ใต้ฟ้าเดียวกัน (เพ็ญศิริ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 97.50 บาท
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ใต้ฟ้าเดียวกัน

 

ประพันธ์โดย  เพ็ญศิริ

บทที่   1.                  

 

ผู้คนหลากหลายจากนานาชาติภายในสนามบิน ทำให้กฤตกรค่อนข้างจะตาพร่าไปบ้าง หลังจากที่เขาได้รับกระเป๋ามาจากด้านเจ้าหน้าที่ตรวจค้นสัมภาระผู้โดยสารแล้ว

            ชายหนุ่มออกมายืนเก้ๆกังๆ กวาดตามองไปยังกลุ่มผู้คนมากมายดูเหมือนจะไม่มีใครเลยที่ใส่ใจต่อเขากะเหรี่ยงพลัดถิ่นคนนี้

            “คนที่มารับแกนะเขามีดอกทิวลิปสีเหลืองโตๆ...เสียบกระเป๋าเสื้อที่หน้าอกด้วย ถ้าแกเห็นดอกทิวลิปเหลืองดอกนั้นแล้วล่ะก็เข้าไปหาเขาได้ทันทีแล้วบอกเขาว่าแกมาจากฉัน คุณวศัน และแนะนำตัวแกชื่อ กฤตกร ตานุกูลย์ เข้าใจไหม”

            “ทิวลิปเหลือง ทิวลิปเหลือง”

            กฤตกรพึมพำ เขาพยายามชะเง้อกวาดตามองจนเหงื่อกาฬไหลย้อยไปทั่วตัว เวรซะกระมังหนนี้ ก็สนามบินแห่งนี้มันมีคนใช้บริการน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ ทั้งพวกที่อยากมาช็อปปิ้งกว้านซื้อข้าวของกลับไปใช้และไปขาย ยังจะพวกที่ลุ่มหลงกลิ่นไอของบ่อนคาสิโนอันมากมายประดามีของเกาะแห่งนี้อย่างจับใจเข้าสายเลือดนั้นอีกล่ะ

เห็นทีว่าเขาจะไปไม่รอดก็คราวนี้เอง

กฤตกรหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ ไม่รวมกระเป๋าใบย่อมที่ใช้เก็บสิ่งของมีค่าทั้งหมด ที่เขาคล่องมากับไหล่นั้นอีกหนึ่งใบ

ชายหนุ่มทะเร่อทะร่าฝ่ากลุ่มฝูงชนหลายหมื่นคน ออกมาสูดอากาศนอกแอร์พ็อตได้สำเร็จแล้ว เขาค่อยหายใจคล่องขึ้นมาหน่อยที่หลีกหนีกลุ่มคลื่นมนุษย์ออกมาเสียได้

“ไม่เจอใครก็ช่างหัวมัน”

เขาเกาท้ายทอยแล้วสรุปเอาฝ่ายเดียวเช่นนั้น แม้จะไม่พบเจอคนมารับดั่งคำสั่งของบิดา แต่เขาก็ยังมีนามบัตรพร้อมAddreesของคนที่ต้องการพบเจอด้วยในกระเป๋าอยู่ดี ขอให้ไปหาที่พักพออาบน้ำอาบท่าเรียกแรงกลับคืนสักงีบก่อนเถอะ ค่อยคิดอ่านแก้ไขกันใหม่ต่อไป

กฤตกรกวาดตามองหารถแท็กซี่ซึ่งพอจะพึ่งพาเรียกใช้ได้ แต่ยังไม่ทันไร ชายฉกรรจ์แต่งตัวชนิดที่ว่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าหล่อเอาการ

คนเหล่านั้นกำลังจับตามองมายังเขา ครู่เดียวก็พากันยกโขยงเข้ามาหาเขาเป็นกลุ่ม

“ไปไหนครับลูกพี่มาเก๊าหรือว่าเข้าบ่อนเลยดีแถวนี้มีบ่อนสนุกๆมือเติบให้พี่ผลาญ เอ๊ยกอบโกยเงินทองเที่ยวอีหนูได้หลายคืนเชียวนะครับ”

เสียงเป็นภาษาอังกฤษจากปากกลุ่มชายเหล่านั้น กฤตกรหันรีหันขวางมองดูวัยรุ่นกลุ่มโตกะว่าไม่ต่ำกว่าห้ารุมล้อมรอบกายของเขาชนิดประชิดตัว

“ผมเปล่ามาบ่อนแต่ผมจะมา...”

“อ๋อผมรู้แล้วพี่เป็นนักลงทุกใช่ม๊า...ชัวร์เลย ฮ่องกงกำลังบูมเรื่องเศรษฐกิจมาก รับรองว่าพี่จะไม่ผิดหวังหากให้พวกผมนำทาง”

กฤตกรถูกต้อนหน้าต้อนหลังไปยังรถเก๋งสีแสบตาคันหนึ่ง กระเป๋าใบโตของเขาถูกเจ้าคนหนึ่งที่เล่นเสื้อซะร้อยสีแย่งไปหิ้วเสียแล้ว

“คุณ...คุณกระเป๋าผม...”

“อ๋อ พี่ไม่ต้องห่วง เด็กของผมจะช่วยพี่แบ่งเบางานเอง เอากระเป๋าให้เราถือพี่จะได้เดินสบายคล่องๆไงล่ะ”

            ชายหนุ่มถูกมะรุมมะตุ้มทึ้งโดยไม่ได้ตั้งตัว ไม่ทันไรทั้งกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กที่เขาคล้องอยู่กับตัว ก็ถูกปลดไปอย่างนุ่มนิ่มเสียแล้ว

ชั่วพริบตาที่ข้าวของถูกเปลี่ยนมือ เจ้าพวกเด็กหนุ่มฮ่องกงต่างพากันวิ่งกรูเกรียวโยนกระเป๋าให้กันเป็นทอดๆ จนกฤตกรมองตามแทบไม่ทัน เขาเพิ่งได้รู้ว่าพวกมันไม่ได้มีกันแค่สี่ห้าคนเท่าที่เขาเห็น แต่เจ้าพวกที่ทำเต๊ะจุ๊ยบุหรี่เกร่ไปเกร่มาอีกหลายคน นั่นล้วนแล้วแต่เป็นพวกของมันทั้งสิ้น

“เฮ้ย...เฮ้ย...กระเป๋า...กระเป๋า...ฉัน...เอาคืนมาโว้ย ...กระเป๋าฉัน...”

พอกฤตกรหายตะลึง เขาก็ร้องตะโกนตามหลังเจ้าพวกแก๊งฉกชิงสมบัติชาวบ้านโหวกเหวก พวกมันพากันวิ่งซิกแซกฝ่ากลุ่มคลื่นมนุษย์ในชั่วโมงของความเร่งรีบจนชายหนุ่มตาลายมองตามไม่ทัน

“กระเป๋าฉัน”

กฤตกรตะโกนค้าง ใจเขาหล่นไปกองที่ตาตุ่มเมื่อเจ้าคนแรกที่เข้ามาทักทายเขาหันมาตะโกนตอบ

“เอาไว้ชาติหน้าตอนบ่ายๆนะพี่ชายเราจะเอาไปคืน”

เพียงเท่านั้นเองที่พวกมันสั่งเสีย ก่อนจะกลืนหายไปกับรถโค้ทคันโตที่แล่นมาจอดป้าย

กฤตกรถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงนั่งยังฟุตบาทแห่งนั้น อย่างสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง

“บ้า...บ้าที่สุดเลยแล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงต่อไปดี”

เจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบเดินเข้ามาถามไถ่เขา แต่ชายหนุ่มรู้ดีต่อให้เขาแจ้งรูปพรรณสัณฐานของเจ้าพวกนั้นต่อตำรวจ ชนิดหมดเปลือกเปลือยไส้เขาก็ไม่มีทางได้ข้าวของกลับคืนมาเป็นแน่

“จำเอาไว้ ไปฮ่องกงสิ่งแรกที่แกต้องระวังรองจากบ่อนคือพวกแก๊งค์ชิงกระเป๋า เพราะพวกนี้อาจทำให้แกหมดตัวก่อนจะได้เข้าบ่อนในวันแรกด้วยซ้ำไป”

คำเตือนของบิดาแว๊บเข้ามาในใจ แต่มันก็สายเกินไปเมื่อกฤตกรได้ตระหนักคำพูดของพ่อจริงเสียยิ่งกว่าจริงสิบเท่าทีเดียว

                                      ***********************

 

ร่างโปร่งระหงในชุดกางเกงยีนส์อันคล่องแคล่วนั้น ก้าวฉับไปข้างหน้าทันทีที่หล่อนก้าวลงมาจากรถสปอร์ตสีแดงเพลิง ซึ่งมาจอดส่งเธอยังหน้าสนามบิน

หญิงสาวผิวขาวละเอียด วงหน้ารูปไข่ ผมยาวสยายไว้ม้าปิดหน้าผาก เดินผ่านกลุ่มผู้คนมากมาย ฝ่าด้านเข้าไปสู่ตัวอาคารของแอร์พ็อต ในเวลาต่อมาจุดแรกที่เธอมุ่งหน้าไปพบคือสาวหุ่นอวบผิวขาว แก้มอูม สวมแว่นตาหนาเตอะ ถือดอกโป๊ยเซียนกวัดแกว่งชูว่อนไปมาข้างช่องทางผู้โดยสารขาออกนั่นเอง

“เฮ๊..แอนนี่..ฉันเอง..”

สาวร่างอวบสวมแว่นเบือนหน้ามายังผู้ส่งเสียงใสๆเรียกหล่อนเหงื่อเม็ดโตๆ เกาะพราวแถวหน้าผากหล่อนหลายสิบเม็ด

ดวงตาตี่ภายใต้กรอบแว่นตา หน้าเบิกขยายกว้างขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งบางที่เดินจ้ำอ้าวเข้ามาหานั่น

“คุณหงส์”

“เจอมั้ย..เธอเจอเขาหรือยัง”

หงส์หยกจับมืออูมๆ ของแอนนี่เขย่าเบาๆขณะถามอีกฝ่ายส่ายหน้าช้าๆ เหลือบตาดูดอกโป๊ยเซียนสีเหลืองอ่อนในมือตน..

หงส์หยกปัดเปลือกตาลงมองตามแล้วทันใด...สาวน้อยแก้มใสก็หู่ปากตาโตทันที

“เอ๊ะ...แล้วดอกทิวลิปที่ฉันให้เธอถือเอาไว้สูงๆนั่นล่ะ”

“เอ้อ..คือว่า..ง่า..แอนนี่..”

หงส์หยกซักไซ้เสียงเร็วปรื้อ หล่อนใจหายวาบเมื่อนึกสิ่งใดออกมาได้ลางๆ...

“แอนนี่...เธอคงจะไม่บอกฉันหรอกนะ..ว่าเธอทำดอกไม้นั่นหายไปเสียแล้ว...”

“แอนนี่”

แอนนี่เบ้ปากจะร้องไห้..หงส์หยกส่ายหน้าไปมาอย่างสิ้นแรง...

“เวร..พระเจ้าโปรดช่วยด้วยเถอะ...ทำไมเธอเหลวไหลแบบนี้นะแอนนี่...”

“แอนนี่ไม่ตั้งใจค่ะ..คือว่า..”

แล้วสาวร่างอวบอูมก็เล่าเรื่องคร่าวๆให้นายสาวฟัง หงส์หยกทำหน้าเมื่อยสีอาลัยตายอยากในชีวิต คราวนี้หล่อนต้องถูกแม่เล่นงานปางตายแน่ๆเลย

สาวน้อยจ้องหน้าสำนึกผิดของแอนนี่ใจหนึ่งอยากจะโกรธ แต่อีกใจก็ล้าเกินกว่าจะเอาเรื่องเอาราวอะไรด้วยได้

“แอนนี่เอ๊ย แล้วคราวนี่เราจะทำยังไงกันต่อไปดีล่ะ”

หงส์หยกแสนจะอ่อนใจ เธอทอดสายตามองดูกลุ่มผู้คนที่ทยอยกันเดินขวักไขว่อยู่รอบๆตัวหล่อน ใครกันคนไหนคือคนไทยที่มารดาให้หล่อนมารับ..

“แอนนี่ผิดไปแล้วค่ะ... คุณคนนั้นเขาล๊อ..หล่อค่ะ...น่ารักม๊าก...เหมือนกับ...คีนูรีฟเชียวค่ะแหม...ตาเขาอย่างเงี๊ยพอสบกับแอนนี่หัวใจแอนนี่เต้นดังกร๊อกเลยค่ะ...”

“พอ...พอแล้วจ๊ะ..พอแล้ว..ไม่ต้องบรรยายหรอกว่าเขาหล่อขนาดไหน ไม่งั้นเธอคงไม่หลวมตัวให้ดอกไม้กับเขาไปหรอกนะ”

หญิงสาวโบกมือห้ามไม่ให้แอนนี่ทำตาปรอย ฝันถึงหนุ่มหล่อผู้กระชากหัวใจและดอกทิวลิปดอกนั้นจากแอนนี่ต่อไปอีก

หญิงสาวขบริมฝีปากตัวเองขบคิดปัญหา ว่าทำยังไงจะหาตัวผู้ชายไทยคนนั้นพบ

“คุณหงส์ค่ะ... คนนั้นมังคะ..อิมเมจคล้ายคนไทยเป๊ะ...”

จู่ๆ  แอนนี่ก็ตะโกนขึ้นมาดังๆพร้อมกับยกช่อโป๊ยเซียนกวัดแกว่งชูว่อน..ทำเอาผู้คนในแอร์พ๊อตหันมามองดูเป็นตาเดียวกัน

“เบาๆซิแอนนี่ เธอจะบ้าเหรออยู่ๆก็เที่ยวตะโกนออกมา”

หงส์หยกกระตุกแขนปรามแอนนี่เอาไว้ แล้วลากออกมาจากที่ตรงนั้นเพื่อให้พ้นจากสายตาสงสัยของผู้คนทั้งหลาย

“เธอนี่ใช้ไม่ได้เรื่องเลยนะ แล้วบอกมาซิว่าจะทำยังไงกันต่อไปดี”

หญิงสาวเกรี้ยวกราดใส่ลูกน้องของมารดาเบาๆแอนนี่หน้าม่อยไม่มีความเห็นอะไร หญิงสาวได้แต่สายหน้าไปมาให้กับปัญหารกเรื้อของตน

“เอางี้นะแอนนี่เราสองคนแยกย้ายกันออกตามหาเขา จำไว้ถ้าหาผู้ชายไทยคนนั้นไม่พบแล้วล่ะก็ เธอไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเธออีกรู้มั๊ยแม่คนใจอ่อน”

***********************************************************************************************

 

คนแล้วคนเล่าที่สองสาวพากันแยกย้ายออกสุ่มหา ทำทีเข้าไปพูดคุยและซอกแซกถาม แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วนทั้งสิ้น ส่วนมากแล้วจะเป็นแป๊ะแก่ๆ ปลดระวางถูกเมียตัดหางปล่อยวัดปล่อยเกาะกันมาทั้งนั้น

หงส์หยก..รู้สึกสิ้นหวังลงไปทุกทีความหวังอันริบหรี่ค่อยๆดับเมื่อไม่มีร่างของชาวไทยแขกคนสำคัญของมารดาให้เธอพบเห็น

เธอไม่น่าจะชะล่าใจออกไปธุระกับเพื่อน แล้วปล่อยงานสำคัญให้แอนนี่ตัดสินใจเลยก็รู้ๆกับอยู่ว่าลูกน้องของแม่คนนี้ชอบคนหล่อขนาดไหนมีดาราหนุ่มฮ่องกงคนใดรอดพ้นมือแอนนี่ ไม่ได้แจกรายเซ็นสลักหลังรูปให้แอนนี่เก็บเป็นที่ระลึกบ้างล่ะ

โธ่เอ๊ยแล้วนี่เธอจะทำเช่นไรดี... เวลาผ่านพ้นไปหลายชั่วโมงจนผู้คนในอาคารเริ่มบางตา ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบกับชายไทยผู้นั้นเลย

“ไปเถอะแอนนี่ถ้าเราจะใช้วิธีนี้ค้นหาต่อให้ชาตินี้และชาติหน้าก็ไม่พบ”

“แอนนี่ว่า ทำไมเราไม่ไปหาเจ้าหน้าที่ให้เขาประกาศหาชายไทยคนนั้นล่ะคะ”

“เออจริงแฮะ... ฉันเพิ่งเห็นเธอฉลาดขึ้นมาวันนี้เอง”

หญิงสาวค่อยยิ้มออก แต่แม้จะเลือกใช้วิธีหลังของแอนนี่แล้วก็ยังไม่ได้ผลอยู่นั่นเอง ในที่สุดหงส์หยกก็ต้องยอมพ่ายตัดสินใจกลับ

สองสาวหุ่นต่างกันพากันเดินออกมาจากตัวอาคารด้วยสีหน้าปริวิตกหงส์หยกนึกหาคำแก้ตัวจะไปรายงานต่อแม่ตลอดทาง

เมื่อทั้งสองออกมายืนหน้าอาคารแล้ว บริเวณนั้นคลาคล่ำไปด้วยแท็กซี่ที่วิ่งและจอดคอยผู้โดยสาร อาจด้วยความเหม่อลอยคิดหนักทำให้หงส์หยกไม่ทันได้เห็นร่างงองุ้มของใครคนหนึ่ง ซึ่งนั่งกุมขมับอยู่กับฟุตบาทเชิงบันไดทางออกจึงสะดุดกับร่างนั้นเข้าเต็มแรง

“อุ๊ยตาย...พระเจ้า...”

ชายหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองดูหญิงสาวตาขุ่นๆเขาเสยผมอันรุ่ยร่ายปรกหน้าผากตนเองช้าๆ

“ไม่มีตาหรือยังไงกันแม่คุ๊ณ...”

หงส์หยกตาเขียวปัดให้กับคำพูดภาษาอังกฤษนั้นของเขา แล้วสวนตอบกลับไปทันใด

“ใครจะไปรู้ว่าแถวๆนี้นอกจากสุนัขจรจัดข้างถนนแล้ว ยังจะมีคนจรจัดข้างถนนให้พบเจอ”

“ใครบอกเธอว่าฉันเป็นคนจรจัด...แต่ใครบางคนที่นี่ซิมันเลว...ฉันว่าพวกมิจฉาชีพคนไทยไม่มีเมตตาแล้ว พวกหัวขโมยในฮ่องกงยังเลวซะกว่าคว้าไม่เลือกหน้าเลือกคน ช่างไม่สำนึกซะเลยว่าทำห่วยๆแบบนี้อีกหน่อยจะมีใครกล้าเข้ามาเหยียบบ้านเมืองนี้อีก... ฉันคนหนึ่งล่ะที่สาปส่งขอบายไม่มาอีกต่อไป”

“อะไรนะ...นี่..คุณมันจะมากไปแล้วจะว่าใครก็ว่าเป็นรายๆไปอย่าเหมาซี้ซั้ว  ทั้งเมืองนี้มีแต่คนเลวแล้วคุณเข้ามาเหยียบย่างทำไมไม่ทราบ”

หญิงสาวตาลุกวาว ก้มลงไปขยุ้มเสื้อเขาทึ้งเต็มที่แลเห็นสายตาหยันๆคู่นั้นที่จ่องหน้าหล่อนไม่หลบ เขาปัดมือเรียวข้างนั้นออกไปช้าๆและขยับคอเสื้อให้เข้าที่มาดเนี๊ยบ

“ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญล่ะก็...ฉันก็จะไม่มาเด็ดขาด..เธออย่าทระนงไปนักเลยว่าบ้านเมืองของเธอเริ่ด...นี่เพราะธุระบางอย่างที่เขาฝากฝังฉันมาจัดการแทนหรอกนะ...ไม่งั้นแม้รอยเท้าเธอก็ไม่มีวันได้เห็นมันหรอก”

 

.............................................................................


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (86 รายการ)

www.batorastore.com © 2025