Customer Reviews

เล่มที่ 3 และเล่มสุดท้ายของ the rising sun บอกเลยว่าถ้าตอนของทาเคชิและริวม่ปูพื้นมาให้รู้สึกน่าสนใจ ก็ไม่ได้คิดจะอ่านแต่แรกค่ะ มีความรู้สึกว่าจุดอิ่มตัวมันน่าจะอยู่ที่รุ่นพ่อแล้ว และเล่มนี้ก็ไม่ได้ถูกสร้างเป็นละครด้วย อ่านจบแล้วก็อยากจะบอกว่า ไม่ค่อยสนุกจริง ๆ อย่างที่คิดไว้เลยค่ะ ทั้งหมดของเรื่องนี้เป็นความคิดของริวที่อยากจะจับคู่ให้ลูกชายของตัวเองกับลูกสาวของทาเคชิที่มีสายเลือดของโอนิซึกะอย่างแท้จริงและสร้างความชอบธรรมในการขึ้นครองอำนาจของทัตสึโอะ บุตรชายคนโตของริวเอง เนื้อหาในเล่มนี้ก็วนเวียนอยู่แต่ในเรือสำราญ ที่ทัตสึโอะจับพราวตะวันมาขังไว้ หลังครึ่งเล่มไปแล้วก็ติดเรทเกือบตลอดทั้งเล่มค่ะ มารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นการกลับมาของ ไอโกะ จากรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ที่มาทวงความยุติธรรมให้กับลูกชายตัวเองกับเคนอิจิ ซะโต้ ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะแพรวดาวมีอาการหวาดระแวงอย่างชัดเจน ในส่วนของฉากบู๊ก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับ 2 เล่มแรก ดูเหมือนทัตสึโอะจะยังไม่มีบารมีมากพอที่จะปกครองคนในวิถีชีวิตแบบโกะคุโด ในส่วนท้าย ๆ ก็จะเป้นการปรับความเข้าใจกันของริวกับทาเคชิในเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับเลยค่ะว่าอ่านยังไงก็ไม่สนุก ไม่สนุกเลยจริง ๆ ถ้าเทียบกันกับ 2 ภาคแรกแล้วยอมรับว่าดีกว่ามาก ทัตสึโอะเหมือนลูกแหง่ที่ริวต้องป้อนข้อมูล ต้องทำให้เกือบทุกอย่าง มีลูกน้องเหมือนเบ๊ ทำให้ทุกอย่าง คิดให้ทุกอย่าง เรื่องนี้คงจะให้คะแนนสค่อนไปยังต่ำกว่าเกณฑ์ค่ะ

เล่มที่ 3 และเล่มสุดท้ายของ the rising sun บอกเลยว่าถ้าตอนของทาเคชิและริวม่ปูพื้นมาให้รู้สึกน่าสนใจ ก็ไม่ได้คิดจะอ่านแต่แรกค่ะ มีความรู้สึกว่าจุดอิ่มตัวมันน่าจะอยู่ที่รุ่นพ่อแล้ว และเล่มนี้ก็ไม่ได้ถูกสร้างเป็นละครด้วย อ่านจบแล้วก็อยากจะบอกว่า ไม่ค่อยสนุกจริง ๆ อย่างที่คิดไว้เลยค่ะ ทั้งหมดของเรื่องนี้เป็นความคิดของริวที่อยากจะจับคู่ให้ลูกชายของตัวเองกับลูกสาวของทาเคชิที่มีสายเลือดของโอนิซึกะอย่างแท้จริงและสร้างความชอบธรรมในการขึ้นครองอำนาจของทัตสึโอะ บุตรชายคนโตของริวเอง เนื้อหาในเล่มนี้ก็วนเวียนอยู่แต่ในเรือสำราญ ที่ทัตสึโอะจับพราวตะวันมาขังไว้ หลังครึ่งเล่มไปแล้วก็ติดเรทเกือบตลอดทั้งเล่มค่ะ มารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นการกลับมาของ ไอโกะ จากรอยรักหักเหลี่ยมตะวัน ที่มาทวงความยุติธรรมให้กับลูกชายตัวเองกับเคนอิจิ ซะโต้ ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะแพรวดาวมีอาการหวาดระแวงอย่างชัดเจน ในส่วนของฉากบู๊ก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับ 2 เล่มแรก ดูเหมือนทัตสึโอะจะยังไม่มีบารมีมากพอที่จะปกครองคนในวิถีชีวิตแบบโกะคุโด ในส่วนท้าย ๆ ก็จะเป้นการปรับความเข้าใจกันของริวกับทาเคชิในเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับเลยค่ะว่าอ่านยังไงก็ไม่สนุก ไม่สนุกเลยจริง ๆ ถ้าเทียบกันกับ 2 ภาคแรกแล้วยอมรับว่าดีกว่ามาก ทัตสึโอะเหมือนลูกแหง่ที่ริวต้องป้อนข้อมูล ต้องทำให้เกือบทุกอย่าง มีลูกน้องเหมือนเบ๊ ทำให้ทุกอย่าง คิดให้ทุกอย่าง เรื่องนี้คงจะให้คะแนนสค่อนไปยังต่ำกว่าเกณฑ์ค่ะ

คิดมาตลอดค่ะ ว่านิยายประเภทเจ้าหญิง เจ้าชายมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน อ่านแล้วได้แต่มโน ไม่น่าสนุก คำราชาศัพท์เยอะ แต่พอมาอ่านเล่มนี้แล้วลืมความคิดนี้เลยค่ะ จำได้ราง ๆ ว่าเคยถูกทำเป็นละคร แต่จำไม่ได้แล้วว่าใครเล่นเป็นพระเอก นางเอก จำได้แต่รุ่นหลังของช่อง 7 นี่แหละค่ะ ซึ่งไม่สนุกเอาซะเลย นิยายถูกแปลงจนเพี้ยนไปหมด ทั้ง ๆ ที่นิยายมีแต่ความสวยงาม อ่อนหวาน อย่างเช่นเจ้าหญิงทรรศิกา ผู้เข้าใจว่าตัวเองตกเป็นเชลยในมือของเจ้าหลวงรังสิมันต์ผู้โหดร้าย ไม่ว่าเจ้าหลวงจะทำอย่างไร เธอก็เข้าใจว่าเธออยู่ในสถานะนักโทษเท่านั้น แม้สิ่งที่เจ้าหลวงกระทำจะแปลได้โดยง่ายว่า เป้นการทำเพื่อความรักทั้งนั้น ซึ่งการกระทำของเจ้าหลวงในครั้งนี้ เป็นการกระทำตามใจตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีเหตุผลใด ๆ นอกจากความรัก แต่ไม่มีใครเข้าใจและกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่ลุกลามใหญ่โตระหว่าง 3 แคว้น กาสิก พันธุรัฐ และทานตะ ที่มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งเป็นว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหลวงรังสิมันต์อยู่ อยากจะบอกว่ารู้สึกหนาวเหน็บไปกับเมืองหิมะ และอบอุ่นไปกับความอ่อนโยนของเจ้าหลวงมาก ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะเป็นคนโหดเหี้ยมได้อย่างที่เป็นข่าวลือกัน เพียงแต่เป็นคนจริงจัง ทำอะไรทำจริงแค่นั้นเอง อ่านจบแล้วก็รู้สึกฟินมาก ๆ ค่ะ อยากเป็นเจ้าหญิงมาก ๆ เลย เป็นนิยายที่อ่อนหวานตั้งแต่ต้นจนจบมาก สมกับเป็นเป็นผลงานของนักประพันธ์ชั้นครูอย่าง ทมยันตี จริง ๆ ไม่ผิดหวังเลยค่ะ และรู้สึกดีใจมากที่หยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน

คิดมาตลอดค่ะ ว่านิยายประเภทเจ้าหญิง เจ้าชายมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน อ่านแล้วได้แต่มโน ไม่น่าสนุก คำราชาศัพท์เยอะ แต่พอมาอ่านเล่มนี้แล้วลืมความคิดนี้เลยค่ะ จำได้ราง ๆ ว่าเคยถูกทำเป็นละคร แต่จำไม่ได้แล้วว่าใครเล่นเป็นพระเอก นางเอก จำได้แต่รุ่นหลังของช่อง 7 นี่แหละค่ะ ซึ่งไม่สนุกเอาซะเลย นิยายถูกแปลงจนเพี้ยนไปหมด ทั้ง ๆ ที่นิยายมีแต่ความสวยงาม อ่อนหวาน อย่างเช่นเจ้าหญิงทรรศิกา ผู้เข้าใจว่าตัวเองตกเป็นเชลยในมือของเจ้าหลวงรังสิมันต์ผู้โหดร้าย ไม่ว่าเจ้าหลวงจะทำอย่างไร เธอก็เข้าใจว่าเธออยู่ในสถานะนักโทษเท่านั้น แม้สิ่งที่เจ้าหลวงกระทำจะแปลได้โดยง่ายว่า เป้นการทำเพื่อความรักทั้งนั้น ซึ่งการกระทำของเจ้าหลวงในครั้งนี้ เป็นการกระทำตามใจตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีเหตุผลใด ๆ นอกจากความรัก แต่ไม่มีใครเข้าใจและกลายเป็นปัญหาทางการเมืองที่ลุกลามใหญ่โตระหว่าง 3 แคว้น กาสิก พันธุรัฐ และทานตะ ที่มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งเป็นว่าที่คู่หมั้นของเจ้าหลวงรังสิมันต์อยู่ อยากจะบอกว่ารู้สึกหนาวเหน็บไปกับเมืองหิมะ และอบอุ่นไปกับความอ่อนโยนของเจ้าหลวงมาก ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะเป็นคนโหดเหี้ยมได้อย่างที่เป็นข่าวลือกัน เพียงแต่เป็นคนจริงจัง ทำอะไรทำจริงแค่นั้นเอง อ่านจบแล้วก็รู้สึกฟินมาก ๆ ค่ะ อยากเป็นเจ้าหญิงมาก ๆ เลย เป็นนิยายที่อ่อนหวานตั้งแต่ต้นจนจบมาก สมกับเป็นเป็นผลงานของนักประพันธ์ชั้นครูอย่าง ทมยันตี จริง ๆ ไม่ผิดหวังเลยค่ะ และรู้สึกดีใจมากที่หยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน

นิยายเล่มที่ 2 ในชุดของ the rising sun ค่ะ เล่มนี้อ่านก่อนที่จะมาทำเป็นละครนานมาก เพราะชอบอะไรที่เป็นญี่ปุน รวม ๆ ก็โอเคดีค่ะ กับเนื้อหาและกลินอายของประเทศญี่ปุ่นในนิยาย เล่มนี้จะเป็นเรื่องของ ริว โอนิซึกะ ที่ขึ้นเป็นโอะยะบุนคนใหม่แทนทาเคชิ ที่(ทุกคนเชื่อว่า)เสียชีวิตไป นิยายเล่มนี้ออกจะเป็นที่ถูกใจของขาหื่นดีค่ะ ติดเรทหลายตอนมาก เริ่มมาไม่นานนางเอกก็โดนจัดหนักโทษฐานปากดีเกินไปเสียแล้ว เนื้อหาในเล่มนี้ก็จะค่อนข้างอึมครึมค่ะ เพราะมายูมิไม่รู้ว่าแท้จริงริวรักหรือไม่รัก กว่าจะเข้าใจกันได้ก็ครึ่งเรื่องพอดี แต่ชอบมายูมิมากกว่าแพรวดาวเยอะเลย เพราะมายูมิเข้มแข็งกว่าแพรวดาวเยอะ เข้าใจในวิถีของโกะคุโดและพร้อมที่จะเดินเคียงข้างริวอย่างมั่นใจ ก็ถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ๆ คู่หนึ่งเลยค่ะ ตัวร้ายก็ร้ายไม่มาก แต่รวมตัวกันร้าย ง่าย ๆ คือริวมีศัตรูทุกทางและร้ายแรงกว่าสมัยทาเคชิเยอะมาก ยอมรับว่าอ่านตอนนี้และลุ้นมากกวาตอนแรกเยอะค่ะ ลุ้นทั้งศึกรักและศึกรบของริว ตอนหวานก็หวานจนละลาย ตอนจริงจังก็จริงจังมากจนน่ากลัวค่ะ เล่มนี้ในตอนจบของท้ายเรื่องก็จะปูทางไปเล่มที่ 3 ที่เป็นเรื่องของลูกชายของริวและลูกสาวของทาเคชิ จากตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่านแค่รุ่นพ่อ เลยต้องอ่านรุ่นลูกไปด้วยเลย อยากรู้ว่าริวจะเป็นยังไงต่อไป

นิยายเล่มที่ 2 ในชุดของ the rising sun ค่ะ เล่มนี้อ่านก่อนที่จะมาทำเป็นละครนานมาก เพราะชอบอะไรที่เป็นญี่ปุน รวม ๆ ก็โอเคดีค่ะ กับเนื้อหาและกลินอายของประเทศญี่ปุ่นในนิยาย เล่มนี้จะเป็นเรื่องของ ริว โอนิซึกะ ที่ขึ้นเป็นโอะยะบุนคนใหม่แทนทาเคชิ ที่(ทุกคนเชื่อว่า)เสียชีวิตไป นิยายเล่มนี้ออกจะเป็นที่ถูกใจของขาหื่นดีค่ะ ติดเรทหลายตอนมาก เริ่มมาไม่นานนางเอกก็โดนจัดหนักโทษฐานปากดีเกินไปเสียแล้ว เนื้อหาในเล่มนี้ก็จะค่อนข้างอึมครึมค่ะ เพราะมายูมิไม่รู้ว่าแท้จริงริวรักหรือไม่รัก กว่าจะเข้าใจกันได้ก็ครึ่งเรื่องพอดี แต่ชอบมายูมิมากกว่าแพรวดาวเยอะเลย เพราะมายูมิเข้มแข็งกว่าแพรวดาวเยอะ เข้าใจในวิถีของโกะคุโดและพร้อมที่จะเดินเคียงข้างริวอย่างมั่นใจ ก็ถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ๆ คู่หนึ่งเลยค่ะ ตัวร้ายก็ร้ายไม่มาก แต่รวมตัวกันร้าย ง่าย ๆ คือริวมีศัตรูทุกทางและร้ายแรงกว่าสมัยทาเคชิเยอะมาก ยอมรับว่าอ่านตอนนี้และลุ้นมากกวาตอนแรกเยอะค่ะ ลุ้นทั้งศึกรักและศึกรบของริว ตอนหวานก็หวานจนละลาย ตอนจริงจังก็จริงจังมากจนน่ากลัวค่ะ เล่มนี้ในตอนจบของท้ายเรื่องก็จะปูทางไปเล่มที่ 3 ที่เป็นเรื่องของลูกชายของริวและลูกสาวของทาเคชิ จากตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่านแค่รุ่นพ่อ เลยต้องอ่านรุ่นลูกไปด้วยเลย อยากรู้ว่าริวจะเป็นยังไงต่อไป

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยค่ะ คุณชายธราธร พี่ชายคนโตของตระกูลจุฑาเทพ คุณชายที่ต้องแบกรับภาระทุกอย่างและคอยดูแลน้องอีกทั้ง 4 คน คุณชายธราธรเป็นคุณชายที่เพอร์เฟ็กต์มาก เสียดายแต่ว่าเป็นคนจริงจังและดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปหน่อย อาจเป็นเพราะต้องดูแลน้อง ๆ มาตั้งแต่เล็ก อาชีพที่ทำก็ช่างเหมาะสมมาก เป็นนักโบราณคดี และเป็นอาจารย์ เลยดูเหมือนกับว่าคุณชายธราธรจะต้องคอยทำหน้าตึงใส่คนอื่นตลอดเวลา แต่แท้ที่จริงก็เป็นผู้ชายอบอุ่นและเสียสละ เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ คุณชายกินเด็ก เพราะคุณชายอายุห่างกับนางเอกตั้ง 10 ปีเสียดายว่าเนื้อหาของเรื่องไม่ค่อยมีอะไร ดูเรียบ ๆ เกินไปหน่อย คนไม่ชอบประวัติศาสตร์คงจะเบื่อมาก เพราะนิยายแทรกด้วยเนื้อหาทางประวัติศาสตร์หลายช่วง และเป็นประวัติศาสตร์ของขอมโบราณ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในป่ากันเกือบครึ่งเรื่องค่ะ เป็นช่วงที่ทำให้พระเอกและนางเอก รวมไปถึงเกษราและชินกรได้ค้นพบหัวใจตัวเอง หาฉากสวีทพระนางเจอน้อยมากค่ะ เพราะกว่าจะตกลงกันได้ก็เกือบท้ายเล่มแล้ว ช่วงอยู่ในป่าจะค่อนข้างน่าเบื่อค่ะ ออกมาจากป่าเป็นปัจจุบันแล้วจะรู้สึกสนุกขึ้นมาเยอะเลย จะว่าไปฉากดราม่ามีมากกว่าสวีทอีกนะ เข้าใจผิดกันเกือบทั้งเรื่อง มาตลกตอนชินกรจับได้ว่าเกษราปลอมตัวมา และดีใจที่เกษรายอมยกเลิกงานหมั้นกับคุณชายค่ะ อยากจะบอกว่าลุ้นคู่นี้มากกว่าคู่พระนางอีกนะเนี่ย รำคานคุณชายปากแข็งฟอร์มจัด จะรักดีไม่รักดี จะเอาไงดี ก็สรุปว่าเรื่องนี้พอใช้ได้ค่ะ ไม่ได้สนุกมาก แต่ก็ปูพื้นฐานของคุณชายคนอื่น ๆ ไว้ได้ดีพอสมควร

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยค่ะ คุณชายธราธร พี่ชายคนโตของตระกูลจุฑาเทพ คุณชายที่ต้องแบกรับภาระทุกอย่างและคอยดูแลน้องอีกทั้ง 4 คน คุณชายธราธรเป็นคุณชายที่เพอร์เฟ็กต์มาก เสียดายแต่ว่าเป็นคนจริงจังและดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปหน่อย อาจเป็นเพราะต้องดูแลน้อง ๆ มาตั้งแต่เล็ก อาชีพที่ทำก็ช่างเหมาะสมมาก เป็นนักโบราณคดี และเป็นอาจารย์ เลยดูเหมือนกับว่าคุณชายธราธรจะต้องคอยทำหน้าตึงใส่คนอื่นตลอดเวลา แต่แท้ที่จริงก็เป็นผู้ชายอบอุ่นและเสียสละ เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ คุณชายกินเด็ก เพราะคุณชายอายุห่างกับนางเอกตั้ง 10 ปีเสียดายว่าเนื้อหาของเรื่องไม่ค่อยมีอะไร ดูเรียบ ๆ เกินไปหน่อย คนไม่ชอบประวัติศาสตร์คงจะเบื่อมาก เพราะนิยายแทรกด้วยเนื้อหาทางประวัติศาสตร์หลายช่วง และเป็นประวัติศาสตร์ของขอมโบราณ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในป่ากันเกือบครึ่งเรื่องค่ะ เป็นช่วงที่ทำให้พระเอกและนางเอก รวมไปถึงเกษราและชินกรได้ค้นพบหัวใจตัวเอง หาฉากสวีทพระนางเจอน้อยมากค่ะ เพราะกว่าจะตกลงกันได้ก็เกือบท้ายเล่มแล้ว ช่วงอยู่ในป่าจะค่อนข้างน่าเบื่อค่ะ ออกมาจากป่าเป็นปัจจุบันแล้วจะรู้สึกสนุกขึ้นมาเยอะเลย จะว่าไปฉากดราม่ามีมากกว่าสวีทอีกนะ เข้าใจผิดกันเกือบทั้งเรื่อง มาตลกตอนชินกรจับได้ว่าเกษราปลอมตัวมา และดีใจที่เกษรายอมยกเลิกงานหมั้นกับคุณชายค่ะ อยากจะบอกว่าลุ้นคู่นี้มากกว่าคู่พระนางอีกนะเนี่ย รำคานคุณชายปากแข็งฟอร์มจัด จะรักดีไม่รักดี จะเอาไงดี ก็สรุปว่าเรื่องนี้พอใช้ได้ค่ะ ไม่ได้สนุกมาก แต่ก็ปูพื้นฐานของคุณชายคนอื่น ๆ ไว้ได้ดีพอสมควร

แอบหลงรักนิยายเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ ชอบจังเลยที่พระเอกเป็นฝาแฝดกัน มันมีอะไรให้คิดมากมายเลย ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะหยิบมาอ่านค่ะ ไม่ค่อยจะชอบชื่อหนังสือเลย แต่พอรู้ว่าปราณต์ – ปราณนต์ เป็นณเดชน์ ต้องรีบไปหามาอ่านเลยค่ะ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้น่ารักมาก ๆ ถึงมากที่สุดเลยค่ะ อ่านจบแล้วแบบยังยิ้มไม่หุบไปอีก 3 วันเต็ม ๆ เรื่องนี้เริ่มเรื่องโดย ภัทริน นางเอกของเรื่องถูกเพื่อนชายคนสนิทที่ตัวเองเทใจทั้งหมดไปให้หลอกลวงแล้วยังทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้เธออีก เธอจึงต้องแบกภาระต่าง ๆ พร้อมใจที่บอบช้ำสุด ๆ กลับบ้าน และได้พบกับคุณหมอปราณนต์รูปหล่อ อบอุ่นที่ต้องการจะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นภรรยาปลอม ๆ ซึ่งภัทรินเองก็อยากได้เงินไปใช้หนี้ ทั้งคู่ต่างตกลงกันได้ด้วยดีจนถึงขั้นดีมากเกินไปด้วย เพราะหมอปราณนต์น่ารักกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย จนเธอเกือบลืมไปว่าตัวเองเป็นแค่ภรรยาปลอม ๆ จนหมอเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นความจำเสื่อมและเธอต้องมาเจอกับปรานต์ พี่ชายฝาแฝดของหมอที่ยียวนสุด ๆ ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็หวั่นไหวและเริ่มไม่รู้ว่าตัวเองรักใคร กว่าจะจบเรื่องได้นี่หมอนแทบขาดเลยค่ะ หลงรักคุณหมอมากกกกก แต่ก็รักปรานต์มากกว่า ชอบผู้ชายยียวนกวนประสาทมากกว่าเรียบร้อย ตอนจบมีหักมุมให้ได้อมยิ้มกันเล็กน้อยด้วย เนื้อหาไม่ซีเรียสค่ะ ซอฟท์ ๆ พอให้เดาทางได้บ้างแต่ก็ไม่มากจนเกินไป ลองอ่านกันดูค่ะ

แอบหลงรักนิยายเรื่องนี้มาก ๆ เลยค่ะ ชอบจังเลยที่พระเอกเป็นฝาแฝดกัน มันมีอะไรให้คิดมากมายเลย ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะหยิบมาอ่านค่ะ ไม่ค่อยจะชอบชื่อหนังสือเลย แต่พอรู้ว่าปราณต์ – ปราณนต์ เป็นณเดชน์ ต้องรีบไปหามาอ่านเลยค่ะ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้น่ารักมาก ๆ ถึงมากที่สุดเลยค่ะ อ่านจบแล้วแบบยังยิ้มไม่หุบไปอีก 3 วันเต็ม ๆ เรื่องนี้เริ่มเรื่องโดย ภัทริน นางเอกของเรื่องถูกเพื่อนชายคนสนิทที่ตัวเองเทใจทั้งหมดไปให้หลอกลวงแล้วยังทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้เธออีก เธอจึงต้องแบกภาระต่าง ๆ พร้อมใจที่บอบช้ำสุด ๆ กลับบ้าน และได้พบกับคุณหมอปราณนต์รูปหล่อ อบอุ่นที่ต้องการจะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นภรรยาปลอม ๆ ซึ่งภัทรินเองก็อยากได้เงินไปใช้หนี้ ทั้งคู่ต่างตกลงกันได้ด้วยดีจนถึงขั้นดีมากเกินไปด้วย เพราะหมอปราณนต์น่ารักกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย จนเธอเกือบลืมไปว่าตัวเองเป็นแค่ภรรยาปลอม ๆ จนหมอเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นความจำเสื่อมและเธอต้องมาเจอกับปรานต์ พี่ชายฝาแฝดของหมอที่ยียวนสุด ๆ ซึ่งท้ายที่สุดเธอก็หวั่นไหวและเริ่มไม่รู้ว่าตัวเองรักใคร กว่าจะจบเรื่องได้นี่หมอนแทบขาดเลยค่ะ หลงรักคุณหมอมากกกกก แต่ก็รักปรานต์มากกว่า ชอบผู้ชายยียวนกวนประสาทมากกว่าเรียบร้อย ตอนจบมีหักมุมให้ได้อมยิ้มกันเล็กน้อยด้วย เนื้อหาไม่ซีเรียสค่ะ ซอฟท์ ๆ พอให้เดาทางได้บ้างแต่ก็ไม่มากจนเกินไป ลองอ่านกันดูค่ะ

เป็นนิยายลำดับสุดท้ายในชุดของสามทหารเสือสาวที่มีเนื้อหาน่าสนใจเล่มนึงค่ะ ตอนแรก ๆ ที่อ่านไม่ค่อยชอบเล่มนี้นัก เพราะมันดราม่าไปตลอดเกือบทั้งเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของมีคณา นักข่าวสาวที่ทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องของหญิงขายบริการหรือโสเภณี กับตำรวจหนุ่มอารมณ์ดี สารวัตรหิรัณย์ ชายที่ทำให้มีคณาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อผู้ชายทั้งหมดได้ ในช่วงที่สวีตก็น่ารักดีค่ะ แต่ช่วงที่ซีเรียสก็อ่านแล้วเครียดตามเลย ตัวมีคณาเป็นเด็กที่เกิดมาในหมู่บ้านที่นิยมส่งลูกสาว ภรรยาไปเป็นโสเภณีเพื่อมาเลี้ยงผู้ชายในหมู่บ้าน เธอจึงพยายามที่จะตีแผ่เรื่องนี้ออกมาให้สังคมรับรู้เมื่อทำงานแล้ว ซึ่งปัญหายังมีเพิ่มขึ้นเมื่อเธอต้องรับเลี้ยงดู สันติ หลานชายของเธอที่รับค่านิยมเรื่องของโสเภณีมายังเต็มเปี่ยม และในตอนท้าย ๆ ก็ยังได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย แม้มีคณากับหิรัณย์จะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม จริง ๆ เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ดราม่ามาก ๆ ก็จะน่ารักไปอีกแบบนะคะ รู้สึกอบอุ่นไปกับความขี้เล่นของสารวัตรหิรัณย์ เครียดตามมีคณา และอยากกระโดดถีบสันติมาก ๆ ทุกครั้งที่เปิดไปเจอ รวม ๆ แล้วก็ยังชอบเล่มนี้น้อยที่สุดใน 3 เล่มนะคะ แม้ว่าจะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบก็ตาม แต่ขอยกให้สารวัตรหิรัณย์เป็นผู้ชายที่ครบเครื่องที่สุดในจำนวน 3 เรื่องเลย ส่วนมีคณาขอให้ในเรื่องของความมุ่งมั่นค่ะ ถ้าอยากจะอ่านนิยายสะท้อนสังคมดี ๆ สักเล่มก็อยากจะขอแนะนำเล่มนี้มาก ๆ ค่ะ อ่านแล้วจะรู้สึกหดหู่กับเรื่องค่านิยมโสเภณีจริง ๆ

เป็นนิยายลำดับสุดท้ายในชุดของสามทหารเสือสาวที่มีเนื้อหาน่าสนใจเล่มนึงค่ะ ตอนแรก ๆ ที่อ่านไม่ค่อยชอบเล่มนี้นัก เพราะมันดราม่าไปตลอดเกือบทั้งเรื่อง เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของมีคณา นักข่าวสาวที่ทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องของหญิงขายบริการหรือโสเภณี กับตำรวจหนุ่มอารมณ์ดี สารวัตรหิรัณย์ ชายที่ทำให้มีคณาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อผู้ชายทั้งหมดได้ ในช่วงที่สวีตก็น่ารักดีค่ะ แต่ช่วงที่ซีเรียสก็อ่านแล้วเครียดตามเลย ตัวมีคณาเป็นเด็กที่เกิดมาในหมู่บ้านที่นิยมส่งลูกสาว ภรรยาไปเป็นโสเภณีเพื่อมาเลี้ยงผู้ชายในหมู่บ้าน เธอจึงพยายามที่จะตีแผ่เรื่องนี้ออกมาให้สังคมรับรู้เมื่อทำงานแล้ว ซึ่งปัญหายังมีเพิ่มขึ้นเมื่อเธอต้องรับเลี้ยงดู สันติ หลานชายของเธอที่รับค่านิยมเรื่องของโสเภณีมายังเต็มเปี่ยม และในตอนท้าย ๆ ก็ยังได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย แม้มีคณากับหิรัณย์จะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม จริง ๆ เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ดราม่ามาก ๆ ก็จะน่ารักไปอีกแบบนะคะ รู้สึกอบอุ่นไปกับความขี้เล่นของสารวัตรหิรัณย์ เครียดตามมีคณา และอยากกระโดดถีบสันติมาก ๆ ทุกครั้งที่เปิดไปเจอ รวม ๆ แล้วก็ยังชอบเล่มนี้น้อยที่สุดใน 3 เล่มนะคะ แม้ว่าจะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบก็ตาม แต่ขอยกให้สารวัตรหิรัณย์เป็นผู้ชายที่ครบเครื่องที่สุดในจำนวน 3 เรื่องเลย ส่วนมีคณาขอให้ในเรื่องของความมุ่งมั่นค่ะ ถ้าอยากจะอ่านนิยายสะท้อนสังคมดี ๆ สักเล่มก็อยากจะขอแนะนำเล่มนี้มาก ๆ ค่ะ อ่านแล้วจะรู้สึกหดหู่กับเรื่องค่านิยมโสเภณีจริง ๆ

เล่มนี้เป็นเล่มที่ 4 ในชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพค่ะ เป็นเรื่องราวของบักคุณชายรัชชานนท์ หนุ่มวิศวะที่พบรักกับสาวชาวป่า ที่ต่อมากลายเป็นเจ้าหญิงแบบมึน ๆ เล่มนี้ติดซับอีสานเกือบจะทั้งเรื่องเลยค่ะ อ่านยากมากพอสมควร แต่ก็น่ารักมาก ๆ เนื้อหาในนิยายไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่เรื่องนี้เหมือนคุณชายรัชชานนท์จะเป็นคนขี้เก๊กมาก ๆ จะต้องคิดว่าตัวเองหล่ออยู่เสมอ สร้อยฟ้านี่มาแนวใส ๆ มาก ไม่แปลกที่จะอึ้งที่สร้อยฟ้าพูดได้ถึง 5 ภาษา อ่านถึงตอนนี้แล้วขำจริง ๆ ค่ะ ที่ชอบอีกตัวละครหนึ่งก็คือบักจ่อย อันนี้ต้องบอกว่ามาเพื่อเสริมความฮาจริง ๆ เล่มนี้ถ้าอ่านแบบไม่คิดอะไรก็ให้ผ่านคะ แต่ถ้าคิดสักนิดก็จะเห็นว่าพล็อตเรื่องง่ายเกินไป พระเอกหนีการแต่งงานไปเจอสาวชาวป่า จับพลัดจับพลูแต่งงานกัน มีเหตุให้ต้องมาอยู่บ้านพระเอก สดท้ายกลับไปรบชิงดินแดนคืน นางเอกกลายเป็นเจ้าหญิง พระเอกจากที่สูงกว่าก็ต้องกลายเป็นด้อยกว่า ซึ่งตรงนี้มันเรียบมากไปหน่อย ในช่วงกลาง ๆ เรื่องค่อนไปถึงท้ายดูน่าเบื่อไปสักเล็กน้อย แต่ที่เหลือก็โอเคดีค่ะ เล่มนี้หยิบมาอ่านเพียง 2 ครั้งแล้วไม่ได้อ่านอีกเลย ในละครทำออกมาได้ดีกว่ามากพอสมควร ถ้าละครสร้างเหมือนในหนังสือก็คงจะเนือย ๆ มากค่ะ แต่ที่ชอบอีกอย่างก็คือศินีนุช เธอเป็นนางร้ายที่น่ารักมาก รู้สึกดีใจแทนรัชชานนท์มากค่ะ ที่ยอมให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีได้ น่าแปลกอยู่อย่างนึงนะคะ ไม่ว่าใครจะทำอาหารทีไรต้องพึ่งเกษราทุกครั้งเลย

เล่มนี้เป็นเล่มที่ 4 ในชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพค่ะ เป็นเรื่องราวของบักคุณชายรัชชานนท์ หนุ่มวิศวะที่พบรักกับสาวชาวป่า ที่ต่อมากลายเป็นเจ้าหญิงแบบมึน ๆ เล่มนี้ติดซับอีสานเกือบจะทั้งเรื่องเลยค่ะ อ่านยากมากพอสมควร แต่ก็น่ารักมาก ๆ เนื้อหาในนิยายไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่เรื่องนี้เหมือนคุณชายรัชชานนท์จะเป็นคนขี้เก๊กมาก ๆ จะต้องคิดว่าตัวเองหล่ออยู่เสมอ สร้อยฟ้านี่มาแนวใส ๆ มาก ไม่แปลกที่จะอึ้งที่สร้อยฟ้าพูดได้ถึง 5 ภาษา อ่านถึงตอนนี้แล้วขำจริง ๆ ค่ะ ที่ชอบอีกตัวละครหนึ่งก็คือบักจ่อย อันนี้ต้องบอกว่ามาเพื่อเสริมความฮาจริง ๆ เล่มนี้ถ้าอ่านแบบไม่คิดอะไรก็ให้ผ่านคะ แต่ถ้าคิดสักนิดก็จะเห็นว่าพล็อตเรื่องง่ายเกินไป พระเอกหนีการแต่งงานไปเจอสาวชาวป่า จับพลัดจับพลูแต่งงานกัน มีเหตุให้ต้องมาอยู่บ้านพระเอก สดท้ายกลับไปรบชิงดินแดนคืน นางเอกกลายเป็นเจ้าหญิง พระเอกจากที่สูงกว่าก็ต้องกลายเป็นด้อยกว่า ซึ่งตรงนี้มันเรียบมากไปหน่อย ในช่วงกลาง ๆ เรื่องค่อนไปถึงท้ายดูน่าเบื่อไปสักเล็กน้อย แต่ที่เหลือก็โอเคดีค่ะ เล่มนี้หยิบมาอ่านเพียง 2 ครั้งแล้วไม่ได้อ่านอีกเลย ในละครทำออกมาได้ดีกว่ามากพอสมควร ถ้าละครสร้างเหมือนในหนังสือก็คงจะเนือย ๆ มากค่ะ แต่ที่ชอบอีกอย่างก็คือศินีนุช เธอเป็นนางร้ายที่น่ารักมาก รู้สึกดีใจแทนรัชชานนท์มากค่ะ ที่ยอมให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีได้ น่าแปลกอยู่อย่างนึงนะคะ ไม่ว่าใครจะทำอาหารทีไรต้องพึ่งเกษราทุกครั้งเลย

คุณชายคนที่ 2 คุณชายปวรรุจ ชอบผู้ชายแบบนี้จังเลยค่ะ อบอุ่น แถมยังมาดดี ความรักของหนุ่มนักการทูตกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ผู้เขียนทำออกมาได้อย่างเจ็บปวดหัวใจมากค่ะ เวลาหวานก็หวานจี๊ด เวลาเครียดก็ทำให้นอยด์ไปเลย คุณชายปวรรุจเป็นลูกของต้นห้อง ทำให้ถูกกดจากย่าอ่อนว่าต่ำกว่าพี่น้องทุกคน ซึ่งคุณชายก็ไม่ได้เก็บมาน้อยใจอะไร จนกระทั่งบินไปทำงานที่สวิตแล้วไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บอกกับตัวเค้าเองว่าเป็นแค่ลูกพ่อค้าชื่อรสา ซึ่งบรรยากาศและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นใจ ทำให้ทั้งสองตกหลุมรักกันโดยไม่ยาก ความเป็นสุภาพบุรุษเต็มรูปแบบของคุณชายปวรรุจ ทำให้รสาประทับใจและประหลาดใจมาก เพราะเมื่อครั้งอดีต เค้าคือพี่ชายรุจที่แกล้งให้เธอต้องขวัญผวาไปเกือบทุกสิ่งอย่าง แต่มาวันนี้เค้าคือชายหนุ่มผู้อ่อนโยน เพอร์เฟ็กท์ เรื่องราวเหมือนจะไปได้ดีถ้ารสาเป็นแค่ลูกพ่อค้าธรรมดาไม่ใช่หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา คู่หมั้นของหม่อมเจ้าภานุทัศนัย ทีนี้ดราม่าเริ่มบังเกิดค่ะ จากที่คิดว่าตัวเองสูงศักดิ์กว่า กลายเป็นด้อยกว่าเค้ามาก ชายรุจบินกลับมาไทยพร้อมกับความซึมเศร้า ไม่ว่าท่านนหญิงรสาจะมาง้ออย่างไร ชายรุจก็(พยายาม)ไม่สนใจ กว่าเรื่องจะจบลงได้ด้วยดีก็สงสารท่านหญิงรสามากค่ะ เห็นใจมาก ๆ เลย ทำทุกวิถีทางแล้วจริง ๆ เข้าทางย่าอ่อนก็แล้ว เข้าทางคุณชายหมอก็แล้ว เหนื่อยแทนจริง ๆ ค่ะ เหมือนจะน้ำเน่าแต่ไม่เท่าไรนะคะ ออกแนวน่ารักมากกว่าเยอะเลย อ่านแล้วฟินจริง ๆ ค่ะ

คุณชายคนที่ 2 คุณชายปวรรุจ ชอบผู้ชายแบบนี้จังเลยค่ะ อบอุ่น แถมยังมาดดี ความรักของหนุ่มนักการทูตกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ผู้เขียนทำออกมาได้อย่างเจ็บปวดหัวใจมากค่ะ เวลาหวานก็หวานจี๊ด เวลาเครียดก็ทำให้นอยด์ไปเลย คุณชายปวรรุจเป็นลูกของต้นห้อง ทำให้ถูกกดจากย่าอ่อนว่าต่ำกว่าพี่น้องทุกคน ซึ่งคุณชายก็ไม่ได้เก็บมาน้อยใจอะไร จนกระทั่งบินไปทำงานที่สวิตแล้วไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บอกกับตัวเค้าเองว่าเป็นแค่ลูกพ่อค้าชื่อรสา ซึ่งบรรยากาศและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นใจ ทำให้ทั้งสองตกหลุมรักกันโดยไม่ยาก ความเป็นสุภาพบุรุษเต็มรูปแบบของคุณชายปวรรุจ ทำให้รสาประทับใจและประหลาดใจมาก เพราะเมื่อครั้งอดีต เค้าคือพี่ชายรุจที่แกล้งให้เธอต้องขวัญผวาไปเกือบทุกสิ่งอย่าง แต่มาวันนี้เค้าคือชายหนุ่มผู้อ่อนโยน เพอร์เฟ็กท์ เรื่องราวเหมือนจะไปได้ดีถ้ารสาเป็นแค่ลูกพ่อค้าธรรมดาไม่ใช่หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา คู่หมั้นของหม่อมเจ้าภานุทัศนัย ทีนี้ดราม่าเริ่มบังเกิดค่ะ จากที่คิดว่าตัวเองสูงศักดิ์กว่า กลายเป็นด้อยกว่าเค้ามาก ชายรุจบินกลับมาไทยพร้อมกับความซึมเศร้า ไม่ว่าท่านนหญิงรสาจะมาง้ออย่างไร ชายรุจก็(พยายาม)ไม่สนใจ กว่าเรื่องจะจบลงได้ด้วยดีก็สงสารท่านหญิงรสามากค่ะ เห็นใจมาก ๆ เลย ทำทุกวิถีทางแล้วจริง ๆ เข้าทางย่าอ่อนก็แล้ว เข้าทางคุณชายหมอก็แล้ว เหนื่อยแทนจริง ๆ ค่ะ เหมือนจะน้ำเน่าแต่ไม่เท่าไรนะคะ ออกแนวน่ารักมากกว่าเยอะเลย อ่านแล้วฟินจริง ๆ ค่ะ

คุณชายรณพีร์ คุณชายคนสุดท้องของตระกูลจุฑาเทพ กับรักที่เกือบจะเป็นรักต้องห้าม ดราม่ามากเลยค่ะเล่มนี้ อ่านแล้วก็รู้สึกเครียดตาม แต่ก็ชอบมากนะคะ มันมีอะไรให้ดูแปลกไปกว่าเล่มอื่น ๆ มาก อาจจะเป็นเพราะเราเห็นนิสัยของคุณชายพีร์ในเล่มอื่นที่ค่อนข้างจะเป็นคนรักสนุก อารมณ์ดี แต่เล่มนี้ต้องมาอยู่ในโหมดเงียบขรึม ไม่สมหวังในความรักซักที เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณชายนักบินผู้สูงศักดิ์กับดาราสาวที่มีข่าวฉาวไม่เว้นวัน ดู ๆ ไปก็โหดพอ ๆ กับตอนของคุณชายหมอ แต่เล่มนี้คุณชายพีร์ดูหล่อ เท่กว่าคุณชายหมอเยอะมาก ชอบคนในเครื่องแบบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาอ่านแบบนี้ยิ่งชอบค่ะ เมื่อตระกูลจุฑาเทพยังไม่ได้ทำตามข้อสัญญาที่จะให้บุตรชายคนนึงแต่งงานกับตระกูลเทวพรหม พี่ ๆ ก็แต่งงานกันหมดแล้ว เหลือคุณชายพีร์เป็นคนสุดท้าย ทุกอย่างจึงมาตกหนักอยู่ที่เค้า วินาทีที่กินรีหล่นนางหนึ่งลงมาจากฟ้า ตกสู่อ้อมแขนของเค้าอย่างพอดิบพอดี (ในกองถ่าย) เป็นวินาทีที่รณพีร์ประทับใจมากที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นให้เค้ารู้จักกับเพียงขวัญ ซึ่งกว่าทั้งสองจะเป็นที่ยอมรับจากย่าอ่อนและหม่อมย่าเอียด ก็เป็นเรื่องยากมากถึงมากที่สุด เพียงขวัญน่าสงสารกว่ากรองแก้วเยอะค่ะ ยิ่งตอนที่รู้ความจริงว่า นายพีร์เป็นเรืออากาศโทหม่อมราชวงศ์รณพีร์ จุฑาเทพ อ่านแล้วน้ำตาเกือบไหลเลย รู้สึกกดดันแทนมากจริง ๆ อ่านเรื่องนี้แล้วเกลียดวิไลรัมภามาก ในหนังสือ วิไลรัมภาจะไม่ค่อยมีมิติมากเหมือนในละครค่ะ ออกมาแบบ มาทำร้าย มากัดจิกแค่นั้นเอง ในละครวิไลรัมภามีมิติมากกว่าเยอะเลย แต่พี่ชายทั้ง 4 น่ารักมาก เอาใจช่วยและช่วยเหลือน้องชายคนเล็กให้รอดพ้นจากการถูกคลุมถุงชนได้ในที่สุด ยิ่งตอนท้าย end credit ยิ่งน่ารักมากค่ะ กล่าวถึงหม่อมหลวงตัวน้อย ๆ ทายาทของเหล่าคุณชาย ปิดฉากได้อย่างสมบูรณ์มากค่ะ

คุณชายรณพีร์ คุณชายคนสุดท้องของตระกูลจุฑาเทพ กับรักที่เกือบจะเป็นรักต้องห้าม ดราม่ามากเลยค่ะเล่มนี้ อ่านแล้วก็รู้สึกเครียดตาม แต่ก็ชอบมากนะคะ มันมีอะไรให้ดูแปลกไปกว่าเล่มอื่น ๆ มาก อาจจะเป็นเพราะเราเห็นนิสัยของคุณชายพีร์ในเล่มอื่นที่ค่อนข้างจะเป็นคนรักสนุก อารมณ์ดี แต่เล่มนี้ต้องมาอยู่ในโหมดเงียบขรึม ไม่สมหวังในความรักซักที เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณชายนักบินผู้สูงศักดิ์กับดาราสาวที่มีข่าวฉาวไม่เว้นวัน ดู ๆ ไปก็โหดพอ ๆ กับตอนของคุณชายหมอ แต่เล่มนี้คุณชายพีร์ดูหล่อ เท่กว่าคุณชายหมอเยอะมาก ชอบคนในเครื่องแบบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาอ่านแบบนี้ยิ่งชอบค่ะ เมื่อตระกูลจุฑาเทพยังไม่ได้ทำตามข้อสัญญาที่จะให้บุตรชายคนนึงแต่งงานกับตระกูลเทวพรหม พี่ ๆ ก็แต่งงานกันหมดแล้ว เหลือคุณชายพีร์เป็นคนสุดท้าย ทุกอย่างจึงมาตกหนักอยู่ที่เค้า วินาทีที่กินรีหล่นนางหนึ่งลงมาจากฟ้า ตกสู่อ้อมแขนของเค้าอย่างพอดิบพอดี (ในกองถ่าย) เป็นวินาทีที่รณพีร์ประทับใจมากที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นให้เค้ารู้จักกับเพียงขวัญ ซึ่งกว่าทั้งสองจะเป็นที่ยอมรับจากย่าอ่อนและหม่อมย่าเอียด ก็เป็นเรื่องยากมากถึงมากที่สุด เพียงขวัญน่าสงสารกว่ากรองแก้วเยอะค่ะ ยิ่งตอนที่รู้ความจริงว่า นายพีร์เป็นเรืออากาศโทหม่อมราชวงศ์รณพีร์ จุฑาเทพ อ่านแล้วน้ำตาเกือบไหลเลย รู้สึกกดดันแทนมากจริง ๆ อ่านเรื่องนี้แล้วเกลียดวิไลรัมภามาก ในหนังสือ วิไลรัมภาจะไม่ค่อยมีมิติมากเหมือนในละครค่ะ ออกมาแบบ มาทำร้าย มากัดจิกแค่นั้นเอง ในละครวิไลรัมภามีมิติมากกว่าเยอะเลย แต่พี่ชายทั้ง 4 น่ารักมาก เอาใจช่วยและช่วยเหลือน้องชายคนเล็กให้รอดพ้นจากการถูกคลุมถุงชนได้ในที่สุด ยิ่งตอนท้าย end credit ยิ่งน่ารักมากค่ะ กล่าวถึงหม่อมหลวงตัวน้อย ๆ ทายาทของเหล่าคุณชาย ปิดฉากได้อย่างสมบูรณ์มากค่ะ

เป็นตอนที่ดูเหมือนจะสนุกที่สุดแล้วค่ะ ในนิยายชุดของสุภาพบุรุษจุฑาเทพ เล่มนี้เป็นเล่มที่ 3 เป็นตอนของคุณชายพุฒิภัทร ที่เป็นศัลยแพทย์สมอง พบรักกับนางสาวศรีสยาม อ่านในช่วงแรก ๆ ก็ได้กลิ่นอายของบรรยากาศในยุคนั้นมากค่ะ ทั้งการประกวดนางงาม สิ่งแวดล้อม เนื้อหาก็เขียนออกมาได้อย่างน่ารักมาก คุณชายผู้สูงศักดิ์พบรักหญิงสาวผู้ต่ำต้อย (ออกแนวน้ำเน่า แต่ก็เน่าจริง ๆ ค่ะ) นางเอกกรองแก้วเป็นลูกภารโรงมาประกวดเพื่อหาเงินไปรักษาพ่อ คุณชายหมอนี่ก็อะไรไม่รู้ จ้องแต่จะจับผิดทุกวินาที ยิ่งช่วงที่กรองแก้วแกล้งป่วยเข้าโรงพยาบาลยิ่งน่ารักมากขึ้นค่ะ กรองแก้วน่ารักมาก คุณชายหมอก็ขี้เก๊กมาก ทำเสียงดุ ทำหน้าขรึมตลอด นิยายมีอะไรให้ลุ้นตลอดเลย นอกจากความหวานแล้วก็มีช่วงระทึก ช่วงซีเรียสอย่างตอนที่กรองแก้วถูกท่านพินิจจับตัวไป หรือตอนที่พยาบาลหม่อมหลวงมารตี ว่าที่คู่หมั้นของคุณชายหมอ จ้องจะทำร้าย (แม้ตอนหลังจะเป็นคนที่น่าสมเพชมากที่สุด) อ่านแล้วฟินจริง ๆ ค่ะ คุณชายแอบหื่นตลอดเวลา ถึงเนื้อถึงตัวแก้วมากเกินไป แก้วก็ช่างยอมเนอะ คุณชายหมอพูดอะไร แก้วก็ต้องทำตาม แอบเผด็จการอยู่เหมือนกัน ในส่วนของคุณย่าอ่อนกับหม่อมย่าเอียดก็ยังเป็นคนน่าเบื่อเช่นเดิมค่ะ ถ้าเทียบกับละครแล้วก็สนุกไปคนละแบบนะคะ ในละครหมอยศวินหล่อมาก แต่ในหนังสือบรรยายไว้ดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เนื้อหาขอให้ในนิยายน่ารักกว่าค่ะ อ่านแรก ๆ โอเค หลัง ๆ ชักจะเลี่ยนอยู่เหมือนกัน หวานเกินไปกว่าเล่มอื่นมากค่ะ

เป็นตอนที่ดูเหมือนจะสนุกที่สุดแล้วค่ะ ในนิยายชุดของสุภาพบุรุษจุฑาเทพ เล่มนี้เป็นเล่มที่ 3 เป็นตอนของคุณชายพุฒิภัทร ที่เป็นศัลยแพทย์สมอง พบรักกับนางสาวศรีสยาม อ่านในช่วงแรก ๆ ก็ได้กลิ่นอายของบรรยากาศในยุคนั้นมากค่ะ ทั้งการประกวดนางงาม สิ่งแวดล้อม เนื้อหาก็เขียนออกมาได้อย่างน่ารักมาก คุณชายผู้สูงศักดิ์พบรักหญิงสาวผู้ต่ำต้อย (ออกแนวน้ำเน่า แต่ก็เน่าจริง ๆ ค่ะ) นางเอกกรองแก้วเป็นลูกภารโรงมาประกวดเพื่อหาเงินไปรักษาพ่อ คุณชายหมอนี่ก็อะไรไม่รู้ จ้องแต่จะจับผิดทุกวินาที ยิ่งช่วงที่กรองแก้วแกล้งป่วยเข้าโรงพยาบาลยิ่งน่ารักมากขึ้นค่ะ กรองแก้วน่ารักมาก คุณชายหมอก็ขี้เก๊กมาก ทำเสียงดุ ทำหน้าขรึมตลอด นิยายมีอะไรให้ลุ้นตลอดเลย นอกจากความหวานแล้วก็มีช่วงระทึก ช่วงซีเรียสอย่างตอนที่กรองแก้วถูกท่านพินิจจับตัวไป หรือตอนที่พยาบาลหม่อมหลวงมารตี ว่าที่คู่หมั้นของคุณชายหมอ จ้องจะทำร้าย (แม้ตอนหลังจะเป็นคนที่น่าสมเพชมากที่สุด) อ่านแล้วฟินจริง ๆ ค่ะ คุณชายแอบหื่นตลอดเวลา ถึงเนื้อถึงตัวแก้วมากเกินไป แก้วก็ช่างยอมเนอะ คุณชายหมอพูดอะไร แก้วก็ต้องทำตาม แอบเผด็จการอยู่เหมือนกัน ในส่วนของคุณย่าอ่อนกับหม่อมย่าเอียดก็ยังเป็นคนน่าเบื่อเช่นเดิมค่ะ ถ้าเทียบกับละครแล้วก็สนุกไปคนละแบบนะคะ ในละครหมอยศวินหล่อมาก แต่ในหนังสือบรรยายไว้ดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เนื้อหาขอให้ในนิยายน่ารักกว่าค่ะ อ่านแรก ๆ โอเค หลัง ๆ ชักจะเลี่ยนอยู่เหมือนกัน หวานเกินไปกว่าเล่มอื่นมากค่ะ

นวนิยายแนวข้ามภพข้ามชาติที่ขึ้นหิ้งเล่มหนึ่งค่ะ ดิฉันได้มีโอกาสอ่านหลังจากที่ได้ดูละครไปแล้ว อยากจะบอกว่าซาบซึ้งและประทับใจกับเนื้อเรื่องมากค่ะ ผู้แต่งได้ใช้ภาษาที่สละสลวย บอกเล่าชีวิตความเป็นมาของผู้คนในยุคของรัชการลที่ 5 เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับคนในสมัยปัจจุบันแล้ว เป็นเรื่องที่น่าขันมากเชียวค่ะ ตัวละครมณีจันทร์ ตัวแทนผู้หญิงไทยสมัยปัจจุบันที่ไปปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าคุณหลวงหนุ่มสมัยรัชกาลที่ 5 แม้มณีจันทร์จะเป็นลูกสาวนักการทูตที่ผ่านการอบรมมารยาทและการออกสังคมมาแล้ว ก็ยังถูกสายตาจากคุณหลวงหนุ่มมองอย่างติเตียนอยู่เรื่อย ซึ่งบางครั้งก็เป็นการติเตียนทางวาจา ตรงจุดนี้ทำออกมาได้น่ารักและต้องอมยิ้มมาก ๆ ค่ะ ในเรื่องของความรู้จากในวัง หรือขนบธรรมเนียมประเพณีเดิม ๆ ก็เขียนออกมาได้น่าสนใจและได้ความรู้มาก ที่ดีที่สุดของเรื่อง คือการสอดแทรกความรู้ในสมัยไทยเสียดินแดนไว้ค่ะ คนสมัยนี้ทุกคนคงคิดแบบมณีจันทร์ว่า ทำไมเราถึงไม่ทำให้ดีกว่านี้ เสียดินแดนให้เค้าไปทำไม ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะเข้าใจเรื่องราววได้ดีขึ้น ตัวละครทุกตัวต่างก็มีนัยยะสำคัญ และมีส่วนให้นิยายเรื่องนี้สนุกมากถึงมากที่สุดค่ะ หลังจากที่ได้อ่านครั้งแรก ปัจจุบันนี้ดิฉันอ่านเกิน 10 ครั้งแล้ว อ่านทุกครั้งสนุกทุกครั้ง ชอบมากตรงการทำอาหารในสมัยก่อนค่ะ เป็นอะไรที่ลึกซึ้งมาก เวลาคุณหญิงแสร์ทำอาหารออกมาให้มณีจันทร์กิน การบรรยายของผู้แต่งทำให้ดิฉันเห็นภาพและได้กลิ่นอาหารลอยออกมาจากหนังสือเลยค่ะ

นวนิยายแนวข้ามภพข้ามชาติที่ขึ้นหิ้งเล่มหนึ่งค่ะ ดิฉันได้มีโอกาสอ่านหลังจากที่ได้ดูละครไปแล้ว อยากจะบอกว่าซาบซึ้งและประทับใจกับเนื้อเรื่องมากค่ะ ผู้แต่งได้ใช้ภาษาที่สละสลวย บอกเล่าชีวิตความเป็นมาของผู้คนในยุคของรัชการลที่ 5 เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับคนในสมัยปัจจุบันแล้ว เป็นเรื่องที่น่าขันมากเชียวค่ะ ตัวละครมณีจันทร์ ตัวแทนผู้หญิงไทยสมัยปัจจุบันที่ไปปรากฎตัวอยู่ต่อหน้าคุณหลวงหนุ่มสมัยรัชกาลที่ 5 แม้มณีจันทร์จะเป็นลูกสาวนักการทูตที่ผ่านการอบรมมารยาทและการออกสังคมมาแล้ว ก็ยังถูกสายตาจากคุณหลวงหนุ่มมองอย่างติเตียนอยู่เรื่อย ซึ่งบางครั้งก็เป็นการติเตียนทางวาจา ตรงจุดนี้ทำออกมาได้น่ารักและต้องอมยิ้มมาก ๆ ค่ะ ในเรื่องของความรู้จากในวัง หรือขนบธรรมเนียมประเพณีเดิม ๆ ก็เขียนออกมาได้น่าสนใจและได้ความรู้มาก ที่ดีที่สุดของเรื่อง คือการสอดแทรกความรู้ในสมัยไทยเสียดินแดนไว้ค่ะ คนสมัยนี้ทุกคนคงคิดแบบมณีจันทร์ว่า ทำไมเราถึงไม่ทำให้ดีกว่านี้ เสียดินแดนให้เค้าไปทำไม ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้ก็จะเข้าใจเรื่องราววได้ดีขึ้น ตัวละครทุกตัวต่างก็มีนัยยะสำคัญ และมีส่วนให้นิยายเรื่องนี้สนุกมากถึงมากที่สุดค่ะ หลังจากที่ได้อ่านครั้งแรก ปัจจุบันนี้ดิฉันอ่านเกิน 10 ครั้งแล้ว อ่านทุกครั้งสนุกทุกครั้ง ชอบมากตรงการทำอาหารในสมัยก่อนค่ะ เป็นอะไรที่ลึกซึ้งมาก เวลาคุณหญิงแสร์ทำอาหารออกมาให้มณีจันทร์กิน การบรรยายของผู้แต่งทำให้ดิฉันเห็นภาพและได้กลิ่นอาหารลอยออกมาจากหนังสือเลยค่ะ

ติดละครเรื่องนี้ค่ะ เลยไปหามาอ่าน เพราะคิดว่าอาจจะแตกต่างกับในละครอยู่บ้าง ซึ่งก็จริงค่ะ แม้จะไม่มากนักก็ตาม นางเอก หรือเนื้อนางน่าสงสารกว่าในละครหลาย ๆ เท่า ในหนังสือจะแบ่งเรื่องราวออกเป็นสามพาร์ทค่ะ ซึ่งฉันก็ชอบการเรียงลำดับเนื้อเรื่องของผู้เขียนมาก ๆ เลย เนื้อนางถูกไล่ออกจากบ้านหิมวัต เพราะทุกคนคิดว่าเนื้อนางเป็นชู้กับธรรพ์ ซึ่งนายธรรพ์นี้ก็เป็นอีกคนที่น่าสนใจมากพอ ๆ กับ ณไตร พระเอกของเรื่องค่ะ เรื่องมันเกิดตรงที่เมื่อ แขไข ผู้หญิงที่แม่ของณไตรต้องการให้มาเป็นภรรยาของณไตรเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม ใครคือผู้กระทำ ? ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่ามันช่างซับซ้อนดีมาก ๆ ให้คิดไปตลอดเลยว่าใครกันแน่ที่ทำ ทำแล้วจะได้อะไร กว่าจะเฉลยได้ก็อยู่ในช่วง 20 หน้าสุดท้ายแล้วค่ะ ชอบพ่อเลี้ยงณไตรค่อนข้างมาก ดูเป็นคนขึงขัง มีอำนาจ รักเดียววใจเดียว แต่เสียที่เป็นคนหูเบา รักมากเลยเกลียดมาก สงสารเนื้อนางมาก ๆ ค่ะตอนที่โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ถ้าเป็นฉันคงไม่กลับบมาที่นี่อีกครั้งแน่นอนค่ะ ถึงแม้กว่าจะเป็นการมาทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองก็เถอะ เพราะแต่ละคนก็ทำกับเนื้อนางไว้มาก ซึ่งสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นความสะใจค่ะที่เนื้องนางได้มีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ได้ตอกหน้าคนในบ้านหิมวัติหลาย ๆ คน ก็สรุปว่าเป็นนิยายที่สนุกค่ะ ค่อนข้างจะแตกต่าง ตรงที่การดำเนินเรื่องอยู่ในช่วงการทำไม้ของทางภาคเหนือ อ่านแล้วอยากไปเห็นของจริงว่าจะสวยเหมือนในนิยายมั้ยค่ะ

ติดละครเรื่องนี้ค่ะ เลยไปหามาอ่าน เพราะคิดว่าอาจจะแตกต่างกับในละครอยู่บ้าง ซึ่งก็จริงค่ะ แม้จะไม่มากนักก็ตาม นางเอก หรือเนื้อนางน่าสงสารกว่าในละครหลาย ๆ เท่า ในหนังสือจะแบ่งเรื่องราวออกเป็นสามพาร์ทค่ะ ซึ่งฉันก็ชอบการเรียงลำดับเนื้อเรื่องของผู้เขียนมาก ๆ เลย เนื้อนางถูกไล่ออกจากบ้านหิมวัต เพราะทุกคนคิดว่าเนื้อนางเป็นชู้กับธรรพ์ ซึ่งนายธรรพ์นี้ก็เป็นอีกคนที่น่าสนใจมากพอ ๆ กับ ณไตร พระเอกของเรื่องค่ะ เรื่องมันเกิดตรงที่เมื่อ แขไข ผู้หญิงที่แม่ของณไตรต้องการให้มาเป็นภรรยาของณไตรเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม ใครคือผู้กระทำ ? ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่ามันช่างซับซ้อนดีมาก ๆ ให้คิดไปตลอดเลยว่าใครกันแน่ที่ทำ ทำแล้วจะได้อะไร กว่าจะเฉลยได้ก็อยู่ในช่วง 20 หน้าสุดท้ายแล้วค่ะ ชอบพ่อเลี้ยงณไตรค่อนข้างมาก ดูเป็นคนขึงขัง มีอำนาจ รักเดียววใจเดียว แต่เสียที่เป็นคนหูเบา รักมากเลยเกลียดมาก สงสารเนื้อนางมาก ๆ ค่ะตอนที่โดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ถ้าเป็นฉันคงไม่กลับบมาที่นี่อีกครั้งแน่นอนค่ะ ถึงแม้กว่าจะเป็นการมาทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองก็เถอะ เพราะแต่ละคนก็ทำกับเนื้อนางไว้มาก ซึ่งสุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นความสะใจค่ะที่เนื้องนางได้มีโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ได้ตอกหน้าคนในบ้านหิมวัติหลาย ๆ คน ก็สรุปว่าเป็นนิยายที่สนุกค่ะ ค่อนข้างจะแตกต่าง ตรงที่การดำเนินเรื่องอยู่ในช่วงการทำไม้ของทางภาคเหนือ อ่านแล้วอยากไปเห็นของจริงว่าจะสวยเหมือนในนิยายมั้ยค่ะ

เป็นนิยายที่แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ มากถึงมากที่สุดเลยค่ะ สำหรับคิวบิค นางเอกก็ขี้เหร่มากเลย นึกไม่ออกเหมือนกันนะคะว่า ถ้าในชีวิตจริง ถึงจะฉลาดเป็นกรด แต่ถ้ารูปร่างหน้าตาแบบนี้พอจะมัดใจผู้ชายเจ้าสเน่ห์ไว้ได้จริง ๆ มั้ย หลิน หลานเซ่อนี่ก็ไม่ได้ด้อยนะคะ เป็นถึงมาเฟียรูปหล่อ ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้ประทับใจมาก ๆ (แม้ละครจะทำให้มันออกมาดูตลกก็เหอะ) คล้าย ๆ กับมิชชั่น อิมพอสสิเบิลเลย นางเอกต้องแก้ปัญหาสารพัดวิธีภายในสถานการณ์เฉพาะหน้า อ่านแล้วก็รู้สึกทึ่งทั้งในตัวฤทัยนาค และผู้เขียนเลยค่ะ ว่าทำไมถึงได้คิดอะไรได้เก่งขนาดนี้ ทั้งวิธีที่จะช่วยงานพระเอก วิธีที่จะช่วยชีวิตพระเอก ก็จริงค่ะว่าถ้าหลิน หลานเซ่อ ไม่มีฤทัยนาค ชีวิตเค้าก็คงจะไม่รอดไปตั้งแต่นาทีแรกที่ถูกลอบยิงแล้ว หนังสือนิยายชุดนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 4 เล่ม แต่แค่เล่มแรกก็รู้สึกว่าสนุกแล้ว ในส่วนของเล่มแรกจะเป็นการปูพื้นความเป็นมาของทั้งคู่ เพราะอะไร ยังไง ทำไมฤทัยนาคถึงได้มาอยู่กับหลิน หลานเซ่อได้ แล้วทำไมหลิน หลานเซ่อถึงได้สนใจในตัวฤทัยนาค สรุปว่าก็ได้ลุ้นไปทั้งเรื่องค่ะ ตัวละครเยอะมาก ชื่อก็จำยากพอสมควร แต่ถ้าได้อ่านแล้ว วางไม่ลงแน่นอนค่ะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมีถึง 4 เล่ม เขียนให้จบภายใน 2 เล่มก็ได้แล้ว แต่ตอนนีเข้าใจแล้วค่ะ เป็นหนังสืออีกชุดหนึ่งที่ประทับใจมาก ๆ ซื้อเก็บไว้ครอบทั้ง 4 เล่มเลย (จากที่ตอนแรกเช่ามาอ่าน) เสียดายจริง ๆ ค่ะที่ละครสร้างออกมาไม่ดี

เป็นนิยายที่แตกต่างจากเล่มอื่น ๆ มากถึงมากที่สุดเลยค่ะ สำหรับคิวบิค นางเอกก็ขี้เหร่มากเลย นึกไม่ออกเหมือนกันนะคะว่า ถ้าในชีวิตจริง ถึงจะฉลาดเป็นกรด แต่ถ้ารูปร่างหน้าตาแบบนี้พอจะมัดใจผู้ชายเจ้าสเน่ห์ไว้ได้จริง ๆ มั้ย หลิน หลานเซ่อนี่ก็ไม่ได้ด้อยนะคะ เป็นถึงมาเฟียรูปหล่อ ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้ประทับใจมาก ๆ (แม้ละครจะทำให้มันออกมาดูตลกก็เหอะ) คล้าย ๆ กับมิชชั่น อิมพอสสิเบิลเลย นางเอกต้องแก้ปัญหาสารพัดวิธีภายในสถานการณ์เฉพาะหน้า อ่านแล้วก็รู้สึกทึ่งทั้งในตัวฤทัยนาค และผู้เขียนเลยค่ะ ว่าทำไมถึงได้คิดอะไรได้เก่งขนาดนี้ ทั้งวิธีที่จะช่วยงานพระเอก วิธีที่จะช่วยชีวิตพระเอก ก็จริงค่ะว่าถ้าหลิน หลานเซ่อ ไม่มีฤทัยนาค ชีวิตเค้าก็คงจะไม่รอดไปตั้งแต่นาทีแรกที่ถูกลอบยิงแล้ว หนังสือนิยายชุดนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 4 เล่ม แต่แค่เล่มแรกก็รู้สึกว่าสนุกแล้ว ในส่วนของเล่มแรกจะเป็นการปูพื้นความเป็นมาของทั้งคู่ เพราะอะไร ยังไง ทำไมฤทัยนาคถึงได้มาอยู่กับหลิน หลานเซ่อได้ แล้วทำไมหลิน หลานเซ่อถึงได้สนใจในตัวฤทัยนาค สรุปว่าก็ได้ลุ้นไปทั้งเรื่องค่ะ ตัวละครเยอะมาก ชื่อก็จำยากพอสมควร แต่ถ้าได้อ่านแล้ว วางไม่ลงแน่นอนค่ะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมีถึง 4 เล่ม เขียนให้จบภายใน 2 เล่มก็ได้แล้ว แต่ตอนนีเข้าใจแล้วค่ะ เป็นหนังสืออีกชุดหนึ่งที่ประทับใจมาก ๆ ซื้อเก็บไว้ครอบทั้ง 4 เล่มเลย (จากที่ตอนแรกเช่ามาอ่าน) เสียดายจริง ๆ ค่ะที่ละครสร้างออกมาไม่ดี

หนังสือที่จะเปลี่ยนแนวความคิดเปลี่ยนมุมคิด มุมมอง และช่วยกระตุ้นให้ชีวิตของคุณนั้นมีกำลังใจในการ ผลักดันตัวเองที่จะทำอะไรมากยิ่งขึ้น คือมันก็เป็นหนังสือจิตวิทยาดี ๆ เล่มนึง ที่เหมือนกับยิ่งอ่านบ่อย ๆ ก็จะเป็นการสะกดจิตตัวเอง อย่างเล่มนี้ก็จะเป็นเรื่องของ 60 มุมคิด (มันต้องมีสักมุมนึงที่เราทำได้เนอะจาก 60 มุมเนี่ย) ถ้าเราทำได้ก็คงจะมีความสุขและก้าวหน้าพร้อมทั้งยังกล้าลุยกับอุปสรรคต่างๆอ่านเล่มนี้รับรองได้ว่าต้องได้ปิ๊งไอเดียและได้แรงและกำลังใจในการทำงาน แรงกำลังผลักดันตัวคุณก้าวเข้าสู่คำว่า "ความสำเร็จ" ในชีวิตอย่างแน่นอน มีความรู้สึกว่าอ่านมาก ๆ แล้วจะทำได้จริง ๆ นะคะ แต่พอจะทำจริง ๆ ก็ดูเหมือนกับจะฝืนตัวเอง คือถ้าทำได้ 60 ข้อจริง ๆ ก็คงจะเป็นคนโลกสวยมาก เพราะดู ๆ ไป หลัก ๆ ก็คือให้มองโลกในแง่บวกก่อน จากนั้นก็บลา ๆ ถ้าเปรียบเทียยกับเข็มทิศชีวิตแล้ว เล่มนั้นจะค่อนข้างเข้าใจความเป็นจริงของสัจธรรมโลกมากกว่าเยอะเลย คนเราต้องมีทุกข์ มีผิดหวัง กดดัน พ่ายแพ้ ที่ผ่านมาลองทำตามหนังสือแบบนี้มาหลายรอบก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะใช่ตัวเอง (แต่ก็ชอบซื้อมาอ่าน) สุดท้ายก็ได้แต่วางไว้บนชั้นหนังสือ อ่านแค่ครั้งสองครั้งตลอด บางทีก็ยกให้คนอื่น เห็นเค้าทำได้เราก็ได้แต่ดีใจ ตลกค่ะ แต่ก็อยากให้ลองหาหนังสือแนว ๆ นี้ไว้ที่บ้านสักเล่ม เวลาเครียด ๆ อ่านก็เผื่อจะมีทางออกบ้างสักทางนึง อย่างน้อยหนังสือก็เป็นเพื่อนได้ค่ะ

หนังสือที่จะเปลี่ยนแนวความคิดเปลี่ยนมุมคิด มุมมอง และช่วยกระตุ้นให้ชีวิตของคุณนั้นมีกำลังใจในการ ผลักดันตัวเองที่จะทำอะไรมากยิ่งขึ้น คือมันก็เป็นหนังสือจิตวิทยาดี ๆ เล่มนึง ที่เหมือนกับยิ่งอ่านบ่อย ๆ ก็จะเป็นการสะกดจิตตัวเอง อย่างเล่มนี้ก็จะเป็นเรื่องของ 60 มุมคิด (มันต้องมีสักมุมนึงที่เราทำได้เนอะจาก 60 มุมเนี่ย) ถ้าเราทำได้ก็คงจะมีความสุขและก้าวหน้าพร้อมทั้งยังกล้าลุยกับอุปสรรคต่างๆอ่านเล่มนี้รับรองได้ว่าต้องได้ปิ๊งไอเดียและได้แรงและกำลังใจในการทำงาน แรงกำลังผลักดันตัวคุณก้าวเข้าสู่คำว่า "ความสำเร็จ" ในชีวิตอย่างแน่นอน มีความรู้สึกว่าอ่านมาก ๆ แล้วจะทำได้จริง ๆ นะคะ แต่พอจะทำจริง ๆ ก็ดูเหมือนกับจะฝืนตัวเอง คือถ้าทำได้ 60 ข้อจริง ๆ ก็คงจะเป็นคนโลกสวยมาก เพราะดู ๆ ไป หลัก ๆ ก็คือให้มองโลกในแง่บวกก่อน จากนั้นก็บลา ๆ ถ้าเปรียบเทียยกับเข็มทิศชีวิตแล้ว เล่มนั้นจะค่อนข้างเข้าใจความเป็นจริงของสัจธรรมโลกมากกว่าเยอะเลย คนเราต้องมีทุกข์ มีผิดหวัง กดดัน พ่ายแพ้ ที่ผ่านมาลองทำตามหนังสือแบบนี้มาหลายรอบก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะใช่ตัวเอง (แต่ก็ชอบซื้อมาอ่าน) สุดท้ายก็ได้แต่วางไว้บนชั้นหนังสือ อ่านแค่ครั้งสองครั้งตลอด บางทีก็ยกให้คนอื่น เห็นเค้าทำได้เราก็ได้แต่ดีใจ ตลกค่ะ แต่ก็อยากให้ลองหาหนังสือแนว ๆ นี้ไว้ที่บ้านสักเล่ม เวลาเครียด ๆ อ่านก็เผื่อจะมีทางออกบ้างสักทางนึง อย่างน้อยหนังสือก็เป็นเพื่อนได้ค่ะ

เป็นหนังสือที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปกครอง เด็กและวัยรุ่นที่คิดว่าการเรียนให้เก่งมันเป็นเรื่องยาก หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาอย่างหนึ่งในการสะกดจิตให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรียนเก่งนี่มันก็ไม่ยาก ในเล่มนี้จะรวบรวมเรื่องราวของบทบาทตัวการ์ตูนที่จะมาสร้างสีสันสร้างความบันเทิงให้กับคุณ ชนิดที่คุณนั้นจะต้องวางหนังสือไม่ลงกับความสนุกแบบฉุดไม่อยู่หนังสือชุดความรู้เล่มนี้จะสอนเรื่องราวของการเรียนเก่ง เทคนิคต่างๆที่จะทำให้คุณนั้นเรียนเก่งขึ้นมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่าคร่าวก็มีเรื่องของเทคนิคในการเรียนเก่ง เทคนิคนั้นมี สองเทคนิคแรกเลยคือไม่นั่ง ริมหน้าต่างหรือประตู ส่วนเทคนิคที่สองคือ เลคเชอร์ ข้อมูลที่อาจารย์สอนเอาไว้นั่นเองละค่ะและที่แน่นอนไปกว่านั้นเลยยังมีอีกหลากหลายข้อที่จะทำให้คุณน้องๆหนูๆนั้นสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองจากเรียนไม่เก่งเป็นเรียนเก่งได้ด้วยเทคนิคในเล่มนี้ที่จะมาเผยเคล็ดลับเทคนิคการเรียนเก่งในแบบฉบับง่ายๆ ชนิดที่ไม่ควรพลาด จริง ๆ เรื่องของการเล็คเชอร์ ถ้าเป็นเด็กได้ยินก็จะคิดว่า นี่มันของพี่ ๆ มหาลัยหรือเปล่า หนูยังเด็กเกินไปที่จะเล็คเชอร์ แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้บรรยายตลอดอย่างเดียว ยังมีการบ้านต้องทำอีกเยอะแยะ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยให้ผู้ที่ได้อ่านประหยัดเวลาบางส่วน แล้วเอาเวลาส่วนนั้นมาเพิ่มวิธีการจำ ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่น่าสนใจและดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่ยากนัก อยากให้ลองอ่านกันค่ะ ไม่ใช่แค่เด็ก หรือวัยรุ่น ผู้ปกครองก็อ่านได้ แล้วค่อยมาหาวิธีประยุกต์ใช้กับลูกตัวเองได้เช่นกันค่ะ

เป็นหนังสือที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปกครอง เด็กและวัยรุ่นที่คิดว่าการเรียนให้เก่งมันเป็นเรื่องยาก หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาอย่างหนึ่งในการสะกดจิตให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรียนเก่งนี่มันก็ไม่ยาก ในเล่มนี้จะรวบรวมเรื่องราวของบทบาทตัวการ์ตูนที่จะมาสร้างสีสันสร้างความบันเทิงให้กับคุณ ชนิดที่คุณนั้นจะต้องวางหนังสือไม่ลงกับความสนุกแบบฉุดไม่อยู่หนังสือชุดความรู้เล่มนี้จะสอนเรื่องราวของการเรียนเก่ง เทคนิคต่างๆที่จะทำให้คุณนั้นเรียนเก่งขึ้นมีอะไรบ้าง เอาเป็นว่าคร่าวก็มีเรื่องของเทคนิคในการเรียนเก่ง เทคนิคนั้นมี สองเทคนิคแรกเลยคือไม่นั่ง ริมหน้าต่างหรือประตู ส่วนเทคนิคที่สองคือ เลคเชอร์ ข้อมูลที่อาจารย์สอนเอาไว้นั่นเองละค่ะและที่แน่นอนไปกว่านั้นเลยยังมีอีกหลากหลายข้อที่จะทำให้คุณน้องๆหนูๆนั้นสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองจากเรียนไม่เก่งเป็นเรียนเก่งได้ด้วยเทคนิคในเล่มนี้ที่จะมาเผยเคล็ดลับเทคนิคการเรียนเก่งในแบบฉบับง่ายๆ ชนิดที่ไม่ควรพลาด จริง ๆ เรื่องของการเล็คเชอร์ ถ้าเป็นเด็กได้ยินก็จะคิดว่า นี่มันของพี่ ๆ มหาลัยหรือเปล่า หนูยังเด็กเกินไปที่จะเล็คเชอร์ แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้บรรยายตลอดอย่างเดียว ยังมีการบ้านต้องทำอีกเยอะแยะ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยให้ผู้ที่ได้อ่านประหยัดเวลาบางส่วน แล้วเอาเวลาส่วนนั้นมาเพิ่มวิธีการจำ ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่น่าสนใจและดูเหมือนว่าจะทำได้ไม่ยากนัก อยากให้ลองอ่านกันค่ะ ไม่ใช่แค่เด็ก หรือวัยรุ่น ผู้ปกครองก็อ่านได้ แล้วค่อยมาหาวิธีประยุกต์ใช้กับลูกตัวเองได้เช่นกันค่ะ