Customer Reviews

เราว่า 99% ของคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษมีปัญหาเรื่องการจำศัพท์ค่ะ คือรู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร แต่กลับนึกคำศัพท์ที่เป็นภาษาอังกฤษไม่ออก ถ้าจะใช้วิธีการซึมซับคำศัพท์ไปทีละเล็กละน้อยก็คงใช้เวลานาน ไม่ทันการณ์แน่ๆ เพราะคนไทยก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันด้วย การท่องศัพท์โดยอาศัยเทคนิคต่างๆเข้ามาเป็นตัวช่วยจึงน่าจะเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดแล้ว สำหรับเทคนิคการจำศัพท์ที่หนังสือเล่มนี้ใช้ก็คือการจัดหมวดหมู่หรือการจัดกลุ่มคำศัพท์นั่นเองค่ะ ในหนังสือจะแบ่งกลุ่มคำศัพท์ออกเป็น 7 หมวดหมู่ คือ อาหาร ผู้คน ชีวิต การคมนาคม การศึกษา ความบันเทิง และธรรมชาติ โดยในแต่ละหมวดหมู่ก็จะแบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆลงไปอีก รวมแล้วก็จะมีคำศัพท์ประมาณ 200 คำ ในส่วนของวิธีการจำศัพท์แบบนี้เราว่าโอเคเลยค่ะ จำง่ายและจำได้เร็วดี แต่ว่าด้วยการจัดรูปเล่มทำให้ดูเยอะๆ งงๆ ยังไงไม่รู้อะค่ะ ประมาณว่าดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ อ่านแล้วลายตาไปหมด จะเรียกว่าเทคนิคดีแต่วิธีการเขียนทำลายเทคนิคดีๆไปหมดอะค่ะ เราว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายมากๆเลย เสียดายว่ามีเทคนิคดีๆแล้วน่าจะจัดรูปแบบให้ดูสะอาดตามากกว่านี้ ก็จะทำให้หนังสือเล่มนี้เพอร์เฟ็คเลยค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสามภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ ก็เลยดูเยอะไปหน่อยสำหรับเราซึ่งไม่ได้สนใจภาษาจีนเลย ถ้าตัดภาษาจีนออกไปเหลือแค่ภาษาไทยกับอังกฤษ น่าจะอ่านง่ายมากกว่านี้ แต่ถ้าใครเรียนภาษาจีนอยู่ก็คงชอบค่ะ เอาเป็นว่าเล่มนี้ให้พอผ่านแล้วกันค่ะ ไม่ถึงกับดีมาก

เราว่า 99% ของคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษมีปัญหาเรื่องการจำศัพท์ค่ะ คือรู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร แต่กลับนึกคำศัพท์ที่เป็นภาษาอังกฤษไม่ออก ถ้าจะใช้วิธีการซึมซับคำศัพท์ไปทีละเล็กละน้อยก็คงใช้เวลานาน ไม่ทันการณ์แน่ๆ เพราะคนไทยก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันด้วย การท่องศัพท์โดยอาศัยเทคนิคต่างๆเข้ามาเป็นตัวช่วยจึงน่าจะเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดแล้ว สำหรับเทคนิคการจำศัพท์ที่หนังสือเล่มนี้ใช้ก็คือการจัดหมวดหมู่หรือการจัดกลุ่มคำศัพท์นั่นเองค่ะ ในหนังสือจะแบ่งกลุ่มคำศัพท์ออกเป็น 7 หมวดหมู่ คือ อาหาร ผู้คน ชีวิต การคมนาคม การศึกษา ความบันเทิง และธรรมชาติ โดยในแต่ละหมวดหมู่ก็จะแบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆลงไปอีก รวมแล้วก็จะมีคำศัพท์ประมาณ 200 คำ ในส่วนของวิธีการจำศัพท์แบบนี้เราว่าโอเคเลยค่ะ จำง่ายและจำได้เร็วดี แต่ว่าด้วยการจัดรูปเล่มทำให้ดูเยอะๆ งงๆ ยังไงไม่รู้อะค่ะ ประมาณว่าดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ อ่านแล้วลายตาไปหมด จะเรียกว่าเทคนิคดีแต่วิธีการเขียนทำลายเทคนิคดีๆไปหมดอะค่ะ เราว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายมากๆเลย เสียดายว่ามีเทคนิคดีๆแล้วน่าจะจัดรูปแบบให้ดูสะอาดตามากกว่านี้ ก็จะทำให้หนังสือเล่มนี้เพอร์เฟ็คเลยค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสามภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ ก็เลยดูเยอะไปหน่อยสำหรับเราซึ่งไม่ได้สนใจภาษาจีนเลย ถ้าตัดภาษาจีนออกไปเหลือแค่ภาษาไทยกับอังกฤษ น่าจะอ่านง่ายมากกว่านี้ แต่ถ้าใครเรียนภาษาจีนอยู่ก็คงชอบค่ะ เอาเป็นว่าเล่มนี้ให้พอผ่านแล้วกันค่ะ ไม่ถึงกับดีมาก

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมประโยคสนทนาที่จำเป็นต้องใช้ในเวลาที่เราต้องการไปช็อปปิ้งในสถานที่ต่างๆค่ะสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะไปเรียนหรือว่าไปทำงาน เราว่าเป็นหนังสือที่จะช่วยให้ผู้อ่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการจับจ่ายซื้อของค่ะ เพราะว่าหนังสือได้รวบรวมประโยคสนทนาที่ใช้สื่อสารได้จริง เอาไว้ใช้เวลาไปซื้อของตามร้านค้าประเภทต่างๆ หลายประเภทเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร้านของกิน ของใช้ ร้านหนังสือ ร้านขายอุปกรณ์ประเภทต่างๆ เราว่าครอบคลุมหมดทุกประเภทแล้วค่ะ พกเล่มนี้ไว้รับรองว่าสบายใจหายห่วง สำหรับคนที่ไม่ได้ไปต่างประเทศก็อ่านได้เหมือนกัน เพราะว่าประโยคตัวอย่างในหนังสือส่วนใหญ่จะเป็นประโยคง่ายๆพื้นฐานอะค่ะ แต่สำหรับคนไทย เราว่าเรื่องพื้นฐานแบบนี้บางทีก็ไม่ได้สอนกันนะคะ จะเน้นไปที่การจำศัพท์ยากๆ หรือว่าพวกแกรมม่ามากกว่า จนละเลยเรื่องประโยคพื้นฐานที่ใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันไป นอกจากเรื่องประโยคเพื่อการสื่อสารแล้ว ในหนังสือก็จะมีเรื่องของเกร็ดความรู้เสริมให้ด้วยค่ะ อย่างเช่นพวกคำศัพท์ต่างๆ เวลาเราไปซื้อของบางทีเราอาจนึกศัพท์ไม่ออกว่าอันนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร หนังสือก็จะช่วยผู้อ่านในเรื่องนี้ได้เลยค่ะ เราอ่านแล้วชอบนะคะ อ่านง่าย ศัพท์ไม่ยากแต่ใช้งานได้จริง จำใช้ได้เลย โดยไม่ต้องมานั่นนึกเรียบเรียงเอาเองว่าประโยคแบบนี้ ภาษาอังกฤษจะต้องพูดว่าอย่างไร ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เยอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิดพูดถูก เล่มนี้ให้ 9 เต็ม 10 ค่ะ

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมประโยคสนทนาที่จำเป็นต้องใช้ในเวลาที่เราต้องการไปช็อปปิ้งในสถานที่ต่างๆค่ะสำหรับคนที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะไปเรียนหรือว่าไปทำงาน เราว่าเป็นหนังสือที่จะช่วยให้ผู้อ่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการจับจ่ายซื้อของค่ะ เพราะว่าหนังสือได้รวบรวมประโยคสนทนาที่ใช้สื่อสารได้จริง เอาไว้ใช้เวลาไปซื้อของตามร้านค้าประเภทต่างๆ หลายประเภทเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นร้านของกิน ของใช้ ร้านหนังสือ ร้านขายอุปกรณ์ประเภทต่างๆ เราว่าครอบคลุมหมดทุกประเภทแล้วค่ะ พกเล่มนี้ไว้รับรองว่าสบายใจหายห่วง สำหรับคนที่ไม่ได้ไปต่างประเทศก็อ่านได้เหมือนกัน เพราะว่าประโยคตัวอย่างในหนังสือส่วนใหญ่จะเป็นประโยคง่ายๆพื้นฐานอะค่ะ แต่สำหรับคนไทย เราว่าเรื่องพื้นฐานแบบนี้บางทีก็ไม่ได้สอนกันนะคะ จะเน้นไปที่การจำศัพท์ยากๆ หรือว่าพวกแกรมม่ามากกว่า จนละเลยเรื่องประโยคพื้นฐานที่ใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันไป นอกจากเรื่องประโยคเพื่อการสื่อสารแล้ว ในหนังสือก็จะมีเรื่องของเกร็ดความรู้เสริมให้ด้วยค่ะ อย่างเช่นพวกคำศัพท์ต่างๆ เวลาเราไปซื้อของบางทีเราอาจนึกศัพท์ไม่ออกว่าอันนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร หนังสือก็จะช่วยผู้อ่านในเรื่องนี้ได้เลยค่ะ เราอ่านแล้วชอบนะคะ อ่านง่าย ศัพท์ไม่ยากแต่ใช้งานได้จริง จำใช้ได้เลย โดยไม่ต้องมานั่นนึกเรียบเรียงเอาเองว่าประโยคแบบนี้ ภาษาอังกฤษจะต้องพูดว่าอย่างไร ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เยอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิดพูดถูก เล่มนี้ให้ 9 เต็ม 10 ค่ะ

ความจัดจ้านและเผ็ดร้อนของอาหารได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยไปแล้วค่ะ ถ้าไม่เผ็ดจะเรียกว่าเป็นอาหารไทยแท้ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก ความเผ็ดของอาหารไทยช่วยทำให้การกินของคนไทยนั้นออกรสชาติมากขึ้น อย่างที่ฝรั่งเค้าพูดกันว่า enjoy eating นั่นเอง นอกจากความเผ็ดร้อนแล้ว เรื่องของสมุนไพรก็น่าจะเป็นเสน่ห์อีกอย่างของอาหารไทยนะคะ เรียกว่าอาหารไทยต้องครบทั้งรสชาติแล้วก็คุณค่าทางโภชนาการก็ว่าได้ แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ก็จะมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพริกและพริกแกงประเภทต่างๆที่ช่วยเพิ่มความเผ็ดจัดจ้านให้กับอาหาร เคล็ดลับของความอร่อยในแบบเผ็ดๆเป็นยังไงสามารถอ่านได้จากหนังสือเล่มนี้ มาในส่วนของเมนูกันบ้าง เราว่าหนังสือเล่มนี้มีเมนูหลากหลายดีค่ะทั้งผัด แกง ต้ม โดยเฉพาะเมนูผัด เราว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยลองกินมา อย่างเช่นผัดขี้เมาปลาดุกกรอบกับพริกไทยอ่อน ผัดเผ็ดปลาใบยี่หร่า ผัดเขียวหวานปลาดุกใส่กล้วยดิบ ผัดเผ็ดหมูเหมงมะพร้าวก็อร่อย ในส่วนของเมนูแกง สำหรับเราก็แปลกดีค่ะ เพียงแต่ว่ารสชาติอาจจะยังไม่จัดจ้านเท่าที่ควร ต้องเพิ่มส่วนผสมลงไปอีกหน่อย ลืมบอกไปว่าเมนูลาบก็อร่อยใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลาบปลาหมึก ลาบปลาดุกผัด หรือแม้แต่เมนูเบสิคๆอย่างลาบหมูก็โอเคเลย สำหรับใครที่อยากทำอาหารให้ได้รสชาติเผ็ดร้อนแบบไทยๆแล้วละก็ หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ แปลก อร่อย ทำไม่ยาก ได้เมนูหลากหลาย ถือว่าครบเลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน

ความจัดจ้านและเผ็ดร้อนของอาหารได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทยไปแล้วค่ะ ถ้าไม่เผ็ดจะเรียกว่าเป็นอาหารไทยแท้ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปาก ความเผ็ดของอาหารไทยช่วยทำให้การกินของคนไทยนั้นออกรสชาติมากขึ้น อย่างที่ฝรั่งเค้าพูดกันว่า enjoy eating นั่นเอง นอกจากความเผ็ดร้อนแล้ว เรื่องของสมุนไพรก็น่าจะเป็นเสน่ห์อีกอย่างของอาหารไทยนะคะ เรียกว่าอาหารไทยต้องครบทั้งรสชาติแล้วก็คุณค่าทางโภชนาการก็ว่าได้ แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ก็จะมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพริกและพริกแกงประเภทต่างๆที่ช่วยเพิ่มความเผ็ดจัดจ้านให้กับอาหาร เคล็ดลับของความอร่อยในแบบเผ็ดๆเป็นยังไงสามารถอ่านได้จากหนังสือเล่มนี้ มาในส่วนของเมนูกันบ้าง เราว่าหนังสือเล่มนี้มีเมนูหลากหลายดีค่ะทั้งผัด แกง ต้ม โดยเฉพาะเมนูผัด เราว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยลองกินมา อย่างเช่นผัดขี้เมาปลาดุกกรอบกับพริกไทยอ่อน ผัดเผ็ดปลาใบยี่หร่า ผัดเขียวหวานปลาดุกใส่กล้วยดิบ ผัดเผ็ดหมูเหมงมะพร้าวก็อร่อย ในส่วนของเมนูแกง สำหรับเราก็แปลกดีค่ะ เพียงแต่ว่ารสชาติอาจจะยังไม่จัดจ้านเท่าที่ควร ต้องเพิ่มส่วนผสมลงไปอีกหน่อย ลืมบอกไปว่าเมนูลาบก็อร่อยใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลาบปลาหมึก ลาบปลาดุกผัด หรือแม้แต่เมนูเบสิคๆอย่างลาบหมูก็โอเคเลย สำหรับใครที่อยากทำอาหารให้ได้รสชาติเผ็ดร้อนแบบไทยๆแล้วละก็ หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ แปลก อร่อย ทำไม่ยาก ได้เมนูหลากหลาย ถือว่าครบเลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวังคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน

จานอร่อยจากผู้ชายเข้าครัว เป็นการรวบรวมเมนูอาหารหลากหลายจากฝีมือของหนุ่มจากแวดวงต่างๆที่ต้องลุกขึ้นมาสวมบทบาทเป็นพ่อครัวจำเป็น แน่นอนว่าพวกเค้าไม่ได้เป็นกูรูด้านการทำอาหารเลยซักคน แต่อาศัยการมีใจรักและความสนใจส่วนตัวในการสร้างสรรค์เมนูต่างๆในแบบฉบับของตัวเอง รสชาติก็คงจะถูกปากคนทำอยู่แล้ว แต่จะถูกปากคนกินอย่างเราๆรึป่าว อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนแล้วละค่ะ สำหรับเรา เราขอให้คะแนนหน้าตาอาหาร 8 เต็ม 10 ละกัน แต่ในส่วนของรสชาติขอให้แบบพอผ่าน 5 เต็ม 10 ดีกว่า มีประมาณ 4-5 เมนูที่เราให้ 10 เต็ม อย่างเมนูเนื้ออบสูตรคุณแม่ของเสนาหอย เมี่ยงปลาทูของคุณนุติ เขมะโยธินก็อร่อย ราดหน้าฮ่องกงหมูหมักของคุณภูริ ก็ใช้ได้ ปลาจะละเม็ดอบถุงฟลอยด์ก็อร่อย สำหรับเมนูอื่นๆอาจจะอร่อยถูกปากผู้อ่านก็ได้นะคะ อย่างที่บอกไปว่าคงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนมากกว่า นอกเหนือจากเรื่องของความอร่อย มาพูดถึงเรื่องวิธีการทำกันบ้างดีกว่า เราว่าวิธีการทำเมนูต่างๆในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างง่ายเลยค่ะ ถึงเราจะไม่ได้ลองทำทุกเมนู แต่เท่าที่อ่านก็พอรู้ว่าทำไม่ยาก จริงๆแล้ว ถ้าผู้อ่านเป็นมือใหม่ในเรื่องของการเข้าครัว ลองซื้อเล่มนี้ไปอ่านดู ก็น่าจะช่วยฝึกปรือฝีมือได้มากเลยค่ะ ลองทำจากเมนูง่ายๆไปก่อน แล้วค่อยประยุกต์ใส่นู่นนิดใส่นี่หน่อยลงไป เพื่อเพิ่มความแปลกหรือว่ารสชาติใหม่ๆให้ถูกปากของตัวเองก็ได้ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

จานอร่อยจากผู้ชายเข้าครัว เป็นการรวบรวมเมนูอาหารหลากหลายจากฝีมือของหนุ่มจากแวดวงต่างๆที่ต้องลุกขึ้นมาสวมบทบาทเป็นพ่อครัวจำเป็น แน่นอนว่าพวกเค้าไม่ได้เป็นกูรูด้านการทำอาหารเลยซักคน แต่อาศัยการมีใจรักและความสนใจส่วนตัวในการสร้างสรรค์เมนูต่างๆในแบบฉบับของตัวเอง รสชาติก็คงจะถูกปากคนทำอยู่แล้ว แต่จะถูกปากคนกินอย่างเราๆรึป่าว อันนี้ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนแล้วละค่ะ สำหรับเรา เราขอให้คะแนนหน้าตาอาหาร 8 เต็ม 10 ละกัน แต่ในส่วนของรสชาติขอให้แบบพอผ่าน 5 เต็ม 10 ดีกว่า มีประมาณ 4-5 เมนูที่เราให้ 10 เต็ม อย่างเมนูเนื้ออบสูตรคุณแม่ของเสนาหอย เมี่ยงปลาทูของคุณนุติ เขมะโยธินก็อร่อย ราดหน้าฮ่องกงหมูหมักของคุณภูริ ก็ใช้ได้ ปลาจะละเม็ดอบถุงฟลอยด์ก็อร่อย สำหรับเมนูอื่นๆอาจจะอร่อยถูกปากผู้อ่านก็ได้นะคะ อย่างที่บอกไปว่าคงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนมากกว่า นอกเหนือจากเรื่องของความอร่อย มาพูดถึงเรื่องวิธีการทำกันบ้างดีกว่า เราว่าวิธีการทำเมนูต่างๆในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างง่ายเลยค่ะ ถึงเราจะไม่ได้ลองทำทุกเมนู แต่เท่าที่อ่านก็พอรู้ว่าทำไม่ยาก จริงๆแล้ว ถ้าผู้อ่านเป็นมือใหม่ในเรื่องของการเข้าครัว ลองซื้อเล่มนี้ไปอ่านดู ก็น่าจะช่วยฝึกปรือฝีมือได้มากเลยค่ะ ลองทำจากเมนูง่ายๆไปก่อน แล้วค่อยประยุกต์ใส่นู่นนิดใส่นี่หน่อยลงไป เพื่อเพิ่มความแปลกหรือว่ารสชาติใหม่ๆให้ถูกปากของตัวเองก็ได้ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

ถ้าใครเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือว่าคนทำงานที่ต้องพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ คอนโด หรือว่าหอพักก็ตาม คงจะต้องมีไมโครเวฟเป็นตัวช่วยในการทำอาหารด้วยกันทั้งนั้น เพราะว่าหอพักส่วนใหญ่ก็จะไม่อนุญาตให้ปรุงอาหารด้วยเตาแก็สใช่มั้ยคะ นอกจากนี้ก็คงเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย เพราะแค่กดปุ่มแล้วรอเวลาก็ได้อาหารร้อนๆจากเตามากินแล้ว ตอนแรกก่อนอ่านหนังสือเล่มนี้ คิดว่าอาหารจากเตาไมโครเวฟ น่าจะเป็นอาหารจำพวกอาหารสำเร็จรูปซะมากกว่า แต่พอลองเปิดอ่านดูก็ต้องแปลกใจ เพราะว่ามีเมนูหลากหลายมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผัด แกง ต้ม อบ นึ่ง ลาบ และก็พวกเมนูของหวานต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเมนูที่สามารถทำได้จากเตาไมโครเวฟด้วยซ้ำ ในส่วนของรสชาติถ้าไม่ใช่นักชิมมืออาชีพ เราว่าก็แทบจะไม่แตกต่างจากเมนูที่ปรุงด้วยเตาแก็สซักเท่าไหร่ ถ้าใครไม่อยากกินแต่อาหารสำเร็จรูปที่จำเจ แต่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ หนังสือเล่มนี้น่าจะตอบโจทย์คุณผู้อ่านได้ดีเลยทีเดียวค่ะ แต่ยังไงก็ตามผู้อ่านที่จะทำเมนูตามหนังสือเล่มนี้ ก็คงจะต้องมีใจรักการทำอาหารเป็นทุนเดิมเหมือนกันนะคะ เพราะว่าเมนูที่มาก็ไม่ใช่ว่าจะทำง่ายซะทีเดียว ต้องอาศัยการเตรียมวัตถุดิบพอสมควรเลยเหมือนกัน ต่างจากเมนูทั่วไปก็ตรงที่ไม่ได้ใช้เตาแก็สเท่านั้นเอง นอกจากนั้นก็เหมือนกันแทบทุกอย่าง สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าจะใช้ไมโครเวฟปรุงได้มั้ย เค้าก็มีเทคนิคและวิธีการสอนไว้ด้วยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าจะทำไม่เป็น เป็นอีกเล่มที่แนะนำค่ะ

ถ้าใครเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือว่าคนทำงานที่ต้องพักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ คอนโด หรือว่าหอพักก็ตาม คงจะต้องมีไมโครเวฟเป็นตัวช่วยในการทำอาหารด้วยกันทั้งนั้น เพราะว่าหอพักส่วนใหญ่ก็จะไม่อนุญาตให้ปรุงอาหารด้วยเตาแก็สใช่มั้ยคะ นอกจากนี้ก็คงเป็นเรื่องของความสะดวกสบาย เพราะแค่กดปุ่มแล้วรอเวลาก็ได้อาหารร้อนๆจากเตามากินแล้ว ตอนแรกก่อนอ่านหนังสือเล่มนี้ คิดว่าอาหารจากเตาไมโครเวฟ น่าจะเป็นอาหารจำพวกอาหารสำเร็จรูปซะมากกว่า แต่พอลองเปิดอ่านดูก็ต้องแปลกใจ เพราะว่ามีเมนูหลากหลายมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผัด แกง ต้ม อบ นึ่ง ลาบ และก็พวกเมนูของหวานต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเมนูที่สามารถทำได้จากเตาไมโครเวฟด้วยซ้ำ ในส่วนของรสชาติถ้าไม่ใช่นักชิมมืออาชีพ เราว่าก็แทบจะไม่แตกต่างจากเมนูที่ปรุงด้วยเตาแก็สซักเท่าไหร่ ถ้าใครไม่อยากกินแต่อาหารสำเร็จรูปที่จำเจ แต่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ หนังสือเล่มนี้น่าจะตอบโจทย์คุณผู้อ่านได้ดีเลยทีเดียวค่ะ แต่ยังไงก็ตามผู้อ่านที่จะทำเมนูตามหนังสือเล่มนี้ ก็คงจะต้องมีใจรักการทำอาหารเป็นทุนเดิมเหมือนกันนะคะ เพราะว่าเมนูที่มาก็ไม่ใช่ว่าจะทำง่ายซะทีเดียว ต้องอาศัยการเตรียมวัตถุดิบพอสมควรเลยเหมือนกัน ต่างจากเมนูทั่วไปก็ตรงที่ไม่ได้ใช้เตาแก็สเท่านั้นเอง นอกจากนั้นก็เหมือนกันแทบทุกอย่าง สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าจะใช้ไมโครเวฟปรุงได้มั้ย เค้าก็มีเทคนิคและวิธีการสอนไว้ด้วยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าจะทำไม่เป็น เป็นอีกเล่มที่แนะนำค่ะ

ก๋วยเตี๋ยวกลายเป็นเมนูประจำชาติของเราไปอีกเมนูหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะทั้งที่ในความเป็นจริง ถ้าพูดถึงที่มาที่ไปแล้ว น่าจะเป็นอาหารที่มาจากประเทศจีนมากกว่า จริงๆแล้วถ้าจะพูดให้ถูกก๋วยเตี๋ยวน่าจะเป็นเมนูประจำจังหวัด ประจำอำเภอ หรือหมู่บ้านด้วยซ้ำ เสน่ห์ของก๋วยเตี๋ยวแบบไทยๆก็น่าจะเป็นเรื่องของน้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้นนี่ละค่ะ สำหรับก๋วยเตี๋ยวในหนังสือเล่มนี้ ก็ตามชื่อเลยค่ะ เป็นการรวบรวมร้านเด่นร้านดังจากทั่วทุกภาคของประเทศ พร้อมรูปประกอบชวนยั่วน้ำลาย พร้อมทั้งคำบรรยายสรรพคุณความอร่อย ราคา สถานที่ และเบอร์โทรติดต่อพร้อมสรรพ บางร้านก็มีแผนที่มาให้ด้วย อ่านจบแล้วแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะออกไปตระเวนชิม ดูเผินๆ ก๋วยเตี๋ยวไม่ว่าจะร้านไหนก็คงไม่แตกต่างกัน แต่เอาเข้าจริงๆ แต่ละร้านเค้าก็จะมีสูตรเด็ดเคล็ดลับแตกต่างกันไป อาจจะเป็นสูตรที่ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย หรือว่าอาจจะเป็นสูตรที่พึ่งคิดค้นขึ้นมาใหม่ก็มี แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับรสชาติความอร่อยที่ผู้อ่านต้องไปลองลิ้มชิมรสกันด้วยตัวเอง สำหรับเรา เราว่าเมนูก๋วยเตี๋ยวตามต่างจังหวัดดูน่ากินมากกว่า เมนูของร้านในกรุงเทพนะคะ เราว่าก๋วยเตี๋ยวเค้าดูมีเสน่ห์ มีการใส่ส่วนผสมแปลกใหม่ๆลงไป ทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะส่วนผสมที่เป็นของพื้นบ้านหรือว่าเป็นของท้องถิ่น ที่บางทีเราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้กับก๋วยเตี๋ยวก็มี ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวบ่อยๆต้องอย่าพลาดแวะชิมกันค่ะ

ก๋วยเตี๋ยวกลายเป็นเมนูประจำชาติของเราไปอีกเมนูหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะทั้งที่ในความเป็นจริง ถ้าพูดถึงที่มาที่ไปแล้ว น่าจะเป็นอาหารที่มาจากประเทศจีนมากกว่า จริงๆแล้วถ้าจะพูดให้ถูกก๋วยเตี๋ยวน่าจะเป็นเมนูประจำจังหวัด ประจำอำเภอ หรือหมู่บ้านด้วยซ้ำ เสน่ห์ของก๋วยเตี๋ยวแบบไทยๆก็น่าจะเป็นเรื่องของน้ำซุปที่มีรสชาติเข้มข้นนี่ละค่ะ สำหรับก๋วยเตี๋ยวในหนังสือเล่มนี้ ก็ตามชื่อเลยค่ะ เป็นการรวบรวมร้านเด่นร้านดังจากทั่วทุกภาคของประเทศ พร้อมรูปประกอบชวนยั่วน้ำลาย พร้อมทั้งคำบรรยายสรรพคุณความอร่อย ราคา สถานที่ และเบอร์โทรติดต่อพร้อมสรรพ บางร้านก็มีแผนที่มาให้ด้วย อ่านจบแล้วแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะออกไปตระเวนชิม ดูเผินๆ ก๋วยเตี๋ยวไม่ว่าจะร้านไหนก็คงไม่แตกต่างกัน แต่เอาเข้าจริงๆ แต่ละร้านเค้าก็จะมีสูตรเด็ดเคล็ดลับแตกต่างกันไป อาจจะเป็นสูตรที่ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย หรือว่าอาจจะเป็นสูตรที่พึ่งคิดค้นขึ้นมาใหม่ก็มี แต่นั่นคงไม่สำคัญเท่ากับรสชาติความอร่อยที่ผู้อ่านต้องไปลองลิ้มชิมรสกันด้วยตัวเอง สำหรับเรา เราว่าเมนูก๋วยเตี๋ยวตามต่างจังหวัดดูน่ากินมากกว่า เมนูของร้านในกรุงเทพนะคะ เราว่าก๋วยเตี๋ยวเค้าดูมีเสน่ห์ มีการใส่ส่วนผสมแปลกใหม่ๆลงไป ทำให้ได้รสชาติที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะส่วนผสมที่เป็นของพื้นบ้านหรือว่าเป็นของท้องถิ่น ที่บางทีเราไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้กับก๋วยเตี๋ยวก็มี ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวบ่อยๆต้องอย่าพลาดแวะชิมกันค่ะ

สำหรับเมนูต้มยำ เราถือว่าเป็นเมนูโปรดประจำตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ เราชอบรสชาติต้มยำแบบไทยๆมาก เพราะมีเสน่ห์ตรงที่ความเผ็ดร้อน แซบ จัดจ้าน และที่สำคัญคือมีส่วนผสมของผักที่เป็นสมุนไพรหลากหลายชนิด ทำให้นอกจากจะอร่อยถูกปากแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่เวลาที่ไปกินข้าวตามร้านอาหารทั่วไป เมนูต้มยำที่น่ากินจริงๆจะไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูต้มยำกุ้งหรือไม่ก็โป๊ะแตก อะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตที่ต้องมีประจำแทบทุกร้าน เราเลือกซื้อเล่มนี้มาเพื่อจะได้ทำกินเองที่บ้านไปซะเลย ต้องบอกเลยว่าทุกเมนูในหนังสือเล่มนี้อร่อยทั้งหมด (เท่าที่เราลองกินมานะคะ) อร่อยในระดับเปิดร้านอาหารได้เลย เท่าที่เราลองทำและอยากจะมาแนะนำก็มีเมนูต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน ต้มยำหัวปลากะพง ต้มยำปลากรอบ ปลาทูนึ่งต้มมะดัน ต้มกะทิเนื้อเค็ม ปลาตะเพียนต้มผักกาดดอง ต้มกะทิฟักปลาช่อนแห้ง ในหนังสือเค้าจะแบ่งออกเป็นเมนูต้มยำ ต้มโคล้ง ต้มส้ม ต้มข่า ต้มกะทิ ต้มเค็ม แล้วก็ต้มหวานค่ะ ส่วนใครอยากรู้ว่าต้มแต่ละประเภทแตกต่างกันยังไง อันนี้ก็สามารถอ่านได้จากบทนำของหนังสือค่ะ ผู้เขียนจะรวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับต้มยำแต่ละประเภทเอาไว้ ตลอดจนเรื่องของเครื่องปรุง เครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆที่เป็นส่วนผสม ย้ำอีกครั้งว่าสูตรต้มยำที่ให้ไว้ในหนังสือเล่มนี้เป็นสูตรที่อร่อยถูกปากเรามาก แล้วก็หวังว่าจะถูกปากผู้อ่านคนอื่นๆเหมือนกันค่ะ เป็นอีกเล่มที่แนะนำ รับรองว่าไม่ผิดหวัง

สำหรับเมนูต้มยำ เราถือว่าเป็นเมนูโปรดประจำตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ เราชอบรสชาติต้มยำแบบไทยๆมาก เพราะมีเสน่ห์ตรงที่ความเผ็ดร้อน แซบ จัดจ้าน และที่สำคัญคือมีส่วนผสมของผักที่เป็นสมุนไพรหลากหลายชนิด ทำให้นอกจากจะอร่อยถูกปากแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่เวลาที่ไปกินข้าวตามร้านอาหารทั่วไป เมนูต้มยำที่น่ากินจริงๆจะไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูต้มยำกุ้งหรือไม่ก็โป๊ะแตก อะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นเมนูยอดฮิตที่ต้องมีประจำแทบทุกร้าน เราเลือกซื้อเล่มนี้มาเพื่อจะได้ทำกินเองที่บ้านไปซะเลย ต้องบอกเลยว่าทุกเมนูในหนังสือเล่มนี้อร่อยทั้งหมด (เท่าที่เราลองกินมานะคะ) อร่อยในระดับเปิดร้านอาหารได้เลย เท่าที่เราลองทำและอยากจะมาแนะนำก็มีเมนูต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน ต้มยำหัวปลากะพง ต้มยำปลากรอบ ปลาทูนึ่งต้มมะดัน ต้มกะทิเนื้อเค็ม ปลาตะเพียนต้มผักกาดดอง ต้มกะทิฟักปลาช่อนแห้ง ในหนังสือเค้าจะแบ่งออกเป็นเมนูต้มยำ ต้มโคล้ง ต้มส้ม ต้มข่า ต้มกะทิ ต้มเค็ม แล้วก็ต้มหวานค่ะ ส่วนใครอยากรู้ว่าต้มแต่ละประเภทแตกต่างกันยังไง อันนี้ก็สามารถอ่านได้จากบทนำของหนังสือค่ะ ผู้เขียนจะรวบรวมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับต้มยำแต่ละประเภทเอาไว้ ตลอดจนเรื่องของเครื่องปรุง เครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆที่เป็นส่วนผสม ย้ำอีกครั้งว่าสูตรต้มยำที่ให้ไว้ในหนังสือเล่มนี้เป็นสูตรที่อร่อยถูกปากเรามาก แล้วก็หวังว่าจะถูกปากผู้อ่านคนอื่นๆเหมือนกันค่ะ เป็นอีกเล่มที่แนะนำ รับรองว่าไม่ผิดหวัง

การฝึกพูดภาษาอังกฤษจากเรื่องง่ายๆใกล้ตัวในชีวิตประจำวันนั้น เราคิดว่าเป็นการฝึกที่น่าจะได้ผลเร็วกว่าการเรียนจากในห้องเรียนนะคะ การเรียนจากห้องเรียนอาจจะทำให้เราแม่นยำในเรื่องทฤษฎี แต่อาจจะไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารได้อย่างคล่องปาก ในหนังสือเล่มนี้จะเป็นการจำลองสถานการณ์ต่างๆออกมาให้เราได้ฝึกกันค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นเรื่องการทักทายการถามสารทุกข์สุกดิบ การกล่าวลา การแนะนำตนเอง การแนะนำบุคคล การสอบถามข้อมูล การทำงาน ครอบครัว การรับโทศัพท์บ้าน การรับโทรศัพท์ที่สำนักงาน การรับโทรศัพท์มือถือ การโทรศัพท์ไปหาบุคคลต่างๆ การบอกทาง การอธิบายวิธีการเดินทาง การขอข้อมูล การนัดหมาย การเชิญ การไปร้านอาหาร การไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ จะเห็นว่าค่อนข้างครอบคลุมทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวันเลยค่ะ ถ้าเยอะกว่านี้หนังสือคงหนาเกินไปจนไม่น่าอ่านแล้ว ในส่วนของการวางรูปเล่มทำได้น่าสนใจดีค่ะ อ่านง่ายสบายตา มีรูปประกอบเล็กๆน้อยๆพอให้ไม่น่าเบื่อกับตัวหนังสือมากเกินไป ในส่วนของประโยคสนทนา ก็ง่ายมากๆเลยค่ะ หมายถึงว่าคำศัพท์ที่เอามาใช้ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่ว่าถึงแม้ศัพท์จะไม่ยากแต่บางทีคนไทยก็นึกเป็นประโยคภาษาอังกฤษไม่ได้ใช่มั้ยคะ เล่มนี้ก็จะช่วยให้ผู้อ่านไม่ต้องมานั่งนึก สามารถจำแล้วเอาไปใช้ได้เลย ข้อดีนอกจากว่าจะง่ายแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้อ่านมั่นใจขึ้นเวลาพูดค่ะ ไม่ต้องไปกังวลว่าเราจะพูดผิดพูดถูก ถ้าไปเจอสถานการณ์ที่เหมือนกับที่อ่านมา ก็พูดไปตามนั้นได้เลย ไม่หน้าแตกแน่นอน แถมด้วยคำศัพท์และสำนวนท้ายเรื่องอีก คุ้มค่ามากๆ

การฝึกพูดภาษาอังกฤษจากเรื่องง่ายๆใกล้ตัวในชีวิตประจำวันนั้น เราคิดว่าเป็นการฝึกที่น่าจะได้ผลเร็วกว่าการเรียนจากในห้องเรียนนะคะ การเรียนจากห้องเรียนอาจจะทำให้เราแม่นยำในเรื่องทฤษฎี แต่อาจจะไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารได้อย่างคล่องปาก ในหนังสือเล่มนี้จะเป็นการจำลองสถานการณ์ต่างๆออกมาให้เราได้ฝึกกันค่ะ โดยจะแบ่งออกเป็นเรื่องการทักทายการถามสารทุกข์สุกดิบ การกล่าวลา การแนะนำตนเอง การแนะนำบุคคล การสอบถามข้อมูล การทำงาน ครอบครัว การรับโทศัพท์บ้าน การรับโทรศัพท์ที่สำนักงาน การรับโทรศัพท์มือถือ การโทรศัพท์ไปหาบุคคลต่างๆ การบอกทาง การอธิบายวิธีการเดินทาง การขอข้อมูล การนัดหมาย การเชิญ การไปร้านอาหาร การไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ จะเห็นว่าค่อนข้างครอบคลุมทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวันเลยค่ะ ถ้าเยอะกว่านี้หนังสือคงหนาเกินไปจนไม่น่าอ่านแล้ว ในส่วนของการวางรูปเล่มทำได้น่าสนใจดีค่ะ อ่านง่ายสบายตา มีรูปประกอบเล็กๆน้อยๆพอให้ไม่น่าเบื่อกับตัวหนังสือมากเกินไป ในส่วนของประโยคสนทนา ก็ง่ายมากๆเลยค่ะ หมายถึงว่าคำศัพท์ที่เอามาใช้ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ แต่ว่าถึงแม้ศัพท์จะไม่ยากแต่บางทีคนไทยก็นึกเป็นประโยคภาษาอังกฤษไม่ได้ใช่มั้ยคะ เล่มนี้ก็จะช่วยให้ผู้อ่านไม่ต้องมานั่งนึก สามารถจำแล้วเอาไปใช้ได้เลย ข้อดีนอกจากว่าจะง่ายแล้ว ก็จะช่วยให้ผู้อ่านมั่นใจขึ้นเวลาพูดค่ะ ไม่ต้องไปกังวลว่าเราจะพูดผิดพูดถูก ถ้าไปเจอสถานการณ์ที่เหมือนกับที่อ่านมา ก็พูดไปตามนั้นได้เลย ไม่หน้าแตกแน่นอน แถมด้วยคำศัพท์และสำนวนท้ายเรื่องอีก คุ้มค่ามากๆ

เราเลือกเล่มนี้มารีวิวไม่ใช่เพราะเราเป็นคุณแม่มือใหม่นะคะ แต่เพราะว่าพี่สาวซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสองซื้อเล่มนี้มาอ่านค่ะ สำหรับเล่มนี้จะว่าด้วยเรื่องเทคนิคในการเลี้ยงลูกอย่างเข้าใจตามช่วงวัยต่างๆค่ะ ซึ่งเขียนโดย Ken และ Elizabeth Mellor ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษากับพ่อแม่ที่มีลูกในช่วงวัยรุ่นมากว่า 30 ปี สำหรับเล่มนี้ผู้เขียนเค้าทำหน้าที่สองอย่างค่ะคือให้คำปรึกษาและในขณะเดียวกันก็จะให้กำลังใจกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกในช่วงวัยต่างๆโดยเฉพาะลูกๆวัยรุ่น ในเรื่องการมีส่วนร่วมกับเด็กวัยรุ่น เราคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดีค่ะ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ของความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัว พ่อแม่ควรจะต้องรักษาพื้นที่ทั้งสองส่วนนี้ให้ดี ไม่ทำให้วัยรุ่นรู้สึกว่าถูกก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไปแล้วก็ไม่ถึงขนาดขาดความรักความอบอุ่น ผู้เขียนเค้าจะแนะนำวิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกๆ การสร้างระเบียบวินัย และความยืดหยุ่น ตลอดจนวิธีการรับมือกับปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น อ่านดูแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนเค้าเข้าใจทั้งฝ่ายพ่อแม่แล้วก็ฝ่ายลูกๆนะคะ วิธีการเขียนจะเป็นวิธีที่เน้นให้ทั้งสองฝ่ายต้องปรับจูนเข้าหากัน เพราะฉะนั้นแม้ว่าชื่อหนังสือดูเหมือนจะเป็นคู่มือสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่จริงๆแล้วคุณลูกๆก็สามารถอ่านได้เหมือนกัน ถ้าอ่านด้วยกันได้นี่เยี่ยมเลยค่ะ ภาษาและเนื้ออ่านง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ดูเป็นวิชาการมากจนเกินไป อ่านแล้วลองทำความเข้าใจไปทีละขั้น รับรองว่าครอบครัวอบอุ่นมากขึ้นแน่นอน

เราเลือกเล่มนี้มารีวิวไม่ใช่เพราะเราเป็นคุณแม่มือใหม่นะคะ แต่เพราะว่าพี่สาวซึ่งเป็นคุณแม่ลูกสองซื้อเล่มนี้มาอ่านค่ะ สำหรับเล่มนี้จะว่าด้วยเรื่องเทคนิคในการเลี้ยงลูกอย่างเข้าใจตามช่วงวัยต่างๆค่ะ ซึ่งเขียนโดย Ken และ Elizabeth Mellor ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษากับพ่อแม่ที่มีลูกในช่วงวัยรุ่นมากว่า 30 ปี สำหรับเล่มนี้ผู้เขียนเค้าทำหน้าที่สองอย่างค่ะคือให้คำปรึกษาและในขณะเดียวกันก็จะให้กำลังใจกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกในช่วงวัยต่างๆโดยเฉพาะลูกๆวัยรุ่น ในเรื่องการมีส่วนร่วมกับเด็กวัยรุ่น เราคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดีค่ะ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ของความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัว พ่อแม่ควรจะต้องรักษาพื้นที่ทั้งสองส่วนนี้ให้ดี ไม่ทำให้วัยรุ่นรู้สึกว่าถูกก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไปแล้วก็ไม่ถึงขนาดขาดความรักความอบอุ่น ผู้เขียนเค้าจะแนะนำวิธีการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกๆ การสร้างระเบียบวินัย และความยืดหยุ่น ตลอดจนวิธีการรับมือกับปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้น อ่านดูแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนเค้าเข้าใจทั้งฝ่ายพ่อแม่แล้วก็ฝ่ายลูกๆนะคะ วิธีการเขียนจะเป็นวิธีที่เน้นให้ทั้งสองฝ่ายต้องปรับจูนเข้าหากัน เพราะฉะนั้นแม้ว่าชื่อหนังสือดูเหมือนจะเป็นคู่มือสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่จริงๆแล้วคุณลูกๆก็สามารถอ่านได้เหมือนกัน ถ้าอ่านด้วยกันได้นี่เยี่ยมเลยค่ะ ภาษาและเนื้ออ่านง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ดูเป็นวิชาการมากจนเกินไป อ่านแล้วลองทำความเข้าใจไปทีละขั้น รับรองว่าครอบครัวอบอุ่นมากขึ้นแน่นอน

สำหรับ คริส เดลิเวอรี่ เล่ม 2 นี้ ก็จะเป็นการรวบรวมตอนต่างๆที่ทางรายการได้ออกอากาศไปทางทีวีต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มแรกนะคะ นอกจากหนังสือแล้วผู้อ่านก็จะได้ดีวีดีแถมมากับหนังสือด้วย ตามสไตล์ของหนังสือของคริส ก็จะเน้นไปที่ความฮาผสมกับเรื่องสาระเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ในส่วนของความฮา เราว่าก็งั้นๆค่ะ ฮามากบ้างน้อยบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางมุกแป้กซะมากกว่า เราจะเน้นไปที่เรื่องของภาษาดีกว่าค่ะ เรื่องของการสอนภาษาในหนังสือเล่มนี้ เราว่าจะเน้นไปที่การสอนเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวนะคะ อาจจะเรียกว่าเป็นการเรียนภาษาจากเรื่องราวในชีวิตประจำวันก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องทำงาน เรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ ข้อดีของการเรียนจากเรื่องเหล่านี้ก็คือ ง่าย ค่ะ หมายความว่าจำง่าย เข้าใจง่าย เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องพบเจอทุกวัน ในแต่ละวันที่เราเจอ เราก็จะมีโอกาสทบทวนซ้ำๆกันไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะจำได้ไปเอง จะเรียกว่าเป็นการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติก็ได้นะคะ ไปเจออะไรมาที่ตรงกับเรื่องที่เราเคยอ่านก็ลองกลับมาเปิดหนังสืออ่านดูอีกรอบก็จะยิ่งทำให้เราเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นนะคะ เป็นอีกหนึ่งเล่มทีเราแนะนำให้พกติดตัวไว้ค่ะ เอาไว้เปิดอ่านเวลาว่างๆ หรือเวลาที่เราไปเจออะไรแล้วนึกถึงเรื่องที่เคยอ่านก็จะได้รู้ว่าภาษาอังกฤษเค้าพูดว่ายังไง ประมาณว่าเป็นคู่มือภาษาประจำตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ คุ้มค่ากับราคาแน่นอน

สำหรับ คริส เดลิเวอรี่ เล่ม 2 นี้ ก็จะเป็นการรวบรวมตอนต่างๆที่ทางรายการได้ออกอากาศไปทางทีวีต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มแรกนะคะ นอกจากหนังสือแล้วผู้อ่านก็จะได้ดีวีดีแถมมากับหนังสือด้วย ตามสไตล์ของหนังสือของคริส ก็จะเน้นไปที่ความฮาผสมกับเรื่องสาระเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ในส่วนของความฮา เราว่าก็งั้นๆค่ะ ฮามากบ้างน้อยบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางมุกแป้กซะมากกว่า เราจะเน้นไปที่เรื่องของภาษาดีกว่าค่ะ เรื่องของการสอนภาษาในหนังสือเล่มนี้ เราว่าจะเน้นไปที่การสอนเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวนะคะ อาจจะเรียกว่าเป็นการเรียนภาษาจากเรื่องราวในชีวิตประจำวันก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องทำงาน เรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ฯลฯ ข้อดีของการเรียนจากเรื่องเหล่านี้ก็คือ ง่าย ค่ะ หมายความว่าจำง่าย เข้าใจง่าย เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องพบเจอทุกวัน ในแต่ละวันที่เราเจอ เราก็จะมีโอกาสทบทวนซ้ำๆกันไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะจำได้ไปเอง จะเรียกว่าเป็นการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติก็ได้นะคะ ไปเจออะไรมาที่ตรงกับเรื่องที่เราเคยอ่านก็ลองกลับมาเปิดหนังสืออ่านดูอีกรอบก็จะยิ่งทำให้เราเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นนะคะ เป็นอีกหนึ่งเล่มทีเราแนะนำให้พกติดตัวไว้ค่ะ เอาไว้เปิดอ่านเวลาว่างๆ หรือเวลาที่เราไปเจออะไรแล้วนึกถึงเรื่องที่เคยอ่านก็จะได้รู้ว่าภาษาอังกฤษเค้าพูดว่ายังไง ประมาณว่าเป็นคู่มือภาษาประจำตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ คุ้มค่ากับราคาแน่นอน

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทางรายการคริส เดลิเวอรี่ ได้รวบรวมเอาละครซิทคอมที่ออกอากาศทางทีวีมาไว้ในรูปแบบของหนังสือค่ะ สำหรับแฟนๆรายการคริส เดลิเวอรี่ คงน่าจะทราบกันดีว่าการสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบของรายการนั้นสนุกยังไง การเรียนภาษาจากการจำลองมาจากสถานการณ์จริงนั้นทำให้เราสามารถเข้าใจวิธีการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น สามารถจำเอาไปใช้ได้เลยทันทีโดยไม่ต้องมานั่งคิดเป็นภาษาไทยก่อน แถมยังช่วยให้เรามั่นใจได้มากขึ้นเวลาที่เราต้องสื่อสารกับคนต่างชาติว่าเราสามารถพูดประโยคที่เค้าใช้กันจริงๆในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกังวลว่าเราจะพูดผิดพูดถูกรึป่าว สำหรับแฟนรายการอย่างเรา บางทีเวลาที่ดูรายการไปก็มัวแต่สนุกนะคะ สนุกจนลืมจำศัพท์ไปเลยก็มี อีกอย่างเวลารายการอาจจะน้อยไปหน่อยค่ะ ทำให้เราจำรายละเอียดที่เค้าสอนได้ไม่หมด หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นเหมือนตัวช่วยให้ผู้อ่านสามารถเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่เค้าสอนได้ทั้งหมดค่ะ ฟังไปด้วย อ่านไปด้วย ก็จะทำให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับเล่มนี้เป็นเล่มที่สองนะคะ เป็นการรวบรวมตอนที่แขกรับเชิญเป็นผู้หญิง เป็นหนังสือสอนภาษาอังกฤษที่เราคิดว่าน่าจะใช้แทนแบบเรียนในโรงเรียนไปเลยนะคะ ^^ เพราะว่าได้ผลดีกว่าแบบที่เรียนในโรงเรียนเยอะมาก สนุก เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง ซึ่งเรื่องใช้งานได้จริงนี้เราว่าเป็นหัวใจของการเรียนภาษานะคะ ถ้าเรียนไปแล้วแค่จำได้ แต่ใช้งานไม่ได้ เราว่าไม่น่าจะใช่จุดมุ่งหมายของการเรียนภาษา แนะนำเลยค่ะทั้งคนที่เป็นแฟนรายการและไม่ได้เป็นแฟนรายการ

สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทางรายการคริส เดลิเวอรี่ ได้รวบรวมเอาละครซิทคอมที่ออกอากาศทางทีวีมาไว้ในรูปแบบของหนังสือค่ะ สำหรับแฟนๆรายการคริส เดลิเวอรี่ คงน่าจะทราบกันดีว่าการสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบของรายการนั้นสนุกยังไง การเรียนภาษาจากการจำลองมาจากสถานการณ์จริงนั้นทำให้เราสามารถเข้าใจวิธีการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น สามารถจำเอาไปใช้ได้เลยทันทีโดยไม่ต้องมานั่งคิดเป็นภาษาไทยก่อน แถมยังช่วยให้เรามั่นใจได้มากขึ้นเวลาที่เราต้องสื่อสารกับคนต่างชาติว่าเราสามารถพูดประโยคที่เค้าใช้กันจริงๆในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกังวลว่าเราจะพูดผิดพูดถูกรึป่าว สำหรับแฟนรายการอย่างเรา บางทีเวลาที่ดูรายการไปก็มัวแต่สนุกนะคะ สนุกจนลืมจำศัพท์ไปเลยก็มี อีกอย่างเวลารายการอาจจะน้อยไปหน่อยค่ะ ทำให้เราจำรายละเอียดที่เค้าสอนได้ไม่หมด หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นเหมือนตัวช่วยให้ผู้อ่านสามารถเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่เค้าสอนได้ทั้งหมดค่ะ ฟังไปด้วย อ่านไปด้วย ก็จะทำให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับเล่มนี้เป็นเล่มที่สองนะคะ เป็นการรวบรวมตอนที่แขกรับเชิญเป็นผู้หญิง เป็นหนังสือสอนภาษาอังกฤษที่เราคิดว่าน่าจะใช้แทนแบบเรียนในโรงเรียนไปเลยนะคะ ^^ เพราะว่าได้ผลดีกว่าแบบที่เรียนในโรงเรียนเยอะมาก สนุก เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง ซึ่งเรื่องใช้งานได้จริงนี้เราว่าเป็นหัวใจของการเรียนภาษานะคะ ถ้าเรียนไปแล้วแค่จำได้ แต่ใช้งานไม่ได้ เราว่าไม่น่าจะใช่จุดมุ่งหมายของการเรียนภาษา แนะนำเลยค่ะทั้งคนที่เป็นแฟนรายการและไม่ได้เป็นแฟนรายการ

เราซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านด้วยความที่เมื่อก่อนเราเป็นคนพูดน้อยค่ะ มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยกล้าที่จะเข้าสังคม ไม่กล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับใครก่อน ก็เลยมองหาหนังสือที่พอจะช่วยให้เรากล้าที่จะสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น ถามว่าหนังสือเล่มนี้ช่วยให้เรากลายเป็นคนพูดเก่งขึ้นมาทันทีเลยรึป่าว ก็คงไม่ขนาดนั้นค่ะ แต่ที่แน่ๆคือช่วยให้เรามั่นใจขึ้นเวลาที่เราจะพูดกับคนอื่น แล้วก็มีเรื่องที่จะชวนคู่สนทนาเราคุยมากขึ้น หนังสือเค้าก็จะสอนแบบเป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อยๆนะคะ อ่านเข้าใจง่ายเหมือนกัน เริ่มจากการเลือกเรื่องที่จะคุย การดำเนินเรื่องให้มีความต่อเนื่องในการสนทนา การสร้างจุดดึงดูดใจ และการจบการสนทนา อ่านไปอ่านมาก็พอจะจับใจความได้ว่าหัวใจของการเป็นคนเก่งพูดก็คือความกล้าค่ะ กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองให้คู่สนทนาของเราได้รู้จักตัวตนของเรา ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคนเก่งฟังด้วย หมายความว่าต้องรู้จักรับฟังเรื่องที่คู่สนทนาของเราพูดอย่างตั้งใจด้วย ถ้าทำสองอย่างนี้ได้คุณก็จะมีเรื่องที่จะคุยกันต่อไปได้อีกยาว เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้มีจุดเด่นตรงที่เรื่องของการกระตุ้นให้ผู้อ่านกล้าที่จะพูด ในขณะเดียวกันก็สอนหรือว่าแนะนำเทคนิคที่จะใช้ในการพูดลงไปด้วย เทคนิคที่ให้มาก็จะเป็นตัวเสริมให้เราดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นในเวลาที่เราต้องสนทนากับคนอื่น ลืมบอกไปว่าอ่านแล้วต้องนำไปฝึกนะคะ ไม่งั้นเสียเวลาอ่านเปล่าๆ

เราซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านด้วยความที่เมื่อก่อนเราเป็นคนพูดน้อยค่ะ มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยกล้าที่จะเข้าสังคม ไม่กล้าที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับใครก่อน ก็เลยมองหาหนังสือที่พอจะช่วยให้เรากล้าที่จะสื่อสารกับคนอื่นมากขึ้น ถามว่าหนังสือเล่มนี้ช่วยให้เรากลายเป็นคนพูดเก่งขึ้นมาทันทีเลยรึป่าว ก็คงไม่ขนาดนั้นค่ะ แต่ที่แน่ๆคือช่วยให้เรามั่นใจขึ้นเวลาที่เราจะพูดกับคนอื่น แล้วก็มีเรื่องที่จะชวนคู่สนทนาเราคุยมากขึ้น หนังสือเค้าก็จะสอนแบบเป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อยๆนะคะ อ่านเข้าใจง่ายเหมือนกัน เริ่มจากการเลือกเรื่องที่จะคุย การดำเนินเรื่องให้มีความต่อเนื่องในการสนทนา การสร้างจุดดึงดูดใจ และการจบการสนทนา อ่านไปอ่านมาก็พอจะจับใจความได้ว่าหัวใจของการเป็นคนเก่งพูดก็คือความกล้าค่ะ กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองให้คู่สนทนาของเราได้รู้จักตัวตนของเรา ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคนเก่งฟังด้วย หมายความว่าต้องรู้จักรับฟังเรื่องที่คู่สนทนาของเราพูดอย่างตั้งใจด้วย ถ้าทำสองอย่างนี้ได้คุณก็จะมีเรื่องที่จะคุยกันต่อไปได้อีกยาว เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้มีจุดเด่นตรงที่เรื่องของการกระตุ้นให้ผู้อ่านกล้าที่จะพูด ในขณะเดียวกันก็สอนหรือว่าแนะนำเทคนิคที่จะใช้ในการพูดลงไปด้วย เทคนิคที่ให้มาก็จะเป็นตัวเสริมให้เราดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นในเวลาที่เราต้องสนทนากับคนอื่น ลืมบอกไปว่าอ่านแล้วต้องนำไปฝึกนะคะ ไม่งั้นเสียเวลาอ่านเปล่าๆ

ถ้าจะพูดถึงอาหารจานด่วนที่คนไทยนิยมกินกันมากที่สุด นอกจากผัดกะเพราแล้วก็คงจะต้องนึกถึงข้าวผัดใช่ไหมคะ สำหรับเราเวลาจะกินอาหารตามสั่งก็จะสั่งข้าวผัดเป็นเมนูแรกๆเลยค่ะ เราว่าข้าวผัดเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายแล้วก็อร่อย มีอะไรเหลือๆในตู้เย็นก็เอามาผัดรวมกันกับข้าวก็อร่อยแล้ว ข้าวผัดก็เลยเป็นเมนูที่ทำได้หลากหลายตามใจพ่อครัวแม่ครัว สำหรับจานเด็ดเมนูข้าวผัดเล่มนี้จะเป็นการรวบรวมเมนูข้าวผัดต่างๆ มาไว้กว่า 30 เมนูค่ะ ถ้าดูจากรูปต้องขอบอกว่าน่ากินทุกเมนู เห็นแล้วน้ำลายไหล ถ้าลองดูลงไปแต่ละเมนู วัตถุดิบต่างๆที่เอามาทำก็หาได้ง่าย มีอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดค่ะ อย่างเช่น กุ้ง ปลาแซลมอน ปลาหมึก ผงกะหรี่ ซี่โครงหมู ไก่ หนำเลี๊ยบ หอยลาย ฯลฯ เป็นเมนูง่ายๆที่ใส่ไอเดียเข้าไปก็ทำให้ดูน่ากินขึ้นมาเยอะเลยค่ะ เอาเฉพาะ 30 เมนูที่มีในหนังสือก็เปิดร้านขายได้แล้ว เราลองทำกินเป็นบางเมนูนะคะ รสชาติตามสูตรที่ให้มาก็ตามมาตรฐานค่ะ เป็นรสชาติกลางๆ ใครอยากเพิ่มอะไรก็เพิ่มได้ตามความชอบ ขั้นตอนกับวัตถุดิบก็ไม่มีอะไรซับซ้อนนะคะ เหมาะสำหรับมือใหม่ในการทำอาหาร หรือถ้าทำกับข้าวเป็นอยู่แล้วก็อาจจะลองซื้อไปอ่านเพื่อหาเมนูแปลกๆ ใหม่ๆ เอาไปทดลองทำหรือว่าเอาไปต่อยอดก็ได้ค่ะ เป็นคู่มือการทำข้าวผัดเล่มบางๆ ที่น่าสนใจเลย สำหรับเมนูตัวอย่างก็มี ข้าวผัดขมิ้นปลาหมึกสูตรอินเดีย ข้าวผัดตะไคร้ไก่ย่าง ข้าวผัดปลาเก๋าเต้าเจี้ยว ข้าวผัดกระเทียมกับบาร์บีคิวกุ้ง ฯลฯ

ถ้าจะพูดถึงอาหารจานด่วนที่คนไทยนิยมกินกันมากที่สุด นอกจากผัดกะเพราแล้วก็คงจะต้องนึกถึงข้าวผัดใช่ไหมคะ สำหรับเราเวลาจะกินอาหารตามสั่งก็จะสั่งข้าวผัดเป็นเมนูแรกๆเลยค่ะ เราว่าข้าวผัดเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายแล้วก็อร่อย มีอะไรเหลือๆในตู้เย็นก็เอามาผัดรวมกันกับข้าวก็อร่อยแล้ว ข้าวผัดก็เลยเป็นเมนูที่ทำได้หลากหลายตามใจพ่อครัวแม่ครัว สำหรับจานเด็ดเมนูข้าวผัดเล่มนี้จะเป็นการรวบรวมเมนูข้าวผัดต่างๆ มาไว้กว่า 30 เมนูค่ะ ถ้าดูจากรูปต้องขอบอกว่าน่ากินทุกเมนู เห็นแล้วน้ำลายไหล ถ้าลองดูลงไปแต่ละเมนู วัตถุดิบต่างๆที่เอามาทำก็หาได้ง่าย มีอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดค่ะ อย่างเช่น กุ้ง ปลาแซลมอน ปลาหมึก ผงกะหรี่ ซี่โครงหมู ไก่ หนำเลี๊ยบ หอยลาย ฯลฯ เป็นเมนูง่ายๆที่ใส่ไอเดียเข้าไปก็ทำให้ดูน่ากินขึ้นมาเยอะเลยค่ะ เอาเฉพาะ 30 เมนูที่มีในหนังสือก็เปิดร้านขายได้แล้ว เราลองทำกินเป็นบางเมนูนะคะ รสชาติตามสูตรที่ให้มาก็ตามมาตรฐานค่ะ เป็นรสชาติกลางๆ ใครอยากเพิ่มอะไรก็เพิ่มได้ตามความชอบ ขั้นตอนกับวัตถุดิบก็ไม่มีอะไรซับซ้อนนะคะ เหมาะสำหรับมือใหม่ในการทำอาหาร หรือถ้าทำกับข้าวเป็นอยู่แล้วก็อาจจะลองซื้อไปอ่านเพื่อหาเมนูแปลกๆ ใหม่ๆ เอาไปทดลองทำหรือว่าเอาไปต่อยอดก็ได้ค่ะ เป็นคู่มือการทำข้าวผัดเล่มบางๆ ที่น่าสนใจเลย สำหรับเมนูตัวอย่างก็มี ข้าวผัดขมิ้นปลาหมึกสูตรอินเดีย ข้าวผัดตะไคร้ไก่ย่าง ข้าวผัดปลาเก๋าเต้าเจี้ยว ข้าวผัดกระเทียมกับบาร์บีคิวกุ้ง ฯลฯ

ขนมไทยเป็นหนึ่งในเมนูที่เราชอบกินแล้วก็ชอบทำค่ะ (แต่ยังทำไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่) เราชอบความหวานของขนมไทยค่ะ เราว่าหวานเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนขนมแบบอื่นๆ บางทีจะหาขนมไทยอร่อยๆกินก็หายากมาก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ค่อยมีใครทำมาขายแบบจริงๆจังๆ จริงๆแล้วขนมไทยมีหลากหลายเมนูมาก ไม่ใช่แค่มีแค่ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง แต่คนไทยโดยเฉพาะวัยรุ่นก็จะไม่ค่อยคุ้นชื่อกัน น่าเสียดายของดีๆของไทยนะคะ อยากให้ลองเปิดใจชิมดู อย่างในหนังสือขนมไทยเล่มนี้รวบรวมขนมไทยเมนูต่างๆเอาไว้กว่า 60 เมนู บางเมนูอาจจะเคยได้ยินชื่อ บางเมนูอาจจะเคยชิมมาแล้ว แต่ก็มีอีกหลายเมนูที่ยังไม่เคยชิม ในส่วนแรกของหนังสือผู้เขียนจะพูดถึงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับขนมไทยก่อนค่ะ ขนมไทยชนิดต่างๆ มีอะไรบ้าง เครื่องปรุงหลักของขนมไทย วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมไทย การแต่งกลิ่น การฟอกน้ำเชื่อม เทคนิคการทำขนมไทยประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะอบ ต้ม นึ่ง กวน วุ้น ทอด ขนมน้ำหวานกะทิ ผลไม้ลอยแก้ว ขนมแกงบวด ขนมสาคู ขนมที่ใช้ในงานเทศกาลต่างๆ เช่น การทำบุญเดือนสิบ เดือนสาม เดือนแปด บุญพระเวส ประเพณีวันสงกรานต์ ประเพณีสารท วันออกพรรษา งานบุญสลากภัต พิธีวางศิลาฤกษ์ ความหมายของขนมเลี้ยงพระและใช้ในงานมงคลต่างๆ ความรู้พวกนี้ทำให้เรารู้สึกว่า อาหารได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต การเรียนรู้วิธีการทำไปพร้อมๆกับการเรียนรู้ที่มาของอาหารแต่ละจานทำให้เรารักการทำอาหารมากขึ้นจริงๆค่ะ ขนมไทยเล่มนี้เป็นหนังสือแนะนำเลยค่ะ อาจทำง่ายบ้างยากบ้าง แต่รับรองว่าคุณจะสนุกกับการทำขนมไทย

ขนมไทยเป็นหนึ่งในเมนูที่เราชอบกินแล้วก็ชอบทำค่ะ (แต่ยังทำไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่) เราชอบความหวานของขนมไทยค่ะ เราว่าหวานเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนขนมแบบอื่นๆ บางทีจะหาขนมไทยอร่อยๆกินก็หายากมาก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ค่อยมีใครทำมาขายแบบจริงๆจังๆ จริงๆแล้วขนมไทยมีหลากหลายเมนูมาก ไม่ใช่แค่มีแค่ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง แต่คนไทยโดยเฉพาะวัยรุ่นก็จะไม่ค่อยคุ้นชื่อกัน น่าเสียดายของดีๆของไทยนะคะ อยากให้ลองเปิดใจชิมดู อย่างในหนังสือขนมไทยเล่มนี้รวบรวมขนมไทยเมนูต่างๆเอาไว้กว่า 60 เมนู บางเมนูอาจจะเคยได้ยินชื่อ บางเมนูอาจจะเคยชิมมาแล้ว แต่ก็มีอีกหลายเมนูที่ยังไม่เคยชิม ในส่วนแรกของหนังสือผู้เขียนจะพูดถึงความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับขนมไทยก่อนค่ะ ขนมไทยชนิดต่างๆ มีอะไรบ้าง เครื่องปรุงหลักของขนมไทย วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมไทย การแต่งกลิ่น การฟอกน้ำเชื่อม เทคนิคการทำขนมไทยประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะอบ ต้ม นึ่ง กวน วุ้น ทอด ขนมน้ำหวานกะทิ ผลไม้ลอยแก้ว ขนมแกงบวด ขนมสาคู ขนมที่ใช้ในงานเทศกาลต่างๆ เช่น การทำบุญเดือนสิบ เดือนสาม เดือนแปด บุญพระเวส ประเพณีวันสงกรานต์ ประเพณีสารท วันออกพรรษา งานบุญสลากภัต พิธีวางศิลาฤกษ์ ความหมายของขนมเลี้ยงพระและใช้ในงานมงคลต่างๆ ความรู้พวกนี้ทำให้เรารู้สึกว่า อาหารได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต การเรียนรู้วิธีการทำไปพร้อมๆกับการเรียนรู้ที่มาของอาหารแต่ละจานทำให้เรารักการทำอาหารมากขึ้นจริงๆค่ะ ขนมไทยเล่มนี้เป็นหนังสือแนะนำเลยค่ะ อาจทำง่ายบ้างยากบ้าง แต่รับรองว่าคุณจะสนุกกับการทำขนมไทย

หนังสือเล่มนี้บอกว่าเป็นหนังสือผลไม้ปั่นผสมโยเกิร์ต นม และไอศกรีม ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ แต่เราก็แอบงงนิดนึงว่าดีตอสุขภาพแบบไหน เพราะตามจริงแล้วทั้งนมและไอศกรีม ถ้ากินมากเกินไปก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกันนะคะ จัดเป็นอาหารต้องห้ามในการควบคุมน้ำหนักด้วยซ้ำ คำว่าดีต่อสุขภาพน่าจะหมายถึงว่าเป็นเมนูที่ทำมาจากผักผลไม้เป็นหลักเท่านั้นค่ะ เราก็เลยอ่านหนังสือเล่มนี้ในแบบที่ไม่ได้เน้นไปที่ความมีสุขภาพดีเท่าไหร่ค่ะ แต่จะเน้นไปที่ความอยากกิน มากกว่า 555 ถ้าไปดูที่เมนูที่รวบรวมมาไว้ ต้องบอกเลยว่าน่ากินมากจริงๆและน่ากินทุกเมนูด้วย โดยผู้เขียนเค้าจะแบ่งเป็น เมนู smoothies กับเมนู shakes ค่ะ ส่วนที่ว่าจะเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง คงต้องไปอ่านกันเอาเองนะคะ ในส่วนแรกของหนังสือจะเป็นการให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องดื่มทั้งสองประเภทค่ะ แล้วก็การแนะนำผลไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำเครื่องดื่มทั้งสองอย่าง ปิดท้ายด้วยส่วนผสมพิเศษที่นิยมนำมาใช้ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ในส่วนที่สองก็จะเป็นส่วนที่ว่าด้วยการแนะนำเมนูต่างๆค่ะ อย่างที่บอกว่าน่ากินทุกเมนู แถมยังมี health note ซึ่งเป็นการแนะนำวิธีเลือกซื้อผลไม้แล้วก็คุณค่าทางโภชนาการของผลไม้แต่ละประเภท ในส่วนของความอร่อย ถ้าได้ทำเลดีๆไปเปิดร้านรับรองว่าขายดีแน่นอนค่ะ สูตรที่ให้มาหลังจากเราทดลองทำดูแล้วถือว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกิน smoothies มาเลย ใครอยากได้น้ำปั่นรสชาติอร่อย ห้ามพลาดเล่มนี้เลย

หนังสือเล่มนี้บอกว่าเป็นหนังสือผลไม้ปั่นผสมโยเกิร์ต นม และไอศกรีม ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ แต่เราก็แอบงงนิดนึงว่าดีตอสุขภาพแบบไหน เพราะตามจริงแล้วทั้งนมและไอศกรีม ถ้ากินมากเกินไปก็ทำให้อ้วนได้เหมือนกันนะคะ จัดเป็นอาหารต้องห้ามในการควบคุมน้ำหนักด้วยซ้ำ คำว่าดีต่อสุขภาพน่าจะหมายถึงว่าเป็นเมนูที่ทำมาจากผักผลไม้เป็นหลักเท่านั้นค่ะ เราก็เลยอ่านหนังสือเล่มนี้ในแบบที่ไม่ได้เน้นไปที่ความมีสุขภาพดีเท่าไหร่ค่ะ แต่จะเน้นไปที่ความอยากกิน มากกว่า 555 ถ้าไปดูที่เมนูที่รวบรวมมาไว้ ต้องบอกเลยว่าน่ากินมากจริงๆและน่ากินทุกเมนูด้วย โดยผู้เขียนเค้าจะแบ่งเป็น เมนู smoothies กับเมนู shakes ค่ะ ส่วนที่ว่าจะเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง คงต้องไปอ่านกันเอาเองนะคะ ในส่วนแรกของหนังสือจะเป็นการให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องดื่มทั้งสองประเภทค่ะ แล้วก็การแนะนำผลไม้ที่นิยมนำมาใช้ทำเครื่องดื่มทั้งสองอย่าง ปิดท้ายด้วยส่วนผสมพิเศษที่นิยมนำมาใช้ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น ในส่วนที่สองก็จะเป็นส่วนที่ว่าด้วยการแนะนำเมนูต่างๆค่ะ อย่างที่บอกว่าน่ากินทุกเมนู แถมยังมี health note ซึ่งเป็นการแนะนำวิธีเลือกซื้อผลไม้แล้วก็คุณค่าทางโภชนาการของผลไม้แต่ละประเภท ในส่วนของความอร่อย ถ้าได้ทำเลดีๆไปเปิดร้านรับรองว่าขายดีแน่นอนค่ะ สูตรที่ให้มาหลังจากเราทดลองทำดูแล้วถือว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกิน smoothies มาเลย ใครอยากได้น้ำปั่นรสชาติอร่อย ห้ามพลาดเล่มนี้เลย