Customer Reviews

คำคมคนทำงาน
3
เป็นคำคมที่อ่านแล้วตลกมากค่ะ เล่มนี้ใช้อ่านคลายครียดได้ดีเลยค่ะ (บางคำหัวเราะทั้งน้ำตา T0T)
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 05 กันยายน พ.ศ. 2556

หน้าปกบอกคำเตือนไว้ ว่าหนังสือเล่มนี้ควรเก็บให้พ้นมือนายและระวังอันตรายจากคำคม

อืม…อ่านแล้วมีความเห็นว่า สมควรเก็บให้พ้นมือเจ้านายจริงๆ ^^” เป็นคำคมที่อ่านแล้วตลกมากค่ะ ยิ่งคำคมไหนเกิดตรงใจใครขึ้นมารับรอง อ่านแล้วหน้าคนรู้จักจะผุดขึ้นมาตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะนึกขำ และหัวเราะ ไปอีกหลายวัน

หนังสือเล่มนี้ขนาดเล็กกะทัดรัด ฉบับพกพา ตัวอักษรใหญ่เต็มหน้ากระดาษ 1 หน้า ต่อ 1 คำคมกวนๆ
คงเป็นเพราะคำคล้องจอง คล้องสัมผัสของคำคม และเนื้อหาที่แฝงไปด้วยมุขตลก แถมคำจิกกัด ตัวเอง เจ้านาย และเพื่อนร่วมงานจึงพลิกอ่านได้เพลินๆ ไม่ทันไรก็อ่านจบได้อย่างรวดเร็ว

แต่เนื้อหาโดยรวมดูเหมือนจะเป็นการบ่น ระบาย เสียมากกว่า ^^” (อ่านแล้วหลายคนอาจหัวเราะทั้งน้ำตา 555 T0T) แต่ก็มีบ้างค่ะที่บางคำคมแฝงข้อคิดในการใช้ชีวิตให้ทำงานอย่างมีความสุข (แต่เป็นส่วนน้อยนะคะ ^^” )

พลิกดูที่หน้าสารบัญมีเพียง 3 หัวข้อค่ะ พนักงานอย่างเราๆ เพื่อนร่วมงาน และเจ้านาย จะว่าไปจะบอกว่าเป็นคำคมที่รวบรวมชีวิตเศร้าของคนทำงานก็ว่าได้ ทั้ง โดนบ่น งานไม่เข้าตา งานเข้า งานเยอะ งานทับ ผจญเพื่อนร่วมงานตัวร้าย เบื่อคนสอพลอ ตัวอย่างคำคมก็เช่นว่า “ทำให้ดีทำให้ไว ถ้าทำได้ ได้งานเพิ่ม ” หรือไม่ก็ “คนทำมีน้อย คนสั่งแค่ร้อยกว่าๆ” (555 ^^”)

แม้จะเหนื่อยใจกับงานแต่แทนที่จะมองว่าเป็นเรื่องเศร้า หนังสือเล่มนี้มีจุดประสงค์ให้มองเรื่องน่ารำคาญใจให้กลายเป็นเรื่องตลกไป เพราะหากคุณไม่คิดจะเปลี่ยนงาน และชอบงานที่ทำอยู่แล้ว บางครั้งก็จำเป็นต้องมองผ่านเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่น่ารำคาญ และหันมาทุ่มเทให้กับการพัฒนาตนเอง และการทำงานให้ได้ผลงานที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อทุกวันทำงานจะได้เป็นวันที่มีความสุขยิ่งขึ้นค่ะ
4
หนังสือลดความอ้วนเล่มนี้อ่านเข้าใจง่ายค่ะ มีการอธิบายและหยิบยกข้อมูลการวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลดน้ำหนักมาให้ผู้อ่านได้เปิดหูเปิดตาด้วย
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 04 กันยายน พ.ศ. 2556

เป็นหนังสือสุขภาพของคุณหมอธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและการชะลอวัย) อีกเล่มค่ะ ที่เขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย แถมสอดแทรกมุขตลกในบางบทบางตอน

หนังสือลดความอ้วนเล่มนี้อ่านเข้าใจง่ายค่ะ มีการอธิบายและหยิบยกข้อมูลการวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลดน้ำหนักมาให้ผู้อ่านได้เปิดหูเปิดตาและตื่นเต้นเป็นระยะ

หากกล่าวถึงเนื้อหาภายใน โดยภาพรวมเนื้อหาอ่านง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักด้วยตนเอง โดยเน้นเรื่องทั่วๆ ไปที่ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักควรรู้ เช่น เรื่องของดัชนีมวลกาย การประเมินระดับความอ้วนด้วยตนเอง มีทั้ง อ้วนธรรมดา อ้วนกลม อ้วนมาก อ้วนมากที่สุด (ยิ่งอ้วนยิ่งเสี่ยงโรคร้ายค่ะ ต้องลองมาคำนวณตามสูตรและประเมินระดับความอ้วนกันดูค่ะ)นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วนระหว่างรอบเอวต่อสะโพกที่เหมาะสม ได้เรียนรู้ว่าวิธีลดน้ำหนักยอดฮิตที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีหลายวิธีที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ในระยะสั้นเท่านั้น และหากเลือกวิธีลดน้ำหนักผิดวิธีอาจต้องระวังน้ำหนักที่กลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

อยากให้คนที่อยากลดน้ำหนักแต่ไม่ยอมออกกำลังกายลองอ่านบทเกี่ยวกับความสำคัญของการออกกำลังกายดูค่ะ จะได้รู้ถึงเหตุผลและความจำเป็น (มากๆๆๆ) ที่จะต้องใส่โปรแกรมการออกกำลังกายลงในแผนการลดน้ำหนักด้วย

นอกจากนี้คุณหมอยังแนะนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรรู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักด้วย เช่น สอนให้รู้เท่าทันความหิว แนะให้รู้จักต่อสู้กับความหิวที่เกิดขึ้นบ่อยเกินเหตุ แนะนำอาหารลดน้ำหนัก วิธีล้างลิ้นเพื่อลดอาการเสพติดของหวาน เลือกกินไขมันดี สอนให้คิด กิน และใช้ชีวิตประจำวันแบบคนผอม และที่ชอบมากในบรรดาเทคนิคทั้งหลายก็คือ “การจัดตู้เย็นคนผอม” ค่ะ อธิบายได้ละเอียดมากค่ะว่าควรมีเครื่องดื่มหรืออาหารแบบไหนอยู่ในตู้เย็นบ้าง แถมยังมีการแนะนำถึงร้านอาหารสุขภาพ แหล่งซื้ออาหารสุขภาพสำหรับลดน้ำหนักให้สำหรับคนที่ไม่ได้ทำอาหารกินเองที่บ้านด้วยค่ะ นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีเนื้อหาอื่นๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักอีกมากทีเดียวค่ะ

โดยรวมนับเป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจง่าย และหากปฏิบัติตามแน่นอนว่าสามารถนำไปใช้ลดน้ำหนักด้วยตนเองได้จริงค่ะ
เคล็ดลับดูแลผิว Forever Young
5
ประทับใจผู้เขียนที่แนะนำให้ดูแลตนเองด้วยวิธีง่ายๆ ตามวิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้เอง ทั้งแนะให้ใช้เครื่องสำอางเท่าที่จำเป็น แต่งแต้มให้พองามสมวัย
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เหตุที่ซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะ เคยอ่านงานเขียนเล่มอื่นๆ ของคุณหมอท่านนี้มาก่อนค่ะ

แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน ผู้เขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ผิวพรรณ และสุขภาพ จบการศึกษาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจากจาฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทุนไปศึกษาต่อในหลายประเทศ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดี แถมถ่ายทอดออกมาให้อ่านเข้าใจง่าย และทำให้รู้สึกว่าการดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่ายและสนุก

ประทับใจในคำแนะนำของผู้เขียนค่ะ ที่แนะนำให้ดูแลตนเองด้วยวิธีง่ายๆ ตามวิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้เอง ทั้งแนะให้ใช้เครื่องสำอางเท่าที่จำเป็น แต่งแต้มให้พองามสมวัย ทั้งกล่าวถึงเครื่องสำอางบำรุงผิวที่ให้เลือกซื้อโดยพิจารณาจากส่วนประกอบเป็นหลัก แทนที่จะดูที่ราคาแสนแพงและโฆษณาการตลาด

หนังสือเล่มนี้แนะนำให้สาวๆ ตั้งแต่อายุ 20 ปี เริ่มอ่านได้เลยค่ะ คุณหมอบอกว่า หากรู้จักดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งเลือกกิน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหมาะสม (ไม่มาก หรือน้อยจนเกินไป) ปัญหาสิวก็จะน้อย ไม่มีรอยแผลจากสิว ไม่มีปัญหากระฝ้าให้ต้องมาคอยแก้ไขเมื่ออายุเพิ่มขึ้น

ไม่เพียงอายุ 20 ปีนะคะ คุณหมอได้ให้ข้อมูลไว้ค่อนข้างครบถ้วนสำหรับแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่ 20 30 40 และ 50 ปีขึ้นไป ผู้อ่านจะทราบว่าแต่ละวัยต้องระวังอะไรบ้าง ต้องเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างไร ตลอดจนแนะวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นลำดับขั้นตอน (ดูแล้วยิ่งอายุเพิ่มขึ้น ขั้นตอนการดูแลจะเพิ่มตามอายุค่ะ)

เนื้อหาค่อนข้างครบทีเดียวค่ะสำหรับมือใหม่ที่กำลังสนใจ อยากดูแลผิวให้สวยสมวัย คุณหมอพูดถึงปัญหาที่กวนใจบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งริ้วรอย ผิวแห้ง ผิวหยาบ รอยตีนกา รอยคล้ำใต้ตา ฝ้า กระ ผิวเปลือกส้ม เซลลูไลต์
อ่านแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าการใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ทำให้รอยตีนกาผุดขึ้นเร็ว ทำหน้าแก่ก่อนวัยได้เหมือนกันค่ะ นอกจากอธิบายถึงสาเหตุ ยังเสนอสารพัดวิธีแก้ให้เลือกกันค่ะ ทั้งอาหาร เครื่องสำอาง ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดูแลผิว
ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ มีพูดถึงสิวที่เกิดช่วงหลังวัยรุ่น วิธีการแต่งหน้าลดอายุ ตลอดจนพฤติกรรมเร่งหน้าแก่ที่ควรหลีกเลี่ยง

แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วคุณหมอก็สรุปว่า ความงามจากภายใน ก็สำคัญไม่แพ้ความงามจากภายนอกค่ะ เพราะถ้ามีจิตใจดี จิตใจผ่องใส ความสดใสก็จะแสดงออกมาทางใบหน้า และคนรอบข้างก็จะรู้สึกสดชื่นสดใสไปกับเราค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงหากคิดที่จะเริ่มต้นดูแลตนเองให้ดูดีขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้ตัวเอง รวมถึงให้กับคนข้างๆ ประทับใจ ชื่นใจ ก็แนะนำให้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้มาลองเปิดอ่านกันดูค่ะ แล้วเลือกสักวิธีมาช่วยให้คุณดูดี และสดใสขึ้นนะคะ
อยากจำได้ ไม่อยากลืม (แต่อยากลืม กลับจำ)
4
หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนพยายามอธิบายให้เข้าใจถึงกระบวนการทำงานของสมองที่ทำให้เราลืมหรือจำบางสิ่งได้อย่างง่ายดาย เนื้อหาแน่นมากค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หลายสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านเข้ามาในชีวิตมีหลายเรื่องที่เราอยากจำได้ อยากท่องให้ขึ้นใจ แต่ยิ่งท่องยิ่งจำดูเหมือนจะช่วยให้จำได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น ผิดกลับบางสิ่ง บางเรื่องราวที่อยากลืมแต่กลับยิ่งคิดถึง แถมบ่อยครั้งมักเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราปวดใจเสียด้วย

หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนพยายามอธิบายให้เข้าใจถึงกระบวนการทำงานอันน่าฉงนของสมองที่ทำให้เราลืมหรือจำบางสิ่งได้อย่างง่ายดาย เนื้อหาภายในเล่มเริ่มเรื่องไม่แตกต่างจากหนังสือพัฒนาสมองทั่วไป โดยมีการให้ข้อมูล อธิบายที่มาที่ไปของการจดจำและการหลงลืม การรับรู้ การบันทึกข้อมูลสู่สมอง ความจำระยะสั้น ความจำระยะยาว และการดึงความจำที่เคยลืมไปแล้วกลับมาใหม่

นอกจากนี้ยังมีแนะวิธีสำรวจความจำ เพื่อตรวจสอบว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ตลอดจนการสังเกตเพื่อแยกแยะอาการหลงลืมธรรมดาตามวัยกับโรคอัลไซเมอร์ที่เป็นโรคที่ทำให้เกิดความจำเสื่อมอย่างถาวร จนถึงขั้นลืมวิธีเดิน วิธีพูด และวิธีเดินเลยทีเดียว

เนื้อหาที่ดูน่าสนใจและโดดเด่นในเล่มน่าจะเป็นในส่วนของวิธีพัฒนาความจำ ซึ่งผู้เขียนได้แยกแยะวิธีฝึกจำที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น เคล็ดลับในการจำตำแหน่งสิ่งของต่างๆ โดยการจัดวางสิ่งของให้หาได้ง่าย ทั้งในห้องครัว แฟ้มเอกสาร หรือโต๊ะทำงาน เคล็ดลับในการย้ายบ้าน โดยการจัดการกับสิ่งของต่างๆ และเขียน mind map เพื่อลดความสับสนวุ่นวายในการจัดของและปัญหาที่มากับการหาของไม่เจอ

ทั้งนี้ผู้เขียนนำเสนอหลายประเด็นเกี่ยวกับความจำที่จำเป็นในชีวิตประจำวันที่บางที่มานึกๆ ดู สำคัญมากแต่เรากลับมองข้ามไป เช่น การจำชื่อ จำใบหน้า และจำข้อมูลของบุคคลต่างๆที่เราติดต่อด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือ ลูกจ้าง เพราะการจำรายละเอียดของพวกเขาได้แม้เพียงเล็กน้อย บวกกับการแสดงออกอย่างจริงใจ เป็นการแสดงถึงความใสใจ ช่วยให้เกิดความสัมพันธ์อันดีได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังมีการแนะวิธีจดจำตัวเลขต่างๆ วิธีเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และการจัดการกับสิ่งที่อยากลืมแต่กลับจำ

การพัฒนาความทรงจำทำได้ในทุกช่วงอายุค่ะ มีงานวิจัยที่ออกมาไม่นานนี้พบว่าแม้จะอายุถึง 70 ปี แต่เซลล์สมองของคนเราก็ยังสามารถสร้างเส้นใยประสาทใหม่ขึ้นมาได้ โดยสามารถเชื่อมต่อ และชดเชยเซลล์ประสาทที่สูญเสียไปได้
ฉะนั้นนอกจากใช้วิธีการบริหารสมองเป็นประจำเพื่อเพิ่มความจำ ก็ควรที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ไปยังที่ใหม่ๆ และทำกิจกรรมใหม่ๆ บ้าง การทำสิ่งซ้ำๆ เดิม เป็นกิจวัตรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สมองนิ่ง ไม่ได้พัฒนา และอาจพบกับปัญหาเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้

ผู้เขียนเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองจากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ซึ่งมีผลงานการวิจัยด้านสมองมาอย่างต่อเนื่องค่ะเนื้อหาภายในเล่มจึงนับว่ามีความน่าเชื่อถือ เนื้อหาภายในจะดำเนินไปเรื่อยๆค่ะ บางคนที่ชอบอ่านแบบตัวหนังสือน้อยๆ หน้ากระดาษว่างๆ อาจมีอาการหาวระหว่างอ่านได้ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าสนใจค่ะโดยเฉพาะในบทวิธีพัฒนาความจำ หากใครซื้อมาแล้วลองพลิกไปอ่านบทนี้ก่อนเลยก็ได้นะคะ ฝากไว้อีกเล่มนะคะ ขอบคุณค่ะ
วิตามินไบเบิล
4
เนื้อหาครบถ้วนจริงๆค่ะ สมชื่อหนังสือ วิตามิน ไบเบิ้ล
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้หนามากค่ะ ประมาณ 500 หน้า อธิบายเรื่องเกี่ยวกับวิตามิน เกลือแร่ ตลอดจนสารอาหารต่างๆอย่างละเอียดยิบ ทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ สารสกัด น้ำมันหอมระเหย สมุนไพรพื้นบ้าน ลามไปจนถึงวิตามินสำหรับสัตว์เลี้ยง (555 ข้อมูลเยอะจริงๆ) อธิบายตั้งแต่นิยามของวิตามิน ชนิด กินเมื่อไหร่ กินอย่างไร เลือกวิตามินให้เหมาะกับตัวคุณทั้งเพื่อเสริมความงาม ชะลอวัย ป้องกัน และรักษาสารพัดโรค

แต่ถ้าใครคิดว่าในแต่ละวันตัวเองกินอาหารได้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่อยู่แล้ว แถมแข็งแรงดีไม่มีโรคภัย ก็ไม่จำเป็นต้องเสริมนะคะ เพราะวิตามินและสารอาหารต่างๆ ก็ล้วนมีอยู่ในอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันในชีวิตประจำวันค่ะ อย่างเนื้อหาเรื่องวิตามินและสารอาหารในหนังสือนอกจากจะบอกถึงประโยชน์ อาการขาด สัญญาณเตือนว่ากินมากไป อาการเป็นพิษ แล้วยังบอกถึงแหล่งอาหารจากธรรมชาติที่มีวิตามินและสารอาหารเหล่านั้นอยู่มากด้วย ดังนั้นหากเราคิดว่าเรามีอาการที่แสดงว่าขาดวิตามินชนิดใดอาจเริ่มต้นจากการกินอาหารจากธรรมชาติตามที่หนังสือและนำไว้ก่อนก็ได้ค่ะ

เนื้อหาครบถ้วนจริงๆค่ะ อย่างวิตามินบางชนิดชื่อไม่ค่อนคุ้นหูยังพบได้ในเล่มนี้ เช่น วิตามินเอฟ วิตามินยู วิตามินที (รีบพลิกหน้าสารบัญดูทันทีว่ามีวิตามิน W X Y Z ด้วยรึเปล่า 555 อันนี้ต้องลองดูเองค่ะ) นอกจากนี้มีการสรุปวิตามินสูตรเฉพาะของแต่ละคนด้วย เช่น สำหรับผู้หญิง ผู้ชาย หญิงตั้งครรภ์ นักวิ่ง ผู้บริหาร นักเรียน นักศึกษา ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ นักเพาะกาย นักเต้น ผู้ที่ดูโทรทัศน์มากเกินไป นักพนัน (ยังมีเลยเอ้า ^^”)

แต่การเลือกวิตามินกินเองผู้เขียนหนังสือเน้นย้ำแล้วว่าให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการด้วย เพราะแต่ละบุคคลมีโรคประจำตัวแตกต่างกัน อาจไม่เหมาะกับวิตามินบางชนิด

สรุปแล้ว ถ้าสนใจวิตามินชนิดไหนอาจลองกินอาหารจากธรรมชาติที่มีวิตามินเหล่านั้นสูงตามคำแนะนำในหนังสือก่อน หรืออาจขอคำปรึกษาแพทย์และนักโภชนาการว่าเราสามารถกินวิตามินเม็ดเหล่านี้ได้หรือไม่ เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยค่ะ
กายบริหารอายุยืน สูตรคุณหมอ 100 ปี
5
คุณปู่เจ้าของท่าบริหารเป็นคุณหมอค่ะ น่ารักมาก เป็นท่าบริหารง่ายๆ ที่ทำตามไม่ยาก
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อแรกเห็นสะดุดตากับคุณลุงหน้าตาใจดี ชูกำปั้นอวดความฟิตค่ะ เห็นหน้าปกบอกสูตรคุณหมอ 100 ปีแล้วก็ยิ้ม รู้สึกว่าต้องเปิดอ่านซะหน่อย

เป็นสูตรลับในการบริหารร่างกาย และการดูแลสุขภาพของคุณหมอฮิโนะฮะระค่ะ

แม้จะเข้าวัย 100 ปี แต่ก็ยังแข็งแรง กระฉับกระเฉงกว่าวัย แถมมีความสุขในการใช้ชีวิตในทุกๆ วันอีกด้วย พอคนรอบข้างถามถึงเคล็ดลับมากๆ เข้า คุณหมอก็เลยเขียนวิธีดูแลสุขภาพและตีพิมพ์หนังสือออกมาเผยแพร่ซะเลย

กายบริหารส่วนใหญ่เน้นเสริมความยืดหยุ่นให้กับร่างกายค่ะ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักบาดเจ็บได้ง่ายจากการหกล้มหรือเดินสะดุดแม้เพียงเล็กน้อย หากรู้วิธีบริหารร่างกายให้มีความยืดหยุ่นและมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น รับรองได้ว่าอายุยืนอย่างมีความสุขถึง 100 ปี แบบคุณหมอฮิโนะฮะระได้ค่ะ

สำหรับท่าบริหาร มีหลายท่าค่ะ ทั้ง คอ เอว ลำตัว ต้นขา ข้อพับ มีภาพประกอบของคุณหมอฮิโนะฮะระ (ทำให้ดูว่าอายุ 100 ปี ก็ยังทำได้นะจ๊ะ) เป็นท่าออกกำลังง่ายๆ ค่ะ มีบอกข้อควรระวัง พร้อมสอดแทรกแนะนำสั้นๆจากคุณหมอที่จะช่วยให้มีสุขภาพดีและอายุยืนด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็มีคำแนะนำเกี่ยวกับท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน เช่น ท่ายืน เดิน นั่ง ขึ้นลงบันใด ท่านอน ฯลฯ อ้อ มีตัวอย่างอาหารช่วยอายุยืนด้วยค่ะ

แม้เป็นหนังสือเล่มบาง แต่ส่วนตัวคิดว่ามีประโยชน์ และมีเนื้อหาที่ดีมากเล่มหนึ่งเลยค่ะ เล่มนี้ใครๆ ก็อ่านได้นะคะ ไม่ใช่สำหรับผู้สูงอายุอย่างเดียว เล่มนี้เหมาะมากสำหรับซื้อแจก หรือมอบให้แก่กันเป็นของขวัญค่ะ คนรับต้องชอบแน่ๆ จริงๆนะคะ ><
121 วิธี สุขภาพดี ชีวีเกินร้อย
4
ชอบที่ หลายวิธีในเล่มนำมาจากงานวิจัยทางการแพทย์ค่ะ มีคำแนะนำและคำอธิบายเข้าใจง่าย ชัดเจน
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้รวม Tips ที่น่าสนใจ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค รวมถึงวิธีคงความอ่อนวัยเอาไว้ด้วยกันค่ะ ใครที่ชอบอ่านหนังสือที่มีแต่ละบทแต่ละตอนที่เป็นเนื้อหาสั้นๆ น่าจะถูกใจนะคะ เพราะแต่ละวิธีการดูแลสุขภาพก็มีรายละเอียดไม่มากประมาณครึ่งถึงหนึ่งหน้าเท่านั้นค่ะ (บางคนอาจเลือกอ่านจากสารบัญเฉพาะวิธีที่ตรงใจแล้วลองนำไปปฏิบัติตามค่ะ)

หลายวิธีในเล่มนำมาจากงานวิจัยทางการแพทย์ค่ะ มีคำแนะนำและคำอธิบายเข้าใจง่าย ชัดเจน น่าลองนำไปทำตามค่ะ

ตัวอย่างเนื้อหาในเล่มที่น่าสนใจ เช่น ขอบขนมปังช่วยต้านมะเร็งได้ (555 อันนี้ต้องลองอ่านดูเองนะคะ) อ้อๆแล้วก็มีวิธีลดและป้องกันรอยตีนกาด้วยอาหาร และการแสดงสีหน้าแสดงอารมณ์บางอย่างทำให้หน้าเหี่ยวได้ด้วย 555 มีงานวิจัยที่บอกว่าความรักทำให้อายุยืน ตากแดดช่วยบำรุงกระดูกได้ วิธีกินมั่นฝรั่งลดความดัน และการคลายเครียดแบบให้ผลฉับพลัน

จากที่อ่านหลายๆ เคล็ดลับในการดูแลสุขภาพพบว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ใกล้ตัวค่ะ

สำหรับใครที่คิดจะเริ่มดูแลสุขภาพของตนเอง อาจเริ่มจากเลือกใช้วิธีง่ายๆ เหล่านี้สัก 1 วิธีก็ได้นะคะ เพราะการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น อายุยืนขึ้นได้โดยไม่รู้ตัวค่ะ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะค้า
บทเรียนชีวิตจากคำพ่อคำแม่ ฉบับพิเศษ สอนลูกให้สู้ชีวิต
5
อ่านแล้วรู้สึกถึงความเมตตาของผู้เขียนที่มีต่อผู้อ่าน ทุกถ้อยคำล้วนขึ้นต้นด้วยคำว่า ลูก อ่านแล้วจึงรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจริงๆ ค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มีคนกล่าวไว้ว่า “คำพ่อ-คำแม่ เป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ” ค่ะ
พระธรรมกิตติวงศ์ วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ ถ่ายทอดคำสอน และความห่วงใจจากใจของพ่อและแม่ลงในหนังสือเล่มนี้ค่ะ

อ่านแล้วรู้สึกถึงความเมตตาของผู้เขียนที่มีต่อผู้อ่าน ทุกถ้อยคำล้วนขึ้นต้นด้วยคำว่า ลูก อ่านแล้วจึงรู้สึกได้ถึงความห่วงใยจริงๆ ค่ะ

ภายในเล่มมีคำสอนลูกๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในโลกภายนอกรวม 59 บท เนื้อหาโดยรวมล้วนให้กำลังใจในการใช้ชีวิต พร้อมให้คำแนะวิธีจัดการกับปัญหา รับมือกับผู้คนรอบข้าง และสอนให้เข้าใจโลกมากขึ้น

หัวข้อหลักๆ ในเล่ม เช่น สู้ชีวิต ต้องมีกำลังใจ ต่อสู้กับจิตใจของตนเองให้ได้ สู้สู้สู้ อย่าประชดชีวิต ประโยชน์ของความลำบาก ต้องมีธรรมะ อย่าแบกความทุกข์ ต้องเข้มแข็ง ฝ่าฟันอุปสรรค์ และมีความใฝ่ฝัน

ขอหยิบยกตัวอย่างคำสอนเรื่อง “ติชมเป็นลมปาก” และ “การแก้แค้น”มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

คำพ่อ คำแม่ สอนให้คิดได้ว่า “คำติ คำชมเป็นเพียงลมปาก” หากคิดได้ดังนั้นหัวใจดวงน้อยๆของเราจะไม่แกว่งไกวขึ้นลงตามคำพูดของใคร เมื่อเป็นเพียงลม ผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นคำพูดชมหรือคำติทำให้เราดีหรือเลวไม่ได้ ตัวเราเองนั่นแหละที่จะทำให้เราจะดีหรือเลว ดังนั้นอย่าหลงกับคำชม และเสียใจคำติของคนอื่น

คำพ่อ คำแม่ สอนให้คิดได้ว่า “การแก้แค้น” เปรียบเหมือนไฟเผาลนจิตใจและความคิดให้รุ่มร้อน ไฟแค้นจะเผาผลาญทั้งเวลาในชีวิตและความสุขในครอบครัว หากใครทำเราเจ็บแค้นขอจงปล่อยวางและให้อภัย เพื่อใจเราจะได้เบาสบายและมีความสุข การแก้แค้นทำให้สะใจเพียงชั่วครู่ ชั่วยาม ผลพวงจากการกระทำนั้นอาจทำให้เราและคนรอบข้างต้องทุกข์ทรมานใจชั่วชีวิต

ท้ายคำสอนในแต่ละเรื่องยังมีบรรทัดว่างเว้นไว้ด้วยค่ะ เผื่อคุณพ่อคุณแม่ หรือกัลยาณมิตรท่านใดที่อยากมอบหนังสือให้ลูก หรือเพื่อนได้อ่าน อาจเขียนคำพูดที่สร้างกำลังใจและแสดงความห่วงใยด้วยลายมือตนเองในตอนท้ายของคำสอนได้ด้วยค่ะ ^^

หากครอบครัวไหนเขินอายที่จะกอด บอกรัก หรือพูดแสดงความห่วงใยแก่กัน แนะนำว่าอาจเริ่มต้นจากการมอบหนังสือดีๆให้แก่กันเพื่อแสดงความรู้สึกดีๆที่มีให้กันสักเล่มค่ะ เพราะความรักและความห่วงใยเป็นยาวิเศษขนานเอกที่จะช่วยให้เด็กๆ เติบโตขึ้นเป็นคนดี และใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกได้อย่างมีความสุขค่ะ
การดูแลผู้ป่วยโรคไต
5
ชอบเล่มนี้ค่ะ เพราะความรู้แน่น เนื้อหาน่าสนใจ มีวิธีทำอาหารญี่ปุ่นสำหรับผู้ป่วยโรคไตด้วย
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือ “การดูแลผู้ป่วยโรคไต” เป็นหนังสือแปลจากหนังสือญี่ปุ่นค่ะ รูปหน้าปกดูขรึมๆ คล้ายกับตำราโภชนาการเล่มโต แต่ความจริงแล้วเนื้อหาภายในเข้าใจง่าย แถมมีตัวการ์ตูนญี่ปุ่นช่วยอธิบายเรื่องราวของโรคไต ตลอดจนขั้นตอนการทำอาหารไว้อย่างไม่น่าเบื่อเลยค่ะอ่านแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าการทำงานของไตเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของวัน แถมมีวิธีปฏิบัติตัวเพื่อถนอมไตตามช่วงเวลาต่างๆด้วย

หนังสือเล่มนี้เหมาะมากกับ ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไต ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคไต นักโภชนาการ ตลอดจนผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพที่สนใจอยากลองทำเมนูอาหารถนอมสุขภาพไตค่ะ เพราะเพียงใส่ใจเรื่องการกินให้ถูกจะช่วยชะลอความเสื่อมของไตไม่ให้ลุกลามจนไตวายและป้องกันโรคแทรกซ้อนได้อีกด้วยค่ะ

ส่วนเนื้อหาที่น่าสนใจที่สุดน่าจะอยู่ที่เรื่องของอาหารค่ะ ผู้เขียนปูพื้นให้รู้ตั้งแต่ความรู้ก่อนปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต มีสรุปข้อควรจำในการปรุงอาหาร เช่น หากผู้ป่วยตัวบวม ตรวจพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ มีปัสสาวะออกน้อย ฯลฯ ควรที่จะกินอาหารแบบไหน นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเรื่องอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตระยะต่างๆ มีตัวอย่างการจัดชุดอาหาร (อาหารญี่ปุ่น) เคล็ดลับการปรุงอาหารให้อร่อยแม้ใช้เกลือน้อย

ไม่เพียงเท่านี้นะคะ ยังมีรายการอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต พร้อมส่วนประกอบ วิธีทำ รวมถึงมีการคำนวณค่าพลังงานในอาหารและปริมาณเกลือด้วย (>o<) เช่น เมนูอาหารเกลือน้อย 10 ชนิด (โอเด้ง ซุปข้นแบบญี่ปุ่น กำหล่ำม้วน ปลาทอดคอกเทล ข้าวรวมมิตรบำรุงไต เต้าหู้เนื้อกุ้ง ฯลฯ) เมนูอาหารถนอมไตโปรตีนน้อย 10 ชนิด เมนูอาหารโปรตีนคุณภาพสูงอีก 10 ชนิด เมนูขนม แถมเมนูข้าวกล่อง ด้วย เมนูทั้งหมดที่กล่าวมาแม้จะมีชื่อหรูทุกเมนู แต่รับรองทำง่าย ถูกใจผู้ป่วย และผู้รักสุขภาพแน่นอนค่ะ

ท้ายบทของเล่มยังมีคำถาม-ตอบ เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันและอาหารบำรุงโรคไตด้วย ใครที่มีผู้ป่วยโรคไตอยู่ที่บ้าน เบื่ออาหารแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนมาทำอาหารใหม่ๆ เอาใจเค้าหน่อยนะค้า จะได้ช่วยบำรุงสุขภาพ บำรุงไต และบำรุงกำลังใจไปพร้อมๆกันค่ะ ^^
5
ผู้เขียนสืบค้นข้อมูลดีทีเดียวค่ะ ใช้ข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้มาอ้างอิงในงานเขียนหลายครั้งแล้วค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 08 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้ขนาดใหญ่และหนาพอควร (ขนาดประมาณหน้ากระดาษ A4 ถ้าเทียบกับหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คทั่วไปน่าจะใหญ่กว่าประมาณ 2 เท่า) ถ้าพิจารณาจากขนาดหนังสือ ราคา และเนื้อหาภายในที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลจากผลงานวิจัยจากหลากหลายสถาบันทั่วโลก นับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีและคุ้มค่าที่น่าซื้อหามาเก็บไว้ค่ะ

เนื้อหาภายในหนังสือเริ่มต้นจะอธิบายตั้งแต่ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง สถิติการเกิดโรค ความหมายของค่าความดันโลหิต หน่วยวัดความดัน วิธีวัดความดัน อาการที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองว่าเข้าข่ายเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ ตลอดจนการตรวจวินิจฉัย และโรคแทรกซ้อนต่างๆ

จากนั้นจึงนำเข้าสู่เนื้อหาในเรื่องของสมุนไพร 121 ชนิด ที่มีผลงานวิจัยยืนยันว่าช่วยลดและป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้จริง ข้อมูลของพืชผัก ผลไม้ สมุนไพร ที่ใช้ต้านโรคความดันโลหิตสูงรวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ค่ะ โดยจะแสดงรูปพร้อมรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อพฤษศาสตร์ ชื่อพ้อง ชื่อภาษาอังกฤษ ชื่ออื่นๆ วงศ์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ สาระสำคัญที่พบ สรรพคุณของ ใบ ราก ดอก ผล ขนาดและวิธีกินวิธีใช้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง นอกจากนี้ยังให้ของมูลการทดสอบความเป็นพิษ และข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยที่แสดงถึงผลของการใช้พืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรที่ช่วยลดความดันโลหิต อีกด้วย

ผู้เขียนเป็นเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญค่ะ แต่งหนังสือเล่มเดียวกับที่มีชื่อว่า สมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิดค่ะ และเพราะต้องนำข้อมูลมาใช้ในงานเขียนด้านอาหารและโภชนาการ เลยซื้อหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้มาเก็บไว้ และนำเนื้อหาจากหนังสือไปใช้อ้างอิงในงานเขียนบ่อยๆค่ะ

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และผู้ดูแล ค่ะ เพราะนอกจากจะได้รับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโรคที่เป็นแล้ว ยังได้รู้ว่ามีพืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรรอบตัว ที่ทั้งหาซื้อได้ง่าย แถมช่วยลดความดันได้ด้วย เพื่อว่าจะได้เลือกกินเพิ่มเติมความคู่กับการรักษาด้วยยาเพื่อลดความดันให้กลับสู่ปกติ ป้องกันโรคแทรกซ้อนไม่ให้เกิดขึ้นได้ในอนาคตค่ะ
ดังสักนิดชีวิตรุ่ง
5
อ่านแล้วได้มุมมองที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เช่นว่า ควรมองตนเองให้เป็นบริษัท หรือสินค้าที่มีคุณภาพ เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเองที่ดีมากอีกเล่มค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้มีคนมอบให้ค่ะ เห็นชื่อหนังสือทีแรกแอบแปลกใจ รีบบอกเจ้าของหนังสือที่ให้ว่า “เอ…ไม่ได้อยากดังน้า”

แต่แหมชื่อหนังสือน่าสนใจมากเลยค่ะ พอขอบคุณเจ้าของหนังสือเรียบร้อยแล้วก็รีบอ่านทันที

ขณะอ่านแต่ละบท แต่ละตอนก็เผลอร้อง อ้อๆ ไปด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าหนังสือช่วยพาเราท่องเข้าไปในโลกแห่งความจริง พาท่องไปในประสบการณ์ชีวิตของผู้คนหลากหลาย ทำให้รู้ว่า เราต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน และมองตัวเองให้เป็นเหมือนบริษัท หรือสินค้าที่มีคุณภาพ โดยพัฒนาตนเองให้มีความสามารถอยู่เสมอ มองหาโอกาสใหม่ๆ หาจุดเด่นจุดขายของตัวเองให้เจอ และที่สำคัญคือต้องรู้จักนำเสนอตัวเอง สอนให้ทำตัวให้โดดเด่นกว่าใครๆ แม้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยให้เป็นที่จดจำ ทั้งไม่ลืมประกาศให้ผู้คนรอบข้างรู้ (อย่างแนบเนียน) ว่า เรามีความสามารถในด้านใด เราสามารถช่วยให้งานของเค้าสำเร็จลุล่วงได้ดี และรวดเร็วเพียงใด

อ่านแล้วได้มุมมองที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เช่นว่า ควรมองตนเองให้เป็นบริษัท หรือสินค้าที่มีคุณภาพ
หากคุณคือผู้ประกอบการ ลูกค้า คือผู้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ดังนั้นต้องดึงจุดเด่นของสินค้าและบริการออกมาเป็นจุดขายโดยคำนึงถึงความพึงพอใจและความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

หากคุณทำงานอิสระ ลูกค้า คือ ผู้ตัดสินใจจ้าง ดังนั้นคุณอาจสมมติตนเองเป็นนายจ้าง หรือทำตัวให้เล็กลงแล้วเข้าไปนั่งในหัวใจของเขา สำรวจความต้องการและความคาดหวังของเขา จากนั้นจึงทำงานที่มีคุณภาพและควรให้ผลงานที่ดีตอบแทนเขาเหนือความคาดหวัง เพียงเท่านี้คุณก็จะกลายเป็นที่รักของนายจ้างและเป็นที่จดจำได้ไม่ยาก

หากคุณทำงานอยู่ในองค์กรต่าง ลูกค้าของคุณคือ เจ้านาย หรือผู้บังคับบัญชา ดังนั้น นอกจากตั้งใจทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ควรส่งเสียง เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร และอาสาสมัครทำงานที่ยากและท้าทายอยู่เสมอ
ดังจะพบเสียงบ่นจากคนรอบข้างหลายคนว่า ตั้งใจทำงานหนักแต่กลับไม่ได้เลื่อนขั้น หรือไม่ได้รับมอบหมายให้แสดงฝีมือหรือทำงานสำคัญ นั่นอาจเป็นเพราะคุณทำงานแต่ลืมนำเสนอตนเอง หรือลืมทำให้คนอื่นๆเห็นว่าคุณมีความสามารถมากแค่ไหน วิธีหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ที่จะช่วยให้คุณได้ก้าวหน้าในอาชีพก็คือ เปลี่ยนจากการรอฟังคำสั่งแล้วทำตาม เป็นการมองหาโอกาสและเสนอตัวทำงาน เสนอไอเดียใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร และเมื่อคุณทำสำเร็จ เท่านี้ก็เพียงพอให้คุณดังนิดๆ เมื่อผู้ใหญ่เห็นผลงาน ก็จะเรียกตัวมาช่วยงาน และความก้าวหน้าก็จะตามมา

มีอีกหลากหลายวิธีดังที่จะช่วยให้ชีวิตรุ่งที่ทำได้จริงและน่าสนใจมากๆๆๆ เลยค่ะ ขอยกตัวอย่างข้ามหัวข้อเรื่องข้ามไปบทที่ 3 เลยละกันค่ะ เช่น พูดได้ดีมีแต่ดัง กลยุทธ์สะกดใจสื่อ ตีพิมพ์บทความสร้างชื่อ เขียนหนังสือสร้างธุรกิจ ออกรายการสักนิดชีวิตรุ่ง หลากวิธีสร้างข่าวให้เป็นข่าว และทำความดีมีแต่วิน-วิน

เพราะโลกของอาชีพและธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพียงกระพริบตาจากที่คุณเคยอยู่หัวแถวอาจกลายเป็นรั้งท้ายก็เป็นได้ หนังสือเล่มนี้จะมาช่วยสอนว่าคุณจะสามารถโดดเด่นเหนือท่ามกลางคู่แข่งที่คล้ายๆกันกับคุณได้อย่างไร หากคุณดึงจุดเด่นออกมานำเสนอ และกลายเป็นที่จดจำ คุณก็จะเป็นที่ต้องการของลูกค้า หัวหน้า เพื่อร่วมงาน ตลอดจนผู้คนรอบตัว

เชื่อว่าชีวิตจะเป็นแบบไหนขึ้นกับตัวเราค่ะ หากรู้จักวางตัว รู้จักใช้ชีวิต ชีวิตก็สามารถรุ่งได้ง่ายๆ ในพริบตาเดียวค่ะ
iLove Bakery & Coffee เมนูหวานร้านอร่อย
5
เนื้อหาภายในเป็นภาพ สีทั้งเล่มค่ะ รูปภาพขนมสวยน่ากินมากๆ โดยเฉพาะเมนูที่คัดเลือกมาแล้วว่าต้องมาลองกินให้ได้สักครั้งหนึ่ง
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 04 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจมากๆเลยค่ะ
ราคาไม่ถึงร้อยบาท แต่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลร้านขนมหวานขึ้นชื่อที่ว่ากันว่ามีขนมหวานแปลกๆ หลากหลายให้เลือกชิม แถมมีบรรยากาศดีๆ ครบรส ทั้งแนวเก๋ เท่ หวาน น่ารัก เรียบหรู สบายๆ ชิลๆ ให้เลือกกินกันจนลืมอ้วนเลยทีเดียว

เนื้อหาภายในเป็นภาพ สีทั้งเล่มค่ะ รูปภาพขนมสวยน่ากินมากๆ โดยเฉพาะเมนูที่คัดเลือกมาแล้วว่าต้องมาลองกินให้ได้สักครั้งหนึ่ง พลิกดูแต่ละหน้า แต่ละที ชวนให้น้ำลายสอ อยากลองชิมขนมจัง ><

เค้ารวบรวมเมนูขนมแนะนำไว้ถึง 108 รายการเลยค่ะ คัดสรรมาจากร้านขนมอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ 100 ร้าน จากทั่วกรุงเทพ เชียงใหม่ หัวหิน และพัทยาค่ะ อ้อๆ ไม่เพียงแต่เมนู ขนมหวาน ขนมเค้ก ไอศกรีม และเบเกอรี่ต่างๆ ยังมีร้านชา กาแฟ น่านั่ง น่าชิมมาแนะนำกันด้วยค่ะ

อย่างมีร้านหนึ่งอยู่แถวเอสพลานาด รัชดา ร้านนี้นั่งรถไฟฟ้าใต้ตินไปก็ถึงค่ะ ชื่อร้าน Miki Ojsan เป็นชีทเค้กต้นตำรับญี่ปุ่นของคุณลุงมิกิ หน้าเค้กปั๊มเป็นลายการ์ตูนรูปคุณลุงเจ้าของต้นตำรับ อ้อๆเข้าโฆษณาว่า ชีสเค้กมาจากฝรั่งเศส เนื้อเค้กเบานุ่ม แถมให้แคลอรีต่ำด้วย

ยังมีอีกหลายร้านที่น่าสนใจ วันว่างหากไม่รู้จะไปไหนลองหาเวลารวมแก๊งเพื่อนๆ หรือพาคนรู้ใจ ไปนั่งคุย นั่งเล่น กินขนมอร่อยๆ ก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อยเลยนะคะ

อ้อๆ หนังสือให้รายละเอียดไว้ครบทีเดียวค่ะ ทั้งรูปภาพขนมสวยๆ ที่ตั้ง เบอร์โทรศัพท์ เวลาเปิด-ปิด ราคา เมนูแนะนำ และแผนที่การเดินทาง ช่วยให้เลือกร้าน วางแผนการเดินทาง และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียวค่ะ
สัจจะวาจา พลังแห่งคำพูดเปลี่ยนชีวิต
5
หนังสือเล่มนี้พยายามบอกเราว่า คำพูดทุกคำที่ออกจากปากของเราล้วนมีพลัง ให้แง่คิดดีๆ ในการดำรงชีวิตค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

ไม่รู้อะไรดลใจให้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา หน้าปกดูแสนธรรมดา แต่เนื้อหาภายในอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ดีมากๆเลยค่ะ

หนังสือเล่มนี้พยายามบอกเราว่า คำพูดทุกคำที่ออกจากปากของเราล้วนมีพลัง ยิ่งเป็นวจีทุจริตหรือคำพูดในแง่ลบ หรือคำพร่ำบ่นด้วยแล้วยิ่งต้องระวัง เพราะคำพูดที่เราพูดกับตัวเองซ้ำๆ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจจะถูกบันทึกลงในจิตใต้สำนึกของเรา สุดท้ายเส้นทางการดำเนินชีวิตของเราก็จะเป็นไปตามคำพูดของเรา เป็นไปตามสิ่งที่เราตอกย้ำพร่ำบ่นกับตนเอง

ดังจะเห็นจากผู้คนรอบตัวที่มักกล่าวโทษตนเอง ตอกย้ำตัวเองด้วยคำพูดในแง่ลบ เช่นว่า ฉันไม่สวย ฉันอ้วน ฉันไม่มีทางประสบความสำเร็จ หรือไม่ก็ ไม่มีใครรักฉันซักคน (ขนาดแค่พิมพ์คำพูดพวกนี้ยังรู้สึกแย่เลยย - -“) หากตอกย้ำกับตัวเองแบบนี้ทุกวันชีวิตก็คงจะเฉี่ยวเฉาและเป็นไปตามคำพูดที่พร่ำบ่นกับตัวเองแน่ๆ

หนังสือเล่มนี้จะมาบอกวิธีเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นด้วยคำพูดค่ะ ไม่เพียงพูดถึงคำพูดในแง่บวก แต่จะมาบอกถึงวิธีการรับมือกับคำพูดของคนอื่นที่มากระทบใจเรา ตลอดจนวิธีพูดให้คนรัก พูดให้เกิดความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบตัว พูดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตในทางที่ดี

มีหลายบทที่ประทับค่ะ บทหนึ่งก็คือ “วิธีพลิกใจให้เปี่ยมพลัง เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนวาจาร้ายกาจ” อาจเพราะเคยมีประสบการณ์ที่เคยอยู่ท่ามกลางคนวาจาร้ายกาจ อ่านแล้วจึงรู้สึกโดนใจกลับคำพูดที่ว่า “ถ้ามีใครหยิบยื่นความเจ็บปวดให้จงรับมา แล้ววางมันลง อย่าโยนมันไปให้คนอื่น” เพราะมาหวนนึกถึงอีกทีตอนนั้นเลือกสู้กับคนที่มีวาจาร้ายกาจด้วยคำพูดเพราะๆ 555 ตอนนี้ใช้ความอดทนมากเหมือนกันค่ะ แต่อยากรู้ว่าถ้าเราไม่ตอบกลับด้วยคำพูดหยาบ หรือคำพูดร้ายๆผลจะออกมาเป็นยังไง สุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นก็เปลี่ยนมาพูดกับเราไพเราะแบบที่เราพูดกับเขา แถมความร้ายกาจทั้งหลายก็ดูจะจางหายไปด้วย การออกไปเจอคน และเจอโลกภายนอกก็ทำให้ได้เรียนรู้ว่าหากเราอยากให้ใครพูดหรือทำกับเราอย่างไรก็จงทำแบบนั้นกับเขาก็เท่านั้นเองค่ะ อยากให้คนพูดเพราะๆ เราก็ต้องพูดเพราะๆ กับเขาก่อนเช่นกัน และอีกคำพูดที่ตรงใจคือ “ให้คิดเสียว่าคำพูดร้ายๆ ของคนร้ายๆ ทำให้โลกที่สวยงามเกินความเป็นจริงของคุณมีภูมิคุ้มกัน”

อยากให้หลายๆคนลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูค่ะ มีอีกหลายบทหลายตอนเลยที่น่าสนใจ เช่น วิธีกลบหลุมพรางในใจเปลี่ยนคำถาม(หรือคำพร่ำบ่น) ให้กลายเป็นคำตอบ กำจัดไฟล์ขยะในหัวใจบ่อเกิดแห่งวาจาร้ายกาจ ปากดีปากร้ายคุณอยากปลูกต้นไม้หรือตอกตะปู วิธีปลูกต้นรักด้วยมธุรสวาจา แนะนำกฎเหล็กของความรัก เช่น ห้ามพูดคำหยาบใส่กัน ให้รู้จักชื่นชม ยินดี ขอโทษ และขอบคุณกันและกัน นอกจากนี้ยังแนะวิธีพูดเปลี่ยนชีวิต วิธีก้าวข้ามความเจ็บปวดเมื่อถูกถามคำถามที่คุณไม่อยากตอบ และวิธีขจัดอำนาจลึกลับที่ทำให้เราพร่ำบ่นแต่คำพูดในแง่ลบ

ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ไว้อีกเล่มนะคะ เชื่อว่าแนวคิดต่างๆที่ผู้เขียนถ่ายทอดจะช่วยเปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนได้จริงๆค่ะ
โภชนศาสตร์ครอบครัว
4
คิดว่า เหมาะกับผู้ที่ทำงานหรือเรียนด้านโภชนาการ ไว้อ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้ หรือนำข้อมูลไปอ้างอิงค่ะ
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

หนังสือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลด้านโภชนาการและความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันสำหรับคนในวัยต่างๆค่ะ สมชื่อหนังสือ “โภชนศาสตร์ครอบครัว” ทีเดียวค่ะ

มีตั้งแต่โภชนาการสำหรับ หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร วัยทารก เด็กก่อนวัยเรียน เด็กวัยเรียน เด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ นับว่ามีคำแนะนำด้านอาหารและโภชนาการครบทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ

สำหรับรายละเอียดหลักๆ ก็จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายคนในแต่ละช่วงวัย ทำให้เข้าใจว่าแต่ละวัยร่างกายต้องการสารอาหารมากน้อยแตกต่างกันเพราะเหตุใด ให้ข้อมูลถึงปัญหาด้านโภชนาการของคนแต่ละวัย ความต้องการพลังงาน สารอาหารหลักและสารอาหารรอง ตลอดจนแนะนำอาหารและการจัดอาหารที่เหมาะสมด้วยค่ะ

นอกจากบทบรรยายแล้ว ข้อมูลต่างๆ ที่แสดงในส่วนของตาราง และกราฟ ระบุแหล่งที่มาชัดเจน เหมาะจะนำไปใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการสอน การเขียนหนังสือ หรือสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขยายฐานความรู้จากแหล่งอ้างอิงเดิมค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขียนโดย รองศาสตราจารย์ อบเชย วงศ์ทอง อาจารย์ประจำคณะคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฉะนั้นก็มั่นใจเรื่องของข้อมูลได้ทีเดียวค่ะ

ใครทำงานหรือเรียนด้านโภชนาการ ลองหามาอ่านเพื่อเพิ่มพูนความรู้ดูนะคะ ^^
กินร่วมกัน มหํศจรรย์หรืออันตราย
4
ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้อ่านง่าย และน่าสนใจค่ะ แต่บางประเด็นอาจให้ข้อมูลและคำอธิบายน้อยไปนิดนึง
โดย: ธิษณา วันที่เขียนรีวิว: 29 กรกฏาคม พ.ศ. 2556

“กินร่วมกัน มหัศจรรย์หรืออันตราย” เป็นหนังสือที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาหารไว้ประมาณ 64 ชนิด แบ่งเป็น หมวดผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ และเครื่องดื่ม ที่น่าสนใจคือ มีการให้ข้อมูลว่าอาหารชนิดนี้ควรกินร่วมกับอะไรเพื่อให้ได้ประโยชน์มากขึ้น หรือ ไม่ควรกินพร้อมกับอะไรเพราะอาจเป็นอันตราย นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเรื่องการกินอาหารกับยา เครื่องดื่มกับยา ชาสมุนไพรกับยา อ้อๆ แล้วก็มีคำแนะนำที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินยาให้ถูกเวลา ใช้ยาให้ถูกวิธี มีเรื่องของอาหารักษาโรค แล้วก็เกร็ดน่ารู้ต่างๆด้วยค่ะ

ขอยกตัวอย่างสักหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจค่ะ คือ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับกินทุเรียนเพราะจะทำให้เกิดร้อนในรุนแรง เป็นอันตรายได้เพราะทุเรียนมีสารซัลเฟอร์มากเมื่อกินพร้อมกับเหล้า อาจทำให้เกิดอาการช็อกได้

เนื่องจากทำงานในสายโภชนาการเลยแอบขออธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของสารพิษ พอร่างกายรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาก็ตกใจรีบหลั่งสารออกมากำจัด แต่ถ้าใครกินทุเรียนเข้าไป สารซัลเฟอร์ในทุเรียนจะยับยั้งไม่ให้ร่างกายกำจัดสารพิษ สารพิษที่ค้างอยู่ปริมาณมากจะทำให้คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว ช็อก และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ (น่ากลัวจริงๆค่ะ)

ข้อมูลในหนังสือเล่มนี้อ่านง่าย และน่าสนใจค่ะ แต่บางประเด็นอาจให้ข้อมูลและคำอธิบายน้อยไปนิดนึง (^^ 555 คนอ่านคนนี้ชอบข้อมูลเยอะๆๆ) แต่โดยรวมแล้วนับเป็นหนังสือเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพที่ดีอีกเล่มนึงค่ะ
www.batorastore.com © 2024