เสน่ห์นาง (อาริตา) (EBOOK)

เสน่ห์นาง (อาริตา) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: เสน่ห์นาง
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 420.00 บาท 105.00 บาท
ประหยัด: 315.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เสน่ห์นาง 1

23.13 นาฬิกา

วันเสาร์...

แพรพิลาสเพิ่งปิดข่าวด่วนเสร็จ...พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น...

“คุณพ่อเป็นลมหน้ามืดไปอีกแล้วค่ะ” เสียงรายงานจากวิไล ผู้ดูแลคนป่วยโทร.มาบอก

หล่อนมองดูเวลาตอนที่รับข่าวสารนี้...เลขตัวสองตัวท้ายไม่ดีเลย...

สิบสาม...มันเหมือนการเตือนบอกเหตุร้าย เรื่องของพ่อ...ทำให้หล่อนไม่ค่อยสบายใจเท่าใด ความเป็นห่วงมีอยู่มากมาย...

แพรพิลาสไม่ได้พำนักอยู่บ้านเดียวกับบิดา เพราะมันไกลเกินกว่าจะเข้ามาทำงานในเมือง เทียบกับค่าน้ำมันรถแล้ว เรียกว่าไม่ได้คุ้มกันเลยแม้แต่น้อย

หล่อนก็เหมือนคนหนุ่มสาวอีกจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในเมืองหลวง และพำนักอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกต่างกันไป แต่มันก็คือห้องสี่เหลี่ยม ขนาดจะใหญ่หรือเล็กนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่มี

ที่ห้องสี่เหลี่ยมของหล่อนนี้ เป็นห้องขนาดสองห้องนอน มีระเบียงกว้างพอสมควร และหล่อนไม่ได้เช่า แต่ซื้อเอาไว้นานแล้ว ซื้อจากเงินของครอบครัว พ่อเคยตามมาอยู่ด้วย แต่ครั้งละไม่นาน พ่อบอกว่าอึดอัดกับห้องที่ไม่มีหน้าต่าง นอกจากต้องออกไปที่ระเบียง และระเบียงของชั้นสิบสาม มันน่ากลัวน้อยอยู่หรือ

หล่อนอยู่บนห้องชั้นที่สิบสามของอาคารกลางกรุงนี้ มีคนบอกว่าเลขสิบสามดูน่ากลัว แต่หล่อนก็มั่นใจว่าหล่อนอยู่ได้ และหล่อนก็อยู่ได้มาปีกว่าแล้ว หลังจากย้ายงานใหม่ มีที่พักใหม่ที่นี่

เสียงรายงานนั้นทำให้หล่อนหนักใจ...แน่นอนว่าความห่วงใยนั้นมากมี แต่หนักใจเพราะว่าเดือนนี้การแจ้งข่าวป่วยหนนี้เป็นหนที่ห้าแล้ว

“เดี๋ยวฉันไป”

“ที่จริงๆ คุณภิรมย์ก็ยังดีๆ อยู่นะคะ แต่อาการเพิ่งจะแย่เมื่อผู้หญิงคนนั้นมาพบท่านนะคะ”

“ผู้หญิงคนไหน” หล่อนซัก

“ผู้หญิงลูกครึ่ง ตาสีฟ้า...”

แพรพิลาสชะงักเล็กน้อย...

ลูกครึ่ง ตาสีฟ้า

หล่อนแวบถึงใครบางคน...มันผ่านเข้ามาในสมองก่อนจะผ่านเลยไป

“ได้ยินเรียกว่าอะไรๆ วี่ๆ นี่ค่ะ พอผู้หญิงคนนั้นกลับไปแล้ว ท่านก็ดูซึมๆ ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”

“แล้วเป็นลมตอนไหน”

“ตอนที่เสียงนั้นคร่ำครวญลอยลมสักตอนข่าวสองทุ่มนี่ค่ะ...ท่านเกิดอาการเหมือนของขึ้น ลุกขึ้นโวยวายๆ เสียงนั่นก็ร้องโหยหวนมา”

หล่อนถอนใจเบาๆ ตัดบทไปว่า “เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ให้พ่อนอนพักก่อนนะ...มียาอะไรที่ดมได้ ทาได้ บรรเทาอาการไปก่อน”

เพราะคงยังไม่ต้องเรียกรถพยาบาลไปรับพ่อ หล่อนแน่ใจเช่นกัน อาการแบบนี้เคยปรากฏมาบ่อยหน และพอไปถึงโรงพยาบาล หมอจะสาเหตุไม่เจอ อาการจุกแน่นเป็นลม จะไม่มีสาเหตุที่มา เพราะปอดเอย หัวใจเอย...อยู่ในระดับปกติหมด

แม้แต่จะตรวจเลือดดูผลตัวอื่นว่าพ่อป่วยหรือไม่ก็ไม่เคยเจอ น้ำตาล

ไขมัน หรือแม้แต่ตรวจดูระดับไทรอยด์ก็ปกติ สภาพทางกายหากจะอ่อนแอก็แค่ว่ากระดูกไม่ค่อยจะดี กล้ามเนื้อน้อยไป

ส่วนใหญ่หมอจะบอกว่านายภิรมย์เครียด ไม่ออกกำลัง และหมกมุ่น

การสแกนสมองก็เคยทำแล้ว ไม่เจอสิ่งผิดปกติ หลอดเลือดในสมอง ไม่มีการถูกทำลาย ความดันเลือดปกติ ไม่สูงไป จำไป

หมอโทษว่าเครียด...และบอกด้วยว่าอาการเครียดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

พ่อของหล่อนเครียดเพราะเรื่องที่ตกทอดกันมาในครอบครัว วันดีๆ คืนดีๆ จะได้ยินพ่อโทษว่า

...ไม่น่าเลย อยู่บ้านนอกจนๆ ดีกว่ามาอยู่เป็นทายาทครอบครัวนี่ มีแต่เรื่องราว…

หล่อนไม่รู้จะช่วยพ่อได้อย่างไร หากพ่อโทษชะตากรรมของชีวิตเฉกเช่นทุกวันนี้

“รอนะ เดี๋ยวจะรีบไปไวที่สุด” หล่อนบอกกับวิไล ลุกขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่งข่าวไปแล้ว หล่อนรู้ว่าหล่อนจะต้องไปดูอาการพ่อ

หล่อนไม่ได้เป็นหมอ แต่หล่อนเป็นลูกพ่อ ลูกสาวคนเดียว...ลูกที่รู้ว่าอาการป่วยของพ่อเป็นอย่างไร อาการพ่อไม่ค่อยจะดีนัก แต่แปลกมากที่อาการป่วยนั่นเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย โดยที่หมอไม่สามารถหาต้นตอของโรคได้

มีคำแนะนำของเพื่อนสนิทบอกว่าพ่อของหล่อนน่าจะได้พบกับจิตแพทย์บ้าง...แต่หล่อนเคยถามพ่อ และพ่อยอมรับว่าพ่อป่วยทางใจมากพร้อมๆ กับป่วยทางกาย

นายภิรมย์ กฤติยาลัย พ่อของหล่อนเคยรับราชการ แต่สิบปีหลังนี้พ่อใช้สิทธิ์ของการเออลี่ รีไทร์ หรือพักผ่อนก่อนครบกำหนดเกษียณจริงๆ หลังจากนั้นพ่อก็ออกมาอยู่บ้านเฉยๆ รับเงินบำนาญ และยังมีเงินจากมรดกเก่าของครอบครัว ปู่ทวดของหล่อนร่ำรวยมาก

ทายาทคนสุดท้ายสายตรงของปู่ทวดหรือพรรณราย กฤติยาลัยก็เป็นผู้หญิง แถมเธอยังเป็นโสด ไม่มีทายาทสายตรง มรดกของตระกูลกฤติยาลัยจึงตกอยู่กับนายภิรมย์ ผู้ถูกขอมาเลี้ยงเป็นทายาทของครอบครัว

นายภิรมย์เป็นญาติสายห่างๆ ออกไป ไม่ถึงกับเป็นคนนอกครอบครัว และเขาก็ได้รู้ถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ชอบมาพากล จนเป็นเหมือนความมืดดำของตระกูล

นายภิรมย์เชื่อในเรื่องคำสาปที่บอกเล่าต่อกันมา คำสาปของผู้หญิงคนหนึ่งที่เอ่ยวาจาเอาไว้ก่อนจะตาย

ในฐานะลูกสาวคนเดียว แพรพิลาสได้ยินเรื่องนี้จากปากบิดาบ่อยหน และหล่อนกล้าจะยอมรับกับตัวเองและกับทุกคนได้ว่าพ่อหล่อนป่วยทางใจด้วย ป่วยด้วยความหวาดระแวงว่าจะโดนทำร้าย โดนการจองเวรเอาคืน...

คำสาปที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่น...และพ่อก็พยายามจะจ้างหมออาคมมาล้างคำสาปนั่นให้หมดไป แต่พ่อก็ยังทำไม่ได้...คำสาปยังอยู่ มันอยู่เหมือนกับการอยู่ของเสียงกรีดร้องยามราตรีของผู้หญิงคนนั้น!

 

 

ศศินทำท่าเหมือนรำคาญเล็กน้อยเมื่อเขาได้เห็นผู้หญิงที่แสดงกิริยายินดีออกหน้าเมื่อเห็นเขา

รัตมา...

แม่เขาชอบหล่อนมาก เขาไม่รู้ว่าแม่ชอบหล่อนเพราะเหตุใด เขาเคยบอกแม่แล้วว่าให้กันหล่อนออกไปห่างๆ จากเขา แม่เขาเอ็นดูรัตมามาก แม่บอกว่ารัตมาดูจะเหมาะสมกับเขา

แม่เริ่มเดือดร้อนกับเขา เมื่อเขาอายุยี่สิบแปดในวันนี้แล้วเขายังหา

ผู้หญิงสักคนมาเป็นคนรักไม่ได้ แม่เริ่มวิตกกว่าเขาจะผิดปกติไปจากผู้ชายทั่วไป

ยิ่งเขาไม่มีเพื่อนหญิงคนไหนเลยในรอบสองปีหลัง เพราะเขามีงานมากมาย แม่ยิ่งกังวล นี่เขาก็เพิ่งไปต่างประเทศ มีประชุม...แม่ก็เดือดร้อน แม่โทร.คุยกับเขา บอกกับเขาเสมอว่าเขาควรจะเลือกพิจารณารัตมาได้แล้ว แม่ชักชวนต่างๆ นานาให้เขาเห็นดีเห็นงามกับรัตมา

แต่เขามองรัตมาอย่างรำคาญ หล่อนสวย เขายอมรับข้อนั้น แต่หล่อนก็สวยแบบเปรี้ยว มากไปด้วยสีสัน หล่อนดูจะพอใจกับชีวิตที่ล่องลอยสนุกสนาน เป็นสาวสังคมสมกับที่หล่อนอยู่ในแวดวงของครอบครัวที่ประกอบธุรกิจขายเครื่องสำอางนำเข้า พ่อแม่หล่อนมอบหมายให้หล่อนทำหน้าที่เป็นเหมือน

พีอาร์ของบริษัท

หล่อนมีชายหนุ่มหลายคน และเขารู้ทันหล่อนว่าที่หล่อนสนใจไยดีจดเขาเอาไว้ในรายชื่อหนุ่มที่จะทำให้หล่อนเป็นเหมือนดวงจันทร์เจิดจ้า มีดวงดาวมารุมล้อม เพราะเขาก็อยู่ในอันดับหนุ่มโสดน่าสนใจ...ด้วยตำแหน่งหน้าที่การงาน ด้วยการประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาเป็นคนหนุ่มที่เป็นสถาปนิก มีผลงานน่าจับตามอง...และตัวเขาเองก็ดูท่าจะลึกลับ...แถมยังไม่มีสาวคนไหนได้เข้าใกล้ชิด

รัตมาคงมองว่าเขาช่างท้าทาย หล่อนคิดผิดไป รัตมามองไม่เห็นว่าศศินทำท่ารำคาญหล่อน...แต่คุณนิลุบลมารดาเขาที่ชวนหล่อนมาด้วยมองเห็น เธอรีบออกตัวว่า

“พอดี แม่นัดกินข้าวกับหนูรัต เลยชวนมารับศิน”

“ผมกลับบ้านเองได้” เพราะเขาเดินทางบ่อย จะไปจะมา เขาสามารถดูแลตัวเองได้ เขาแน่ใจได้ว่าลองพากันมารับ น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

“พอดีหนูรัตอยากคุยกับศินเรื่องงานเดือนหน้า”

ผิดไว้ที่ไหนกันเล่าที่คาดเอาไว้

“งานอะไรครับ” เขาถามเพราะจำไม่ได้

รัตมามองค้อน ลอยหน้าที่มีสีสันมากมายมาหา...หน้านั้นอาจจะเป็นสีของการแต่งหน้าของปีนี้...หล่อนเอาหน้าตัวเองเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าเครื่องสำอาง...เวลานี้เทรนการแต่งหน้าเป็นอย่างไร หล่อนจะเริ่มต้นจากตัวเอง

เขามองดูดวงตาที่มีสีชมพูฟ้า บนเปลือกตา ใต้ตาก็เขียนเข้ม...ขนตาปลอมเป็นแผงงอนเช้ง...หล่อนแต่งหน้ามากไป...แก้มสีชมพู ปากสีสดเป็นมันวับ...มันเหมือนจานสีที่สดใสมากกว่าหน้าคน

หล่อนไม่ใช่ดารา เขาไม่เห็นความจำเป็นที่หล่่อนต้องแต่งหน้ามากมายเช่นนี้เลย ถามว่าสวยไหม ก็สวย แต่มันมากไป เขาไม่ค่อยชอบหน้าที่เหมือนสวมหน้ากากนี้สักเท่าไหร่ แม้จะพยายามเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของหล่อน

ก็แค่ว่าไม่ติ ไม่ชม ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

“คุณศินลืมอีกแล้ว ที่รัตขอเอาไว้ไงคะ จะมีการแสดงเปิดตัวเครื่องสำอางในเครือบริษัททั้งหมด รวมกับแฟชั่น ที่รัตอยากให้คุณออกแบบเวทีให้”

“อ๋อ...”

ชายหนุ่มเริ่มนึกได้ แล้วคำตอบต่อมาของเขาก็ทำให้คุณนิลุบลหน้าเสีย

ส่วนรัตมานั้นความระรื่นชื่นบานหายไปจนหมด

“ผมไม่ว่างทำ”

“ไม่ว่างหรือลูก งานมากหรือ” มารดายังพยายามจะคลี่คลาย

“เปล่าครับ แต่ผมไม่ถนัด...ผมไม่ชอบงานแบบนั้น”

“แต่ว่า...รัตจ้างทำนะคะ ไม่ได้ให้ทำฟรี”

เขามองสบตากับหล่อน ทำท่ารำคาญเล็กน้อย

ท่าทีเขาทำให้หล่อนยิ่งอึดอัดใจ

...คิดว่าเราจะยอมแพ้หรือ...

ศศินเป็นผู้ชายคนเดียวที่หล่อนเอาชนะไม่ได้ หล่อนไม่สามารถจดเขาเป็น ‘แต้ม’ เอาไว้คุยอวดอย่างภูมิใจกับใครได้เลย มีคำพูดท้าทายเกิดขึ้นเสมอในกลุ่มของพวกหล่อน เรื่องของการสะสมแต้มการล่าผู้ชาย การคุยอวด...ภูมิใจในขณะที่หล่อนไม่รู้ว่ามันดีงามหรือถูกต้องแค่ไหน จิตสำนึกในเรื่องนี้ไม่เคยมีพอ

“ผมไม่สามารถจะทำให้” เขาปฏิเสธ ไม่มีคำต่อรองใดๆ

เขาอยากจะกลับบ้าน เขาไม่อยากรบกวนใคร

แม้คุณนิลุบลจะบอกว่า “หนูรัตจะพาศินไปส่งบ้านนะ”

“ผมจะไปบ้านสวนนะ”

บ้านสวนอีกแล้ว...คุณนิลุบลนึกในใจ เธอไม่ชอบที่นั่นเลย

“ทำไมที่นั่นนะ”

“ผมอยากไปนอนที่นั่น ไม่ได้เข้าไปเป็นเดือนแล้ว”

“ทำไมไม่นอนพักที่คอนโด...”

“ผมกำลังจะย้ายคอนโดใหม่” เขาเบื่อที่เดิม...ชีวิตจะต้องต่อไป แบบไม่ซ้ำซากจำเจ

“ไปนอนบ้านแม่ก็ได้นะ”

“ผมเรียกไปแท็กซี่เองได้ ที่นั่นไกลไป ขับรถไปส่งผม แล้วกลับมาอีกจะลำบาก ดึกมากแล้ว”

“แต่รัตไปส่งคุณได้นะคะ”

รัตมายืนยัน บ้านสวน...หล่อนอยากจะเห็นเช่นกัน ได้ยินมาบ่อยหนว่าบ้านเก่าหลังนั้นอยู่ในแวดล้อมที่เรียกว่าราคาแพงลิบหากนับราคาปัจจุบันนี้...

ศศินเป็นคนฐานะดี พ่อแม่เขาก็ฐานะดี...แม้ตอนนี้พ่อเขาจะเป็นพระ...บวชก่อนจะถึงเกษียณของงาน แม่ของเขาก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งของสังคม เป็นสาวที่ยังสวยเปล่งปลั่ง

แม้ลูกชายจะอายุยี่สิบแปดแล้ว...คุณนิลุบลในวัยห้าสิบสอง...ยังสะสวยพริ้มเพราเป็นที่กล่าวขานถึงเสมอว่ายังดูงามไม่สร่าง...เรียกว่าแม้เธอจะเดินกับลูกชายก็ยังยากจะเชื่อว่าเธอเป็นแม่เขา เหมือนพี่สาวเสียมากกว่า

เขาจำยอมให้ทั้งสองคนนั้นมาส่งเขา...ชายหนุ่มนั่งข้างหลัง ไม่ยอมนั่งหน้ากับรัตมา เขาไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษมากนัก แต่เขาไม่แคร์

นี่คือเขา...ศศิน...กับคนที่เขาไม่ใส่ใจ เขาไม่เคยแคร์ว่าภาพเขาเองจะเป็นแบบใด

รัตมาเองก็ได้แต่คิดว่า

...คุณจะใจร้ายกับฉันตลอดไปแน่หรือ ศศิน...

คุณนิลุบลนั้นกำลังคิดว่า

...ทำไมลูกชายถึงได้เป็นอย่างนี้นะ...

เธอบังคับเขาไม่เคยได้...ศศินเป็นตัวของตัวเอง...และเขาคือคนที่เธอเคยคิดเสมอว่าจะจริงดังที่สามีที่บัดนี้บวชอยู่เคยบอกหรือไม่

...ลูกเราก็เหมือนเรา เขามาเกิดเพราะกรรมเก่าร่วมกัน เรามีกรรมที่ก่อเนื่องกันมาจากชาติปางก่อน...

เขาเคยเล่าบางเรื่องราวให้เธอฟัง แล้วทำให้เธอกลัว...แต่เธอก็ไม่กล้าจะบอกลูกชาย...

หากกรรมนั้นมีจริง และบัดนี้ครอบครัวกลับมารวมกันเป็นพ่อแม่ลูกเหมือนชาติปางไหนที่สามีได้บอก คุณนิลุบลก็รู้ว่ามันน่ากลัว...

การแก้แค้น คำสาปของผู้หญิงคนหนึ่ง เธออาจจะไม่เชื่อ แต่ตอนนี้สามีเธอเชื่อ เขาอยากสะสางความผิดนั้น

เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถชดใช้กรรมนั้นไปได้บ้าง แต่เธอยังไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่

กรรมที่ไหนกันเล่า

กรรมเก่า...คำสาป...เธอได้ยินแล้วนึกเซ็ง

เขาเชื่อ เขาอยากลบล้างให้กับกรรมในอดีตที่ตามมา

เขาเชื่อว่าเขากลับชาติมาเกิด เหมือนเธอ...เขาเล่าบางเรื่องให้เธอนึกสยองบอกไม่ถูก แม้จะบอกว่าไม่เชื่อ แต่เธอกลัว

เพราะเรื่องที่เขาเล่า เธอเคยเลวร้ายมากมายนัก...

เขาเตือนเธอเรื่องรัตมาด้วย

เขาเชื่อว่ารัตมาก็คือคนในอดีตกลับมาเช่นกัน เขาบอกว่าห้ามเธอสนับสนุนรัตมา

แต่เธอก็ยังดื้อดึงเพราะเธอไม่เชื่อ เธอไม่ชอบบ้านสวน...ครอบครัวสามีไปซื้อที่นั่นเพราะมันติดกับบ้านสหายเก่าของรุ่นปู่ทวด...ไปซื้อเพื่อจะตามชำระความจริงและนำพาทายาทของตระกูลออกมาจากการจองจำ

“ศิน...บ้านนั้นน่ะ...ใกล้บ้านเรา เค้าขายได้หรือยัง”

“บ้านไหนนะครับ แม่”

“ที่มีเสียงร้องโหยหวน เสียงกี่ทอผ้า...เสียงอะไรนั่นไง”

“อ๋อ...”

รัตมาหูผึ่ง มีบ้านผีสิงด้วยอย่างนั้นหรือ

“ได้ยินจากคุณภิรมย์นะ มีคนมาขอซื้อบ้านนั้น เพราะมันโดนยึดทรัพย์ไป”

“เขาทำผิดพลาดยังไงให้โดนยึดที่ดินแปลงนั้ั่น”

“ผมไม่ทราบเหมือนกัน...แต่คงจะมีคนใจกล้ามาซื้อ”

“แต่แม่ว่าคนมาซื้อน่ะคงเหมือนฝันร้าย”

รายละเอียด

โปรยปกหลัง   เสน่ห์นาง

 

 

เมื่อชีวิตถูกพิพากษาจองจำในความมืดมิดโดยที่ยังมีลมหายใจ

สิ่งที่ติดตามไปกับ นาง เสมอคือความแค้น ที่จะเรียกร้องทวงคืน

เสียงกี่ทอผ้ารัวกระตุกรุนแรง เสียงกรีดร้องขอชีวิต 

พร้อมกับการปรากฏตัวของ ไอวี่  และ แสนเมือง  ที่จะมาปลดปล่อยนาง

ด้วยพันธะสัญญาจากอดีตที่เคยมีร่วมกัน

ไม่มีใครจะหยุด นาง  ได้อีก

นอกเสียจาก  แพรพิลาส  ลูกที่นางรักเป็นที่สุด

สุดท้ายเริ่มต้นที่ใดกลับไปที่นั่น

กลับไปบ้านผญาไพร...เริ่มที่นั่นและกลับไปเริ่มใหม่

เป็นคนแปลกหน้าของคนบ้านผญาไพร คนแปลกหน้าที่มีชีวิตใหม่อีกหน

ละโลกโศกเศร้าเหงาหม่น

เดินบนรอยทางรอยธรรมใหม่

ปิดฉากวันวานผ่านไป

อยู่ใต้กระแสกรรมธรรมนำทาง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (78 รายการ)

www.batorastore.com © 2024