ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด (โบตั๋น)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789748269436
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 100.00 บาท 25.00 บาท
ประหยัด: 75.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

ที่ดอนเมือง บริเวณห้องพักผู้โดยสารออกนอกประเทศด้านนอก ซึ่งญาติ ๆ และผู้ไปส่งเดินกันให้คลาคล่ำ หญิงหนึ่งนุ่งกระโปรงย้วยบานยาวครึ่งน่องตาหมากรุกสีฉูดฉาด ตัดกับผิวคล้ำจัด เสื้อยืดรัดตัวสีหมากสุก โพกผมด้วยผ้าชีฟองบางสีฟ้า แว่นตาดำบังดวงตาซึ่งวาดขอบตาไว้เข้ม ริมฝีปากแดงจ้า ผิวหน้าเนียนด้วยเครื่องสำอางเน้นสีเนื้ออมน้ำตาล หล่อนเดินกรายไปมา แว่นตาใหญ่นั้นดำมืดจนไม่มีใครอาจสังเกตความรู้สึกของหล่อนได้ แม้จะมีคนมองตามหล่อนจนเหลียวหลัง

หล่อนกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ กระเป๋าใบโตหลายใบวางไว้รวมกันที่หน้าที่ทำการตรวจตั๋วโดยสารของสายการบินอเมริกัน ผู้ร่วมทางกับหล่อนเป็นบุรุษผมทองตาสีฟ้าขุ่น แต่ผมทองบนศีรษะของเขาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เบื้องหลังฝรั่งร่างใหญ่เป็นเด็กหญิงอายุประมาณสิบขวบสองคน เด็กหญิงทั้งสองผมสีน้ำตาลแกมทอง ผิวขาวผ่อง แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลเกือบดำ ใบหน้าคมสัน จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากบางซึ่งสีเลือดขึ้นจนเป็นสีชมพูเข้มโดยไม่ต้องแต่งเติม

หลายคนที่เห็นหล่อน บ้างนึกว่าหล่อนเป็นหญิงต่างชาติแต่ไม่ใช่ฝรั่ง คงจะเป็นพวกแขกดำหรืออะไรทำนองนั้น บางคนแน่ใจว่าหล่อนเป็นคนไทยแต่เป็นไทยประเภทให้เช่า แปลกแต่ที่เด็กหญิงทั้งสองคนนั้นช่างสวยเสียจริง ๆ เป็น เด็กลูกครึ่งที่พ่อแม่ไม่สวยสะอะไรแต่ลูกได้รวบรวมเอาแต่ส่วนที่งาม ๆ ของพ่อแม่มาไว้ที่ตนทั้งหมด

เครื่องบินที่หล่อนจะโดยสารไปนั้นคงจะล่าช้ากว่ากำหนด ผู้โดยสารหลายคนทั้งไทยและต่างชาติท่าทางหงุดหงิด บ้างนั่งบ้างยืนแต่หลายคนเดินวนไปมา หน้าตาเคร่งเครียด แต่สาวใหญ่ในชุดสีฉูดฉาดนั้นไม่มีทีท่ารำคาญใจ หล่อนเดินกรายไปมาดูคนในห้องกว้างผ่านแว่นดำอย่างสนอกสนใจ สามีกับลูกสาวถอยไปหาที่นั่ง ผู้พ่ออ่านหนังสือพิมพ์ ลูกสาวสองคนล้วงช็อกโกแลตขึ้นมาแบ่งกันกิน แล้วคนเล็กก็ลงนอนเขลงหนุนตักพี่สาวซึ่งกินขนมไปและเล่านิทานให้น้องสาวฟังไปด้วย ไม่สนใจว่าแม่จะเดินไปทางไหน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อแม่ผิวคล้ำของหล่อนทั้งสองเดินมาดึงแขนลูกสาวคนโต

 “เร้ว ไปกราบสวัสดีผู้มีพระคุณของแม่หน่อย ท่านอยู่ทางโน้นสงสัยมาส่งลูกชายไปนอกตามข่าวหนังสือพิมพ์ แม่มองๆอยู่ตั้งนานเพิ่งเห็นท่าน โรเบิร์ตด้วย ครูของฉันแน่ะ” หล่อนพูดไทยชัดเจน ผู้ที่มองหล่อนแก้เหงาจึงแน่ใจได้ว่าหล่อนเป็นหญิงไทย

“ครูเรอะ” โรเบิร์ตเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ เขาพูดไทยเกือบชัดทีเดียวแต่สำเนียงค่อนข้างเหน่อไปทางลาวหรืออีสาน

“ใช่ เมื่อวานอ่านข่าวพบว่าลูกชายคนโตของครูจะไปนอกวันนี้ ฉันมองๆอยู่ตั้งนาน กะว่าครูคงต้องมาส่งลูกชายแน่ๆ เร็วเข้า เดี๋ยวท่านไปทางอื่นเสียก่อน” แล้วแม่สาวใหญ่แต่งกายฉูดฉาดก็ดึงแขนลูกสาวคนโตกับคนเล็กคนละข้างให้เดินอย่างเร่งรีบไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง โรเบิร์ตพับหนังสือพิมพ์แล้วลุกตามไป

‘ครู’ ที่แม่สาวเมียฝรั่งเอ่ยถึงเป็นสุภาพสตรีสูงวัย อายุคงไม่น้อยกว่าห้าสิบปี แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมอย่างดี ผ้านุ่งถุงสำเร็จสีน้ำเงินหม่นและเสื้อลายดอกสีฟ้าอ่อนจาง เคียงข้างด้วยหญิงสาวสวยสองคน คนหนึ่งอายุกว่ายี่สิบ อีกคนเป็นสาววัยรุ่นอายุราวสิบหกสิบเจ็ด

‘ครู’ กำลังซับน้ำตาด้วยอาลัยผู้ที่จากไปแดนไกล แต่หญิงสาวสองคนนั้นหน้าระรื่น

“คุณย่าร้องไห้ทำไมกันคะ คุณพ่อไปไม่นานก็กลับ” สาวรุ่นปลอบ “เรือบินออกแล้ว คุณพ่ออยู่บนฟ้า เย็นนี้ก็ถึงญี่ปุ่น’’

“ย่าอดไม่ได้ ใจมันหาย กลัวเรือบินตก หมู่นี้ยิ่งมีข่าวอยู่บ่อย ๆ”

“คุณแม่ละก็ คิดมาก อย่าพูดอย่างนี้สิคะ ดูซิ ยายจ๋อยมันหน้าซีดแล้ว” หญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้น และด้วยสายตาของผู้อยู่ในวัยสาวหล่อนก็แลเห็นแม่สาวใหญ่ใส่แว่นดำผู้เดินแกมวิ่งเข้ามาหา “คุณแม่คะ หนูว่ามีคนมาหาคุณแม่แน่ะค่ะ”

“ใครกัน เอ๊ะ ตาแม่ไม่ค่อยดี ไม่แน่ใจ แม่จี๊ดดูทีหรือ” สุภาพสตรีสูงอายุขยับแว่นตาในมือขึ้นมาสวม ท่านถอดออกเพื่อซับน้ำตาเมื่อครู่ก่อน “มันอยู่อเมริกาไม่ใช่หรือ ทำไมมาเดินอยู่ดอนเมือง”

“คุณแม่จำไม่ผิดหรอกค่ะ แน่ะ มาแล้ว แต่งตัวซะแจ๋นตามเคย ยายคนนี้ แก้ไม่หาย” แม่จี๊ดหัวเราะ

“เออ ไปว่ามัน ของอย่างนี้มันอยู่ที่รสนิยม แก้ไม่ได้ ขอให้หัวใจมันเป็นทองคำก็แล้วกัน” แล้วท่านก็รีบคว้ามือของแม่สาวใหญ่กระโปรงย้วยซึ่งถลาเข้ามากราบที่อก “เออ ไปยังไงมายังไงกันจ๊ะแม่คุณ สบายดีหรือ แม่ มิสซิสโรเบิร์ต แอรีย์”

“สบายดีค่ะ ครู หนูกลับมาเยี่ยมบ้าน เอ้า พึ่งกับเพียรมากราบท่านเสีย นี่ละคุณครูที่เคยเลี้ยงแม่มาตั้งแต่ยังตัวเท่าลูก”

เด็กหญิงอเมอเรเชียนทั้งสองเข้ามาใกล้ ก้มศีรษะยกมือไหว้อย่างงดงามไม่แพ้เด็กไทยที่ได้รับการอบรมอย่างดี และไม่ลืมไหว้ไปทางหญิงสาวอีกสองคนนั้นด้วย ทำเอาสาวทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ยกมือรับไหว้แทบไม่ทันด้วยไม่คาดว่าเด็กหญิงทั้งสองจะมรรยาทดีถึงเพียงนั้น

โรเบิร์ตก็ยกมือไหว้คุณครูของภรรยาอย่างเรียบร้อย เอ่ยขึ้นว่า “ไปนั่งคุยกันก่อนได้ไหมครับ ครู ผมยังมีเวลาอีกนาน เรือบินช้าไปสองชั่วโมง”

“เอาซิ ไปหาอะไรกินกันก่อนก็ดี แล้วนั่งคุยกันตามสบาย แม่จี๊ด แม่จ๋อย ไปที่ห้องอาหารแน่ะ ว่าแต่กระเป๋าเสื้อผ้าไม่ต้องห่วงหรือ”

“ส่งให้สายการบินเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ต้องห่วง” โรเบิร์ตตอบ ดึงแขนลูกสาวสองคนเดินนำหน้าทุกคนไปยังห้องอาหารของสนามบิน

แม่จ๋อยถอยไปเดินอยู่ด้านหลังและดึงแขนอาสาวของหล่อนให้มาเดินใกล้ๆ

“ใครกันคะ อาจี๊ด ท่าทางเหมือนพวกให้เช่า” หล่อนทำหน้าเบ้ๆ “แล้วอาจี๊ดยังยิ้มให้เขาด้วย ทำท่าเหมือนรู้จักกันดีงั้นแหละ”

“ก็รู้จักดีน่ะซี จ๋อย เขาไม่ใช่ผู้หญิงพรรค์ยังงั้นหรอก อย่ามองคนที่ภายนอก เขาเคยเป็นพี่เลี้ยงอาด้วยนะ เขาเรียกอาแม่หนูจี๊ดกระจ้อยร่อย เพราะตะก่อนอาตัวเล็กนิดเดียว”

“พี่เลี้ยงเก๊าะคนใช้น่ะซี”

“ไม่ใช่ เขาเคยอาศัยอยู่บ้านเราเท่านั้น เขาเป็นลูกศิษย์คุณแม่ด้วย ไม่ใช่คนใช้แต่ก็ช่วยทำงานบ้าน ตอนนั้นอายังเล็กอยู่ เขาก็เป็นคนเลี้ยงอาในวันหยุดกับตอนกลางวัน เขาไปโรงเรียนตอนเย็น นิสัยดีออก เสียแต่ชอบแต่งตัวฉูดฉาด”

“ลูกเขาสวยดี แต่ยายคนนั้นไม่ไหวเลย น่าจะชื่อยายแจ๋น”

“ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด” อาสาวตอบชัดถ้อยชัดคำและเสริมว่า “กลับบ้านแล้วคุณย่าคงจะเล่าเรื่องของเขาให้จ๋อยฟัง น่าสนใจมาก”

โรเบิร์ตเลือกโต๊ะที่ไกลจากกลุ่มคน พอทุกคนนั่งเรียบร้อย บุญรอดก็เอ่ยขึ้นว่า

“หนูจี๊ดกระจ้อยร่อยเดี๋ยวนี้ไม่กระจ้อยร่อยแล้วนะคะ”

“จะสามสิบอยู่แล้ว ขืนกระจ้อยร่อยก็แย่ซี”

“นานจริง ๆ นะคะ ตั้งจะสามสิบปีแล้วที่รอดเคยอยู่กับคุณ นึกไม่ถึงเลย เกือบลืมไปแน่ะว่าตอนนี้รอดอายุสี่สิบห้าแล้ว”

“นึกว่าตัวอายุสิบห้าหรือไงจ๊ะ แม่เมียฝรั่ง” คุณครูว่า บุญรอดหัวเราะ

 “ไม่ถึงยังงั้นหรอกค่ะ หนูหยุดอายุไว้แค่ยี่สิบห้า แต่ทีนี้แม่พึ่งกับแม่เพียรนี่ซีโตขึ้นทุกวันเลยหลอกตัวเองไม่ไหว พึ่งอายุสิบขวบ แม่เพียรแปดขวบกว่า แต่ตัวเท่าๆ  กัน” ชี้ไปที่ลูกสาวทั้งสอง “แม่พึ่งสูงกว่านิดหนึ่ง”

“ชื่อไทยหรือ ชื่ออะไร”

“พึ่งเขาชื่อ พึ่งตนค่ะ เพียรชื่อ เพียรชอบ ชื่อฝรั่งก็มี แต่เป็นชื่อเรียกเล่น หนูให้ชื่อไทยเป็นชื่อจริง จะได้ไม่ลืมเชื้อชาติของตัว หนูยังมีอีกสองคนนะคะ ผู้ชาย ลูกของบุญล้ำเขายกให้หนู เขามาเยี่ยมบ้านไม่ได้เพราะติดเรียน อายุสิบหกกับสิบแปด ชื่อบุญนำกับบุญพา เชยหน่อย แต่หนูมีความตั้งใจที่ให้เขาชื่อยังงั้นน่ะ”

“ครูเข้าใจ เธอคิดชื่อลูกได้ดี พึ่งตน เพียรชอบ ขอให้เจริญ ๆ สมชื่อเถอะ ลูก ไม่เสียแรงที่แม่รัก คนเราถ้าพึ่งตนเองได้และมีความเพียรในทางที่ชอบละก็ต้องประสบความสุขความเจริญแน่”

“ขอบคุณค่ะ ครู” บุญรอดยกมือไหว้ครูของหล่อน ชำเลืองมองหนูจ๋อยสาวน้อยวัยรุ่นด้วยความสนใจ “คุณหนูคนนี้คงเป็นลูกสาวคุณจินต์ใช่ไหมคะ”

“ใช่ ลูกพ่อจินต์เขา แม่เขาเสียเสียแล้ว เธอก็มางานศพแม่เขาไม่ใช่รึ นี่พ่อก็ไปญี่ปุ่นเสียอีกคน ฉันก็ต้องดูแลเขาแทน พ่อจินต์เขาไม่ได้แต่งงานใหม่”

“โตเร็วจริง ๆ นะคะ ตอนงานศพหนูมา คุณหนูยังตัวนิดเดียว โถ กำพร้าแม่เสียแล้ว”

“ฉันกับแม่จี๊ดเลยต้องเป็นแม่เขาแทนไงล่ะ แต่อบรมเท่าไรก็กระโดกกระเดก ไม่ค่อยจะเรียบร้อยสักที เขามันเรียนโรงเรียนสาธิตสมัยใหม่ กระโดดโลดเต้นไม่มีหยุด”

แม่จ๋อยขมวดคิ้วด้วยไม่ชอบให้ตนเองเป็นหัวข้อในการสนทนา “พบกันครั้งก่อนเห็นว่าไปอยู่อินโดนีเซียไม่ใช่รึ แล้วนี่จะไปไหนกัน” คุณจี๊ดถามขึ้น

“ค่ะ ไปอยู่อินโดนีเซียหลายปี ตอนนี้จะย้ายกลับสหรัฐ ไปอยู่เท็กซัสโน่นแน่ะ บุญนำกับบุญพาไปอยู่ก่อนแล้ว พวกเราเพิ่งจะได้ไปเพราะติดงาน”

“ผมจะเลิกโยกย้ายเสียทีครับ แก่แล้ว” โรเบิร์ตอธิบาย “ย้ายบ่อย ๆ เหนื่อย ลูกก็ชักโตแล้ว จะอยู่เป็นที่เป็นทางเสียที แต่คงจะมาเมืองไทยไม่ได้บ่อยเหมือนตอนอยู่อินโดนีเซีย อยู่ลาว ผมย้ายจนเอือม กัวก็เคยอยู่ ฟิลิปปินส์ก็อยู่ ตาคลี มาเลเซีย”

“แต่ฉันจะกลับมาตายเมืองไทย” บุญรอดพูดเสียงหนักแน่น “ไว้ลูก ๆ เรียนจบกันเสียก่อนค่อยกลับมาอยู่บ้านที่นี่” โรเบิร์ตหัวเราะ

“คงไม่ตายเร็วนักหรอกน่า”

“ชีวิตนี่มันแปลกนะ ใครจะนึกว่าแม่บุญรอดแห่งไพศาลีจะแต่งงานกับฝรั่งแล้วก็ได้ไปอยู่ต่างประเทศหลาย ๆ ประเทศ แต่แม่บุญล้ำกลับบ้านเดิม” คุณครูพึมพำ “เวลาผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ ประเดี๋ยวเดียวก็ยี่สิบสามสิบปี คนแก่ๆอย่างครูก็คอยดูแต่อนาคตของลูก ๆ หลาน ๆ ดูว่าคนไหนจะมีมันสมอง คนไหนจะหัวเต็มไปด้วยขี้เลื่อย”

“คุณครูยังไม่แก่เลยค่ะ” บุญรอดเอียงคอยิ้ม

“อายุหกสิบห้าไม่แก่รึจ๊ะ”

“ไม่บอกดูไม่ออกหรอกค่ะ นึกว่าอย่างมากก็ห้าสิบห้า”

“ไม่ต้องมายอคนแก่ย่ะ แม่รอด เออ โรงงานของหล่อนเป็นไงมั่ง ใครดูแลล่ะ”

“เวลานี้ก็เป็นโรงกลึงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองละค่ะ กลึงอะไหล่รถยนต์ทุกชนิด บุญล้ำเขาดูแลเองกับน้องชายหนู เขาเป็นหัวหน้าคุมพวกช่าง บุญสินมันเก่ง” ท่าทางของบุญรอดดูภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงโรงกลึงที่ใหญ่ที่สุดในเมือง หล่อนถอดแว่นดำออกแล้วจึงเห็นว่านัยน์ตาของหล่อนเป็นประกาย “มีคนงานหกสิบคน ผู้หญิงหกคน พวกผู้หญิงก็เป็นพวกทำบัญชีกับแม่ครัวและดูแลความสะอาด”

“มาจากบ้านเดิมของเธอทั้งนั้นสิ แม่รอด”

“ค่ะ ทุกคนมาจากบ้านเดิมของหนู เราอยู่กันอย่างญาติพี่น้อง ไม่ใช่อย่างนายทุนกับกรรมกร อีกหน่อยบุญพากับบุญนำจะกลับมาขยายงานต่อ”

“ก็ถ้าเขาไม่อยากกลับล่ะ อยู่เมืองนอกสะดวกสบายกว่าเป็นไหน ๆ” คุณครูค้าน

“เขาจะต้องกลับแน่ ๆ ค่ะ เขาอยากมาอยู่กับแม่ เขาพูดถึงอยู่เสมอ หนูเองก็สอนเขาให้นึกถึงแม่ นึกถึงยาย และญาติ ๆ ทางเมืองไทยทุกคน”

“สองสาวนี่เล่า” คุณครูมองพึ่งตนและเพียรชอบ

“แล้วแต่เขา ผู้หญิงพอมีครอบครัวก็ต้องอยู่กับครอบครัว เขาจะเป็นไทยหรืออเมริกันก็ต้องแล้วแต่อนาคตค่ะ หรืออาจจะกลายเป็นชาติอื่นไปเลยก็ได้ ดูแต่หนูเองตระเวนร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ”

ทั้งหมดคุยกันอยู่อีกพักหนึ่งก็แยกจากกันไป ครอบครัวแอรีย์ขึ้นเครื่องบินไปเท็กซัส ส่วนคุณครูชราผู้ซึ่งมีนามว่าอรพินกับลูกสาวและหลานสาวก็พากันกลับบ้าน แม่จี๊ดหรืออรกัญญาเป็นผู้ขับรถยนต์ แม่จ๋อยนั่งข้างๆ

“คุณย่าคะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะท่าทางเหมือนพวกเมียเช่านะคะ แต่อาจี๊ดบอกว่าไม่ใช่หรอก” จ๋อยนั่งตะแคงข้างคุยกับคุณย่าที่นั่งข้างหลัง

 “ก็ ไม่ใช่น่ะซี”

“หนูไม่เข้าใจหรอก ทำมั้ย ท่าทางแกไม่ไหวเลย แล้วอีตาฝรั่งนั่นน่ะทำไมถึงจริงจังด้วย ทำไมลูกสาวแกถึงสวยนัก ทำไมคุณย่าทำท่ารักแกยังกะรักลูก อาจี๊ดก็ชมแกว่านิสัยดี แต่ให้หนูเดินกับแกหนูไม่เอาหรอก ผู้คนมองเหลียวหลัง บางคนทำจมูกย่น ๆ ทำท่าดูถูกว่าแกเป็นพวกอีตัวอะไรยังงั้น”

“เพราะว่าคนเรามองกันแต่รูปลักษณะภายนอกย่ะ แม่อรยุพา” คุณครูอรพินตอบ “ไม่ได้มองซึ้งถึงข้างใน เราสนใจกันแต่ว่าทรงผมสวยไหม แต่ไม่ได้สนใจว่าข้างในหัวน่ะมีมันสมองหรือเปล่า หัวใจของเขาเป็นยังไง แน่ะ แม่จ๋อยของย่า ย่าจะบอกอะไรให้ บุญรอดน่ะมันเป็นผู้หญิงที่ย่านับถือทีเดียวแหละ ไม่ใช่แค่รักอย่างลูกอย่างหลาน”

“แหม นับถือเชียวหรือคะ” อรยุพาทำท่าตกใจ “คุณย่าน่ะนับถือใครง่ายๆเมื่อไหร่ ยายคนนี้แกมีอะไรดีหรือคะ คุณย่า ขนาดรัฐมนตรีบางคน คุณย่ายังไม่ยอมรับนับถือ”

“รัฐมนตรีบางคนที่แกว่าน่ะเขาเข้ามาเพื่อกอบโกย ไม่ผิดกับโสเภณี แต่บุญรอดน่ะมันรู้จักแต่จะพัฒนา ทั้งพัฒนาตัวเองและคนอื่น คนที่นึกถึงส่วนรวมน่ะหายาก มีแต่นึกถึงตัวเอง และบุญรอดมันทำได้สำเร็จด้วย ไม่ใช่ของง่ายๆเลย แม้แต่ย่าเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้อย่างบุญรอดถ้าอยู่ในสภาพเดียวกับบุญรอด แม่จ๋อยของย่า ถ้าหนูมีความตั้งใจดีจริง ได้แม้เพียงครึ่งหนึ่งของบุญรอด หนูก็จะเอาตัวรอดได้แล้วโดยไม่ต้องเอารัดเอาเปรียบใคร ย่าจะไม่ภูมิใจเลยถึงแม้ว่าจ๋อยจะได้เป็นคุณหญิง แต่มีน้ำใจดีน้อยกว่ายายบุญรอดฉูดฉาดคนนี้น่ะ”

อรยุพาหน้าเบ้ ส่วนอรกัญญายิ้ม มองไปเบื้องหน้า หล่อนต้องขับรถระมัดระวังกว่าปรกติเมื่อมารดานั่งรถมาด้วย ไม่อย่างนั้นท่านจะบ่นไปอีกนาน “คนน่ะมีหลายอย่าง ท่านว่ามนุษย์มีสี่จำพวก คนเปรต คนนรก คนติรัจฉาน แล้วก็คนมนุษย์ ไม่ใช่สักแต่ว่าเกิดมามีมือมีตีนแล้วจะเป็นคนมนุษย์ได้ทุกคนย่ะ แม่จ๋อย”

“ว้า คุณย่ากางตำราอีกแล้ว” อรยุพาบ่น “หนูอยากรู้เรื่องแม่บุญรอดต่างหาก คุณย่าอย่าสวดไตรภูมิพระร่วงเลย หนูฟังซะขึ้นใจแล้ว”

“หนอย นังลูกคนนี้ ไว้ถึงบ้านแล้วจะเล่าให้ฟังย่ะ” คุณย่าตาเขียวใส่หลานสาว อรยุพาทำคอย่น

“ผู้หญิงคนที่คุณย่านับถือ เฮอ จ๋อยจะเป็นลม”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (92 รายการ)

www.batorastore.com © 2024