ด้วยรักรัตนโกสินทร์ (นางแก้ว) (EBOOK)

ด้วยรักรัตนโกสินทร์ (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ด้วยรักรัตนโกสินทร์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอน  เจ้าสัว      

 

      รัชสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นยุคทองด้วยการศึกสงครามซาลงไป บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข   การค้าขายกระทำโดยชาวจีนเป็นส่วนใหญ่

                ความร่ำรวยจากการค้าของคนจีนเป็นที่มั่งคั่งหากว่าคนจีนก็ยังถูกเหยียดหยันว่าเป็นคนต่างด้าวผู้มาอาศัยแผ่นดินไทอยู่

                ไห่เปิ่นเป็นชาวแต้จิ๋วโดยกำเนิดถูกหยามหยันจากชาวฮกเกี้ยนว่าต่ำกว่า คนจีนด้วยกันยังแบ่งชนแบ่งชั้นทำให้ไห่เปิ่นฝังใจจำว่า หากตนเองมีฐานะสูงเข้าขั้นเศรษฐีขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าตนเองจะมีพื้นเพความเป็นมาอย่างไร คนทุกเชื้อชาติก็ต้องให้เกียรติเขาเอง

ดังนั้นคนแต้จิ๋วอย่างเขาจึงตั้งความอุตสาหะ ความทระนงทำให้เขากัดฟันสู้ก่อร่างสร้างตัวอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยยากรู้จักเก็บออม

เมื่ออายุได้สี่สิบกว่า ขณะนั้นเขาได้มีฐานะขึ้นบ้างแล้ว เขาแต่งงานกับหญิงไทยนามว่าแม่เรียม กระทั่งสร้างตัวได้มั่นคงจากการค้าน้ำตาล ผูกขาดการค้าอ้อย เครื่องเทศมีสำเภาค้าขายอยู่หลายลำ  แต่ถึงแม้เขาจะร่ำรวยแล้ว หากเขายังถูกพวกขุนนางไทยเรียก ‘เจ๊กไห่’อีก

                คำว่าเจ๊กนั้น เป็นที่น่าแปลกที่ชาวสยามจะเรียกอย่างแบ่งชนชั้นระหว่างเจ้สัว(เจ้าสัว-บางคนเรียกตามสำเนียงตนเอง)กับเจ๊ก(ชาวจีนพวกกุลีทำงานหนัก อย่างไม่เลือกงาน)

ดังนั้นเมื่อรู้ความหมายของคำนี้ เจ้าสัวไห่เปิ่น ผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งเกิดความคิดในเรื่องที่จะต้องเปลี่ยนความคิดทั้งชาวจีนด้วยกัน และชาวสยามที่ไม่ยอมลืมความเป็นคนต่างด้าวของเขา เขามีทิฐิที่ต้องการให้คนนับหน้าถือตามากกว่าแค่เป็นคนมีเงิน แต่เขายังคิดไกลไปถึงชั้นลูกหลาน เพื่อหาทางป้องกันตัว ป้องกันสมบัติ จากคำว่าเจ๊กนี่เอง ไห่เปิ่นคิดว่า

หากเขามีคนกราบไหว้เขาในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่จงรักแผ่นดินนี้ โดยมีลูกหลานสืบสายสกุลไทย หากเขามีสายสัมพันธ์อันดี มีคนปกป้อง ครอบครัวเขาจะยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ใช่เขาลืมชาติกำเนิด แต่เขาได้มาอยู่เมืองไทยแล้วทั้งกายและใจ แผ่นดินทองที่ทำให้เขามีชีวิตใหม่ แตกต่างจากครั้งเมื่ออยู่แผ่นดินใหญ่

                คนที่ได้ปรับทุกข์ด้วยคือแม่เรียมภรรยาเอกเขาเอ่ยออกมาด้วยท่าที จริงจังตั้งปณิธานด้วยความมั่นคง

                “อั๊วจักต้องล่ายคนลีมาคุ้มครองครอบครัวราว เจ้ารอลูก็เลี้ยวกังเม่เรียม”ชายจีนคิดถึงความเป็นปึกแผ่นในอนาคตของธิดาสาว

                “คุณพี่ คิดได้แต่จักทำได้หรือเจ้าคะ เราสองคนนั้นมีแต่ลูกสาวหามีลูกชายไม่” แม่เรียมคิดแต่เพียงว่า หากมีลูกชาย ก็จักส่งไปเรียนเพื่อให้เป็นทนายหนาหอจากนั้นค่อยเลื่อนชั้นบรรดาศักดิ์ภายหลัง ฝ่ายไห่เปิ่นขมวดคิ้วย่น มีสีหน้าครุ่นคิดไปมาก

 เขาเองนั้นแต่งงานกับสตรีชาวไทยผู้มีความขยันขันแข็ง ชื่อเรียม มัวแต่สร้างตัวจนมีครอบครัวก็อายุมากแล้ว

ลูกชายก็ไม่มี แม้จะมีภรรยาน้อยอีกสองคน แต่ก็ไม่มีลูกทั้งสองคน มีแต่ได้ลูกสาวจากแม่เรียมเพิ่มอีก

“เมื่อม่ายมีก็ม่ายเป็งราย อั๊วก็จักหาผู้ชายลีๆๆที่มียกมีศักดิ์ให้ลูกสาวทั้งสามคง”

“เอ่อคุณพี่เจ้าขา คนไทยที่ทั้งดีทั้งรวย จักมีฐานะเสมอเราหรือเจ้าคะ” แม่เรียมถามออกมาด้วยความเกรงใจ เจ้าสัวพยักหน้าหงึกๆ ดวงตาทอแสงเปล่งประกายเต็มไปด้วยความคิดที่แหลมคม จากนั้นเปรยออกมาให้เมียคู่ทุกข์ได้ฟังว่า

“เรื่องรวยอั๊วรวยพออยู่เลี้ยว แต่อั๊วจักหาคงมีเชื้อมีสาย ไม่มีเงินไม่เป็นไรขอให้เป็นคนลี คนมียกศักดิ์ให้มาคุ้มครองสมบักของลูกเราในวันข้างหน้า ไม่ให้คงฉ้อฉงมารังแกริบสมบักข้าวพกเข้าห่อของมัง”

ดวงตาของผู้สูงวัยฉายความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ลูกสาว ลูกสาว คำนี้ดังอยู่ในหัวสมอง

ในที่สุดไห่เปิ่นปั้นลูกสาวสองคนโตให้แต่งงานกับขุนนางเพื่อความมีหน้าตาและหวังหลานได้มีเลือดไทเต็มที่

ลูกสาวคนโตคือทับทิมได้ออกเรือนไปกับขุนนาง เจ้าสัวไห่เปิ่นหวังจะให้บัวทองน้องคนรองได้ดีกว่า ซึ่งทับทิมได้ชักนำให้ผู้ชายดีมารู้จักน้องสาว เมื่อบัวทองพอใจก็ออกเรือนไปโดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้เป็นพ่อ บ้านสามีให้การยอมรับสะใภ้ลูกครึ่งจีน และยิ่งสามีของทับทิม คือหลวงบริบาลยิ่งมีความเกรงใจเพราะหญิงสาวเป็นคนดี มีน้ำใจค้าขายเก่ง ส่วนหลวงไกรสรสามีของบัวทองทั้งรักทั้งหลงบัวทองเป็นอันมากไม่ว่าบัวทองต้องการสิ่งใด หลวงไกรสรตามใจทุกอย่างทีเดียว

ในเรื่องการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและเต็มไปด้วยความสุขของบุตรสาวทั้งสอง เจ้าสัวไห่เปิ่นยังรู้สึกว่าพอใจ แต่ยังไม่มากพอเพราะเขายังทะเยอทะยานกว่านั้น ยิ่งร่ำรวยและมีสมบัติมาก เขาโดนขุนนางชั่วบางคนเข้ามารีดไถ และมีข่าวกระเซ็น ลือออกมาว่าเขาแอบส่งข้าวออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งข่าวร้ายนี้ไม่เป็นความจริง แต่อาจจะนำพาซึ่งการริบทรัพย์ตัดคอ เพราะเป็นความผิดร้ายแรง ไห่เปิ่นรู้ตัวแล้วว่าเขาจะโดนรีดไถเอาสมบัติไปปิดปากคนที่ต้นคิดปล่อยข่าวนี้ เขาไม่ยอมเด็ดขาด เพราะหากมีการให้เงิน ย่อมหมายความว่าเขาทำผิดจริง

การแก้ไขของเขาคือต้องหาคนดี หาให้ได้โดยเร็ว

เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กเจริญวัยมากขึ้นและมีความงาม ผิวขาวเป็นยองใย มีความงามอย่างที่ใครเห็นต้องออกปากชม

งามนอกยังเพียงนี้ งามเนื้อในที่จะเพียงไหน!!

หล่อนชื่อว่าพลอยธิดาเจ้าสัวคนเล็ก ซึ่งในความหวังของไห่เปิ่นคืออยากให้ได้สมรสเจ้านายชั้นสูง ตามอย่างตระกูลจีนหลายคนที่มีโอกาสเป็นข้าหลวงแลได้ถวายตัว หากแต่ว่า แม่พลอยไม่เคยได้รับการอบรมหรืออยู่ในสำนักของใครในวัง ดังนั้นจึงต้องหาแม่สื่อที่มีความสามารถมากทีเดียว

ดังนั้นไห่เปิ่นจึงเริ่มวางหมากให้ลูกสาวทั้งสองคนที่ออกเรือนไปแล้วได้หาทางเขาทำความรู้จักกับเจ้านาย

และเมื่อทุกครั้งที่ลูกสาวสองคนกลับมาเยี่ยมบ้าน เจ้าสัวจะเรียกไปถามความคืบหน้าว่ามีไปมากประการใดแล้วเช่นวันนี้บัวทองลูกสาวคนรองมาเยี่ยมบ้าน

                “เจ้ารู้จักหาคายไว้บ้างอาบัวทอง”

                “ลูกเข้าเฝ้าเจ้านายเชื้อสายหลายสกุล มาจนถึงพระองค์เจ้าหญิงที่วังชัยมงคลกับคุณหลวงเจ้าค่ะคุณพ่อ”บัวทองรายงาน

เจ้าสัวพอใจมากร้องว่า ลีลี

“ลูกมิได้ทำความให้อึงว่าเที่ยวมองหาเขยเล็ก แต่ลูกทำทีเป็นไปขายของบ้าง นำของไปฝากท่านเจ้านายชั้นผู้ใหญ่” ลูกสาวคนฉลาดบอกผู้ให้กำเนิด ซึ่งไห่เปิ่นกำชับลูกสาวไปว่า

“พ่อไม่เอาพวกมีเงิง แต่พ่อต้องกางผู้ลีมีสกุง เงิงทองพ่อมีมากเลี้ยวยิ่งได้เลือกเจ้าพ่อยิ่งยิงลี อยากให้อาพลอยล่ายเป็งเมียเจ้านาย”

“เจ้าค่ะคุณพ่อ เรื่องอยากได้เจ้านายมาเป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูลนั้น ลูกไม่ได้เอ่ยกับคุณหลวงให้ทราบดอกเจ้าค่ะ ทราบเพียงแต่ลูกกับคุณพ่อเท่านั้น”

“แล้วผัวเจ้าไม่สงสัยอารายบ้างรึอาบัวทอง”

“ไม่เลยเจ้าค่ะคุณพ่อ คุณหลวงเที่ยวพาไปรู้จักที่นั่นที่นี่ ลูกก็ไปเสนอขายผ้าแพร ผ้าฝรั่งที่ติดสำเภามา กับพวกเครื่องถ้วยชาม แต่ก็แอบมองอยู่หลายตำหนัก ลูกเห็นมีหม่อมห้าม หม่อมแหนกันมาก บางองค์ก็มีนิสัยเหลือทนติดพันโขนละครมาก ลูกห่วงน้อง ไม่อยากชักนำไปให้ขาดทุน” บัวทองเอ่ยตามนิสัยแม่ค้า

              “กระทั่งขุนแสนสามีคุณมะลิ ไปถวายผ้าทองที่วังพระองค์หญิงรัตนา ได้คุยกันถึงวังชัยมงคล ลูกก็แสร้งว่าอยากนำของไปถวายบ้าง ท่านขุนจึงได้พาคุณหลวง และลูกเข้าเฝ้าที่วังชัยมงคล ลูกรอสำเภาเข้าครั้งที่แล้ว เอ่อลูกได้บอกคุณหลวงว่าจะนำแพรจีนไปถวายเจ้านายผู้หญิงชั้นหม่อมเจ้า ท่านขุนเธอนึกได้ว่ามีพระองค์หญิงซึ่งท่านเป็นหม้ายอยู่วังชัยมงคล ลูกแกล้งถามว่าท่านอยู่แต่ลำพังหรือ ได้ความว่ามีพระโอรสรับราชการ เป็นที่รู้จักกันดี ท่านขุนคงระแคะระคายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ว่าอิฉันประการใด ท่านขุนยังอุตส่าห์บอกเล่าให้ฟังอีกมาก ภรรยาเธอคือคุณมะลิสนิทกับท่านเจ้านายหลายกรมเจ้าค่ะคุณพ่อ  ท่านขุนเล่าว่า ท่านชายเป็นที่ไว้วางพระทัยของสมเด็จเจ้าพระยามาก ลูกก็ไม่ได้ว่ากระไรรอเวลาดีแล้วจึงให้ท่านขุน พาคุณหลวงไกร และลูกข้าเฝ้าพระองค์หญิง พระนามท่านเรียกว่ามณีเจ้าค่ะคุณพ่อ วันที่นำผ้าจีนไปถวายที่วังชัยมงคล ให้บังเอิญได้พบพักตร์ท่านชายเพชรรัตน์ เรียกพระนามเล่นว่าท่านเพชร ท่านมีวังอยู่แถวท่าเตียนเจ้าค่ะคุณพ่อ”

“แล้วม่ายมีคนลีๆห้ายน้องเลยหรืออาบัว ท่านมีชายาหรือยางอาบัว”

                “ยังไม่สมรสเจ้าค่ะ แต่มีหม่อมแล้วคนหนึ่ง มีข้าหลวงในวังมากระซิบบอกลูกเองว่า พระองค์หญิงคือเสด็จแม่ของท่านชายไม่โปรด ขนาดไม่ให้ขึ้นตำหนักใหญ่เลยเจ้าค่ะคุณพ่อ ที่ไม่ทรงโปรดเพราะเป็นนางละครและว่ากันว่าขี้เกียจ เอาแต่ผัดหน้าแต่งตัวเท่านั้น”

                เจ้าสัวไห่เปิ่นให้ความสนใจในองค์หม่อมเจ้าพระองค์นี้มาก ท่านถามละเอียดทีเดียวว่า

                “ทั่งชายมียกตำแหน่งอารายรึอาบัวทองที่เจ้าว่ารักราชกาง”

                “ท่านเป็นขุนนางเจ้าค่ะ เป็นออกญาต่างพระเนตรพระกรรณ ตอนนี้ได้เป็นตำแหน่งเจ้าขุนเจ้าค่ะคุณพ่อ แล้วแต่สมเด็จท่านจักให้ไปธุระที่ใด คุณหลวงเองยังออกปากว่าท่านทระนงองอาจ ไม่รับสินบาดสินบน ถือเลือดขัดติยาและความซื่อต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นมั่นคง เลือดสีน้ำเงินท่านแรงนักเจ้าค่ะ”

                “โอ้มียกศักดิ์ชั้งนั้งเทียว”เจ้าสัวอุทาน หน้าระเรื่อแดงด้วยความปีติยินดี นึกฝันไปไกลทันที

 “อย่างนี้พ่อยิ่งอยากล่ายนัก คงซื่อสัตย์ให้อย่างไรก็ตกน้ำม่ายไหลตกไฟม่ายไหม้ แล้วท่านลูถูกคงจีงไหม พระทัยท่านเมตตาดีหรือไม่”

                “เรื่องน้ำพระทัย เห็นจากการเลี้ยงดูไพร่เรือนไม่เข้มงวด น่าที่จักไม่ใช่เจ้านายที่มีแต่พระเดชเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องรังเกียจเลือดจีนหรือไม่นั้น มิได้ออกโอษฐ์ออกมาหรือแสดงท่าทีรังเกียจที่ได้พบลูก ซึ่งก็เห็นว่าลูกตาชั้นเดียว แต่พระมารดาโปรดของสวยๆงามๆจากเมืองจีน ซึ่งลูกนำไปถวายอยู่ก่อนล่วงหน้าแล้วเจ้าค่ะ ลูกจักผูกทางนี้ให้มากแต่มาถามคุณพ่อก่อนว่าจักจัดการกันอย่างไร หากจักหาเจ้านายเห็นแต่พระองค์นี้ที่รับราชการงานเมืองและมีความงามสง่าไม่อ้อนแอ้น ถ้าได้ผูกสัมพันธ์ไมตรีกับแม่พลอยของเราเห็นจักเหมาะกันราวกิ่งทองใบหยกเชียวเจ้าค่ะคุณพ่อ”

                “อาลีลีลีล่ะบัวทอง เจ้าไปเปิกทางไว้ให้ลี พ่อตกลงเลือกท่างนี้ล่ะ ไม่ต้องไปหาทางหนายอีกเลี้ยว พ่อปล่อยให้เป็งหน้าที่ของเจ้า จักเสียท่าว

หล่ายพ่อไม่ว่า หาทางไว้ หาโอกาสให้พลอยได้ถวายตัว”

                คำสนทนาของคนทั้งสองได้ยินเข้าหูของเด็กสาวร่างอรชร ทุกคำพูด หล่อนขมวดคิ้วยุ่งไม่พอใจกับความคิดของบิดา ถึงกับจับขอบประตูแน่นคิดมากไปตามประสาคนเอาแต่ใจเพราะโดนตามใจมามากเนื่องจากเป็นลูกคนเล็กและต่างวัยจากพี่สาว

                นี่หล่อนต้องการผัวหรือพ่อต้องการกันแน่  และพลอยได้ยินอยู่ว่าหม่อมเจ้าซึ่งฟังชื่อว่าหม่อมเจ้าเพชรรัตน์มีนางละครอยู่แล้ว แต่พ่อยังทำเหมือนไม่รู้ ถึงจะไม่แต่งงานก็ได้ชื่อว่าเมีย

หรือผู้ชายเป็นอย่างนี้ทุกคน ที่เห็นการมีเมียมากเป็นเรื่องธรรมดา รวมทั้งคุณพ่อของหล่อน ก็มีสามเมีย เว้นแต่เมียรองไม่วุ่นวายกับมารดาของหล่อน แต่เมียก็คือเมีย จะแต่งหรือไม่แต่งก็ได้ชื่อเหมือนกัน หล่อนไม่ต้องการไปเป็นเมียรองหรือเมียเอกใคร

                พลอยครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด เอาแต่ใจ พลอยนั้นมีความสวยงามกว่าพี่สาวทั้งสองคน เป็นคนขยันมาก เอาแต่ใจ ดื้อ และที่สำคัญ เมื่อถึงเวลาโกรธมักโกรธง่าย ฟังความไม่ค่อยสรรพ จับเอามาเถียงคอเป็นเอ็น ทั้งนี้เพราะเจ้าสัวมีความรักและเอ็นดูให้มาก จึงมีนิสัยแปลกกว่าพี่สาวทั้งสองคน

ขณะที่กำลังคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่นั้น พี่สาวคนโตชื่อทับทิม เดินเข้ามาจับบ่าหล่อน ความเหม่อทำให้สะดุ้งสุดตัวหลุดปากอุทาน

                “อุ้ย แม่เจ้า”

                “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเจ้าพลอย”ทับทิมลูบศีรษะน้องสาวคนเล็ก ด้วยความเอ็นดูราวกับอีกฝ่ายยังเป็นน้องน้อยๆ

                พลอยหันไปยกมือไหว้พี่สาว แล้วทักว่า

                “พี่ทับทิมมาแต่เมื่อใดเจ้าคะ”

                “พี่ดูเจ้าอยู่นานแล้วเห็นเหม่ออยู่ เลยมาทัก”กล่าวพลางจับน้องสาวหมุนร่างไปมาเหมือนหมุนหุ่นละคร แล้วออกปากชม

“ดูสิไม่เห็นเจ้าไม่เท่าใดเจ้าเป็นสาวเพียงนี้แล้ว”

                “พลอยไม่อยากเป็นสาวสักนิด”

                “ถึงผ้าก็เป็นสาวแล้วไยเจ้าไม่ชอบใจ”พี่สาวสอบถามด้วยความห่วงใยและเอ็นดูมาก

                “พลอยชังนักเจ้าค่ะพี่ทับทิม ต้องระวังเนื้อตัวเกรงจักเปื้อนเปรอะให้อับอายว่าสกปรกพลอยไม่อยากเป็นสาว”

                “โถ”ทับทิมโอบบ่า “เรื่องใดไม่ชอบใจคิดไม่อยากเป็นสาว หรืออยากจักลงท่าว่ายน้ำเล่นเหมือนยังเป็นเด็กอยู่เล่า”

“มิใช่เรื่องว่ายน้ำดอกเจ้าค่ะ เรื่องว่ายน้ำพลอยยังแอบว่ายเล่นอยู่กับสาวใช่ออกบ่อย” เจ้าตัวตอบโพล่งๆ

“แล้วกัน นี่พวกเรือแจวไม่เก็บเกี่ยวไปเกี้ยวพาเจ้าให้สนุกปากกันไปรึนั่น”

“ทำเกี้ยวมาพลอยก็ด่ากลับไม่เลือกหน้า”

“ถึงก่นด่ายันโคตรเขาก็ยังขาดทุนอยู่นะเจ้า” พี่สาวสั่งสอน “นอกจากสร้างความชิงชังปากให้เกิดศัตรูแล้วเขาก็ยังได้เห็นเนื้อตัวเจ้าอยู่ดี”

“เอ่อ เห็นจริงเจ้าค่ะพี่ทับทิม” พลอยยอมรับเสียงอ่อย พี่สาวยิ้มปลอบใจ

“พลอยพึ่งได้คิดเมื่อคุณพี่ได้เตือนพลอยดังนี้แล้ว”

“เช่นนั้นก็ฟังพี่ว่า เนื้อตัวหญิงเป็นบุญตาของผู้ชาย เจ้าต้องรอให้คนมีบุญสำหรับเจ้าได้มอง หาใช่ชายเที่ยวตามแพตามชายคลองได้มองสิ้นเนื้อนวล”

“เจ้าค่ะต่อไปไม่เล่นน้ำที่ท่าแล้ว เสียดายเนื้อนวลจริงดังคุณพี่ว่า”

“ดีแล้วพลอย แล้วเจ้ามีอันใดมากกว่าการมีระดู จึงไม่อยากเป็นสาวเล่าแม่พลอย”

โดนคำถามนี้ พลอยทำหน้าง้ำหน้างอ ทำให้ทับทิมหัวเราะเบาๆ โอบบ่าน้องสาวพา เดินเข้าไปภายใน เพื่อหาสาเหตุ ได้เห็นบิดานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักทอง ใกล้กันคือมารดา ทับทิมพาร่างอวบอัดไปกราบบิดามารดาและรับไหว้น้องสาวคนรอง ซึ่งนั่งปรึกษาหารืออยู่กับบิดามารดา

จากนั้นสองพี่น้องต่างวัย จึงนั่งเก้าอี้จีนถัดไปคนล่ะตัว

                “อ้าวอาพลอยมาจากสำเภาเลี้ยวรึ”ไห่เปิ่นทักลูกคนสุดท้อง ซึ่งสวยกว่าพี่สาวทุกคน

                “เจ้าค่ะ”เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงกระแทกนิดแง่งอน

ทับทิมยิ้มในสีหน้าฟ้องต่อบิดาว่า

                “ยืนซุ่มแอบฟังความอยู่ที่ประตูเจ้าค่ะคุณพ่อ หน้านิ่วคิ้วขมวดบ่นไม่อยากเป็นสาว ข้างในคุยกันว่าอย่างไรเจ้าคะ คนข้างนอกจึงพาลอยากถอยวัยให้เป็นเด็กอีกครั้ง”

                “เรื่องหาเจ้าบ่าวให้เจ้าค่ะคุณพี่ทับทิม”บัวทองบอกแล้วหัวเราะคิกคัก ทำให้น้องสาวผูกคิ้วยุ่ง หน้าแดงจัด ทำท่าไม่พอใจ ทุกคนจึงเอ็นดู เหตุนี้เองที่พลอยเป็นคนเอาแต่ใจมากกว่าพี่ๆ

                เจ้าสัวยิ่งหัวเราะดังกว่าใครก่อนว่า

                “เออแน่ะแม่พลอย ล่ายยิงเลี้ยวก็ลี ม่ายต้องเรียกมาบอกซ้ำ”

                “คุณพ่อคุณแม่คิดแต่จักผลักไสลูกนี้ไปจากอก อยากให้ไปนักไยไม่ส่งกลับสำเภาไปหาคุณย่าที่เมืองจีนเล่าเจ้าคะ”

                “แม่พลอยเจ้านี่มันปากจัดจ้านไม่เคยละเลยสิน่า กับใครเป็นเถียงดะไม่มีเว้น” แม่เรียมตำหนิลูกสาว “แม่เพิ่งเห็นควรแล้วที่จักนำไปฝากตัวเป็นนางในวังอบรมบ่มกิริยากันเสียใหม่ เห็นต้องไปฝากที่วังชัยมงคลนั่นแหละ”

                “ที่ส่งไปนั้นคุณแม่มิใช่จักคิดอบรมลูกกระมัง แต่เพราะคุณพ่อจักส่งลูกไปเป็นเมียเจ้านาย พลอยไม่ไปดอกเจ้าค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวยืนกรานหน้าสวยงอง้ำ

                “พลอย”ทุกคนเรียกเป็นเสียงเดียว พลอยทำหน้ายุ่งยากใจดื้อดึงขัดบิดาไปว่า

                “เรือนเราก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้แล้ว จักต้องไปเป็นน้อยเจ้าเจ้ยให้ขายหน้าไย เรามีเงินมีข้าทาสบริวารหาน้อยไม่หา กับพวกเจ๊กจีนด้วยกันพลอยก็ไม่รังเกียจ พลอยแต่งงานด้วยก็ได้”

                “อาพลอย นี่เจ้าอยากล่ายชื่อลูกเจ๊ก เมียเจ๊กจนตายรึงาย รึว่าไปริรักไอ้พวกโรงฝิ่งโรงบ่องเข้าเสียแล้ว เจ้าจึงไม่ชอบใจที่พ่อเลือกเจ้าบ่าวให้ เจ้าม่ายยอม พ่อก็ม่ายยอมให้เจ้าปายเป็นเมียคงที่ไม่มีปัญญาคุ้มกะลาหัวเจ้า”ไห่เปิ่นเดือดดาลเกินระงับจึงเอ็ดตะโรลั่น “แม้เจ้าล่ายชื่อว่าหัวลื่อแต่เรื่องนี้พ่อม่ายยอมให้เจ้าลื่อเหล็กขาก”

                “ชีวิตนี้เป็นของลูก จักเป็นเมียจีนเมียไทย เมียใครก็ได้ถ้าหากเป็นความพอใจของลูก”พลอยแผดเสียงแข่งไม่ยอมแพ้ “เป็นลูกจีนแล้วเป็นไร ลูกมิใช่เป็นทาสในเรือนใคร ลูกค้าขายเป็น เกิดมาพลอยก็รวยแล้ว ทำไมต้องไปเป็นเมียรองของคนอื่นเล่าเจ้าคะ”

                “เพราะพ่อเจ้ามายช่ายชาวสิหยาม” ไห่เปิ่นเสียงอ่อนลง เมื่อเอ่ยในเรื่องที่ตนเองวิตกกังวล “มีพวกไม่รู้บุงคุงแผ่งลิง ซ่องสุมสมัครพรรคพวกเป็นก๊ก ม่ายทามกิง เอาแต่หัวม้าย เลี้ยวถ้าวันใดคงมันชั่วมาส่ายร้ายพ่อ ริบสมบักไปหมก เจ้าจักทามอย่างงาย พวกพี่เจ้ามีผัวเป็งขุนนาง แต่ขุงนางก็มีหลายพวก ถ้าเจ้ามีเจ้านายสักองค์ เจ้าจักพ้งภัย พ่อคิดอ่านมานี้ เจ้าคิกว่าไม่รักไม่ห่วงเจ้า หรืออาพลอย” เจ้าสัวให้เหตุผลยาวยืด แล้วรู้สึกหอบเหนื่อย ด้วยความปัจฉิมวัยท่านยิ่งห่วงใยลูกสาวคนเล็กมาก เพราะดื้อรั้น เอาแต่ใจ ยิ่งโกรธยิ่งหูอื้อเข้าใจอะไรผิดได้ง่าย ท่านรู้นิสัยจึงเกรงเรื่องในภายหน้า สมบัติมากยิ่งต้องเห็นหาคนดีที่คู่ควร

                แม่เรียมหายามาให้สามีได้ดมให้หายใจโล่งมากขึ้น สักครู่เจ้าสัวจึงหายใจเป็นปกติ พลอยก้มหน้างุดได้แต่หงุดหงิดใจ ไม่เถียงออกมาอีก บัวทองกับทับทิมมองหน้ากัน ก่อนจะว่า

                “คุณพ่อมีสายตาดีกว่าเรามากนักนะแม่พลอย ดูพี่ได้ผัวดีเพราะคุณพ่อหาให้ เจ้าอย่าดื้อไปเลยนะคนดีของพี่”

                “แต่พลอยได้ยินว่าคุณพี่หาเองไม่ใช่คุณพ่อไปหานี่เจ้าคะ”

                “ดูเจ้า ช่างแค่นเถียงได้ไปข้างข้างคูคู พี่ไปหา แต่คนที่ตัดสินใจเลือกคือคุณพ่อต่างหาก”

                “ทำไมพลอยจึงตัดสินใจเลือกเองไม่ได้เล่าเจ้าคะ ไม่ต้องแต่งกับเจ้า”

                “ไม่ล่าย ยังไงเจ้าต้องแต่งงางกับเจ้า พ่อจักให้แต่งงานกับเจ้าให้จงล่าย”

                สองพ่อลูกต่างฝ่ายต่างไม่ยอม แต่เมื่อพลอยขยับเถียง แม่เรียมขึงตาใส่หล่อนจึงยอมเงียบ เพราะความเกรงใจมารดา แม่เรียมเป็นคนไม่พูดแต่กำหลาบพลอยได้ดีกว่าเจ้าสัว ซึ่งตามใจกันมาแต่น้อย จนดื้อแสนดื้อทีเดียว


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024