ห้วงหวามสามราตรี (ดอกไม้ริมธาร)
ประหยัด: 74.25 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
สวัสดีค่ะ วันนี้ดอกไม้ริมธารมีนิยายรักมานำเสนอทุกท่านค่ะ ห้วงหวามสามราตรี เป็นหนึ่งในมินิซีรีย์ชุด กรุ่นกลิ่นพิศวาส ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกันสามเรื่องดังนี้ค่ะ
- ห้วงหวามสามราตรี
- ราคีน้ำค้าง
- รักร้างรอยสวาท
สำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวความรักของ เปมทัต และลัลชยา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น อยากให้ค้นหาในเล่มพร้อมกันเลย ขอฝาก ดอกไม้ริมธาร ไว้ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของทุกท่านด้วยค่ะ
รัก...
ดอกไม้ริมธาร
1...
คฤหาสน์หลังใหญ่ตกแต่งงดงามตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก ตั้งตระหง่านอยู่บนเนื้อที่เกือบสามไร่ ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้างขวาง สวนดอกไม้ และสระว่ายน้ำ ส่วนด้านหลังถูกจัดเป็นมุมพักผ่อน แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่คอยให้ความร่มรื่น บ่งบอกถึงฐานะอันร่ำรวยของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี และเมื่อคุณหนูแสนสวยกำลังจะกลับมาเมืองไทยในช่วงบ่ายวันนี้ สมาชิกทุกคนในบ้านต่างก็ออกมายืนรอต้อนรับด้วยความตื่นเต้นยินดี
“มาแล้วป้าพร! รถผ่านประตูเข้ามาแล้วจ้ะ”
แตงโมบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเห็นรถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์หลังงาม ก่อนสารถีหนุ่มจะรีบลงมาเปิดประตูรถให้คุณหนูสาวสวยที่ตนเพิ่งไปรับจากสนามบิน
“สวัสดีค่ะคุณหนู ยินดีต้อนรับสู่บ้านนัดดากุลค่ะ”
สมพรแม่บ้านคนเก่าแก่และเป็นแม่นมของหญิงสาวกล่าวคำทักทายด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มปีติที่ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะนม ลูกหยาคิดถึงนมจังเลยค่ะ”
สาวสวยในชุดเดินทางรัดกุมโผเข้ากอดอีกฝ่ายที่รักเหมือนมารดาอีกคน ทำเอาคนแก่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ รวมถึงบริวารคนอื่นที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบเช็ดน้ำตาเช่นกัน
“นมก็คิดถึงคุณหนูค่ะ แต่คุณหนูก็ใจร้ายไม่ยอมกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างเลย” คนน้อยใจเอ่ยตัดพ้อเสียงสั่นพร้อมกระชับวงแขนแน่นยิ่งขึ้น
“ลูกหยาไม่ได้ใจร้ายนะคะนม แต่ลูกหยาเรียนหนักมาก จนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลยค่ะ กลับมาคราวนี้ลูกหยาเป็นแพทย์หญิงลัลชยา นัดดากุล เต็มตัวแล้วนะคะ”
“นมดีใจด้วยค่ะ ต่อไปนี้ถ้าใครไม่สบายก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล เพราะบ้านเรามีคุณหมอคนสวยคอยให้ดูแลอย่างใกล้ชิด”
สมพรสัพยอกยิ้มๆ ก่อนจะดันร่างบอบบางออกห่างเล็กน้อย เพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลง ยังผลให้หญิงสาวอีกคนโอดครวญ
“ป้าพรจ๋า... ไม่คิดจะแบ่งให้คนอื่นทักทายคุณหนูบ้างเหรอ”
คำพูดนั้นทำเอาผู้สูงวัยหันมาทำตาเขียวที่โดนขัดจังหวะ แต่ก็ยอมคลายอ้อมแขนที่กอดรัดร่างบางแต่โดยดี
“สวัสดีค่ะทุกคน”
ลัลชยาผละออกจากอ้อมกอดผู้สูงวัยมาเอ่ยทักทายสมาชิกของบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส หัวใจดวงน้อยอิ่มเอมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตั้งแต่บุพการีทั้งสอง ก็มีแค่ทุกคนในบ้านที่รักและห่วงใยเธอ
“สวัสดีค่ะคุณหนู ไม่ได้เจอกันหกปียังจำพี่แตงโมได้ไหมคะ”
แตงโมกล่าวทักทายด้วยสีหน้ายินดีก่อนจะทบทวนความจำของคุณหนูคนสวย พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ถึงกับหน้าเสีย
“ถ้าลูกหยาจำพี่แตงโมไม่ได้ สงสัยต้องไปให้หมอเช็กสมองให้ใหม่แล้วล่ะค่ะ” ลัลชยาตอบด้วยรอยยิ้มละไม ทำให้อีกฝ่ายถอนใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ! นึกว่าคุณหนูจะลืมพี่แตงโมไปแล้วเสียอีก”
“พี่แตงโมน่ารักและแสนดีขนาดนี้ใครจะลืมได้ลงคอละคะ”
ลัลชยาจับแก้มนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายอย่างเย้าหยอกเป็นกันเอง ใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุขเช่นเดียวกับสมาชิกทุกคนของบ้าน
“ลูกหยาสัญญาว่าจะไม่จากบ้านไปไหนอีกแล้วค่ะ” ลัลชยาบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและจริงจัง ทำให้ทุกคนหันมองหน้ากันและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข “ลูกหยาขอตัวเข้าไปหาพี่ภามก่อนนะคะ”
ลัลชยากล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินคล้องแขนสมพรเข้าไปในบ้านหลังงามที่จากไปนานเกือบหกปี เมื่อเข้าไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ก็เห็นพี่ชายเดินลงมาตามบันไดตรงเข้ามาหา
“ลูกหยา! พี่คิดถึงเรามากเลยรู้ไหม” ลาภิศสวมกอดน้องสาวด้วยความคิดถึง ไม่มีบิดามารดาแล้วลัลชยาก็เปรียบเหมือนแก้วตาดวงใจของเขา
“ลูกหยาก็คิดถึงพี่ภามค่ะ” ลัลชยากอดตอบด้วยความรักความคิดถึงเช่นกัน ก่อนจะมานั่งลงบนโซฟาบุหนังตัวใหญ่ด้วยกัน จากนั้นก็ก้มลงกราบอกพี่ชายที่เธอรัก
“พี่ดีใจที่ลูกหยากลับมาบ้านเราเสียที อย่าจากไปไหนอีกเลยนะน้องรัก” ลาภิศยกมือลูบศีรษะทุยสวย ไม่อยากให้น้องสาวอยู่ห่างกายอีกแล้ว
“ค่ะ ลูกหยาจะไม่จากพี่ภามไปไหนอีก ลูกหยาจะอยู่กับพี่ภาม อยู่ที่บ้านของเราตลอดไปค่ะ”
“ได้ยินลูกหยายืนยันแบบนี้พี่ก็เบาใจ ไม่ต้องคอยหวงหน้าพะวงหลังเหมือนเมื่อก่อน แล้วการเดินทางเป็นยังไง เหนื่อยไหม?”
“เหนื่อยเหมือนกันค่ะ แต่พอกลับมาเห็นทุกคนแล้วก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย” เธอตอบเสียงแจ่มใส
“งั้นขึ้นไปดูห้องดีกว่า ลูกหยาจะได้อาบน้ำพักผ่อนด้วย”
ลัลชยาพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเธอเองก็อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะแย่อยู่แล้ว ก่อนจะเดินเกาะแขนพี่ชายตรงไปยังบันไดโค้งสวยงามที่ทอดตัวขึ้นไปสู่ชั้นสองของคฤหาสน์ ท่ามกลางสายตาของสมาชิกทุกคนที่มองตามด้วยความชื่นชมยินดีและสุขใจเป็นที่สุด
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยนะคะ”
เจ้าของห้องที่จากไปนานพึมพำเสียงเบาพลางกวาดตามองอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเป็นสิ่งแปลกตา ทั้งที่เธอเคยนอนอยู่ในห้องนี้มาตั้งแต่เด็ก จวบจนอายุสิบแปดถึงได้จากไปศึกษาต่อต่างประเทศ
“นมยังดูแลอย่างดี ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเจ้าหมีน้อยมันคิดถึงลูกหยามากรู้ไหม” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบเจ้าตุ๊กตาขนปุยบนหัวเตียงมาส่งให้น้องสาว
“ลูกหยาก็คิดถึงหมีน้อยค่ะ” ร่างบางรับเอาเพื่อนคู่ใจสมัยเด็กมากอดเอาไว้แน่น พร้อมทิ้งกายลงบนเตียงกว้าง นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้นอนบนเตียงนี้และกอดเจ้าตุ๊กตาหมีตัวโปรด
“งั้นพี่ไม่กวนแล้วนะ ลูกหยาจะได้อาบน้ำอาบท่าและพักผ่อนให้หายเหนื่อย พี่ว่าจะเข้าบริษัทสักหน่อย เย็นนี้ค่อยเจอกันอีกที”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกหยา” เธอโน้มตัวเข้าไปกอดพี่ชาย หอมแก้มซ้ายขวาไม่ให้น้อยหน้ากัน ก่อนจะได้การกระทำเช่นเดียวกันจากพี่ชายตอบกลับมา
“เข้าไปไม่ได้นะคะคุณ” กานติมาที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์โดยสารรีบสืบเท้าตรงเข้าไปหาทันที เมื่อมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะยื่นมือไปผลักประตูห้องทำงานของผู้บริหารอย่างที่เคยทำ
“ทำไมเข้าไปไม่ได้ เธอก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นใคร”
ปริยาภัทรประสานสายตาอย่างไม่เลี่ยงหลบ แต่กานติมาก็ข่มใจ ตอบโต้อดีตคู่ควงของเจ้านายกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ดิฉันไม่สนใจหรอกค่ะว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าอยากเจอคุณลาภิศก็ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัทเหมือนกัน เชิญลงไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ชั้นล่าง เพื่อนัดวันเวลาเข้าพบได้เลยค่ะ”
“นี่เธอกล้าไล่ฉันเหรอ” ปริยาภัทรตวัดเสียงถามกลับ พยายามข่มใจไว้เต็มที่
“ดิฉันไม่กล้าไล่หรอกค่ะ แค่อยากให้คุณทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น คุณปริยาภัทรอาจจะใหญ่โตอยู่ข้างนอก แต่เมื่อเดินเข้ามาในบริษัทนี้ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือใคร แม้แต่คุณลาภิศยังทำตามกฎระเบียบของบริษัทเลยค่ะ”
“หลีกไปดีกว่าคุณเลขาฯ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน”
“ดิฉันทำตามหน้าที่คงไม่เดือดร้อนหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ยอมทำตามกฎบริษัท รับรองว่ามีปัญหาตามมาแน่ เชิญค่ะ”
ได้ยินดังนั้นดวงตาของปริยาภัทรก็จ้องหน้าเลขาฯสาว ด้วยความแค้นเคือง ในขณะเดียวกันผู้บริหารหนุ่มก็เปิดประตูห้องประชุมออกมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นคุณกาน ผมได้ยินเสียงดังเข้าไปถึงในห้อง ใครมา ป๋อม...” ลาภิศเรียกชื่อหญิงสาวด้วยความแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายบุกมาถึงห้องทำงานโดยไม่ส่งสัญญาณมาบอกล่วงหน้า
“สวัสดีค่ะภาม” สาวสวยทักทายเสียงเรียบ
“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนาน คุณสบายดีนะ”
ชายหนุ่มถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาคนที่เคยคบหากันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เพราะเธอทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขามากเกินไป ที่สำคัญเขาก็ยังไม่ต้องการผูกมัดกับใครจึงตัดสินใจบอกเลิก จากวันนั้นเขากับเธอก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย
“ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมสบายดีครับ ว่าแต่คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” ลาภิศถามตรงๆ เมื่อลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“ถ้าไม่มีฉันคงไม่บากหน้ามาหรอกค่ะ เพราะคนอย่างฉันก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน แต่เลขาฯ ของคุณกลับไม่ยอมให้ฉันเข้าไปพบคุณ”
ปริยาภัทรกล่าวกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ ดวงหน้าเรียวรูปไข่เชิดเล็กน้อยอย่างทะนง เขาอาจจะเคยบอกเลิกเธออย่างไม่ไยดี แต่วันนี้เธอจะกลับมาทวงสิทธิ์ของตัวเองคืนให้ได้ เพราะเธอมีไม้ตาย!
“คุณกานเป็นคนค่อนข้างตรง งานก็คืองานไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าคุณอยากพบผมก็ควรจะทำตามกฎของบริษัทเช่นกันนะครับ”
ผู้บริหารหนุ่มกล่าวแก้ให้เลขาฯ คนสนิทพร้อมเอ่ยกับอดีตคู่ควงสาวเป็นเชิงตำหนิเล็กน้อย
“แต่ฉันมีเรื่องสำคัญอยากพูดกับคุณ”
คำตอบของเธอทำให้คิ้วเข้มบนใบหน้าขมวดเป็นปม แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยให้ความสงสัยค้างคาใจนาน
“คุณกานไปทำงานต่อเถอะ ผมขอคุยกับคุณปริยาภัทรสักครู่ เชิญครับ” ผู้บริหารหนุ่มเชิญแขกคนสำคัญเข้าไปในห้องทำงาน
ปริยาภัทรก้าวเท้าตามร่างสูงเข้าไปข้างในและไม่ลืมปิดประตูอย่างมิดชิด เพราะต้องการเจรจาเรื่องสำคัญในชีวิตลูกผู้หญิงกับลาภิศตามลำพังสองต่อสองในห้อง ส่วนกานติมาก็ได้แต่มองตามเจ้านายหนุ่มด้วยอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา
รายละเอียด
สวัสดีค่ะ วันนี้ดอกไม้ริมธารมีนิยายรักมานำเสนอทุกท่านค่ะ ห้วงหวามสามราตรี เป็นหนึ่งในมินิซีรีย์ชุด กรุ่นกลิ่นพิศวาส ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกันสามเรื่องดังนี้ค่ะ
- ห้วงหวามสามราตรี
- ราคีน้ำค้าง
- รักร้างรอยสวาท
สำหรับเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวความรักของ เปมทัต และลัลชยา เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น อยากให้ค้นหาในเล่มพร้อมกันเลย ขอฝาก ดอกไม้ริมธาร ไว้ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของทุกท่านด้วยค่ะ
รัก...
ดอกไม้ริมธาร
1...
คฤหาสน์หลังใหญ่ตกแต่งงดงามตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก ตั้งตระหง่านอยู่บนเนื้อที่เกือบสามไร่ ด้านหน้าเป็นสนามหญ้ากว้างขวาง สวนดอกไม้ และสระว่ายน้ำ ส่วนด้านหลังถูกจัดเป็นมุมพักผ่อน แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่คอยให้ความร่มรื่น บ่งบอกถึงฐานะอันร่ำรวยของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี และเมื่อคุณหนูแสนสวยกำลังจะกลับมาเมืองไทยในช่วงบ่ายวันนี้ สมาชิกทุกคนในบ้านต่างก็ออกมายืนรอต้อนรับด้วยความตื่นเต้นยินดี
“มาแล้วป้าพร! รถผ่านประตูเข้ามาแล้วจ้ะ”
แตงโมบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อเห็นรถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์หลังงาม ก่อนสารถีหนุ่มจะรีบลงมาเปิดประตูรถให้คุณหนูสาวสวยที่ตนเพิ่งไปรับจากสนามบิน
“สวัสดีค่ะคุณหนู ยินดีต้อนรับสู่บ้านนัดดากุลค่ะ”
สมพรแม่บ้านคนเก่าแก่และเป็นแม่นมของหญิงสาวกล่าวคำทักทายด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มปีติที่ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะนม ลูกหยาคิดถึงนมจังเลยค่ะ”
สาวสวยในชุดเดินทางรัดกุมโผเข้ากอดอีกฝ่ายที่รักเหมือนมารดาอีกคน ทำเอาคนแก่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ รวมถึงบริวารคนอื่นที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แอบเช็ดน้ำตาเช่นกัน
“นมก็คิดถึงคุณหนูค่ะ แต่คุณหนูก็ใจร้ายไม่ยอมกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้างเลย” คนน้อยใจเอ่ยตัดพ้อเสียงสั่นพร้อมกระชับวงแขนแน่นยิ่งขึ้น
“ลูกหยาไม่ได้ใจร้ายนะคะนม แต่ลูกหยาเรียนหนักมาก จนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลยค่ะ กลับมาคราวนี้ลูกหยาเป็นแพทย์หญิงลัลชยา นัดดากุล เต็มตัวแล้วนะคะ”
“นมดีใจด้วยค่ะ ต่อไปนี้ถ้าใครไม่สบายก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล เพราะบ้านเรามีคุณหมอคนสวยคอยให้ดูแลอย่างใกล้ชิด”
สมพรสัพยอกยิ้มๆ ก่อนจะดันร่างบอบบางออกห่างเล็กน้อย เพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลง ยังผลให้หญิงสาวอีกคนโอดครวญ
“ป้าพรจ๋า... ไม่คิดจะแบ่งให้คนอื่นทักทายคุณหนูบ้างเหรอ”
คำพูดนั้นทำเอาผู้สูงวัยหันมาทำตาเขียวที่โดนขัดจังหวะ แต่ก็ยอมคลายอ้อมแขนที่กอดรัดร่างบางแต่โดยดี
“สวัสดีค่ะทุกคน”
ลัลชยาผละออกจากอ้อมกอดผู้สูงวัยมาเอ่ยทักทายสมาชิกของบ้านด้วยรอยยิ้มสดใส หัวใจดวงน้อยอิ่มเอมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตั้งแต่บุพการีทั้งสอง ก็มีแค่ทุกคนในบ้านที่รักและห่วงใยเธอ
“สวัสดีค่ะคุณหนู ไม่ได้เจอกันหกปียังจำพี่แตงโมได้ไหมคะ”
แตงโมกล่าวทักทายด้วยสีหน้ายินดีก่อนจะทบทวนความจำของคุณหนูคนสวย พอเห็นอีกฝ่ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ถึงกับหน้าเสีย
“ถ้าลูกหยาจำพี่แตงโมไม่ได้ สงสัยต้องไปให้หมอเช็กสมองให้ใหม่แล้วล่ะค่ะ” ลัลชยาตอบด้วยรอยยิ้มละไม ทำให้อีกฝ่ายถอนใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ! นึกว่าคุณหนูจะลืมพี่แตงโมไปแล้วเสียอีก”
“พี่แตงโมน่ารักและแสนดีขนาดนี้ใครจะลืมได้ลงคอละคะ”
ลัลชยาจับแก้มนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายอย่างเย้าหยอกเป็นกันเอง ใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุขเช่นเดียวกับสมาชิกทุกคนของบ้าน
“ลูกหยาสัญญาว่าจะไม่จากบ้านไปไหนอีกแล้วค่ะ” ลัลชยาบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและจริงจัง ทำให้ทุกคนหันมองหน้ากันและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข “ลูกหยาขอตัวเข้าไปหาพี่ภามก่อนนะคะ”
ลัลชยากล่าวพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินคล้องแขนสมพรเข้าไปในบ้านหลังงามที่จากไปนานเกือบหกปี เมื่อเข้าไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ก็เห็นพี่ชายเดินลงมาตามบันไดตรงเข้ามาหา
“ลูกหยา! พี่คิดถึงเรามากเลยรู้ไหม” ลาภิศสวมกอดน้องสาวด้วยความคิดถึง ไม่มีบิดามารดาแล้วลัลชยาก็เปรียบเหมือนแก้วตาดวงใจของเขา
“ลูกหยาก็คิดถึงพี่ภามค่ะ” ลัลชยากอดตอบด้วยความรักความคิดถึงเช่นกัน ก่อนจะมานั่งลงบนโซฟาบุหนังตัวใหญ่ด้วยกัน จากนั้นก็ก้มลงกราบอกพี่ชายที่เธอรัก
“พี่ดีใจที่ลูกหยากลับมาบ้านเราเสียที อย่าจากไปไหนอีกเลยนะน้องรัก” ลาภิศยกมือลูบศีรษะทุยสวย ไม่อยากให้น้องสาวอยู่ห่างกายอีกแล้ว
“ค่ะ ลูกหยาจะไม่จากพี่ภามไปไหนอีก ลูกหยาจะอยู่กับพี่ภาม อยู่ที่บ้านของเราตลอดไปค่ะ”
“ได้ยินลูกหยายืนยันแบบนี้พี่ก็เบาใจ ไม่ต้องคอยหวงหน้าพะวงหลังเหมือนเมื่อก่อน แล้วการเดินทางเป็นยังไง เหนื่อยไหม?”
“เหนื่อยเหมือนกันค่ะ แต่พอกลับมาเห็นทุกคนแล้วก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย” เธอตอบเสียงแจ่มใส
“งั้นขึ้นไปดูห้องดีกว่า ลูกหยาจะได้อาบน้ำพักผ่อนด้วย”
ลัลชยาพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเธอเองก็อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะแย่อยู่แล้ว ก่อนจะเดินเกาะแขนพี่ชายตรงไปยังบันไดโค้งสวยงามที่ทอดตัวขึ้นไปสู่ชั้นสองของคฤหาสน์ ท่ามกลางสายตาของสมาชิกทุกคนที่มองตามด้วยความชื่นชมยินดีและสุขใจเป็นที่สุด
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยนะคะ”
เจ้าของห้องที่จากไปนานพึมพำเสียงเบาพลางกวาดตามองอย่างตื่นเต้นราวกับว่าเป็นสิ่งแปลกตา ทั้งที่เธอเคยนอนอยู่ในห้องนี้มาตั้งแต่เด็ก จวบจนอายุสิบแปดถึงได้จากไปศึกษาต่อต่างประเทศ
“นมยังดูแลอย่างดี ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเจ้าหมีน้อยมันคิดถึงลูกหยามากรู้ไหม” มือใหญ่เอื้อมไปหยิบเจ้าตุ๊กตาขนปุยบนหัวเตียงมาส่งให้น้องสาว
“ลูกหยาก็คิดถึงหมีน้อยค่ะ” ร่างบางรับเอาเพื่อนคู่ใจสมัยเด็กมากอดเอาไว้แน่น พร้อมทิ้งกายลงบนเตียงกว้าง นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้นอนบนเตียงนี้และกอดเจ้าตุ๊กตาหมีตัวโปรด
“งั้นพี่ไม่กวนแล้วนะ ลูกหยาจะได้อาบน้ำอาบท่าและพักผ่อนให้หายเหนื่อย พี่ว่าจะเข้าบริษัทสักหน่อย เย็นนี้ค่อยเจอกันอีกที”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกหยา” เธอโน้มตัวเข้าไปกอดพี่ชาย หอมแก้มซ้ายขวาไม่ให้น้อยหน้ากัน ก่อนจะได้การกระทำเช่นเดียวกันจากพี่ชายตอบกลับมา
“เข้าไปไม่ได้นะคะคุณ” กานติมาที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์โดยสารรีบสืบเท้าตรงเข้าไปหาทันที เมื่อมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะยื่นมือไปผลักประตูห้องทำงานของผู้บริหารอย่างที่เคยทำ
“ทำไมเข้าไปไม่ได้ เธอก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นใคร”
ปริยาภัทรประสานสายตาอย่างไม่เลี่ยงหลบ แต่กานติมาก็ข่มใจ ตอบโต้อดีตคู่ควงของเจ้านายกลับไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ดิฉันไม่สนใจหรอกค่ะว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าอยากเจอคุณลาภิศก็ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัทเหมือนกัน เชิญลงไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ชั้นล่าง เพื่อนัดวันเวลาเข้าพบได้เลยค่ะ”
“นี่เธอกล้าไล่ฉันเหรอ” ปริยาภัทรตวัดเสียงถามกลับ พยายามข่มใจไว้เต็มที่
“ดิฉันไม่กล้าไล่หรอกค่ะ แค่อยากให้คุณทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น คุณปริยาภัทรอาจจะใหญ่โตอยู่ข้างนอก แต่เมื่อเดินเข้ามาในบริษัทนี้ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์เหนือใคร แม้แต่คุณลาภิศยังทำตามกฎระเบียบของบริษัทเลยค่ะ”
“หลีกไปดีกว่าคุณเลขาฯ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน”
“ดิฉันทำตามหน้าที่คงไม่เดือดร้อนหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ยอมทำตามกฎบริษัท รับรองว่ามีปัญหาตามมาแน่ เชิญค่ะ”
ได้ยินดังนั้นดวงตาของปริยาภัทรก็จ้องหน้าเลขาฯสาว ด้วยความแค้นเคือง ในขณะเดียวกันผู้บริหารหนุ่มก็เปิดประตูห้องประชุมออกมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นคุณกาน ผมได้ยินเสียงดังเข้าไปถึงในห้อง ใครมา ป๋อม...” ลาภิศเรียกชื่อหญิงสาวด้วยความแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายบุกมาถึงห้องทำงานโดยไม่ส่งสัญญาณมาบอกล่วงหน้า