนังสือจะให้ข้อมูลวิธีการักษาโรคมะเร็งในรูปแบบต่างๆค่ะ ทั้งการใช้เคมีบำบัดแบบกิน และชนิดฉีดเข้าเส้นเลือด ผู้ป่วยจะรู้ล่วงหน้าถึงผลข้างเคียงจากการรักษา รู้วิธีเตรียมตัวทั้งทางร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการดูแลตนเองขณะรับยาเคมี เพื่อเตรียมกำลังใจให้พร้อมสู้ สำหรับการรักษาในขั้นต่อๆไป
อยากให้ลองหามาอ่านกันค่ะ ส่วนตัวก็ซื้อหนังสือเล่มนี้มาแล้ว 3 เล่ม เห็นว่ามีประโยชน์จริงๆ เลยซื้อแจกให้กับคนรู้จักที่กำลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งค่ะ ยังไงก็ขอฝากหนังสือดีๆ เล่มนี้ไว้อีกเล่มนึงนะคะ
คัมภีร์ MIND MAP (ฉบับภาพประกอบ 4 สี)
4
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 09 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

ตอนสมัยเด็กๆ ฉันกับน้องชายมักชอบปรึกษากันถึงวิธีที่ช่วยให้จำแม่นและเรียนเก่ง สมัยนั้นจำได้ว่าน้องชายได้รับหนังสือจากเพื่อนคนหนึ่งเป็นหนังสือเล่มสีส้ม หน้าปกเป็นรูปกล้วยหอมใบใหญ่ ชื่อ “เรียนเก่งเรื่องกล้วยๆ”
หนังสือเล่มนั้นสอนให้เราฝึกฝนความจำโดยการเขียน Mind Map ด้วยการจดบันทึก ด้วยการเขียน วาดภาพ และระบายสี ตอนนั้นพวกเราสนุกกับการใช้ประโยชน์จากการวิธีที่หนังสือเล่มนั้นสอนในแง่ที่นำมาเล่นเป็นเกม ฝึกความจำเสียมากกว่าที่จะนำมาใช้ช่วยให้เรียนเก่ง

ผ่านมาหลายปี ครั้นได้มีโอกาสทำงาน เข้าฝึกอบรบ ตลอดจนฟังสัมมนาหรือบรรยายตามที่ต่างๆ ฉันสังเกตเห็นคนเก่งหลายคนเลือกใช้การจดบันทึกแบบ การเขียน วาดภาพ และระบายสี
เมื่อเห็นก็จำได้ทันทีว่านี่คือวิธีการเขียนแบบ Mind Map ที่ฉันและน้องชายเคยใช้เล่นเป็นเกมสมัยยังเด็ก แต่อาจเพราะไม่ได้ใช้และฝึกขีดเขียนเสียนานพอจะเริ่มลงมือจดบันทึกแบบ Mind Map กับเขาบ้างก็ดูจะติดๆ ฝืดๆ เริ่มต้นไม่ถูก
เพื่อนที่รู้จักกันในงานสัมมนา ที่เคยเข้าคอร์สอบรมการเขียน Mind Map จึงแนะนำหนังสือ “คัมภีร์ MIND MAP” ให้กับฉัน และเพื่อนอีกหลายคน เพื่อให้ลองศึกษาและทดลองเขียน Mind Map เพื่อจัดระเบียบความคิดและความจำให้ตนเอง

และแล้วฉันก็ได้หนังสือเล่มนี้มาจากความช่วยเหลือของเจ้าของร้านหนังสือ batorastore.com ที่แสนใจดีค่ะ

ประวัติของผู้แต่งหนังสือเล่มนี้น่าสนใจทีเดียวค่ะ ชื่อของเขาคือ “โทนี บูซาน” ทำงานเป็นทั้งนักเขียน ผู้บรรยาย และที่ปรึกษาให้แก่หน่วยงานรัฐบาล มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยหลายแห่ง และองค์กรทางธุรกิจชั้นนำของโลก ในด้านที่เกี่ยวข้องกับสมอง การเรียนรู้ และทักษะการคิด โดยเป็นผู้คิดค้น Mind Map เครื่องมือช่วยคิด และช่วยจำที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
หนังสือเล่มนี้แนะนำให้อ่านตั้งแต่บทเริ่มต้น คือ อารัมภบทค่ะ เพราะมีการสรุปเนื้อหาในแต่ละบท และวิธีการอ่านและใช้ประโยชน์จากหนังสือ โดยแต่ละบุคคลอาจเริ่มต้นอ่านคนละบทกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานการจัดระเบียบความคิด และความรู้ของแต่ละบุคคล

จะขอสรุปเนื้อหาแต่ละบทสั้นๆเผื่อใครกำลังมองหาหนังสือเกี่ยวกับการจัดระเบียบความคิดและพัฒนาสมองจะได้ตัดสินใจซื้อหามาอ่านได้เร็วขึ้นค่ะ
บทแรก คือ สถาปัตยกรรมธรรมชาติ ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและศักยภาพของสมอง
บทที่สอง คือ หลักพื้นฐาน เนื้อหาเน้นให้คำแนะนำเรื่องการใช้ทักษะของสมองทั้งซีกซ้ายและขวา มีการสาธิตให้เห็นว่าสมองแต่ละซีกใช้งานแยกกันอย่างไร หรือวิธีที่จะใช้งานสมองสองซีกไปพร้อมๆกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน
บทที่สาม คือ โครงสร้าง เรียนรู้การคิดเป็นรัศมี การใช้และการสร้างสรรค์ Mind Map ในการช่วยคิด ช่วยจำ ในรูปแบบของตนเอง
บทที่สี่ คือ การประมวลสังเคราะห์ เป็นการสอนวิธีใช้ Mind Map ช่วยในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ใช้จัดระเบียบความคิดของตนเอง และจดจำข้อมูล
บทที่ห้า คือ การใช้งาน ผู้อ่านจะได้ฝึกคิดและนำ Mind Map มาใช้ประโยชน์ในการวางแผนชีวิตในด้านต่างๆ เช่น ชีวิตส่วนตัว ครอบครัว การศึกษา ธุรกิจ งาน และการวางแผนอนาคต

สำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาการเขียน Mind Map แนะนำให้เริ่มอ่านที่ละบทดีกว่าอ่านข้ามค่ะ หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างหนา ข้อมูลที่น่าสนใจอัดแน่นเต็มเล่ม มองเผินๆดูอ่านยาก แต่ ถ้าได้อ่านตามที่ผู้เขียนตั้งใจปูพื้นฐานความคิดให้กับผู้อ่านตั้งแต่เริ่มต้นจะรู้สึกว่าอ่านสนุก และเข้าได้ได้ง่ายมากค่ะ

ใครกำลังมองหาหนังสือช่วยพัฒนาสมอง ความจำ และจัดระเบียบความคิด แนะนำว่าหนังสือเล่มนี้เล่มเดียวให้ได้ครบจริงๆค่ะ
กลับหัวคิด มองโลก 80%
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 02 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือแปลอีกเล่มของสำนักพิมพ์สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) ที่อยากแนะนำค่ะ ผู้เขียนคือ คุณหมอ ไซโต้ ซิเงตะ จิตแพทย์และนักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการงานและแวดล้อมด้วยผู้คนที่นับถือและรักใคร่
คุณหมอถ่ายทอดแนวคิด ประสบการณ์การใช้ชีวิต การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง และการออกแบบชีวิตของตัวเองให้มีแต่ความสุข แบบสุดๆ ไว้ได้น่าสนใจมากกกก
หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้หลายคนเข้าใจตัวเองมากขึ้น รู้จักวิธีจัดการกับชีวิตของตัวเองเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สามารถช่วยให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์เหล่านั้นและเปลี่ยนเปลี่ยนวิกฤตในชีวิตเป็นโอกาสได้
อยากให้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆค่ะ เชื่อว่าหลังอ่านจบหลายคนจะได้ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิตและมีความสุขเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน
ขอยกตัวอย่างหัวข้อเรื่องที่ชอบนะคะ เผื่อใครเห็นประโยชน์ หรือคิดว่าน่าสนใจตรงกัน จะได้ลองหามาอ่านกันค่ะ ^^
1. ลองฟังเสียงของ “ตัวเราอีกคนหนึ่ง” ดู
2. รู้จัก “จุดอ่อน” ของตัวเองรึเปล่า
3. ปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจาก “คำสาปของการคิดไปเอง”
4. คนเราต้องมี “ความน่ารัก” อยู่ในตัวบ้างถึงจะดี
5. พจนานุกรมฉบับคุณหมอ “ว่าด้วยเรื่องคนที่ไม่น่าคบ”
6. อารมณ์ขันมักนำโชคดีมาเสมอ
7. ค้นหา “สิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ”
8. ชมเชยดีกว่าดุ
9. ตัวเรามีความสามารถในการให้กำลังใจตัวเองหรือไม่
10. เคล็ดลับในการใช้ออร์แกไนเซอร์เพื่อเพิ่มความรู้สึกอยากทำงาน
หนังสือเล่มนี้อ่านสนุก แถมแทรกภาพการ์ตูนฉบับคุณหมอไซโต้เป็นระยะ เล่มนี้อ่านเล่นๆ แต่ได้ประโยชน์จริงๆนะคะ ^o^/
ชุดสร้างสุขได้ภายใน 3 วินาที เล่ม 2  ตอน เลือกเส้นทางชีวิตได้ภายใน 3 วินาที
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“เลือกเส้นทางชีวิตได้ใน 3 วินาที” เห็นชื่อเรื่องแล้วชวนให้สงสัยว่าอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น
หนังสือเล่มนี้เมื่อพลิกดูผ่านๆ จะพบว่าเต็มไปด้วยข้อความ และคำพูดสั้นๆ พลิกดูแล้วรู้สึกโหวงๆ อาจเพราะปกติอ่านแต่หนังสือที่มีตัวอักษรอัดแน่นเต็มบรรทัด เต็มหน้า แต่พอเริ่มอ่านหน้าแรกก็กลับอ่านไหลลื่นไปเรื่อยๆ อ่านเพลินจนจบถึงหน้าสุดท้ายทีเดียวค่ะ
หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายเพราะผู้เขียนถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาผ่านคำพูด ขณะอ่านรู้สึกเหมือนกำลังนั่งฟังผู้ชายคนหนึ่งที่ทั้งอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ และใจดี กำลังบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฉุกคิด และสะกิดให้มองเห็นความสุข และความโชคดี ที่อบอวลอยู่รอบตัวเรา
เนื้อหาแบ่งออกเป็นหัวข้อสั้นๆ บอกเล่าเรื่องราวอย่างกระชับ พร้อมสอดแทรกข้อคิด คำพูดที่กินใจ และแทงใจ หากอ่านจนจบผู้อ่านจะเข้าใจได้ว่าผู้เขียนกำลังสื่อความหมายของการมองชีวิต และการเลือกทางเดินชีวิตให้ผู้อ่านเข้าใจว่า เราไม่เพียงแต่จะเลือกทางเดินชีวิตได้ เราทุกคนสามารถสร้างเส้นทางเดินรวมถึงเรื่องราวดีๆในชีวิตในแบบที่เราต้องการได้ด้วย เพียงแค่เรารู้จักปรับเปลี่ยนวิธีมองโลก คำพูด และการกระทำ
ในตอนหนึ่งของหนังสือ ผู้เขียนตั้งคำถามไว้อย่างน่าสนใจว่า “ถ้ามนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิงจริง แล้วเกิดอะไรขึ้นกับลิงที่พลาดโอกาสเป็นมนุษย์” อ่านถึงตรงนี้ก็ก็อมยิ้ม สำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าตัวเองไม่ใช่ลิง (555) พอพลิกหน้าหนังสือถัดไปผู้เขียนก็เฉลยด้วยคำพูดชวนให้คิดว่า “ก็เพราะสิ่งมีชีวิตจะเปลี่ยนแปลงตนเองเมื่อถึงเวลา ฉะนั้นอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น” อ่านถึงตรงนี้ก็เกิดความรู้สึกขอบคุณผู้เขียนที่ทำให้ตัดสินใจปัญหาบางอย่างที่ขบคิดมานานได้ ความคิดพรั่งพรูออกมาว่า เมื่อเราดำรงตนเป็นคนดี ดำเนินชีวิตในแนวทางที่เหมาะที่ควรแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำอนาคตมาวิตกกังวล ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีใครประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด พวกเขาล้วนต้องผ่านร้อน ผ่านหนาว และผ่านการสะสมประสบการณ์ และลองผิดลองถูกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จึงจะไปถึงยังเป้าหมายที่ต้องการ จงให้กำลังใจตัวเอง และอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หันมาแข่งขันกับตัวเองและพัฒนาตัวเองขึ้นในทุกๆวัน รับรองว่าความสุขจะเพิ่มขึ้น ความกดดันจะลดลง ไม่ช้าอาจประสบความสำเร็จได้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งนี้ก็เพราะ “สิ่งมีชีวิตจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อถึงเวลา” ไงคะ
อีกตอนหนึ่งที่ชอบคือวิธีทำตัวเองให้กลายเป็นลูกค้า VIP หัวข้อนี้อ่านแล้วขำ เพราะมานึกๆดูเราเองก็ทำตัวให้เป็นลูกค้า VIP เหมือนกัน ผู้เขียนบอกให้เรารู้จักขอบคุณบ่อยๆ มอบรอยยิ้ม และกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ เช่นว่า เวลาเราไปซื้อก๋วยเตี๋ยว พอรับชามจากแม่ค้าก็ขอบคุณแม่ค้าทำอร่อยก็ชมเค้าสักหน่อย อย่าเก็บไว้แต่ในใจ แล้วเราก็จะได้เห็นรอยยิ้มของแม่ค้า แถมมาด้วยก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่เครื่องเยอะแบบคาดไม่ถึง แค่นี้ก็กลายเป็นลูกค้า VIP ได้ไม่อยากแล้วค่ะ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายหัวข้อที่น่าสนใจมากเลยค่ะ เช่น วิธีสร้างความสนิทสนมในอึดใจ วิธีพูดให้ชนะใจคนหน้าตาดี วิธีจีบสาวแบบแนบเนียนด้วยการขอความช่วยเหลือ วิธีหาแฟนน่ารักๆ ฯลฯ บทท้ายๆจะเกี่ยวกับความรัก อ่านแล้วตลกมากเลยค่ะ
สรุปว่าเป็นหนังสือที่อ่านแล้วไม่หนักสมอง ได้อมยิ้มกับข้อคิดดีๆ และซาบซึ้งกับคำพูดดีๆ ตลอดเล่มเลยค่ะ
ภูมิคุ้มกัน บอดี้การ์ดส่วนตัว
4
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือแปลจาก ญี่ปุ่นค่ะ หนังสือเล่มนี้เหมือนจะเป็นหนังสือกึ่งๆ วิชาการเพราะเนื้อหาแน่นทีเดียวค่ะ แต่ภายในก็มีการ์ตูนน่ารักๆ อารมณ์ดี ทำให้อ่านแล้วได้ความรู้แถมอมยิ้มได้เหมือนกัน
อ่านแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าภูมิคุ้มกันราว 70% สร้างจากแบคทีเรียในลำไส้ ที่เหลืออีก 30% สร้างขึ้นจากจิตใจเรา แถมในปัจจุบันเราทุกคนทำให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ลดลงอย่างไม่ตั้งใจ เช่น รักความสะอาดเกินพอดี กิน และเคี้ยวอาหารไม่ถูกวิธี
นอกจากนี้ก็มีหัวข้ออื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกเยอะแยะเลยค่ะ
และที่น่าสนใจอีกหัวข้อก็คือ เรื่องเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ค่ะ ทั้งภูมิแพ้ทางระบบทางเดินหายใจ ผื่นแพ้ผิวหนัง และการแพ้อาหารชนิดต่างๆ มีแถมท้ายบอกถึงอาหารและวิธีช่วยลดและควบคุมโรคภูมิแพ้ด้วยค่ะ
แนะนำหนังสือสำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือแพ้อาหารนะคะ ลองหามาอ่านดูค่ะ ดึงเฉพาะเรื่องที่เหมาะและมีประโยชน์กับเรามาประยุกต์ใช้ดูแลตัวเอง ไม่แน่ว่าลองปรับเปลี่ยนอาหารเพียงเล็กน้อยก็อาจช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ค่ะ

สมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้น่าจะถูกใจและเป็นประโยชน์สำหรับคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและญาติ เพราะเริ่มต้นหนังสือก็ได้อธิบายปูพื้นเรื่องโรคอย่างละเอียด ตั้งแต่ความรู้ทั่วไป วิธีวัดความดัน อาการ ตลอดจนโรคแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งบอกวิธีกิน วิธีใช้สมุนไพรทั้ง 121 ชนิด (สมุนไพรส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่เรารู้จักกันดี หาซื้อได้ทั่วไป)
กลุ่มที่ 2 คือ บุคลากรทางสาธารณสุขและนักวิจัย เช่น นักโภชนาการ นักกำหนดอาหาร และแพทย์ทางเลือก เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนตำราขนาดย่อมที่อธิบายสมุนไพรแต่ละชนิดไว้อย่างละเอียดทั้งชื่อวิทยาศาสตร์ ลักษณ์ทางพฤกษศาสตร์ สาระสำคัญที่พบ วิธีใช้ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ และรายงานผลการทดลองที่บ่งบอกสรรพคุณในการรักษา
เนื่องจากผู้แต่งหนังสือเล่มนี้เป็นเภสัชกรที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร และเขียนหนังสือแนวนี้มาแล้วหลายเล่ม เนื้อหาในหนังสือจึงค่อนข้างครบถ้วนและน่าเชื่อถือ ส่วนตัวทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารและสุขภาพจึงสนใจหนังสือแนวนี้เป็นพิเศษ เพราะต้องการหนังสือที่มีข้อมูลและเอกสารอ้างอิง (reference) ที่ชัดเจนเพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบค้นข้อมูลในการทำงาน
Bakery Tips เคล็ดลับการทำเบเกอรี
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้สำหรับผู้ที่เริ่มหัดทำขนมเบเกอรีค่ะ มีติดครัวไว้รู้สึกอุ่นใจ รู้สึกว่าส่วนหนึ่งที่ฝีมือการทำขนมพัฒนาขึ้น (บ้าง ^^) ก็เพราะหาหนังสือดีๆมาอ่านเพิ่มเติมความรู้ และฝึกทำขนมบ่อยๆค่ะ หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจเลยว่าทำไมขนมที่ทำไม่ขึ้นฟู สีไม่สวย และทำไมบางทีทำออกมาไม่อร่อยเหมือนครั้งแรก (^^”)
หนังสือจะอธิบายตั้งแต่ความสำคัญของส่วนผสมในขนมเบเกอรี การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ประเภท ชนิด ตลอดจนวิธีเตรียมส่วนผสมต่างๆ เช่น เจลาตินผง กับเจลาตินแผ่นมีวิธีเตรียมแตกต่างกัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวบรวมเคล็ดลับดีๆ ตลอดจนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการทำเบเกอรีชนิดต่างๆไว้ด้วยค่ะ เช่น ขนมปัง คุกกี้ ชีสเค้ก บราวนี่ โดนัท ไอศกรีมทอด ฯลฯ
อ้อๆยังแนะนำการเลือกซื้ออุปกรณ์เบเกอรี ชนิดต่างๆ ไว้อีกด้วยค่ะ
ชอบหนังสือที่สรุปเคล็ดลับสั้นๆ อ่านเข้าใจง่ายและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงแบบเล่มนี้ค่ะ ถ้าเพื่อนๆมีหนังสือที่เกี่ยวกับทำขนมหรืออาหารที่คล้ายๆกันแบบนี้ รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ส่วนตัว ประทับใจตั้งแต่บทแรกเลยค่ะ ขึ้นต้นว่า “รู้ไหม…ท่านเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง”
คุณหมออธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายมาก เหมือนคอยแนะให้เราสังเกตความเสื่อมถอยของร่างกายพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ว่าเป็นความเสื่อมถอยที่ปกติ หรือผิดปกติ เช่น “เรื่องน้ำหนักตัว” คุณหมอบอกว่าถ้าภายใน 6 เดือน – 1 ปี น้ำหนักลดลงมากกว่า 5% ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบหาสาเหตุ หากปล่อยทิ้งไว้จนน้ำหนักลดลงเรื่อยๆ ร่างกายของท่านจะอ่อนแอลง โรคภัยรุมเร้าได้ง่าย
เนื้อหาในบทอื่นๆก็น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ ทั้งเรื่องการกิน นอน ท่าบริหารง่ายๆ การใช้ยา คำแนะนำในการตรวจ
สุขภาพ การจัดบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่าน การดูแลหัวใจดวงน้อยๆของท่าน ฯลฯ
ตอนเด็กๆ เวลาเราหกล้มร้องไห้ พ่อกับแม่นี่แหละที่วิ่งมาหาเราก่อนใคร ทั้งเป่า ทั้งนวด ทั้งกอดให้เราหาย
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะดูแลท่านบ้างแล้วค่ะ

เค้กสุขภาพ
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เพราะอยากลองทำขนมอร่อยๆ ที่มีไขมันต่ำและมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้คนที่บ้านทาน ก็เลยตระเวนหาหนังสือเกี่ยวกับขนมสุขภาพอยู่นานจนพบกับหนังสือเล่มนี้ค่ะ หนังสือ “CAKE สุขภาพ” น่าสนใจตรงที่ผู้เขียนเป็นอาจารย์สอนประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพค่ะ
พลิกดูเนื้อหาก็รู้สึกถูกใจทันที เพราะสูตรขนมที่อาจารย์พัฒนามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าขนมเค้กที่ขายทั่วไปตามท้องตลาดจริงๆค่ะ อาจารย์เน้นปรับปรุงสูตรโดยลดแป้งและเนยลง บางสูตรลดลงมากกว่า 50% และมีการนำธัญพืช ผัก และผลไม้เข้ามาแทนที่ แถมอาจารย์ยังการันตีว่าทำการทดลองและวิจัยแล้วพบว่าเค้กส่วนใหญ่ที่พัฒนาสูตรมาสามารถลดแคลอรีลงได้มากถึง 50-60% สูตรขนมเค้กในเล่มมีทั้งหมด 46 สูตรค่ะ ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำออกมาอร่อยเพราะเห็นบอกว่าสูตรลดแป้งลดเนยลงไปเยอะ แต่สูตรแรกที่ลองทำคือ เค้กแครอต อร่อยใช้ได้เลยนะคะ แต่สำหรับใครที่ชอบกินนมเนยเยอะๆอาจจะติว่าหอมเนยน้อยไปหน่อย แต่ให้หลายคนชิมบอกตรงกันว่าอร่อยจริงๆค่ะ
The five minute healer แค่ 5 นาทีเพื่อสุขภาพดีตลอดวัน
4
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 06 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิตยสารที่รวบรวมเคล็ดลับ และ Tip ต่างๆในการดูแลสุขภาพใจและกายเลยค่ะ
อาจเพราะภาพประกอบสีสวย การจัดวางตัวหนังสือ และการสรุปเคล็ดวิธีในการส่งเสริมสุขภาพโดยง่าย ทำให้อ่านเพลินๆ หลงคิดว่ากำลังอ่านนิตยสารฉบับกระเป๋าอยู่
ผู้เขียนเน้นในบทนำว่า หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเหมาะกับวัยทำงาน โดยแต่ละบทจะแนะนำวิธีกิน นอน พักผ่อน บริหารร่างกาย ตามแบบวิธีธรรมชาติที่จะช่วยให้คนวัยทำงานรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง และมีพลัง
กว่า 70 วิธีในการดูแลสุขภาพของวัยทำงาน เนื้อหาเรียงลำดับกิจกรรมที่ควรทำเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน อาหารเช้าที่ควรกินเพื่อเพิ่มพลัง การเดินทางไปที่ทำงาน การเพิ่มคุณภาพชีวิตในที่ทำงาน การแก้ปัญหาต่างๆ วิธีคลายเครียด และกิจกรรมที่ควรทำหลังเลิกงาน
นอกจากนี้ก็มีตำรับอาหารเพื่อสุขภาพพร้อมวิธีทำ และแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคหรือวิธีในการบำบัดในแบบต่างๆสำหรับผู้ที่สนใจค้นข้อมูลเพิ่มเติม
ถ้าใครชอบอ่านนิตยสารสุขภาพ หรือ คอลัมน์ที่แนะนำ Tip ในการดูแลสุขภาพสั้นๆน่าจะถูกใจหนังสือเล่มนี้ค่ะ
ดูแลใส่ใจ ให้สมองใส ในวัยทำงาน
5
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 05 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แรกเห็นก็รู้สึกสะดุดตากับชื่อเรื่อง และภาพประกอบค่ะ คิดว่าเหมาะกับคนวัยทำงานอย่างเราๆที่มีชีวิตที่เร่งรีบ นอนดึกตื่นเช้า แถมใช้พลังสมองอย่างเต็มพิกัดอีกต่างหาก
เนื้อหาภายในเล่มน่าสนใจอย่างที่คาดไว้ค่ะ เริ่มจากแบบทดสอบอายุสมอง (พออ่านถึงตรงเนื้อหาที่บอกว่า จากผลสำรวจพบว่าสมองของคนทำงานแก่กว่าอายุจริง 30 เลยรีบทำแบบทดสอบเลยค่ะ ^^”) แล้วก็มีแบบทดสอบที่จะช่วยให้เรารู้ว่าตอนนี้เราจำเป็นต้องเสริมการทำงานของสมองด้านไหนมากที่สุด(อ่านแบบทดสอบแล้วอดขำไม่ได้เพราะนึกถึงตัวเองและคนใกล้ตัว เช่นว่า คุณคิดไม่ออกว่าเมื่อวานกินอะไรเป็นอาหารมื้อเย็น หรือพอถูกขัดจังหวะก็จะลืมว่าจะพูดอะไรต่อ)
อ้อๆวิธีฝึกสมองก็น่าสนใจค่ะ แบ่งเป็นวิธีฝึกเพื่อเพิ่มความสามารถในการคำนวณ การจำ การพูด เพิ่มสมาธิ ความคิดสร้างสรรค์
บอกวิธีกระตุ้นสมองในแบบต่างๆ เช่น การนวดกดจด (ทำได้ด้วยตัวเอง) อาหารบำรุงสมองพร้อมวิธีทำ และเคล็ดลับต่างๆ
หนังสือเล่มนี้อ่านง่าย ภาพประกอบน่ารัก และก็คำแนะนำในเล่มก็สามารถทำตามได้ง่ายๆ นับเป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่มค่ะ
มื้ออร่อยที่กรุงเทพฯ
4
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมื่อถึงวันหยุดทีไร ถ้าใครชอบพาคุณเพื่อนหรือคุณแฟนตระเวนหาร้านอร่อย บรรยากาศดีๆ รอบกรุงเทพ น่าจะถูกใจหนังสือเล่มนี้ค่ะ
หนังสือ “มื้ออร่อยที่กรุงเทพฯ” รวบรวมร้านอาหารที่ตกแต่งร้านได้น่าสนใจทั่วกรุงเทพไว้มากกว่า 80 ร้านทีเดียวค่ะ
หนังสือน่าสนใจตรงที่แบ่งหมวดหมู่ร้านอาหารตามไลฟ์สไตล์และความชอบไว้อย่างชัดเจน (รู้สึกว่าถ้าจะวางแผนพาเพื่อนหรือคนในครอบครัวไปกินข้าวทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมากค่ะ) เช่น ร้านอาหารบรรยากาศสวีทหวานสำหรับนัดเดทกับคนรู้ใจ ร้านอาหารสำหรับนั่งชิลล์ๆหลังเลิกงานกับเพื่อนๆ ร้านกาแฟเก๋ๆ ร้านขนมหวานน่ากิน (มากเลยค่ะ >.<) ร้านอาหารหรูสำหรับนัดสำคัญ ร้านสไตล์อบอุ่นสำหรับคนในครอบครัว ฯลฯ
สำหรับรายละเอียดอื่นๆก็มีค่อนข้างครบค่ะ เช่น ที่ตั้ง เบอร์โทรศัพท์ เวลาเปิดทำการ แผนที่ ราคาค่าใช้จ่ายต่อคน และ Rating สรุปทั้งความอร่อย บรรยากาศ และความคุ้มค่าราคา
หนังสือภาพสวยค่ะ ทั้งภาพบรรยากาศในร้านและภาพอาหาร แต่ละที่ดูแล้วต่างสไตล์ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ น่าไปมากเลย
ใครมีหนังสือเล่มนี้มาแล้วก็อย่าลืมพาคุณพ่อคุณแม่ คุณเพื่อน คุณแฟนไปกินข้าวนอกบ้าน เติมความรักและความสุขกันนะคะ
www.batorastore.com © 2024