ฤทธิ์รักเมียบำเรอ (กัสวาร์)

ฤทธิ์รักเมียบำเรอ (กัสวาร์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ฤทธิ์รักเมียบำเรอ
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

“นี่ดา...เธอดูผู้ชายที่อยู่โต๊ะขวาสุดคนนั้นสิ จ้องหน้าเธอตาเป็นมันเชียว” เจ้าของชื่อดังกล่าวพุ่งสายตาไปยังตำแหน่งที่เพื่อนสาวบอกก็เจอกับนัยน์ตาคมกล้าจ้องมาก่อนแล้ว ถึงแม้เขาจะนั่งอยู่ในมุมค่อนข้างสลัว แต่เธอก็มองเห็นเปลวปรารถนาฉายออกมาจากดวงตาของเขาชัดเจน

“สงสัยจะหลงเสน่ห์แม่ดาหลาของเราเข้าแล้วล่ะ” เลอมานกระเซ้ายิ้มๆ ทำให้คนถูกมองถอนสายตากลับมาอย่างไม่สนใจอีก

“หลงยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะแม่ดาหลาของเรากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับไฮโซหนุ่มรูปงามนามว่าสิรภัทร จริงไหมจ๊ะ” ชนรดียื่นหน้าเข้าไปล้อเลียนเพื่อนรักพร้อมทำตาปริบๆ

“แต่ดาว่าเขามองโต๊ะข้างเรามากกว่านะ ไม่เชื่อลองหันไปดูสิ” สาวสวยบุ้ยปากไปด้านข้าง สองสาวจึงมองตามและภาพที่ได้เห็นคือหญิงสาวในชุดกระโปรงรัดติ้วเห็นสัดส่วนชัดเจนกำลังโปรยยิ้มหวานเชิญชวนชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นอย่างไม่สนใจสายตาใคร

“จริงด้วย หล่อนมองผู้ชายแทบจะกลืนกินทั้งตัวเชียวล่ะ” ชนรดีเห็นกิริยาของสาวคนนั้นแล้วเบ้ปาก

“อย่าไปสนใจคนพวกนี้ดีกว่า แค่คลำไม่มีหางมันก็เอาหมดนั่นแหละ เพราะท่าทางผู้ชายก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน”

คำพูดของเลอมานทำให้กนกดารินทร์มองไปยังผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แล้วหัวใจของเธอก็ต้องกระตุกวูบอย่างไม่ตั้งตัว เมื่อประสานสายตากับเขาเข้าอย่างจัง เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าหนุ่มต่างชาติหน้าตาหล่อเหลาคนนี้มีพลังดึงดูดต่อเพศตรงข้ามสูงมาก แต่ไม่ใช่สำหรับเธอแน่นอน

“เสียดายที่เนตรไม่ยอมมาด้วย” ชนรดีกล่าวถึงเพื่อนในกลุ่มอีกคนที่พยายามโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ยอมมาเปิดหูเปิดตาด้วยกัน

“รายนั้นอย่าไปพูดถึงเลย ต่อให้ชวนจนปากฉีกก็ไม่มาหรอก ยิ่งหมู่นี้เห็นบ่นไม่ค่อยสบายด้วย บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา” เลอมานเหน็บแนมหากน้ำเสียงกลับเจือไปด้วยความเป็นห่วง

“ดาว่ากลับกันดีกว่า รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ ยังไงไม่รู้” ว่าที่เจ้าสาวเอ่ยชวนพลางเหลือบมองไปยังมุมนั้นอย่างเผลอๆ และก็เจอกับสายตาคู่นั้นมองอยู่ก่อนแล้วตามเคย

‘มองอะไรนักหนานะ’ เธอค่อนขอดในใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะเบนสายตาไปยังเวทีด้านหน้าที่วงดนตรีกำลังบรรเลงบทเพลงจังหวะเร้าใจ

“ได้ไงดา อย่าลืมว่าวันนี้เรามาเลี้ยงส่งยัยชนไปเรียนต่อเมืองนอก ถ้ายังไม่ได้แดนซ์กระจายหน้าเวที ฉันยังกลับบ้านไม่ได้หรอก” เลอมานให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“งั้นก็รีบไปแดนซ์สิจ๊ะ แม่สาวหางเครื่อง” ไม่พูดเปล่าชนรดีก็ลุกขึ้นฉุดแขนเพื่อนรักออกไปหน้าเวทีที่มีบรรดานักท่องราตรีทั้งหนุ่มสาวกำลังวาดลวดลายกันอย่างสนุกสนานและไม่ลืมตะโกนบอกเพื่อนรักอีกคน

“ดานั่งรออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวชนกลับมา”

อังเยลา กนกดารินทร์ วัชรทศพร หรือ ดา สาวสวยนัยน์ตาสีทองคมหวานลูกครึ่งไทยเบลเยียมวัยเบญจเพสพยักหน้าเป็นเชิงรับ แล้วเลิกสนใจสายตากรุ้มกริ่มของผู้ชายรอบข้างที่พยายามยื่นไมตรีมาให้ ความจริงเธอไม่อยากมาเที่ยวสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ขัดใจเพื่อนไม่ได้จึงจำใจต้องมา แม้จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผับไฮโซที่มีแต่คนรวยๆ เข้ามาเที่ยว แต่มันก็เสียงดังและค่อนข้างวุ่นวาย ทะเล ภูเขา จึงเป็นสถานที่โปรดปรานของเธอมากที่สุด

“ขอโทษนะครับ คุณผู้ชายโต๊ะนั้นฝากมาให้ครับ” บริกรหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพพร้อมยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้ กนกดารินทร์มองไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายบอกก็เห็นผู้ชายคนเดิมยกแก้วเหล้าขึ้นตรงหน้า เธอเม้มปากอย่างขัดใจก่อนจะเมินสายสายตาคู่นั้นมองกระดาษที่ยังค้างเติ่งกลางอากาศด้วยสายตาเรียบเฉย

“ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่สนใจก็ตัดปัญหาด้วยการวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินจากไปทำหน้าที่ของตน ดวงตาสีทองหลุบมองกระดาษที่วางนิ่งอยู่ตรงหน้าราวกับเป็นอากาศธาตุและไม่คิดจะหยิบขึ้นมาอ่านสักนิด เธอปล่อยมันไว้อย่างนั้นแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ คิดว่าเสร็จธุระแล้วจะชวนเพื่อนกลับบ้าน เหมือนรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างที่ไม่ค่อยดี

 

 

“คุณกล้ามากที่ปฏิเสธผม” ชายหนุ่มคำรามอย่างดุดัน มือใหญ่ยกแก้วบรั่นดีราคาแพงขึ้นกระดกทีเดียวหมดแก้ว เพื่อดับอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจ ดวงตาสีเหล็กวาวโรจน์ราวกับโกรธใครมาสิบชาติ เมื่อเห็นเธอไม่สนใจแม้แต่จะอ่านข้อความของเขา อย่าว่าแต่อ่านเลยเธอยังไม่คิดจะแตะต้องมันด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สวมทับด้วยแจ็กเกตสีน้ำตาลลุกจากโต๊ะเดินตามหลังเธอไปยืนกอดอกพิงผนังหน้าห้องน้ำอย่างรอคอย

ทางด้านหญิงสาวหลังจากทำธุระเสร็จก็สำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจกในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เมื่อมีความรู้สึกว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน เธอหันไปมองข้างหลังก็ไม่เห็นมีสักคน แต่พอหันกลับมาเท่านั้นก็ต้องผงะด้วยความตกใจ

“คุณ!” ร่างเพรียวบางเห็นแววตาที่ทอดมองมาแล้วก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่คิดว่าจะเป็นความบังเอิญที่ได้เผชิญหน้ากับเขาตรงๆ จึงคิดจะเดินหนี แต่ร่างสูงใหญ่กำยำตามแบบคนตะวันตกก็ขยับมาขวางทางเอาไว้

“จะรีบไปไหนล่ะครับ อยู่คุยกันก่อนสิ” หนุ่มต่างชาติเอ่ยถามเป็นภาษาสากล ดวงตาสีเหล็กที่จ้องมองเธอบ่งบอกบางอย่างที่ทำให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเธอตื่นตัว

“แต่ดิฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” กนกดารินทร์ตอบกลับไปด้วยภาษาเดียวกัน ก่อนจะหลบมาทางขวาและก้าวไปข้างหน้า แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าข้อมือเอาไว้อย่างถือวิสาสะ

“เอ๊ะ! คุณมาจับดิฉันไว้ทำไมคะ”

“คุยกับผมก่อนสิครับคนสวย” เขายืนยันเจตนาเดิมด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจอยู่ในที

“กรุณาปล่อยดิฉันด้วยค่ะ” สาวสวยพยายามบอกอย่างใจเย็นและพยายามบิดข้อมือให้หลุดจากพันธนาการ ทว่าเขายิ่งบีบแน่นราวกับคีมจนเธอรู้สึกเจ็บ “ปล่อยนะ!”

“ผมไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่งกับผม โดยเฉพาะผู้หญิง” คำตอบของเขาทำเอาสาวสวยอารมณ์คุกรุ่น นอกจากเขาจะไม่มีมารยาทแล้วยังพูดจากวนประสาทอีก

“ถ้าไม่ชอบก็ปล่อยดิฉันสิคะ” เธอจ้องหน้าประสานดวงตาสีเหล็กของเขาไม่หวั่นเกรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายยอมปล่อยข้อมือของเธอ

“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่ออยากปล่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมต้องลงโทษคุณก่อนที่กล้าปฏิเสธผม” ใบหน้าคมคายกดยิ้มมุมปากและก้มเข้ามาใกล้ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยเข้าจมูกทำให้สาวสวยเบือนหนีอย่างรังเกียจ

“แล้วคุณเป็นใครดิฉันถึงปฏิเสธไม่ได้ อย่าสำคัญตัวเองนักเลยค่ะ”

“ผมเป็นใครไม่สำคัญ แต่ถ้าผมอยากได้อะไรผมต้องได้ แล้วตอนนี้ผมก็อยากได้คุณขึ้นเตียง” ชายหนุ่มบอกไปตามตรง ตั้งแต่เห็นหน้าเธอแวบแรกร่างกายของเขาก็เกิดปฏิกิริยา อยากครอบครองเธอขึ้นมาทันที อยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัสทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างขาวเนียนว่าจะหวานล้ำแค่ไหน

“ดิฉันมาพักผ่อนกับเพื่อน ไม่ได้มาเพื่อให้ใครหิ้วหรือหิ้วใครเข้าโรงแรม กรุณาทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะคะ”

“คุณต้องการเท่าไหร่สำหรับคืนนี้ หนึ่งแสนหรือสองแสน แต่ถ้าคุณทำให้ผมมีความสุขและพึงพอใจ ผมยินดีจ่ายเพิ่มให้ไม่อั้น”

“คุณ!” ข้อเสนอนั้นทำให้หญิงสาวสะอึกและนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มือบางข้างหนึ่งกำเข้าหากันแน่นด้วยความโมโหอย่างรุนแรง เขาดูถูกเธอด้วยการยื่นข้อเสนอให้ไปเป็นที่ระบายความใคร่บนเตียงทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก และเธอก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊เปลือยอวดสัดส่วนมาอ่อยใคร อยากรู้นักว่าเขาเอาสมองส่วนไหนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัว

“ว่าไงครับ ไม่ทราบว่าเงินที่ผมเสนอมันเพียงพอที่จะทำให้คุณอยู่บนเตียงกับผมคืนนี้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าน้อยไปสำหรับสาวสวยอย่างคุณก็เสนอมาได้ บ้าน คอนโดฯ หรือว่ารถยนต์หรูๆ สักคัน”

คนที่อยากมีสาวสวยเอาไว้แก้เหงาคืนนี้ถามย้ำและพยายามโน้มน้าวเธอด้วยข้อเสนอที่ไม่เคยให้ใครมาก่อน ตามแบบฉบับเพลย์บอยหนุ่มจอมเจ้าชู้ที่สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น

“มันมากเกินไปด้วยซ้ำค่ะ แต่น่าเสียดายที่คุณเสนอให้ผิดคน เพราะของพวกนี้ดิฉันมีหมดทุกอย่างแล้ว” กนกดารินทร์ตอบอย่างใจเย็นและนับหนึ่งให้ถึงสิบในใจอย่างอดทนอดกลั้น แม้จะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าที่โดนชายหนุ่มแปลกหน้าหมิ่นศักดิ์ศรี แต่ก็พยายามเก็บอาการนั้นเอาไว้ข้างใน

“ถ้างั้นก็แค่สนุกกันชั่วคราว ผมรับรองว่าจะทำให้คุณมีความสุขและครางไม่หยุดตลอดเวลาที่นอนอยู่ใต้ร่างผม...” สิ้นคำดูถูกนั้นใบหน้าคมสันที่เขียวครึ้มไปด้วยเคราสากระคายก็สะบัดเต็มแรง เพราะแรงตบของคนตัวบางมันเกิดจากความโกรธมหาศาลที่ปะทุขึ้นข้างใน

“เลว! หยาบคายที่สุด” หญิงสาวตะเบ็งเสียงใส่หน้าเขาด้วยความโมโหสุดขีด เกิดมาจนอายุยี่สิบห้ายังไม่เคยเห็นใครหน้าด้านหน้าทนและพูดจาดูถูกผู้หญิงได้มากเท่านี้สักคน

ดวงตาสีเหล็กจ้องเจ้าของลายนิ้วมือบนใบหน้าพลางขยับกรามบรรเทาความเจ็บ ก่อนจะใช้พละกำลังที่เหนือกว่าดันร่างบางเข้าไปชิดผนังหน้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจนักท่องราตรีที่ผ่านมาเจอเข้าพอดี

“นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!” คนเสียเปรียบพยายามดิ้นรนและใช้มืออีกข้างที่ว่างช่วยเหลือตัวเอง แต่ร่างแกร่งดุจหินผาก็ตรึงเธอไว้กับผนังจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ แถมยังใช้มือแข็งแรงยึดข้อมือของเธออีกข้างเอาไว้ด้วย ส่งผลให้เพชรเม็ดโตที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายเปล่งประกายวิบวับยามต้องแสงนีออน

“มีเจ้าของแล้วงั้นหรือ?” คิ้วเข้มที่พาดเหนือดวงตาสีเหล็กขยับเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะคลายออกพร้อมหยักยิ้มมุมปากเมื่อความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในสมอง “ความจริงผมไม่ชอบยุ่งกับสมบัติของใครสักเท่าไหร่ แต่สำหรับของชิ้นนี้ขอยกเว้นก็แล้วกัน”

“อย่าทำ...” ถ้อยคำอุทธรณ์ขาดหายเมื่อเขาก้มลงมาปิดปากเธอด้วยริมฝีปากอันร้อนรุ่ม บดเร้าเคล้าคลึงกลีบปากนุ่มด้วยจุมพิตหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ ดวงหน้าสวยหวานส่ายหนีพลางเม้มปากเข้าหากันแน่นไม่ให้เขาแทรกลิ้นรุกล้ำเข้าไปภายในง่ายๆ

แต่ด้วยชั้นเชิงรักเหนือกว่าบวกสัมผัสค่อนข้างเอาแต่ใจคล้ายลงทัณฑ์ของฝ่ายชายก็ทำให้คนด้อยประสบการณ์รู้สึกเจ็บแปลบตรงปาก จนเรียวปากอิ่มเผยอออกให้ลิ้นอุ่นสอดเข้าเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็ก ดื่มด่ำน้ำผึ้งหวานอย่างกระหายและจาบจ้วงดุดันอยู่ในที ส่งผลให้คนร่างบางหมดเรี่ยวแรงต่อต้านปล่อยให้เขาจูบตามใจปรารถนาและหากเขาไม่ถอนปากออกเธอก็คงจะขาดใจตายเพราะจุมพิตเร่าร้อนของเขาอย่างแน่นอน

“รสชาติของคุณก็เข้าท่าดีนะ ถ้าไม่มีเจ้าของคืนนี้อาจจะมีอะไรสนุกๆ ทำมากกว่าจูบ” เสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหูทำให้สติของคนที่ยืนตะลึงเพราะเหตุการณ์อุกอาจเมื่อครู่ถูกเรียกกลับมา ฝ่ามือเรียวเล็ก แต่หนักเอาการปะทะใบหน้าคมคายด้วยความโมโหสุดขีด ก่อนจะอาศัยช่วงนั้นผลักร่างสูงใหญ่ออกห่าง แล้ววิ่งกลับเข้าไปข้างในทันที

ชายหนุ่มไหวไหล่พร้อมหยักยิ้มมุมปากอย่างพึงใจกับรสจูบหวานละมุนจากเรียวปากนุ่มของเธอ ปกติเขาไม่นิยมคนที่มีเจ้าของ แต่คราวนี้ถือเสียว่าเป็นคราวซวยของเธอก็แล้วกันที่เกิดมาสวยสะดุดตาเขา หนึ่งจูบหวานๆแลกกับการเจ็บตัวถือว่าไม่คุ้มเอาเสียเลย

“ถ้าไม่มีเจ้าของเราน่าจะได้รู้จักกันมากกว่านี้คนสวย” เขาคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจพลางไล้ปลายนิ้วตามริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา ซึมซับรับเอาความหวานที่ยังติดค้าง แม้ว่าจะมีผู้หญิงคอยปรนเปรอความสุขให้มากมายแต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงและรุ่มร้อนได้มากเท่าเธอ

“จะกลับเลยหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติ ชายหนุ่มต่างชาติอีกคนก็เดินเข้ามาถาม

“นายเห็นผู้หญิงคนเมื่อกี้แล้วใช่ไหมเอียน” เขาไม่สนใจคำถามขณะมองตามร่างเพรียวบางของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีโอลด์โรสพ้นรัศมีสายตา

“คุณเวลล์มีอะไรให้ทำหรือเปล่าครับ” เจ้าของชื่อรับคำพร้อมถามถึงความการของเจ้านายหนุ่ม

“ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน และต้องการด่วนที่สุด”

“ครับ” อีวานรับคำสั้นๆ และมองแผ่นหลังของเจ้านายหนุ่มที่เดินตรงเข้าไปข้างในด้วยความหนักใจและเห็นใจผู้หญิงคนนั้นอยู่ไม่น้อย ถ้าผู้ชายคนนี้เกิดต้องการอะไร เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เพราะคำว่า ‘ไม่ได้’ ไม่เคยมีในพจนานุกรมของเขา

 

 

กนกดารินทร์เดินกลับมายังโต๊ะด้วยใบหน้าบึ้งตึงและโกรธเคืองเป็นที่สุด มือเรียวบางก็ยกขึ้นถูริมฝีปากตัวเองไปมาอย่างนึกรังเกียจ คิดแล้วก็เจ็บใจนักที่เสียจูบแรกในวัยสาวให้ผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม เขาเป็นใครถึงได้กล้ากระทำการอุกอาจถึงเพียงนี้ ขนาดว่าที่เจ้าบ่าวของเธอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กยังไม่กล้าจูบ อย่างมากก็ได้แค่จับมือถือแขนและหอมแก้มเป็นบางครั้งเท่านั้น

“หายไปไหนมายายดา ชนกลับมาที่โต๊ะไม่เจอเป็นห่วงแทบแย่รู้ไหม” ชนรดีเห็นเพื่อนเดินเข้ามาก็รีบลุกเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะช่วยประคองมานั่งลงบนโซฟาตัวนุ่ม

“นั่นสิ แล้วปากไปโดนอะไรมา ทำไมถึงได้บวมเจ่ออย่างนั้น” เลอมานหรี่ตามองอย่างสงสัย แม้แสงไฟสลัวแต่ก็พอมองเห็นว่าไม่ปกติ

“อะ เอ่อ...มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชนจนหน้าดาไปกระแทกกระจก แถมไม่ยอมขอโทษสักคำ เจ็บใจเป็นบ้าเลย” คนโดนปล้นจูบแรกมาสดๆ ร้อนๆ ปดคำโตพลางก้มหน้ากลบเกลื่อนกลัวว่าเพื่อนจะจับได้

“แล้วนี่ใครส่งมาให้ใคร ฉันเห็นมันวางอยู่บนโต๊ะ” ชนรดียื่นกระดาษแผ่นเล็กให้เพื่อน หลังจากเห็นมันนอนนิ่งบนโต๊ะ ยังผลให้เจ้าของกระดาษใบนั้นตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อะไรเหรอชน” เลอมานคว้ามาอ่านอย่างว่องไว “ให้เกียรติดื่มกับผมสักแก้วนะครับ...ผมไหนเหรอยายดา”

“ดาเพิ่งกลับจากห้องน้ำแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะ” เธอรีบปฏิเสธและกวาดตามองรอบกายหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

“แล้วก่อนไปไม่เห็นใครเอามาวางไว้เหรอ” เลอมานเห็นอาการแปลกๆ ของเพื่อนสาวบวกกับปากบวมเจ่อเหมือนคนถูกจูบมากว่าชนกระจกก็หรี่ตามองอย่างจับผิด

“ไม่มีจ้ะ ดาว่าเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าประชุมแต่เช้าด้วย ไม่อยากไปสายให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของพนักงาน” กนกดารินทร์รีบกลบเกลื่อนด้วยการเอาเรื่องงานมาอ้าง

“นั่นสิหนูลี ชนว่าเรากลับกันดีกว่า สงสารดาที่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า” ชนรดีเอ่ยชวน เพราะกนกดารินทร์ต้องดูแลและบริหารงานทั้งหมดหลังจากบิดามารดาเสียชีวิต ส่วนเลอมานยังไม่อยากกลับเพราะไม่ต้องทำงานหนักอะไร วันหนึ่งก็แค่นั่งเฝ้าร้านจิวเวลรี่กับพนักงานอีกสองคนเท่านั้น

“โอเค้...กลับก็กลับ” สาวร่างเล็กลุกขึ้นอย่างเตรียมพร้อมแต่ยังไม่วายหยิบแก้วเครื่องดื่มมาเทลงคอจนหมดแก้วด้วยความเสียดาย ก่อนสามสาวจะรีบเดินออกไปยังลานจอดรถที่มีรถค่อนข้างบางตาแล้ว

“ฉันจะไปส่งดาที่บ้านก่อน ค่อยไปส่งเธอคนสุดท้ายนะชน” เจ้าของรถเอ่ยขึ้น หลังจากรถเคลื่อนตัวออกมาจากหน้าผับสักพัก

“ส่งดาที่คอนโดฯ ก็พอ ดายังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้” เธอแสดงความจำนงกับเพื่อน

“มีปัญหากับคุณอาอีกแล้วเหรอดา” ชนรดีถามด้วยความเป็นห่วงและอดเห็นใจเพื่อนไม่ได้ อีกฝ่ายแค่พยักหน้าเท่านั้น

“ไม่ต้องคิดมากนะดา ฉันกับยายชนเข้าใจในสิ่งที่ดาทำและจะเป็นกำลังใจให้ตลอดไปจ้ะ” เลอมานมองผ่านกระจกส่องหลังมองเพื่อนด้วยความเห็นใจที่ระยะนี้มีปัญหากับอาสาวบ่อยครั้ง

“ขอบใจชนกับหนูลีมากที่เข้าใจดาและไม่เคยทอดทิ้งดาไปไหน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม”

“เฮ้ย! ก็เราเป็นเพื่อนกันจะทิ้งกันได้ไง เธอนี่ก็พูดแปลก” เลอมานตำหนิเสียงเข้ม ก่อนจะชวนคุยเรื่องการวางแผนชีวิตหลังแต่งงานของเพื่อนกับคนรัก “แต่งงานแล้วเธอกับพี่ภัทรจะอยู่ที่ไหน บ้านหรือคอนโดฯ”

“คงอยู่ทั้งที่บ้านและคอนโดฯ นั่นแหละ ดาไม่อยากให้ซื้อเรือนหอใหม่ให้สิ้นเปลืองจ้ะ” กนกดารินทร์วางแผนชีวิตกับว่าที่เจ้าบ่าวอย่างนั้น เธอไม่อยากทิ้งบ้านวัชรทศพรที่บิดาหวงแหนไปไหน ไม่ใช่เพราะหวงสมบัติ แต่มันคือบ้านแห่งความทรงจำของเธอ

“อยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่ใจเรามีความสุขก็พอ แต่ยังไงดาก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี มีเรื่องไม่สบายใจก็ให้รีบโทร. หาเพื่อน เราสองคนเป็นห่วงดามากรู้ไหม” ชนรดียังอดห่วงเพื่อนรักไม่ได้ ตั้งแต่บุพการีทั้งสองจากไป กนกดารินทร์ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว เพราะอาเพียงคนเดียวอย่างช่อผกาไม่ค่อยเอางานเอาการและสนใจหลานสาวกับกิจการของครอบครัวสักเท่าไหร่นัก

“ดาสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดจ้ะ” กนกดารินทร์บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งที่ในใจไม่สงบเพราะคิดมากเรื่องที่ช่อผกากำลังหลงใหลได้ปลื้มกับการพนัน แม้ว่ายังไม่ถึงกับขายบ้านขายรถ แต่อีกหน่อยก็คงไม่มีอะไร หากยังไม่เลิก แต่กระนั้นเธอก็ยังเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

 

 

กนกดารินทร์โยนกระเป๋าสะพายลงบนที่นอนนุ่ม ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนอย่างหมดแรง หลังจากโดนปล้นจูบแรกโดยชายแปลกหน้า จิตใจของเธอก็เริ่มไม่อยู่กับเนื้อตัวเอาเสียเลย ไม่ใช่เพราะเธอติดใจรสจูบบ้าบอของเขา แต่สายตามุ่งมาดปรารถนาที่จ้องมองเธออย่างชัดเจนนั้น มันทำให้เธอรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง ว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้ว่าคืออะไร

ติ๊ด...ติ๊ด...

เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เฉพาะสำหรับคนพิเศษช่วยดึงสติของหญิงสาวที่กำลังจะเตลิดไปไกลกลับคืน มือเรียวบางรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบเครื่องมือสื่อสารรุ่นทันสมัยออกมากดรับอย่างไม่รีรออะไรอีก ทว่ายังไม่ทันได้กรอกเสียงลงไป น้ำเสียงนุ่มนวลอบอุ่นก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“คิดถึงน้องดาจังเลยครับ”

“แหม...ปากหวานจังเลยนะคะพี่ภัทร ไม่รู้ว่าปากหวานอย่างนี้กับสาวอื่นด้วยหรือเปล่า” เธอกระเซ้าอย่างไม่จริงจังนัก

“หัวใจพี่เป็นของน้องดา มีไว้สำหรับคิดถึงน้องดาคนเดียวเท่านั้น สาวอื่นไม่มีสิทธิ์ครับ แล้วน้องดาคิดถึงพี่บ้างหรือเปล่าครับ” ประโยคออดอ้อนที่ดังมาไม่หยุดทำให้ดวงหน้างามระบายยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข แทบลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้าไปโดยสิ้นเชิง

“อ้อนแบบนี้ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่าคะ” เธอแสร้งดักคอเอาไว้ด้วยน้ำเสียงเย้าหยอก เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจทำให้เธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ทรยศความรักของเธอเป็นอันขาด

“พี่ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกครับ วันๆ แทบไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากทำงานเท่านั้น อยากไปหาน้องดาใจจะขาดอยู่แล้ว”

“ไม่ได้เจอแค่วันเดียวพี่ภัทรคงไม่ใจขาดตายหรอกค่ะ ดึกมากแล้วทำไมยังไม่นอนพักผ่อนอีกล่ะคะ” 

“เคลียร์งานเพิ่งเสร็จครับ แต่เป็นห่วงน้องดาก็เลยโทร. มาถามว่ากลับบ้านหรือยัง”

“ดาโตแล้วนะคะพี่ภัทร ไม่ใช่เด็กห้าขวบสักหน่อย อีกอย่างไปกับชนและหนูลีรับรองว่าถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอนค่ะ”

“พี่รู้ว่าน้องดาโตแล้ว แต่เวลาไปเที่ยวที่แบบนั้นพี่กลัวจะโดนพวกผู้ชายแทะโลมเอาน่ะสิ” น้ำเสียงปลายสายบ่งบอกว่าหวงเธอไม่น้อยกว่าห่วงเช่นกัน และคำพูดนั้นก็ทำให้เธออดนึกถึงชายแปลกหน้าที่ปล้นจูบเธออย่างหน้าด้านๆ ไม่ได้

“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะพี่ภัทร”

“ทั้งรักทั้งหวงด้วยครับ”

“รู้แล้วค่ะพ่อคนขี้หวง แต่ตอนนี้ดาขออาบน้ำก่อนนะคะ แล้วค่อยคุยกันพรุ่งนี้ค่ะ” เธอรีบตัดบท

“ครับน้องดา แล้วอย่าลืมฝันถึงพี่บ้างนะ กู๊ดไนต์ครับ”

“กู๊ดไนต์ค่ะ” กนกดารินทร์มองหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้ายิ้มๆ ก่อนจะกดวางสาย “ดาฝากชีวิตไว้กับพี่ภัทรแล้ว อย่าทำให้ดาเสียใจนะคะ”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปปิดม่านหน้าต่างด้านหน้า และแล้วหัวใจดวงน้อยก็หล่นวูบด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์คันใหญ่ ห้องของเธอสูงแค่ชั้นแปดจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตาตัวเองไม่ฝาด ผู้ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกับคนที่ปล้นจูบเธอในผับนั่นเอง

“สงสัยเป็นพวกโรคจิต...” คิดได้ดังนั้นเจ้าของห้องยกมือปิดปากอย่างตกใจ ก่อนจะรีบดึงม่านเข้าหากันอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปปิดหน้าต่างทุกบานและจัดการล็อกข้างในอย่างแน่นหนา หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบย่องมาเปิดม่านออกดูอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นมีผู้ชายโรคจิตอยู่ตรงนั้นแล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอกพร้อมเดินกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพร้อมหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านจนผล็อยหลับไปในที่สุด

 

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2024