แม่ตัวแสบ + แม่ยอดขมองอิ่ม (สุชีรา)
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
แม่ตัวแสบ
เขาเป็นนักข่าวหนุ่มใหญ่ยึดมั่นอุดมการณ์แน่นปึ้ก หล่อนเป็น
นักข่าวตัวจ้อยแต่การทำงานก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่าผู้ชาย เขากับหล่อนต้องมีเหตุให้ไปหาข่าวเรื่องเดียวกัน แต่ทำไปทำมาหล่อนกลับมาทำข่าวเกี่ยวกับตัวเขาหน้าตาเฉย เขาจะทำยังไงเมื่อชื่อตัวเองขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ดังหลายฉบับและข่าวที่ออกมามันเป็นข่าวคาวโลกีย์ทั้งนั้น…
ด้วยรัก
สุชีรา
1…
“คุณเขมชาติ ข่าวระเบิดห้างจีวีที่รัชดาไปถึงไหนแล้ว ได้เรื่องยังไงไม่เห็นบอกผม”
บรรณาธิการเสียงเขียวขึ้นมาทันทีที่เห็นเขมชาติเดินสะพายกระเป๋ากล้องใบขนาดย่อมเข้ามาในห้องข่าว ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า
“ผมส่งไปตั้งแต่ตอนเย็นก่อนเลิกงานฝากคุณพรไว้ไม่ได้ให้บก.หรอกเหรอ”
“เปล่านี่ไม่เห็นเขาว่ายังไง ทีหลังคุณน่าจะวางไว้บนโต๊ะผม”
เสียงที่ดังเมื่อครู่เบาลง ดำเกิงเป็นบรรณาธิการที่เฮี้ยวจนหลายคนกลัวแต่ความจริงเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีคนหนึ่ง
“ถ้ามันหายล่ะครับบก. ใครจะรับผิดชอบ ผมมิถูกด่าอีกเหรอดีไม่ดีถูกตัดเงินเดือนอีกยิ่งไม่ค่อยจะพอใช้อยู่ด้วย”
เขมชาติทำเสียงหงุดหงิด ดำเกิงหัวเราะอารมณ์ดีขึ้นเขารู้จัก
เขมชาติดีและนึกขำกับคำพูดประชดเมื่อครู่นี้
“คุณไม่ต้องมาพูดประชดผมหรอกคุณเขม ถ้าคุณเงินไม่พอใช้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะครับ ลูกชายพ่อเลี้ยงทางเมืองเหนือเข้ามาเรียนปริญญาโทฯจนจบแถมกระโดดเข้ามาทำงานเป็นนักข่าวเงินเดือนเหยียบ 2 หมื่นอย่างนี้มีหรือเงินจะไม่พอใช้ยกเว้นว่าเอาเงินไปปรนอีหนู”
“บ้าสิคุณดำเกิงผมไม่เคยทำอย่างนั้นหรอกไม่เหมือนคุณ”
ชายหนุ่มย้อนกลับบ้าง
“ที่ผมต้องทำอย่างนั้นเพราะเรื่องงานบังคับหรอกน่า เอาล่ะไม่อยากเถียงกับคุณ วันนี้ช่วยไปตามข่าวที่บ้านท่านรองนายกฯให้หน่อยมีข่าวไม่ค่อยดีออกมาหนาหู คุณจะเอาใครไปเป็นคู่หูก็บอก”
“ไม่ต้องหรอกครับผมจะไปคนเดียวเพราะเรื่องนี้ผมตามมาเกือบอาทิตย์แล้ว ไม่รู้ว่าท่านรองฯถูกใส่ร้ายหรือว่างุบงิบกินที่ดินแถวเมืองกาญจน์จริงๆ”
“ผมก็สงสัยเหมือนกัน งานนี้ผมให้คุณเต็มที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศก็ได้”
“ขอบคุณครับที่ใจดีกับผมและหวังว่าคงไม่โทร.จิกเสียจนรำคาญหรอกนะครับ ถ้าขืนวุ่นวายมากๆ ผมจะให้บก.ไปทำข่าวเสียเอง”
ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าจ้องหน้าหัวหน้านิดหนึ่งแล้วยักคิ้วพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าคู่ใจขึ้นสะพายบนบ่าเดินดุ่มออกจากห้องไป
“ไฟแรงจริงๆ อย่างนี้สิผมชอบแต่คุณจะทำงานให้เราได้นานแค่ไหนกันคุณเขม สาวๆ รุมตอมไม่เว้นว่างแถมแม่หม้ายพราวเสน่ห์หลงเข้ามาอีกคน น่าอิจฉาจริงๆจริ๊ง”
ดำเกิงมองตามร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มที่ชื่นชอบอย่างจริงใจ เขาชอบเขมชาติตรงที่เป็นคนพูดจริงทำจริงและตรงไปตรงมาบางครั้งอาจจะตรงจนน่าเป็นห่วงเพราะไปขัดแข้งขัดขาผู้มีอิทธิพลเข้ากว่าจะพ้นมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหลายฝ่าย ถึงอย่างนั้นอุดมการณ์นักข่าวของเขาก็เข้มข้นจนไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำ
“คุณทรงพร เมื่อวานคุณเขมฝากข่าวไว้ให้ผมทำไมไม่เอามาให้”
ดำเกิงเดินหน้ามุ่ยเข้ามาหาทรงพรเมื่อเขมชาติออกไปแล้วทรงพรทำหน้าที่ฝ่ายเก็บรวบรวมข้อมูลและบางทีก็ช่วยเขียนข่าวไปด้วย หล่อนเป็นหญิงสาวที่ออกจะเอางานพอควรแต่สิ่งหนึ่งที่หล่อนติดเป็นนิสัยคือความขี้ลืม
“อุ๊ยตาย พรลืมค่ะบก. ข่าวทั้งหมดอยู่นี่ค่ะ แล้วนี่คุณเขมมิโกรธพรหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้วหรือคะ”
“ไม่รู้เหมือนกันเห็นเข้ามารับงานจากผมก็ออกไปเลยหน้าตายุ่งพอควร”
ดำเกิงนึกอยากแกล้งลูกน้องจะได้หายอาการหลงลืมเสียที
“ตายแล้ว..แล้วนี่พรจะแก้ตัวยังไงดีคะ”
“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งสิ้นทีหลังก็อย่าลืมเท่านั้นพอ”
“จะพยายามค่ะ”
หล่อนหน้าเจื่อนลงอย่างน่าสงสาร ดำเกิงรับซองกระดาษสีน้ำตาลแล้วเดินออกไปพร้อมแอบยิ้มขำทรงพรที่ดูซึมลงกว่าเก่าแต่ไม่นานก็เหมือนเดิมอีกนั่นแหละดำเกิงคิดในใจอย่างปลงเสียแล้ว
ดำเกิงเป็นบรรณธิการของหนังสือพิมพ์สยามไทมานานเกือบ 10 ปีและเขาเคยเจอลูกน้องทั้งดีและไม่ดีมามากต่อมากบางคนอยู่แค่ไม่ถึง 3เดือนต้องลาออกไป
แต่บางคนก็ทำงานอยู่กับเขามากระทั่งถึงทุกวันนี้และลูกน้องคนใหม่ที่เขายอมรับในฝีมือจนต้องยอมอ่อนให้ในบางครั้งก็คือ เขมชาติ ชายหนุ่มที่ตั้งใจทำงานจนไม่สนว่าใครจะเป็นยังไงหรือมองเขาในแง่ใดหากว่างานที่ทำออกมาถูกต้องและเป็นจริง
ทางด้านหนังสือพิมพ์เดดรีมก็มีนักข่าวที่กล้าลุยอยู่หนึ่งคนเช่นกันจะผิดกันก็แต่นักข่าวของสยามไทเป็นชายหนุ่มแต่ของเดดรีมนั้นเป็นหญิงสาวน่ารักไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะมาเป็นนักข่าวน่าจะไปเป็นนางแบบหรือดาราเสียมากกว่า
หญิงสาวรู้จักชื่อเสียงของเขมชาติดีว่าทำงานจริงจังแค่ไหนและยังแอบรู้มาอีกว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่เสน่ห์แรงคนหนึ่งด้วยเหตุนี้ที่ทำให้
ลลิดาคอยตามข่าวคาวของเขาไม่ขาดระยะโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องหรือระแคะระคายแม้แต่น้อย
“คุณดาผมจะให้คุณไปทำข่าวนักการเมืองคนนี้นะยังไงก็หาข่าวกับเพื่อนๆ นักข่าวเขาบ้างเพราะคุณเพิ่งจะจับข่าวนี้เป็นข่าวแรกไม่ใช่หรือ”
บรรณาธิการวัยกลางคนเรียกนักข่าวสาวที่เคยให้ทำแต่ข่าวอาชญากรรมมาสั่งงานแม้ว่าลลิดาจะไม่ค่อยชอบข่าวการเมืองสักเท่าไรนักแต่งานก็คืองาน หล่อนทำข่าวอาชญากรรมมามากเปลี่ยนเสียบ้างก็ดีเหมือนกันที่สำคัญหล่อนจะได้เข้าไปใกล้นายเขมชาตินักข่าวหนุ่มไฟแรงของสยามไทเพื่อหาข่าวบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา
“ค่ะ..”
“คนที่คุณควรสอบถามเขามากที่สุดคือเขมชาติ นักข่าวของสยามไท เขาไม่หวงข่าวแต่ไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ”
“ค่ะ”
“ถ้าคุณเข้าใจแล้วก็ไปได้เลยอาจจะเฝ้าอยู่ที่บ้านของท่านรองนายกฯนานเป็นวันๆ อย่าเพิ่งเบื่อล่ะ”
“ค่ะ ยังไงก็จะเอาข่าวมาให้บก.จนได้ค่ะไม่ต้องห่วง “
“ไปเบิกอุปกรณ์เอาเองนะผมไม่ได้เตรียมไว้ให้”
“ค่ะ ขอเบิกค่าอาหารด้วยนะคะ”
“เอาที่ผมไปก็แล้วกัน ห้าร้อยพอมั้ย”
“เกินพออีกค่ะแต่ให้มากๆ ก็ดีเหมือนกันหนูจะได้ไม่ต้องควักเวลาอยากกินของแพงๆ”
หญิงสาวหัวเราะขณะรับเงินจากหัวหน้า พิริยะเป็นหัวหน้าที่บางครั้งก็ดุ บางครั้งก็สอนและใจดีกับหล่อนมากถึงได้ทำงานที่นี่ได้นานถ้าหากเจอหัวหน้างี่เง่า ป่านนี้ออกไปนานแล้ว
ที่หน้าบ้านท่านรองนายกฯมีนักข่าวของแต่ละองค์กรมารอทำข่าวเกือบยี่สิบคนและในกลุ่มก็มีชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงใหญ่รวมอยู่ด้วยเขาไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกเขาคือนายเขมชาติคนที่ลลิดากำลังต้องการพบตัวนั่นเอง
“ขอโทษค่ะ คุณมาเฝ้าที่หน้าบ้านนี่นานหรือยังคะได้ข่าวอะไรบ้างคะ”
หญิงสาวตรงรี่เข้ามาหาชายหนุ่มที่ยืนกอดอกมองไปยังประตูบ้านท่านรองนายกฯโดยไม่สนใจใครสักคน เขาหันมามองหน้าหล่อนนิดหนึ่งแล้วหันกลับพร้อมย้อนถามเสียงเรียบว่า
“แล้วคุณต้องการรู้อะไรบ้างล่ะ”
“ก็เท่าที่คุณรู้”
“อ้อ.เหรอ คุณเป็นคู่แข่งของผมไม่ใช่รึ มาจากเดดรีมนี่นะ”
“ใช่ค่ะ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่เราจะคุยกันไม่ใช่หรือคะ”
หล่อนตอบทันควันและดวงหน้าเกลี้ยงนวลก็ไม่ได้หลบสายตาคมกล้าของเขาแม้แต่นิด หล่อนจ้องสบดวงตาเขาเหมือนกับต้องการท้าทายความรู้สึกของเขา เขมชาติหัวเราะหึๆในลำคอและเมินไปทางอื่น
“ว่าไงล่ะคะจะบอกได้รึเปล่าหรือว่าหวงข่าว”
ลลิดาไม่ยอมหยุดยังคงรุกต่อ
“ไม่เคยหวง คุณอยากรู้อะไรก็ถามมาสิคุณ อ้อ.ก่อนจะล้วงข่าวจากคนอื่นก็กรุณาแนะนำตัวด้วยเผื่อบางทีผมอาจจะขอข่าวจากคุณบ้างจะได้เรียกชื่อได้ถูกต้อง”
“ใครว่าฉันจะมาล้วงข่าว ฉันไม่เคยมีความคิดอย่างนั้นหรอกน่ะที่ถามเพราะเพิ่งมาและข่าวการเมืองนี้ก็เป็นข่าวชิ้นแรกที่ทำ”
“อะไรกันเป็นเด็กใหม่รึนี่”
เขมชาติหันมาจ้องหน้าเนียนพร้อมหัวเราะอีก รอยยิ้มของเขาน่ามองชมัด ลลิดาหลงมองเข้าอย่างจังจนเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรสงสัยในตัวเขาเช่นนั้นหรือ
“เปล่า ฉันทำข่าวอาชญากรรมอยู่”
หล่อนตอบพร้อมเมินหน้าหนีดวงตาคมกล้าที่ส่อแววรู้ทันนั่น
“อะไรนะ คุณเนี่ยนะทำข่าวอาชญากรรม”
เขาถามเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ มีอะไร คิดว่าฉันทำไม่ได้รึไง”
หล่อนหันมาจ้องหน้าเขาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เขายิ้มอีก
“เปล่า เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คิดว่าจะกลัว แต่เก่งๆ ก็ดีเพราะเดี๋ยวนี้หาคนเก่งยาก”
“ทีนี้คุณจะตอบคำถามฉันได้รึยัง” ลลิดาเริ่มใหม่
“คุณชื่ออะไร”
เขาไม่ตอบหล่อนแต่ถามกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยทั้งสายตายังมองตรงไปยังประตูบ้านหลังใหญ่ที่มายืนเฝ้าตั้งแต่เช้า
“ลลิดา อยู่เดดรีม อายุ 24 ปี เป็นนักข่าวมา 2 ปี”
“เรียนจบก็เข้ามาทำงานเป็นนักข่าวเลยงั้นสิ”
“ใช่..”
“ไม่คิดทำอย่างอื่นบ้างหรือ พวกนักข่าวนี่มันเสี่ยงอันตรายนะโดยเฉพาะนักข่าวอาชญากรรม” เขาทำท่าจะชวนคุยต่อ
“เปลี่ยนมาทำข่าวการเมืองนี่ไงล่ะ”
“เข้าใจตอบนะ”
เขาชำเลืองมามองแล้วหัวเราะหึๆอีกครั้ง พอดีกับประตูบ้านท่านรองนายกฯเปิดออกเท่านั้นเองร่างใหญ่ก็แล่นลิ่วไปโดยไม่รอแม้แต่เสี้ยววินาที กล้องที่เขาคล้องไว้กับคอถูกยกขึ้นเล็งไปยังเป้าหมายด้วยความชำนาญ หญิงสาววิ่งตามไปหล่อนจะเกาะเขาไว้เชื่อว่าไม่ผิดหวังแน่
เสียงนักข่าวแต่ละคนเอ่ยถามท่านรองนายกฯที่ยอมให้นักข่าวสัมภาษณ์ เขมชาติยิงคำถามไปสองสามคำและถ่ายภาพอีกสองสามภาพท่านรองฯก็ก้าวขึ้นรถไป ลลิดาใช้เทปอัดไว้ทั้งหมดแต่ก่อนหน้านั้นหล่อนไม่รู้เรื่องอะไรเลยนอกจากจะถามกับเขมชาติ
“คุณคะอย่าเพิ่งไปสิคะขอข่าวนิดนึงได้มั้ยคุณไม่หวงข่าวไม่ใช่เหรอคะ”
“ถามมา ผมไม่มีเวลามากต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศอีก”
“กลับไปทำงานที่ออฟฟิศหรือว่าไปทำที่ไหนกันแน่”
น้ำเสียงถามคล้ายเยาะของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหันขวับหัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
“คุณหมายความว่ายังไง”
คำถามนั้นห้วนและเอาเรื่องพอควร ลลิดายิ้มพรายอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะตอบว่า
“ไม่มีอะไรนี่คะ ก็พูดไปเรื่อยๆ”
หล่อนยิ้มอีก รอยยิ้มที่น่ารักและดวงหน้าน่ามองของหล่อนไม่ได้ทำให้เขมชาติหลงกลแต่อย่างใดเขาไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เสียแล้วสิ
“อยากรู้อะไรเกี่ยวกับท่านรองฯก็ถามมา ผมให้เวลาคุณ 5 นาที”
“ไม่รู้จะรีบไปไหน ข่าวเขียนแป๊บเดียวก็เสร็จ”
“ไม่ใช่ข่าวอาชญากรรมอย่างที่คุณเคยทำมานี่คุณเขียนมั่วยังไงก็ได้” เขาว่าให้หล่อนแล้วเมินหน้าหนี
“บ้าน่ะสิ ฉันไม่เคยเขียนมั่ว”
หญิงสาวหน้างอ พาลไม่อยากตั้งคำถามอะไรกับเขาแต่เพราะคำว่างานจึงทำให้หล่อนถามเขาไปหลายอย่างที่อยากรู้เขาก็เต็มใจตอบโดยยื่นสมุดเล่มเล็กที่เขาจดและพกติดตัวเป็นประจำให้ดู
“รีบอ่านซะทั้งหมดก็มีเท่าในสมุดนี่เท่านั้น”
“ขอบคุณมากค่ะ ไม่คิดว่าจะใจดี”
หล่อนไม่วายที่จะเหน็บให้เขาแต่ก็รีบอ่านตัวหนังสือไม่ค่อยเป็นระเบียบนั่นอย่างรวดเร็วกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ พอเข้าใจแล้วหล่อนจึงยื่นสมุดเล่มเล็กให้เขา
“ขอบคุณมากค่ะคุณ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”
“เขมชาติ ความอยากรู้ของคุณหมดแล้วใช่มั้ย ผมจะกลับล่ะ”
“ค่ะขอบคุณมากค่ะคุณเขมชาติ โอกาสหน้าฉันจะถามใหม่นะคะ”
เขาไม่ตอบแต่หันมามองหน้าหล่อนนิดนึงพร้อมยิ้มที่มุมปากมันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ลลิดาร้อนหน้าวาบทีเดียว
“อีตาบ้าเอ๊ย..นึกว่าตัวเองเก่งคนเดียวรึไง ที่ฉันเข้ามาตีสนิทกับนายเพราะผลประโยชน์ต่างหากล่ะ”
ลลิดาพูดไปเรื่อยๆเพราะหล่อนไม่มีรถเหมือนนักข่าวบางคนและไม่คิดที่จะซื้อรถให้ปวดหัวด้วย หากว่าตัดใจซื้อรถ หนี้ก็จะตามมาเป็น 10ปีทีเดียว หล่อนมองหาเขมชาติแต่ไม่เห็นเขาเสียแล้วไม่รู้เขาหายไปไหนเร็วนักหรือว่าเขาขับรถมาเองก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะเท่าที่ทราบมา เขารวยตั้งแต่กำเนิดที่สงสัยอยู่ในขณะนี้คือ เขามาทำงานเป็นนักข่าวทำไมในเมื่องานบริหารรอเขาอยู่อีกมากมายหรือว่าเขาต้องการเป็นนักข่าวด้วยใจรัก
หญิงสาวเดินไปคิดไปจนถึงป้ายรถเมล์ นักข่าวคนอื่นๆ ก็ทยอยตามกันออกมา
******