เจ้าสัวเฉลียว อยู่วิทยา บุรุษผู้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกรู้ว่า ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะตน

ภาสกร |
24/08/2013

หนังสือชีวประวัติของเจ้าสัวเฉลียวเล่มนี้ได้ถูกเขียนขึ้นโดยให้ข้อมูลที่น่าศึกษาอย่างมากมายเกี่ยวกับทั้งประวัติของตัวเจ้าสัวเอง และความเป็นมาของบริษัทต่างๆของเจ้าสัวที่ได้ทำมาเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ในวัยเยาว์ที่ได้ทำการค้าขายมากมาย เช่นการนำผลไม้ราคาถูกจากต่างจังหวัดไปขายในกรุงเทพแต่ก็ต้องขาดทุนเพราะราคาตกต่ำ และเราจะได้เห็นว่าความผิดพลาดที่ทำให้ต้องขาดทุนนั้นมีอยู่มากมายแต่ท่านก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อนำไปใช้ในธุรกิจให้หลังจากนั้นมา ก่อนหน้าที่จะมีกระทิงแดงนั้น ท่านได้ก่อตั้งบริษัทยาทีซีฟาร์มาซูติคอลเพื่อนำเข้ายามาขายในประเทศ เมื่อทำไปได้ซักพักก็ได้เริ่มทำการผลิตยาขายเอง และได้ทำธุรกิจเพิ่มเติมอีกหลายอย่างแต่เราอาจจะไม่เคยได้ยินกัน หลังจากที่ท่านได้เห็นว่าธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังนั้นมีตลาดที่ใหญ่มาก และมีคู่แ่ข่งที่แข๊งแกร่งเพียงเจ้าเดียวคือ ลิโพวิตันดี แห่งเครือโอสถสภา ส่วนอันดับ 2 หรือ 3 ลงมาถูกลิโพทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ท่านจึงมองออกว่าการส่งกระทิงแดงลงมาแข่งนั้นมีความเป็นไปได้สูงมาก จึงถือกำเนิดเครื่องดื่มชูกำลังอันดับ 1 นับแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากที่กระทิงแดงได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทยแล้ว ท่านก็ได้ร่วมลงทุนกับ ดร ดีทริช มาเทซิสต์ ซึ่งเป็นชาวออสเตรียเพื่อนำกระทิงแดงไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยที่ท่านกับ ดร ดีทริชได้ถือหุ้นกันคนละ 49เปอร์เซ็นต์ ส่วนคุณเฉลิม อยู่วิทยาได้ถือ 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเวลาผ่านมาก็ได้ทำให้กระทิงแดงเป็นเพียงกี่บริษัทคนไทยที่ได้สร้างชื่อเสียงและนำสินค้าไปขายได้มากกว่าร้อยประเทศทั่วโลก ซึ่งก็ได้ทำให้เจ้าสัวกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกระดับแสนล้านบาท ภายในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงความสามารถ นิสัย บุคลิก วิถีชีวิต หลักการของท่านเจ้าสัวเฉลียวหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์มากอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่ท่านเองเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1ใน 3 ของประเทศไทยมาทุกปี นอกจากนั้นท่านยังได้บริจากเงินมากมายทุกปีให้องค์กรต่างๆ โดยที่แทบจะไม่ได้ได้รับการรับรุ้จากสื่อต่างๆเลยแม้แต่น้อย ท่านยังเป็นคนที่มีความสามารถในการเรียนรู้และนำสิ่งต่างๆในอดีตมาใช้กับปัจจุบันโดยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ท่านต้องการให้สินค้าของท่านมีประโยชน์กับผู้บริโภค โดยได้ทำการทดสอบและวิจัยด้วยเงินทุนและเวลามหาศาลก่อนที่จะทำสินค้ามาขายในตลาดจริง เนื่องจากท่านได้ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับ 1 เสมอ ยิ่งกว่านี้ยังได้ยึดหลักการทำธุรกิจที่ไม่ได้เน้นกำไรเป็นหลัก ดูได้จากการเข้าไปซื้อหุ้นโรงพยาบาลปิยะเวท ทั้งๆที่ท่านไม่ได้ต้องการจาซื้อ แต่เพราะมีคนขอร้องให้ช่วย ท่านได้กล่าวว่า ขอให้ดูลูกค้าเป็นหลักส่วนเรื่องกำไร ถ้าต้องทำให้บริการแย่เพื่อเพิ่มกำไรละก็ ขอขาดทุนดีกว่า ต้องยอมรับว่าด้วยหลักการอันหนักแน่นและตรงไปตรงมาเช่นนี้ ท่านเจ้าสัวถือว่าเป็นยอดคนๆหนึ่งเลยทีเดียว มีเนื้อหาอีกส่วนที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ดร ดีทริชที่เป็นหุ้นส่วนของท่านเ้จ้าสัวบางส่วนที่ผมชอบมาก เค้าได้บอกว่ากระทิงแดงในต่างประเทศนั้นไม่เคยจ่ายเงินปันผล 12-13 ปีติดกัน เพราะได้นำเงินไปลงทุนทำการตลาด ทำให้แบรนด์นั้นแข็งแกร่งมาก เขาได้บอกว่าคู่แข่งจะเกิดใหม่หรือเข้ามาแข่งนั้นยากมาก ยากแบบแทบจะเป้นไปไม่ได้เลยทีเดียว ส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าการที่บริษัทไม่ยอมจ่ายเิงินปันผลเป็นสิบปีนั้น และสามารถใช้เงินไปสร้างคูเมืองกำแพงป้องกันคู่แข่งได้อย่างแข็งแกร่งขนาดนี้นั้น ต้องชมว่าผู้ก่อตั้งมีวิสัยทัศน์ที่ไกลมาก และมีความอดทนที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวครับ โดยรวมแล้วหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาที่เยี่ยมยอดและไม่ยาวจนเกินไป ไม่เขียนซ้ำไปซ้ำมา ตรงประเด็น มีประวัติเก่าแก่ให้ศึกษาอดีต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาชีวิตของผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้ืงในด้านการเงิน การงาน ครอบครัว ขอให้ผู้อ่านได้ศึกษาท่านเจ้าสัวเฉลียวให้ละเอียดถี่ถ้วนและนำหลักการการทำงาน และการใช้ชีิวิตของท่านไปปรับใช้เพื่อสร้างธุรกิจของท่านให้รุ่งเรืองต่อไปครับ สรุปหลักการบางส่วนที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้ การประหยัด การทำธุรกิจโดยเน้นหลักความซื้อสัตย์ การเอาสินค้าเป็นที่ตั้งต้องมีคุณภาพมีประโยช์กับผู้บริโภค ต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างแท้จริงค่อยนำสินค้าสู่ตลาด เราต้องไม่นำเอากำไรเป้นที่ตั้ง แต่ต้องเอาลูกค้ามาก่อน เราต้องอดเปรี้ยวใว้กินหวานได้ (ไม่จ่ายปันผลในปีแรกๆ) เราควรต้องอ่านหนังสือเพื่อศึกษาคนเก่งๆหลายๆเล่ม XD