Cornell's Heart อลเวงรักสุดป่วนก่อกวนยึดพื้นที่หัวใจ

Cornell's Heart อลเวงรักสุดป่วนก่อกวนยึดพื้นที่หัวใจ

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160604227
ผู้แต่ง: PloyPink
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 37.25 บาท
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

ยามสาย ณ คฤหาสน์หลังงามแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มสุดหล่อนามว่าคอร์เนลกำลังใช้เวลาปิดเทอมอันแสนสุขด้วยการนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา พลางกดรีโมตทีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มาหยุดที่รายการ ‘ว้าว ไฮโซ!’ เสียงแจ๋นๆ ของพิธีกรสาวกำลังรายงานข่าว

(สวัสดีค่าท่านผู้ชมรายการ ‘ว้าว ไฮโซ!’ วันนี้ดิฉันอยู่ที่งานเปิดตัวคลับหรูย่านใจกลางกรุงเทพฯ งานนี้มีไฮโซทั่วฟ้าเมืองไทยมาร่วมงานกันคับคั่ง แขกพิเศษที่เป็นที่จับตามองก็คือมิคาอิล นิโคลอฟ อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซียผู้ร่ำรวยติดอันดับสิบของโลก)

กล้องแพนไปที่ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม พิธีกรสาวปราดไปยื่นไมค์ตรงหน้าอภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่พอพูดภาษาไทยได้เนื่องจากมีภรรยาเป็นคนไทย

(ท่านมาร่วมงานเปิดตัวคลับโดยเฉพาะหรือว่าแวะมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไทยคะ?)

(มาร่วมงานเปิดตัวนั้นเป็นเรื่องรอง ที่จริงฉันมาเยี่ยมลูกสาวของฉันน่ะ) มิคาอิลตอบด้วยสำเนียงแปร่งๆ

(โอ๊ะ ท่านมีลูกสาวด้วยเหรอคะ ดิฉันคิดว่าท่านมีลูกชายเพียงคนเดียวเสียอีก)

(เดซี่เป็นลูกบุญธรรมของฉัน แต่ฉันรักยิ่งกว่าลูกชายของฉันเสียอีก)

มิคาอิลหัวเราะพลางกวักมือเรียกลูกสาวบุญธรรมมายืนใกล้ๆ หญิงสาวสวยในชุดเดรสสีชมพูยิ้มบางๆ ให้กล้อง

เคร้ง!
                รีโมตหล่นจากมือคอร์เรลลงกระทบพื้นหินอ่อน ดวงตาสีสนิทของเขามองทีวีด้วยสายตานิ่งค้างไป

“ยัยเดซี่ออกทีวีทำหน้าเหมือนคนท้องอืด ไม่ชอบออกงานสังคมอย่างเคยสินะ”

“เธอรู้จักคุณหนูไฮโซในข่าวด้วยเหรอเชอร์ริลีน”

คอร์เนลหันขวับไปถามหญิงสาวผมบลอนด์ลูกครึ่งไทย-อังกฤษผู้ซึ่งเป็นญาติของเขาที่นั่งพิมพ์โน้ตบุ๊กอยู่ที่โต๊ะด้านหลัง

“เดซี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน เราเรียนคณะเดียวกันและอยู่คอนโดฯ ห้องติดกันด้วย”

“ทำไมไม่เห็นเคยพาเพื่อนของเธอมาเที่ยวที่บ้านบ้างเลย”

“ก็นี่มันบ้านนาย ไม่ใช่บ้านฉัน ฉันชวนเดซี่ไปเที่ยวบ้านฉันที่อังกฤษซัมเมอร์นี้ แต่เธอมีความหลังฝังใจกับการขึ้นเครื่องบินเลยไปด้วยไม่ได้ นายถามซอกแซกแบบนี้สนใจเพื่อนฉันหรือไง ขอบอกว่าอย่าคิดจีบซะให้ยาก”

“ถ้าฉันสนใจใครก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเธอ เชอร์ริลีน เอ้อ ฉันได้ยินว่ามหา’ลัยของเธอเปิดหลักสูตรพิเศษภาควิชาบริหารธุรกิจสำหรับบุคคลภายนอกในช่วงซัมเมอร์เหรอ”

“ใช่ หลักสูตรนี้สำหรับคนที่สนใจเรียนวิชาพื้นฐานบริหารธุรกิจเป็นคอร์สสั้นๆ ทำไมอยู่ๆ ถึงถามขึ้นมา นายไม่เคยสนใจจะเรียนด้านบริหารเลยนี่ แม้แต่คุณลุงยังบังคับให้นายเรียนไม่ได้เลย”

“ใจคนเปลี่ยนแปลงกันได้ ตอนนี้ฉันเกิดสนใจอยากจะลงเรียนบริหารขึ้นมา”

“นายมีแผนการอะไรแอบแฝงหรือเปล่า อย่างเช่นว่าอยากไปใกล้ชิดกับเพื่อนฉัน”

“อย่ามาจับผิดกันน่า ช่วงซัมเมอร์ที่เธอไม่อยู่ คอนโดฯ ก็ว่างใช่ป่ะ งั้นฉันขอไปอยู่ละกัน ขี้เกียจขับรถไปกลับ มันไกล”

“ชัดๆ เลยว่านายมีแผนการร้ายอยู่ในใจ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะคอร์เนล”

“ไม่ใช่แผนการร้ายหรอก แต่เป็นแผนการรัก”

เขาไม่ได้ลงคอร์สซัมเมอร์เพราะเกิดขยันขึ้นมา คอร์เนลไม่เคยขยันเรื่องเรียน แต่เรื่องแผนการเด็ดๆ ล่ะก็เขาทุ่มตัวเสมอ และคราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เป้าหมายหลุดลอยไปอีกแล้ว

เขาจะก่อกวนหัวใจเธอให้ถึงที่สุด และเอาหัวใจของเธอมาเป็นของเขาให้จงได้!

นี่คือความหมายมั่นของคอร์เนล...ชายหนุ่มแสนเจ้าเล่ห์

 

1

เปิดฉากอลเวง

 

มหา’ลัยเป็นมหา’ลัยเอกชนชื่อดังสุดหรูที่มีบรรยากาศคล้ายมหา‘ลัยต่างประเทศ อาคารเรียนเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป การเรียนการสอนมีทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษและหลักสูตรภาษาไทย ในบรรดานักศึกษาเป็นลูกครึ่งซะเกือบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ฐานะทางบ้านมีตั้งแต่ร่ำรวยถึงขั้นอภิมหาเศรษฐี ที่นี่ไม่มียูนิฟอร์มนักศึกษาสามารถแต่งไปรเวตได้ตามสบาย แต่ละคนจึงจัดเต็มแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า

ทีแรกฉันกะจะเข้ามหา’ลัยรัฐที่สอบได้ แต่พ่อบุญธรรมอยากให้ฉันได้เรียนมหา’ลัยเอกชนที่ดีที่สุดติดอันดับเอเชียแห่งนี้ พ่อกับแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อห้าปีก่อน หลังจากนั้นมาคุณป้าพี่สาวของแม่ก็รับฉันไปเป็นลูกบุญธรรม คุณป้าแต่งงานกับนักธุรกิจชาวรัสเซียที่ท่าทางโหดและหน้าตาดุมาก แต่คุณลุงมิคาอิลก็รักฉันเหมือนลูกสาวแท้ๆ ตอนที่พ่อกับแม่จากฉันไปในช่วงแรกๆ คุณลุงกับคุณป้าพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันไปอยู่ที่รัสเซียด้วยกัน ทว่าใจฉันอยากอยู่ที่เมืองไทยมากกว่าจึงขออยู่ที่นี่ พอจบมัธยมปลายฉันก็ย้ายออกจากบ้านมาเช่าคอนโดฯ อยู่ใกล้กับมหา’ลัย โดยการชักชวนของเชอร์ริลีนเพื่อนร่วมคณะบริหารที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด เชอร์ริลีนเป็นเจ้าของคอนโดฯ นี้ หล่อนให้ฉันเช่าอยู่ห้องติดกันกับห้องของหล่อนซึ่งมีประตูเชื่อมถึงกัน โดยห้องนี้เดิมทีเป็นห้องพักของญาติเชอร์ริลีนจากอังกฤษที่นานๆ ครั้งจะบินมาเที่ยวไทย พอดีว่าห้องว่างอยู่เลยให้ฉันเช่า ปิดเทอมซัมเมอร์นี้ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้าที่รัสเซีบเพราะยังฝังใจกับการขึ้นเครื่องบิน พวกท่านจึงมาเยี่ยมฉันที่เมืองไทยแทน คุณลุงกับคุณป้ามาอยู่สองอาทิตย์ พาฉันออกงานสังคมไปสิบกว่างาน และพาฉันช็อปปิ้งไปเกือบครึ่งห้างเพียงแค่ฉันเอ่ยปากว่าจะซื้อรองเท้าสักหนึ่งคู่ ตอนนี้พวกท่านกลับรัสเซียไปแล้ว ส่วนเชอร์ริลีนก็ไปเยี่ยมครอบครัวที่อังกฤษ ฉันเลยรู้สึกเหงานิดหน่อย ช่วงซัมเมอร์ฉันลงทะเบียนเรียนเก็บหน่วยกิตหนึ่งวิชา มีเรียนอาทิตย์ละคาบ ขณะที่ฉันกำลังเดินกลับจากทานข้าวเย็นที่โรงอาหารอยู่นั้นก็มีบางอย่างตกลงมาใส่หัวอย่างจัง

ตุ้บ! ซ่า

แก้วน้ำพลาสติกหล่นลงมาจากฟากฟ้าเทราดใส่หัวฉัน คราบกาแฟสีน้ำตาลเปื้อนเดรสสีครีมของฉันเป็นด่างดวง ก้อนน้ำแข็งบนผมส่งความเย็นเข้าไปถึงสมอง

“หลุดมือว่ะ”

เสียงคนดังมาจากชั้นบนของตึก ฉันแหงนหน้าขึ้นไปมอง เห็นผู้ชายสองคนยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสอง ฟันธงเลยว่าคนใดคนหนึ่งเป็นคนโยนแก้วน้ำลงมา

“ใครเป็นคนโยนแก้วน้ำลงมา” ฉันตะโกนถามด้วยความโมโห

“ฉันเอง เผอิญว่ามันหลุดมือ”

นายฝรั่งหน้าโหดคมเข้มยืดอกยอมรับพร้อมกับยักไหล่ ทว่าไร้คำขอโทษใดๆ จากปากเขา

“ลงมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้”

“ฮะ?” ยังมาปั้นหน้างง ชิ

“ฉันบอกให้ลงมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!”

“ถ้าฉันไม่ลงไปเธอจะทำอะไรฉันฮะ”

ผู้ชายคนนี้ช่างอวดดีเป็นที่สุด ทำผิดแต่ไม่คิดจะขอโทษ

“ฉันก็จะ...”

เอ่อ ฉันจะทำอะไรกับผู้ชายตัวโตนั่นได้ เป็นเพศหญิงนี่มีแต่เสียเปรียบ ไม่มีกล้ามโตๆ ไปอวดเบ่งข่มขู่ใครได้

“ฉันจะขึ้นไปเอาน้ำราดหัวนายบ้างยังไงล่ะ”

“งั้นเหรอ หึๆ ไม่ต้องขึ้นมาหรอก ฉันจะลงไปหาเธอเอง”

เฮอะ ต่อมสามัญสำนึกเพิ่งทำงานหรือไง สุดท้ายก็คิดได้ว่าควรลงมาขอโทษฉัน

สามนาทีต่อมานายหน้าโหดกับนายผมทองเพื่อนของเขาก็ลงมาถึงข้างล่าง นายหน้าโหดเดินเข้ามาใกล้ เขามองฉันด้วยดวงตาสีฟ้าเย็นชาดูข่มขวัญ ใบหน้าหล่อสไตล์ดิบเถื่อน หมอนี่สูงมากจนฉันต้องแหงนคอมอง ความสูงน่าจะราวๆ ร้อยแปดสิบห้าเซ็นต์ เขาจ้องฉันอยู่นานสองนานโดยไม่มีท่าทีบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดเลยสักนิด

“ฉันรอฟังอยู่นะ”

“รอฟังอะไร”

“คำขอโทษไง”

“ฉันไม่ผิดจึงไม่จำเป็นต้องขอโทษ ใครใช้ให้เธอดวงซวยเอง ไหนล่ะ น้ำที่จะเอามาราดหัวฉัน เชิญไปหาน้ำมาเลยสิ ถ้าไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรรุนแรงตอบโต้เธอ”

หน็อย ตัวเองผิดแล้วยังมาทำกร่างแถมขู่ใส่อีก ปากแบบนี้น่าโดนหลังมือฟาดสักสองสามที แต่เผอิญว่าฉันไม่ใช่สาวนักบู๊เลือดสาด เกิดมาไม่เคยสู้รบตบมือกับใคร จริงสิ ฉันมีอาวุธอยู่กับตัวแล้วนี่ สั่งสอนนายหน้าโหดจอมอวดดีหน่อยเป็นไร ว่าแล้วก็ยกรองเท้าส้นเข็มกระทืบลงบนเท้าของเขาเต็มแรง

“โอ๊ย ยัยบ้า!” เขาสบถพลางยกเท้าเหยงๆ

“อุ๊ย ไม่ได้ตั้งใจ พอดีว่ากะจะเหยียบแมลงวันแต่ดันพลาดเป้าไปหน่อย ฉันไม่มีน้ำมาราดหัวนายเพื่อเอาคืนหรอก งั้นเอาเป็นว่าหายกันเนอะ บ๊ายบาย”

ฉันยิ้มหวานแล้วหันหลังเตรียมโกยแน่บ ทว่าหมอนั่นก็เอื้อมมือมากระชากคอเสื้อฉันไว้ก่อน กรี๊ดดด

“จะหนีไปไหนยัยตัวแสบ”

“ปล่อยช้านนน”

ฉันดิ้นสุดฤทธิ์ พอเขาปล่อยมือเลยส่งผลให้ฉันเสียหลักถลาล้มลงไปในท่าจับกบ โอ๊ย เจ็บ

“นายทำอะไรผู้หญิงคนนี้!”

เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง ฉันหันขวับไป ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงยีน ใส่แว่นกันแดดสีชา และสวมหมวกแก๊ปสีดำ ปีกหมวกดึงลงต่ำดูลึกลับอย่างกับเป็นนักร้องซูเปอร์สตาร์ เขาก้าวสวบๆ ตรงเข้ามาต่อยเสยคางนายหน้าโหดที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจนล้มหงายหลังไปเลย จากนั้นก็หันมาช่วยพยุงฉันขึ้นมา

“เดินไหวมั้ย”

ฉันพยักหน้า

“กล้าดียังไงมาต่อยฉัน ตายซะเถอะ!” นายหน้าโหดคำรามลั่น

“ตอนนี้ให้วิ่งก็ยังไหว เผ่นเร็ว”

ฉันคว้ามือหนุ่มลึกลับพาวิ่งไปด้วยกัน นายหน้าโหดกวดตามมาติดๆ ฉันเลี้ยวเข้าที่มุมตึกและดึงหนุ่มลึกลับเข้าไปข้างในอาคารเรียน

“เจอตัวพอดีเลยมาร์คอฟ อาจารย์มีเรื่องจะคุยกับเธอ” อาจารย์เจ้าป้าสุดเคร่งประจำคณะบริหารเรียกตัวนายหน้าโหดไว้พอดี โชคดีอะไรเช่นนี้ ฉันรีบพาหนุ่มลึกลับเดินทะลุไปยังทางออกอีกด้านหนึ่งของอาคาร เมื่อวางใจว่ารอดพ้นจากเงื้อมมือมารแล้วฉันก็หยุดพักเหนื่อยตรงใต้ต้นไม้

“เราไม่รู้จักกันมาก่อนแต่นายก็ยื่นมือเข้ามาช่วยฉัน ขอบคุณนะ” ฉันพูดกับหนุ่มลึกลับที่เป็นวีรบุรุษของฉัน

“เธอจำฉันไม่ได้เหรอ”

“เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ”

“ได้ยินแล้วเจ็บปวดจัง ค่อยๆ นึกไปก็ได้ เพราะยังไงเราคงได้เจอกันอีก”

เขายิ้มให้ฉันก่อนจะเดินจากไป แม้จะเห็นใบหน้าแค่เพียงบางส่วนแต่ก็สามารถเดาได้ว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีไม่เบา

 

กึกๆๆ

เสียงกึกๆ ดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังอาบน้ำขจัดคราบกาแฟเหนียวเหนอะหนะ ฉันปิดฝักบัวและฉวยผ้าขนหนูมาพันกาย เมื่อออกมาจากห้องน้ำกลับไม่ได้ยินเสียงกึกๆ ที่คล้ายกับมีคนมาหมุนลูกบิดประตูห้องแล้วนี่ หรือว่าฉันหูฝาดไปเองหนอ

กุกกัก!

ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงกุกกักชัดเจน เสียงนั้นไม่ได้มาจากข้างนอกประตูห้อง แต่มาจากประตูเชื่อมห้องข้างๆ ซึ่งเป็นห้องของเชอร์ริลีน แต่ตอนนี้หล่อนไปอังกฤษ แล้วถ้างั้นเป็นใครกันล่ะ

แกร๊ก แกร๊ก

ลูกบิดประตูเชื่อมขยับ ฉันล็อกจากทางฝั่งฉันไว้ อีกฝั่งไม่มีทางเปิดเข้ามาได้นอกจากจะพังเข้ามา ฉันฉวยร่มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากะใช้เป็นอาวุธเผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

คลิก!

ประตูแง้มเปิดออกพร้อมกับใจฉันที่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม สองมือเงื้อร่มขึ้นเตรียมฟาดผู้บุกรุกสุดชีวิต

“ย้าก!”

“เฮ้ย!!!”

ผู้บุกรุกจับยึดคันร่มไว้ได้แล้วแย่งไปจากมือฉัน แรงกระชากทำให้ฉันเซไปปะทะกับอกเขา เมื่อเงยหน้าขึ้นฉันก็จำแว่นกันแดดสีชากับหมวกแก๊ป

 

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024