บันทึกรักสามฤดู (นางแก้ว)

บันทึกรักสามฤดู (นางแก้ว)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: บันทึกรักสามฤดู
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ภาค วสันต์หรรษา

                        ตอน  นานะ

                        

                โบสถ์ฝรั่งสีขาว สวยงามเหมือนปราสาทเจ้าหญิงในเทพนิยาย ธงหลากสีปักไว้ตามกำแพงปลิวไสวไปตามกระแสลมโชยพัดอ่อนๆไม่ขาดระยะ ทหารแต่งกายด้วยชุดพรางสีเขียวยืนอารักษ์ขาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ

                กลิ่นดอกไม้หอมอบอวล ดนตรีจากเปียโนเสียงใสราวกับระนาดแก้วแผ่วดังด้วยบทเพลงวิวาห์ ในโบสถ์ที่มีลักษณ์แปลกกว่าโบสถ์ทั่วไปมีเก้าอี้ไม้จัดเรียงเป็นระเบียบ ทุกแถวมีแขกเหรื่อนั่งอยู่แน่นขนัด แขกซึ่งเป็นสตรีแม้จะต่างอายุกัน มีตั้งแต่ระดับประถมจนถึงคราวคุณย่า ล้วนแต่ใส่ชุดราตรีสวยสดงดงาม ราวกับว่าทุกคนมาเป็นเจ้าสาวร่วมกัน ส่วนสุภาพบุรุษทุกวัยแต่งกายด้วยชุดงานเลี้ยงสีขาวเต็มยศ แม้แต่เด็กช่างกล ซึ่งไม่ถือไม้ที แต่ถือดอกไม้ พร้อมชุดนักเรียนรักษาดินแดน ยื่นช่อดอกไม้ให้กับเจ้าสาวซึ่งสวมชุดขาว คลุมผมด้วยผ้าลูกไม้ เหน็บกิ๊บเพชรน้ำงามแวววาว เป็นเพชรยอดมงกุฎของราชินี เสียงกระซิบแว่ววา มาจากราชินี ซินเดอเรนล่า

                บาทหลวงคนนี้แต่งกายด้วยชุดนายพลเต็มยศ เหรียญกล้าหาญจากสงครามต่างๆที่ท่านได้ร่วมรบติดสามแถวที่แผงอกด้านสาย สายสะพายพระราชทานเพื่อประกาศเกียรติคุณชั้นสอง บ่งบอกความดีของท่านผู้นี้ เสียงของท่านดังกังวานต่อหน้า นายทหารร่างสูงสง่า สวมชุดพราง ติดเครื่องหมายร้อยตรีทหารบก น่าแปลกใจไม่น้อยที่เจ้าบ่าวทำไมเขาจึงไม่สวมชุดสีขาวเต็มยศเหมือนแขกที่มาร่วมงาน เจ้าบ่าวจับมือเจ้าสาว ซึ่งมิได้เผยแย้มออกมาให้ใครได้ชื่นชม หากเจ้าตัวรู้ดีว่า ผู้มาร่วมงาน หรือแม้แต่นางงามจักรวาลคนล่าสุดก็ไม่สวยงามเท่าตัวเอง เธอมีหัวใจเต้นแรง สูดกลิ่นหอมของดอกไม้เข้าปอดเป็นระยะ ตั้งใจฟังคำปฏิญาณต่อหน้าพระเจ้า ส่วนดวงตาคมสวยที่สุดในโลกจ้องมองเจ้าบ่าวไม่กะพริบ

                “วันนี้เป็นวันสำคัญของชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งมีความรักความผูกพันกันมาด้วยหัวใจรัก ทั้งคู่สาบานต่อหน้าพระเจ้าว่า จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข ทั้งยามเจ็บป่วย หรือยามสุขสบาย มีความรักมั่นต่อกันจนชั่วนิจรันดร ร้อยตรี นาวี  แสงตะวัน คุณจะรับ นางสาวนานะเป็นเจ้าสาวหรือไม่”

                “ไม่รับครับ” เจ้าบ่าวรูปหล่อตะคอกใส่หน้าเจ้าสาวจนน้ำลายกระเซ็น  เสียงของเขาดังมาก การปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อใยทำให้เกิดเสียงครางดังกระหึ่มไปทั้งห้องทำพิธีแห่งนั้น

 ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนกำลังถล่มเพราะคำปฏิเสธจากชายหนุ่มรูปงามดังย้ำเวียนวนนับสิบๆครั้ง

                “ไม่รับครับ ไม่รับครับ ไม่รับครับ ไม่รับครับ”

                โบสถ์แสนสวนพังครืนเหมือนโดนยักษ์เหยียบด้วยสองฝ่าเท้าซ้ำๆ  อา...โหดร้าย โหดร้ายเหลือเกิน

                ป๊อก...

                “อะไรวะ”

                เสียงอุทานดังลั่นมาจากเด็กสาวผมสั้นเรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน เด็กรุ่นหันซ้าย หันขวาและตะโกนถามเอาเรื่อง

                “ใครปาหัวกู”

                “กูเอง”เสียงดังฟังชัดลอยทวนลมมาจากหน้าชั้น ทำให้ นานะ เด็กสาวสั่นหน้าหวือเหลียวขวับกลับไปทางต้นเสียง

เมื่อประสานสบสายตากับอาจารย์ประชำชั้น มอ สาม อายุห้าสิบปี กำลังมองลอดแว่นด้วยความเครียดเต็มสีหน้า ความงัวเงียระหว่างเผลอหลับในชั่วโมงเรียนหายเป็นปลิดทิ้ง

 ริมฝีปากของท่านขยับขึ้นลง สั่งเสียสาวน้อยผู้บังอาจหลับในคาบเรียนภาษาไทยของท่าน

                “ไปยืนฝันหวานคาบไม้บรรทัดหน้าห้องจนกว่าจะหมดชั่วโมงเดี๋ยวนี้ นานะ”

                เด็กสาว สวมชุดคอซอง นิ่วหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อเสียงโห่ และฮา ดังมาจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน และมีเสียงแซว จากเสียงเด็กผู้ชายวัยเดียวกันว่า

                “มันฝันถึงพี่ชายข้างบ้านของมันแหงเลย คนที่เป็นนักเรียนนายร้อย จปร.”

                เชี่ยะ...เด็กหญิงชื่อแปลกด่าเพื่อนที่ไม่อยากนับว่าเป็นเพื่อนคนสนิทในใจ จากนั้นจำยอมเดินก้มหน้าออกไปตามคำประกาศิตของอาจารย์ประจำชั้น ซึ่งเธอโอดครวญในใจว่า น่าจะผ่อนปรนให้หลับอีกสักนิด เพื่อไปแก้ความฝันกลางวันให้มันดีกว่านี้อีกหน่อย อยากฟังเสียงทุ้มๆของพี่ต้น ว่า

            ยินดีรับนานะเป็นภรรยาครับ

โครม เสียงดังมาจากเด็กสาวเมื่อร่างบอบบางเดินชนกรอบประตู

“เอ้า ยังซุ่มซ่ามอีกนะ” อาจารย์ต่อว่าเสียงดัง กำชับว่า “มายืนคาบไม้บรรทัดให้ครูเห็นด้วย จะได้ฟังการสอนให้เข้าหูกันมั่ง”ท่านบ่นยาวพาดพิงไปยังเด็กทั้งห้องไม่เว้นใครสักคน

 “อะไรกันเป็นเด็กไทย ไม่ตั้งใจเล่าเรียนภาษาให้ถูกต้อง จนตกวิชาภาษาไทย ไม่รู้กันหรือไงว่า คนที่ลืมเอกลักษณ์ที่แสนงดงาของชาติ มันก็ไม่ต่างจากลืมต้นตระกูลไทย สำนึกกันมั่งมั้ยว่าเราเป็นเอกราช เป็นชาติไทยกันมาได้ทุกวันนี้นอกจากมีภาษาไทยอันงดงามแล้ว บรรพบุรุษไทยยังต้องรักษาบ้านเมืองด้วยเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องรักษาความเป็นไทยความเป็นเอกราชเอาไว้ นี่พวกเธอคนรุ่นใหม่สำนึกถึงกันบ้างหรือเปล่า หรือไปบูชา ดาราแดนโกเลีย พวก เทยัง เซมาซุก พุงนำนม หรือพ่อเทพเจ้าไอร่อนแมนกันหมดแล้ว”

 เด็กนักเรียนร่วมชั้นแอบชม้ายชายตารวมหัวกันด่านานะในใจ เพราะต่างคิดว่า เด็กหญิงเป็นต้นเหตุให้พวกเขาได้เรียนก้าวกระโดดไปจากภาษาไทย เข้าหน้าประวัติศาสตร์ และท่านยังพาดพิงไปถึงหนังในดวงใจของพวกเขาได้อีก

เด็กสาวร่างสูงโปร่ง บอบบางเดินจ้ำอ้าว ออกจากหน้าประตูโรงเรียน โดยข้างหลังคล้องเป้ปักชื่อตราสัญลักษณ์โรงเรียนชื่อดัง ในหัวใจมิได้รู้สึกสำนึกต่องานที่อาจารย์สั่งให้ทำมากกว่าคนอื่นเลยสักนิด เพราะนานะคิดถึงแต่ ชื่อของพี่ชายข้างบ้าน ป่านนี้คงกำลังขึ้นรถจากโรงเรียนประจำจวนจะถึงป้ายรถเมล์ปากซอยเข้าบ้านแล้ว ถ้าเธอไปทัน ถ้าเธอจะเร่งเท้าให้เร็วกว่านี้ ถ้าเธอจะ...

“อีนะ”

เสียงห้าวดังมาจากข้างหลัง นานะจำได้แม่นยำว่าเสียงใคร แต่เธอไม่สนใจที่จะหยุดเท้า เธอกำลังรีบ และรีบเพื่อไปให้ทันรถเมล์ที่จะเข้ามาเทียบศาลาผู้โดยสาร

แน่นยังกับโรงทาน นานะคิด เพราะนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกับเธอทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างมายืนออกันมากมาย จนนานะอยากวาดภาพให้ทุกคนกลายเป็นกองกระดาษ แล้วปลิวไปในสายลม เพื่อว่าศาลาที่พักแห่งนั้นจะเหลือเพียงเธอ และ..

“อีนะ”

แมร่งเอ๊ย...ทุกคนเรียกนานะ มึงดันมาเปลี่ยนกูเป็น’ อีนะ’ เธอคิดด่าผู้ที่เรียกจิกกระหม่อมถึงสองครั้ง

“ถ้าไม่หยุด กูจะขว้างมึงด้วยรองเท้าคู่นี้ ใส่ผิดแล้วยังไม่เสือกรอกูอีก”

นานะก้มมองที่เท้าของตัวเองทันใด...อ้า พระเจ้าช่วยกล้วยตากแห้ง ข้างขวา คิตตี้ ข้างซ้าย ซีซี ช่างเป็นไปได้ยังไงกัน ขณะที่เด็กรุ่นกำลังฉงนกับความสามารถของตนเองอยู่นั้น เพื่อนชายของเธอโยนรองเท้าผิดข้างเข้าใส่เด็กสาว นานะรีบกระโจนหนี เพราะหาไม่รองเท้าข้างนั้นจะต้องโดนหน้าอก หรือท้อง หรือไม่อาจจะเป็นหน้าสุดแสนน่ารักของเธอก็เป็นได้

เธอหันไปย้อนถามอาคม ด้วยท่าทางมึนๆว่า

“กูใส่ของใครมาละ”

“เด็กกูดิ มึงนี่อัฟเฟรด อะเฟรดสุดๆ”

“ใครรับกูไม่ได้ก็ช่าง ขอให้พี่ต้นรับกูได้ก็พอ”เด็กมอสาม ตอบรับอย่างไม่มีท่าทีปิดบัง อาคมฟังแล้วทำหน้าเหมือนเหม็นของเน่า เอ่ยดูแคลนเพื่อนร่วมห้องว่า

“อิมมาก” เพื่อนทับถมด้วยคำแสลงว่า ‘เป็นไปไม่ได้’

“แต่ตอนเป็นเด็กเขาเคยอาบน้ำให้กูนั่นละ ยิ่งกว่าอิมพอสสิเบิ้ลอีก”

“กล้ามากนะ กล้าพูดว่าโดนมองจิ้มลิ้มไปแล้วยังเสือกมาอวด มึงคิดอะไรของมึงเนี่ยนานะ”

“กูก็ต้องคิดละ ผู้ชายมาอาบน้ำให้กูได้เนี่ย เขาต้องมีใจให้กูมั่งล่ะ”

อาคมเกาหัวแกรก ไม่อยากใส่ใจความฝันของน่านะมากไปกว่าอยากรองเท้าของแฟนของเขาคืน เด็กรุ่นหนุ่มค้อมกายลงไปทำท่าจะถอดรองเท้า แต่นานะถอดออกมายื่นให้เสียก่อนจึงจ่อหน้าอาคมพอดี เขาต่อว่าเด็กหญิงทันทีเช่นกัน

“หาความเป็นผู้ดีไม่ได้เลยนะมึง”

“กูเป็นได้ทีทีไป ตายห่ารถมาแล้ว ตาย ตาย ตาย อาจารย์แม่กูตายแน่” นานะอุทานอย่างตกใจเหมือนกับว่ารถเมล์คันดังกล่าววิ่งตะแคงข้างมาก็ไม่ปาน

อาคมมองรองเท้า แล้วมองนานะ พลางบ่นออกมาว่า

“ผิดทั้งยี่ห้อทั้งไซส์ แมร่งยังใส่มาได้ นังนอยเอ๊ย” พูดจบ อาคมก็เดินถือรองเท้าเจ้ากรรมกลับไปใส่ให้ ปู๊ หรือหมายถึงแฟนนั่นเอง

                 รถเมล์มาจอดริมฟุตบาท แม้จะมีการเข้าแถวแล้ว แต่ทุกคนก็เร่งรีบอยู่ดี หลังจากประตูปิด ผู้โดยสารก็เข้าไปอัดแน่นในรถคันนั้นรวมทั้งนานะที่โดนเบียดจากผู้ชายมาดดี เด็กสาวไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งรถผ่านมาได้ระยะหนึ่ง เธอรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างชนที่ก้นเธอ ครั้งแรกรู้สึกนิดเดียว ครั้งที่สอง แนบเข้ามาแน่นนานะเหลียวไปมองผู้อยู่ข้างหลัง อีกฝ่ายก้มมามองเด็กสาวแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นานะนึกในใจ ไม่แสดงท่าทีอะไรเธอเกาะราวยึดข้างบน มือแกะบางอย่างจากขอบกระโปรง  

             รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ นานะยังรู้สึกว่าโดนคนวิตถารเอาบางอย่างมาชน เด็กสาวกัดริมฝีปากแน่นแล้วเอามือข้างที่ว่าซ้อนไปข้างหกลังแล้วกระแทกใส่บางสิ่งเต็มแรง

                “โอ๊ย ย ย ย ย ย”ชายผู้อยู่ข้างหลังร้องลั่นเหมือนโดนเชือด แต่แท้ที่จริงคือโดนเข็มหมุดป้องกันภัย ซึ่งนานะประดิษฐ์เองสำหรับการป้องกันตัว วันนี้แล้วได้ใช่จริง

                “เธอ...”อีกฝ่ายกุมเป้า ตัวงอ นานะตะคอก

                “วิตถารเลือกที่หน่อยดิ อยากโดนมากกว่าเข็มป่ะ”เธอประจานเสียงดังมาก รถจอดป้าย เจ้ามนุษย์หนักโลกรีบเดินลงไป ก่อนที่คนในรถทั้งคันจะรุมประชาทัณฑ์เสียก่อน

รถแล่นไปตามเส้นทางรถประจำทาง ซึ่งเป็นเลนพิเศษกระทั่งจอดป้ายที่นานะต้องลง เด็กสาวก้าวลงจากรถโดยเร็ว จากนั้นรีบซอยเท้าเพื่อไปให้ถึงซอยทางเข้าบ้าน จากนั้นสายตาคู่ซนกลมแป๋วของเธอกวาดหาร่างสูง ซึ่งทำให้เธอเก็บมาฝันจนโดนลงโทษทำรายงานภาษาไทย

กวาดไปหลายรอบ นานะก็ยังไม่เห็นพี่ต้นกล้าของเธอ เด็กหญิงรู้สึกว่าความรีบร้อนของเธออาจจะสูญเปล่า  แต่กำลังใจเท่านั้นที่ทำให้นานะเข้มแข็ง เธอบอกตัวเอง พลางโบกมือเรียกรถมอเตอร์ไซค์ให้มารับ รถออกคิวได้รวดเร็ว นานะต้องนั่งเข้าซอยทุกวัน จากนั้นเธอจึงต้องลัดเลาะไปตามทางเพื่อไปบ้านริมคลองของตัวเอง

“โอ๊ย พี่เร็วหน่อยเร็วหน่อย”นานะตบหลังรถรับจ้าง อีกฝ่ายได้ยินเด็กหญิงร้องเอะอะก็ตกใจหันหน้ามาถามทำให้รถเกือบเสียหลัก ต้องรีบหันกลับไปมองเส้นทางอีกครั้ง

“เป็นอะไรไปน้อง ร้องเหมือนโดนท่อ”

“ตามรถไปตีคู่คันหน้าได้มั้ย พี่ชายหนูนั่งซ้อนท้ายเบอร์สองสามนั่นไง”

“อ๋อนักเรียนนายร้อย กิ๊กกันหรือไง แล้วกั๊กกันหรือยังล่ะ”

“พี่ก็อย่าเพิ่งเอาหมาออกจากปากตอนนี้ดิ”

คนขับไม่ถือสา เพราะเห็นเป็นวาจาล้อเลียนกันตามปกติของคิวรถ ซึ่งสมัยนี้แม้จะเรียกชื่อพ่อแม่แทนเรียกชื่อตัวก็ไม่มีใครถือกัน เขาเร่งเครื่องไปตีคู่รถคันหน้าตามใจผู้โดยสาร จากนั้นปากที่นานะว่ามีสุนัขขังอยู่ก็ทำหน้าที่พ่อสื่อ

“เฮ้ยน้อง กิ๊กน้องเขาตามมาแล้วแน่ะ ไปทำอะไรกันไว้หรือเปล่า”

นาวีหันมาตามเสียง เพราะโดนพาดพิงในทางไม่ดี ทั้งคำว่ากิ๊ก และประโยคที่ว่า ทำอะไรกันไว้ นาวี หนุ่มหน้าตาหล่ออย่างที่ลงในกลุ่มเฟซบุ๊คนายร้อยน่ารัก มองมาที่นานะ เด็กหญิงยกมือไหว้อีกฝ่ายแสนสวย แล้วทักว่า

“กลับมานานแล้วหรือพี่ต้นกล้า”

“เพิ่งกลับ” เขาตอบเบา เพราะกฎระเบียบห้าม แสดงกิริยา หรือส่งเสียงรบกวนผู้อื่น

“เหนื่อยมากมั้ย”นานะตะโกนด้วยความห่วงใย แต่นาวีไม่พูดอะไรออกมาอีก คนขับรถรับจ้างจึงพูดกับนานะว่า

“อย่าไปสนใจเลยน้องท่าทางเขาไม่เป๊กน้องเลย”

นานะไม่พูดว่าอะไรปิดปากปิดคำจึงโดนแซว

“ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียว แค่นายร้อย จบมาก็ต้องยืนตะเบ๊ะ ไร้อิสระ สู้มอ’ไซค์ไม่ได้ เป็นธุรกิจส่วนตัวไม่มีเจ้านาย”

นานะไม่โต้ตอบอะไร ถึงเธอจะอายุเพียงสิบสี่ปี แต่เธอคิดออกว่า อาชีพที่โดนเปรียบเทียบนั้น สิ่งไหนมีความก้าวหน้า และสิ่งไหนหาความมั่นคงยาก

“จอดพี่”นานะบอก รถจึงจอดคู่กัน คนขับรถมองหน้าบ้านหลังใหญ่สองชั้น ประตูรั้วเหล็กกว้าง มองเข้าไปมีรถยนต์จอดไว้ที่โรงจอดรถ ซึ่งมีขนาดกว้างจอดได้สาม-สี่คัน

“เอ้า ได้เสียกันแล้ว หรือน้อง”

“ออกมาเป็นครอกแล้วหมา” นานะสวนอีกฝ่าย ล้วงกระเป๋ากระโปรงหยิบกระเป๋าใบเล็ก เปิดกระดุมส่งแบงก์ยี่สิบให้อีกฝ่าย ซึ่งยังปากไวไม่เลิก

“อะไรนะมีลูกเป็นครอกกันแล้วหรือ”

“หนูหมายถึงปอมในปากพี่น่ะ ไปนะ ขอบคุณค่ะ”เธอเอ่ยปากบอกอย่างมีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย จากนั้นรีบสาวเท้าไปเดินเคียงข้างร่างสูง ซึ่งทำให้นานะดูตัวเล็กเหมือนเด็กไม่เจริญอาหารไปทันที

เมื่อไปเดินใกล้ ต้นกล้าตำหนิเด็กหญิงว่า

“อย่าตะโกนกลางถนนอีกรู้มั้ย”

“คนมันดีใจ เก็บเอาไว้ไม่อยู่”

“เอาเวลาไปอ่านหนังสือไป๊”

นาวีดุ ท่าทางเอาจริง จากนั้นเลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่ ส่วนนานะเดินต่อไปอีกจึงถึงเรือนแยกหลังเล็ก ทั้งสองอาศัยในบริเวณบ้านเดียวกัน แต่อีกคนเป็นลูกเจ้าของบ้านใหญ่ และเด็กหญิงเป็นลูกสาวของผู้ที่อาศัยทางออกจากบ้านหลังใหญ่หลังนี้นั่นเอง!!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024