
ปีกรุ้ง เล่ม 2 (โสภี พรรณราย)
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
ปีกรุ้ง โดย โสภี พรรณราย เล่ม 2
๒๘
รถแล่นออกไป เหมือนพาจิตใจทอรุ้งทะยานไปเบื้องหน้าด้วย
พิสรรค์เป็นคนขับและนั่งอยู่ข้างหล่อน...หล่อนอยากหลีกหนีให้พ้นเขา ให้พ้นจากบ้านวุฒิเลิศ แต่กลับพบทุกค่ำเช้า หล่อนกำมือแน่น จิตใจเจ็บปวด
ดูเหมือนพิสรรค์จะล่วงรู้ ระหว่างขับรถเหลือบมองภรรยาหลายหน
“ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลนะ”
ไม่มีคำตอบ ทอรุ้งกลับกล่าวว่า
“ฉันได้ยินน้องสาวคุณพูดที่โต๊ะอาหาร...”
พิสรรค์ถอนใจยาว...นึกแล้ว ท่าทางของทอรุ้งก็บอกและกำลังโกรธกรุ่น ๆ
“อย่าไปสนใจคำพูดของยายมนเลย”
“ครอบครัวคุณ กำลังมองฉันเหมือนสัตว์ประหลาด ไม่ว่าจะเป็นน้องคุณ หรือคุณแม่” น้ำเสียงบ่งถึงอารมณ์ขุ่นจัด
“รุ้ง...มีผมเข้าใจคุณคนเดียวก็พอ”
“ฉันยังอยู่ในสังคมนะคะ...ปากน้องคุณไม่มีหูรูดเสียด้วย ไม่รู้จะเที่ยวโพนทะนาป่าวประกาศกับใครบ้าง”
“ตราบใดที่คุณยังเป็นเมียผม ยายมนไม่กล้าทำอย่างงั้นหรอก”
ทอรุ้งเหยียดปาก
“กลายเป็นว่า ถ้าเป็นเรื่องเลวร้าย ฉันต้องรับคนเดียว คุณเป็นอย่างไรแม่คุณ น้องคุณไม่มีทางรู้”
ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเหนื่อยหน่าย
“คุณจะให้ผมทำอย่างไร...นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ผมยอมคุณทุกอย่าง และเป็นหนี้บุญคุณที่คุณไม่ประจานผม”
หล่อนเจ็บลึก แต่ยังหัวเราะออกมาได้
“คุณยอมให้ฉันประจานคุณมั้ยล่ะ...ฉันอยากทำจริง ๆ ฉัน...”
“รุ้ง!”
“น้องคุณว่าฉันมีชู้ แม่คุณก็อยากมีหลาน ฉันพยายามไม่คิด...ไม่คิด...คงมีสักวันที่ฉันจะปลดปล่อยพันธนาการบ้าบอออกจากตัวได้สำเร็จ...โดยที่ฉันหวังพึ่งอะไรจากคุณไม่ได้เลย”
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะแคร์กับเสียงอื่นทำไม คุณเป็นคนแกร่ง แต่มาเดือดร้อนกับเรื่องนี้”
ทอรุ้งตาวาว
“อย่าลืมนะคะ ว่าข้อกล่าวหาที่ฉันได้รับ มันฉกาจฉกรรจ์เกินกว่าฉันจะทำหูทวนลมได้”
“คุณบริสุทธิ์ใจซะอย่าง”
“บังเอิญนะคะ ที่คุณไม่ใช่สามีทางพฤตินัยของฉัน ถ้าคุณเป็น...คุณทนไม่ได้หรอก กับคำว่ามี ชู้...ของเมียคุณ!”
พิสรรค์สะอึก แววตาทอรุ้งน่ากลัว จนเขาต้องถอนใจยาว
“ผมจะบอกกับยายมน ให้เลิกพูดถึงเรื่องนี้ เพื่อคุณจะได้สบายใจเสียที”
เป็นการแก้ปัญหาอย่างเดียวที่เขาควรทำ...และทำเพื่อหล่อน
หล่อนหัวเราะเสียงเครียด
“ถ้าชู้ของฉันไม่ใช่คุณกริช...บางทีคุณมนอาจจะยอมยุติง่าย ๆ แต่นี่เป็นคุณกริชซึ่งฉันไปแตะต้องเข้าให้ คุณมนไม่เลิกง่าย ๆ หรอกค่ะ”
“ผมจะลองดู...”
“ลองดู...ชื่อเสียงฉันเสียไปแล้ว จะเรียกคืนในสายตาน้องคุณ แม่คุณได้อย่างไร...”
พิสรรค์พยายามหาทางออก...สมองอย่างเขาไม่เคยจนกับปัญหา เขาต้องแก้ทุกอย่างเพื่อให้ทอรุ้งพอใจ
“งั้นเราย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่กันสองคน”
หล่อนหันขวับ ตาโต
“กับคุณเรอะ...คุณเห็นฉันเป็นอะไร ตุ๊กตาประดับชีวิตคุณ และต้องประดับไปจนตายหรือคะ”
พิสรรค์ขับรถไปเรื่อย ๆ บางขณะเขานึกอยากจอดกลางถนนเสียเฉย ๆ ให้มันสับสนเล่น
ทอรุ้งไม่มีวันเห็นดีกับความคิดนี่ สมองหล่อนมีแต่คำว่า...หย่า...หย่า
“ผมเพียงแก้ปัญหาให้คุณนะ คุณอยู่บ้านไม่สบายใจเราก็ย้ายออกมาอยู่ข้างนอก”
หล่อนส่ายศีรษะ ดวงตาเข้มเครียด
“ที่ผ่านมาคุณแม่คุณเริ่มไม่พอใจแล้ว คุณจะทำให้ท่านเกลียดฉันเพิ่มขึ้นหรือไง”
“ผมคิดว่ามันน่าจะดีสำหรับคุณ”
“ฉันไม่อยากแก้ปัญหา โดยการทิ้งทุกอย่างไป”
“มันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด”
“ง่ายสำหรับคุณคนเดียว” หล่อนเถียง
เขาพยักหน้า
“เอาเถอะ...เอาเถอะ ถ้าคุณไม่อยากย้าย ก็ไม่ต้องย้าย ผมตามใจ”
ทอรุ้งหลับตานิ่ง ๆ หล่อนทราบว่าพิสรรค์พยายามจะทำเพื่อหล่อน เขาน่าจะร้ายกับหล่อนเสียเลย เพื่อการตัดสินใจหย่าจะได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
สุมิตตามาที่บ้านกัญจนศิษฐ์ ในฐานะว่าที่คู่หมั้นของไกร และวางตัวได้น่ารัก หลังอาหารเย็น หล่อนบรรจงปอกผลไม้บริการไกรและพี่ชายของคนรักโดยไม่เคอะเขิน
“จะหมั้นอยู่วันสองวันนี้แล้ว สุเตรียมตัวอะไรหรือยัง?”
กริชถามเมื่อเห็นไกรตั้งหน้าตั้งตาสนใจการกินมากกว่า
สุมิตตายิ้มก่อนตอบ
“ค่ะ...สุไปหาซื้อของกับพี่รุ้ง ดีที่ได้พี่รุ้งไปช่วย หอบจนเกือบหอบกลับไม่ไหว”
“น่าจะให้นายไกรไปช่วย”
“ผู้ชายไม่ชอบช็อปปิ้งหรอกค่ะ”
“คุณไปเรียกคุณทอรุ้ง สามีเขาจะว่าเอานะ”
“ไม่หรอกค่ะ พี่รุ้งเต็มใจไปกับสุอยู่แล้ว”
พูดถึงเรื่องนี้ทำให้หล่อนนึกถึงไกรและพิสรรค์ ที่อยู่ในรถคันหน้า ถามไกรว่า
“สุกับรุ้งยังเจอคุณพิสรรค์กับคุณไกร ไปไหนกันคะ เรากดแตรเรียก เผอิญรถติดไฟแดง เลยตามไปไม่ทัน”
ไกรกลอกตาไปมา...ใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย
กริชมองหน้าน้องชายทันที...
ไปไหนกันเรอะ? ...ก็วิมานเสพสมไงล่ะ!
“อ๋อ...ผมพบคุณสรรค์กลางทาง วันนั้นรถเสีย คุณสรรค์เลยอาสาไปส่งบ้าน”
“คุณพิสรรค์เป็นคนดีนะคะ...มีน้ำใจด้วย ตอนไปเที่ยวพัทยาด้วยกัน ก็มีแต่เรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้ฟัง”
สุมิตตาชม โดยไม่สังเกตสีหน้าไกร
ไกรสบตากับกริช
พี่ชายจะว่าโกรธก็ไม่เชิง สีหน้าบึ้ง ๆ หยัน ๆ ชอบกล
“คุณทอรุ้งเจอสามี เธอไม่ว่าอะไรเรอะ?” กริชถามสุมิตตา
“ไม่เห็นว่าอะไรนี่คะ...เฉย ๆ”
กริชนึกถึงทอรุ้ง รายนั้นอาจไม่ว่าอะไรเลย เพราะมีสุมิตตาอยู่ แต่เขาเชื่อว่า ใจหล่อนต้องเร่าร้อนแทบทนไม่ได้เลยทีเดียว
ไหนจะฝืนใจออกมาช่วยเลือกซื้อของกับสุมิตตาแล้ว ยังพอสามีกับชายอื่นต้องใช้ความอดทนอย่างมาก...
คืนนั้นหลังจากสุมิตตากลับไปแล้ว กริชก็กล่าวกับไกรว่า
“นายไกร ความลับไม่มีในโลกหรอกนะ ถ้าแกยังขืนทำอะไรประเจิดประเจ้อ สุมิตตาจับพฤติการณ์แกได้แน่”
ไกรยักไหล่
“ช่วยไม่ได้นี่ฮะ ถ้ามันจะบังเอิญขนาดนั้น”
“โลกกลม แกยิ่งวิ่งหนี คนอื่นยิ่งรู้”
“พี่กริช...ผมไม่หนีตัวเองอยู่แล้ว แต่จำเป็นเพราะยังอยู่ในสังคม กับสุ...ผมเห็นปัญหาเยอะแยะ เราเข้ากับไม่ได้หรอก...แต่พี่กริชอยากให้ผมหมั้น ผมโอ.เค. อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด พี่กริชต้องเป็นคนรับผิดชอบ!”
“หมายความว่า แกจะคบกับคุณพิสรรค์ไปตลอดชีวิตเรอะ?”
ไกรเหยียดปาก
“ผมให้คำตอบกับพี่กริชไม่ได้หรอกฮะ ความชอบของคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”
“คนอย่างแกมีเมียได้!”
เขาพยักหน้า
“ได้ฮะ...ได้แน่...จะมีกี่คนก็ได้...แต่ผมไม่อยากมี”
“แกอย่าพูดมากเลย อะไรที่แกไม่อยาก ไม่มี ไม่ได้...แกทำได้ทุกอย่าง และทำได้อย่างดีด้วย!”
ไกรไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะเครียด ๆ อยู่คนเดียว
ทอรุ้งแต่งตัวเสร็จ หันมาทางสามี
“คุณแน่ใจเรอะคะ ว่าไม่ไปงานหมั้นคุณไกร?” หล่อนถาม
“วันนี้มีแขกต่างประเทศ ผมต้องพาเขาไปเที่ยว”
หล่อนหัวเราะเยาะ
“คุณทนไม่ได้ใช่มั้ยคะ?”
พิสรรค์สะอึก
“ทำไมทนไม่ได้ ไกรจะหมั้นหมายไม่เกี่ยวกับผมเลย”
“พูดราวกับคุณเลิกติดต่อกับเขาแล้ว?” หรี่ตามองเขาเขม็ง
“แน่นอน...ผมรับปากคุณแล้วนี่”
ทอรุ้งระเบิดเสียงหัวเราะ วันนี้หล่อนแต่งหน้าเข้มกว่าปกติ ทำให้ใบหน้าสวยเด่น แต่ความสวยหามีประโยชน์ต่อผู้ชายเบื้องหน้าไม่
“ฉันเบื่อที่จะบอกกับคุณว่า ฉันกับสุมิตตา เคยพบคุณอยู่ในรถคันหน้ากับคุณไกร เสียดายที่สุขับรถตามคุณไม่ทัน ฉันมาคิดดูมันตลกดี ยิ่งคุณหลบซ่อนมากเพียงไร ฉันกลับพบพวกคุณบ่อยเพียงนั้น”
พิสรรค์กลืนน้ำลายยากเย็น
“เห็นผิดคนหรือเปล่า”
หล่อนหัวเราะเยาะ
“รถคุณเลขทะเบียนอะไร ฉันมีตาเห็น ฉันอาจจำคุณไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าสุจะจำคุณไกรไม่ได้อีกคน”
เขาทำเป็นส่ายศีรษะ
“เอาไว้คุยกันวันอื่นเถอะ...ผมต้องรีบไป นัดแขกไว้แล้ว”
“จะฝากฉันไปพูดอะไรกับคุณไกรมั้ยคะ?”
“คุณทราบว่าควรพูดอย่างไรนี่”
“แสดงความยินดีกับเขา ทั้ง ๆ ที่ใจฉันคัดค้านเต็มที่ ฉันจะช่วยบอกเขาให้ว่า คุณเสียใจ...”
สามีโคลงศีรษะ
“รุ้ง...อย่าทำเป็นเล่นไปสิ...ไปเถอะ...ผมไปส่งคุณที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปตามนัด...”
พิสรรค์ส่งทอรุ้งที่บ้านของสุมิตตา...
ขบวนขันหมาก มาถึงบ้านสุมิตตาก่อนทอรุ้งตั้งนาน หล่อนจึงทักทายกับคนรู้จักไม่กี่คน
สุมิตตาไม่มีเวลามาต้อนรับ ทอรุ้งมองเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ แม้แต่เวลาสวมแหวน หล่อนก็มิได้สนใจมากมาย กลับเดินเตร่ออกมาหน้าสนามบ้าน
หล่อนไม่เห็นด้วยกับการหมั้นครั้งนี้ ใบหน้าทุกคนยิ้มแย้ม มีหล่อนเพียงคนเดียว ที่ยิ้มไม่ออกกับความสุขที่หล่อนทราบว่าไม่สมบูรณ์เลยสักนิด
แก้วน้ำส้มเย็นเจี๊ยบถูกยื่นมาให้เบื้องหน้า
ทอรุ้งเหลือบขึ้นมองคนที่มีน้ำใจ ทว่าผิดคาดที่เป็นเขา
“คุณกริช!”
“ดื่มน้ำก่อนสิครับ”
หล่อนยอมรับมาดื่ม
“ค่ะ...ขอบคุณ...”
“เพิ่งมาเรอะ...สามีคุณล่ะ?”
“เขาไม่ว่างค่ะ...”
กริชพยักหน้า
“ดีเหมือนกันนะ ผมก็ไม่อยากให้คุณพิสรรค์มาในงาน มันกระอักกระอ่วนใจพิกล”
ทอรุ้งค้อน เพราะลืมตัว
“ดูถูกแต่คนอื่น ทีน้องชายตัวเองไม่พูดถึง”
เขาหัวเราะเบา ๆ
“น้องชายผมวันนี้เป็นพระเอก...ผมภูมิใจ...”
หล่อนเหยียดปาก ดวงตาแข็งกร้าว
“พระเอกตายตอนจบ ถ้าฉันไม่เกรงใจพวกคุณ แฉกลางงานแน่”
“คุณไม่มีวันกล้าหรอก!”
“ท้าเรอะคะ?”
“เปล่านะ ผมไม่อยากยั่วให้คุณโมโห บางคนเลือดบ้าเยอะ อาจทำได้จริง ๆ แต่คุณมีเกียรติเป็นถึงภรรยานักธุรกิจใหญ่ ขายหน้าตอนนี้ก็พบผู้คนไม่ได้ตลอดชีวิต”
น้ำเสียงเขาราบเรียบ ทว่าแววตายั่วเย้า ถือดี และถือว่าเหนือกว่าทุกอย่าง
“หมั้นเสร็จแล้ว ผมจะพยายามหาฤกษ์แต่งงานให้เร็วที่สุด...”
ทอรุ้งจ้องหน้าเขม็ง
“คุณบอกฉันทำไม คุณก็รู้ว่าฉันไม่เห็นด้วย”
เขาหัวเราะเบา ๆ
“แต่ผมอยากให้คุณรับทราบ สุมิตตานับถือคุณเหมือนพี่สาว ช่วยน้องหน่อยจะเป็นไร”
เขายั่วหล่อน...ทอรุ้งมีหรือไม่รู้
“คุณ!”
แว่วเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากในบ้าน
“ไม่เข้าไปยินดีกับสุมิตตาหน่อยหรือครับ?”
“ฉันไม่ยินดี แต่ฉันก็ไม่อยากสวมหน้ากากเล่นละครไปกับพวกคุณให้เมื่อยหน้าเปล่า ๆ”
“พูดตรงดี...วันแต่ง อย่างไรก็ต้องเชิญคุณอีก”
“ยังไม่ถึงเวลา อย่าเพิ่งพูดเลยค่ะ”
“มันรวดเร็ว บางทีถึงวันนั้นมันกะทันหัน อาจลืมเชิญคุณ”
หล่อนตาขุ่น
“นี่...คุณกริช...ไม่ต้องเน้นเรื่องแต่งงานให้มากเกินไปหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าคุณต้องการแสดงให้ฉันเห็นว่า คุณชนะฉัน คุณควบคุมน้องชายของคุณได้...แต่คุณลืมนึกไปว่าคุณกำลังจะฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งให้ตายทั้งเป็น”
เขาส่ายศีรษะ
“ผมไม่เคยคิดถึงอะไรที่เลวร้ายขนาดนั้น”
“แต่คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบ!”
กริชหัวเราะ
รับผิดชอบ...พูดเหมือนไกร...
“คุณนี่เหมือนน้องชายผมนะ...คิดอะไรจุกจิก ไม่เข้าเรื่อง การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะประคับประคองชีวิตของตนเอง”
ทอรุ้งเช็ดหน้า
“นี่แหละ...คุณรู้จักก่อแต่ไม่รู้จักจบ ถ้าสุมิตตาเป็นลูกสาวคุณ คุณอาจรู้จักกับคำว่า...เดือดร้อนเสียที!”
ชายหนุ่มยักไหล่ มองทอรุ้งด้วยใบหน้าขบขัน
“คุณเดือดร้อนไปทั่ว ไม่ว่าเรื่องตัวเอง...หรือคนอื่น ผมกลุ้มใจแทนคุณจริง ๆ”
“แกจะออกไปไหน”
กริชถาม เมื่อน้องชายทำท่าก้าวออกจากบ้าน
“กินเหล้า”
“แกเพิ่งหมั้นวันนี้...”
“ทำไมหรือฮะ...หรือมีธรรมเนียมวันหมั้น ผมจะออกไปกินเหล้าไม่ได้...” ไกรทำหน้าไม่พอใจ
กริชยอมหลีกทางแต่โดยดี...
แต่พอรถของไกรแล่นพ้นประตูเท่านั้น กริชก็รีบสตาร์ทรถแล่นตาม
เขาไม่จำเป็นต้องตามติด ๆ ...เดาได้ว่าไกรจะไปไหนจึงขับรถไปล่วงหน้าก่อน
บ้านจัดสรร...
จอดรถรอหน้าหมู่บ้าน จุดบุหรี่สูบ...และรอ
ไม่นานนักก็เห็นรถคุ้นสายตาสองคัน แล่นผ่านไปในหมู่บ้าน
กริชเดาไม่ผิด เขาทิ้งบุหรี่ โคลงศีรษะ ไม้ป่าเดียวกันมันจะวิเศษวิโสแค่ไหน ไกรถึงเสพแล้วเลิกไม่ได้
พิสรรค์...
นึกภาพทอรุ้ง...ภรรยาที่น่าสงสาร...หล่อนควรรู้เห็นพฤติการณ์สามีให้แน่ชัด
มีคนมาร่วมรับรู้เหตุการณ์ด้วย...อาจสนุกกว่านี้
กริชใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก ก็หมุนโทรศัพท์สาธารณะหน้าหมู่บ้านนั้น
คิดถูกหรือเปล่าที่จะบอกหล่อน...
ลังเลเพียงเล็กน้อย แต่ยังกำหูโทรศัพท์
“ขอพูดกับคุณทอรุ้ง...”