เถื่อนรักพิศวาสร้าย (ตะวันเปรมปรีดิ์)

เถื่อนรักพิศวาสร้าย (ตะวันเปรมปรีดิ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: เถื่อนรักพิศวาสร้าย
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

            เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดดังลั่นห้องทำงานเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่เพิ่งเดินเข้ามา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายและทักทายผู้ที่ติดต่อเข้ามาด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ

            "ว่าไงครับ แม่วาด ลมอะไรทำให้โทร.หาผมแต่เช้า"

            "คุณเขตคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน คุณเขตกลับมาที่บ้านวันนี้เลยได้ไหมคะ" ปลายเสียงเอ่ยด้วยความร้อนรน

            เขต พีระชัยแปลกใจเล็กน้อยเมื่อจับน้ำเสียงคนที่กำลังพูดด้วยได้ว่า อีกฝ่ายร้อนใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นว่าต้องโทรศัพท์มาขอร้องแกมสั่งให้เขากลับบ้านโดยด่วนเช่นนี้

            "มีอะไรหรือครับ แม่วาด ถึงต้องให้ผมกลับบ้านวันนี้ด้วย" เขตนั่งลงที่โซฟาตัวใกล้ รอฟังด้วยความตั้งใจว่าเกิดอะไรขึ้น

            "ป้านอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วค่ะ ยิ่งวันนี้ด้วยอาจจะอกแตกตายก่อนพ้นวัน ถ้าคุณเขตไม่รับกลับมา" ปลายเสียงแม่วาด หรือนมวาด หรือสุดแท้แต่ใครจะเรียกสั่นเครือเล็กน้อย

            แม่วาดคือผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเขา นับจากวันที่มารดาลาจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร บิดาก็เอาแต่ทุ่มเททำงานทุกอย่างเพื่อลืมความเศร้าโศกเสียใจ ชีวิตของเขตเกือบครึ่งหนึ่งมีแม่วาดผู้นี้คอยประคับประคอง

            "แม่วาดใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เล่าให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าพ่อไม่สบายมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า"

            "คุณเขตคะ คุณท่าน คุณท่าน..." แม่วาดร่ำไห้สะอื้นเป็นพักๆ แล้วปล่อยโฮรวดเดียว ไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่าการร่ำไห้สะอึกสะอื้นแล้ว

            "ผมจะไปเดี๋ยวนี้ แม่วาดใจเย็นๆ ไม่ต้องร้องไห้นะครับ" เขตฉวยกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเดินออกไปทันที

 

            บ้านพีระชัย

            "แม่วาด แม่วาดครับ" เสียงตะโกนร้องเรียกดังห้องโถงชั้นล่าง สาวใช้ที่อยู่ใกล้รีบวิ่งเข้ามารับหน้า

            "แม่วาดล่ะ" เขตถามด้วยความร้อนรน

            "คุณวาดเป็นลม ตอนนี้ไปพักอยู่ที่เรือนเล็กหลังบ้านแล้วค่ะ"

            เขตรีบเดินไปที่เรือนเล็กหลังตึกใหญ่ซึ่งเป็นที่พักของแม่วาดทันที ภาพที่ชายหนุ่มเห็นคือ สาวใช้หลายคนกำลังมะรุมมะตุ้มหญิงวัยกลางคนที่เอนตัวนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว

            "แม่วาด" เขตร้องทักแล้วถลาเข้าไปดูพี่เลี้ยงคนเก่าแก่ด้วยความห่วงใย

            "คุณเขต คุณเขตมาแล้ว" แม่วาดโผเข้ากอดร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความดีใจอย่างที่สุด เสียงร่ำไห้ลั่นเรือนเล็กแรงสะอื้นสั่นไหวจนเขตรู้สึกได้

            "แม่วาดเป็นอะไร ไม่สบายไปหาหมอไหมครับ" ชายหนุ่มจับมือหญิงวัยกลางคนไว้แน่น พร้อมกับลูบเนื้อตัวของนางเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง

            ขอบตาแม่วาดแดงช้ำแสดงว่าร่ำไห้เรื่องที่เสียใจอยู่หลายหน สีหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เครียดจนนอนไม่หลับ มีเรื่องอะไรหนอถึงทำให้แม่วาดของเขาเสียใจร่ำไห้ได้ขนาดนี้

            "คุณเขต เรื่องนี้มีแค่คุณเขตเท่านั้นที่จะช่วยได้"

            "แม่วาดหยุดร้องไห้ก่อน แล้วพูดกับผมให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่วาดถึงต้องร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้" เขตเอ่ยถามอย่างเป็นงานเป็นการ

            "ใครทำอะไรแม่วาดหรือครับ หรือว่าคุณพ่อดุอะไรแม่วาดหรือเปล่า" เขตคิดถึงบิดาซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เขามัวแต่ห่วงหญิงวัยกลางคนว่ามีเรื่องทุกข์ร้อนอันใดจึงรีบมาหาก่อน

            "คุณท่านค่ะ คุณเขต" แม่วาดปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง

            "คุณพ่อเหรอครับ คุณพ่อทำไม" เขตเอะใจเรื่องบิดาขึ้นมาทันที หรือว่าคุณขรรค์ชัยจะไม่สบายแล้วไม่ยอมบอกให้ใครรู้

            "คุณท่านจะมีคุณผู้หญิงใหม่ให้บ้านเรา คุณท่านลืมคุณแม่ของคุณเขต คุณท่านจะพาผู้หญิงเข้าบ้านค่ะ" สิ้นคำแม่วาดก็ร่ำไห้อีกครั้ง

            เขตตกตะลึงกับเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ บิดากำลังจะมีแม่เลี้ยงให้กับเขา เขตไม่อยากจะเชื่อ

            "ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วคุณพ่ออยู่ที่ไหน" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาทันที

            ไม่มีใครให้คำตอบ แม่วาดเอาแต่ร่ำไห้สาวใช้ต่างพากันก้มหน้า ทุกคนหลบสายตาที่เด็ดขาดของเขตกันหมด มีเพียงคนเดียวที่จะให้คำตอบเรื่องนี้กับเขาได้ คุณขรรค์ชัย บิดาสุดที่รักนั่นเอง

 

            ดึกแล้วแต่เขตยังคงนั่งอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน คุณขรรค์ชัยยังไม่กลับเข้ามายิ่งทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น เมื่อสายตาเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้างฝาซึ่งบอกเวลาว่าเกือบจะเที่ยงคืน

            หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากปากของพี่เลี้ยงคนเก่าคนแก่จนรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้แม่วาดร้องไห้ฟูมฟายตามให้กลับมาจากเกาะลา สถานที่ทำงานของเขตและจะว่าไปที่นั่นคืออาณาจักรของเขา

            'คุณท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่รู้จักผู้หญิงคนนั้น อะไรๆ ก็มีแค่ชื่อหนูน้ำผึ้งไปหมด ไม่รู้ว่าท่านโดนคุณไสยหรือเสน่ห์ยาแฝดอะไรหรือเปล่า' แม่วาดเล่าไปซับน้ำตาไป

            เขตถอนหายใจเบาๆ เอนตัวลงนอนบนโซฟา หันหน้าไปที่รูปของมารดาผู้ล่วงลับ ความคิดถึงความโหยหาที่มีต่อมารดาผู้จากไปไม่เคยจางหาย ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่อยากเชื่อคำพูดของแม่วาดนัก และไม่เชื่อด้วยว่าความรักที่คุณขรรค์ชัยเคยมีให้ภรรยาจะเปลี่ยนไปในวันนี้

          'คุณเขตคิดดูนะคะ ถ้าคุณท่านไม่คิดอะไรหรือโดนแม่นั่นเป่าหูจนเคลิ้ม คงไม่มีทางเซ็นเช็คห้าล้านให้ แบบนี้ไม่จัดการไม่ได้แล้วนะคะ'

            'ให้เงินห้าล้านเลยเหรอครับ'

            'ไม่ใช่แค่เงินนะคะ คราวก่อนก็ช่วยซื้อสร้อยเพชรราคาไม่รู้กี่ล้านอีก คุณเขตคิดดูบ้านเราไม่มีผู้หญิง แล้วคุณท่านจะซื้อสร้อยเพชรไปทำไมกัน หรือว่าจะซื้อให้แม่นั่นก็ไม่รู้'

            'ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครครับ ทำไมคุณพ่อถึงได้ดูทุ่มเทให้นัก'

            'เห็นว่าเป็นลูกสาวคนรู้จักค่ะ แต่รู้จักแบบนี้แม่วาดว่าไม่ดีมั้งคะ คนอะไรหน้าตาก็ดีเห็นว่าเรียนมาก็สูง แต่มาใช้มารยาหญิงหลอกคนแก่แบบนี้ คุณเขตต้องจัดการตัดไฟเสียแต่ต้นล้ม ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป'

 

            เจ้าของเกาะลาถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อคิดทบทวนคำพูดของแม่วาดที่ได้ฟังมาเมื่อเย็นนี้ เขตติดต่อคุณขรรค์ชัยทางโทรศัพท์แต่ก็ติดต่อไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่เปิดโทรศัพท์หรืออาจจะแบตหมดก็สุดจะรู้

            แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปเขาควรรู้ที่มาที่ไปของผู้หญิงที่ชื่อน้ำผึ้งคนนี้เสียก่อน อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นใครมาจากไหน และรู้จักกับบิดาได้อย่างไร ที่สำคัญมันมีเรื่องอะไรถึงต้องมีการให้เงินจำนวนมหาศาลก่อนนั้น

 

            เขตขยับตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถจอดที่หน้าบ้าน เขาเตรียมเรียบเรียงคำพูดที่จะเอ่ยกับบิดาถึงเรื่องที่ค้างคาใจให้สิ้นซาก คุณขรรค์ชัยกลับมาแล้วจริงๆ และทันทีที่พบหน้าบุตรชายก็ทักทายด้วยความดีใจ

            "ว่าไงเจ้าเขต ลมอะไรพัดแกมาจากเกาะลาได้ หรือว่าวันนี้มีมรสุมถล่มเกาะ ถึงได้มาบ้านได้ แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไรกินอะไรมาหรือยัง" ชายวัยกลางคนถามเหมือนเคย

            "สวัสดีครับ พ่อ" เขตพนมมือไหว้ทักทายด้วยความเคารพ ก่อนจะโผเข้ากอดคุณขรรค์ชัยด้วยความคิดถึงเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง

            "ทำไมพ่อกลับดึกจัง" บุตรชายเกริ่นถาม

            "ไปงานเลี้ยงมาเจอคนโน้นคนนี้ก็เลยกลับดึก เสียดายไอ้มือถือเครื่องนี้มันเฮงซวย วันก่อนทำหล่นทีเดียววันนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เลยไม่รู้ว่าแกกลับบ้าน"

            "มือถือพ่อเป็นอะไรครับ ซ่อมหรือว่าซื้อใหม่ได้ไหม" เขตเอ่ยถามพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปพร้อมๆ กับบิดา

            "ไม่ต้องซ่อมหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูผึ้งก็จัดการหาเครื่องใหม่มาให้พ่อแล้ว เออ เขตมาก็ดีแล้ว พ่อมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย"

            "เรื่องอะไรครับ"

            เขตหูผึ่งกับคำว่า หนูผึ้ง ที่บิดาเอ่ยมาก่อนหน้า หนูผึ้งคงจะใช่คนเดียวกับแม่น้ำผึ้งอะไรนั่นที่แม่วาดเล่าให้ฟังเมื่อเย็นแน่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วผู้หญิงคนนี้คงสนิทสนมกับคุณขรรค์ชัยน่าดู

            "บริษัทในเครือของเราต้องการพนักงานบัญชีเพิ่มบ้างไหม พ่ออยากจะฝากคนเข้าทำงานที่นั่นสักคน"

            "ทำไมต้องให้ทำบัญชีด้วยครับ แผนกอื่นไม่สนเลยหรือไง" ชายหนุ่มตั้งคำถามกลับไปด้วยความสงสัย

            แม้ในใจจะกังขาแต่เขตก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายใดๆ กลับไป เขาต้องการล้วงทุกคำตอบที่อยู่ในใจจากปากบิดาให้มากที่สุด ก่อนจะค่อยคิดว่าควรทำอย่างไรกับผู้หญิงที่ชื่อน้ำผึ้งคนนี้ดี

            "จบบัญชีมาก็ต้องให้ทำบัญชีซิ" บิดาหยุดยืนที่หน้าห้องแล้วหันมาพูดต่อว่า

            "แกพอมีตำแหน่งว่างให้ไหม แต่ถ้าที่เกาะไม่เอานะ ฉันไม่อยากให้หนูผึ้งไปลำบาก"

            หนูผึ้งอีกแล้ว เอะอะอะไรก็หนูผึ้ง เขตชักเริ่มสงสัยแล้วว่าคำพูดของแม่วาดเป็นเรื่องจริงมากกว่าเรื่องเข้าใจผิดไปเอง สีหน้าของบิดาดูมีความสุขยามเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้

            "ที่เกาะไม่ดียังไงครับ เดี๋ยวนี้เจริญแล้วไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างที่เกาะกำลังต้องการคนช่วยเรื่องบัญชีพอดี ที่บริษัททุกอย่างก็ลงตัวหมดแล้ว ถ้าเอาคนอื่นเข้าไปผมว่าจะไม่มีอะไรให้ทำมากกว่า"

            "งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้พ่อฝากเพื่อนคนอื่นก็ได้" คุณขรรค์ชัยเข้าใจบุตรชาย และไม่ก้าวก่ายการบริหารงานนับจากเมื่อวางมือ

            "ใครครับที่พ่อจะฝากงานให้" เขตแกล้งถาม

            "คนรู้จักกัน เป็นเพื่อนคนแก่ให้หายเหงาได้"

            "ช่วยแก้เหงาแบบไหนครับ เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว หรือว่าเพื่อนนอน"

            "ดูพูดเข้า เป็นเพื่อนแกเข้าใจไหม เป็นเพื่อนคนแก่ชวนคุยโน่นนี้ พาให้รู้จักโลกที่มันก้าวไกลกว่าแต่ก่อนน่ะ" คุณขรรค์ชัยรู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้คำพูดคำจาของบุตรชายจะรุนแรงกว่าทุกวัน

            "ผมเข้าใจครับ พ่อไปพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเจอกัน" เขตยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวลาบิดาที่หน้าห้องนอน

            "แกจะกลับเกาะลาเมื่อไร เจ้าเขต" คุณขรรค์ชัยเอ่ยถาม พร้อมทั้งสังเกตสีหน้าและแววตาของบุตรชายที่เหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา

            "พรุ่งนี้ครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมจะกลับพรุ่งนี้"

            "แกมีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงได้กลับบ้าน คุยกับพ่อได้นะ" บิดาเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

            "ผมสบายดีครับ แค่คิดถึงและห่วงพ่อก็เลยขับรถมาดู พ่อไปพักผ่อนเถอะครับ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะพ่อ" เขตส่งรอยยิ้มให้บิดาอีกครั้ง แล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องนอนของตนทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการงานด่วนเฉพาะกิจด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

            "พรุ่งนี้ฉันต้องการบัญชีการใช้จ่ายเงินของคุณพ่อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อ้อ อยากรู้ว่ายอดห้าล้านที่เซ็นเช็คให้ใครชื่ออะไร และถ้ามียอดเงินที่เกินกว่าหนึ่งล้านบาทให้ลิสต์ออกมาให้ฉันทุกรายการ พรุ่งนี้ก่อนหกโมงเช้าฉันต้องได้"

 

            คุณขรรค์ชัยเงยหน้าขึ้นจากการอ่านหนังสือพิมพ์บนโต๊ะอาหาร เมื่อได้ยินคำถามที่ออกจากปากลูกชายสุดที่รัก ซึ่งตั้งคำถามราวกับว่าเขากำลังเป็นนักโทษร้ายแรงที่ต้องให้ปากคำต่อหน้าศาล

            "มันธุระอะไรของแก เจ้าเขต ถึงได้มาตรวจสอบการใช้เงินของฉัน" น้ำเสียงชายวัยกลางคนดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก

            ร้อยวันพันปีลูกชายตัวดีไม่เคยมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ และเขาเองก็ไม่เคยใช้เงินในเรื่องไม่จำเป็นหรือใช้จ่ายใดเกินกว่าฐานะ แต่จู่ๆ เช้านี้เขตกลับตั้งคำถามถึงเงินห้าล้านบาท ที่ชายวัยกลางคนเพิ่งจะสั่งให้ฝ่ายบัญชีจัดการเงินก้อนนี้ ไปต่อชีวิตและลมหายใจของผู้ทุกข์ยากที่มาขอความช่วยเหลือ

            "เงินตั้งห้าล้านนะครับพ่อ ผม ในฐานะผู้บริหารก็ควรต้องรู้ว่าเงินที่จะจ่ายโบนัสพนักงานปีนี้ไปไหน" เขตพูดตรงไปตรงมา

            ความจริงเขตไม่อยากใช้คำพูดที่รุนแรงกับบิดาหนัก แต่เพราะต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีของผู้หญิงที่ชื่อมธุรส และยังจะเรื่องสร้อยเพชรมูลค่าหลักล้านที่นมวาดพูดถึงอีก และหลายพฤติกรรมที่ทำให้ชายหนุ่มครุ่นคิดมาตลอดคืนว่า คุณขรรค์ชัยกำลังพบรักในบั้นปลายชีวิต หรือกำลังถูกสาวรุ่นลูกหลอกกันแน่

            เขตใช้เวลาแค่คืนเดียวสืบหาประวัติของผู้หญิงที่ชื่อมธุรสคนนี้ และสั่งให้ฝ่ายบัญชีส่งบัญชีการใช้จ่ายเงินของบิดามาให้ดู เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าภายในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้ มีการสั่งจ่ายเงินให้กับผู้หญิงที่ชื่อมธุรสเกินกว่าห้าล้านบาทแล้ว จึงทำให้เขาไม่อาจนิ่งนอนใจต่อไปอีกได้ และต้องรีบจัดการก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

            "ถ้าแกไม่สบายใจ เดี๋ยวฉันเอาเงินในบัญชีมาคืนให้ก็ได้" คุณขรรค์ชัยจบเรื่องนี้ด้วยการเดินไปหยิบสมุดเช็คและทำท่าจะเขียนยอดเงินลงไปจริงๆ

            "ผมไม่ได้อยากได้เงินของพ่อ แต่อยากรู้ว่าเพราะอะไร พ่อถึงได้ใจป้ำให้เงินผู้หญิงคนนั้นไปฟรีๆ เป็นหลักล้าน" บุตรชายตั้งคำถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

            "แกเอาเงินของแกคืนไป แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก" ชายวัยกลางคนลงชื่อในสมุดเช็คแล้วฉีกส่งให้บุตรชายทันที

            "ผมไม่รับเงินพ่อหรอกครับ ผมต้องการแค่คำตอบเท่านั้น" เขตยืนยันคำเดิมอีกครา

            "ไม่มีคำตอบ นี่มันเรื่องส่วนตัวพ่ออยากจะทำอะไรต้องรายงานแกทุกเรื่องหรือไง แล้วเรื่องนี้ใครเป็นคนบอกให้แกรู้" ไม่ต้องพูดคุณขรรค์ชัยก็เดาออกว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นนมวาดแน่ๆ

            "พ่อครับ ถ้าพ่อจะแต่งงานมีแม่ใหม่ให้ผม ผมโอเคนะ แล้วจะช่วยพ่อจัดการทุกอย่างด้วย แต่แบบนี้ผมบอกเลยว่ารับไม่ได้"

            เขาโตแล้วและเข้าใจโลกพอที่จะเปิดใจรับเรื่องเหล่านี้ได้ มารดาของเขตลาจากโลกนี้ไปนานนับสิบปี บิดาทุ่มเทชีวิตเพื่อก่อตั้งเคพีกรุ๊ปจนเป็นปึกแผ่นมั่นคงจนทุกวันนี้ หากบั้นปลายชีวิตคุณขรรค์ชัยคิดอยากจะมีใครสักคนเพื่อเป็นเพื่อนคู่คิด หรือดูแลกันไปจนวันตายชายหนุ่มก็ไม่ห้าม เพียงแต่...

            "ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่าผมอีก พ่อแน่ใจได้ไงครับว่าเธอไม่ได้มาหลอก"

            "หนูผึ้งไม่ใช่คนแบบนั้น" ชายวัยกลางคนรู้ดีว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงนิสัยเช่นไร

            "แล้วเป็นคนแบบไหนถึงได้กล้าขอเงินหลักล้านไป โดยไม่มีอะไรมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือสัญญากู้ยืมสักฉบับก็ไม่มี อย่าบอกนะว่าพ่อให้ด้วยความเสน่หา"

            "ไอ้เขต จะมากไปแล้วนะ จะพูดจะจาอะไรให้เกียรติหนูผึ้งหน่อย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากช่วยเหลือด้วยใจจริง"

            "โอ้โห พ่อพระจริงๆ พ่อผม ผมชักอยากเห็นหน้าหนูผึ้งของพ่อแล้วซิ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรถึงได้ทำให้พ่อผมเมตตาได้ขนาดนี้" ดวงตาคู่คมวาววับขึ้นเป็นประกาย เขตเริ่มไม่พอใจที่เห็นบิดาออกหน้าปกป้องผู้หญิงคนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            "แกอย่ายุ่งกับหนูผึ้ง แล้วก็กลับไปทำงานได้แล้ว อ้อ วันหลังถ้าแม่วาดโทรศัพท์ไปพูดอะไรอีก แกก็ไม่ต้องสนใจเพราะแม่นมของแกไม่ได้รู้ความจริงทุกเรื่องหรอก"

            คุณขรรค์ชัยกล่าวเพียงแค่นั้นแล้ววางเช็คมูลค่าสิบล้านไว้ตรงหน้าของเขต ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องโดยที่เขตได้แต่มองตามและไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้น ทว่าเมื่อลับหลังบิดา ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการต่อทันที

            "ฉันต้องการรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วมาเกี่ยวพันกับคุณพ่อตั้งแต่เมื่อไร อ้อ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากเจอผู้หญิงคนนี้สักครั้ง วันนี้" แววตาของเจ้าของเกาะลาเป็นประกายเจิดจ้า เขตหยิบเช็คมูลค่าสิบล้านที่บิดาเขียนให้เมื่อครู่นี้มาไว้ในมือ มองมันอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากบ้านไปทันที

 

            บ้านสวนริมคลองแถบเมืองนนท์คือที่อาศัยของผู้หญิงที่เขตต้องการพบ ทันทีที่รู้ว่าที่อยู่ของเจ้าหล่อนอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่รอช้า สั่งให้คนรถพาไปที่นั่นโดยเร็วเพราะต้องการเห็นหน้าของผู้หญิงที่ทำให้บิดาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

            เขตสำรวจรอบบ้านแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า เจ้าหล่อนอาจจะใช้ความสาวหลอกเอาเงินคุณขรรค์ชัยมาจริงอย่างที่ใครๆ พูด หรือว่าบิดาอาจจะหลงเสน่ห์เด็กรุ่นลูกเข้าให้แล้วถึงได้ประเคนเงินทองให้กันขนาดนี้

            เพียงแต่ที่เขตสงสัยและไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือ บิดาไม่รู้จริงๆ หรือว่าผู้หญิงที่ชื่นชมหนักหนามีลูกมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว

            "แม่ผึ้งขา" เสียงร้องเรียกทำให้เขตต้องหันไปมอง

            ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นถึงหัวเข่าเดินยิ้มมาแต่ไกล เจ้าของเกาะลากระพริบตาให้แน่ใจอีกครั้งว่า คนที่กำลังเดินมาคนนี้แหล่ะ คือแม่ผึ้งหรือหนูผึ้งของบิดาคนเดียวกันแน่

            เขตนึกเสียดายไม่น้อยที่เจ้าหล่อนมีเด็กน้อยน่าตาน่าชังร้องเรียกคำว่าแม่ ถ้าพูดกันไปตามความจริงแล้ว แม่ผึ้งหรือหนูผึ้งของคุณขรรค์ชัยก็น่าตาน่ารักไม่น้อย ดูจากไกลๆ ก็ยังมองเห็นความสวยสดใสที่น่าชวนมอง เพียงแต่มีลูกมีสามีแล้วต่อให้น่ารักแค่ไหนก็ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่ง

            เขตซุ่มดูอยู่ห่างๆ โดยไม่แสดงตัวจับจ้องทุกอิริยาบถของแม่ผึ้งไว้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเพลินเมื่อรอยยิ้มบนใบหน้าหวานชวนให้เขามองอย่างไม่อาจละสายตา ยามเจ้าหล่อนดูแลเด็กน้อย มอบรอยยิ้มแสนหวานและอ่อนโยนให้ ราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ประทานของขวัญชิ้นงามให้แก่ผู้ร้องขอ น่าดู เพลินตาและสบายใจเหลือเกิน

            "แม่ผึ้งขา พ่อภุชงค์มาค่ะ" เสียงเด็กน้อยร้องเรียกและชี้มือไปหาบุคคลที่เดินใกล้จะถึงสองแม่ลูก

            เขตขบกรามแน่นสายตาวาววับเป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเด็กน้อยโผเข้ากอดชายที่เรียกว่าพ่อด้วยรอยยิ้ม นั่นไม่เท่ากับรอยยิ้มจากใบหน้าหวานของแม่ผึ้งที่มองสองพ่อลูกโผเข้ากอดกันด้วยสายตาแห่งความสุข เสียงหัวเราะที่บาดหัวใจเจ้าของเกาะลาจนแทบทนอยู่เฉยไม่ได้

            ยิ่งเห็นภาพทั้งสามหัวเราะและยิ้มให้แก่กันอย่างมีความสุขด้วยแล้ว เขตยิ่งรู้สึกสงสารแกมหมั่นไส้คุณขรรค์ชัยเหลือเกิน

            พ่อนะพ่อ จะมีแม่ใหม่ให้เขาทั้งที หาดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องเอาผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่ใช้ความสาวมาหลอกล่อคนแก่ด้วยนะ

 

            "พูดบ้าอะไรของแก เจ้าเขต" เสียงบิดาตะโกนลั่นโต๊ะอาหาร สีหน้าคุณขรรค์ชัยแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

            "หนูผึ้งยังโสดไม่มีครอบครัว แกเอาที่ไหนมาพูดว่ามีสามีมีลูกแล้ว แล้วแกเห็นด้วยตาตัวเองหรือใครมาพูดให้ฟังอีก" ประมุขของบ้านพีระชัยปรายตามองไปทางแม่นมวาดที่ยืนก้มหน้าอยู่ถัดไป

            "เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน และผมขอร้องให้พ่อเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ซะ" บุตรชายประกาศก้อง

            เขตคิดมาทั้งคืนแล้วว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ทีแรกเขาคิดว่าจะไม่สนใจและกลับเกาะลาไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองเสีย แต่พอมาคิดทบทวนอีกทีบิดาสุดที่รักเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่าที่จะได้ เงินทองแค่นั้นชายหนุ่มไม่สนใจแต่ที่ทำให้ต้องตัดสินใจยื่นคำขาดเช่นนี้ ก็เพราะห่วงความรู้สึกของคุณขรรค์ชัยนั่นเอง

            เขาไม่รู้จักคำว่าความรักหรอก และไม่รู้ด้วยว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร และไม่กล้าคิดด้วยว่าบิดากำลังมีความรักใหม่กับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า แต่จะอะไรก็ช่าง ในฐานะลูกก็ควรจะปกป้องดูแลผู้ให้กำเนิดไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่คิดจะหลอกลวงเอาผลประโยชน์ไปเป็นของตน

            ทางเดียวที่จะตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้ทุกอย่างบานปลาย หรือเกิดเรื่องร้ายกับคุณขรรค์ชัยในอนาคต ก็คือการขอร้องและเปิดโปงโฉมหน้าของผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้

            บิดาอาจไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนมีลูกมีสามีซุกซ่อนอยู่ อาจใช้มารยาหลอกล่อเอาใจด้วยวิธีใดก็ช่าง แต่วันนี้เขตรู้และเห็นเต็มสองตาแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีความจริงใจให้กับผู้ให้กำเนิดแม้แต่น้อย

            "ไอ้เขต นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันจะคบใครคุยกับใครต้องผ่านการอนุญาตจากแกตั้งแต่เมื่อไร" คุณขรรค์ชัยเสียงดังขึ้น

            "พ่อจะคุยจะคบใครผมไม่ว่า แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ผมขอ และถ้าพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องผมก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด" บุตรชายเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังอย่างเห็นได้ชัด

            เขตพยายามลบภาพนั้นออกจากหัวสมอง ภาพพ่อแม่ลูกที่ยิ้มและหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข เสียงและรอยยิ้มนั้นมันบาดลึกลงไปในใจเขา

            ไม่ซิ มันคือกลลวงที่หลอกล่อบิดาเขาต่างหาก แล้วทำไม ทำไมชายหนุ่มถึงได้รู้สึกไม่พอใจ เสียใจ และอยากให้เจ้าหล่อนมีรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะให้กับตนเพียงคนเดียวเท่านั้น

            นั่นไง...หรือว่าเขาจะถูกเสน่ห์คุณไสยของเจ้าหล่อนเข้าให้แล้ว เหมือนกับที่คุณขรรค์ชัยกำลังเป็นเช่นนี้

            "แกอย่ามายุ่งเรื่องนี้ และไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่งเรื่องนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่ออกให้ไปหางานใหม่ หรือแม้แต่แกก็ห้ามยุ่ง ไอ้เจ้าเขต" คุณขรรค์ชัยประกาศก้อง

            "คงไม่ได้ครับพ่อ เพราะวันนี้ทนายของบริษัทคงเอาหมายศาลไปให้ผู้หญิงคนนั้นแล้ว"

            "แกว่าอะไรนะ หมายศาลอะไร" ชายวัยกลางคนนิ่วหน้าเล็กน้อย ไม่เข้าใจที่บุตรชายพูด

            "หมายศาลที่ผมสั่งฟ้องผู้หญิงที่ชื่อมธุรส ฤทธิ์อักษรข้อหายักยอกเงินของบริษัทไปเป็นของตนเอง โดยมีคุณขรรค์ชัยที่ปรึกษาบริษัทเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยน่ะซิครับ"

            "ไอ้เขต นี่แกทำบ้าอะไรของแก" คราวนี้คุณขรรค์ชัยโกรธจนหน้าแดง แต่เขตก็ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น ยังคงพูดต่อไปว่า

            "เงินห้าล้านที่โอนเข้าบัญชีนางสาวมธุรสคนนี้ ถูกตัดจากบัญชีค่าเช่าที่ดินแถวลาดพร้าวซึ่งตอนนี้ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งทำสัญญาเช่ากับเราอยู่ และที่ดินผืนนี้เป็นชื่อของแม่ซึ่งปัจจุบันผมเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์หรือก็คือเจ้าของนั่นเอง"

            "แล้วไงต่อ" ชายวันกลางคนไม่เข้าใจสิ่งที่เขตกำลังบอก

            "ก็ไม่แล้วไงครับ ผมให้ทนายจัดการยื่นเรื่องไปว่า ผมไม่ได้รับเงินค่าเช่าเต็มจำนวน เมื่อมีการสอบสวนก็พบว่าพ่อตัวเองถือวิสาสะเอาเงินส่วนหนึ่งไปให้อีหนู เอ๊ย ไม่ใช่ ให้ผู้หญิงคนนี้ และผมต้องการเงินก้อนนี้คืนโดยเร็วที่สุด ถ้าพูดกันดีๆ ไม่ได้ก็เจอกันในศาล"

            "ก็ฉันคืนเงินก้อนนั้นให้แกแล้ว ทำไมแกถึงมีปัญหาขึ้นมาอีก"

            "ถึงพ่อจะคืนผมมาแล้วก็จริง แต่อย่าลืมซิครับว่าเราคือเคพีกรุ๊ป ทุกอย่างที่เป็นรายรับรายจ่ายต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ พอดีผมจะเอาเงินค่าเช่าไปต่อยอดทำรีสอร์ตที่เกาะให้เสร็จๆ แต่พอเบิกเงินฝ่ายบัญชีก็บอกว่าเงินไม่พอ พอถามไปถึงรู้ว่าพ่อสั่งให้โอนเงินให้ผู้หญิงคนนี้ไปห้าล้านก่อนหน้าแล้ว"

            "แกจะเอาเท่าไรว่ามา"

            คุณขรรค์ชัยโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรู้ตัวแล้วว่าตนเองพลาดไป แต่เพราะไม่อยากให้เรื่องลุกลามใหญ่โตและมีปัญหาไปถึงมธุรส ชายวัยกลางคนจึงเตรียมเซ็นเช็คอีกใบให้เขตเพื่อให้เรื่องจะได้จบเสียที

            "แหม เดี๋ยวนี้พ่อเซ็นต์เช็คง่ายเหมือนใช้กระดาษทิชชู่เลยนะครับ" บุตรชายประชดเล็กน้อย

            "ผมไม่เอาเงินพ่อแต่ผมจะเอาเงินของผมคืน และต้องได้ครบทุกบาททุกสตางค์ด้วย"

            "หนูผึ้งจะไปหามาให้แกได้อย่างไร เงินตั้งมากมายขนาดนั้น"

            คุณขรรค์ชัยรู้ดีว่าสภาพครอบครัวของหญิงสาวเป็นอย่างไร เงินห้าล้านที่เขาเลินเล่อให้ฝ่ายบัญชีโอนให้เมื่อหลายเดือนก่อน ก็เพราะมธุรสขอความช่วยเหลือด่วนในยามที่ตนไม่ได้อยู่ประเทศไทย จึงจำเป็นต้องผ่านระบบบัญชีของบริษัทและไม่คิดว่าจะทำให้เขตเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง

            "แสดงว่าพ่อก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนผม แล้วทำไมยังกล้าให้อีกซ้ำยังไม่มีหลักทรัพย์อะไรสักอย่างมาประกัน ดอกเบี้ยก็ไม่จ่าย แบบนี้ผมมีแต่เสียกับเสียนะครับ"

            ยิ่งรู้แบบนี้เขตยิ่งชังน้ำหน้าผู้หญิงคนนั้นนัก เจ้าหล่อนใช้วาจาเช่นไรมาหลอกเอาเงินไปโดยง่าย แถมไม่มีปัญญาเอามาใช้คืนได้อีก ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจนัก

            "เอาเป็นว่าฉันจะใช้คืนให้แกก่อน แถมดอกเบี้ยให้อีกห้าแสนพอใจไหม" ชายวัยกลางคนทำท่าจะจรดปากกาลงบนเช็ค แต่เขตเอ่ยขึ้นมาว่า

            "ผมขอยันยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และใครทำผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องไปพูดกันที่ศาล"

            "ไอ้เขต ฉันเป็นพ่อแกนะ ใจคอแกจะลดราวาศอกให้ฉันเลยใช่ไหม"

            "แล้วพ่อเอาเงินผมไปให้คนอื่นทำไม พ่อรู้ไหมถ้าเงินก้อนนี้ยังอยู่ ผมเอาไปต่อทุนทำกำไรได้อีกกี่เท่า" ชายหนุ่มอ้างเรื่องธุรกิจ ในหัวสมองคิดหาวิธีที่จะจัดการให้มธุรสไปให้พ้นจากครอบครัวอย่างไรดี

            "ฉันก็จะให้เงินคืนแกแล้วนี่ไง จะเอาอะไรอีก" คุณขรรค์ชัยประนีประนอมกับบุตรชาย

            "ผมไม่ได้อยากได้อะไร แค่ต้องการความถูกต้องเท่านั้น ผู้หญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น แถมยังเข้ามาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องตามกฏระเบียบอีก ยังไม่ทันได้ทำประโยชน์หรือผลกำไรอะไรเลยสักนิด แต่พ่อเล่นให้เงินเธอไปเป็นหลักล้านแล้ว แบบนี้คงเอาไว้ไม่ได้แล้ว"

            "เจ้าเขต เงินที่ฉันให้หนูผึ้งไปเป็นเงินของบริษัทก็จริงแต่ว่าที่ฉันต้องทำแบบนั้น ก็เพราะวันนั้นฉันไม่สะดวกจึงต้องขอให้ฝ่ายบัญชีบริษัทจัดการให้ ตั้งใจว่าจะเอาเงินคืนกลับไปให้อยู่แล้วแกก็มาโวยวายเสียก่อน เอ้านี้ เงินแก" บิดายื่นเช็คที่มีมูลค่าพร้อมดอกเบี้ยเสร็จสรรพ แต่เขตกลับยืนเฉยไม่ยอมรับแล้วพูดต่อว่า

            "ผมไม่รับรู้ครับว่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้คืออะไร แต่ผมสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นพ้นสภาพการเป็นพนักงานบริษัทแล้ว และอีกไม่นานทนายคงจัดการเรื่องแจ้งความและฟ้องดำเนินคดี" เขตเอ่ยต่อไปอีกว่า

            "มันจะมากเกินไปแล้วนะ เจ้าเขต ฉันบอกว่าจะใช้เงินให้แกก็ไม่เอา แกตั้งแง่จะเล่นงานหนูผึ้งท่าเดียว รู้บ้างไหมว่าผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารแค่ไหน" คุณขรรค์ชัยเอ่ยถาม

            รู้นิสัยลูกชายดีว่าเขตไม่ใช่คนใจร้ายหรือเห็นแก่เงิน แต่ทำไมการกระทำของเขาในเวลานี้เหมือนกับจะบีบให้มธุรสไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามข้อเสนอที่ชายหนุ่มกำลังจะพูดต่อจากนี้

            "ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าอิหนูของพ่อมาบีบน้ำตาเรียกความสงสารว่าอย่างไรบ้าง แต่ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของบริษัท ผมก็มีหน้าที่ต้องดูแลผลประโยชน์ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง"

            "หนูผึ้งไม่ใช่อิหนูของฉัน แกพูดเสียใหม่เจ้าเขต และฉันขอสั่งห้ามไม่ให้แกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก" คุณขรรค์ชัยเสียงแข็งขึ้นมาทันที

            "ผมไม่ยุ่งแน่ครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องของบริษัทผมปล่อยไว้ไม่ได้"

            "เจ้าเขต" บิดาอ่อนใจกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรเขตถึงจะเข้าใจเรื่องนี้

            "บ้านหนูผึ้งมีแม่ที่สุขภาพไม่ค่อยดี พี่สาวก็เพิ่งเสียไปทิ้งหลานยังเล็กไว้ให้คนหนึ่ง ถ้าแกให้หนูผึ้งพักงานแล้วเด็กกับคนแก่ที่บ้านจะกินอะไร จะมีชีวิตอยู่อย่างไรเคยคิดบ้างไหม"

            เขตฟังแล้วคิดตาม เด็กคนนั้นเป็นลูกของพี่สาวที่เสียไปงั้นหรือ ไม่จริงหรอกมั้ง มันคงไม่เหมือนในละครน้ำเน่าที่นางเอกแสนดีรับผิดชอบดูแลลูกของพี่สาวประดุจเลือดในอกหรอก

            ภาพที่เขาฟังใจจำชัดเจนในสมองคือครอบครัวพ่อแม่ลูกที่มีความสุขต่างหาก ท่าทางว่าบิดาคงจะถูกหลอกเสียจนไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรโกหกกระมัง

            "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ผมต้องการเงินของผมคืนเท่านั้น"

            เขตทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไปปล่อยให้คุณขรรค์ชัยหนักใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง ลูกชายของท่านไม่เคยพูดยากเช่นนี้มาก่อน และดูเหมือนว่าเขตกำลังหาทางเล่นงานมธุรสในทุกด้านด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง

รายละเอียด

 

            เสียงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดดังลั่นห้องทำงานเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่เพิ่งเดินเข้ามา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายและทักทายผู้ที่ติดต่อเข้ามาด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ

            "ว่าไงครับ แม่วาด ลมอะไรทำให้โทร.หาผมแต่เช้า"

            "คุณเขตคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน คุณเขตกลับมาที่บ้านวันนี้เลยได้ไหมคะ" ปลายเสียงเอ่ยด้วยความร้อนรน

            เขต พีระชัยแปลกใจเล็กน้อยเมื่อจับน้ำเสียงคนที่กำลังพูดด้วยได้ว่า อีกฝ่ายร้อนใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นว่าต้องโทรศัพท์มาขอร้องแกมสั่งให้เขากลับบ้านโดยด่วนเช่นนี้

            "มีอะไรหรือครับ แม่วาด ถึงต้องให้ผมกลับบ้านวันนี้ด้วย" เขตนั่งลงที่โซฟาตัวใกล้ รอฟังด้วยความตั้งใจว่าเกิดอะไรขึ้น

            "ป้านอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วค่ะ ยิ่งวันนี้ด้วยอาจจะอกแตกตายก่อนพ้นวัน ถ้าคุณเขตไม่รับกลับมา" ปลายเสียงแม่วาด หรือนมวาด หรือสุดแท้แต่ใครจะเรียกสั่นเครือเล็กน้อย

            แม่วาดคือผู้มีพระคุณคนหนึ่งของเขา นับจากวันที่มารดาลาจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร บิดาก็เอาแต่ทุ่มเททำงานทุกอย่างเพื่อลืมความเศร้าโศกเสียใจ ชีวิตของเขตเกือบครึ่งหนึ่งมีแม่วาดผู้นี้คอยประคับประคอง

            "แม่วาดใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เล่าให้ผมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าพ่อไม่สบายมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า"

            "คุณเขตคะ คุณท่าน คุณท่าน..." แม่วาดร่ำไห้สะอื้นเป็นพักๆ แล้วปล่อยโฮรวดเดียว ไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่าการร่ำไห้สะอึกสะอื้นแล้ว

            "ผมจะไปเดี๋ยวนี้ แม่วาดใจเย็นๆ ไม่ต้องร้องไห้นะครับ" เขตฉวยกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานเดินออกไปทันที

 

            บ้านพีระชัย

            "แม่วาด แม่วาดครับ" เสียงตะโกนร้องเรียกดังห้องโถงชั้นล่าง สาวใช้ที่อยู่ใกล้รีบวิ่งเข้ามารับหน้า

            "แม่วาดล่ะ" เขตถามด้วยความร้อนรน

            "คุณวาดเป็นลม ตอนนี้ไปพักอยู่ที่เรือนเล็กหลังบ้านแล้วค่ะ"

            เขตรีบเดินไปที่เรือนเล็กหลังตึกใหญ่ซึ่งเป็นที่พักของแม่วาดทันที ภาพที่ชายหนุ่มเห็นคือ สาวใช้หลายคนกำลังมะรุมมะตุ้มหญิงวัยกลางคนที่เอนตัวนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว

            "แม่วาด" เขตร้องทักแล้วถลาเข้าไปดูพี่เลี้ยงคนเก่าแก่ด้วยความห่วงใย

            "คุณเขต คุณเขตมาแล้ว" แม่วาดโผเข้ากอดร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความดีใจอย่างที่สุด เสียงร่ำไห้ลั่นเรือนเล็กแรงสะอื้นสั่นไหวจนเขตรู้สึกได้

            "แม่วาดเป็นอะไร ไม่สบายไปหาหมอไหมครับ" ชายหนุ่มจับมือหญิงวัยกลางคนไว้แน่น พร้อมกับลูบเนื้อตัวของนางเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง

            ขอบตาแม่วาดแดงช้ำแสดงว่าร่ำไห้เรื่องที่เสียใจอยู่หลายหน สีหน้าซีดเซียวบ่งบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เครียดจนนอนไม่หลับ มีเรื่องอะไรหนอถึงทำให้แม่วาดของเขาเสียใจร่ำไห้ได้ขนาดนี้

            "คุณเขต เรื่องนี้มีแค่คุณเขตเท่านั้นที่จะช่วยได้"

            "แม่วาดหยุดร้องไห้ก่อน แล้วพูดกับผมให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่วาดถึงต้องร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้" เขตเอ่ยถามอย่างเป็นงานเป็นการ

            "ใครทำอะไรแม่วาดหรือครับ หรือว่าคุณพ่อดุอะไรแม่วาดหรือเปล่า" เขตคิดถึงบิดาซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เขามัวแต่ห่วงหญิงวัยกลางคนว่ามีเรื่องทุกข์ร้อนอันใดจึงรีบมาหาก่อน

            "คุณท่านค่ะ คุณเขต" แม่วาดปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง

            "คุณพ่อเหรอครับ คุณพ่อทำไม" เขตเอะใจเรื่องบิดาขึ้นมาทันที หรือว่าคุณขรรค์ชัยจะไม่สบายแล้วไม่ยอมบอกให้ใครรู้

            "คุณท่านจะมีคุณผู้หญิงใหม่ให้บ้านเรา คุณท่านลืมคุณแม่ของคุณเขต คุณท่านจะพาผู้หญิงเข้าบ้านค่ะ" สิ้นคำแม่วาดก็ร่ำไห้อีกครั้ง

            เขตตกตะลึงกับเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้ บิดากำลังจะมีแม่เลี้ยงให้กับเขา เขตไม่อยากจะเชื่อ

            "ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วคุณพ่ออยู่ที่ไหน" ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาทันที

            ไม่มีใครให้คำตอบ แม่วาดเอาแต่ร่ำไห้สาวใช้ต่างพากันก้มหน้า ทุกคนหลบสายตาที่เด็ดขาดของเขตกันหมด มีเพียงคนเดียวที่จะให้คำตอบเรื่องนี้กับเขาได้ คุณขรรค์ชัย บิดาสุดที่รักนั่นเอง

 

            ดึกแล้วแต่เขตยังคงนั่งอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน คุณขรรค์ชัยยังไม่กลับเข้ามายิ่งทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น เมื่อสายตาเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้างฝาซึ่งบอกเวลาว่าเกือบจะเที่ยงคืน

            หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากปากของพี่เลี้ยงคนเก่าคนแก่จนรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้แม่วาดร้องไห้ฟูมฟายตามให้กลับมาจากเกาะลา สถานที่ทำงานของเขตและจะว่าไปที่นั่นคืออาณาจักรของเขา

            'คุณท่านเปลี่ยนไปตั้งแต่รู้จักผู้หญิงคนนั้น อะไรๆ ก็มีแค่ชื่อหนูน้ำผึ้งไปหมด ไม่รู้ว่าท่านโดนคุณไสยหรือเสน่ห์ยาแฝดอะไรหรือเปล่า' แม่วาดเล่าไปซับน้ำตาไป

            เขตถอนหายใจเบาๆ เอนตัวลงนอนบนโซฟา หันหน้าไปที่รูปของมารดาผู้ล่วงลับ ความคิดถึงความโหยหาที่มีต่อมารดาผู้จากไปไม่เคยจางหาย ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่อยากเชื่อคำพูดของแม่วาดนัก และไม่เชื่อด้วยว่าความรักที่คุณขรรค์ชัยเคยมีให้ภรรยาจะเปลี่ยนไปในวันนี้

          'คุณเขตคิดดูนะคะ ถ้าคุณท่านไม่คิดอะไรหรือโดนแม่นั่นเป่าหูจนเคลิ้ม คงไม่มีทางเซ็นเช็คห้าล้านให้ แบบนี้ไม่จัดการไม่ได้แล้วนะคะ'

            'ให้เงินห้าล้านเลยเหรอครับ'

            'ไม่ใช่แค่เงินนะคะ คราวก่อนก็ช่วยซื้อสร้อยเพชรราคาไม่รู้กี่ล้านอีก คุณเขตคิดดูบ้านเราไม่มีผู้หญิง แล้วคุณท่านจะซื้อสร้อยเพชรไปทำไมกัน หรือว่าจะซื้อให้แม่นั่นก็ไม่รู้'

            'ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครครับ ทำไมคุณพ่อถึงได้ดูทุ่มเทให้นัก'

            'เห็นว่าเป็นลูกสาวคนรู้จักค่ะ แต่รู้จักแบบนี้แม่วาดว่าไม่ดีมั้งคะ คนอะไรหน้าตาก็ดีเห็นว่าเรียนมาก็สูง แต่มาใช้มารยาหญิงหลอกคนแก่แบบนี้ คุณเขตต้องจัดการตัดไฟเสียแต่ต้นล้ม ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป'

 

            เจ้าของเกาะลาถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อคิดทบทวนคำพูดของแม่วาดที่ได้ฟังมาเมื่อเย็นนี้ เขตติดต่อคุณขรรค์ชัยทางโทรศัพท์แต่ก็ติดต่อไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่เปิดโทรศัพท์หรืออาจจะแบตหมดก็สุดจะรู้

            แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปเขาควรรู้ที่มาที่ไปของผู้หญิงที่ชื่อน้ำผึ้งคนนี้เสียก่อน อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นใครมาจากไหน และรู้จักกับบิดาได้อย่างไร ที่สำคัญมันมีเรื่องอะไรถึงต้องมีการให้เงินจำนวนมหาศาลก่อนนั้น

 

            เขตขยับตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถจอดที่หน้าบ้าน เขาเตรียมเรียบเรียงคำพูดที่จะเอ่ยกับบิดาถึงเรื่องที่ค้างคาใจให้สิ้นซาก คุณขรรค์ชัยกลับมาแล้วจริงๆ และทันทีที่พบหน้าบุตรชายก็ทักทายด้วยความดีใจ

            "ว่าไงเจ้าเขต ลมอะไรพัดแกมาจากเกาะลาได้ หรือว่าวันนี้มีมรสุมถล่มเกาะ ถึงได้มาบ้านได้ แล้วนี่มาตั้งแต่เมื่อไรกินอะไรมาหรือยัง" ชายวัยกลางคนถามเหมือนเคย

            "สวัสดีครับ พ่อ" เขตพนมมือไหว้ทักทายด้วยความเคารพ ก่อนจะโผเข้ากอดคุณขรรค์ชัยด้วยความคิดถึงเหมือนที่เคยทำทุกครั้ง

            "ทำไมพ่อกลับดึกจัง" บุตรชายเกริ่นถาม

            "ไปงานเลี้ยงมาเจอคนโน้นคนนี้ก็เลยกลับดึก เสียดายไอ้มือถือเครื่องนี้มันเฮงซวย วันก่อนทำหล่นทีเดียววันนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เลยไม่รู้ว่าแกกลับบ้าน"

            "มือถือพ่อเป็นอะไรครับ ซ่อมหรือว่าซื้อใหม่ได้ไหม" เขตเอ่ยถามพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปพร้อมๆ กับบิดา

            "ไม่ต้องซ่อมหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูผึ้งก็จัดการหาเครื่องใหม่มาให้พ่อแล้ว เออ เขตมาก็ดีแล้ว พ่อมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย"

            "เรื่องอะไรครับ"

            เขตหูผึ่งกับคำว่า หนูผึ้ง ที่บิดาเอ่ยมาก่อนหน้า หนูผึ้งคงจะใช่คนเดียวกับแม่น้ำผึ้งอะไรนั่นที่แม่วาดเล่าให้ฟังเมื่อเย็นแน่ ฟังจากน้ำเสียงแล้วผู้หญิงคนนี้คงสนิทสนมกับคุณขรรค์ชัยน่าดู

            "บริษัทในเครือของเราต้องการพนักงานบัญชีเพิ่มบ้างไหม พ่ออยากจะฝากคนเข้าทำงานที่นั่นสักคน"

            "ทำไมต้องให้ทำบัญชีด้วยครับ แผนกอื่นไม่สนเลยหรือไง" ชายหนุ่มตั้งคำถามกลับไปด้วยความสงสัย

            แม้ในใจจะกังขาแต่เขตก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายใดๆ กลับไป เขาต้องการล้วงทุกคำตอบที่อยู่ในใจจากปากบิดาให้มากที่สุด ก่อนจะค่อยคิดว่าควรทำอย่างไรกับผู้หญิงที่ชื่อน้ำผึ้งคนนี้ดี

            "จบบัญชีมาก็ต้องให้ทำบัญชีซิ" บิดาหยุดยืนที่หน้าห้องแล้วหันมาพูดต่อว่า

            "แกพอมีตำแหน่งว่างให้ไหม แต่ถ้าที่เกาะไม่เอานะ ฉันไม่อยากให้หนูผึ้งไปลำบาก"

            หนูผึ้งอีกแล้ว เอะอะอะไรก็หนูผึ้ง เขตชักเริ่มสงสัยแล้วว่าคำพูดของแม่วาดเป็นเรื่องจริงมากกว่าเรื่องเข้าใจผิดไปเอง สีหน้าของบิดาดูมีความสุขยามเมื่อเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้

            "ที่เกาะไม่ดียังไงครับ เดี๋ยวนี้เจริญแล้วไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างที่เกาะกำลังต้องการคนช่วยเรื่องบัญชีพอดี ที่บริษัททุกอย่างก็ลงตัวหมดแล้ว ถ้าเอาคนอื่นเข้าไปผมว่าจะไม่มีอะไรให้ทำมากกว่า"

            "งั้นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้พ่อฝากเพื่อนคนอื่นก็ได้" คุณขรรค์ชัยเข้าใจบุตรชาย และไม่ก้าวก่ายการบริหารงานนับจากเมื่อวางมือ

            "ใครครับที่พ่อจะฝากงานให้" เขตแกล้งถาม

            "คนรู้จักกัน เป็นเพื่อนคนแก่ให้หายเหงาได้"

            "ช่วยแก้เหงาแบบไหนครับ เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว หรือว่าเพื่อนนอน"

            "ดูพูดเข้า เป็นเพื่อนแกเข้าใจไหม เป็นเพื่อนคนแก่ชวนคุยโน่นนี้ พาให้รู้จักโลกที่มันก้าวไกลกว่าแต่ก่อนน่ะ" คุณขรรค์ชัยรู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้คำพูดคำจาของบุตรชายจะรุนแรงกว่าทุกวัน

            "ผมเข้าใจครับ พ่อไปพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเจอกัน" เขตยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวลาบิดาที่หน้าห้องนอน

            "แกจะกลับเกาะลาเมื่อไร เจ้าเขต" คุณขรรค์ชัยเอ่ยถาม พร้อมทั้งสังเกตสีหน้าและแววตาของบุตรชายที่เหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา

            "พรุ่งนี้ครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมจะกลับพรุ่งนี้"

            "แกมีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงได้กลับบ้าน คุยกับพ่อได้นะ" บิดาเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

            "ผมสบายดีครับ แค่คิดถึงและห่วงพ่อก็เลยขับรถมาดู พ่อไปพักผ่อนเถอะครับ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะพ่อ" เขตส่งรอยยิ้มให้บิดาอีกครั้ง แล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องนอนของตนทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการงานด่วนเฉพาะกิจด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

            "พรุ่งนี้ฉันต้องการบัญชีการใช้จ่ายเงินของคุณพ่อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา อ้อ อยากรู้ว่ายอดห้าล้านที่เซ็นเช็คให้ใครชื่ออะไร และถ้ามียอดเงินที่เกินกว่าหนึ่งล้านบาทให้ลิสต์ออกมาให้ฉันทุกรายการ พรุ่งนี้ก่อนหกโมงเช้าฉันต้องได้"

 

            คุณขรรค์ชัยเงยหน้าขึ้นจากการอ่านหนังสือพิมพ์บนโต๊ะอาหาร เมื่อได้ยินคำถามที่ออกจากปากลูกชายสุดที่รัก ซึ่งตั้งคำถามราวกับว่าเขากำลังเป็นนักโทษร้ายแรงที่ต้องให้ปากคำต่อหน้าศาล

            "มันธุระอะไรของแก เจ้าเขต ถึงได้มาตรวจสอบการใช้เงินของฉัน" น้ำเสียงชายวัยกลางคนดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก

            ร้อยวันพันปีลูกชายตัวดีไม่เคยมาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ และเขาเองก็ไม่เคยใช้เงินในเรื่องไม่จำเป็นหรือใช้จ่ายใดเกินกว่าฐานะ แต่จู่ๆ เช้านี้เขตกลับตั้งคำถามถึงเงินห้าล้านบาท ที่ชายวัยกลางคนเพิ่งจะสั่งให้ฝ่ายบัญชีจัดการเงินก้อนนี้ ไปต่อชีวิตและลมหายใจของผู้ทุกข์ยากที่มาขอความช่วยเหลือ

            "เงินตั้งห้าล้านนะครับพ่อ ผม ในฐานะผู้บริหารก็ควรต้องรู้ว่าเงินที่จะจ่ายโบนัสพนักงานปีนี้ไปไหน" เขตพูดตรงไปตรงมา

            ความจริงเขตไม่อยากใช้คำพูดที่รุนแรงกับบิดาหนัก แต่เพราะต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีของผู้หญิงที่ชื่อมธุรส และยังจะเรื่องสร้อยเพชรมูลค่าหลักล้านที่นมวาดพูดถึงอีก และหลายพฤติกรรมที่ทำให้ชายหนุ่มครุ่นคิดมาตลอดคืนว่า คุณขรรค์ชัยกำลังพบรักในบั้นปลายชีวิต หรือกำลังถูกสาวรุ่นลูกหลอกกันแน่

            เขตใช้เวลาแค่คืนเดียวสืบหาประวัติของผู้หญิงที่ชื่อมธุรสคนนี้ และสั่งให้ฝ่ายบัญชีส่งบัญชีการใช้จ่ายเงินของบิดามาให้ดู เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าภายในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานี้ มีการสั่งจ่ายเงินให้กับผู้หญิงที่ชื่อมธุรสเกินกว่าห้าล้านบาทแล้ว จึงทำให้เขาไม่อาจนิ่งนอนใจต่อไปอีกได้ และต้องรีบจัดการก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

            "ถ้าแกไม่สบายใจ เดี๋ยวฉันเอาเงินในบัญชีมาคืนให้ก็ได้" คุณขรรค์ชัยจบเรื่องนี้ด้วยการเดินไปหยิบสมุดเช็คและทำท่าจะเขียนยอดเงินลงไปจริงๆ

            "ผมไม่ได้อยากได้เงินของพ่อ แต่อยากรู้ว่าเพราะอะไร พ่อถึงได้ใจป้ำให้เงินผู้หญิงคนนั้นไปฟรีๆ เป็นหลักล้าน" บุตรชายตั้งคำถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

            "แกเอาเงินของแกคืนไป แล้วไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก" ชายวัยกลางคนลงชื่อในสมุดเช็คแล้วฉีกส่งให้บุตรชายทันที

            "ผมไม่รับเงินพ่อหรอกครับ ผมต้องการแค่คำตอบเท่านั้น" เขตยืนยันคำเดิมอีกครา

            "ไม่มีคำตอบ นี่มันเรื่องส่วนตัวพ่ออยากจะทำอะไรต้องรายงานแกทุกเรื่องหรือไง แล้วเรื่องนี้ใครเป็นคนบอกให้แกรู้" ไม่ต้องพูดคุณขรรค์ชัยก็เดาออกว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นนมวาดแน่ๆ

            "พ่อครับ ถ้าพ่อจะแต่งงานมีแม่ใหม่ให้ผม ผมโอเคนะ แล้วจะช่วยพ่อจัดการทุกอย่างด้วย แต่แบบนี้ผมบอกเลยว่ารับไม่ได้"

            เขาโตแล้วและเข้าใจโลกพอที่จะเปิดใจรับเรื่องเหล่านี้ได้ มารดาของเขตลาจากโลกนี้ไปนานนับสิบปี บิดาทุ่มเทชีวิตเพื่อก่อตั้งเคพีกรุ๊ปจนเป็นปึกแผ่นมั่นคงจนทุกวันนี้ หากบั้นปลายชีวิตคุณขรรค์ชัยคิดอยากจะมีใครสักคนเพื่อเป็นเพื่อนคู่คิด หรือดูแลกันไปจนวันตายชายหนุ่มก็ไม่ห้าม เพียงแต่...

            "ผู้หญิงคนนั้นอายุน้อยกว่าผมอีก พ่อแน่ใจได้ไงครับว่าเธอไม่ได้มาหลอก"

            "หนูผึ้งไม่ใช่คนแบบนั้น" ชายวัยกลางคนรู้ดีว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงนิสัยเช่นไร

            "แล้วเป็นคนแบบไหนถึงได้กล้าขอเงินหลักล้านไป โดยไม่มีอะไรมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือสัญญากู้ยืมสักฉบับก็ไม่มี อย่าบอกนะว่าพ่อให้ด้วยความเสน่หา"

            "ไอ้เขต จะมากไปแล้วนะ จะพูดจะจาอะไรให้เกียรติหนูผึ้งหน่อย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากช่วยเหลือด้วยใจจริง"

            "โอ้โห พ่อพระจริงๆ พ่อผม ผมชักอยากเห็นหน้าหนูผึ้งของพ่อแล้วซิ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรถึงได้ทำให้พ่อผมเมตตาได้ขนาดนี้" ดวงตาคู่คมวาววับขึ้นเป็นประกาย เขตเริ่มไม่พอใจที่เห็นบิดาออกหน้าปกป้องผู้หญิงคนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            "แกอย่ายุ่งกับหนูผึ้ง แล้วก็กลับไปทำงานได้แล้ว อ้อ วันหลังถ้าแม่วาดโทรศัพท์ไปพูดอะไรอีก แกก็ไม่ต้องสนใจเพราะแม่นมของแกไม่ได้รู้ความจริงทุกเรื่องหรอก"

            คุณขรรค์ชัยกล่าวเพียงแค่นั้นแล้ววางเช็คมูลค่าสิบล้านไว้ตรงหน้าของเขต ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องโดยที่เขตได้แต่มองตามและไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้น ทว่าเมื่อลับหลังบิดา ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการต่อทันที

            "ฉันต้องการรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วมาเกี่ยวพันกับคุณพ่อตั้งแต่เมื่อไร อ้อ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากเจอผู้หญิงคนนี้สักครั้ง วันนี้" แววตาของเจ้าของเกาะลาเป็นประกายเจิดจ้า เขตหยิบเช็คมูลค่าสิบล้านที่บิดาเขียนให้เมื่อครู่นี้มาไว้ในมือ มองมันอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากบ้านไปทันที

 

            บ้านสวนริมคลองแถบเมืองนนท์คือที่อาศัยของผู้หญิงที่เขตต้องการพบ ทันทีที่รู้ว่าที่อยู่ของเจ้าหล่อนอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่รอช้า สั่งให้คนรถพาไปที่นั่นโดยเร็วเพราะต้องการเห็นหน้าของผู้หญิงที่ทำให้บิดาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

            เขตสำรวจรอบบ้านแล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า เจ้าหล่อนอาจจะใช้ความสาวหลอกเอาเงินคุณขรรค์ชัยมาจริงอย่างที่ใครๆ พูด หรือว่าบิดาอาจจะหลงเสน่ห์เด็กรุ่นลูกเข้าให้แล้วถึงได้ประเคนเงินทองให้กันขนาดนี้

            เพียงแต่ที่เขตสงสัยและไม่เข้าใจมากไปกว่านั้นก็คือ บิดาไม่รู้จริงๆ หรือว่าผู้หญิงที่ชื่นชมหนักหนามีลูกมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว

            "แม่ผึ้งขา" เสียงร้องเรียกทำให้เขตต้องหันไปมอง

            ร่างสมส่วนในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาสั้นถึงหัวเข่าเดินยิ้มมาแต่ไกล เจ้าของเกาะลากระพริบตาให้แน่ใจอีกครั้งว่า คนที่กำลังเดินมาคนนี้แหล่ะ คือแม่ผึ้งหรือหนูผึ้งของบิดาคนเดียวกันแน่

            เขตนึกเสียดายไม่น้อยที่เจ้าหล่อนมีเด็กน้อยน่าตาน่าชังร้องเรียกคำว่าแม่ ถ้าพูดกันไปตามความจริงแล้ว แม่ผึ้งหรือหนูผึ้งของคุณขรรค์ชัยก็น่าตาน่ารักไม่น้อย ดูจากไกลๆ ก็ยังมองเห็นความสวยสดใสที่น่าชวนมอง เพียงแต่มีลูกมีสามีแล้วต่อให้น่ารักแค่ไหนก็ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่ง

            เขตซุ่มดูอยู่ห่างๆ โดยไม่แสดงตัวจับจ้องทุกอิริยาบถของแม่ผึ้งไว้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเพลินเมื่อรอยยิ้มบนใบหน้าหวานชวนให้เขามองอย่างไม่อาจละสายตา ยามเจ้าหล่อนดูแลเด็กน้อย มอบรอยยิ้มแสนหวานและอ่อนโยนให้ ราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ประทานของขวัญชิ้นงามให้แก่ผู้ร้องขอ น่าดู เพลินตาและสบายใจเหลือเกิน

            "แม่ผึ้งขา พ่อภุชงค์มาค่ะ" เสียงเด็กน้อยร้องเรียกและชี้มือไปหาบุคคลที่เดินใกล้จะถึงสองแม่ลูก

            เขตขบกรามแน่นสายตาวาววับเป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเด็กน้อยโผเข้ากอดชายที่เรียกว่าพ่อด้วยรอยยิ้ม นั่นไม่เท่ากับรอยยิ้มจากใบหน้าหวานของแม่ผึ้งที่มองสองพ่อลูกโผเข้ากอดกันด้วยสายตาแห่งความสุข เสียงหัวเราะที่บาดหัวใจเจ้าของเกาะลาจนแทบทนอยู่เฉยไม่ได้

            ยิ่งเห็นภาพทั้งสามหัวเราะและยิ้มให้แก่กันอย่างมีความสุขด้วยแล้ว เขตยิ่งรู้สึกสงสารแกมหมั่นไส้คุณขรรค์ชัยเหลือเกิน

            พ่อนะพ่อ จะมีแม่ใหม่ให้เขาทั้งที หาดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องเอาผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่ใช้ความสาวมาหลอกล่อคนแก่ด้วยนะ

 

            "พูดบ้าอะไรของแก เจ้าเขต" เสียงบิดาตะโกนลั่นโต๊ะอาหาร สีหน้าคุณขรรค์ชัยแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างเห็นได้ชัด

            "หนูผึ้งยังโสดไม่มีครอบครัว แกเอาที่ไหนมาพูดว่ามีสามีมีลูกแล้ว แล้วแกเห็นด้วยตาตัวเองหรือใครมาพูดให้ฟังอีก" ประมุขของบ้านพีระชัยปรายตามองไปทางแม่นมวาดที่ยืนก้มหน้าอยู่ถัดไป

            "เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน และผมขอร้องให้พ่อเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ซะ" บุตรชายประกาศก้อง

            เขตคิดมาทั้งคืนแล้วว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ทีแรกเขาคิดว่าจะไม่สนใจและกลับเกาะลาไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตนเองเสีย แต่พอมาคิดทบทวนอีกที


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2024