แผนร้ายร่ายรัก (ลินิน) (EBOOK)
ประหยัด: 87.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
แผนร้าย ร่ายรัก
บทที่ 1
รถยุโรปสีแดงเพลิงคันงาม รูปทรงทันสมัยวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เพราะถนนในเวลาเช้ามืดและเป็นเส้นทางออกสู่นอกเมืองอย่างนี้โล่งตลอดสาย มีรถราเพียงไม่กี่คันเท่านั้นที่วิ่งผ่านไปมา
รถยังคงวิ่งด้วยความเร็วสูงสม่ำเสมอแต่เพียงไม่นานรถคันงามก็เกิดกระตุกอยู่หลายที ก่อนจะดับสนิทในเวลาต่อมา
“โธ่เว้ย….อะไรนักหนาวะเนี่ย” เสียงสบถดังลั่นดังมาจากหลังพวงมาลัยที่หุ้มด้วยผ้าสีแดงเพลิงเช่นเดียวกับสีรถ พร้อมๆ กับที่กำปั้นเล็กๆ ของใครคนหนึ่งทุบแรงไปบนพวงมาลัยรถ ก่อให้เกิดเสียงแตรดังลั่นไปทั่วบริเวณ
หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของรถกวาดสายตามองสภาพแวดล้อมรอบตัวที่นานๆ ครั้งจะมีรถผ่านมาสักคันด้วยความรู้สึกเซ็งๆ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถออกมาเพื่อตรวจสอบดูว่ารถเป็นอะไรกันแน่ เพราะเพิ่งจะซื้อมาได้ไม่ถึงปีแท้ๆ แถมราคาของมันก็สูงลิบลิ่วเสียด้วย
แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะลงไปแล้วจะได้อะไร ในเมื่อเธอเองไม่ได้มีความรู้ด้านเครื่องยนต์กลไกอะไรเลยสักอย่าง แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นมือเรียวก็ยังสู้อุตส่าห์เอื้อมไปเปิดกระโปรงรถ แกะนั่น ดูนี่พอเป็นพิธี ก่อนจะขึ้นรถไปนั่งด้านคนขับแล้วลองสตาร์ตดูอีกรอบ แต่ผลก็ยังคงเหมือนเดิม
“เฮ้อ…สตาร์ตติดก็แปลกแล้ว” ลินินเอ่ยขึ้นกับตัวเองแล้วปล่อยตัวพิงกับพนักเบาะรถอย่างหมดแรง ดวงตาคู่งามปิดลงอย่างพยายามใช้ความคิด แต่แล้วความคิดต้องสะดุดเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
หญิงสาวเหลือบสายตามองชื่อที่โชว์หราบนหน้าจออย่างชั่งใจ ว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ในที่สุดก็ยอมกดรับ
“ฮัลโลค่ะ พี่เอ็มมี่”
“ว่าไงลิลลี่ งานที่ว่าจะเอามาส่ง ตกลงจะทันปิดต้นฉบับก่อนเที่ยงไหม บก.ขีดเส้นตายให้เธอแล้วนะบอกให้” เสียงนั้นเป็นของอมรหรือเอ็มมี่ เจ้านายหนุ่มเหลือน้อย เพราะเป็นสาวเสียส่วนมากของเธอโทร. มาตามงานตั้งแต่ยังไม่ทันจะเจ็ดโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ
จะโทษใครก็ไม่ได้เพราะเธอนั้นได้ให้สัญญิงสัญญากับเขาเอาไว้เป็นดิบดีว่า อย่างไรเสียวันนี้ก็จะต้องหาข่าวอะไรสักอย่างมาส่งให้ได้
ลินิน ธาระรักษ์ เป็นบุตรสาวคนเดียวของ กิตติ ธาระรักษ์ นักธุรกิจด้านการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่รวยลำดับต้นๆ ของประเทศ
หลังจากเรียนจบหญิงสาวก็ได้เข้าทำงานในตำแหน่งเหยี่ยวข่าวสาวด้านอาชญากรรมในสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง ไทยนิวส์ ทั้งที่ผู้เป็นพ่อนั้นอยากจะให้ลูกสาวเข้ามาเรียนรู้งานในบริษัทส่งออกของตัวเองมากกว่าแต่เธอไม่ยินยอม เพราะอยากทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและตรงสาขาที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมามากกว่า
แต่ก็นั่นแหละ เห็นทีงานนี้จะไม่ค่อยรุ่งนัก เพราะตั้งแต่ได้เข้าทำงานที่ ไทยนิวส์ เธอก็ยังหาข่าวได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งที่จวนจะถึงเดือนสุดท้ายของการทดลองงานอยู่แล้ว โชคดีที่เธอกับอมรหรือเอ็มมี่ผู้เป็นหัวหน้าสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง เพราะถือเป็นรุ่นพี่ในกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงช่วยเป็นพี่เลี้ยงคอยหาแหล่งข่าวให้เธออยู่เสมอ แต่ข่าวที่เธอหาได้ มันก็ยังไม่สมน้ำสมเนื้อกับหน้าที่เหยี่ยวสาวในด้านอาชญากรรมอยู่ดี ร่ำๆ ที่บก.จะเปลี่ยนให้เธอไปทำงานด้านสายบันเทิงแทน
นั่นล่ะจะยิ่งแย่ เพราะเธอไม่ชอบดารา ไม่อยากจะไปตามล้วงตามควักเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
“แหมเจ๊คะ มันเพิ่งจะเจ็ดโมงเองนะคะ ลิลลี่จะไปหาข่าวได้ไวอะไรขนาดนั้น คงไม่มีใครมาประทุษร้ายอะไรกันแต่เช้าตรู่อย่างนี้หรอกค่ะ เนี่ย….ลิลลี่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนนะคะ ขับรถวนหาข่าวจนออกมานอกเมืองแล้ว แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้รถของลิลลี่มาดับอยู่กลางทาง เปลี่ยวก็เปลี่ยว”
“ต๊าย…รถไปดับอยู่แถวไหนยะหล่อน รีบหาทางกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นหล่อนจะกลายเป็นข่าวซะเอง”
“ฮื่อ” รับปากแล้วลินินก็เหลียวหน้าเหลียวหลังด้วยสีหน้าหวาดๆ แม้แดดจะเริ่มแผดแสงจ้าแล้ว แต่รถราก็ไม่ค่อยจะผ่านมาให้เห็น แถมรอบด้านยังมีแต่ป่าไม้ทั้งสองข้างทางอีกต่างหาก คำเตือนของหัวหน้าหนุ่มของเธอทำให้ชักหวาดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“ลูกจ๋าลูก ติดเถอะนะลูกนะ แม่มาหาข่าวอาชญากรรม ไม่ได้อยากจะถูกฆาตกรรมซะเอง”
เมื่อไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีหญิงสาวจึงได้หันมาไหว้อ้อนวอนขอร้องเจ้ารถเบนซ์คันงามที่เธอเพิ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดจากผู้เป็นพ่อไม่นานมานี้เอง
“ครืด….ครืด” เสียงเครื่องยนต์ของเธอทำท่าจะติดทำให้ลินินดีใจแต่แล้วมันก็ดับสนิทเหมือนเดิม ลินินทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมา สายตาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ เข็มนาฬิกบอกเธอว่ามันใกล้ถึงเวลาเต็มที
ตอนนี้มันเป็นเวลาเกือบสามโมงเช้าแล้ว พยาธิในท้องชักจะเริ่มก่อกวน แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องกังวล เพราะเหนือสิ่งอื่นใดนั้น เวลานี้ท้องฟ้าที่เคยกระจ่างใสมืดมัวและบดบังไปด้วยเมฆก้อนดำๆ ไม่ต้องฟังรายงานพยากรณ์อาการเธอก็รู้แน่ว่าฝนกำลังจะตก
“ฮือ…” คราวนี้ไม่ใช่แค่ทำหน้าอยากจะร้องไห้ แต่เธอนั่งร้องจริงๆ จังๆ เลยทีเดียว ในสมองเกิดภาพในจินตนาการต่างๆ นาๆ
ผู้ชายท่าทางน่ากลัว ผมเผ้ายุ่งเหญิง หนวดยาว มือขวาคีบบุหรี่ พ่นควันขาวๆ ลอยละล่องอย่างอ้อยอิ่งป็นเวลาเกือบหนึ่งนาที เขาทิ้งก้นบุหรี่ไว้ใกล้ๆ ใช้ปลายเท้าในรองเท้าเก่าๆ ราคาถูกบดขยี้จนมอดดับ ก่อนจะลงจากรถมอเตอร์ไซค์ เดินมาเคาะกระจกรถของเธอแรงๆ ด้วยหน้าตาทะมึงถึง พอเธอไม่ยอมเปิดมันก็ทุบจนกระจกแตกละเอียด เธอร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครยอมจอดสักคน ลินินกรีดร้องโหยหวนท่ามกลางสายฝนที่เพิ่งจะเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงฟ้าร้องและเสียงสายฝนบดบังเสียงร้องของเธอจนหมดสิ้น
“ม่าย!” หญิงสาวกรีดร้อง ภาพนั้นช่างร้ายกาจเกินกว่าที่เธอจะทนนั่งจินตนาการไหว “ไม่ๆ เราต้องคิดในแง่บวก”เธอพึมพำบอกกับตัวเอง จากนั้นภาพใหม่ในจินตนาการจึงบังเกิดขึ้น
ภาพของชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทเนื้อดีเป็นมันระยับ ลงมาจากรถสปอร์ตสีดำเป็นมันปลาบ เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอและเคาะเบาๆ ไปยังกระจกรถ เมื่อเธอเห็นท่าทางของเขาดูไม่เหมือนคนร้ายจึงได้ยอมไขกระจกลงอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” ชายคนนั้นเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“รถเสียค่ะ ฉันสตาร์ตยังไงก็ไม่ติด” เธอรีบบอกเขาอย่างดีใจ ชายคนนั้นพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะสั่งให้เธอเปิดกระโปรงรถขึ้น
เขาก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่างเสียงดังกุกกัก ไม่นานก็เดินกลับมาบอกให้เธอสตาร์ตรถ ลินินทำตามแล้วต้องเบิกตากว้างอย่างดีใจ เมื่อรถยนต์ที่ดับสนิทมานานหลายชั่วโมงของเธอกลับมาใช้งานได้อย่างปกติอีกครั้ง
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
“ยินดีรับใช้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวานบาดใจ ก่อนจะขอตัวกลับไปขึ้นรถของเขา
เธอมองตามหลังเขาไปอย่างหลงใหลกว่าจะนึกได้เขาก็ขึ้นรถขับออกไปเสียแล้ว จึงไม่รอช้ารีบเปิดประตูรถลงมาและวิ่งตามเขาไปอย่างลืมตัว
เธอวิ่งตามรถของเขาที่วิ่งออกไปแล้วเต็มฝีเท้าจนเหนื่อยหอบ ต้องยอมแพ้หยุดเพื่อหอบหายใจ แต่นับว่าความพยายามของเธอไม่เสียเปล่า เพราะรถสปอร์ตคันนั้นถอยหลังกลับมา ชายหนุ่มจอดรถและลงมาหาเธออีกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณ….”
“ลินินค่ะ เรียกฉันว่าลิลลี่ก็ได้” เธอบอกด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ต้องหยุดเป็นระยะ เพราะรู้สึกหายใจไม่ทัน
“ครับคุณลิลลี่ ผมเทพบุตร สุดหล่อครับ” เขาบอกขึ้น หญิงสาวทำท่าเคลิบเคลิ้ม แต่แล้วฝนก็เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย เธอกับเขาวิ่งหลบฝนไปด้วยกันจนเปียกมะลอกมะแลกทั้งคู่ แต่ก็หันมายิ้มให้กันด้วยสีหน้าที่มีความสุข
ก๊อกๆ
เสียงเคาะกระจกรถทำให้ภวังค์ความคิดฟุ้งซ่านของหญิงสาวสะดุดลง ลินินขมวดคิ้วเพื่อตั้งใจฟังแต่ไม่ยอมลืมตาขึ้นเสียที หัวใจเธอเต้นแรง ในใจกำลังนึกจินตนาการว่า คนที่มาเคาะกระจกนั้นจะเป็นใครระหว่างนายโจรร้ายนั่นกับพ่อเทพบุตร สุดหล่อของเธอ
เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นโดยฉับพลัน เพราะขืนช้ากว่านั้นมีหวังกระจกรถ อันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่มีอยู่ต้องแตกแน่
“อะไรกันคุณ” หญิงสาวไขกระจกรถออกมาถามอย่างฉุนเฉียว เพราะความโกรธจึงไม่คิดว่าคนที่มาเคาะกระจกรถนั้นอาจหวังดี กลัวว่าเธอกำลังตกใจอะไรบางอย่างและกำลังนั่งรอคอยความช่วยเหลืออยู่ และลืมคิดไปถึงว่าชายคนนั้นอาจเป็นโจรห้าร้อยในภาพจินตนาการของเธอด้วย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของเธอจึงได้เปลี่ยนจากท่าทางห่วงใยเมื่อครู่มาเป็นหงุดหงิด “ไม่ได้เป็นอะไรนี่ แล้วมาฟุบหลับอยู่ข้างทางเปลี่ยวๆ อย่างนี้ทำไม อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งนักหรือไงคุณ”
เสียงทุ้มขัดกับท่าทางดุดันนั้นบอกขึ้น
“เอ๊ะคุณ….”
แม้จะนึกขอบคุณที่เขาตั้งใจมาช่วยเหลือเธอในฐานะพลเมืองดี แต่คำพูดคำจาของเขามันทำให้คุณหนูเอาแต่ใจอย่างเธอชักจะของขึ้นมาเหมือนกัน
“ใช่….ฉันอยากให้มีข่าวหน้าหนึ่ง” เธอตอบยียวนกวนประสาทเขาไปหนึ่งประโยค ไม่ได้พูดผิดนี่ ก็เธอมาตามหาข่าว เพียงแต่ไม่อยากตกเป็นข่าวเสียเองก็เท่านั้น
“งั้นผมก็ผิดเองที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“เพิ่งรู้ตัวหรือไง” หญิงสาวย่นจมูกก่อนจะบิดกุญแจเพื่อสตาร์ตรถแต่ต้องหน้าเสีย เมื่อมันยังคงดับสนิท นึกอยากขอความช่วยเหลือกับผู้ชายตัวโตตรงหน้าแต่มันคงจะสายเกินไปเพราะเขาออกเดินดุ่มๆ จากไปขึ้นรถของเขาเสียแล้ว
“คุณ! เดี๋ยว” ลินินตะโกนเรียกเขาเสียงหลง หญิงสาวเปิดประตูได้ก็วิ่งเข้าไปหาเขาอย่างหมดหนทางแล้วจริงๆ
“อะไรอีกล่ะ” เขาหยุดและหันมามองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็ทำให้เธอหยุดชะงัก
ใบหน้าออกเหลี่ยมเล็กน้อยแต่รับได้รูปกันกับคางที่มีไรหนวดบางๆ ขึ้นไม่มากและไม่น้อยเกินไป จมูกของเขาโด่งค่อนข้างมากเกินกว่าชายไทยทั่วไปแต่ก็ดูดีไร้ที่ติ ดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาลปนดำ วางอยู่ภายใต้คิ้วหนาดกดำ ผมของเขาหยักศกเล็กน้อย แต่สรุปแล้วเขาช่างเป็นผู้ชายที่หล่อและดูดีมาก หล่อเสียยิ่งกว่าพ่อเทพบุตร สุดหล่อในจินตนาการของเธอเสียอีก
แต่….ใบหน้านี้คุ้นเสียจริง เคยเห็นที่ไหน ติดอยู่ที่ริมฝีปากแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ว่าไงคุณ” เขาถามซ้ำก่อนจะหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม ท่าทางของเขาดูเป็นคนเจ้าสำอางแต่เวลานี้เธอไม่มีเวลามานั่งคิดว่าเคยเห็นเขาที่ไหน เพราะหากเธอปล่อยให้เขาขึ้นรถหนีไป วันนี้ทั้งวันยังไม่รู้เลยว่าจะมีใครหลงเข้ามาช่วยเธอไหม
“เอ่อ…คือ ฉัน….ฉัน” หญิงสาวอึกอัก เพราะเมื่อไม่ถึงห้านาทีนี่เองที่เพิ่งจะยียวนกวนประสาทเขาไปหมาดๆ แต่พอตอนนี้กลับต้องมายืนร้องขอความช่วยเหลือจากเขา มันทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างไรชอบกล
“ว่าไปสิคุณ ผมไม่ได้มีเวลามากนักหรอกนะ” เขาบอกพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ สีหน้าของเขาบอกได้ว่าเขากำลังมีธุระด่วนจริงๆ แต่เขาก็ยังมีแก่ใจจอดรถลงมาซักถาม
“รถฉันสตาร์ตไม่ติด ช่วยดูหน่อยได้ไหม” เธอรีบบอกพร้อมกับใช้สายตาละห้อยที่มักใช้ได้ผลเสมอๆ ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ขึ้นมองเขา
ดูเหมือนเธอจะเห็นเขาหยักริมฝีปากคล้ายจะเยาะขึ้นมาแวบหนึ่ง ทำให้เธอนึกฉุนแต่ต้องกักเก็บความไม่พอใจเอาไว้ภายใน
ใจเย็นก่อนลินิน….ใจเย็นก่อน
“นี่เป็นวิธีการขอความช่วยเหลือจากคนอื่นของคุณหรือ”เขาเปลี่ยนจากท่ามือกอดอกมาเป็นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและเอนตัวพิงกับประตูรถด้วยท่าทางใจเย็น ทั้งที่เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งบอกกับเธอเองว่าไม่มีเวลามาก
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ จะให้ก้มลงกราบกับพื้นเลยหรือไง” หญิงสาวประชดเข้าให้ เธอเห็นเขายิ้มขำ
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกน่า แค่พูดอะไรให้มันน่าช่วยกว่านั้น”
“รถฉันเสีย มันสตาร์ตไม่ติด คุณช่วยกรุณาไปช่วยดูให้หน่อยนะ” เธอหยุดเว้นระยะไปนานเหมือนกับกำลังชั่งใจอยู่จึงลงท้ายด้วยคำว่า “คะ”
“คุณไม่อยากตกเป็นข่าวแล้วเหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ลินินหน้ายุ่ง ผู้ชายอะไรยียวนกวนประสาทชะมัด ท่าทางก็สำอางขนาดนั้น จะซ่อมอะไรเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ตอนนี้ยังไม่อยาก” เธอตอบเสียงห้วน ก่อนจะเดินเร็วๆ กลับไปที่รถของตัวเองโดยไม่สนใจแล้วว่าเขาจะตามมาช่วยเธอหรือไม่ แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่เห็นเขาเดินตามหลังมา เขาออกคำสั่งให้เธอเปิดกระโปรงรถและชะโงกหน้าลงไปดูใกล้ๆ
“เครื่องยนต์ก็ยังดีอยู่นี่” เขาเงยหน้าขึ้นบอกเธอ มือหนาเลื่อนมาพับแขนเสื้อเชิ้ตยาวขึ้นมาเหนือสอง ลงมือจับนั่นหมุนนี่อยู่หลายที
ท่าทางของเขาเหมือนคนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างก่อนจะตัดสิใจเดินมาชะโงกหน้าเข้าไปภายในรถ และเขาก็เห็นเจ้าตัวการที่ทำให้รถยนต์คันงามของเธอสตาร์ตไม่ติด
“คุณเห็นอะไรหรือเปล่า” เขาชี้มือไปยังด้านหลังพวงมาลัย ลินินเลิกคิ้วแต่ก็ชะโงกหน้าเข้าไปมองภายในรถของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดก็มองไม่เห็นความผิดปกตินั้นอยู่ดี
“อะไรคะ”
“น้ำมันหมด” เขาบอกห้วนๆ
“ว่าไงนะ” ลินินหน้าเจื่อน อายแสนอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี โดยเฉพาะเมื่อเห็นแววตาแสดงการดูแคลนของเขา
“ผู้หญิง” ปลายน้ำเสียงนั้นติดจะเยาะ
“ผู้หญิงแล้วยังไงคุณ”
“ก็ไม่ทำไมหรอก แต่ผู้หญิงสักแต่ว่าขับแต่ไม่ละเอียดรอบคอบ ขับรถประสาอะไรน้ำมันหมดเกลี้ยงอย่างนี้ถึงไม่เห็น”
“ฉันขับเพลินไปหน่อย” ลินินหันมาแก้ตัว ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับอาการของเธอที่เรียกว่าเถียงข้างๆ คูๆ มันช่างเหมือนเจ้าหลานสาวตัวดีของเขานัก ข้าวหอม หลานสาวของเขาก็ไม่ต่างจากผู้หญิงตรงหน้านี่ซักเท่าไร ติดที่ว่าหลานสาวของเขาเพิ่งจะอายุห้าขวบ แต่แม่เสือสาวที่ยืนอยู่หน้าเขาเนี่ย อายุอานามก็บอกอยู่แล้วว่ามากกว่ายี่สิบปีชัวร์
“เอ๊ะ…” ลินินอุทานขึ้น สีหน้าของเธอจืดสนิท เพราะยางล้อรถอีกข้างหนึ่งแบนสนิท เธอก็มัวแต่สนใจเครื่องยนต์กลไก ไม่ได้ก้มมองไปด้านล่างของตัวรถเลย นี่เธอคงจะเผลอเหยียบอะไรเข้า รถมันถึงได้กระตุกแล้วดับไปเสียเฉยๆ
“แล้วนี่จะทำยังไงล่ะ” เขาก้มลงมองนาฬิกาตัวเองอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ลินินเกิดความเกรงใจขึ้นมาแต่เธอก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรบกวนเขา
“ฉันขอติดรถคุณไปในเมืองหน่อยได้ไหม”
“แล้วรถคุณ?”
“เดี๋ยวฉันให้คนกลับมาเอา” เธอบอกขึ้น เวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว หน้าตาท่าทางเขาออกดี คงไม่คิดจะปล้ำเธอกลางทางหรอก
“ขึ้นมาสิ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้ หญิงสาวยิ้มให้อย่างขอบคุณก่อนจะขึ้นไปนั่งเคียงข้างคนขับ กลิ่นน้ำหอมรถยนต์กลิ่นลาเวนเดอร์โชยผ่านเข้ามาในจมูกทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มหันไปเปิดเพลงเบาๆ คลอก่อนจะหันมาถามเธอ
“คุณจะไปไหนล่ะ ผมจะแวะไปส่งให้”
“ฉันจะเข้าไปแถวสุขุมวิทย์หน่อยน่ะค่ะ แต่คุณไม่ต้องลำบากหรอกนะคะ ฉันนั่งแท็กซี่ต่อไปเองก็ได้ เพราะเท่านี้ฉันก็เกรงใจจะแย่แล้ว”หญิงสาวหันมามองเขาเต็มตาอีกครั้ง รู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“ตามใจ”
“เอ่อ….คุณชื่ออะไรคะ เผื่อเจอกันคราวหน้า” เธอก้มลงมองมือตัวเองขณะที่ถาม ไม่รู้ทำไมสายตามันคอยเหลือบมองเขาอยู่เป็นระยะๆ แถมหัวใจมันยังเผลอเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“คุณไม่รู้จักผม?” ดูเหมือนเขาจะทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองคือคนแปลกประหลาดที่ไม่รู้จักเขา ยอมรับว่าคุ้นหน้าคุ้นตาเขามากทีเดียว แต่มันนึกไม่ออก เพราะเธอเองหลังจากเรียนจบ เธอก็หลบไปพักผ่อนสมองที่อเมริกากับผู้เป็นป้า ใช้เวลาในการท่องเที่ยวและเรียนภาษาเพิ่มเติมเกือบ 2 ปี จึงไม่ค่อยรู้จักสนิทสนมกับใครเท่าใดนัก
“ใช่สิคะ ฉันเพิ่งจะเจอคุณ จะไปรู้จักได้ยังไง” ลินินตอบหน้าซื่อตาใสแต่ชายหนุ่มกลับมองเธออย่างแปลกใจในตอนแรกแต่แล้วมันก็เปลี่ยนมาเป็นหวาดระแวงในภายหลัง คิดในใจว่าผู้หญิงตรงหน้ากำลังเล่นตลกอะไร มีใครบ้างในประเทศไทยที่จะไม่รู้จักดาราที่ดังที่สุดในขณะนี้อย่างเขา พีท พีระพล
เขาเป็นหนุ่มไทยแท้ พ่อก็ไทยแม่ก็ไทยแต่หน้าตากลับกระเดียดไปทางเกาหลีซึ่งเป็นหน้าตาที่อินเทรนด์ที่สุดในยุคสมัยนี้
ชายหนุ่มไม่โด่งดังเฉพาะในเมืองไทย แต่ยังดังสุดๆ ในเกาหลี เพราะถูกทาบทามให้เล่นบทพระเอกในซีรีส์เรื่องหนึ่งของที่นั่น
หลังจากที่ซีรีส์ ‘ 99 วันฉันรักเธอ’ ออนแอร์ได้ไม่นาน ชื่อของพีท พีระพล ก็โด่งดังเป็นพลุแตกในชั่วข้ามคืน จากดาราธรรมดาๆ ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการและเล่นละครไทยได้เพียงแค่สองเรื่อง ไม่จัดว่าดังมากแต่ก็พอมีคนรู้จัก แต่หลังจากที่ซีรีส์ ‘99 วันฉันรักเธอ’ ออกอากาศเท่านั้นล่ะ เขาก็เป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ทั่วเกาหลี ชื่อของเขาที่ใช้สำหรับแสดงที่นั่นคือ ‘คิมจุนเพียว’หลังจากนั้นก็เกิดกระแสคิมจุนเพียวฟีเว่อร์
ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน สาวๆ ก็ตามไปทุกที่ จนเขาต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ พรางตัวอย่างหนัก เพื่อกลับมาเมืองไทยอย่างเงียบๆ ไม่มีใครรู้แม้แต่ นิทชนาถหรือนิช ผู้จัดการส่วนตัวที่ถือเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา
เขาเลือกพักในโรงแรมของคนรู้จักที่อยู่แถวนอกเมืองเพื่อหลบหลีกความวุ่นวาย ซึ่งเจ้าของเองก็รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะไม่บอกใครถึงการกลับมาของเขา เขาตั้งใจจะมาที่นี่เงียบๆ และกลับไปพักผ่อนที่บ้านสวนที่ปากช่อง
เขาโทรบอกแม่เรียบร้อยแล้วว่าจะเดินทางพรุ่งนี้เช้า จึงต้องรีบเคลียร์งานทั้งหมดให้เสร็จก่อนเดินทาง เพื่อความสบายใจ และในวันนี้เขาก็มีนัดกับคุณจี๊ด ผู้จัดละครของค่ายจีที ค่ายยักษ์ใหญ่ที่ทำละครเรื่องไหน เป็นดังระเบิดทุกเรื่องเอาไว้ เพราะฝ่ายนั้นถือเป็นผู้มีพระคุณที่ให้โอกาสให้เขาได้ทำงานที่ตัวเองรัก เขาจึงปฏิเสธผู้จัดทางเกาหลี เพื่อมาเทคิวทั้งหมดให้กับเธออย่างไม่เสียดายโอกาส ทำให้เขาเป็นที่รักยิ่งของคุณจี๊ด และตั้งใจจะดันให้เขาโด่งดังไม่แพ้กับที่เล่นเรื่อง ‘99 วันฉันรักเธอ’ เลยทีเดียว
“คุณไม่รู้จักผมจริงๆ น่ะหรือ” เขาถามอย่างแคลงใจ เพราะเท่าที่เขารู้ ช่วงที่ซีรีส์ออกอากาศในเมืองไทย มีแฟนคลับนับร้อยๆ คนมาออกันอยู่หน้าที่พัก ในร้านอาหารหรือแม้แต่ในกองถ่ายต่างๆ ก็ไม่เว้นจนชีวิตส่วนตัวของเขาแทบไม่มีเหลือ
เขาต้องคอยหลบหลีกปาปาราสซีที่คอยตามติดเขาทุกฝีก้าว แฟนคลับบางคนถึงขนาดแกล้งเป็นลมชักกระตุกอยู่ข้างๆ รถ เพื่อให้เขาหันมาสนใจ และอีกหลายๆ แผนการที่เขาต้องเจอ เขาจึงไม่ค่อยอยากจะไว้ใจใครเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงตรงหน้าที่บอกว่าไม่รู้จักเขา ทำให้เขาอดระแวงไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นแผนการของเจ้าหล่อนที่แกล้งทำเป็นรถเสียเพื่อหวังให้เขาจอดรถรับขึ้นมา แต่เขาอาจจะคิดมากไปก็ได้ เพราะผู้หญิงคนนี้คงไม่ลงทุนถึงขนาดน้ำมันหมดเพื่อมาดักรอเขาหรอก เพราะไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้เจอกับเขาแต่ได้เจอกับคนอื่นซึ่งอาจเป็นผู้ร้ายก็ได้ และหน้าตาของเธอก็สวยจัดเสียด้วย แม้จะไม่ได้แต่งหน้าแถมยังอยู่ในชุดเสื้อยืดสีแดงสดกับกางเกงยีนส์ง่ายๆ ก็ตาม
“เอ๊ะ…คุณนี่ ฉันไม่รู้จักคุณแล้วจะมาบังคับให้รู้จักได้ยังไงคะ” ลินินโพล่งขึ้น ชักแปลกใจขึ้นมาบ้างกับอาการของเขา
“คุณคงไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย” ชายหนุ่มคาดคะเน
“ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งกลับจากอเมริกา คุณรู้ได้ยังไงคะ” ลินินเลิกคิ้วขึ้นถาม สีหน้าของเธอแสดงอาการแปลกใจอย่างไร้พิรุธซึ่งมันก็ทำให้เขาค่อยเบาใจขึ้น เพราะนานๆ ทีหรอกถึงจะได้พูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักเขาจริงๆ มันทำให้เขาผ่อนคลายและเป็นของตัวเองขึ้น
“ผมเดาน่ะครับ” เขาเสหัวเราะขึ้น รถแล่นออกมาจากเขตนอกเมือง พอเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองเท่านั้นรถราก็แล่นกันขวักไขว่ ติดหนาเป็นแพยาว ลินินจึงใช้โอกาสนี้กดโทรศัพท์ถึงเจ๊เอ็มมี่ ให้ช่วยหาคนไปจัดการเรื่องรถของเธอ เพราะตอนนี้เธอไม่มีปัญญาจะจัดการอะไรได้ แถมเงินที่จะต้องจ่ายค่าจ้างให้กับช่างเธอยังจะต้องหยิบยืมผู้เป็นหัวหน้าอย่างเอ็มมี่ เพราะพ่อของเธอนั้นไม่ยอมให้เงินใช้จนกว่าเธอจะยอมลาออกจากการเป็นเหยี่ยวข่าวสาวของไทยนิวส์ ทำให้เธอตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงถังแตก ต้องกินและใช้อย่างประหยัดที่สุดในชีวิต
แต่คนอย่างลินิน ไม่ใช่คนที่คิดจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เธอจะพิสูจน์ให้ผู้เป็นพ่อได้เห็น ว่าเธอเอาชนะโชคชะตาที่กำลังเล่นตลกอยู่ในขณะนี้ได้ เธออยากเป็นนักข่าวและจะต้องเป็นนักข่าวที่ดีให้ได้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะหาข่าวอะไรไม่ได้เลยก็ตาม
“รถติดจังเลย” หญิงสาวบ่นขึ้นเบาๆ กำลังจะกวาดสายตามองออกไปนอกกระจกรถแต่ก็มีสายเข้าเสียก่อน
พีทถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะด้านนอกนั้นติดป้ายโฆษณาเป็นรูปของเขาโชว์หราแบบเต็มๆ หน้า แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยจะสังเกตอะไรเอาซะเลย ไม่อย่างนั้นเธอคงพอจะรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับเขาบ้าง
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ โทรศัพท์เรียกเข้าบ่อยไปนิดหนึ่ง”หญิงสาวหันมาบอกด้วยท่าทางเกรงใจ ต่อเมื่อหันออกไปมองนอกกระจก รถของพีท พีระพลก็แล่นออกไปจากจุดนั้นเสียแล้ว เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณหน้าป้ายรถเมล์เธอก็บอกให้เขาหยุดรถ
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“แน่ใจหรือว่าจะไม่ให้ไปส่ง” เขาบอกขึ้นอย่างหวังดี
“ไม่เป็นไรค่ะ เท่านี้ก็รบกวนคุณจะแย่แล้ว ดูเหมือนคุณจะรีบด้วย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คราวหน้าถ้าได้เจอกัน ฉันขอเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณซักมื้อ” เธอบอกยิ้มๆ
“ตกลงครับ”เขาโบกมือลาแล้วเคลื่อนรถออกไปเลย ลินินมองตามหลังรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของเขาไปพร้อมกับอมยิ้ม ถึงจะดูขี้เก็กไปหน่อย ปากร้ายไปนิด แต่เขาก็มีน้ำใจอยู่ไม่น้อย ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยรู้จักเธอเสียด้วยซ้ำยังอุตส่าห์ช่วย
รายละเอียด
ถ้าต้องเลือกระหว่างตกระกำลำบาก แต่ได้ทำในสายงานที่เธอรัก กับประกาศยอมแพ้กลับไปทำงานกับที่บ้าน แล้วมีเงินถุงเงินถังใช้เหมือนเดิม หญิงสาวจอมรั้นอย่าง ลินิน เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่มีทางเลือกข้อหลังแน่!
เธอจึงตัดสินใจลงทุน ยอมแปลงโฉมจากคุณหนูมาดไฮโซมาเป็นแม่ครัวจอมเปิ่นที่สุดแสนอัปลักษณ์ เพื่อแลกกับข่าว (ลับ) ของหนุ่มสุดฮ็อตอย่าง พีรพล หรือ คิมจุนเพียว ผู้ที่เก็บชีวิตส่วนตัวได้อย่างเงียบกริ๊บ และเธอจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ ปฏิบัติการลับๆ ของสายลับมือใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น!