โซ่เสน่หานายหัว (ชนิตร์นันท์)

โซ่เสน่หานายหัว (ชนิตร์นันท์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: โซ่เสน่หานายหัว
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 179.00 บาท 44.75 บาท
ประหยัด: 134.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1

เหยี่ยวข่าวไฟแรง

 

          “เอี๊ยด!!”

          เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ

          หมวกกันน็อคสีแปล๋นไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิด

ชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์สวมทับด้วยแจคเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียว

ตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแต่ก็ยังช้าไปจนได้ ดวงตาสวยหวานต่างจากบุคลิกซนๆ มองนาฬิกาที่ข้อมือพร้อมกับขบกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างมันเขี้ยว เพราะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางมาทำงานทำให้เธอต้องเข้างานสายจนได้ ทั้งที่มีประชุมกับ บก. ช่วงเช้าเสียด้วย

ร่างงามระหงที่พาตัวเองเดินเร็วรี่เข้าไปด้านในทำให้คนที่กำลังตักข้าวเข้าปากอยู่ในร้านข้าวแกงต้องรีบทิ้งช้อนทิ้งส้อมแล้ววิ่งตามเจ้าของร่างเล็กกะทัดรัดไม่แพ้รถคู่ชีพเข้าไปในออฟฟิศโดยเร็ว

สัญญาณไฟหน้าลิฟท์ที่ค่อยๆ เลื่อนลงมาอย่างอ้อยอิ่ง โดยไม่สนใจเลยว่าผู้รอโดยสารนั้นจะรีบเร่งมากน้อยแค่ไหนทำให้เจ้าของใบหน้าสวยหวานต้องสบถออกมาอย่างหัวเสียสุดๆ

“โธ่โว้ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่มันตั้งใจจะให้สายไปทุกพิกัดเลยหรือไงนะ”

‘มัน’ ที่เอ่ยถึงก็คืออุปสรรคที่ช่างมากมีนักตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา และเหมือนว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในลิฟท์จะได้ยิน เพราะแค่เธอบ่น มันก็เหมือนจะเคลื่อนตัวลงด้านล่างอย่างเร็ว

ลิฟท์โดยสารเฉพาะเจ้าหน้าที่ของออฟฟิศเปิดออก ซึ่งแน่นอนว่าผู้โดยสารนั้นมีเธอเพียงคนเดียว ก็นี่มันปาเข้าไปจะ 10 โมงแล้วนี่ ใครล่ะจะบ้ามาทำงานพร้อมกันกับเธอ แต่ก่อนที่ช่วงขาเรียวยาวจะก้าวเข้าไปนั้น

          “เมี่ยง! รอเดี๋ยว! รอเดี๋ยว... เมี่ยงหยุดก่อน หยุ้ดดดด...”

เสียงแปดหลอดที่ดังมาก่อนตัวทำให้ ‘ปณาลี’ หรือ ‘เมี่ยงคำ’ ต้องกรอกตาขึ้นมองเพดานลิฟท์ที่เธอเพิ่งรู้ในวันนี้ว่ามันเป็นอะลูมิเนียมมันวาวและใสเสียจนสะท้อนสีหน้าและแววตาสุดแสนจะรำคาญของเธอออกมาได้ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกทางปากพร้อมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติโดยเร็ว

          “คะพี่หนูนา มีอะไรหรือเปล่าคะ”

ใบหน้ายิ้มแย้มของปณาลีเอ่ยถาม ‘หนูนา’ หนุ่มแอ๊บแมนสุดแสนเพอร์เฟคที่แต่เดิมเคยชื่อว่า ‘นพ’ แต่สำหรับอาชีพเปิดตัวได้แรงอย่างนักข่าวสายบันเทิง นพก็เลยขอเปิดตัวเป็น ‘หนูนา’ ได้อย่างน่ารักน่าชัง แต่ถ้าจะให้เธอวิจารณ์เธอก็คิดว่านังเก้งตัวแม่นี่น่าจะชื่อว่า ‘หนูหริ่ง’ มากที่สุด เพราะเธอรู้ดีว่า ‘นังนี่’ มายาสาไถเก่งสุดๆ และไม่รู้ว่าวันนี้จะมาเสี้ยมมาหลอกล่ออะไรให้เธอต้องหน้าแตกอีกบ้าง

เพราะเมื่อหลายวันก่อน หนูนานี่แหละที่เอาข่าวเรื่องการค้าของเถื่อนที่ท่าเรือแห่งใหญ่ในกรุงเทพฯ มาบอกเธอ ทำให้เธอรีบกระหืดกระหอบไปขอ ‘พี่วิทิต’ บก. ประจำหนังสือพิมพ์ ‘ข่าวสารบ้านเรา’ ให้อนุญาตให้เธอไปทำข่าวนี้ เพราะงานลุยๆ แบบนี้แหละที่เธอชอบ

แต่ดันกลายเป็นว่าเธอได้รับคำตำหนิจากพี่วิทิตมาเป็นกระบุง เพราะข่าวนี้พี่วิทิตมอบหมายให้คนอื่นไปทำแล้ว พร้อมกับต่อว่าฝากท้ายมาด้วยว่า เธอควรจะมีจมูกไวให้มากกว่านี้ตามสัญชาตญาณของนักข่าวที่ ‘หูผีจมูกมด’ แปลว่า รู้เรื่องอะไรก็ทันท่วงทีไปหมด

ข่าวสารบ้านเมืองต่างๆ ควรจะเสพไว้บ้าง ไม่ใช่มัวแต่ยืนฝันนั่งฝันกินอุดมการณ์ที่จะมี ‘ผู้ก่อการดี’ สักคนคาบข่าวมาบอก เพราะนักข่าวสมัยนี้ต้องเก่งไอที ต้องรู้จักหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ต้องมีสายข่าวอยู่ทุกที่ อาชีพนักข่าวของเธอจึงจะรุ่ง ไม่อย่างนั้นพี่วิทิตก็ยังเห็นว่าเธอควรจะทำงานคัดกรองข่าวอยู่ในออฟฟิศเท่านั้น ถ้าไม่มีประสบการณ์มากพอ การออกไปทำงานด้านนอกก็จะไปป่วนคนอื่นเสียเปล่าๆ

‘ทำตัวให้มันสวยหวานสมกับหน้าตาหน่อยนะเมี่ยง’

ปณาลีจำได้ดีถึงคำพูดและสายตาเอือมระอาที่พี่วิทิตใช้มองเธอ นั่นมันไม่ใช่การชื่นชม แต่มันเป็นการทำลายทางสายตาอย่างรุนแรงว่าเธอนั้น ‘ไม่ได้เรื่อง’ และ ‘ไม่เหมาะกับอาชีพนักข่าวภาคสนาม’ เลยสักนิด แต่คนทะยานอยากอย่างเธอ อยากได้อะไรต้องได้ อยากทำอะไรก็ต้องได้ทำและต้องสำเร็จด้วย จะไม่ยอมให้คำสบประมาสหรือขวากหนามเล็กๆ มาทำให้เสียงานใหญ่แน่

“เมี่ยง! นี่พี่ถามทำไมไม่ตอบ นี่เรานอนน้อยจนเบลอหรือเปล่า” หนูนาถอนหายใจหลายๆ เฮือก เมื่อนักข่าวสาวคนโปรดของ บก. ดูจะไม่ได้สนใจในคำถามของเธอเลยสักนิด

“ว่าไงนะพี่ เอ่อ... เมี่ยงไม่ได้ฟัง คงเบลอจริงๆ อ่ะ” ปณาลียิ้มแหย เมื่อเผลอคิดเพลินจนลืมไปว่ายังมีเก้งตัวใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า

“พี่ถามว่าได้ข่าวแล้วหรือยัง” หน้าตากระตือรือร้นอยากบอกสุดขีด

“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอ่ะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน

“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”

“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”

สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่

“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”

หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟท์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อนๆ ที่เธอสุมไฟไว้ให้กองเบ้อเริ่ม แน่นอนว่าปณาลีกระโจนเข้าไปในกองไฟเรียบร้อยแล้ว

 

‘วิทิต’ บก. หนังสือพิมพ์ รูปหล่อพ่อรวย แต่ไม่ได้ทำตัวป้อสาวไปวันๆ เพราะเขาน่ะหนุ่มทำงานตัวจริงเสียงจริง คนรูปหล่อทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเพราะเมื่อออกมาจากห้องประชุมก็ต้องมาเจอปณาลียั่วโมโหเอาอีก ดวงตาคมของเหยี่ยวข่าวตวัดขึ้นมองเจ้าของใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มอย่างไม่พอใจ เพราะปณาลีนั้นไม่ได้สลดลงเลย

“อย่ามาบ้าน่ะเมี่ยง มาสายตั้ง 2 ชั่วโมง เข้าประชุมก็ไม่ทัน แล้วนี่จะยังมาวุ่นวายกับข่าวของพี่อีก พี่ว่าเราน่ะกินยาเขย่าขวดบ้างนะ รับผิดชอบกับงานตัวเองให้ได้ไม่ใช่มาทำตัวเอ๋อๆ แบบนี้” วิทิตหัวเสียหนักเมื่อคนนั่งตรงกันข้ามส่งยิ้มมาให้

“โธ่! เมี่ยงก็แค่มาไม่ทันประชุมเท่านั้นเอง พี่วิทิตจะโมโหทำไมนักหนาคะ”

“อ้อเหรอ... ผู้ถือหุ้น 20% มาไม่ทันดูงบประมาณของปีหน้า ถือว่าเป็นเรื่องไม่น่าโมโหใช่มั้ย นี่ดีนะที่พี่เลี่ยงไปว่าเรายังไม่มา เลยถือเอาวาระอะไรมาตัดสินใจไม่ได้ แต่ถ้าหากผู้ถือหุ้นคนอื่นเขาไม่ยอมขึ้นมาล่ะ พี่ไม่ต้องทำงานตามแพลนของพวกเขาเหรอ เรานี่คิดอะไรก็เป็นเล่นไปหมดนะเมี่ยง”

วิทิตส่งสายตาดุๆ มาที่ปณาลีอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ปณาลีก็ทำหน้าตาสำนึกผิดพร้อมทำหัวหดจนน่าหมั่นไส้ อีกเรื่องหนึ่งที่พนักงานไม่รู้แต่เขารู้ก็คือ นักข่าวสาวร่างกะทัดรัดคนนี้มีหุ้นใน ‘ข่าวสารบ้านเรา’ ถึง 20% ด้วยกัน ทำให้เมื่อมีการประชุมผู้ถือหุ้น ปณาลีก็ต้องเข้าประชุมด้วยทุกครั้งในฐานะทายาทของ ‘วิสิทธิ์วงศ์” แต่ปณาลีกลับไม่ค่อยจะสนใจ ทำให้เขาต้องปวดหัวอยู่เสมอ

แต่อีกทางเขาก็เอ็นดูปณาลีอยู่มาก อาจเป็นเพราะพ่อแม่สนิทสนมจนมาลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน และเขาก็เห็นปณาลีเป็นน้องสาวที่น่ารักมาตลอด เมื่อเขาเอ็นดูปณาลีมากกว่าพนักงานคนอื่นๆ เธอจึงถูกกลั่นแกล้งและถูกอิจฉาจากพนักงานคนอื่นเสมอ ดีที่ว่าสาวน้อยคนนี้มีนิสัยลุยๆ กล้าได้กล้าเสีย หากบอบบางร่างน้อยกระทบกระเทือนจิตใจอะไรไม่ได้ มีหวังเขาคงต้องปวดหัวมากกว่านี้อีกเป็น 2 เท่าแน่

“พี่วิทิต... เมี่ยงขอโทษนะคะ” ใช้น้ำเสียงอ่อนหวานออดอ้อน กระพือขนตางอนงามขึ้นลงอย่างเว้าวอน

“ก็เมี่ยงอ่ะมั่นใจว่ายังไงพี่วิทิตก็ต้องแก้ปัญหาได้อยู่แล้วแหละ เอางี้ดีมั้ยคะ เมี่ยงจะเซ็นต์มอบอำนาจให้พี่วิทิตตัดสินใจทุกอย่างเลย พี่วิทิตจะได้ไม่ต้องวุ่นเพราะเมี่ยงอีกไง และเมี่ยงก็จะได้ทำงานได้อย่างสบายใจไทยแลนด์”

“เฮ้ย! จะบ้าเหรอ อาโพธจะได้มายิงพี่ทิ้งน่ะสิ” วิทิตร้องโวยวายเมื่อนึกถึง ‘ท่านผู้กำกับประโพธ วิสิทธิ์วงศ์’ นายตำรวจเกษียณราชการ ซึ่งเป็นพ่อของปณาลี ความเฮี้ยบของท่านนั้นรู้กันดี แต่ให้เฮี้ยบแค่ไหนก็แพ้ทางไอ้หน้าตากวนๆ ทะเล้นๆ ของลูกสาวคนนี้อยู่ดีนั่นแหละ แต่ถ้าจะให้เขารวบอำนาจแบบนั้นเขาก็ไม่เสี่ยงล่ะ แม้ว่าทั้งพ่อแม่ของเขาและของเธอจะอยากให้เป็นทองแผ่นเดียวกันมากขนาดไหน แต่สำหรับเขากับปณาลีก็เป็นได้แค่พี่น้องเท่านั้น

“นะ... นะ... พี่วิทิตนะ ให้เมี่ยงไปตามข่าวนี้เถอะ เมี่ยงอยากทำ นะพี่นะ...”

ปณาลีเปลี่ยนเรื่องพลางขยับเข้ามาเกาะแขนของวิทิตอย่างออดอ้อนเพราะเธออยากตามข่าวนี้จริงๆ และวิทิตก็รู้ดีว่าเพราะข่าวนี้แหละที่ทำให้เธอเบนเข็มอยากมาเป็นนักข่าว แทนที่จะหันไปรับราชการเหมือนกับพ่อ

“ไม่ได้หรอกเมี่ยง ถึงพี่อยากให้เราทำ แต่ก็ให้ไม่ได้ เพราะข่าวมันปิดไปแล้ว หลักฐานที่มีก็ไม่พอจะไปเอาผิดใครเขาได้ด้วย”

วิทิตมองใบหน้าสวยใสน่าเอ็นดูนั้นด้วยแววตาจริงจัง ข่าวอื่นเขาคงตัดใจให้ปณาลีไปทำได้ แต่ข่าวนี้มันอันตรายมากเกินไป เรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง

“จริงเหรอคะ ไม่ใช่ว่าพี่วิทิตเห็นเมี่ยงเป็นผู้หญิง” แน่นอนล่ะสายตามีพิรุธของวิทิตตอบออกมาว่า ‘ใช่

รายละเอียด

เมื่อข่าวร้อนๆ พุ่งเป้าว่า “นายหัวไกร บุญโชคช่วย ลอยด์” เป็นเจ้าพ่อค้ามนุษย์ตัวใหญ่เบิ้ม นักข่าวสาวไฟแรงอย่าง “ปณาลี วิสิทธิวงศ์ หรือ เมี่ยงคำ” จะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเงียบเข้ากลีบเมฆแน่ เธอต้องหาข้อมูลเพื่อยืนยันว่านายหัวไกรผิดจริง แม้จะต้องปลอมตัวเป็นลูกจ้างคัดปลาก็ตาม จะพิสูจน์ให้เห็นว่าสื่ออย่างเธอไม่ว่าอิทธิพลหรือเงินทองมากองตรงหน้าก็ขวางเธอไม่ได้

“ฉันเชื่อว่าเธอเป็นนักข่าวสาวไฟแรงจริงๆ แต่อยากรู้ที่สุดคือ ไฟแรงสูงหรือเปล่า” ร่างสูงแข็งแกร่งรวบร่างเธอกดทาบลงบนที่นอน โดยไม่สนใจแรงดิ้นรนและเสียงกรีดร้องอย่างตกใจนั้น

“ว้าย! นี่คุณ! จะทำอะไร ปล่อยนะ! ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันนะ...”

ปณาลีดิ้นรนก่อนจะกรีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อแผงอกของเขานั้นกดทาบอยู่บนหน้าอกหยุ่นนุ่มของเธอ ฝ่ามือที่ดิ้นรนทุบตีเขาก็กลับถูกรวบไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกมือของเขานั้นกำลังไล้ไปมาบริเวณปลายคางจนเธอสะท้านไปทั้งร่าง

“ปล่อยอะไรล่ะสาวน้อย เมื่อกี้ยังร่ำร้องให้ฉันฆ่าเธออยู่เลย นี่ไง ฉันกำลังจะฆ่า แต่อาวุธของฉันน่ะ... ปลายลิ้น และก็...”

ดวงตาคมหลุบมองลงต่ำเป็นสัญญาณว่าอาวุธที่ร้ายกาจนั้นคือความแข็งขืนที่ดุนดันอยู่บริเวณต้นขาของเธอนั่นเอง ไกรอยากจะหัวเราะให้ดัง เพราะดวงตาที่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวของปณาลีกลับกลายเป็นเบิกกว้างและฉายความหวาดหวั่นอย่างเต็มที่ และคงไม่มีวิธีไหนที่จะปราบพยศแม่นักข่าวสาวจอมจุ้นจ้านได้ดีเท่าล่ามเธอไว้กับเสาเหล็กที่หัวเตียง

“นี่คุณจะทำอะไรฉัน... ปล่อยฉันนะ นี่คุณ... คุณเป็นคนวิตถารเหรอ ปล่อยฉันนะ... ปล่อย...”

“หึหึ... กลัวเหรอ คิดว่าจะกลัวอะไรไม่เป็นซะอีก ทำไมล่ะ ฉันมันเป็นไอ้พวกประเภทชอบซื้อเนื้อสดเสียด้วย ยิ่งสดๆ สะอาดๆ ไม่เคยผ่านแมลงชอนไชฉันยิ่งชอบ อยากขายไหมล่ะ เท่าไร เรียกได้มากเท่าที่ต้องการ อย่างเธอนี่... อืม... สดๆ ซิงๆ แบบนี้ ฉันให้ 2 หมื่น อะอะ... อย่าคิดว่ามันน้อยไปนะ”

ปณาลีที่อ้าปากจะร้องประท้วงถูกเขาชะงักคำพูดไว้ด้วยปลายนิ้ว ก่อนที่อารมณ์สนุกจะทำให้เขาพูดยั่วเธอต่อพลางใช้นิ้วมือคลึงริมฝีปากของเธอเล่นราวจะกระตุ้นอารมณ์

“ไอ้พวกข้างนอกอีก 10 คน ราคามันก็ลดหลั่นไปตามจำนวนครั้งที่ใช้งาน พร้อมบริการหรือยัง ฉันจะได้เริ่ม...”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024