สะใภ้จอมเถื่อน (นางแก้ว) (EBOOK)

สะใภ้จอมเถื่อน (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: สะใภ้จอมเถื่อน
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1 เพื่อนสนิท

 

                ในสวนสาธารณแห่งหนึ่ง

ไม่ไกลจากบ้านที่พักของชลธิชาหญิงสาวคนสวย ซึ่งกำลังนั่งเป็นเพื่อน อลิสานักศึกษาแพทย์ หน้าสวยหวานดูหม่นหมองปรับทุกข์อยู่กับชลธิชา ซึ่งเป็นเพื่อนสาวเรียนต่างวิทยาลัย

                “ใจเย็นก่อนนะอ้น อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลาม”

            “อ้นเจ็บเหลือเกินชลจ๋า อ้นไม่คิดเลยว่าชีวิตการแต่งงานก่อนเวลาอันควรของอ้นจะยุ่งยากขนาดนี้ แค่ต้องปิดเพื่อนๆอ้นคิดว่าบ้ามากพอแล้ว แต่อ้นยังต้องไปเผชิญกับผู้หญิงคนเก่าของคุณหมอ แล้วยังพี่หวานพี่สะใภ้ของคุณหมออีก อ้นทนไม่ไหวแล้ว อ้นอยากเลิกกับคุณหมอเหลือเกิน” อลิสารำพันอยู่กับเพื่อนหญิง

ในอดีตนั้นเมื่อเพื่อนสาวตกลงใจแต่งงานกับอาจารย์หมอของตนเอง ชลธิชาได้แต่ปลอบด้วยคำว่าใจเย็นๆ เพราะเธอเองไม่รู้ว่าการใช้ชีวิตคู่ของจริงกับนิยายแตกต่างกันอย่างไร

 ชลธิชารับรู้เป็นคนแรก จึงถามแค่ว่าแน่ใจแล้วหรือกับชีวิตรักข้ามรุ่น อลิสาตอบด้วยสีหน้าแช่มชื่นเต็มไปด้วยความสุขว่า แน่ใจที่สุด

                หากว่าเมื่อเวลาผ่านมาเพียงสี่เดือน เพื่อนสาวคนนี้มีแต่น้ำตามาฝากเพราะชีวิตคู่เต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนามไม่มีความสุขเหมือนดังฝันไว้

                อลิสากลืนก้อนความทุกข์ลงไว้ในอก ก่อนปรับสีหน้าให้คลายหมองแล้วจึงถามหาเพื่อนสาวอีกคน

                “คิดถึงพักตร์จังเลย อ้นนี่แย่ที่สุดพอมีเรื่องทุกข์ใจที่ไร อดนึกถึงพักตร์ไม่ได้สักทีทั้งที่พักตร์เขาเรียนหนัก”

                “เรื่องเรียนพักตร์เขาเอาจริงอยู่แล้ว เขาเรียนเก่งอย่างที่เรารู้กันนี่พักตร์เขาคุยเขื่องว่าจะเอาเกียรตินิยมให้ได้ตามที่ป๊าเขาต้องการ พักตร์แอบบอกกับชลว่าถ้าได้จริงเขาจะเอาเหรียญทอง ไปวางรวมกับป้ายบรรพชน เพื่อให้วงศ์ตระกูลสักการะทุกเทศกาล”เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของชลธิชาเช่นนั้น อลิสาอดหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาไม่ได้

                “คิดได้ไม่เหมือนใครจริงๆ พักตร์คนหนึ่ง”

            คนเล่าเองยังอดยิ้มในสีหน้าไม่ได้ เมื่อนึกถึงเพื่อนรักคนนี้ อลิสาว่า

            “อิจฉาพักตร์เหมือนกันนะ ที่เขาไม่มีความทุกข์อะไรเลย”

                “อ้นไม่รู้หรือว่าพักตร์ชอบณัฐ แต่ ณัฐรักอ้น”

                “อ้นรู้ แต่อ้นรักณัฐอย่างเพื่อน ไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่านั้น”

                “ณัฐ เฮิร์ทมากเลย กินเหล้าหัวราน้ำเลยเมื่อรู้ว่าอ้นแต่งงาน”อลิสา ก้มหน้าด้วยความเสียใจ ที่ทำให้เพื่อนรักต้องเสียใจ หากว่า ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ เธอไม่อาจทำใจให้รักเพื่อนคนนี้ได้

                “ณัฐน่าจะรักพักตร์นะ พักตร์น่ารักดีออก”

                “เรือเขานินทาเสมอว่าพักตร์เถื่อนเกินกว่าณัฐจะรับได้ ณัฐเขาชอบคนเรียบร้อย”

                “เรือ กับพักตร์สนิทกันจนแทบทำให้คนเข้าใจผิดได้เลยนะว่าเขาจะเป็นคนรักกัน แล้วชลเคยหวงมั้ย”

                “สำหรับพักตร์เพื่อนแสนดีคนนี้ ต่อให้เรือหันเหไปหาพักตร์ชลก็ไม่เสียใจ”

                “ที่พูดเพราะว่ารู้ว่า พักตร์ไม่มีทางชอบเรือหรือเปล่า”

                “เปล่าหรอก แต่พูดได้เพราะชลรักทั้งสองคนเท่ากันน่ะจ้ะ”

                “พักตร์เขากำลังทำอะไรอยู่นะ” อลิสารำพึงถึงเพื่อนรัก ที่ยังไม่มีเวลาว่างตรงกัน

                ฝ่ายคนที่ถูกเพื่อนพาดพิงถึง กำลังนั่งขะมักเขม้นกับกองตำราเป็นตั้ง ใบหน้าสวยใส ผมตัดสั้นเหมือนผู้ชาย แต่กลบความงามและผิวพรรณขาวใสไม่ได้ ปากของเธอแดงระเรื่อ คาบปากกาสองอันทั้งสีแดงและปากกาน้ำเงิน ที่เด่นชัดนักคือผ้าขาวคาดศีรษะ มีอักษรญี่ปุ่นเขียนคำว่า บันไซ ติดอยู่

                เธอพ่นปากกาทั้งสองอันที่คาบให้หลุดจากปาก จากนั้นคว้ามาเขียนลากเส้นยาวลงในเลคเชอร์สลับกันทั้งสองด้าม ปากบ่นงึมงำ

                “เกียรตินิยมเพื่อวงศ์ตระกูล ทำให้นังพักตร์แทบกระอักเลือดอยู่แล้ว ปะป๊า หม่าม้าอยากได้ไปทำไมกะอีแค่เกียรตินิยม ป๊ารู้มั้ยว่ามันกดดันหนูมากแค่ไหน ฮึ่ม อยากได้ อยากได้นัก นังพักตร์จะจัดให้ ได้แล้วจะเอาไปวางไว้ที่ป้ายบรรพชนให้กราบกันทุกเช้าเย็นทั้งตระกูลเลยพับผ่า”

                เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ บอกให้รู้ว่าเป็นสายของใคร เพราะผ่องพักตร์ตั้งไว้ไม่ให้เหมือนกันทุกสายอย่างเช่นเพลงนี้

                “แม่สาวแก้มเรื่อทหารเรือมาแล้ว อย่าหนีพี่แจวไปเลยแม่แก้วสาริกา” หญิงสาวยิ้มรับ ท่าทางสดชื่นขึ้นมาทันตา เอื้อมมือไปกดเครื่องรับ จากนั้นพิงหลังกับพนักเก้าอี้ นั่งไขว้ห้างอย่างสบายอารมณ์ ทำเสียงหวานกรอกกลับใส่ลำโพง แต่ถ้อยคำนั้นเป็นถ้อยคำบาดหูคนปลายสายเต็มที

                “โทรหาแม่ทำไมเรือธง ลูกน่าจะรู้นะว่าแม่กำลังเคร่งกับการสอบ ที่มีคำสั่งของอาป๊า อาหม่า อาโก อาอึม อาแปะ มาจ่อหลัง ว่าแต่ลูกมาวุ่นวายกับแม่แบบนี้ แสดงว่าลูกเป็นเสนาธิการโดยติดแค่เรือตรีหรือลูก”

                “นี่นังเผือก อย่าสะแล๋นอยากเป็นเมียคนตายนักเลย”

“ใครอยากเป็นเมียพ่อเอ็งวะเรือ”ผ่องพักตร์ตะคอกเสียงลั่น

“ก็เสือกอยากเป็นแม่ข้านี่หว่า พ่อฉันตายไปนานแล้วนะเว้ย แล้วก็ไม่ตายธรรมดา แต่ตายดังเสียด้วย” ใช่ท่านตายดัง เพราะไปเก็บกู้ระเบิดช่วยชีวิตคนจำนวนมาก และท่านเองกลับต้องตายเพราะติดกับคนร้าย ผ่องพักตร์ยังงงเหมือนกันว่า ทำไมประเทศอื่นเขาไม่เก็บกู้แต่ทำลายระเบิด ส่วนประเทศไทยเราเก็บกู้เอามาศึกษา ทั้งที่วิธีการทำก็พัฒนาไปเรื่อย

“เอ็งหลับแล้วหรือพักตร์” เรือธงย้อนถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป แต่เพื่อนหัวดียังต่อปากกลับมาได้ด้วยหัวข้อสนทนาเดิม

                “ท่านอาจจะไม่อยากเป็นพ่อของแกก็ได้ เพราะท่านผิวขาวแต่แกดำผิดตระกูล ถามจริง ท่านเคยบอกมั้ยว่าแกลอยตามกอสวะในแม่น้ำมา แล้วท่านคิดว่าเลี้ยงเอาบุญแบบหมาแบบแมว”

“ใส่เป็นชุด ใส่เป็นชุดเลยนะมึง นี่ถ้าแกไม่ลากไส้ฉันสักครั้งแกจะเป็นกรดในกระเพาะมั้ยนังเผือก”

“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด เพราะได้ด่าแกที่ไรฉันถ่ายคล่องทุกที”

“ฉันไม่ใช่ยาน้ำระดมพลนะ แกจะได้เห็นเป็นยาถ่าย”

“แกน่ะยาถ่าย และกำลังจะถ่ายทอดอะไรมาให้ฉันรับรู้อีกล่ะ นี่ถ้าไม่มีเรื่องแกไม่โทรมาหาพระแสงหอกชำรุดหรอก ไม่รู้หรือไงว่าแกว่าง แต่ฉันไม่ว่าง”

                “เอาน่า”เรือธงทำเสียงอ่อนลง หน้าดำๆปลายสายยิ้มสว่าง ทำให้หล่อขึ้นมาทันตา

“ฉันจะถ่ายทอดสดให้ฟัง ฟังนะ”

“ฉันต้องร้องตอบว่าก็ฟังสิ ด้วยมั้ย”

“ฉันไม่ได้ร้องเพลงรัก แต่กำลังจะ”

“นินทา”ผ่องพักตร์ต่อให้ เรือธงไม่นำพาคำกล่าวหา กระแอมในคอหนึ่งครั้ง

“ฮะแอ้ม”

“ตีนชัดๆที่ติดคอ”หญิงสาวกระแทกวาจาด้วยความสนิทกันสุดๆ

 “นี่นังเผือก จะฟังด้วยความสงบสักนิดได้มั้ย”

“เออ เออ อย่าเสือกแอ้มมาอีกก็แล้วกัน” ผ่องพักตร์รับคำพร้อมต่อรอง

“อ้ายติมันบอกว่าอ้ายณัฐอกหักรักคุดจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ใครพูดก็ไม่ฟัง แกจะไม่ไปปลอบมันบ้างหรือวะเผือก”

                “แหม แหม”ผ่องพักตร์ทำเสียงติดหมั่นไส้ “ทีมันอกหัก แกให้ฉันไปปลอบ แล้วที่มันทำฉันอกหัก แกดันมาสมน้ำหน้าฉัน แกนี่ไม่ลำเอียงเลยสักนิดเลยนะเรือ แต่แม่...ง ลำเอียงมหาโคตรเลย”

                “เอาน่าเผือก แกมันเป็นยอดวีรสตรีปี2004 ความรักของแกที่มีให้อ้ายณัฐ ถือซะว่า มันเป็นไก่เห็นพลอยก็แล้วกัน”

                “ทำไมไม่เปรียบให้ฉันเป็นข้าวเปลือกมั่งล่ะ เสือกเปรียบเป็นพลอย ไก่ที่ไหนมันจะจิกกินวะ”

                “สุภาษิตโบราณ ฉันหมายถึงแกเป็นสิ่งของมีค่า แหม นังนี่ เดี๋ยวแช่งให้อกหักรักคุด ทนดูเพื่อนแต่งงานครบหมดทุกคนเสียเลยนี่”

                “ฉันไม่แช่งแกกลับหรอกเรือ แต่จะยุให้ชลมันว่าอย่าเอาเด็กกำพร้ามาเป็นผัวให้ยากเลย ให้มันหาแฟนใหม่ขาวๆยาวๆ”

                “นังเผือก นี่อย่าล้อเล่นเรื่องคอขาดบาดตายนะมึง ห่า...เอ๊ย กว่าจะขึ้นจากเรือตั้งหลายเดือน แม่...ง หาเรื่องให้เพื่อนติดตารางแล้วมั้ยอ้ายบ้า”

                “แล้วจะถอนเรื่องแช่งข้ามั้ย”

                “ถอน ถอน แล้วอนุโมทนาบุญให้แกได้เป็นสะใภ้คุณหญิง”

                “แม่อ้ายณัฐไม่ได้เป็นคุณหญิง”ผ่องพักตร์คัดค้าน “ไอ้นี่ไม่เคยส่งเสริมเพื่อน ดีแต่ใช้กูฟรีอยู่เรื่อย”

                “เอาน่า ไปดูมันหน่อย เผื่อมันเมามากจะได้เลยตามเลยกะแก”

                “มันจะมาเลยอะไรวะ”เรือธงหัวเราะออกมาเบาๆตามสาย เพราะนักเรียนนายเรือ รู้ดีว่า ผ่องพักตร์เพื่อนรักนั้น เก่งกล้าสามารถทุกอย่าง แต่ว่า เธอเวอร์จิ้นขนาดที่ว่า อย่าพูดเรื่องได้หรือเสียเลย ผ่องพักตร์ไม่รู้หรอกว่าใครได้ ใครเสียอะไรระหว่างผู้หญิงผู้ชาย หนักเข้าสาวสวยอาจคิดไปถึงไฮโลก็เป็นได้

                เรือธงเพื่อนสนิท ทิ้งเรื่องหนักใจกว่าการสอบเอาเกียรตินิยมไว้ให้ผ่องพักตร์นั่งคิด  หญิงสาวถอดใจลอยไปถึงชายที่เธอรัก เป็นรักแบบผู้หญิงรักผู้ชาย และความรักตั้งแต่มัธยมจนมหาวิทยาลัยนั้น ณัฐมีให้ผ่องพักตร์ได้แค่เพื่อน และผ่องพักตร์ไม่ทะเยอทะยานไขว่าคว้าไมตรีที่ณัฐหยิบยื่นให้มากไปกว่าคำว่าเพื่อนเช่นกัน

                หญิงสาวยอมอยู่ในฐานะที่ฝ่ายชายมอบให้ คือเป็นเพื่อนสนิท....ดีกว่าการสูญเสียความเป็นมิตรถ้าหากเธอจะเรียกร้องมากกว่านี้

                “เผือกฟังอยู่หรือเปล่า” เรือธงท้วงมาตามสาย

                “แกเห็นฉันเป็นแม่พระได้ไงวะเรือ แค่คิดแทบหมดกำลังใจแล้ว แกวานให้ฉันปลอบคนที่ฉันรัก ให้หายทุกข์จากที่เขาไปรักคนอื่นเนี่ยนะ”

                “เชื่อเหอะ...ยามเพื่อนมีทุกข์มีแต่แกที่สมองไม่กลวง ขนาดไอ้ติมันสอบติดวิศวการบินได้ยังต้องขอบคุณแกที่ติวเข้มมันแกสามารถช่วยเพื่อนได้ทุกคน”

                “แกให้ฉันกินลูกยอจนฉันของขึ้นได้ทุกทีสิอ้ายเรือ”ผ่องพักตร์บ่น แต่ในที่สุดเธอปิดสาย จากนั้นเธอลุกจากเก้าอี้ บิดขี้เกียจซ้ายขวาอย่างล่ะครั้ง แล้วก้มตัวลงส่ายสองที จากนั้นจึงเดินออกจากห้องใหญ่ เดินไปตามระเบียงคฤหาสน์ร้อยล้านของตนเอง

                เมื่อลงจากบันไดหรูหรามาถึงชั้นล่าง จึงเห็นบิดากำลังนั่งคร่ำเคร่งอยู่ที่ห้องโถง ผ่องพักตร์ทักไปว่า

                “ไงป๊า รายได้ไม่พอรายจ่ายหรือไงคะ”

                “ซี้ซั้วต่า รายได้มีแต่มากขึ้น ป๊ากำลังจะซื้อที่ทำอู่เพิ่ม ลื้อจะได้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่ๆกว่านี้ไงอาหมวย แล้วนั่นจะไปไหน ไม่ยอมอ่านหนังสือ”

                “เอาน่า ไปช่วยคนตกทุกข์ได้ยากก่อน เดี๋ยวบุญพาวาสนาส่งป๊าอาจจะได้ลูกเขยก่อนวัยอันควรก็ได้”

“เออดีเหมือนกัน” เจ้าสัวทรงคุณเอ่ยพลางลงลายเซ็นชื่อ จากนั้นจึงได้ฉุกใจคิดถึงคำลูกสาว “อาหมวยลื๊อว่าอะไรนะเมื่อกี้”

                “เจ๊ไปถึงเก๋งแล้วครับท่าน”เจ้าป๋องเด็กวัยรุ่นร่างเตี้ยค้อมกายรินน้ำชาให้เจ้าสัวซึ่งรับไปดื่มแล้วเป่าปากด้วยความร้อน เจ้าป๋องรีบว่า

                “ป๋องเพิ่งไปต้มน้ำมาเดือดๆเลยครับเจ้าสัว”

                “แหม แหม จะบอกอั๊วสักคำก็ไม่ได้ แล้วนี่คุณนายลื้อกลับมาหรือยัง เก็บหนี้แค่นี้ไปเป็นวัน”

                คนถูกบ่นถึงโบกพัดในมือเดินมาจากประตูหน้าเลี้ยวเข้ามาได้ยินสามีพาดพิงพอดี จึงได้สาวเท้าเร็วขึ้น สาววัยรุ่นร่างโย่งเดินเหมือนกำลังเดินแบบตามถือกระเป๋าใบโต

เธอคือ ลำไย ซึ่งเป็นลูกแม่ครัวมาจากบ้านนอก มาอยู่กินสบายเข้าเลยเปลี่ยนชื่อเป็นเชอรี่ และเธอผู้นี้ที่เจ้าป๋องหมายปอง แต่น้องเชอรี่ลูกสาวแม่ครัวมองข้ามหัวมันทุกที ด้วยความเตี้ยและสูงไม่สมดุล เชอรี่ถือมาก แต่เจ้าป๋องมันไม่ถือ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสมันจึงส่งสายตาหวานเชื่อมให้ และโดนเชิดใส่กลับทุกทีไป

                ป๋องมองสาวด้วยสายตาเว้าวอน ส่วนสาวไร้ความสวย มองเมินเหมือนเห็นเจ้าป๋องเป็นคนใช้ไร้ค่า เพราะเธอไปหมายปองพระเอกลิเกหลังตลาด ที่ลงมาขอบริจาคเงินขณะร้องลูกทุ่งเพลงโปรด มีเท่าไหร่เชอรี่ควักให้หมด เรื่องนี้ป๋องไม่เคยรู้เลย

                “ป๋องไปเอาเก๊กฮวยมาให้อั๊วแก้วหนึ่งซิ” คุณนายสั่ง

                ป๋องรีบรับคำ เดินไปแล้วไม่วายหยุดเท้า ทิ้งสายตามาที่เชอรี่ ซึ่งเชิดหน้าเหมือนนางเอกลิเกที่เธอแอบไปดูหลังตลาดเป็นประจำ

 เจ้าสัวขยับถามภรรยา แต่คุณนายโฉมไฉไลเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

                “อาหมวยมันรีบไปไหนของมัน ทักอั๊วคำเดียวแล้วขับรถออกไปเลย”

                “มันบอกจะไปทำบุญช่วยคน เฮ้ออั๊วอยากพักเต็มทีรอมันเรียนจบอยู่นี่ล่ะ”

                “ถึงอาหมวยจะเรียนไม่จบ แต่อีก็ช่วยงานเราเต็มที่นะเฮีย”

                “ยิ่งเหนื่อยยิ่งแค้นอาตี๋ มันจะรีบซี้ไปทำไมก็ไม่รู้ แล้วเก็บเงินได้หมดมั้ย”

                “เข้าบัญชีอาหมวยไปหมดแล้ว อยู่บัญชีทั้งเฮียทั้งอั๊วเดี๋ยวละลาย” คุณนายกล่าวเรื่องจริงทำให้เจ้าสัวหัวเราะเอิ๊ก

                ผ่องพักตร์ชอบว่าบุพการี ซึ่งหยิบยกเรื่องคิดถึงการตายของลูกชายคนโต พี่ชายของผ่องพักตร์ ซึ่งอายุห่างกัน และตายมานานแล้วบังหน้าเพื่อเข้าบ่อน บอกว่าเล่นแก้ความคิดถึง ดังนั้นการป้องกันการละลายของทรัพย์จึงต้องนำฝากในบัญชีของผ่องพักตร์

ซึ่งหญิงสาวนั้นเป็นคนที่เก็บทรัพย์ได้ฉมังดีมากทีเดียว ทั้งสองผู้ให้กำเนิดเบิกยากเพราะต้องแจกแจงว่าเอาไปทำอะไรบ้าง ยากจนบางครั้งก็เบิกไม่ได้หรือได้น้อยกว่าที่อยากได้ การควบคุมการใช้จ่ายของลูกสาวนับว่าได้ผลดี เพราะทำให้สองผู้ให้กำเนิดลดการฟุ่มเฟือยลงมาครึ่งต่อครึ่ง เจ้าสัวท่านว่า

                “อาตี๋มันตายไปเราเสียใจมากก็จริงอยู่ แต่ถ้ามันยังอยู่เงินอาจจะไหลลื่นออกมากกว่านี้ มีอาหมวยอยู่นับว่าดีสองเท่า”

                “อั๊วบอกเฮียแล้วว่าเรามีกุลธิดา ตอนอาหมวยเกิดเราก็รวยไม่เลิก”

                “จับปิ้งทองคำของอาหมวยยังอยู่ด้วยนะ เฮียจะเก็บเอาไว้ให้ลูกอี”

                “อาหมวยอีชอบกับอาณัฐเพื่อนอีใช่มั้ย”

                 เจ้าสัวไม่แน่ใจ คุณนายโบกพัดแรงขึ้น ทำเหมือนไม่พอใจที่ณัฐมีทีท่าไม่ชัดเจนเรื่องความรักตัวในผ่องพักตร์ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเศรษฐีใหม่ที่รวยวันรวยคืน                           

                อพาร์ตเม้นต์ ของณัฐค่อนข้างมีระดับ เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกเศรษฐีเจ้าของโรงแรมทางจังหวัดภูเก็ต ผ่องพักตร์ถือวิสาสะเข้าไปในห้องของฝ่ายชาย

                ภาพที่เห็นคือณัฐ กำลังล้อมวงรอบโต๊ะพื้นกระจก นั่งอยู่บนหมอนนุ่มสี่เหลี่ยม โดยมีติยากร และธวัชชัยนั่งอยู่ด้วย ทุกคนนั่งหน้าแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ณัฐดูเหมือนจะเมามากกว่าใคร

                เมื่อทั้งสามพากันมองผู้มาเยือน ต่างทักทายเป็นเสียงเดียวกัน

                “อ้าวพักตร์ เข้ามาก่อน ไปไหนมา”

                “ตรงมาที่นี่เลย” ผ่องพักตร์บอกเพื่อนสองคน และหันไปว่ากล่าวเพื่อนอีกคนที่เธอรักเกินเพื่อน

 “อกหักแค่นี้แกถึงขนาดโงหัวไม่ขึ้นเลยหรือไงณัฐ มีอะไรหนักมากนักถึงล่อเหล้าแต่วัน”

ผ่องพักตร์ว่า พลางนั่งข้างชายหนุ่มจงใจกระแทกด้านข้างชายหนุ่มรูปหล่อซึ่งกำลังหน้าแดงกล่ำเพราะฤทธิ์เหล้า ความแรงของการกระแทกทำให้อีกฝ่ายเสียหลัก ณัฐนอนลงกับพื้นทั้งขายังนั่งขัดตะหมาดอยู่ แก้วเหล้าเกือบหก แต่ผ่องพักตร์คว้าได้ทัน ก่อนยกลงกรอกปากตัวเองหมด

                “แหม่...เสียดาย” เธอว่า ติยากรหาแก้วใหม่มาให้เพื่อนสาว แต่อีกฝ่ายดุด่าไม่เกรงใจ

                “นี่พวกแกมาปลอบมันหรือว่ามาชวนกันกินให้มันอาการหนักกว่าเดิม แกเป็นเพื่อนภาษาอะไรวะ เห็นเพื่อนแย่แต่ไม่เตือนเสือกส่งเสริมให้กินเหล้าย้อมอารมณ์ พวกแกนี่เรียกว่าเพื่อนแท้ได้ไง”

                ติยากรชะงักมือที่กำลังรินโซดาใส่แก้วเหล้าให้เพื่อนหญิง เพราะวาจาสั่งสอนค่อนข้างมีเหตุผล การที่ติยากรหยุดการรินมิกเซอร์เสียเฉยๆทำให้ผ่องพักตร์เอ็ดอึง

                “อ้ายติ ช้าทำอะไรวะมือเป็นอัมพาตหรือไง ของฉันออนเดอะร็อค แกนี่ไม่รู้จักจำซะบ้างนะ”

                “กูนึกว่าเอ็งจะมากับพระสั่งสอนซะดิบดี” ธวัชว่า “ที่ไหนได้ หนักกว่าพวกข้าอีตรงแดกเปลืองตรงเล่นเพรียวๆนี่ละ”

                “อ้าวเพื่อนวัช ที่เพื่อนพูดออกมานี่เพื่อนจะเดินกลับ หรือจะนอนไม่รู้สึกตัวอยู่ใกล้ๆเบื้องต่ำของข้าห้ะ วัชเพื่อนรัก” ผ่องพักตร์ขู่ฟ่อ ซึ่งเพื่อนรู้นิสัย ของผ่องพักตร์เรื่องที่ว่า

ปากว่ามือ-ตีน ถึงของอีกฝ่าย ซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนร่วมชั้นกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย

                “แกมาได้ไงพักตร์” ติยากรถาม ณัฐพยายามลุกขึ้น ผ่องพักตร์ดึงอีกฝ่ายขึ้นมาจนได้โดยแรง ซึ่งเขาโงนเงน ด้วยความเมา เขานั่งได้แล้วจึงได้พร่ำบ่นถึงความทุกข์ที่เขามีอยู่ในใจ

                “ฉันไม่ดีตรงไหน เขาถึงไม่มองฉัน แต่ไปมองคนอื่นทำไม ทำไม”

                “ไม่ดีสิ แกน่ะไม่ดีแน่ๆ”ผ่องพักตร์ว่า

เพื่อนชายอีกสองคนที่ยังไม่เมาต่างกระแอมไอ เพราะพวกเขามาช่วยปลอบ แต่ อีกฝ่ายกำลังซ้ำเติม

                “แกไม่เข้าใจพักตร์ แกมันจะเข้าใจอะไรยัยเถื่อน”

                “ถึงฉันจะน่ารักแบบเถื่อนๆไปบ้าง แต่ฉันเข้าใจเพราะฉันรักแก แต่แกยังไม่มองฉัน แล้วยังทะลึ่งไปมองคนมีผัวแล้ว”

                “อ้ายบ้า...”ณัฐผลักผ่องพักตร์ แต่เธอหลบทัน เขาจึงหวืดเสียหลัก โอนเอนจวนล้มเหยียดยาวไปทางข้างหลังของผ่องพักตร์ หญิงสาวปลายหางตามองแล้วขู่ซ้ำลงไปด้วยวาจาหนักแน่นว่า

                “ถ้าไม่รีบลุกล่ะก็ได้กลิ่นถั่วเน่าแน่ เมื่อเช้าฉันอัดใส่ท้องมาซะครึ่งกระป๋อง กับแกล้มที่พวกแกสรรหาดันมีแต่ถั่วคั่วอีก เดี๋ยวเถอะได้เหม็นทั้งห้องกันมั่ง”

                ต่อให้เมาแค่ไหนณัฐยังมีสติพอที่จะรู้ว่าผ่องพักตร์พูดจริง และสามารถตดดังๆต่อหน้าเพื่อนชายได้จริง เขาโพล่งสวนกลับทันที

                “ผู้ชหญิงบ้าอะไรพูดเรื่องตดได้ไม่อายปาก ไม่มีความเป็นผู้ดี ยัยเถื่อน สู้อ้นไม่ได้ อ้นจ๋า ทำไมไม่รักณัฐคนนี้ อ้นจ๋า”

                “นี่เลิกรักยัยอ้น แล้วหันมารักฉันดีกว่าจะได้เตรียมไปสอบๆให้มันเสร็จๆกันไป”

                “ให้รักแกล่ะก็ ฉันแก้ผ้าผึ่งลมเล่นดีกว่า”ณัฐว่าพลางกลั้วเสียงหัวเราะตาหรี่ปรือ

                ผ่องพักตร์กระดกเหล้าเพียวลงคอ ก่อนว่านัยน์ตาขวางไปทางสองเพื่อนชายที่ยังไม่เมาว่า

                “การที่เราจะเตะคนที่เรารักมากนี่ มันไม่น่ามีปัญหากันที่หลังใช่มั้ยวะ ติ วัช”

                “ปัญหามีอยู่แล้ว แกนี่ไงวะ เหล้าเข้าปากทีไรหาเรื่องได้ทุกที”ธวัชชัยส่งข้อกล่าวหาไปให้

“เอ้า ! นี่แกพวกใคร”ผ่องพักตร์แบ่งข้างซะงั้น ทั้งติยากรและธวัชชัยรู้เลยว่าน้ำเปลี่ยนนิสัยเริ่มทำงานตามหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นนักเลงโตได้ทุกครั้งที่เมามาย

“ถ้าแกเตะมันในเวลานี้อ้ายณัฐก็คางเหลืองน่ะสิ ถามหน่อยอ้ายเรือส่งแกมาปลอบใจอ้ายณัฐ หรือจะมาทำร้ายมันกันแน่วะ”

                “สองอย่าง”

                “ฮ้า อ้ายเรือมันคิดหาเรื่องทำร้ายอ้ายณัฐได้ลงคอเลยหรือ”

                “เปล่า” ผ่องพักตร์ว่าน่าเฉย แต่แก้มแดงปลั่ง “เรือมันให้มาปลอบ แต่ข้าหมั่นไส้อยากเตะคนอกหักว่ะ”

                “ทำไม ทำไมต้องซ้ำเติมกันด้วย” ณัฐผงกหัวเถียง “ฉันไม่ดีหรือไง เขาถึงไม่มองฉัน ทั้งที่ฉันรักเขามาตั้งหลายปี”

                “เออฉันก็รักแกเท่าที่แกรักยายอ้นนั่นล่ะ แล้วทีฉันอกหักจากแกฉันยังไม่เห็นต้องอยู่ในสภาพทุเรศอย่างนี้เลยณัฐ ไม่คิดถึงใครก็คิดถึง พ่อ แม่แกมั่ง เขาส่งแกมาเรียน ไม่ใช่มาเมาอย่างนี้”

                “ไอ้เพื่อนบ้า เดี๋ยวชกแม่...ง เลย”

                “อย่าดีแต่ปากเลยวะ อยากต่อยกันก็ได้เดี๋ยวจัดให้” ผ่องพักตร์กระชากไหล่อีกฝ่าย “หรือจะดวนเหล้าให้หงายคาวงกันไปเลย”

                “เหล้าดีกว่า” ติยากร และธวัชชัยรีบรับรองการดวนเหล้ามากกว่าดวนหมัด เพราะทั้งคู่เป็นมวย ที่สำคัญผ่องพักตร์พูดจริงทำจริง แม้จะเป็นเพื่อนถ้าเธอบอกชกก็ชกไม่ไว้หน้าเหมือนกัน ดังนั้นทางปลอดภัยแข่งเหล้าดีกว่า

                “ณัฐ ถ้าแกแข่งกินเหล้าแพ้ฉัน แกต้องเลิกคร่ำครวญแล้วลุกขึ้นมาตั้งใจสอบ แต่ถ้าฉันแพ้ แกจับฉันเป็นเมียแกได้เลย”

                “ตกลง”ณัฐรับคำส่งเดช ไม่พิจารณาผลของการพแพ้หรือชนะ

                ส่วนธวัชชัยและติยากรจ้องมองคนตั้งกฎกติกา ซึ่งพวกเขาเห็นว่ายังมีสติครบถ้วนและเท่าทันว่าผ่องพักตร์ได้เปรียบไม่ว่าแพ้หรือชนะ

ต่อมาเมื่อผ่องพักตร์รินเหล้าลงไปในแก้วให้กับณัฐเต็มปรี่ ณัฐมองแก้วเหล้าแล้วหลับผล็อยโดยไม่ได้แตะแก้วเลยด้วยซ้ำ

                “เสร็จนังพักตร์ มาวัช กินต่อ แล้วนอนมันที่นี่ล่ะ”

                “ต้องให้พวกเราอยู่ด้วยมั้ย”

                “ตามใจเหอะ อยากอยู่หาซังข้าวโพดก็ตามใจพวกแก”

                “ทำไมแกไม่ไล่พวกฉันตรงๆเสียเลยล่ะพักตร์”

                “ขนาดพูดอ้อมแกยังรู้นี่ แหมไม่โง่” ธวัชชัยและติยากร สบตากันแวบหนึ่ง แต่แท้ที่จริงต่างรู้ดีว่า หากเหล้าเข้าปากผ่องพักตร์ในปริมาณพอสมควรเมื่อไหร่ เดี๋ยวผ่องพักตร์ก็หาเรื่องได้ ดังนั้นพวกเขารีบทำเป็นเมา แล้วแกล้งหลับคาโต๊ะตามเจ้าของห้องไปเสียเลย ไม่ต้องมานั่งรอปากแตก เพราะพูดอะไรก็ขวางหูแม่จอมเถื่อนดิบคนที่เวลาเมาได้ที่ ไม่ว่าอยู่ในสถานที่ใด แม้กับพระที่ทำตัวไม่เหมาะสมผ่องพักตร์ก็หาเรื่องได้เช่นกัน

                เวลาผ่านไปโดยในที่สุดผ่องพักตร์ ผุดลุกท่าเหมือนจะกลับบ้าน แต่สุดท้ายเดินไปหาที่นอนบนโซฟาตัวยาว หญิงสาวทิ้งตัวลงโครม ก่อนพึมพำไม่รู้สึกตัว

                “โอ้...ปะป๊า โอ้...หม่าม้า อาหมวยนอนก่อนล่ะนะ ป๋องเตรียมน้ำร้อนให้เจ๊อาบด้วย แล้วอย่าเสือกแอบดูล่ะ เจ๊เชือดมึงทิ้งเป็นขันสองทีแน่”

                ติยากร และธวัชชัยชะเง้อดูว่าอีกฝ่ายหลับแน่แล้วเขาจึงได้ช่วยกันเก็บทำห้อง ให้เรียบร้อย เหล้าส่วนที่เหลือนำไปเก็บยังห้องของพวกเขา เพื่อว่าไม่อยากให้ณัฐดื่มมันอีก ณัฐอกหักจนไม่เป็นอันเรียน แต่พวกเขายังต้องเรียนอยู่ และแต่ละคนเรียนในคณะที่ยากมาก ดังนั้นถ้าเผลอไม่มีสติเตือนตัวเอง ต่างคนต่างรู้ว่าจะเรียนจบยาก

“หามอ้ายณัฐเข้าห้องนอนดีกว่า ไอ้นี่ไม่มีปัญญาลุกเองแน่”

“ยัยพักตร์ล่ะ”ติยากรห่วงเพื่อนหญิง

“แกกล้าใกล้มันมั้ยล่ะติ” ธวัชชัยย้อน ติยากรสั่นหน้าหวือ รู้ฤทธิ์

เพื่อนที่คบเกินหกปีคนนี้ได้ดี

 ธวัชชัยยิ้มแห้งแล้ง ก่อนที่จะหันไปมองผ่องพักตร์ร่วงลงมานอน

แอกกับพื้นก่อนตะกายกลับขึ้นไป นอนพร้อมเตะขาตัวเอง กับปล่อยหมัดไปอีกหนึ่งหมัด

                “ฝันว่าต่อยอ้ายณัฐชัวร์ ปล่อยมันไว้อย่างนั้นล่ะ ยัยพักตร์มันช่วยตัวเองได้” ธวัชชัยตัดสินใจ ก่อนช่วยกันหามคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้อย่างณัฐเข้าไปทิ้งลงบนเตียงใหญ่ในห้องนอน ก่อนที่ทั้งสองแยกย้อยกันไปนอนห้องใครห้องมัน ซึ่ง ทั้งสองพักอยู่รวมกัน เว้นแต่ณัฐซึ่งชอบอยู่ส่วนตัว แต่อยู่ภายในอพาร์ตเม้นต์เดียวกันนั้นเอง

                 เรือธงโทรหาผ่องพักตร์อยู่นานก็ไม่ติด จึงโทรไปหาติยากร ได้ความกลับมาว่า

                “มันมาถึงนั่งดวดเหล้า แล้วก็หาเรื่องพอมันเมาได้ที่มันท้า ระหว่างต่อยกัน กับแข่งกินเหล้า พวกฉันเลยต้องให้มันแข่ง แต่ว่า อ้ายณัฐร่วงไปก่อน ส่วนยัยพักตร์เมาแถไปนอนบนโซฟา บ่นหาพ่อหาแม่มันพึมพำหลับไม่รู้เรื่องแล้ว”

“เออมันหลับไม่รู้เรื่องอย่างนั้นล่ะ อย่าทะลึ่งเข้าใกล้ล่ะ ละเมอร้ายฉิบ”

“รู้...ไปเที่ยวแพมันยังละเมอถีบฉันซะเกือบตกน้ำตาย”ธวัชชัยยังไม่ลืมฤทธิ์ร้ายของเพื่อนคนสวยสุด แต่ก็ร้ายสุดเช่นกัน “นี่เมามากด้วย ท่าทางอกหักไม่แพ้อ้ายณัฐหรอก”

                “แหมเสือกสะแหลนไปเมา น่าโบกด้วยหลังแหวนรุ่นนักเรียนนายเรือนักนะมึง”

                เรือธงคำรามฮึ่มในคอ เพราะผ่องพักตร์เพื่อนที่เขาสนิทที่สุดในผองเพื่อนด้วยกัน สาวคนนี้มักทำเกินคำขอทุกเรื่องไปทีเดียว


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (67 รายการ)

www.batorastore.com © 2024