ปีศาจ (เสนีย์ เสาวพงศ์)
เนื้อหาบางส่วน
หลังการจากไปของ "เสนีย์ เสาวพงศ์" มีเสียงร่ำร้องจากผู้อ่านให้พิมพ์ "ปีศาจ" ออกมาอีกคำรบหนึ่ง โดยเฉพาะเล่มที่เป็นหนังสืองานศพ ซึ่งในตลาดมืดมีราคาสูงหลายพันบาท สำนักพิมพ์เห็นเป็นการดีที่ผู้อ่านจะได้มีโอกาสสัมผัสถึงสุดยอดนวนิยายระดับอมตะเรื่องนี้อีกครั้ง จึงจัดพิมพ์ออกมาอย่างประณีต ออกแบบปกใหม่ให้ทันสมัย เพื่อแสดงให้เห็นว่า "ปีศาจ" ไม่อาจตายไปตามกาลเวลา ดังเช่นที่ "สาย สีมา" ตัวเอกของเรื่องที่ลุกขึ้นกล่าวต่อหน้าสมาคมชนชั้นสูง อันเป็นฉากเด็ดของเรื่อง"
สำหรับ "ปีศาจ" ฉบับพิเศษนี้ ได้คงข้อเขียน และภาพประกอบทุกอย่างเหมือนเล่มหนังสืองานศพไม่ผิดเพี้ยน และยังมีการเพิ่มบทความวิเคราะห์ที่ดึงเอามาจากนิตยสารไรเตอร์มามาใส่ไว้ด้วย เพื่อความสมบูรณ์พร้อมของเนื้อหา และเป็นของกำนัลแด่ผู้อ่านในการที่จะมีเหตุผลกับตัวเองเพื่อครอบครอง "ปีศาจ" อีกครั้งหนึ่ง
และการพิมพ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง 2558 "ปีศาจ" คือนวนิยายเพียงเล่มเดียวในเมืองไทยที่ถูกพิมพ์ซ้ำยาวนานที่สุด
ในขณะเดียวกันประเด็นสังคมที่นวนิยายเรื่อง "ปีศาจ" ได้เคยวิพากษ์ไว้นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาที่ล่วงเลย
หวังว่าวันหนึ่ง คนจะเลิกอ่าน "ปีศาจ" กันเสียที เพราะนั่นเท่ากับความ ความเหลื่อมล้ำ ความไม่ชอบธรรมในสังคมได้รับการเยียวยา และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
รายละเอียด
หลังการจากไปของ "เสนีย์ เสาวพงศ์" มีเสียงร่ำร้องจากผู้อ่านให้พิมพ์ "ปีศาจ" ออกมาอีกคำรบหนึ่ง โดยเฉพาะเล่มที่เป็นหนังสืองานศพ ซึ่งในตลาดมืดมีราคาสูงหลายพันบาท สำนักพิมพ์เห็นเป็นการดีที่ผู้อ่านจะได้มีโอกาสสัมผัสถึงสุดยอดนวนิยายระดับอมตะเรื่องนี้อีกครั้ง จึงจัดพิมพ์ออกมาอย่างประณีต ออกแบบปกใหม่ให้ทันสมัย เพื่อแสดงให้เห็นว่า "ปีศาจ" ไม่อาจตายไปตามกาลเวลา ดังเช่นที่ "สาย สีมา" ตัวเอกของเรื่องที่ลุกขึ้นกล่าวต่อหน้าสมาคมชนชั้นสูง อันเป็นฉากเด็ดของเรื่อง"
สำหรับ "ปีศาจ" ฉบับพิเศษนี้ ได้คงข้อเขียน และภาพประกอบทุกอย่างเหมือนเล่มหนังสืองานศพไม่ผิดเพี้ยน และยังมีการเพิ่มบทความวิเคราะห์ที่ดึงเอามาจากนิตยสารไรเตอร์มามาใส่ไว้ด้วย เพื่อความสมบูรณ์พร้อมของเนื้อหา และเป็นของกำนัลแด่ผู้อ่านในการที่จะมีเหตุผลกับตัวเองเพื่อครอบครอง "ปีศาจ" อีกครั้งหนึ่ง
และการพิมพ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง 2558 "ปีศาจ" คือนวนิยายเพียงเล่มเดียวในเมืองไทยที่ถูกพิมพ์ซ้ำยาวนานที่สุด
ในขณะเดียวกันประเด็นสังคมที่นวนิยายเรื่อง "ปีศาจ" ได้เคยวิพากษ์ไว้นั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาที่ล่วงเลย
หวังว่าวันหนึ่ง คนจะเลิกอ่าน "ปีศาจ" กันเสียที เพราะนั่นเท่ากับความ ความเหลื่อมล้ำ ความไม่ชอบธรรมในสังคมได้รับการเยียวยา และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี