หัวใจกระซิบรัก (นางแก้ว) (EBOOK)

หัวใจกระซิบรัก (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: หัวใจกระซิบรัก
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

         ตอน  การกลับมาของชายหนุ่ม

 

คฤหาสน์มั่งมีเจริญเกียรติพานิช เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ปลูกสร้างด้วยรูปแบบที่ทันสมัย ตั้งอยู่บน เนื้อที่หลายไร่ รายล้อมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ สร้างบรรยากาศโดยรอบให้เกิดความร่มรื่นและสวยงาม ถัดเยื้องไปทั้งด้านข้าง และด้านหลังอีกทั้งหมดสามหลังเป็นของบุตรชายสามคน ซึ่งมีครอบครัวและได้ปลูกบ้านแยกออกไปอยู่เป็นสัดส่วน

 คุณศุภางค์ ภรรยาเจ้าของคฤหาสน์หลังงามนี้กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง ซึ่งจัดไว้ทางด้านทิศตะออกออกเฉียงใต้ ซึ่งนางตรวจดูบัญชีรายรับ รายจ่ายในส่วนของครอบครัว ขณะนั้นรถเก๋งคันหรู สีฟ้าอ่อนของพิมบุตรสาวคนเล็กของคุณศุภางค์ได้แล่นเข้าไปจอดตรงหน้าบันไดรูปครึ่งวงกลม สักครู่ร่างโปร่งบางของพิมก้าวลงจากรถ เธอสวมกระโปรงสั้น เหนือเข่า เสื้อเข้ารูปสีสวย หากเวลานี้ใบหน้าที่สวยใสกลับบูดบึ้งอย่างบอกได้ชัดว่าอยู่ในช่วงที่ขัดใจอย่างสุดฤทธิ์ทีเดียว หญิงสาววัยยี่สิบเศษเดินฉับๆเข้าไปหามารดาที่ห้อง เมื่อไปถึงก็เลือกได้เก้าอี้มุมห้อง ซึ่งเป็นตัวที่อยู่ใกล้สุดพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นุ่ม ปากบางฟ้องผู้ให้กำเนิด โดยไม่รอให้ท่านถาม

 “พี่เคียวหายแวบไปอีกแล้วค่ะมาม้า”คุณศุภางค์วางปากกา มองดวงหน้างอง้ำของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเกลื่อนยิ้ม อย่างคนใจดี พลางเอ่ยเสียงอ่อน

“เขาบอกว่าไม่ต้องไปรับไงจ๊ะ”

“แหม…”เธอทำเสียงสูง ค้อนลมค้อนแล้งแง่งอนไปถึงพี่ชายคนสนิทคุณศุภางค์ยังคงกล่าวด้วยท่าทีเช่นเดิมว่า

“เคียวก็เป็นอย่างนี้เอง”

“พี่เคียวถือว่าป้ะป๊ารัก เลยนึกอยากทำอะไรก็ทำไม่คิดถึงใจคนรอบ้าง”เธอแค่นว่า แล้วฉุกใจคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งจึงโพล่งปากออกมาด้วยความตื่นเต้น ว่า

“พี่เคียวไปหาป๊าที่บริษัทแน่ๆเลยค่ะมาม้า”พลางทำท่าร้อนรนไม่ต่างจากที่เข้ามา หากสีหน้าตื่นเต้นยินดีหายบูดบึ้งเป็นปลิดทิ้ง เธอทำท่าเหมือนกำลังจะออกไปอีก จึงทำให้ผู้ให้กำเนิดทักถามทันที

“แล้วนั่นจะไปไหนจ๊ะลูก”พิมชะงักท่าทีเร่งรีบลง หันไปตอบมารดา

 “พิมจะไปหาพี่เคียวที่บริษัทค่ะมาม๊า”

“โธ่เอ๊ยพิม...”คุณศุภางค์อุทานเบาๆ รอยยิ้มระบายเต็มยิ่งทำให้ใบหน้าสวยของท่านดุใจดีมากขึ้นไปอีก

 “อย่างไรวันนี้พี่เคียวก็ต้องกลับมาบ้านอยู่แล้ว พิมจะรีบร้อนทำไมนักล่ะลูก”คำของมารดาทำให้ธิดาสาวคนเล็กค่อยทรุดนั่ง แต่ก็ใจร้อนต่อสายโทรศัพท์หาพี่ชายคนโปรด ครู่เดียวเธอก็ปิดเครื่องเบือนหน้าหันไปโอดครวญฟ้องร้องกับมารดาอีกว่า

“พี่เคียวเปลี่ยนเบอร์อีกแล้ว”สาวสวยทำเสียงหงุดหงิดรำคาญใจในตัวพี่ชายที่ช่างทำตามใจตัวเขาเองโดยไม่คิดบอกล่าวน้องสาวที่ห่วงใยเขาเสียบ้างเลย

 คุณศุภางค์ได้แต่นึกขันลูกสาวซึ่งติดพี่ชายมาก ทั้งพี่ชายเจ้าชู้อย่างหาตัวจับยาก มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเคยได้ยินพิมแช่งพฤกษาผู้เป็นพี่ชายเมื่อเปลี่ยนหน้าสาวได้ทุกสามวันว่า

“ขอให้พี่เคียวแอบหลงรักผู้หญิงที่เขาไม่รักตัวเองอย่างหัวปรำหัวปรำต้องมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

“ชาตินี้รับรองได้เลยว่า ไม่มีวันนั้นสำหรับพฤกษา”

ผู้พูดเอ่ยสวนกลับโดยไม่ต้องคิดอย่างลำพองใจในความเพียบพร้อมของตัวเอง  เพราะเขาเป็นคนรูปหล่อเกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทอง สาวๆต่างวิ่งเข้ามาให้เลือกทิ้งได้ไม่เว้น จนกระทั่งมีอยู่รายหนึ่งที่เกาะเขาแน่น และวางท่าเป็นเจ้าของเขาเต็มตัวแถมไปราวีคนที่เขาควงเล่นจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราว

เขาจึงหนีเธอ ไปเรียนการเกษตรแนวใหม่ที่ต่างประเทศ ทั้งภาคธุรกิจ และลงฟาร์มฝึกงาน จนบัดนี้เรียนจบ และเที่ยวมาอย่างชุ่มปอดจึงได้กลับเมืองไทยซึ่งการกระทำที่เอาแต่ใจของพฤกษาทำให้คุณศุภางค์นึกปลงตกมานานแล้ว แตกต่างจากคุณภาคผู้เป็นบิดาของชายหนุ่ม เพราะคุณภาคท่านรักลูกคนนี้อย่างเหลือเกินทั้งที่ในบรรดาลูกชายทั้งสี่คน พฤกษาเป็นคนเกเรที่สุด เรื่องเรียนในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ต้องบังคับให้ไปเรียนทุกวัน จนกระทั่งเข้ามัธยม พฤกษาหาเรื่องมาให้ครูฟ้องคุณภาคเป็นประจำ ในเรื่องชกต่อยกับเพื่อน และเกือบหมดสิทธิ์สอบแก้ตัว เพราะเขาโดดเรียน จนคุณภาคต้องไปนั่งเฝ้าหน้าห้องเพื่อให้ลูกชายได้สอบแก้ตัวจนสำเร็จ

 เขาเกเรขนาดนี้คุณภาคก็ยังรักและตามใจมากอยู่นั่นเอง จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย ค่อยซาลงเรื่องการเรียนยาก และในที่สุดเมื่อพฤกษาขอไปเรียนตามสาขาที่เขาสนใจมากกว่าที่จะเรียน ภาคธุรกิจเพื่อกลับมาช่วยคุณภาคบริหารงาน คุณภาคก็ยังตามใจ คุณศุภางค์นึกถึงพ่อลูกผูกพันคู่นี้ด้วยความรักอยู่ในใจไม่เสื่อมคลาย

 

ที่บริษัทพีจีโภคภัณฑ์ ตั้งอยู่บนอาคารหลายสิบชั้นซึ่ง ในสี่ชั้นเป็นเจ้าของเดียวคือของบริษัทพีจีโภคภัณฑ์

ขณะนี้ภายในสำนักงานซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ พนักงานแต่ละแผนกต่างทำงานกันง่วนไม่มีใครอยู่ว่างสักคน

ในห้องหนึ่งซึ่งกั้นเป็นสักส่วน ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา เพื่อรองรับแขกชั้นนำ และยังเป็นห้องทำงาน ของคุณภาคซึ่งเป็นประธานบริษัท เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว หน้าเหลี่ยมอิ่มเอิบ หน้าผากกว้าง ดวงตายาวรีอย่างมีเชื้อสายจีนท่าทางเป็นคนใจดี ท่านกำลังนั่งตรวจดูเอกสารสำคัญๆ และบางครั้งมีสายเข้าซึ่งต่อเข้ามาจากเลขาต่อเข้ามาเป็นการขออนุญาตหากมีใครสักคนต้องการเข้าพบ

คุณภาคกำลังอ่านรายงานอย่างละเอียดก่อนเซ็นเอกสารทุกครั้ง ดังนั้นงานของเขาจึงผ่านไปช้า แต่ถูกต้องทุกอย่าง

เวลานี้ประตูห้องถูกเคาะหลายครั้ง

“ก๊อก กอก ก๊อก”เสียงหนักเบาไม่เท่ากันยังคงดังซึ่งฟังดูก็รู้ว่าเป็นการเคาะเล่น เพื่อสร้างความรำคาญใจให้กับคุณภาคมากกว่า

คุณภาคถอดแว่นสายตาออกสีหนาขัดเคือง เพราะเข้าใจว่าเลขาพกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ดูแล ปล่อยให้เด็กหรือใครก็ตามทีที่ไม่รู้จักกาลเทศะมาทำอย่างนี้ได้

“ก๊อก ก๊อกๆๆ”สียงถี่ห่างดังราวกับเป็นจังหวะดนตรี ทำให้คุณภาคทนไม่ไหว จึงแกล้งอนุญาตเสียงเข้มออกไป

“เข้ามาได้”

 “ถ้าอารมณ์ไม่ดี ผมไม่กล้าเข้า นะป๊า”เสียงตอบกลับเข้ามา เป็นเสียงทุ้มนุ่มสำเนียงเปล่งแว่ว แต่สร้างความเบิกบานใจให้เกิดกับคุณภาคจนแสดงออกหน้าออกตา

 “เคียว” ท่านอุทานเรียก แล้วผุดลุก พร้อมกับประตูห้องถูกเปิดเขามา เมื่อคุณภาคเห็นผู้มาสร้างความรำคาญในทีแรกคือคนที่ท่านรักอย่างที่สุด ทำให้ท่านกางแขนจนสุดหล้า รอรับร่างสูงซึ่งโผเข้าไปหา แล้วกอดกันแน่น

พฤกษาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ตัวโต  เสื้อกล้ามสีขาวตัวในแนบเนื้อ ทำให้เห็นมัดกล้ามที่อก ซึ่งแกร่งเหมือนนักกีฬาเขามีผิวขาวจัด หนวดเคราเขียวครึ้มไปครึ่งหน้า คิ้วหนาเป็นเส้นโค้งยาวสีเข้มดำสนิท จมูกโด่งงามเป็นสันตรง ปลายจมูกบางมีสีแดงระเรื่อนิด ริมฝีปากสวยละม้ายเหมือนไปทางคุณศุภางค์ผู้เป็นมารดา

          เวลานี้ผู้มีปากสวย สั่นระริกด้วยความรู้สึกหวั่นไหว ดวงตาเรียวยาวมีหยาดน้ำเอ่อคลอด้วยความตื้นตันใจขณะสัมผัสอ้อมกอดของผู้เป็นบิดาไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม เขาจะได้รับความรู้สึกไปพร้อมกันด้วยที่ว่าคุณภาครักลูกชายคนนี้เหมือนเดิม อ้อมอกนี้มีแต่ให้ และให้เท่านั้น แม้พฤกษาจะไว้ผมยาวดำสนิทจนเลยบ่า แต่คุณภาคก็ไม่รู้สึกรำคาญสักนิด

สองบุรุษโอบกอดกันแน่นครู่หนึ่งจึงคลายออก จากนั้นคุณภาคจึงเริ่มสำรวจการแต่งกายที่ท่านรู้สึกว่าไม่เอาไหนของลูกชายคนเล็กนี้ เพราะพฤกษาชอบที่จะแต่งกายเรียบจนดูปอน เสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวโคร่ง ไม่กลัดกระดุมคลุมทับเสื้อกล้าม คล้องคอด้วยเชือกร่มสีดำ เกือบติดคอ ห้อยอะไรไม่รู้คุณภาคไม่ได้ใส่ใจ ส่วนกางเกงยีนสีซีดจัด มีรอยขาดที่เข่าเป็นริ้วๆ พฤกษาดึงตัวออกจากอ้อมกอดบิดา ก่อนกล่าวทุ้มจริงใจ แต่เขามีสำเนียงที่อ่อนมาก โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ฝืนไม่ได้ เขาพูดไม่ชัดเพราะเรียนด้วยภาษาอังกฤษมาตั้งแต่จำความได้

“คิดถึงป๊าที่สุดเลยครับ”

“ค่าของความคิดถึงตีเป็นเงินเท่าไหร่”ท่านเย้าอย่างอารมณ์ดี ไม่ขัดหูกับสำเนียงเหมือนฝรั่งพูดไทยไม่ชัดของอีกฝ่าย

 ผู้ให้กำเนิดโอบบ่าลูกชายซึ่งตัวสูงกว่าเล็กน้อยให้ไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกมุมหนึ่ง เมื่อนั่งลงแล้วพฤกษาเหยียดแข้งเหยียดขาตามสบาย ท่าทางเป็นฝรั่งจัด ยิ้มจางๆส่งให้บิดา เอ่ยไม่เต็มเสียงนักขณะเอี้ยวหน้ามาสบตาบิดา มีแก่ใจตัดพ้อว่า

“ป๊า ชอบตีค่าความรักของเคียวเป็นเงินเสียเรื่อย”

นั่นสิ เท่าไหร่

“ดูคาร์ตี้คันเดียวพอครับ”

คุณภาคถอนใจออกมาเบาๆ ใจจริงอยากให้ลูกชายคนนี้รับช่วงงานต่อดังพวกพี่ๆทำ เพราะลูกคนอื่นว่าท่านลำเอียง ซึ่งท่านก็ยอมรับ เพราะทำอย่างไรได้ ในเมื่อลูกชายคนเล็กนี้เกิดขึ้นมา ท่านก็ทำมาหากินขึ้น จนมีฐานะเศรษฐีไม่มีวันตกจนถึงทุกวันนี้  ท่านถือว่าพฤกษาเป็นคนเสริมดวงท่านให้รุ่งเรือง

พฤกษาเห็นบิดานิ่งคิดอยู่นานจึงเอาใจ

“รับรองครับว่าไม่เข้ากลุ่มซิ่ง”

“ป๊ารู้ว่าเคียวยังติดต่อกับพวกกลุ่ม*กระจอก*อยู่”กลุ่มนี้เป็นลูกคนมีเงิน และนักการเมืองอื้อฉาว ซึ่งท่านเป็นคนทำกินจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อม

“แห่ะ” เขาทำหน้าเรี่ยราดเมื่อบิดารู้ทัน นิ่งไปเป็นครู่จึงแก้ต่างให้ตัวเองว่า

 “เคียวไม่ได้เข้าไปสุงสิงกับพวกมันแล้วล่ะครับ ไม่อยากให้ป๊าพลอยเหม็นตามพ่อพวกมันไปด้วย” คำของพฤกษาบอกให้รู้ว่า เขาเองก็รู้ผิดชอบชั่วดี ท่านถึงกับงงงันไปชั่วขณะและ พฤกษากล่าวต่อ ขณะที่คุณภาคยังทำหน้าเหมือนฟังเรื่องแปลกสุด

“เคียวจะเป็นเด็กดีและจะตั้งใจทำงานช่วยเหลือปาป๊าอย่างสุดความสามารถเลยครับ”

คุณภาคเปิดยิ้มกว้าง เมื่อคิดว่าพฤกษาจะแต่งกายสุดห่วย

อย่างนี้มาเป็นผู้จัดการได้อย่างไรกัน? ท่านได้แต่คิดแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เดินไปหยิบเช็คบนโต๊ะทำงาน แล้วเซ็นชื่อลงไปโดยไม่กรอกตัวเลขพร้อมกับว่า

“สำหรับสิ่งที่เคียวอยากได้”

“โอ้” เขาจูบแผ่นกระดาษ แล้วหันไปจุ๊บแก้มบิดาอย่างคุ้นเคยไม่มีความกระดาก คุณภาคเสียอีกหน้าร้อนผ่าวระเรื่อแดง เพราะไม่ชินกับธรรมเนียมฝรั่ง ท่านมองลูกชายซึ่งดูท่าจะเป็นฝรั่งจัด ฝ่ายเคียวยังมองบิดาด้วยตาสุกใสพร้อมปากหวานใส่

“ป้ะป๊านี่แหละพระเจ้าตัวเป็นๆ ของลูก”

คุณภาคเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ว่า

“นี่คงมาหาป๊าก่อนล่ะสิ” เขายิ้มรับ สำหรับบิดา ท่านมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว

 คำถามของบิดาทำให้พฤกษาหวนคิดถึงมารดาพลางวาดภาพในห้วงคิด จนเห็นภาพคุณศุภางค์ยิ้มอย่างใจดีตามมาให้ด้วยความรัก ส่วนน้องสาวคงงอนเป็นช้อนหอย เพราะเขาได้เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายไปยืนรอที่ช่องผู้โดยสารขาเข้า แต่เขาหลบเข้ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติออกมาก่อน

 หวนคิดถึงพี่ชายสามคน ต่างทำงานตัวเป็นเกลียวตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากบิดา ซึ่งเป็นประธานบริษัทกุมหุ้นใหญ่อยู่ในมือ แล้วระบายลมหายใจออกมาดังๆอย่างหนักใจกับความร่ำรวยของตนเองยิ่งนัก

 เฮ้อ! เขาท่าจะเกิดผิดที่เพราะอยากอยู่กระท่อมเล็กๆ มีชีวิตติดดิน ไม่ต้องวิ่งวุ่นกับตัวเลขหลักล้านอย่างคนในครอบครัวขณะที่เรียนเมืองนอก พฤกษาได้ฝึกงานอยู่ในฟาร์มใหญ่ รู้สึกสนุกจนอยากนำฟาร์มนั้นกลับมาตั้งไว้ที่ชนบทของแผ่นดินเกิด แต่ครั้นจะทำตัวดูดายโดยไม่คิดช่วยงานบิดาเลยนั้น เขาจะเสียเวลาไปเรียน หาพระแสงหอกง้าวทำไมกันตั้งหลายปี

ชายหนุ่มมองถนนที่มีรถวิ่งกันขวักไขว่ การขุดเจาะท่อ ทำทางมีให้เห็นตั้งแต่เขาถ่อสังขารไปเรียนถึงห้าปีที่แล้ว วันนี้ดีหน่อยเป็นเห็นรถไฟฟ้าวิ่งบอกให้เห็นว่าคนไทยก็คิดสร้างสรรค์เป็น

นี่เขาจะต้องไปนั่งแท่นทำงานในบริษัท แต่งกายโก้หรูอย่างพี่ชายอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มกระตุกคิ้วผูกปมไม่ชอบใจในความคิดนี้นัก

จึงคิดว่าถ้าจะเสนอคุณภาคว่า ขอให้เขาขับรถดูคาร์ตี้ที่กำลังไปซื้อเพื่อตะลอนดูงานตามต่างจังหวัดที่อยู่ในเครือ บิดาคงต้องตกลงแน่ ชายหนุ่มสรุป เพราะท่านตามใจเขามาโดยตลอด เกเรมามากแล้วทำประโยชน์แทนคุณท่านบ้างก็ดี

คิดได้แล้วเขายิ้มมีความสุข เอนหลังพิงพนักหลับสบาย

ฝ่ายคุณศุภางค์ ได้รับโทรศัพท์จากสามีว่าพฤกษากำลังกลับไปถึงบ้านท่านออกมายืนรอรับ จนกระทั่งรถบริษัทเลี้ยวเข้าประตูใหญ่มาถึงหน้าบันได

ลูกชายคนเล็กที่ก้าวลงจากรถ แล้วรีบเข้าไปสวมกอดเอาใจ ครู่เดียวท่านกอดตอบจูบแก้มสากๆทั้งซ้ายขวา ต่อว่าต่อขานเมื่อคลายกอดจากกัน

“จะไปรับก็ไม่ให้ไป แล้วนี่ไปหาป้ะป๊าก่อนใช่มั้ย”

พฤกษาเพียงแต่ยิ้มรับไม่ตอบว่ากระไรโอบบ่ามารดาพาเดินขึ้น แล้วพากันหยุดชะงักที่บันไดขั้นแรก ร่างบอบบางของน้องสาวในชุดสีสดใสวิ่งกระโปรงบานขานเรียกพี่ชายมาจากข้างใน ก่อนวิ่งถลาลงจากบันไดรูปครึ่งวงกลม ตรงมาหาคุณศุภางค์เบี่ยงตัวเองออกจากแขนลูกชายเพราะเดาได้ว่าพิมต้องโผไปกอดพี่คนโปรด

เป็นเช่นที่คุณศุภางค์คิดจริงๆ พิมโอบรอบแขนกับลำคอพี่ทิ้งน้ำหนักโหนตัวเหวี่ยงเหมือนเด็กเล่นเครื่องบิน สองพี่น้องยิ้มหัวเราะให้กัน จนรู้สึกเหนื่อย พิมจึงปล่อยแขนออกจากการโอบคอพี่ชาย แล้วเปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน ทุบต้นแขนพี่สองครั้งต่อว่า

   “พิมไปรับเก้อ”

   “ไม่เก้อหรอก พี่เห็นแกแล้วแต่พี่รีบหลบออกมาก่อน”

   “เอ๊ะ มันเรื่องอะไรต้องทำอย่างนั้น”เธอต่อว่าหน้างอง้ำด้วยความไม่พอใจ แต่เขาไหวไหล่ไม่สนใจเช่นกัน ร่างสูงตอบว่า

   “เดี๋ยวแกเห็นพี่เป็นต้นไม้ห้อยเป็นลิงแบบเมื่อกี้ ได้ถูกคนอื่นมองขำกันแย่”

   “ต๊ายดูสิคะมาม๊า พี่เคียวยังปากกรรไกรไม่มีผิดเลย”

   ผู้ให้กำเนิดได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มใจ ในที่สุดเขาก็ร่ำเรียนจนจบสูงสุด คงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรับผิดชอบอะไรบ้างแล้วกระมังพิมถาม มือยังโอบเอวพี่ชายคลอเคลียสนิทสนมขณะเดินเข้าคฤหาสน์

   “มีคนรักเป็นตัวเป็นตนหรือยัง”

   “พี่ก็มีเป็นตัวทุกที”

   “ถ้างั้นก็ไม่ใช่คนล่ะสิ” เธอได้ช่องย้อนเข้าให้ พฤกษาเลยเขกศีรษะน้องสาวไปให้ป๊อกหนึ่ง ก่อนว่า

   “คนมันเกิดมาหล่อ ขืนมีแฟนคนเดียวผู้หญิงคนอื่นน่าสงสารตายเลย”

  “พี่เคียวเลยทำบุญเผื่อแผ่ให้ว่าอย่างนั้น”พิมประชดก่อนส่งเสริม “ดีเหมือนกัน อยากปล่อยตัวมากต้องหลอกให้เข็ดเนอะ”

   คุณศุภางค์ขัดคอเมื่อฟังลูกๆพูดเช่นนั้น

   “ผู้หญิงก็มีหัวใจเหมือนกันนะเคียว อย่าเห็นรักเป็นของเล่นๆ ไม่ดีหรอกลูก”

   พฤกษาไม่เคยโต้แย้งมารดาไม่ว่าท่านจะสั่งสอนอะไร ส่วนจะปฏิบัติตามหรือไม่เขาคิดเอง คุณศุภางค์จึงกล่าวต่อ

   “สักวันไปหลงรักใครเข้าจริงจะขมจนกลืนอะไรไม่ลง”

   “อิมพอสสิเบิ้ล” เขาหลุดปากแล้วรู้ว่าไม่เป็นการสมควรที่จะพูดเช่นนั้นกับมาราด จึงรีบเกลื่อนไปคุยกับน้องสาวถึงเรื่องต่างๆ ซึ่งเธอมีเรื่องพ่นมากกว่าจะเป็นการพูด พฤกษาเป็นฝ่ายรับฟังฝ่ายเดียว

นายธีร เป็นชายวัยเกษียรรูปร่างสูง ผิวเนื้อสองสีดูดีเขาไม่ใช่ปล่อยตัวให้ร่วงโรยตามสังขารเพราะการแต่งกายและท่าทางบอกให้รู้ได้เลยว่าเขายังคงใช้ชีวิตอย่างมีรสชาติไม่แพ้วัยหนุ่มนักหรอก ความคมคายบนใบหน้ายังปรากฏได้ชัดเลยว่าในวัยหนุ่มนั้น เขาจะต้องเป็นคนหน้าตาดีมากทีเดียว

 ขณะนี้เขากลังยืนรอลูกชายเพียงคนเดียวซึ่งมีกำหนดการเดินทางกลับถึงเมืองไทยเวลาบ่ายโมงวันนี้ เขายืนรอวสุวี อยู่กับลูกน้องชื่อ ตวง ซึ่งเป็นชายวัยห้าสิบ มีร่างสันทัด การแต่งกายยังดูกระฉับกระเฉงราวกับว่าวัยของเขาไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยเพราะกล้ามเนื้อของเขายังฟิตเปรี๊ยะ เขาสวมกางเกงยีนทรงเดฟสีสด เสื้อลายโทนสีสดใส

เมื่อถึงเวลาตามกำหนดแล้ว ผู้ประกาศหญิงออกเสียงผ่านเครื่องขยาย ถึงสายการบินขาเข้า ได้มาถึงรันเวย์เรียบร้อยและ อีกครู่ใหญ่ต่อมาปรากฏว่ามีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างทยอยเดินกันออกมาค่อนข้างหนาตาเลยทีเดียว

หนึ่งในคนกลุ่มใหญ่ มีวสุวีเดินรวมมาด้วย เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวเนื้อสองสี ผมตัดสั้นบ่งบอกนิสัยได้ส่วนหนึ่งว่าเป็นคนมีระเบียบ หน้าผากกว้าง คิ้วดำหนาและยา ใบหน้าสี่เหลี่ยมคมคาย มีรูปเค้าเป็นไทยแท้ เพราะดวงตาคมสองชั้นจมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากหนาได้รูปสวย เขาสะพายกระเป๋าผ้าใบหนึ่ง พร้อมลากกระเป๋าล้อขนาดใหญ่มาอีกหนึ่งใบ

 นายธีรมองเห็นลูกชายมาแล้ว เขาจึงสะกิดบอกตวงด้วยความปีติยินดี เมื่อตวงเห็นแล้วเขาถึงกับยิ้มกว้างไม่น้อยไปกว่านายธีรสักนิด และเป็นเวลาเดียวกับที่วสุวีเหลือบสายตามาเห็นชายมากวัยทั้งสอง เขารีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาพร้อมทักทาย

“คุณพ่อ น้าตวง”พลางวางมือจากกระเป๋าลาก ตวงรีบเข้าไปช่วย วสุวีเข้าไปหาบิดาแล้วกราบท่านที่ไหล่ นายธีรกอดลูกชายครู่หนึ่งแล้วจึงปล่อยออก วสุวีหันไปไหว้ตวงพร้อมทั้งแย่งสัมภาระที่อีกฝ่ายช่วยถือ กลับมาถือเสียเองแต่ตวงก็ไม่ยอมปล่อยเพราะต้องการช่วยอีกฝ่ายจริงๆ ทำให้สองพ่อลูกหัวเราะกันเบาๆ

ตวงยังมีพฤติกรรมการเป็นพี่เลี้ยงของวสุวีอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

ตวงเป็นคนขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อฟอร์จูนเนอร์สีขาวทองเช่นเดียวกับที่ขามาโดยนายธีรนั่งคู่ไปข้างหน้า และวสุวีนั่งตามสบายที่เบาะหลัง

ฟอร์จูนเนอร์ได้ถูกขับผ่านเส้นทางสายหลัก จนกระทั่งตัดเข้าสู่ถนนยางมะตอย  ซึ่งเป็นทางเข้าฟาร์มเลี้ยงโคเนื้อ และ โคนมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดโดยก่อนหน้าที่วสุวีจะเดินทางไปเมืองนอกเส้นทางนี้ยังเป็นถนนลูกรัง ไม่เจริญอย่างในปัจจุบัน

วสุวีทอดสายตามองต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ตลอดแนว แสงแดดสาดส่องทอดเงาร่มครึ้ม เมื่อรถวิ่งผ่านด้วยความเร็วเงาของต้นไม้เหล่านั้นราวกับวิ่งตามมาได้ ซึ่งแท้ที่จริงมันเป็นเพียงมายาของการหักเหของแสงกระทบเท่านั้นเอง

 ชายหนุ่มสูดลมเข้าปอดรับเอากลิ่นไอความเป็นชนบทเข้าสู่ร่างกายอย่างโหยหา  ‘แดนดินถิ่นเกิดที่เขาแสนรักนักหนา’

 นายธีรนึกถึงเพื่อนของวสุวี  เพราะนอกจากเป็นเพื่อนสนิทของลูกแล้วยังมีฐานะเป็นลูกชายของบริษัทใหญ่ซึ่งเขาต้องพึ่งเรื่องการเงินอยู่ด้วย ชายกลางคนจึงถามหาถึงอีกฝ่ายว่า

  “เพื่อนของวีกลับมาพร้อมกันหรือเปล่า”

  “พ่อหมายถึงเคียวหรือครับ”

  “มีคนนี้คนเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือที่ลูกสนิทมากกว่าคนอื่น” นายธีรกล่าวเจอยิ้ม วสุวีตอบบิดาสั้นๆ

  “ครับพ่อกลับมาพร้อมกัน แต่เคียวแยกไปก่อนครับ”

 “เคียวเป็นไฮโซ กลับมาเมื่อไหร่คงเนื้อหอมติดอันดับนิตยสารเมืองไทย”

  วสุวีนึกภาพของเพื่อนในแง่ที่บิดากล่าวอย่างไม่ออกเลย เพราะเคียวในสายตาของเพื่อนสนิทอย่างเขาเป็นคนปล่อยตัวตามสบาย ผมยาวตามสบายไม่ผูกรัด

เคียวใช้ชีวิตติดดินยิ่งกว่าคาวบอยเมืองดัตช์เสียอีก ยิ่งไปฝึกงานในฟาร์มครอบครัวต่างชาติด้วยแล้ว พฤกษาไม่มีเค้าลูกเศรษฐีซึ่งมีความร่ำรวยติดอันดับอย่างบิดาว่า วสุวีเคยหยอกเย้าเพื่อนว่า

 ‘นายน่าจะมาจากคนเชื้อสายยวน ซึ่งเขียนว่ายวนจริงๆ ไม่ใช่ญวน’

แต่พฤกษากลับตอบกลับหน้าตาเฉย

‘ตระกูลอั๊วหอบเสื่อผืนหมอนใบมาจาก เมืองจีน เชื้อสายจึงเป็นจีน และเดี๋ยวนี้อั๊วเป็งคนทายโร้ยโปเซ็นต์’

คิดถึงตรงนี้วสุวีจึงมีความมั่นใจที่จะตอบกับบิดาว่า

   “ผมว่าเคียวคงไม่ใช้ชีวิตหรูหราหรอกครับคุณพ่อ เพราะว่าเคียวชอบความเรียบง่าย”

   “หลายคน อยู่เมืองนอกเป็นอีกอย่าง แต่พอกลับเมืองไทยเดินไม่ติดดินก็มีนะวี”

   “ผมว่าเคียวไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกครับ”วสุวีกล้ารับประกันเพราะรู้นิสัยใจคออีกฝ่าย ว่าเกิดผิดที่ ซึ่งเจ้าตัวเคยเปรยด้วยท่าทีระทดท้อ หากแววตากลับเปี่ยมสุขยิ่งนักว่า

   ‘เรามองเห็นกองฟางแหลมเปี๊ยบแล้วจึงได้โดดจากสวรรค์ลงมาเกิด แต่ช่วยไม่ได้ที่เรามองผิดไป เพราะดันมาเกิดในปราสาทตระกูล มั่งมีเกียรติเจริญพานิช’

 รถขับเคลื่อนมาจนใกล้ฟาร์มธัพนี และผ่านป้ายขนาดใหญ่บอกชื่อ ฟาร์มอิทธิพล วสุวีเกิดความสงสัยเพราะว่าก่อนไปเรียนต่อเมืองนอก  เขาไม่เห็นชื่อฟาร์มนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงถามผู้ให้กำเนิดว่า

 “ฟาร์มนี้มาอยู่ใหม่หรือครับพ่อเมื่อก่อนที่ผมจะไปเมืองนอกไม่เห็นเลยครับ”

  “เก๊จะตายคุณวี”ตวงกล่าวแทรกกลางปล้อง “มันหาเรื่องฟาร์มเราได้ทุกเรื่องโดยเฉพาเรื่องน้ำ หาว่าเรากักทั้งที่ไม่เคยทำสักที เมื่อเดือนก่อนก็ปล่อยหมาล่าเนื้อมากวนบ่อยๆ เลยมีเรื่องทะเลาะกับตฤณเป็นประจำ เพราะเจ้านั่นมันก็ไม่ยอมคน”

  “ตฤณ”วสุวีทวนชื่ออย่างแปลกหู “ใครหรือครับน้าตวงผมจะไม่รู้จัก”

  นายธีรจึงแซงคิว ตอบแทนตวงออกมาบ้างว่า

 “ตฤณเป็นนายสัตวแพทย์หลานของตวงเขา มันเป็นกำพร้าเลยส่งเสียเรียนหนังสือจนจบ พ่อก็ได้เจ้านี่แหละดูแลปรับปรุงจนทำให้ฟาร์มเราได้เหรียญทองสองปีซ้อนแล้ว”

“โอ้โห...เก่งขนาดนั้นเลยหรือครับ”วสีวีอุทานอย่างยินดี “อย่างนั้นผมคงต้องศึกษาจากเขาบ้างแล้วล่ะครับ”วสุวีกล่าวต่อออกมาอย่างไม่ถือตัวแต่ตวงรีบทักท้วงขึ้นมาในทันทีว่า

“คุณวีจบเมืองนอกเมืองนา เรียนมาสูงกว่าเจ้าตฤณ และคุณยังเป็นนายของมัน คุณต้องเป็นฝ่ายสั่งถึงจะถูกสิครับ”

   “โธ่...”ชายหนุ่มอุทาน พร้อมกลั้วหัวเราะ ก่อนกล่าวออกมาจากคนไม่ถือตัวว่า “น้าตวงล่ะก็ น่าจะเห็นผมเหมือนลูกหลานของน้าตวงบ้างนะครับ ไม่ใช่จับผมขึ้นหิ้งอยู่เรื่อย”

   “ผมคิดอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับคุณวีเพราะผมกับตฤณ มีฐานะเป็นลูกจ้าง และจะให้ผมดึงคุณวีลงมาเป็นคนชั้นเดียวกับผมได้ยังไงครับ”

  ชายหนุ่มหัวเราะหึในลำคอ กำลังคิดว่า ตวงอยู่กับครอบครัวตั้งแต่เขายังเป็นเด็กชายตัวน้อย เขาได้เห็นตวงช่วยบิดา มารดาของเขาก่อตั้งฟาร์มนี้ มาตั้งแต่แรกได้จนใหญ่โตระดับประเทศก็ว่าได้ แต่ตวงยังเป็นตวงคนเดิมที่ให้ความเคารพนายธีร และ ยกฐานะให้วสุวี เป็นเจ้านายเสมอซึ่งจริงๆแล้วชายหนุ่มไม่ใช่คนถือตัวเช่นนั้นสักนิด

 เขาจึงเอ่ยยิ้มๆกล่าวมาจากใจจริง

 “ผมรักและนับถือน้าตวงเหมือนญาติผู้ใหญ่นะครับ ดังนั้นอย่างเล่นตัวแบ่งชนชั้นกับผมนักเลย”

   ผู้จัดการฟาร์มธัพนีรู้สึกเต็มตื้นในอกเมื่อได้ยินวสุวีกล่าวออกมาจากใจจริงเช่นนั้น จึงได้แต่ยิ้มแปลกๆด้วยความตื้นตันใจ

 ที่ฟาร์มธัพนีซึ่งมีเนื้อที่นับร้อยไร่ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่รายล้อมอยู่โดยรอบท่ามกลางความเขียวขจี และกลิ่นอายลูกทุ่ง แต่มีการสร้างคอกวัว มีกรรมวิธีสะอาดในการรีดนมวัวอย่างทันสมัย ขณะรีดนมวัวต้องสวมถุงมือ และเมื่อเข้าฟาร์มต้องสวมรองเท้าบูท รวมทั้งเมื่อเข้าโรงเนื้อต้องผ่านการทำความสะอาดเสียก่อน เพื่อป้องกันเชื้อโรคในระดับหนึ่ง

   ฟอร์จูนเนอร์สีขาวได้ผ่านเข้าประตูรั้วเหล็ก โดยมีผู้ชายร่างผอมสูงโปร่ง สวมหมวกหลุบปีกแต่งกายเป็นคนงานด้วยเสื้อเชิ้ตกลางเก่ากลางใหม่ สีพื้นน้ำเงินปล่อยชาย กางเกงยีนสีซีดจัด เขาอายุประมาณสิบแปดปี วิ่งมาที่ประตูรั้วเลื่อนเปิดให้

 ตวงนำรถไปจอดยังหน้าเรือนปีกไม้ยกพื้นหลังใหญ่ ซึ่งมีบันไดหินเป็นทางขึ้น  ทางด้านชานเรือนกั้นระเบียงด้วยปีกไม้ ตัดขวางไขว้สลับบนระเบียงมีพื้นไม้พาดบนแนวยาว  วางกระถางดอกไม้ช่อเล็กๆสีม่วงสลับขาว ตั้งเป็นระยะๆตลอดแนว

 วสุวีลงจากรถพร้อมกับคนอื่น 

ยามนี้เด็กสาวผิวเหลือง ร่างเล็ก หน้าตาเกลี้ยง สองแก้มถูกโปะแป้งทานาคาไว้ ร่างบางวิ่งออกมาจากใต้ถุนบ้านซึ่งกั้นเป็นห้องครัวส่วนหนึ่ง เธอมาช่วยขนของลงจากรถ ชายร่างโปร่งเข้ามาไหว้ชายหนุ่ม แล้วลงมือช่วย เด็กสาวขนของลงจากรถ

 วสุวีจำเด็กหนุ่มคนนี้ ได้คลับคล้าย ว่าชื่อปล่อง ซึงเคยเป็นเด็กชายผอมโย่งอยู่ฟาร์มนี้มาตั้งแต่อายุสิบสี่ปี  ขณะนี้คงมีอายุประมาณสิบเจ็ด สิบแปดปี

 นายธีรเคยส่งให้เรียนแต่ไม่รู้ว่าบัดนี้เรียนถึงไหนแล้ว  ชายหนุ่มสะดุดความคิดเมื่อได้ยินตวงบอกเล่าถึงบริวารสาวคนใหม่ที่ชายหนุ่มไม่รู้จักให้ฟัง ตวงก็เป็นเช่นนี้เอง ชอบสรรหาเรื่องมาพูดคุยบอกเล่าให้วสุวีฟังเสมอ

 “เจ้านี่เป็นกระเหรี่ยง ชื่อออหมี่ มีหน้าที่ทำงานในบ้าน”ตวงเย้าต่อท้าย“หน้าขาววอกทั้งวันแหละมัน”

 ออหมี่ยิ้มกว้าง เผยให้เห็นฟันเกเต็มปาก เมื่อเธอมองเจ้านายหนุ่มก็ทำตาเล็กตาน้อยส่งให้ วสุวีจึงละสายตาทันทีไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่กลับไปทักเด็กหนุ่มแทนว่า

 “นั่นปล่องใช่ไหม”

  คนถูกทักรีบยืนตัวตรงให้ความสำคัญกับคนถาม ความหนักของกระเป๋าถ่วงแขนปล่องจนลากติดลำตัว ปล่องตอบรับเต็มปากเต็มคำ

  “ครับผมปล่องครับ แหมดีใจจังที่คุณวีจำผมได้”

  “แล้วไม่ไปเรียนหรือ”วสุวีถามเต่อถึงข้อที่ยังสงสัยติดในใจ ถูกคำถามนี้เจ้าปล่องถึงกับยิ้มเขินให้กับความขี้เกียจของตัวเอง ยังไม่ทันได้แก้ตัว นายธีรก็เป็นผู้ตอบอย่างเอ็นดูเสียเองว่า

   “พอเรียนจบม.3 มันถึงกับกราบไม่ให้บังคับมันเรียนต่อ มันบอกว่าชอบวิ่งเลี้ยงวัวอยู่ในไร่นี่มากกว่าเรียนหนังสือ นี่ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาต้องว่ามันชอบเลี้ยงควายมากกว่าเป็นนายคน

   “โธ่นาย...”มันทำเสียงครวญ “ผมเป็นผู้ช่วยพี่ตฤณซึ่งเป็นผู้จัดการใหญ่ของฟาร์มนี้นะครับ ไม่ใช่ลูกจ้างกวาดหญ้าอย่างเดียว”มันเงยขึ้นเถียง ตามความเข้าใจแล้วคิดว่า การเป็นผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ตำแหน่งต้องอยู่สูงกว่าคนงานเลี้ยงวัวเป็นไหนๆ นายธีรเลยกลั้วขัน หยอกมันกลับไปว่า

“เออ...ข้าก็ไปลดตำแหน่งสำคัญของเอ็งเสีย

“นั่นสิครับนาย”มันทะเล้นตอบส่ง “ใครๆในฟาร์มนี้ก็เรียกผมว่าท่านผู้ช่วยทั้งนั้นแหละครับ”มันบอกถึงสรรพนามที่มันเองนั่นแหละบังคับให้คนอื่นเรียกมันอย่างนี้ ซึ่งคำพูดของมันสร้างความรู้สึกเอ็นดูปนมันไส้ให้กับคนฟังยิ่งนัก นายธีรไม่ถือสา ถามต่อ

“แล้วนี่ลูกพี่เอ็งไปประชุมแล้วทำไมไม่ตามไปด้วยล่ะ”

“ผมขอไปด้วยแต่พี่เขาว่าเกะกะ”มันบอกตามซื่อ

 ทุกคนเลยหัวเราะเมื่อผู้ช่วย คนสำคัญไม่ได้ติดตามใกล้ชิดหนำซ้ำยังถูกข้อหาเกะกะอีกต่างหาก จากนั้นนายธรเดินนำขึ้นบ้านพัก 

บนเรือนมีชานไม้กระดานพื้นหนา ซึ่งแต่ละแผ่นกว้างใหญ่ ตั้งกระถางไม้ดอกยืนต้น ถูกดัดให้เป็นไม้แคระ ตั้งตามมุม 

ชานเรือนส่วนที่มีหลังคายื่นคุ้มแดดและฝนตั้งโต๊ะทำจากปีกไม้ขนาดใหญ่ ขัดเคลือบสีย้อมไม้เงาวับ ตั้งแจกันปล้องไม้ไผ่ขัดเคลือบชะแล็กปล้องโตใส่กล้วยไม้ก้านยาวหลากสีสัน ห้อยระย้าสวยงาม

หญิงสาวสวยร่างสูงโปร่งแต่งกายทันสมัย แม้ค่อนข้างเปิดเผยเนื้อหนัง หากคนใส่สวยจนกลบสิ่งน่าตำหนิไปหมด เธอเดินออกมาจากด้านใน วสุวีเหลือบสายตามองไปเห็นโดยไม่ตั้งใจ  หากเมื่อเห็นชัดแก่สายตาว่าอีกฝ่ายคือใคร ทำให้ชายหนุ่มถึงกับสะท้านใจวาบ ถึงกับหลุดปากเรียกแผ่วเบาอย่างลืมตัว

“ริน”

 หญิงชื่อระรินคลี่ยิ้มหวานจัดส่งมาให้วสุวี ฝ่ายนายธีรเข้าไปโอบบ่าหญิงสาวดึงเข้ามาแนบชิดพลางแนะนำกับลูกชายของตนเอง

“คนรักของพ่อเองวี รู้จักกันไว้สิ”

“ครับ”เขากล่าวเพียงแค่นั้น และไม่ทักทายสิ่งใดต่อทั้งสิ้น เขารู้สึกเสียใจ ที่บิดาไม่แพร่งพรายให้เขาได้รู้เลยว่า ท่านมีคนรักใหม่ และเขาจะไม่ตะขิดตะขวงใจเลย ถ้าหญิงคนนี้จะไม่ใช่ผู้หญิงที่เคยอยู่กับเขามาก่อน เธอและเขาเคยมีอดีตที่จบลงอย่างไม่ดีเอ เสียเลย

    วสุวีย้อนไปนึกถึงภาพของตนเองเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก ชายหนุ่มไม่เคยอวดตัวว่าบ้านมีฐานะดี เขาชอบทำตัวสมถะใช้จ่ายด้วยความประหยัด ซึ่งทำให้ระรินไม่พอใจ เพราะเธอต้องการถีบตัวเองจากฐานะยากจน ดังนั้นเมื่อวสุวีซึ่งเธอคิดเข้ามายึดเกาะเพื่อสร้างฐานะความเป็นอยู่ของตนเอง และไม่สามารถทำได้  เธอจึงผละจากวสุวี หันไปคบหนุ่มไฮโซ โดยไม่แยแสสนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บช้ำแค่ไหนระรินยังทิ้งคำพูดว่าให้วสุวีได้เจ็บซ้ำอีกว่า

   “ขืนทนอยู่กับคนกระจอกอย่างวี รินต้องอดตายแน่”

   บัดนี้ ทำไมโลกจึงได้หมุนกลับด้านให้เธอมาอยู่กับบิดาเขาอย่างนี้ด้วยเล่า?

   “ยินดีต้อนรับค่ะคุณวี”เธอทักทายวสุวี และทำตัวเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้อย่างดีเยี่ยม จนทำให้ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก ส่วนนายธีรไม่รู้ความหลังของหนุ่มสาวทั้งคู่ จึงมีแต่ความชื่นใจ

เจ้าของฟาร์มใหญ่ให้ลูกชายเข้าไปดูห้องหับซึ่งจัดให้ใหม่ พร้อมโอบบ่าภรรยาวัยคราวลูกไปห้องส่วนตัว ขณะเดียวกับที่ตวงก็ขอตัวกลับลงไปทำงานที่ยังค้างอยู่

   เมื่อวสุวีอยู่ตามลำพังในห้อง  เขาทรุดนั่งลงบนผ้าคลุมเตียงลายสลับสีน้ำเงิน ขาว น้ำตาล สีเดียวกับปลอกหมอนลูกยาวขวางเต็มหัวนอน  ความยินดีของเขาเหือดหายไปจนหมดเมื่อเห็นหน้าแม่เลี้ยงโดยไม่รู้ตัวมาก่อน

ถ้ารู้ คงขวางแต่แรกหากนี่...เขาถอนใจยาวด้วยความหนักอกเสียนัก  ก้าวแรกที่เข้าบ้านใจของเขาไม่มีความสุขอย่างที่หวังเสียแล้ว


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (80 รายการ)

www.batorastore.com © 2024