Hi Fortune ทายทักรักงมงาย

บทนำ

“ตกลงตามนี้นะ เรียบร้อยแล้วแกโทรมา ฉันจะขับรถไปรับตรงทางออก”

“อย่าลืมสัญญานะ ไวน์ของคุณป๋าแกน่ะ จิ๊กมาให้ฉันด้วย”

“ไม่ลืมแน่นอน ถ้าแกทำสำเร็จ”

“ระดับเมนี่ ไม่มีคำว่าพลาดอยู่แล้ว” สาวสวยหน้าเก๋ผมบ็อบเทสไลด์ปลายขยิบตาข้างหนึ่งอย่างมั่นใจก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถไป เธออยู่ในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีน้ำเงินเข้มขับผิวขาวเนียนให้ยิ่งเจิดจรัสในยามค่ำคืน สองขาเรียวบนรองเท้าส้นเข็มสีดำเข้ากับกระเป๋าถือใบเล็กก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปในสถานบันเทิงซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายของเธออยู่ในนั้น จะบอกว่าเป้าหมายของเธอก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว อันที่จริงเขาเป็นเป้าหมายของเพื่อนสุดซี้ที่รออยู่ในรถต่างหาก

ดวงตาคมกริบกรีดอายไลเนอร์โฉบเฉี่ยวกวาดมองหาร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีรุ้ง ลำพังความหล่อและสีผมของเขาคนเดียวก็เด่นมากพอที่เธอจะหาเจอได้ไม่ยากอยู่แล้ว แต่นี่เขากับเพื่อนสุดฮอตอีกสี่คนนั่งรวมอยู่ด้วยกัน ออร่าความหล่อเลยพุ่งเข้าตาเธออย่างจัง เมนี่เดินนวยนาดเข้าไปนั่งที่โต๊ะซึ่งเป้าหมายจะมองมาเห็นได้โดยง่าย สั่งเครื่องดื่มมาถือเก๋ๆ หนึ่งแก้ว และจับตาดูเขาไว้เพื่อรอจังหวะเหมาะๆ

“มาเที่ยวทั้งทีดันพาแฟนมาคุม แล้วมันจะไปสนุกอะไรวะ” หนุ่มผมสีรุ้งทำหน้าเซ็งขณะยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม อุตส่าห์โทรนัดรวมตัวสังสรรค์หลังจากห่างหายกันไปนานเพราะช่วงที่ผ่านมาเรียนหนักกันทุกคน แล้วนี่อะไร เพื่อนๆ ร่วมแก๊งดันพกแฟนมาด้วยซะงั้น คนโสดอย่างเขาเห็นแล้วเซ็งชะมัดยาด

“ความสนุกของฉันคือการได้อยู่ใกล้ๆ สุดที่รรักเว้ย” ผู้ชายผมมัดจุกว่าแล้วก็หันไปขโมยหอมแก้มแฟนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างบางผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมือตีแขนคนข้างตัวพลางพูดเสียงดุกลบเกลื่อนอาการเขินอาย

“นายนี่มันจอมฉวยโอกาสจริงๆ เลยนะ”

“ก็ใครใช้ให้เธอน่ารักล่ะ”

“แหว นี่แกไม่รู้สึกเลี่ยนตัวเองบ้างเหรอไอ้คนโต”

“อิจฉาอ่ะดิ พวกคนไม่มีแฟนก็เงี้ย”

“ขนาดไอ้เซย์ไฮที่ว่าป๊อดยังมีแฟนตัดหน้าแกไปก่อน แกควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะการ์ฟิลด์” ไอดอลยิ้มเยาะนิดๆ พลางยกแขนโอบไหล่หวานใจของเขาอย่างรักใคร่

“พูดให้ดีๆ ไอ้ไอ ใครป๊อด”

“บู่ๆ พวกแกนั่นแหละที่ต้องอิจฉาฉัน เป็นโสด สบายจะตาย คุยกับสาวๆ ได้มากมายไม่จำกัดจำนวน”

“สาวๆ เยอะแค่ไหนก็ไม่ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำเท่าแฟนคนเดียวหรอก”

“พี่คทาของซีรี่ส์ พุดจาน่ารักที่สุดเลย มัวห์” สาวสวยเปรี้ยนจี๊ดยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มให้รางวัลแฟนหนุ่มที่พูดจาถูกอกถูกใจ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทัน แกล้งหันหน้ามารับจุ๊บของเธอด้วยริมฝีปากแทน ทำเอาสาวมั่นถึงกับเขินแก้มแดงไปเลยทีเดียว

“โว้ย! หมั่นไส้ ไปหาสาวมานั่งด้วยบ้างดีกว่า” หนุ่มโสดเพียงหนึ่งเดียวชักจะทนดูภาพสวีตหวานของเพื่อนๆ ไม่ไหว ดวงตามีเสน่ห์เริ่มสอดส่ายมองหาสาวสวยถูกใจ แล้วก็...ปิ๊ง ประสานสายตาเข้ากับสาวสวยหน้าตาเก๋ไก๋ในชุดเดรสรัดรูปสีน้ำเงินเข้มเข้าพอดี

เมนี่ส่งยิ้มหวานเป็นทำนองเชิญชวนให้หนุ่มหล่อผมสีรุ้งเดินเข้ามาหาตามแผนที่วางไว้ ซึ่งคนถูกเชิญชวนก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ ลุกเดินเข้าไปหาเธอพร้อมเครื่องดื่มในมือทันที ถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะพลางยื่นแก้วขอชนเป็นเชิงทักทาย สาวสวยชุดสีน้ำเงินเข้มชนแก้วตอบและจิบเครื่องดื่มพอเป็นพิธี

“มาคนเดียวเหรอครับ”

“ค่ะ” เธอเข้ามาในนี้คนเดียว แต่มีเพื่อนรออยู่ข้างนอก ซึ่งเขาคงไม่จำเป็นต้องรู้

“ไปสนุกด้วยกันมั้ยครับ นั่งคนเดียวแบบนี้เหงาแย่” ตอนนี้เขาแค่อยากหาใครสักคนมานั่งด้วย หมั่นไส้พวกเพื่อนๆ จะแย่แล้ว พาแฟนมาข่ม ชิ! จริงอยู่ที่ชีวิตเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง แต่ไม่รู้สิ เห็นเพื่อนๆ มีคนรู้ใจแล้วมันก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้ เอาจริงๆ สาวสวยตรงหน้าก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ก็คงดีกว่านั่งแกร่วอยู่คนเดียว

เมนี่ไม่ได้สนใจคำถามของอีกฝ่ายนัก เหลือบตามองแก๊งเพื่อนสุดหล่อของเป้าหมายแวบหนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเขาไม่ได้สนใจมองมาที่เธอ จึงเริ่มดำเนินการตามแผนอย่างแยบยลโดยการยกมือขึ้นลูบไล้ริมฝีปากของคนตรงหน้าเบาๆ

“ปากเลอะค่ะ” เธอยิ้มตาพราวเพื่อดึงความสนใจจากชายหนุ่มขณะเทผงสีขาวในซองเล็กๆ ที่เตรียมไว้ลงในแก้วของเขา ความมืด เสียงเพลง และผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างก็กำลังสนุกอยู่กับกลุ่มของตัวเอง ทำให้เธอปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

“ว่าไงครับ สนใจไปสนุกด้วยกันมั้ย” เจ้าของเรือนผมสีรุ้งตั้งคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบอีกครั้ง คิดเข้าข้างตัวเองอย่างมั่นใจว่าสาวสวยคนนี้ไม่ปฏิเสธเขาแน่ ก็เธอเล่นส่งสายตาทอดสะพานให้เขาซะขนาดนี้

“ก็ดีค่ะ แต่...หมดแก้วนี้ก่อนนะคะ” เธอว่าแล้วก็ยกแก้วขึ้นชน หนุ่มหล่อยิ้มน่ารักสดใสและทำตามที่เธอบอกอย่างง่ายดายโดยไม่เอะใจเลยสักนิด ดื่มหมดจนหยดสุดท้าย แล้วเขาก็วูบหลับฟุบกับโต๊ะไปเลย!

ยานอนหลับชนิดนี้ออกฤทธิ์เร็วกว่าที่เธอคิดไว้แฮะ

“โทษทีนะสุดหล่อ” สาวสวยหน้าเก๋กระซิบข้างหูคนหมดสติพลางยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจในผลงานของตัวเอง เธอกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาช่วยพยุงร่างสูงออกไปจากสถานบันเทิงแห่งนี้ ก่อนจะล้วงหยิบสมาร์ตโฟนในกระเป๋าถืออกมากดโทรหาเพื่อนสนิท

“เรียบร้อย เตรียมตัวรอรับสุดหล่อของแกได้เลยน้องอาย”

(เยี่ยม)

1

หนึ่งสัปดาห์ก่อน

‘มัวอี มัวอี ปาลี ปาลี ปารัตต้า โอราปาโน โกราโต มัวอีเลล่า’

พรึบ!

‘กรี๊ดดดดดด!’

แสงไฟดับวูบ กระแสลมที่ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรพัดเอาเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวสยายที่ดัดเป็นลอนคลายๆ ของฉันปลิวไสว ชาวบ้านที่แห่กันมาให้พ่อหมอพันหน้าผู้เลื่องชื่อช่วยตรวจดวงชะตาต่างสะดุ้งตกใจไปตามๆ กัน พ่อหมอสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้น่าอัศจรรย์ใจสมคำเล่าลือจริงๆ

‘ข้ารู้ ข้าเห็น พวกเจ้าจงถามมา อุวะฮ่าๆๆ’ เสียงหัวเราะก้องกังวาน ฟังดูน่าเกรงขามยิ่งนัก หน้ากากจีนหลากสีบนหน้าของพ่อหมอยิ่งทำให้บรรยากาศดูขลังและทรงพลัง

ผู้ช่วยของพ่อหมอจุดเทียนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชาด้านหลังเพิ่มความสว่างให้กับห้องเล็กๆ ที่ตอนนี้ไฟทุกดวงดับสนิท ก่อนจะขานเรียกคนเข้าพบพ่อหมอตามคิว

‘คิวที่หนึ่ง เชิญครับ’

ฉันเอง คิวที่หนึ่ง แต่ละวันพ่อหมอจะรับตรวจดวงชะตาแค่สามสิบคนเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นเป็นต้นไป ใครมาช้าก็อด ฉันเลยต้องยอมลงทุนโดดเรียนช่วงบ่ายเพื่อมารับบัตรคิวให้ทัน โชคดีมากที่ได้คิวแรก

ฉันขยับเข้าไปใกล้ๆ พ่อหมอพร้อมกับยัยเมนี่คู่ซี้ที่ตามติดมาด้วย อันที่จริงยัยนี่ไม่อินกับเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ท่าทางจะขี้เกียจเรียน เลยหาเรื่องโดดเรียนตามฉันมาซะงั้น

‘ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน อุวะฮ่าๆๆ’

โห ยังไม่ทันจะถามอะไรเลย รู้ได้ไงว่าฉันอยากถามเรื่องความรัก

‘แม่นเว่อร์อ่ะแก’ ฉันหันไปกระซิบกับยัยอด้วยความทึ่ง

‘วัยอย่างเราจะอยากรู้เรื่องอะไรไปได้นอกจากความรัก เป็นฉันก็เดาถูกย่ะ’

‘ยัยเมนี่! พูดเบาๆ สิแก’

‘อุบ๊ะ! บังอาจมาดูถูกพลังของข้า ข้าจะแสดงพลังให้เจ้าประจักษ์แก่สายตา ณ บัดนี้ มัวอี มัวอี ปาลี ปาลี ปารัตต้า โอราปาโน โกราโต มัวอีเลล่า’

ฟู่ววว

ลมพัดมาอีกระลอกด้วยความแรงมากกว่าเดิม ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดอีกครั้งเมื่อแสงเทียนดับลง ผมบ็อบเทสไลด์ปลายอย่างเก๋ไก๋ของยัยเมนี่ปลิวกระจาย

‘กรี๊ด ปิดพัดลมเดี๋ยวนี้ ผมฉันเสียทรงหมดแล้วนะ’ ยัยเมนี่โวยวายพลางยกมือขึ้นเซ็ตผมตัวเองให้กลับเป็นทรงสวยดังเดิม

‘ยัยบ้า พัดลมที่ไหนกัน นี่มันพลังของพ่อหมอนะ’

‘อย่างมงายนักเลยแก มันต้องมีใครแอบเปิดพัด...อุ๊บส์!’

ฉันรีบเอามือตะปบปิดปากยัยเมนี่ไว้ก่อนที่มันจะพูดอะไรให้พ่อหมอโกรธาไปมากกว่านี้ ไม่น่าให้ยัยนี่ตามมาด้วยเลยให้ตายเหอะ

‘ต้องขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะคะ พ่อหมาอย่าถือสาเลยนะคะ’

‘นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ แต่หากเจ้ากล่าววาจาลบหลู่ข้าอีกล่ะก็ ข้าจะเสกหนังควายเข้าท้องเจ้าซะให้หลาบจำ มัวอี มัวอี ปาลี ปาลี ปารัตต้า โอราปาโน โกราโต มัวอีเลล่า’

ฟู่ววว

ยัยเมนี่ดีดดิ้นสุดชีวิตตอนที่แรงลมพัดเอาทรงผมสุดเก๋ของมันพังกระจุยอีกรอบ แต่เพราะถูกฉันปิดปากและล็อกคอไว้ เลยทำได้แต่ดิ้นด๊อกแด๊กอยู่อย่างนั้น

‘หนูคิดว่าหนูเจอคู่แท้แล้วค่ะพ่อหมอ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเขาสักที หนูอยากรู้ว่าเมื่อไหร่ความรักของหนูจะสมหวัง พ่อหมอพอจะมีวิธีแนะนำหนูมั้ยคะ’

‘บอกวันเกิดของเจ้ามาซิ’

‘วันจันทร์ที่ห้า เดือนห้า ปีสองห้า XX ค่ะ’

พ่อหมอหลับตานับลูกประคำที่คอพลางท่องคาถางึมงำ ขณะที่ผู้ช่วยของพ่อหมอเดินไปจุดเทียนที่ถูกลมพัดดับไปให้สว่างขึ้นมาใหม่

‘อุวะฮ่าๆๆ สวรรค์เปิดทางให้เจ้าแล้ว นับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปจนถึงปลายเดือนนี้ แสงจากดวงอาทิตย์จะตั้งฉากกับดวงจันทร์พอดี เป็นเวลาที่ดวงจันทร์จะฉายแสงสว่างไสว เสน่ห์ในตัวเจ้าจะเปล่งประกาย หากได้อยู่ใกล้ชิดกับชายผู้นั้นครบเจ็ดวันเจ็ดคืน เขาจะหลงรักเจ้าจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว อุวะฮ่าๆๆ’

‘หมายความว่า...หนูต้องหาทางให้ได้อยู่ใกล้ๆ เค้าตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนอย่างนั้นเหรอคะ’

‘ถูกต้อง แต่มีข้อแม้อยู่อย่าง...’ พ่อหมอว่าพลางหันไปหยิบของบางอย่างที่วางอยู่ด้านหลังมายื่นให้ฉัน

มันคือ...

...หน้ากากเซเลอร์มูน!?

‘เจ้าต้องใส่หน้ากากนี้ไว้ ห้ามให้ชายคนนั้นเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเจ้าจนกว่าจะครบเจ็ดวันเจ็ดคืน เซเลอร์มูนตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะช่วยส่งเสริมให้เสน่ห์ในตัวเจ้ายิ่งเจิดจรัส ข้าปลุกเสกไว้แล้ว ค่าครูเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท’

‘บ้าไปแล้ว นี่มันหลอกขายของชัดๆ หน้ากากพลาสติกกิ๊กก๊อกบ้าอะไรราคาแพงขนาดนี้ แกอย่างหลงเชื่อเชียวนะน้องอาย’ ยัยเมนี่สะบัดตัวอย่างแรงจนมือฉันหลุดออกจากปากรูปกระจับสีแดงสดและลำคอเรียวระหงของมัน ก่อนจะโพล่งขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจของพ่อหมอแม้แต่น้อย

‘ขอบคุณนะคะพ่อหมอ หนูจะลองทำตามที่พ่อหมอบอกดูค่ะ’ ฉันวางแบงก์พันลงในพานสีทองอร่ามที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพ่อหมอ รับหน้ากากเซเลอร์มูนมาก่อนจะลากตัวยัยเมนี่ออกไปโดยเร็ว

‘น้องอาย! นี่แกจะบ้าเหรอ! อยากได้หน้ากากเดี๋ยวฉันไปซื้อแถวบ้านให้ก็ได้ ยี่สิบห้าบาทเองนะ’

‘ชู่ว เดี๋ยวก็ได้โดนเสกหนังควายเข้าท้องจนได้หรอก’

‘โอ๊ยยย ฉันล่ะกลุ้มใจกับแกจริงๆ เลย’

ฉันก็กลุ้มใจกับยัยเพื่อนคนนี้เหมือนกันนั่นแหละน่า ไม่เคยจะเข้าใจอะไรเลย หน้ากากปลุกเสกมันจะไปเหมือนกับหน้ากากราคายี่สิบห้าบาทที่ขายตามท้องตลาดได้ยังไง นี่มันไม่ใช่หน้ากากพลาสติกกิ๊กก๊อกอย่างที่ยัยเมนี่ว่าสักหน่อย มันคือตัวแทนแห่งดวงจันทร์ที่จะทำให้ฉันสมหวังในความรักต่างหากล่ะ

‘เมนี่ แกต้องช่วยฉันนะ’ ฉันหยุดเดินและหันไปกะพริบตาปริบๆ ใส่เพื่อนสนิทหลังจากเดินพ้นออกมาจากบ้านของพ่อหมอพันหน้าแล้ว

‘ช่วยเอาหน้ากากไปคืนไอ้พ่อหมอลวงโลกนั่นน่ะเหรอ ได้เลย!’

‘ไม่ใช่ หมายถึงช่วยให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ กับคู่แท้ของฉันเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนต่างหากเล่า’

‘น้องอาย มีสติหน่อย ฉันว่าแกอาการหนักเกินไปแล้วนะ’ ยัยเมนี่ยื่นมือมานวดขมับฉัน

‘การ์ฟิลด์เป็นคู่แท้ของฉันจริงๆ นะ เจ้าแม่สี่ตาเคยบอกไว้ตอนฉันอายุสิบแปดว่าคู่แท้ของฉันเป็นคนที่มีผมหลายสี มันใช่เลยอ่ะแก ไม่มีใครมีผมหลายสีไปมากกว่าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว เขาเปลี่ยนสีผมแทบทุกเดือนเลยนะ แถมตอนนี้ยังทำผมสีรุ้งอีกต่างหาก’

‘-_-;;’

เจ้าแม่สี่ตาคือหมอดูประจำตระกูลของฉันเอง แม่นมาก ทักอะไรไม่เคยพลาด ทั้งฉันและคุณแม่ต่างก็นับถือท่านเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เพราะท่านเป็นเพื่อนสนิทกับคุณยายทวด ดูดวงให้ตระกูลของเรา

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)