นางร้ายซัมเมอร์ (วัตตรา) (EBOOK)

นางร้ายซัมเมอร์ (วัตตรา) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: นางร้ายซัมเมอร์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 400.00 บาท 100.00 บาท
ประหยัด: 300.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“นางร้ายซัมเมอร์” โดย “วัตตรา”  ตอนที่1

 

            เวลคัมแลนด์ห้างสรรพสินค้าที่เปรียบดังสวรรค์สร้างของชาวกรุงเทพฯมหานครย่านตะวันออกของเมืองกรุง โดยปกติจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เข้ามาช็อปปิ้งจับจ่ายใช้สอยอยู่แล้ว

แต่วันนี้ผู้คนเนืองแน่นมากเป็นพิเศษ เพราะทางห้างฯมีการจัดงาน “เที่ยวไทยช่วยไทย” ซึ่งเป็นงานออกร้านขายของและแนะนำสินค้า แนะนำการบริการต่างๆแบบไร้ขีดจำกัด

พื้นที่ชั้นล่างของห้างซึ่งเป็นลานกว้างที่เรียกว่า ลานน้ำพุ นั้นใหญ่โตกว้างขวาง และเป็นที่จัดงานอีเวนท์ต่างๆแทบจะไม่มีวันว่างเลยทีเดียว

งาน “เที่ยวไทยช่วยไทย” มีคอนเซ็ปท์งานว่า “เลือกของกิน หาของใช้ อิ่มสบาย ใจรื่นรมย์” ดังนั้นร้านค้าที่มาออกบูธจึงมีหลากหลาย ทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายเครื่องครัว อุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสวน ร้านขายสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงบริษัททัวร์ที่มาขายแพ็กเก็จท่องเที่ยวทั่วไทยด้วย

”ภูสองธารรีสอร์ท” ของต้นน้ำ  สันติธรรมทาน นอกจากเขาจะนำทีมมาขายแพ็กเก็จที่พักสุดหรูราคาถูกของรีสอร์ท ที่อยู่ในบรรยากาศหลังติดเขาหน้าติดทะเล จังหวัดทางภาคตะวันออกแล้ว พลอยลดาลูกน้องสาวคนเก่งของเขายังหอบหิ้วไม้ดอกไม้ประดับฝีมือการเพาะเลี้ยงของเธอมาวางขายให้กับเหล่าผู้รักต้นไม้ด้วย

ตอนแรกต้นน้ำไม่เห็นด้วยที่พลอยลดาจะขอใช้งบประมาณจ้างรถหกล้อขนต้นไม้น้อยใหญ่จากภูสองธารมากรุงเทพฯ

“ผมว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เกินไปนะพลอยลดา เลิกคิดแล้วก็ก้มหน้าก้มตารดน้ำพรวนดินต้นไม้ไปเถอะ”

“คุณต้นน้ำจะไปเปิดบูธออกร้านกระตุ้นการขายทั้งทีจะหอบแต่โมเดลรีสอร์ทของเราไปวางแล้วก็ให้ฝ่ายการตลาดไปนั่งยิ้มไปยิ้มมาอยู่สองคนแค่นั้นเหรอคะ...เสียดายค่าบูธแย่”

“ไม่ต้องมาเสียดายเลย เวลคัมแลนด์เป็นห้างของเพื่อนผม นายโชเคยเชิญชวนผมไปร่วมงานหลายครั้งแล้วแต่ผมไม่สนใจจะไป”

“งกค่าเดินทาง ค่าพาหนะกับค่าเบี้ยเลี้ยงคนทำงานละซี่” พลอยลดาแอบพึมพำแต่เขาก็ได้ยิน  เขาชี้หน้าเธออย่างเอาเรื่องแล้วคาดโทษเสียงเขียว

“อย่ามานินทาผมนะ...เดี๋ยวเจอดี”

“อ่ะแหม....เจ้านายคะ” พลอยลดารู้รักษาตัวรอด เธอรีบบอกว่า

“ก็ทราบค่ะว่าที่นั่นมันเป็นของเพื่อนเจ้านาย แต่ฉันเสนออยากเอาพันธุ์ไม้ไปวางโชว์บ้างขายบ้างเนี่ยมันก็เพื่อหน้าตาและชื่อเสียงของรีสอร์ทเรา...แม่เคยเล่าให้ฟังว่าภูสองธารรีสอร์ทเนี่ยเป็นที่ที่เลื่องชื่อในเรื่องการประดับตกแต่งรีสอร์ทด้วยพันธุ์ไม้ที่งามได้ทุกฤดู โดยเฉพาะช่วงซัมเมอร์ที่มีนักท่องเที่ยวพาลูกหลานไปเที่ยวตอนปิดเทอม ทุกคนอิ่มอกอิ่มใจกับการได้เห็นดอกไม้เบ่งบานเต็มรีสอร์ทเหมือนเมืองสวรรค์ เหมือนอุทยานดอกไม้ ฉันแค่อยากให้คนทั่วๆไปที่ยังไม่เคยเห็นภูสองธารของเราได้ประทับใจตั้งแต่ได้เห็นการออกบูธ”

กูรูเรื่องไม้ดอกไม้ประดับแห่ง “ภูสองธารรีสอร์ท” อธิบายยืดยาวจนต้นน้ำรำคาญต้องรีบโบกมือห้ามและบอกว่า

‘จะเอาต้นไม่ไปก็ได้ จะเบิกเงินจ้างรถหกล้อไปก็ไม่ว่า หาลูกน้องไปช่วยดูต้นไม้อีกสักคนสองคนก็ยอมได้’

“เย้...ดีใจจังเจ้านายใจดี๊ใจดีในรอบสามปีที่ร่วมงานกันมา”

พลอยลดาดีใจหันไปมองหน้าไม้สักคู่หูของเธอ หนุ่มผู้ช่วยวัยเดียวกันได้แต่ยิ้มแหยๆ กล้าๆกลัวๆที่จะออกอาการดีใจตามพลอยลดา เพราะกลัวเจ้านายใหญ่จะดุ แต่ครั้นจะไม่เออออตามเพื่อนก็เกรงว่าเธอจะโกรธ เพราะชีวิตนี้น้อยครั้งนักที่ไม้สักจะขัดใจพลอยลดา...ก็เพราะเธอเป็นหนึ่งในดวงใจของเขา แม้เขาจะไม่เคยเอ่ยปากบอกเธอเลยสักครั้งในชีวิต  เขาได้แต่ยิ้มแหยๆ

“แต่...อย่าเพิ่งดีใจไปนะพลอยลดา...นี้มันต้องมีหลักการและเงื่อนไข”

“ทุกทีซีน่า”

พลอยลดาเซ็งกับความมากเรื่อง ของเจ้านาย เพราะตั้งแต่ทำงานร่วมกันมาสามปี พลอยลดาแทบจะรู้ความคิดของต้นน้ำไปทั้งหมด ในเรื่องเจ้าหลักการ จอมขีดเส้น และมหาเขี้ยวชนิดที่งานไหนๆก็สั่งห้าม ควบคุมงบประมาณไม่ยอมให้บานปลายไปซะทุกงาน

“ยังไงละคะเจ้านาย”

“คุณต้องทำรายงานค่าใช้จ่ายทั้งขาไป ขากลับและรายวันตลอดสัปดาห์ของการไปทำงานที่เวลคัม ในงบประมาณคนละไม่เกินสองร้อยบาทต่อวัน”

“โห สองร้อย!! “ ทั้งพลอยดาและไม้สักอุทานออกมาพร้อมกัน

“เจ้านายขา...เดี๋ยวนี้ค่าแรงขั้นต่ำ วันละสามร้อยแล้วนะคะ ค่าที่พักอีกล่ะคะ เดี๋ยวนี้โรงแรมทีพอนอนได้หน่อยถูกที่สุดก็ห้าร้อยห้าสิบแล้วนะคะ”

“ก็เบิกค่าโรงแรมตามจริงไปซี่ใครว่าอะไร สองร้อยนั่นมันคือเบี้ยเลี้ยงรายวัน...สิ่งที่ได้มานอกเหนือจากเงินเดือนนะจะบอกให้ ปกติเคยได้เหรอ...จะเอาหรือไม่เอา”

พลอยลดาถอนหายใจเฮือกใหญ่จำใจต้องยอมรับ แต่คนเป็นนายยังไม่จบเท่านั้น

“แล้วก็เขียนรายงานอย่างละเอียดยิบทุกวันว่าวันไหนใครมาคุยมาแสดงความคิดเห็นหรือมาซื้อต้นไม้อะไรไปบ้าง”

“โอ้โห...เจ้านายจะเอารายงานไปทำวิจัย หรือทำวิทยานิพนธ์คะ”

“นี่...ผมไม่ได้พูดเล่นนะ นี่คือหลักการของผม  ถ้าจะไปก็ต้องเชื่อฟังผู้บริหารเคารพกฎเกณท์และทำงานอย่างมีระบบและระเบียบ”

“เฮ้อ...หายใจไม่ออกซะแล้ว”

“แพ้อากาศหรือไง”

“แพ้หลักการของเจ้านายต่างหาก”

“อย่ามาเล่นลิ้น ถ้าอยากทำอย่างที่เสนอก็ต้องยอมรับเงื่อนไขให้ได้”

“ได้ค่ะ...ทุกอย่างจะเป๊ะตามที่เจ้านายต้องการ”

“ถ้ามีผิดพลาด...จบชีวิต” เขาพูดพร้อมกับทำท่าเชือดคอให้หญิงสาวดู

ในที่สุดพลอยลดาก็ได้ไม้สักคู่หูของเธอ และทองก้อน ลูกน้องที่ช่วยดูแลต้นไม้อีกคนมาช่วยดูแลบูธ ทั้งสามทิ้งหน้าที่ดูแลต้นไม้ทั้งรีสอร์ทไว้ให้ นายด้วงกับนายมงคล พ่อของไม้สักที่ทำหน้าที่นี้มาเท่าอายุของไม้สักและพลอยลดา

แต่สิ่งที่พลอยลดาคาดไม่ถึงคือวันจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯต้นน้ำให้ฝ่ายการตลาดสาวไปทำงานเพียงคนเดียวแล้วสั่งว่า

“ให้พลอยลดาช่วยเรื่องการขายแพ็กเก็จห้องพักด้วยละกัน เขาเก่ง” แล้วก็ปรายตามามองหญิงสาวอย่างเยาะหยันเล็กน้อย

พลอยลดาได้แต่เข่นเขี้ยว ทำอะไรเขาไม่ได้มากไปกว่าหันหลังให้แล้วบ่นอุบอิบ

“จอมเผด็จการเอ๊ย จะร้อนวิชาอะไรกันนักหนาวะ จบปริญญาโทบริหารการโรงแรมและรีสอร์ทมาจากเมืองนอกบริหารงานแทนคุณธานินทร์สามปี คนเก่าๆลาออกเกือบจะหมดรีสอร์ทอยู่แล้ว...เอาเถอะไหนๆฉันก็อดทนมาตั้งสามปี ยังไงฉันก็จะต้องดูแลรดน้ำพรวนดิน ใช้จอบเสียมทิ่มแทงหัวใจเจ้านาย ให้ได้รู้ว่ากฎเหล็ก ข้อห้าม หรือการบริหารงานแบบทุนนิยมน่ะมันรั้งหัวใจใครไว้ไม่ได้หรอก”

เสียงอุบอิบของเธอนั้นต้นน้ำได้ยินหมดแล้วเพราะเขายื่นหน้าเกือบจะข้ามไหล่เธอมาใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ

“บ่นเป็นยัยแก่เลยนะพลอยลดา...อยากกระเด็นออกไปเตะฝุ่นมั่งมั้ยล่ะ” เขาถามเสียงดุ

พลอยลดาหันขวับกลับมาใบหน้าทั้งสองจึงชนกันเข้าอย่างจัง แก้มนวลเนียนไร้เครื่องสำอางของเธอชนกับจมูกโด่งของต้นน้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มเผลอสูดกลิ่นแก้มนวลเข้าไปอย่างไม่รู้ตัวแล้วต่างก็ผละออกจากกันและโวยวายใส่กันอย่างไม่มีใครยอมฟังใคร เพื่อกลบเกลื่อนความประหม่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สงครามน้ำลายยุติลงเมื่อคนขับรถของต้นน้ำมาบอกว่าได้เวลาเดินทางเข้ากรุงเทพฯแล้ว

เรื่องความไม่ลงรอยกันของทั้งสองเป็นที่ระบือไปทั่ว”ภูสองธารรีสอร์ท” พนักงานต่างรู้ดีว่าพลอยลดากล้าต่อปากต่อคำกับเจ้านายคนใหม่ก็เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ให้กับเหล่าพนักงาน เพราะตั้งแต่ต้นน้ำมาบริหารงาน เขาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานใหม่จากระบบครอบครัวที่ธานินทร์ผู้เป็นพ่อทำไว้ มาเป็นระบบธุรกิจที่เต็มไปด้วยข้อบังคับ ไร้การอะลุ้มอล่วยจากการผิดพลาดในการทำงานเล็กๆน้อยๆของพนักงาน ซึ่งเกิดขึ้นได้ จนหลายคนทนไม่ได้ต้องขอลาออกไป เขาไม่ง้อใครกลับมาทำงาน แต่ประกาศรับพนักงานใหม่เกือบจะทุกสามเดือน

มาออกบูธวันสามสี่วัน พลอยลดาขายต้นไม้น้อยใหญ่ของเธอออกไปหลายสิบต้น พอๆกับที่เธอช่วยฝ่ายการตลาดขายแพ็กเก็จท่องเที่ยวได้มาหลายสิบครอบครัว และขายแบบหมู่คณะได้หลายกลุ่ม  นักท่องเที่ยวบางกลุ่มยอมจองที่พักแบบหมู่คณะเพราะพลอยลดาอาสาที่จะเป็นไกด์นำเที่ยวและนำสันทนาการ และมีรายการลดแลกแจกแถมมากมายเกินกว่าที่ต้นน้ำกำหนดไว้ เขารู้สึกพอใจที่มาครั้งนี้มียอดขายที่ดี แต่ไม่พอใจที่พลอยลดาแถมแหลกเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ของว่างชุดพิเศษระหว่างมื้อ เพิ่มชั่วโมงสปาแต่จ่ายราคาเดิม หรือแม้แต่แถมพันธุ์ไม้ที่เธอเพาะเลี้ยงไว้ตอนขากลับแบบไม่อั้นใครหิ้วไปได้มากแค่ไหนก็เอาไป  มันทำให้งบการลงทุนบานปลายในความรู้สึกของเขา และแน่นอนเขาต้องหาทางเอาผิดกับพลอยลดาจนสามารถไล่เธอออกจากงานให้ได้ในงานนี้ 

ต้นน้ำไม่ได้อยู่ที่บูธตลอดเวลา  อย่างเช่นวันนี้ที่เขาบอกทุกคนว่าเขาจะไปคุยกับเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของเวลคัมแลนด์ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ พลอยลดาจึงถือเป็นโอกาสจะออกไปเดินเล่นชมร้านบ้าง

“ฉันไปด้วย” ไม้สักเสนอหน้า

“ไปทำไมล่ะแก เฝ้าบูธแทนฉันซี่”

“โห...พลอย...ฉันเฝ้ามาสี่วันแล้ว พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว...นะ...ไปด้วย”

“เราสองคนสลับกันไปดีกว่า เดี๋ยวเจ้านายจะว่าเอา”

“พลอย...รู้ใช่มั้ยล่ะว่าทำไมฉันอยากไปด้วย” ไม้สักทำตาปริบๆผสมปิ๊งๆ พลอยลดาแค่นยิ้มแล้วจิ้มหน้าผากเพื่อนเพื่อดับฝันของเขา

“อย่ามาทำหน้าแบบนี้บอกให้เฝ้าบูธก็คือเฝ้า ถ้าขืนจะตามไป...ฉันจะไม่พูดด้วยสามวัน”

“โอเค  โอเค เชิญเลยแม่คุณ เชิญเดินเล่นคนเดียวให้สบายใจไปเลยจ้า”

ไม้สักรีบผายมือให้เพื่อนไปเพราะไม่อยากให้พลอยลดาโกรธหรืองอน เขาตกเป็นเบี้ยล่างของพลอยลดามาตั้งแต่เด็กแล้ว และยินดีจะเป็นต่อไปขอแค่เธอสั่งหรือเธอมีเงื่อนไขอะไรเขาทำได้ ยอมรับได้หมด

พลอยลดาเดินเที่ยวชมร้านรวงต่างๆ หมายจะซื้อของกลับไปฝากรำไพผู้เป็นแม่ เธอเดินผ่านร้านขนมมากมายแต่...ไม่ได้ซื้ออะไรเพราะแม่เธอเป็นคนที่ทำขนมอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว เดินเลยไปถึงร้านขายเสื้อผ้า เธอซื้อให้แม่และตัวเองหลายชุด

แล้วพลอยลดาก็ตกใจยืนตัวแข็งทื่อ มองภาพตรงหน้าเธอตาค้าง  เมื่อเห็นหญิงสาวในบูธ “ครัวครบเครื่อง” มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ พลอยลดารู้สึกเหมือนเธอกำลังส่องกระจก มองเห็นตนเอง เพียงแต่หญิงสาวที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กับลูกค้านั้นแต่งตัวสวยหวาน แต่งหน้าบางๆรวบผมเรียบร้อยราวกับเจ้าหญิงน้อยๆที่น่าทะนุถนอม  ต่างจากเธอที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ สวมทับด้วยเสื้อกั๊กของภูสองธารรีสอร์ท ผมยาวรวบไว้เป็นทรงดังโงะ รองเท้าผ้าใบที่มอมแมมจนจำสีเดิมไม่ได้แถมมีรอยขาดนิ้วก้อยโผล่อีกต่างหาก

นาทีนั้นพลอยลดานึกถึงคำพูดของรำไพผู้เป็นแม่ที่เคยพูดกับเธอบ่อยๆว่า

‘พลอยน่ะมีพี่สาวคู่แฝดที่เกิดก่อนพลอยห้านาที...ป้าสร้อยพี่สาวของพ่อเขามาเอาไปช่วยแม่เลี้ยงเพราะเห็นว่าแม่คนเดียวคงเลี้ยงลูกแฝดไม่ไหวเพราะพ่อจากเราไปวันที่แม่คลอดลูกพอดี’

หรือบางทีที่ผู้เป็นแม่รู้ว่าเธอไปมีเรื่องมีราวกับใครมาเพราะความห้าวกร้าวแกร่งไม่ยอมใครของเธอแม่ก็มักจะเผลอรำพึงว่า

‘พลอยเป็นคนกระโดกกระเดก เป็นเด็กห้าวชอบมีเรื่องกับคนอื่นแบบนี้  ไม่รู้ว่าแพรชมพูจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า’

‘แพรชมพู  พลอยลดา ใครตั้งสองชื่อนี้จ๊ะแม่’

‘พ่อเขาตั้งไว้ ตอนที่หมอตรวจท้องและรู้ว่าแม่มีลูกแฝด แต่ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชายพ่อเลยตั้งชื่อไว้ว่า ถ้าเป็นหญิงใครเกิดก่อนให้ชื่อแพรชมพู เกิดทีหลังให้ชื่อพลอยลดา”

‘อ้าว แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะ’

‘พ่อเขาตั้งไว้ว่าคนเกิดก่อนชื่อเพชร เกิดทีหลังชื่อภูผา’

“อ้าว ความหมายต่างกันเลยนี่แม่”

“ก็แข็งแกร่งดังเพชร และแข็งแรง ทรนงอย่างภูผาไง”

“ความหมายก็ต่างอยู่ดีแหละแม่ แพรชมพูกับพลอยลดาก็ต่างกัน...เขาอ่อนนุ่มเหมือนแพรสีชมสวยหวาน...แต่ใครๆก็ว่าคู่แฝดจะนิสัยเหมือนกันนี่แม่...แม่ผิดหวังแล้วล่ะ แพรคงห้าวไม่น้อยไปกว่าพลอยหรอก”

“แต่...ป้าสร้อยคงไม่เลี้ยงแพรให้กระโดกกระเดกเหมือนที่แม่เลี้ยงพลอยหรอกมั้ง...แม่ให้อิสระพลอยมากไป”

พอหญิงสาวที่ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าบูธเชิญชวนลูกค้าให้เข้าไปเลือกซื้ออาหารชาววังกลับบ้านเสร็จก็หันมาเห็นพลอยลดาที่ยืนมองเธออยู่

พลอยลดาเผลออุทานออกมา

“แพรชมพู!!”

แล้วเธอก็เริ่มแน่ใจว่านี่คือคู่แฝดของเธอแน่เพราะคนถูกเรียกชื่อแพรชมพูเบิกตาโต มองเธอด้วยความตกใจ งุนงง แล้วในที่สุดก็เป็นลมล้มพับไป

“เฮ้ย...แพร...แพรชมพู...” พลอยลดาจะเข้าไปประคองร่างนั้นแต่ช้ากว่าพนักงานสาวสองคนในบูธที่รีบเข้ามาหิ้วปีกแพรชมพูไปนั่งหลังบูธ

คนหนึ่งโทรศัพท์ขึ้นไปหาสร้อยระย้าที่อยู่ที่ร้าน “ครัวครบเครื่อง”  ซึ่งเป็นร้านอาหารที่เปิดอยู่ใน

”ฟู้ดโซน” ของเวลคัมแลนด์ ให้ลงมาพาแพรชมพูไปพักผ่อนที่  ส่วนพนักงานสาวอีกคนหนึ่งหันมาช่วยอีกคนตักอาหารใส่ถุงใส่กล่องให้ลูกค้าที่ยืนรออยู่

พลอยลดากำลังจะแหวกทางเข้าไปหาแพรชมพู แต่สายตาของพนักงานและลูกค้าของร้านหลายคู่ที่มองมายังเธอมีทั้งแววตาตำหนิและแววตาฉงนว่าไยหน้าตาเธอจึงเหมือนเจ้าของบูธ

ก่อนที่จะเกิดอะไรมากไปกว่านั้น ไม้สักก็มาฉุดแขนพลอยลดาออกไป พร้อมกับบอกว่า

“รีบไปเถอะพลอย เจ้านายถามหา ท่าทางอารมณ์เสียมากๆเลย”

“อะไรอีกล่ะอีตาต้นน้ำนี่ทำตัวเป็นผู้คุมนักโทษแห่งอัซคาบันไปได้” พลอยลดาบ่นแต่ยังแข็งขืนไม่อยากจะเดินกลับไปง่ายๆ เพราะเธอยังหันไปมองบูธ “ครัวครบเครื่อง” อยู่  ไม้สักขู่ว่า

“ตอนนี้คุณต้นโกรธจนจะพ่นไฟเป็นก็อดซีล่าได้แล้วนะแก”

“โกรธเรื่องอะไร”

ไม้สักไม่ได้ตอบเขาพาเพื่อนมาจนถึงบูธภูสองธารรีสอร์ทซึ่งอยู่ห่างจาก ”ครัวครบเครื่อง” มากแบบไม่สามารถมองเห็นกันได้ พอพลอยลดามาถึงต้นน้ำก็ทำตัวเป็นมังกรพ่นไฟว่าใส่หน้าพลอยลดาแบบไม่เว้นช่องไฟ ไม่หยุดหายใจไม่เปิดโอกาสให้ใครได้โต้แย้งอะไรทั้งสิ้น เขาแจกแจงความผิดว่าพลอยลดาละเลยหน้าที่เถลไถล รักสนุกไม่มีความรับผิดชอบ ขาดความเป็นผู้นำ ดื้อรั้น หัวแข็ง หัวหมอ

“โทษของคุณครั้งนี้คือ..ผมไล่คุณออกจากการเป็นพนักงานของภูสองธารรีสอร์ทตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป”

พลอยลดาทั้งโกรธทั้งอึ้งเพราะเขาพูดอยู่คนเดียวรวดเดียวจบ...แต่คนอย่างเธอมีหรือจะยอมง่ายๆ เธอรู้ว่ามีวิธีเดียวที่จะเอาคืนเขาได้คือ โวย!!คนหน้าบางต้องเจอไม้นี้

“เจ้าข้าเอ๊ย...ทุกท่านที่เดินอยู่ในงานนี้มาช่วยกันฟังหน่อยเถอะว่า เจ้านายของดิฉันมีใจยุติธรรมมั้ย มีเมตตาธรรมมั้ย และมีความเป็นผู้บริหารอยู่มั้ย ดิฉันแค่เดินออกไปเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสียไม่กี่นาทีเจ้านายดิฉันสั่งคนไปลากตัวออกมาจากห้องน้ำ แล้วมาพิพากษาโทษดิฉัน คือไล่ดิฉันออก...ช่วยกันคิดหน่อยซีคะว่าสมควรมั้ย”

“พลอยลดา หยุดบ้านะ หยุดพูดเลย” ต้นน้ำกระชากแขนหญิงสาวเต็มแรง

ผู้คนที่เดินไปมาหรือที่กำลังแวะดูต้นไม้ของพลอยลดาอยู่ต่างให้ความสนใจในคำพูดของหญิงสาว ต่างก็มองหน้าต้นน้ำด้วยความรังเกียจ แม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นคนที่หล่อเหลาคมเข้มสะดุดตาผู้คนในทันทีที่ใครได้เห็นก็ตามที เพราะความแล้งน้ำใจของเขาทำให้เขาหล่อน้อยลงไปในบัดดล

พลอยลดาได้ใจรีบชี้ให้ทุกคนดูและว่า

“นี่ค่ะเจ้านายดิฉัน เจ้าของภูสองธารรีสอร์ท...ผู้บริหารน่ะไม่ค่อยโอเคหรอกค่ะ...แต่สถานที่ของเราและการให้บริการของพนักงานสุดยอดค่ะ”

“เอ้อ...อย่าไปเชื่อเธอนะครับ...เธอเป็นแฟนผม...เธองอนที่ผมไม่ยอมไปเดินชมงานเป็นเพื่อนเธอน่ะ ก็เลยโวยวายเรียกร้องความสนใจ...ผู้บริหารภูสองธารรีสอร์ท ไม่ใช่คนมีปัญหานะครับ สถานที่ของเราก็ยังคงน่าไปเที่ยว พนักงานก็ให้บริการที่ดีเยี่ยมอยู่เหมือนเดิมครับ”

“อ้าว...แล้วกัน” หลายคนอุทาน

“โอ๊ะโอ...แสดงบทพ่อแง่แม่งอนเรียกลูกค้าเหรอคะ...เป็นการตลาดที่ดีเยี่ยมเลย” สาวใหญ่คนหนึ่งเอ่ยชม คนอื่นๆก็พลอยยิ้ม มองต้นน้ำด้วยสายตาดีขึ้น

ต้นน้ำมองหน้าพลอยลดาแล้วยักคิ้วให้เป็นการเย้ยหยันที่เขาหาทางออกได้

เมื่อสถานการณ์คลายความตึงเครียดลงบ้างแล้ว ต้นน้ำก็รีบฉุดแขนพลอยลดาออกมาจากบูธ เดินออกไปที่ลานจอดรถ ไม้สักนั้นด้วยความเป็นห่วงและหวงเพื่อนรักเกรงว่าต้นน้ำจะโมโหมากจนยั้งมือไม่อยู่เผลอทำร้ายพลอยลดาขึ้นมา  เขาจึงค่อยๆย่องตามไปไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว

สร้อยระย้าสาวใหญ่วัย๕๕ ที่ยังดูงามพริ้งและรักษารูปร่างได้สวยงามราวกับสาววัยใกล้๔๐ ทั้งที่เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยชาววัง ”ครัวครบเครื่อง” ที่มีสาขาทั้งในเวลคัมแลนด์ ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ และร้าน “ครัวครบเครื่อง” ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หล่อนทิ้งร้านที่อยู่ “ฟู้ดโซน” ลงมาดูแพรชมพูด้วยความห่วงใย พนักงานสาวที่หิ้วปีกแพรชมพูมานั่งคอพับหลับหมดสติอยู่หลังบูธนี้กระซิบบอกสาวใหญ่ถึงสาเหตุ

สร้อยระย้าตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจกับข่าวที่ได้ยิน เธอสั่งให้พนักงานปิดบูธเลิกขายเก็บของกลับไปที่ร้านยอมขาดทุน แถมสั่งว่าวันออกบูธที่เหลืออีกหนึ่งวันนั้นไม่ต้องมา ให้ทุกคนทำงานที่ร้านตามปกติ ลูกค้าที่กำลังเลือกซื้ออาหารเพื่อจะเอากลับบ้านต่างงงกันเป็นแถวที่เจ้าของร้านสาวใหญ่สั่งปิดร้านแล้วสั่งให้พนักงานชายคนหนึ่งอุ้มแพรชมพูไปขึ้นรถ

ขณะเดียวกันที่ลานจอดรถของผู้มาออกร้าน พลอยลดาถูกต้นน้ำลากมาอบรม เขาบอกตรงๆว่าเขาไม่พอใจที่เธอมักจะทำตัวเป็นผู้นำพนักงานต่อต้านการบริหารงานของเขา ถ้าไม่มีเธอสักคนหนึ่งเขาคงเปลี่ยนแปลงการบริหารงานที่ภูสองธารรีสอร์ทได้อย่างเต็มร้อย

“งั้นฉันก็ไม่ยอมให้คุณสมหวังหรอกค่ะเจ้านาย  ยังไงฉันก็ยังไม่คิดจะออกจากงานที่นี่ คำสั่งที่เจ้านายพูดออกไปเมื่อไม่กี่นาที่ผ่านมาฉันถือว่าเป็นคำสั่งที่ยังไม่สิ้นสุด”

“ก็ได้งั้นรอให้ออกบูธเสร็จวันมะรืนนี้กลับไปภูสองธารเรามาสะสางเรื่องนี้กันอีกที...กลับไปทำงานได้แล้ว” พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไป

แต่พลอยลดาไม่ได้เดินตามเขาเข้าไปเพราะความสนใจของเธอเวลานี้อยู่ที่สาวใหญ่ซึ่งเดินนำพนักงานชายที่อุ้มร่างของแพรชมพูไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ห่าง เธอจะวิ่งตามไปแต่ไม้สักวิ่งมาฉุดแขนเธอไว้

“จะไปไหนพลอย เดี๋ยวเจ้านายก็กัดหัวหลุดอีกหรอก”

“ฉันไม่กลัวหรอก เพราะเขาพักรบชั่วคราว เราเพิ่งตกลงกันว่ากลับไปภูสองธารแล้วค่อยว่ากันใหม่เรื่องที่เขาจะไล่ฉันออก ตอนนี้ฉันขอตามไปดู...เอ้อ...” พลอยลดายังไม่อยากบอกไม้สักเกรงเพื่อนจะทำให้เสียเรื่องเธอจึงบอกว่า

“ดูเอ้อ...ดูเพื่อนฉันก่อนดีกว่า”

“หือ...มีเพื่อนในกรุงเทพฯด้วยเหรอพลอย” ไม้สักตื่นเต้นตาม

“ฮื่อ...ก็มีซี่...ตอนปีหนึ่งฉันมาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วถึงกลับไปเรียนที่วิทยาเขตแถวบ้านเรานะ...นั่นไงมีคนอุ้มเพื่อนฉันขึ้นรถไปแล้ว”

เธอบุ้ยใบ้ไปทางรถเก๋งสีขาวสะอาดสะอ้านเงาวับคันใหญ่ที่กำลังจะเคลื่อนออกจากที่จอด โดยไม้สักไม่ได้เห็น

“ตามไปกันเถอะไม้”

“เฮ้ยไปยังไงล่ะ”

พลอยลดาฉุดแขนเพื่อนวิ่งออกจากบริเวณลานจอดรถชั่วคราวที่ทางห้างกั้นไว้สำหรับเป็นที่จอดรถของผู้มาออกบูธซึ่งมีทั้งจากในกรุงเทพฯเองและต่างจังหวัด บริเวณนี้ใกล้ป้ายรถเมล์และวินมอเตอร์ไซค์ พลอยลดาสั่งให้มอเตอร์ไซค์ตามรถคันสีขาวที่แล่นออกไป ไม้สักเลยต้องตกกะไดพลอยโจนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อีกคันตามไป


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024