ปีกรุ้ง เล่ม 1 (โสภี พรรณราย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ปีกรุ้ง โดย โสภี พรรณราย เล่ม 1

 

            “หย่า...ฉันต้องการหย่า!”

            ใบหน้าของคนพูดดูเหมือนจะสิ้นสุดความอดทนทั้งมวลแล้ว จึงได้ระเบิดออกมาชัดเจน

            คนฟังหน้ากลับซีดเผือด ทั้ง ๆ ที่เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่คมคาย แม้ผิวจะออกขาว แต่ก็หน้าตาดี

            “รุ้ง...คุณพูดอะไรออกมานี่”

            รุ้ง...หรือ ทอรุ้ง...เป็นนามของสตรีที่เป็นฝ่ายเปิดฉากขอหย่า หล่อนรูปร่างสูงโปร่ง ระหง ผิวคล้ำ ดวงตากลมโตเป็นประกาย ดูออกว่าเป็นคนดื้อรั้น เมื่อต้องการสิ่งใดแล้ว หล่อนจะต้องทำสิ่งนั้นจนได้...

            โดยเฉพาะเรื่อง...หย่า!

            “ฉันว่าคุณได้ยินชัดเจนแล้วนะคะ...”

            “หย่า!”

            น้ำเสียงฝ่ายชายแปร่ง...ราวกับคำนี้เป็นคำที่น่ากลัวมาก และไม่คิดจะได้ยินจากสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย

            “ค่ะ!”

            “ทำไม?”

            “ฉันทนมานานพอแล้วค่ะ...ทน...ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะทนเลยสักนิดเดียว!”

            “นานเรอะ...” เขากลืนน้ำลายยากเย็น เราเพิ่งแต่งงานกันสี่เดือนเองนะ”

            “สี่เดือน” ริมฝีปากทอรุ้งเหยียดออก “สำหรับฉันมันเหมือนกับสี่ปีเชียวนะคะ”

            เขายกมือเสยผม

            “โอ๊ย...ผมไม่คิดว่าคุณจะ...จะ...ทน...กับเรื่องอย่างงั้นไม่ได้...มัน...มัน...”

            ดวงตาทอรุ้งวาววับ

            “คุณพิสรรค์” หล่อนเรียกชื่อเต็มของเขา ไหน ๆ วันนี้ก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่องแล้ว “ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกค่ะที่ทนได้ มันน่าอับอายขายหน้า!”

            พิสรรค์กำมือแน่น หน้าเผือดซีดลงออก

            “หยุด!”

            ทอรุ้งแสยะปาก

            “คุณทนฟังฉันพูดต่อไปไม่ได้ใช่มั้ยคะ ฉันไม่อยากประจานคุณ...ฉันขยะแขยงปากเต็มที...ถ้าต้องพูดออกมา...”

            เขาโบกมือ

            “ขอร้องเถอะ...รุ้ง...อย่าพูดเลย...”

            “คุณจะหย่าให้ฉันมั้ยคะ?” ถามอย่างเยือกเย็นขึ้น

            นี่หรือ...สามีของหล่อน...

            ผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่วันแต่งงาน...เพื่อน ๆ หล่อนพากันอิจฉา และชมว่าหล่อนโชคดีได้สามีร่ำรวย รูปงาม สุภาพ อ่อนโยน

            ฐานะของเขาดีกว่าหล่อนอย่างเทียบไม่ติด หล่อนเป็นแค่เซลส์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ขายสินค้าทุกอย่าง ส่วนพิสรรค์...เป็นเจ้าของกิจการ ที่บังเอิญทอรุ้งไปติดต่อขายประกันเพียงไม่กี่เดือน...หล่อนก็สนิทสนมกับเขา

            หล่อนตกลงแต่งงาน...มิใช่เพราะเขาเป็นนายพิสรรค์วุฒิเลิศ ผู้ร่ำรวย หากเพราะเขาเป็นคนดี สุภาพ และเอาอกเอาใจหล่อน

            แต่ผิดคาด...สี่เดือนที่ผ่านมา...หล่อนได้รู้ธาตุแท้ของเขาทั้งหมด...ทำให้หล่อนขยะแขยง...จนเอ่ยปากขอหย่า

            พิสรรค์คอตก...

            “รุ้ง...ให้เวลาผมบ้างสิ...”

            ทอรุ้งจุดยิ้มมุมปาก ปวดร้าว

            “ให้เวลาคุณหรือคะ ตั้งแต่คืนแรกของวันแต่งงานฉันก็ให้เวลาคุณแล้ว...เพียงไม่กี่วันหลังจากแต่งงาน ฉันก็รู้ธาตุแท้ของคุณ คุณร้ายกาจที่หลอกให้ฉันแต่งงานกับคุณ ไหน ๆ เมื่อเป็นภรรยาตามกฎหมาย...ฉันก็อดทน เพื่อให้โอกาส...แต่ที่ผ่านมาสี่เดือน ถ้าคุณจะแสดงให้เห็นว่าคุณพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสักนิด...ฉันก็คงดีใจ ไม่เลย...คุณเหมือนเดิม...แล้วจะให้ฉันทนไปถึงไหนคะ”

            เขาได้แต่โบกมือ

            “พอเถอะ...พอเถอะ...ให้โอกาสผมอีกครั้ง...ครั้งเดียว...เท่านั้น...ผมจะพยายาม...”

            หญิงสาวส่ายศีรษะช้า ๆ

            “ฉันต้องการหย่า!”

            พิสรรค์ปราดเข้ามาจับมือหล่อนบีบแน่น หล่อนขยะแขยง...ขณะเดียวกันก็เห็นใจ...สงสาร

            “รุ้ง...ให้โอกาสผม...ผมจะพยายาม...ผมจะเลิก...เลิก...กับ...เขา...เพื่อคุณ...”

            ใจของทอรุ้งสั่นระริก

            ให้โอกาส...สี่เดือน...ที่หล่อนต้องทนทุกข์ทรมาน...กับสามี...มันสกปรกเกินกว่าหล่อนจะเอ่ยปากออกมาได้...

            หล่อนต้องใจแข็ง...

            พิสรรค์ไม่ใช่สามีที่ดี...และเขาเป็นสามีของหล่อนไม่ได้…!

            แค่คืนแรกของวันแต่งงาน...หล่อนก็รู้...

            พิสรรค์คุกเข่า จับมือหล่อนบีบแน่นไม่ยอมปล่อย

            ทอรุ้งเบิกตากว้าง

            “คุณพิสรรค์!”

            “ผมจะเลิกกับ...เขา...นะ...นะ...รุ้ง...”

            “ลุกขึ้นเถอะค่ะ คุณอย่าทำแบบนี้เลย”

            “รับปากกับผมก่อนสิ...ว่าจะให้โอกาสผม...”

            หล่อนพยักหน้าเคร่งขรึม

            “ค่ะ...อีกครั้งเดียวสำหรับคุณ...คุณต้องเลิกกับเขา...เลิกความวิปริตผิดเพศในตัวคุณซะ แต่ตัณหามันยากจะตัด...คุณจะทำได้แค่ไหน!”

 

            ภายในห้องอาหารพื้นเป็นหินขัด โต๊ะอาหารเป็นชุดสีครีม เก้าอี้นั่งที่หรูหราเข้าชุดกับผนังห้องติดวอลเปเปอร์เป็นลายนูนดอกไม้สีอ่อนตา

            อาหารเช้าวันนี้เป็นไข่ดาว หมูแฮมและขนมปัง เครื่องดื่มคือนมสดแก้วหนึ่ง

            ทอรุ้งนั่งข้างสามี...พิสรรค์

            ประมุขของบ้านคือ คุณพิมพ์ วุฒิเลิศ

            อีกด้านหนึ่งคือ มนสิชา วุฒิเลิศ น้องสาวคนเดียวของพิสรรค์

            ทอรุ้งรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับสายตาของคุณพิมพ์และมนสิชา ที่จ้องหน้าหล่อน หล่อนรู้สึกอึดอัดมานานแล้วกับพิธีรีตองของเศรษฐีบ้านนี้

            คุณพิมพ์ดูจะเป็นแม่ผัวที่ค่อนข้างใจดี แต่ก็พูดน้อย รักษามรรยาท ส่วนมนสิชาก็โผงผาง ไม่ชอบหน้าหล่อนเพราะหมายตาเพื่อนให้พี่ชาย พี่ชายกลับมาแต่งงานกับหล่อน

            เป็นกรรมมากกว่าที่แต่งงานกับพิสรรค์...หล่อนคนเดียวที่ทราบว่า พิสรรค์ไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว ทั้ง ๆ ที่เขาก็ดูเป็นแมน...

            แม่กับน้องสาวไม่มีโอกาสได้รู้เลย เพราะเขาปกปิดตัวเองมิดชิด

            คุณพิมพ์มองทอรุ้งสลับกับพิสรรค์ จนทอรุ้งต้องเอ่ยปากถาม

            “ดิฉันมีอะไรผิดปกติหรือคะ?”

            ท่านจิ้มหมูแฮมเข้าปากเคี้ยวช้า ๆ

            “หน้าตาเราทั้งคู่เหมือนคนอดนอนนะ...”

            ทอรุ้งหันมาสบสายตากับสามีแว่บหนึ่ง

            ท่านดูไม่ผิดหรอก...เมื่อคืนหล่อนกับพิสรรค์คุยกันเรื่องหย่าจนดึกดื่น และถึงเข้านอนต่างก็นอนไม่หลับ

            “ผมปรึกษากับรุ้งเรื่องงานบริษัทครับ” พิสรรค์แก้ตัว

            “อ๋อ...บริษัทมีปัญหาหรือ?”

            “ไม่ครับ...ไม่มี...”

            “อย่ามัวแต่สนใจงานจนลืมครอบครัว สรรค์...แม่อยากอุ้มหลานเร็ว ๆ รุ้งเองก็ไม่ได้ทำงานทำการ อยู่บ้านว่าง ๆ มีหลานให้แม่อุ้มได้แล้ว”

            ทอรุ้งกระแอมในลำคอ

            พิสรรค์เผลอวางช้อนกระทบชามเสียงดัง เพราะมือสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

            หล่อนเหลือบมองเขา...กึ่งเห็นใจ กึ่งสมเพช

            เขาไม่มีโอกาสทำให้ผุ้หญิงคนไหนท้องได้หรอก ในเมื่อจิตใจเป็นผู้หญิง

            “ครับ...!”

            มนสิชาเบ้ปาก

            “มนเกลียดเด็ก ถ้าบ้านเรามีเด็กคงจะวุ่นพิลึกนะคะ ไหนจะรำคาญเสียงร้องไห้ ไหนจะอึ ไหนจะฉี่ ฮื่อ...ไม่เอาหรอก”

            “แกต้องเลี้ยงเสียเมื่อไหร่ล่ะ...ยายมน ลูกนายสรรค์ก็หลานแกนะ” คุณพิมพ์ตำหนิ ท่านพอดูออกว่าลูกสาวไม่ถูกกับพี่สะใภ้

            มนสิชาพยักพเยิดกับพี่ชาย

            “เอาสิคะ...คุณแม่อยากมีหลานก็รีบ ๆ มีเขา...เผื่อคุณแม่จะยกบ้านหลังนี้เป็นของขวัญหลานคนแรกก็เป็นได้”

            ทอรุ้งอยากจะพูดความจริง แต่พิสรรค์ส่งสายตาขอความเห็นใจ ทำให้ทอรุ้งจำเป็นต้องเงียบ

            “ผมไปทำงานละครับ” เขาหาทางหนี

            ทอรุ้งก็ทานไม่ลง กล่าวว่า

            “ดิฉันไปด้วย จะไปบ้านแม่...คุณช่วยส่งฉันลงกลางทางด้วยค่ะ”

            มนสิชาคว้ากระเป๋า

            “รำคาญคน...มนก็จะออกเหมือนกัน จะไปหาคุณกริชที่บริษัทเขาค่ะ”

            “อ้าว! ไม่มีใครทานอาหารเช้าทั้งหมด คนหนึ่งไปทำงาน อีกคนไปบ้านแม่ อีกคนก็จะไปหาแฟน” คุณพิมพ์บ่น

           

            มนสิชามาถึงที่ทำงานคนรักแต่เช้า...

            “กริชขา...ขอกาแฟมนแก้วสิคะ ทานอาหารไปสองคำเท่านั้นละค่ะ รีบออกมาก่อน”

            มนสิชาวางกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะทำงานของกริช กัญจนศิษฐ์ ยิ้มหวานให้เขา

            กริชละงานบนโต๊ะเลิกคิ้ว

            “ทำไมไม่ทานให้อิ่มก่อนล่ะ?”

            หล่อนเบ้ปาก

            “เบื่อหน้าคนค่ะ”

            ชายหนุ่มหัวเราะ

            “ใครครับ?”

            “พี่สะใภ้ของมนเองค่ะ เพิ่งแต่งงานกับพี่สรรค์ได้สี่เดือน มนเกลียด...เป็นแค่เซลส์กระจอก ๆ แต่วางท่าผยองไม่ยอมลงให้มน แล้วยังทำให้มนเสียหน้าเพื่อนอีก เพื่อนสนิทของมนที่ชื่อยายวีรณา จ้องพี่สรรค์มาตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ พี่สรรค์ตาต่ำไปเลือกพลอยแทนเพชร”

            กริชหัวเราะอีก

            “ผมคบกับคุณได้เดือนกว่า ก็เห็นคุณบ่นเกลียดพี่สะใภ้ทุกวัน”

            มนสิชาเท้าแขนบนโต๊ะ ยื่นหน้าเกือบชิดใบหน้าชายหนุ่ม...ที่มีประกายตาคมกริบ

            “เพิ่งเดือนกว่าเองหรือคะ แต่มนรู้สึกเหมือนกับว่ารู้จักกับคุณนานเป็นปี”

            มนสิชาใช้ชีวิตสาวอย่างอิสระ ในสังคมเมืองกรุงที่ถือเงินเป็นพระเจ้า และหล่อนเองก็ต่ำรวยจนไม่ต้องทำงานทำการ

            หล่อนเลือกคบคน และมีเพื่อนชายมาแล้วหลายคน จนกระทั่งล่าสุดหล่อนพบกริชในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ความสง่างามของกริชบาดคมหัวใจหล่อน ทำให้หล่อนต้องเป็นเงาตามตัวกริช และเขาก็มิได้ปฏิเสธกับการมีเพื่อนหญิงขึ้นมาคนหนึ่ง

            กริชดูออกว่ามนสิชาเป็นผู้หญิงเจ้าชู้ ส่วนหล่อนคิดว่าเขาเป็นชายคนสุด้ายที่หล่อนจะจับ!

            “กริชขา...คืนนี้ทานข้าวที่ไหนดีคะ?”

            “นี่แค่เก้าโมงเช้า คิดอะไรถึงคืนนี้ล่ะครับ”

            “จะได้โทรฯ ไปจองโต๊ะก่อนไงค่ะ มีเทียนอยู่กลางโต๊ะ กุหลาบสักดอก...” นัยน์ตาหวานเชื่อมเมื่อมองชายหนุ่ม

            เขาพยักหน้า

            “คุณอยากทานที่ไหน ก็จัดการแล้วกัน...”

           

            คนสวนเปิดประตูรั้วให้รถของกริชแล่นตามทางลานซีเมนต์ สองด้านเป็นสนามหญ้ากว้างจนมาถึงหน้าตึกสีขาวเด่นทรงยุโรป ตั้งอยู่บนพื้นที่ไม่ต่ำกว่าสองไร่เศษ

            กริชก้าวลงจากรถ ค่อนข้างมืด เพราะปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นที่จอดรถอีกด้านหนึ่งว่างเปล่า

            โคลงศีรษะ บ่นพึมพำ

            “นายไกรยังไม่กลับบ้านอีก”

            กริชก้าวขึ้นบนตึก ไฟจากห้องโถงใหญ่เปิดแค่ดวงเดียวพอให้สลัว ๆ เสียงเดือนของเขาทำให้หญิงวัยกลางคน แม่บ้านผู้ดูแลคนรับใช้เดือนออกมา

            “คุณกริชเอง...”

            “ป้ายังไม่นอนอีกหรือ?”

            “กำลังจะนอนค่ะ คุณกริชจะเอาอะไรมั้ยคะ?” ถามด้วยความนอบน้อมเคารพ

            “ไม่ล่ะ...ขอบใจ...”

            “คุณไกรยังไม่กลับมาเลย...”

            เขาพยักหน้า

            “ฉันรู้...ป้าไปนอนเถอะ ฉันรอเขาเอง...”

            แม่บ้านคนสนิทยอบกายออกไป กริชจุดบุหรี่สูบนั่งรอไกรในห้องรับแขกมุมหนึ่งเงียบ ๆ

            เขามีน้องชายเพียงคนเดียว...คือไกร...

            ก่อนบิดามารดาจะสิ้น ท่านสั่งเสียให้ดูแลน้องชาย เขาทำตามคำสั่งด้วยหน้าที่ของความเป็นพี่ และเป็นประมุขบ้าน กัญจนศิษฐ์

            เขาไม่แน่ใจว่าเพราะความเป็นกำพร้าหรือเปล่าที่ทำให้ไกรเกเร จนเขาต้องส่งไกรไปเรียนต่อต่างประเทศ และกลับมาใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญทุกคืน

            กริชได้ยินเสียงรถ และไฟวาบอยู่นอกตึก

            นายไกรมาแล้ว...

            ร่างของชายหนุ่มสูงโปร่งเดินมาใกล้...กลิ่นควันบุหรี่ทำให้ไกรรู้ว่าพี่ชายยังไม่นอน

            “แกกลับบ้านดึกทุกคืน...” กริชขยี้บุหรี่ลงบนจานรอง

            “ผมสนุกของผมนี่ฮะ”

            “มันจะเกินไปแล้วนะ...ควรให้รู้เวลาบ้าง”

            “พี่กริช...อย่าบังคับผมเลยฮะ”

            “เมื่อไหร่แกจะเริ่มทำงาน?”

            น้องชายยักไหล่

            “บอกตรง ๆ ผมไม่อยากทำ พี่กริชทำคนเดียวเงินก็เหลือใช้ บริษัทก็ของเรา ผมยอมกินดอกเบี้ยไปจนตายดีกว่า”

            กริชระงับความโกรธ

            “แกเหลวไหลไม่เคยเปลี่ยนแปลง อยู่ที่นี่ก็เกเร ส่งแกไปนอกกลับมาเกือบปี แกก็ยังไม่ทำงานทำการ แถมยังเที่ยวทุกคืน”

            น้องชายหัวเราะ

            “อย่าให้ผมทำงานละดีแล้ว ขืนทำจะพาบริษัทพี่กริชเจ๊ง”

            “แกไปไหนมาทุกคืน?” น้ำเสียงที่ถามพยายามข่มให้เยือกเย็น

            “กินเหล้า ฟังเพลงฮะ”

            “แกต้องเริ่มทำงาน...วันจันทร์ไปบริษัทกับพี่!”

            “โธ่...โธ่...” ไกรทำเสียงอ้อน “ไว้ผมอยากทำเมื่อไหร่ จะบอกพี่กริชดีกว่า”

            “นายไกร!”

            “ผมไปนอนละฮะ ง่วงเหลือเกิน”

            ร่างของน้องชายก้าวออกไปทันที...กริชได้แต่ถอนหายใจยาว...หรือเขารักน้องมาก ทำให้นายไกรเป็นเช่นนี้

            น้องชายอ้างว่ากินเหล้า ฟังเพลงทุกคืน...น่าจะมีวันเบื่อบ้าง...

            หรือติดผู้หญิง?

            สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ผู้ชายเหลวไหลได้ก็คือผู้หญิง...เขาต้องจับให้ได้ว่าน้องชายไปทำอะไรดึกดื่นทุกคืน

           

            รถของกริช กัญจนศิษฐ์จอดอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นรถของไกรขับช้า ๆ และชะลอจอดอยู่เบื้องหน้า

            ราตรีสำหรับถนนพัฒน์พงศ์เพิ่งจะเริ่ม กริชยอมเสียเวลาติดตามน้องชายมาตั้งแต่สามทุ่ม

            ไกรลงจากรถแล้ว ก้าวเข้าไปในคลับแห่งหนึ่ง...

            บาร์เกย์!

            กริชอมยิ้ม...น้องชายเที่ยวพวกนี้ด้วยหรือ อาจจะเป็นแค่อยากรู้อยากเห็น

            เขานั่งอยู่บนรถ อดทนรอน้องชายเงียบ ๆ ถึงสี่ทุ่มครึ่ง...ไกรออกมา...กับผู้ชายคนหนึ่ง...

            เขาขมวดคิ้ว ดูเหมือนคุ้น ๆ หน้าผู้ชายคนนั้น

            ไกรขับรถและผู้ชายคนนั้นนั่งข้าง

            ไปไหนกันนะ?

            เขาขับตาม...

            และเบื้องหน้านั้น เขาใจหายวาบ ยิ้มไม่ออก...เมื่อรถของไกรเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด!

            ไกรกับผู้ชาย...

            ผู้ชายที่เขาคุ้นหน้า แต่ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (81 รายการ)

www.batorastore.com © 2024