One Night (venus909)
ประหยัด: 210.00 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
“พรหมลิขิต อาจไม่มีความหมาย
ถ้าหัวใจ ยังอบอุ่นดี”
1
คืนที่ 1
Rinjung‘s Part
อากาศยามเช้าของวันใหม่ที่สดชื่น แสงแดดอ่อนๆ เสียงลมเสียงนกพลิ้วตามสายลมกลิ่นอาหารหอมยั่วจมูกน่าลิ้มลอง สาววัยกลางคนที่หน้า-ผมเป๊ะ หุ่นดีราวกับสาวแรกรุ่น ในชุดผ้ากันเปื้อน กางเกงขาสั้นเสมอก้นโชว์เรียวขาขาว อกเอวรับกันสมส่วนพิมพ์นิยม
ฟอดด...#กอดหอมจากด้านหลัง
รินจัง : "มอร์นิ่งครับแม่ หอมจังเลย"
คุณแม่ : "หมายถึงแม่หรือของกินคะลูกที่ว่าหอมเนี่ย"
รินจัง : "ก็ทั้งสองอย่างแหละครับ"
คุณแม่ : "จะสายแล้วนะเรา ไปปลุกพี่รินได้แล้วปะ"
รินจัง : "เอ่อ...ให้ปลุกรินซัง ผมไม่กล้าหรอก"
คุณแม่ : "ไปเถอะลูก พี่เค้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอรินจัง"
รินจัง : "พี่ไม่น่ากลัวพี่น่ารัก แต่พี่ไม่ชอบรินจัง"
คุณแม่ : "ทำไมคิดยังงั้นล่ะลูก เราสองคนก็เหมือนคนๆ เดียวกัน เกิดมาพร้อมกัน มีอะไรก็ต้องแบ่งปันกัน พี่เค้าจะเกลียดตัวเค้าเองทำไมลูก”
ผมจำต้องคลายวงแขนออกและเดินกลับขึ้นไปชั้นสองแต่โดยดี ร่างผมรู้สึกสั่นเวลานอนคือเวลาที่รินซังมีความสุขที่สุด ห้องนอนเราทั้งสองเป็นห้องแฝดทรงตัวแอลประกบกันมีทางเดินเล็กๆ และประตูเชื่อมไปมาหากันได้ตลอดเวลา คนนอกจะไม่รู้เพราะมันเป็นทางบิวท์อินขึ้นมาใหม่ผมชอบเข้ามานั่งดูรินซังตอนหลับ มองอยู่เฉยๆ ก็มีความสุขแล้ว มือเอื้อมไปบิดประตูตรงทางเข้าปกติร่างสูงนอนก้มหน้าฟุบกับที่นอนอย่างสบายอารมณ์ ภายในแต่งโทนสีเข้มตัดกับผิวเนียนมืดขนาดนี้จะรู้ได้ไงว่านี่มันกี่โมงแล้ว รินซังยังนอนนิ่งผมรู้สึกประหม่าแต่ก็ต้องรีบปลุก เอื้อมมือไปตีต้นแขนเบาๆ ร่างรินซังเริ่มตอบสนองงัวเงียส่งเสียงรำคาญ
อืมม...อืม...อาราย
พลิกซีกหน้าออกจากหมอนมางึมงำใส่ผม มือเริ่มปัดป่ายอยู่ในอากาศไล่ผม ก่อนจะคว้าข้อมือได้และฉุดให้ร่างล้มไปกลิ้งทับบนตัวร่างสะลึมสะลือพลิกขึ้นทับทันที ผมถูกตรึงด้วยร่างอุ่นหน้าซุกอยู่ที่อกเปลือกตายังปิดสนิท รู้สึกแปลกๆ ที่นอนอยู่ในท่านี้แต่มันก็รู้สึกดี เพราะรินซังไม่ยอมโดนตัวผมมานานแล้ว หน้าสวยเลยคลี่ยิ้มอัตโนมัติ ฝ่ามือลูบแผ่นหลังคนบนร่างอย่างลืมตัวแรงกอดตอบสนองกลับจากคนที่หลับใหลยิ่งมีความสุข
ก็สุขอยู่ได้ไม่นานมือที่รวบแขนไว้เริ่มคลายตัวเปลี่ยนมาสอดเข้าใต้เสื้อพลิ้วผ่านเนินท้องขึ้นมาตามแนวสูง ผมตื่นเต้นแต่พยายามสงบอารมณ์ได้ดิ้นหนีไปไหน อยากอยู่สภาพนี้อีกสักพักชายเสื้อเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นตามฝ่ามือ หน้าที่ซุกแผงอกเริ่มขยับริมฝีปากจูบซับเบาๆ เดาอารมณ์คนบนร่างไม่ออกจริงๆ ว่าตอนนี้ฝันถึงใครและกำลังฝันว่าอะไรอยู่ ปากครอบทับเม็ดอ่อนนิ่ม ขยับปากจากเบาเริ่มดูดดึงหนักขึ้นทั้งดูดทั้งกัดจนผมเผลอปล่อยเสียงคราง ต้องรีบเอามือมาปิดปากไว้ผ่อนลมให้ใจให้ร่างสงบ รอยที่ถูกกัดจนเจ็บเริ่มเสียวซ่านจากปากที่ชุ่มชื้นจูบเบาๆ ปล่อยประโลม ตุ่มที่ตอนนี้แข็งเป็นไตมือเคลื่อนสะกิดอีกข้างให้แข็งตาม
รินซัง : "ทนดีนิ ทำไมไม่ร้อง" #ถามเสียงเย้ย
รินจัง : "ตื่นแล้วก็ลุกสิ สายแล้ว"
รินซัง : "กูถามว่าทำไมไม่ร้อง"
รินจัง : "ก็เฉยๆ จะให้ร้องอะไร" #พูดแบบชิวมากๆ
รินซัง : "หรอ ไม่รู้สึกอะไรล่ะสิ"
รินซังลืมตาสำรวจร่างผมตอนนี้ พร้อมกับแสยะยิ้มบางก่อนจะกระซิบว่า "กูจะลงโทษมึง บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้ามา" เสียงแหบพร่า ทำงานพร้อมกับหลายๆ ส่วนในร่างกายร่างที่อยู่แค่ทับเริ่มขึ้นคร่อม คำแสลงกระซิบออกมาอย่างต่อเนื่องจมูกไซ้ซอกคออย่างหื่นกระหาย ริมฝีปากขบดูดจากเนินไหล่ลงไปตามช่องท้อง
รินซัง : "ร้องสิ ร้องออกมา" #มือปิดปากกลั้นเสียงน่าอาย
รินซัง :"ห้องกูเก็บเสียง กูจะทำให้มึงครางจนไม่มีแรงพูดเลย"
อารมณ์ดิบฟัดร่างผมหวังจะเอาชัยชนะ ยิ่งเสียงผมอู้อี้กระเส่ามากเท่าไรยิ่งยั่วให้รินซังรุนแรงมากเท่านั้น ผมเริ่มเคลื่อนตัวหนีฝ่ามือที่บีบช่วงก้นจนขึ้นรอยถอยหลังจนตอนนี้พิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอนมือที่ขย้ำก้นกลมเริ่มเคลื่อนมาด้านหน้าลูบไล้แท่งร้อนมือกำแน่นชักขึ้น-ลงรัวทำให้ผมยั้งเสียงไว้ไม่ไหว
"อ๊ะ อ๊ะ อ้าาา...บะ...บะ...เบาหน่อยสิ" #รินซังยิ้มพอใจ
รินซัง : "ไม่อยากเจ็บตัวก็ร้องออกมาสิ"
รินจัง : "ไอ้โรคจิต"
ยิ่งด่ายิ่งกระตุ้นอารมณ์ รินซังบีบกรามผมให้เชิดหน้ารับรสจูบดิบได้อย่างเต็มที่ปลายลิ้นเข้ามาดูดชิมโพลงปากอย่างไม่ได้รับเชิญ ยิ่งผมดิ้นหันหนียิ่งบีบแน่นจนเจ็บร้าวเสียงอู้อี้บ่นประท้วงที่ไม่มีอากาศให้หายใจ คนบนกายดูดปลายลิ้นจนมันหวานผมรู้สึกตัวลอยพร่ากับบทจูบที่รุนแรงแต่ยั่วยวน ก่อนรินจะกระซิบมา
รินซัง : "อยากให้กูทำต่อก็ถอดเสื้อผ้าออก"
สายตาเย้ยหยันท้าทายผมรู้ว่ารินซังต้องการให้ผมกลัวและไม่มายุ่งกับเค้าอีก แต่ผมใช่จะยอมคนซะที่ไหน หลบสายตาที่จ้องทุกการกระทำก่อนดึงชายเสื้อขึ้นเพื่อถอดมันออก "มึงคิดให้ดีนะ ถ้าอยากขนาดนั้นก็จะเอาให้บานเลย" #กูเตือนมึงนะรินจัง
ผมเม้มปากช่างใจก่อนจะสลัดเสื้อให้พ้นจากร่างโชว์ผิวสวยส่งสายตาเย้ยหยันไม่เกรงกลัวออกไป ฝ่ามือที่กำไว้จนชื่นตรงเข้าประครองหน้ารินซัง ประกบปากจูบแผ่วเบาไร้การตอบสนองใดๆ ร่างรินซังที่ดันผมมาจนชิดหัวเตียงยิ้มบางๆ ก่อนจะชันตัวขึ้น บีบกรามผมให้ไปอยู่ใกล้ๆ
รินซัง : "ทำให้กูสิ"
รินซัง : "อยากจะรู้ ว่ามึงเด็ดสักแค่ไหน"
ผมดึงกางเกงออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ มือรินซังยังบีบค้างไว้เร่งการกระทำของผม หน้าผมอยู่ใกล้พ่วงนิ่มแค่คืบ ก่อนที่ฝ่ามือจะบีบเน้นให้ผมอ้าปากรับพวงนั้นเข้ามา ปากที่พร่ำออกคำสั่งคือปากที่สร้างความเจ็บปวดให้ผมมาตลอด ปลายลิ้นเลียขาอ่อนแผ่วเบารอยแยกสามเหลี่ยมที่มีเส้นขึ้นหนาถูกจัดระเบียบด้วยลิ้นร้อยอย่างเอาใจ ก้อนกลมๆ ถูกดูดดึงจนเจ้าของเผลอครางกระเส่า แท่งเอ็นปูดแข็งเต็มลำพร้อมรบทันทีที่ปากผมครอบทับ ฝ่ามือที่เคยรุนแรงก็ลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนเอาใจแววตาที่ก้มมองลงมาอ่อนโยนจนผมคิดว่าฝันไป เคลื่อนตามแรงบังคับของฝ่ามือความยาวทิ่มไปถึงคอหอยจนผมสำลักแต่ก็ยังยอมทำต่อ หางตามีริ้วน้ำตาบ่งบอกว่าผมทรมานเหมือนกัน ฝ่ามือหนาเกลี่ยหยดน้ำตาให้อย่างทะนุถนอม
รินซัง : "มึงจะเจ็บกว่านี้อีกหลายเท่า เปลี่ยนใจยังทัน"
น้ำเสียงปกติที่พูดกับผมในขณะที่แท่งร้อนยังคาปาก ผมยังขยับขึ้น-ลงตลอดเหมือนบอกว่าผมไม่เอาไหนเลย รินซังไม่รู้สึกถึงความเสียวซ่านเลยสักนิด ผมยิ่งเร่งปากให้ดูดแรงๆ มือช่วยขยับถี่จนเจ้าของแท่งเชิดหน้าครางไม่ได้ภาษา อีกไม่นานรินซังต้องแตกใส่ปากผมแน่ แล้วผมก็จะเป็นผู้ชนะที่สามารถปลดปล่อยรินซังได้ ฝ่ามือหนาดันตัวผมออกทันที ก่อนจะเป็นฝ่ายกระหน่ำจูบซุกไซ้ร่างผมซะเอง
รินซัง : "ถอดกางเกงออกซะ" #กูจะไม่ไหวแล้วนะรินจัง
พูดจบร่างรินซังก็ละออกจากตัวผมไปนั่งขอบเตียงทันที ผมรู้สึกได้ว่าเหงื่อผุดเต็มใบหน้าเลือดสูบฉีด แต่รินซังพยายามสะกดกลั้นไว้กางเกงหลุดพ้นออกจากร่าง ผมสอดมือไปกอดรินซังจากด้านหลังพ้นลมหายใจอุ่นที่ต้นคอ
รินซัง : "มานั่งตักกูนี่"
ผมลุกมาจะทิ้งร่างบนตักรินซัง มือหนาจับเข้าที่ช่วงเอวก่อนจะดึงไม่ให้ผมนั่งลงไป ผมตวัดสายตามองทันที ริมฝีปากยื่นมาจูบผมอย่างร้อนอีกครั้งสองมือถูกรวบไว้ รินซังใช้กางเกงตัวย้วยของตัวเองมัดผมไว้ลวกๆ ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ร่างกายไร้อิสรภาพ บทจูบที่เร้าร้อนยิ่งเปลี่ยนผมไปทันที
แขนรินซังล็อคเอวไว้หน้าซุกไซ้แผ่นหลัง มืออีกข้างลูบขาอ่อนด้านหลังขึ้นขยำก้อนกลม มือที่ล็อคเอวเริ่มขยับแก่นกลางให้ผม เมื่อมาจนถึงจุดนี้ ผมคงไม่กลั้นเสียงไว้อีกแล้วเปล่งเสียงหวานครางตามจังหวะที่รินซังมอบให้ รู้สึกถึงสิ่งที่เย็นชื้นอยู่ร่องด้านหลังหน้าหล่อๆ ของรินซังจมหายไปที่ปั้นท้ายกลมมือแยกร่องเผยช่องเชื่อมต่อให้เด่นขึ้น ผมกระตุกตัวปลดปล่อยครั้งแรก ร่างกายของรินซังยังเสพทุกส่วนอย่างต่อเนื่อง โก้งโค้งให้สะโพกลอยเด่นรับริมฝีปากอย่างเอาใจ น้ำลายที่เปียกชุ่มเป็นสารหล่อลื่นที่รินซังใช้เพื่อสอดนิ้วเข้าไปในร่างผมกว่าจะเข้าไปจนสุดได้ ผมก็ครางกระเส่าด้วยความเจ็บปวด
รินซัง : "เล่นของตัวเองให้กูดูหน่อย" #ผมรู้สึกงงกับคำสั่งนี้
รินซังค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปกลางที่นอนดึงขาสองข้างของผมให้ชันคร่อมร่างรินซังไว้บั้นท้ายยังเปียกชื้น เพราะรินซังเลียให้อย่างต่อเนื่อง นิ้วขยับเข้า-ออกจนจุกไปหมด มืออีกข้างแกะมัดกางเกงออก
รินซัง : "ทำแบบที่กูทำเนี่ย"
มือข้างที่ถนัดถูกดึงอ้อมไปด้านหลัง ผมเก้ๆ กังๆ ที่จะทำตามฝ่ามือหนาลูบท้องน้อยปลอบประโลม "โชว์ให้กูดูซิมึงเด็ดขนาดไหน" คำพูดที่เปล่งออกมายังทิ้งลมอุ่นๆ ไว้ที่บั้นท้ายผมปลายนิ้วผมวนจนมันเข้าไปได้แต่ยังไม่สุด ผมเหลียวหลังมองหน้ารินซังที่ตอนนี้จ้องทุกการกระทำของผมไม่วางตา สายตาดำขลับปลุกอารมณ์ดิบในตัวผมให้กระหนำรั่วนิ้วไม่หยุดครางยั่วจนแท่งของรินซังเองก็ตื่นตัวฝ่ามือหนาเอื้อมมารีดน้ำให้ผมทั้งๆ ที่เพิ่งปล่อยไปจนมันแตกมาอีกรอบ
รินซัง : "อย่าเอามือออกนะ ทำต่อไป"
มือที่ไร้เรี่ยวแรงยังหมุนนิ้ววนต่อไปขาสั่นจนหน้าที่เคยเชิดฟุบกลับที่นอนเพื่อประคองก้นไว้รู้สึกถึงความตรึงคับ เมื่อมีนิ้วเพิ่มเข้ามาผมฟุบหน้าเหลือบมองมือผมประสานกับมือรินซังนิ้วเรากระแทกใส่รัว จากที่จุกอยู่เริ่มโดนจุดเสียวจนเผลอครางเสียงหลง รินซังยิ้มอย่างพอใจก่อนจะตบแรงๆ ที่ก้นขาวแหวกร่องออกกว้างๆ ภาพที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้คือรินซังขึ้นคร่อมร่างผมสอดแท่งร้อนเข้ามามือผมคงไม่จำเป็นแล้ว จังหวะที่รินซังมอบให้ทำให้โลกของผมสั่นไม่เป็นจังหวะและค่อยๆ มืดดับไป
คุณแม่ : "อ้าว!! รินซัง ไหนแม่ให้น้องไปตามเราแล้วทำไมลงมาคนเดียว"
รินซัง : "ผมใช้ให้มันลอกการบ้านให้อยู่น่ะแม่ วันนี้คาบเช้าว่าง"
คุณแม่ : "งั้นลูกก็ขับรถไปกันเองนะ แม่รีบไปประชุมก่อน"
รินซัง : "ครับ"
คุณแม่ : "แม่ทำน้ำมะนาวให้น้องด้วย เอาขึ้นไปให้น้องสิ" #แววตาแม่ยิ้มล้อ
2
คืนที่ 2
Darin’s Part
@มหาลัยชื่อดังใช้แบงค์พันแทนร่มบังแดด
เคยอ่านเจองานวิจัยตัวหนึ่งที่ว่า คนที่นอนเยอะๆ สามารถเพิ่มระดับไอคิวสมองได้ #ผมไม่ได้ขี้เกียจนะครับ ผมใช้กฎข้อนี้กับการใช้ชีวิตมาตลอด เข้านอนสี่ทุ่มตื่นเจ็ดโมงเช้าไม่ชอบให้ใครปลุกไม่ชอบคนมั่นหน้าใส่ ไม่ชอบคนตัวขาว ไม่ชอบคนปากแดงร่างบาง ครางเสียงใสๆ ในตอนนี้เลย แต่ผมหยุดมันไม่ได้ ผมทำไปโดยสัญชาตญาณของหัวใจ
รินจัง (Image) // แฝดผู้น้อง ผิวขาวสไตล์ลูกคุณหนู ร่างบาง อกไม่ผายก้นงอนงามขัดกับเอวคอด อ้อนแอ้นสไตล์ผู้ชายเรียบร้อยวันๆ สิงตัวอยู่แต่กองหนังสือ เข้าครัวทำอาหาร บางทีผมก็คิดว่าผมมีน้องสาวนะหนุ่มหลายคนยังอยากจีบด้วยซ้ำ แต่ถ้าวันนี้รินจังเป็นผู้หญิงผมคงทำผิดมากแต่เพราะเค้าเป็นผู้ชายผมถึงทำทุกอย่างตามที่เสียงหัวใจผมต้องการ
ร่างบางบ่นอิดออดตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถมาดูกระสับกระส่ายผมเอื้อมมือไปอังหน้าผากตอนที่รถติดไฟแดงแทบสะดุ้งตัวร้อนจัดขัดกับอุณหภูมิแอร์ในรถ
ผม: "รินจัง นี่มึงแน่ใจนะว่าไหว"
รินจัง : "อืม"
ผม: "กูวนกลับไปส่งที่บ้านไหม?"
รินจัง : "ไม่เอา กูมีเทสเก็บคะแนน"
ผม: "แมร่ง!! ไปเทสสภาพนี้ มึงคงทำได้หรอก"
รินจัง : "เออ!! กูเก่ง มึงลืมไปแล้วหรือไง"
ผม: "ใช่เก่ง โดยเฉพาะปากมึง" #สายตาและน้ำเสียงเย้ย
ผมวนรถไปส่งรินจังที่หน้าตึก บรรยากาศช่วงสายๆ แบบนี้แดดร้อนระอุค่าเทอมแพงขนาดนี้ น่าจะติดแอร์ที่ทางเดินมันด้วยเลยนะ ผมละสงสารคนร่างบางผิวขาว ยิ่งโดนแดดยิ่งขาวอมชมพู ผิดกับผมมาทางเข้มกร้านแดด สไตล์นักกีฬา
ผม : "ให้กูเดินไปส่งมึงที่ตึกไหม?"
รินจัง : "กูไม่ใช่เด็กนะ ไม่หลงหรอก"
ผม: "ปากดีนักนะมึง ลงเดินให้ได้ก่อน"
รินจัง: "ห่วงเหรอ?"
ผม : "อืม ก็โดนกูไปมึงคงเจ็บน่าดู"
ผมพูดออกไปตรงๆ แอบเห็นหน้าของร่างบางอมยิ้มน้อยๆ อย่างดีใจ ทำไมนะปากของผมไม่เคยคิดจะโกหกรินจังเลยซักครั้ง ทั้งที่ผมเป็นคนแพรวพราวไหลลื่นชนิดหาตัวจับยากทุกอย่างที่ผมทำ มันเรียกว่าการบริหารเสน่ห์ #แต่กับรินจังมันออกมาจากใจ
ผมมองจนรินจังเดินหายเข้าไปในตึกก่อนจากออกไปเรียนคณะตัวเองเหมือนกัน เด็กวิศวะปีหนึ่งยังเน้นวิชาการ ผมมาเรียนก็เหมือนมานั่งเสพบรรยากาศห้องเรียนรอบๆ ตัว ถ้าไม่ติดว่าต้องมาส่งรินจัง มาเช็คชื่อเข้าคลาสผมไม่มาให้เปลื้องน้ำมันรถหรอก เนื้อหาของปีหนึ่งผมอ่านจบครบทุกวิชาตั้งแต่ช่วงปิดเทอม ก็บอกแล้วไงการพักผ่อนทำให้เซลสมองผมดี ไอคิวสูงขึ้น จริงๆ นะ
อาจารย์ : "ดารินทร์"
ผม : "ครับ"
อาจารย์ : "เทสรอบที่แล้ว เราได้คะแนนเต็มสิบนะ ยังไงช่วยมาสรุปเนื้อหาที่เพิ่งสอบไปให้เพื่อนฟังหน่อยสิ"
ผม : "ครับ"
อาจารย์ : "เนื้อหาที่ดารินทร์พูดมา อาจารย์ว่าเข้าใจง่ายมาก ถูกต้องครบถ้วนเพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าตัวเองสอบตก ให้พยายามเข้าหาเพื่อนบ้างลองถามซิเพื่อนเรามีเทคนิคช่วยจำยังไง? แล้วทำรีพอร์ตส่งมาด้วย อาจารย์จะปรับคะแนนให้เป็นห้าคะแนน สำหรับคนที่ส่งรายงานถูกต้อง ครบถ้วนตรงเวลา ภายในวันพุธนี้นะ"
อ่านมาถึงตรงนี้คงรู้แล้วใช่ไหมครับว่าผมเรียนเก่ง #หลงตัวเอง ผมพยายามส่งยิ้มทักทายให้กับเพื่อนใหม่หลายๆ คนที่เข้ามาทำความรู้จักสาวร่างบางในชุดนักศึกษา เสื้อฟิตรัดรูปกระโปรงสั้นเอื้อมปลายนิ้วมาสัมผัสที่ต้นแขนผม พร้อมทั้งพยายามเข้ามาใกล้ๆ พูดเสียงอ่อนเสียงหวานหยอกล้อ หวังจะขอให้ผมไปช่วยติวให้เธอในวันพรุ่งนี้
แนนนี่ :"ดารินทร์คะ พรุ่งนี้ไปช่วยแนนนี่ทำรายงานส่งอาจารย์หน่อยได้ไหมคะ นะคะๆ ช่วยหน่อยนะ"
ดารินทร์ : "ผมขอดูก่อนนะ ว่าจะว่างไหม?"
แนนนี่ : "ออ นัดแฟนไว้แล้วหรือเปล่าคะ แนนนี่รบกวนหรือเปล่า"
ดารินทร์ : "ไม่ใช่แฟนหรอกครับ ผมขอถามน้องผมก่อนว่าเค้าจะไปไหนไหม?"
แนนนี่ : "อ๋อค่ะ งั้นขอเบอร์ของดารินทร์ไว้ได้ไหมคะ"
ดารินทร์ : "เอาเบอร์แนนมาดีกว่าครับ เดี๋ยวผมโทรบอกเอง"
ผมรับโทรศัพท์กลับมาพร้อมกับเห็นเบอร์ที่เพิ่งกดโทรออกไปขนาดว่าเลี่ยงไม่อยากให้เบอร์แล้วนะ แต่ก็พลาดจนได้ผมไม่ได้รังเกียจอะไรเธอหรอกนะ แค่ไม่อยากเพิ่มใครเข้ามาในโลกส่วนตัวของผมอีก ไม่อยากให้ใครสำคัญกว่า พ่อแม่และรินจัง #อ่านมาถึงตรงนี้ คงรู้แล้วนะครับว่าผมไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร โลกส่วนตัวสูง
ผม : "ไงมึงรอกูนานไหม?"
รินจัง : "สักพักแล้วล่ะ"
ผม : "แล้วทำไมมึงไม่ไปรอร่มๆ ไม่เห็นไงแดดมันร้อน”
ผม : “มึงยิ่งไม่สบายอยู่"
รินจัง : "กูกลัวมึงมารับแล้วไม่เจอ"
ผม : "แล้วสอบได้ไหม"
รินจัง : "โห่!! ได้ทำน่ะสิ ออกอะไรก็ไม่รู้ไม่ตรงที่อ่านมาสักนิด"
ผม : "มึงอ่อนเองมากกว่า"
รินจัง : "คงใช่มั้ง กูมันไม่ได้เรื่องสักอย่างอยู่แล้วนิ"
ผม : "ไม่จริงหรอก บางเรื่องมึงก็โคตรเด็ดนะ กูคอนเฟิร์ม"
รินจัง : "ทั้งที่เราเป็นพี่น้องกัน ทำไมกูไม่เก่งเหมือนมึงบ้าง ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง"
ผม : "คนเราเหมือนกันมากๆ มันก็น่าเบื่อนะเว้ย แตกต่างอะดีแล้ว"
รินจัง : "ต่างอย่างอื่นได้ไหม" #ทำหน้าเศร้าแก้มป่องปากยื่น
ผม : "พอๆ เอางี้เดี๋ยวพาแวะร้านเค้กเจ้าอร่อยแล้วกัน จะได้อารมณ์ดีขึ้น"
รินจัง : "อืม” #รู้ใจกูที่สุด
ร้านเค้กเจ้าประจำที่พวกผมชอบมากินกัน เป็นร้านเล็กๆ อยู่ในซอยลึกผู้คนไม่พลุกพล่าน บรรยากาศโฮมสเตย์ทำไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่ที่จบจากคณะผม ผมเลยเป็นขาประจำร้านนี้ ที่ร้านทำโฮมเมคเกี่ยวกับขนมด้วย รินจังจะเพลิดเพลินเป็นพิเศษขนมเค้กแปลกๆ วางเรียงรายยั่วน้ำลายน่าลิ้มลอง
ผมยืนอยู่นานกว่ารินจังจะตัดสินใจเลือกได้โลกของรินจังเวลาอยู่กับขนมสีหวาน มองเพลินจนผมไม่อาจละสายตาได้แสงสีนวลที่ใช้ขับหน้าตาขนมให้น่ากินยิ่งขึ้น ขับผิวขาวละเอียดให้ยิ่งงดงามดวงตากลมใสโดยไม่ต้องใสคอนแทคเลนส์ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนยามที่เม้มปากช่างใจมันยิ่งกระตุกให้ใจผมเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
ผม : "กว่าจะเลือกได้นะมึง"
รินจัง : "ก็มันน่ากินทุกอย่าง"
ผม : "กูเหมาให้หมดเลยไหม จะได้ไว้กินที่บ้านด้วย"
รินจัง : "จริงหรอ? ได้หรอ? มึงจะไม่ว่ากูตะกละใช่ไหม"
ผม : "ถ้ามึงไม่เกรงใจว่าลูกค้าคนอื่นเค้าจะไม่มีกินอะนะ กูก็ซื้อให้ได้"
รินจัง : "ก็มันน่ากินทุกอย่าง"
ผม : "ไม่อะ กูเห็นน่ากินอยู่อย่างเดียว" #ผมมองสายตาวิบวับ
รินจัง : "ชิ้นไหนวะ กูไม่สั่งเพิ่มให้ไหม"
ผม : "มึงไง" #สายตาผมจริงจัง
รอยยิ้มจางบนใบหน้า เคลือบยิ้มยั่วจนผมอยากจะกลับบ้านในตอนนี้เลยเพลงที่เปิดคลอเบาๆ กระตุ้นให้ผมละสายตาไปมองเสพบรรยากาศที่แสนจะสบายไฟสีนวลกับเฟอร์นิเจอร์งานไม้เป็นอะไรที่เข้ากันมาก
(กริ๊งงง กริ๊ง กริ๊งงง) เสียงโทรศัพท์เข้ามาขัดจังหวะ เสียงที่กรอกโต้ตอบกลับมาทำให้ผมนิ่วหน้านึกอยู่นาน
"ครับ"
“.....”
"ใครนะครับ"
“....”
"อืมม"
“....”
"อ๋อแนนนี่ จำได้สิครับ"
“....”
"เรื่องที่นัดกันน่ะเหรอ ผมขอคิดแป๊บนะถ้าไม่ติดอะไรก็โอเคครับ"
เหลือบมองคนตรงหน้ากับท่าทีที่แสร้งทำเป็นไม่อยากรู้ เริ่มไม่สบายใจสายตาผมจ้องลึกลงไปที่ตาสีน้าตาลอ่อนกลมใสที่กำลังก้มหน้าหลบตาราวกับจะอ่านใจคนตรงหน้าว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่ผมคนธรรมดาไม่ได้มีคาถาอ่านใจอะไรแต่ผมได้ยินเสียงที่พรั่งพรูมาตลอด
// "หึ แนนนี่ผู้หญิงสินะ"
// "รินซัง รูปหล่อ รวย เก่ง สาวๆ ก็ต้องกรี๊ดเป็นธรรมดา"
// “ใครจะเหมือนเรา ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง"
// "แม้แต่เรื่องของหัวใจ รักไม่ก็ไม่มีทางสมหวังซินะ"
// "ต้องตัดใจซินะ"
// "ทำไมไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงนะ เฮ้อ!!"
ผมก้มหน้าแล้วตั้งใจฟังทุกอย่างที่ไหลเข้ามาในโสตประสาทของผมเสียงที่ตัดพ้อทำให้ผมเงยหน้ามองทันเห็นแววตาที่เศร้าหมอง
นี่ผมตั้งใจพารินจังมาให้คลายความเครียดแต่ทำไมถึงเครียดมากกว่าเดิมนะ ผมขอตัวแยกออกไปคุยกับรุ่นพี่เจ้าของร้าน ก่อนจะคว้ากีตาร์โปร่งตัวประจำไปนั่งกลางเวทีเสียงผมเทสไมค์ปลุกรินจังจากภวังค์ทันทีสายตาที่มองมาที่ผมเหมือนสงสัยว่าผมไปทำอะไรตรงนั้น
"วันนี้อารมณ์ดีครับเลยอยากแชร์ความรู้สึกดีๆ ให้ทุกคนที่กำลังมีคำถามมากมายในหัว แต่ยังไม่มีคำตอบผมอยากให้รู้ว่ายังมีอีกคนที่อยู่ตรงนี้" ผมเกากีตาร์คอร์ทเพลงหวานคุ้นหู สายตาที่รินจังมองมาที่ผมตอนนี้เปล่งประกายวิบวับ ไม่รู้ว่าเค้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไหม
ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอ
แต่ฉันมีใจพิเศษ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ
...อ้างอิง http://sz4m.com/t4815 (CR.เพลง เพียงชายคนนี้)
"ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ" ทันทีที่เพลงท่อนสุดท้ายจบลงเสียงแหบเสน่ห์ลูกคอแปดชั้น เรียกเสียงตบมือจากคนทั้งร้านได้ทันที สายตาที่มองจ้องผมอยู่ตลอดปลาบปลื้มยินดี รอยยิ้มเบิกบานจนทำให้ผมใจเต้นแรงผมเดินลงจากเวทีมาที่โต๊ะ สายตาหลายๆ คู่ยังมองมาที่ผมตลอด บรรยากาศระหว่างผมกับรินจังเงียบลง มีเพียงรอยยิ้มที่ส่งตอบกลับไปมาลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ เค้าคงรู้ดีว่าผมร้องให้กับรินจังเพราะผมพามันมาแค่คนเดียว
ซี "พี่คะ พี่ร้องเพลงเพราะมาเลยค่ะ"
ผม "ครับ"
ซี "ซีอัดคลิปไว้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยคะ ขออนุญาตเอาลงยูทูปได้ไหมคะ"
ผม " พี่ว่าอย่าดีกว่านะครับ เดี๋ยวคนเค้าจะอันฟอล์กันหมดนะ"
ซี "ไม่หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ"
// "หึ สาวรุมอีกแล้วนะ หมั่นไส้!!"
ผมไม่ใช่ผู้วิเศษจริงๆ นะครับแต่เสียงนี้ไหลเข้ามาในหูผมเองและผมก็รู้ด้วยว่ามันเป็นคำพูดของใครนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!! เสียงแห่งความคิดของรินจังผมได้ยินของรินจังคนเดียว เพราะอะไรทำไมกัน? ผมลากรินจังกลับบ้านในเวลาต่อมา เพราะผมต้องรีบเข้านอนก่อนสี่ทุ่มเพื่อระบบประสาทที่ดี ไอคิวที่ดีในรถระหว่างทางผมก็ยังฮัมเพลงเพียงชายคนนี้ตลอดทาง รอยยิ้มสดใสของคนข้างกายทำให้เค้ามีความสุข ผมก็มีความสุขไปด้วย
TALK: Rinsung
ผมไม่ได้ฝันไปนะครับ เสียงความคิดของรินจังผมได้ยินมันจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยได้ยินมันแต่เหมือนว่าผมอ่านใจเค้าออกตลอดแต่ทุกอย่างเราก็ต้องคาดเดาไปตามอารมณ์ของรินจังแต่วันนี้ไม่ใช่หรือนี่จะเป็นเรื่องดีๆ ที่สวรรค์ให้โชคสองชั้นกับผม
โชคครั้งที่ 1 ผมกับรินจังเป็นของกันและกันในวันนี้
โชคครั้งที่ 2 ได้ยินเสียงความคิดของรินจังในวันนี้
รายละเอียด
บอกเล่าเก้าสิบ
เรื่องนี้แต่ขึ้นจากประสบการณ์ส่วนหนึ่งของชีวิต มันต้องมีกันทุกคนแหละ ช่วงที่ไม่รู้จะเลือกใครดีรักพี่เสียดายน้อง เคยคิดไหมว่าพรหมลิขิตอาจไม่ได้กำหนดให้เรามาเป็นคู่ก็ได้ ถ้าลงตัวที่สามคนคงอบอุ่นมาก อิจฉาดารินทร์จังที่ไม่ต้องเลือกเหมือนเรา อิจฉาคนที่ซื่อตรงมั่นคงตลอดอย่างรินจัง อิจฉาโอกาสแก้ตัวซ้ำๆ ของมุม
เพราะไม่มีใครล่วงรู้ชีวิต ไม่มีพรวิเศษสำหรับทุกคน มีเพียงเสียงความคิดของตัวเองที่จะผลักดันให้เราเลือกสิ่งที่ถูกใจที่สุด แม้ว่าสิ่งนั้นจะแปลกหรือแตกต่าง ขอให้มีความสุขเพราะคุณได้เลือกแล้ว
ขอบคุณที่ติดตาม
VENUS909