ซ่อนเสน่หา (นางแก้ว) (EBOOK)

ซ่อนเสน่หา (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ซ่อนเสน่หา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 97.50 บาท
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอน  เริ่มต้นที่ความสนิทสนม   

 

เสียงไก่หลายตัวแข่งกันโก่งคอขันมาตั้งแต่ตีห้า จนกระทั่งแสงสีทองจับขอบฟ้าในเวลาเช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าดีนัก ภาพบรรยากาศแถบถิ่นชนบทที่ยึดอาชีพทำการเกษตร จะมีควันไฟลอยคุกรุ่นมองให้เห็นตามกระท่อมบ้านเรือน ของชาวไร่ชาวนาซึ่งพื้นที่แถบนี้ทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่

เวลาขับเคลื่อนอย่างแป้นนายตัวเองเสมอ แสงแดดอ่อนเริ่มสาดส่องกระทบหยดน้ำค้างบนใบหญ้า ส่องประกายแวววาวราวกับเป็นรัตมณี อันล้ำค่า

 ฝีเท้าเด็กบ้านนอกหลายคนวิ่งตึ้ก ๆ จนฝุ่นตลบมองแทบไม่เห็นว่าใครเป็นใครกันบ้าง

นางบานชื่นบ่นพึมพำ เมื่อหนึ่งในกลุ่มเด็กคือเจ้าปี่พาทย์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ซึ่งซนรวมกันไปเป็นก๊ก

“ดูเจ้าปี่ แหกตาตื่นไปตั้งแต่มืดยันสายแล้วข้าวปลาไม่กินกันขุดจิ้งหรีดมายาไส้เป็นเรื่องสนุกไป”

“จะห่วงอะไรมันล่ะแม่ ลงได้รวมหัวกันอย่างนี้เดี๋ยวก็ฝากท้องบ้านพี่หินโน่น”

คนเป็นสามีเอ่ยอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ ทำเป็นกิจวัตร และคนที่เขากล่าวพาดพิงคือบ้านพี่หินหรือผู้ใหญ่หินเป็นคนมีฐานะดีที่สุดในหมู่บ้าน ผู้ใหญ่หินเป็นคนกว้างขวางและมีน้ำใจต่อลูกบ้านและเด็ก ๆ ทุกคน เขามีลูกชายคือฟ้าครามเป็นลูกชายคนเล็ก

ทุกวันหยุดจะมีเพื่อนสนิทของฟ้าครามมาฝากท้องกินข้าวเป็นประจำ นางสวยผู้เป็นมารดามีความเต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้การเลี้ยงดูเด็กๆ

 ขอให้เป็นวันหยุดเถิด นางสวยเตรียมทำอาหารคาวหวานไว้รอเด็กๆเลยทีเดียว เพราะการให้สิ่งของหรือการทำของกินให้เด็กๆนับเป็นความสุขของนางทีเดียว

ที่เรือนไม้หลังไม่ใหญ่มากนัก มีห้องสองห้อง ส่วนอื่นใช้ตู้ผ้า และตู้เก็บของตั้งเป็นการกั้นเขต เด็กหญิงกรองทองมีห้องส่วนตัวอยู่ เธอลุกจากที่นอนได้ก็ตลบหมอนมุ้งลวก ๆ ก้าวโครม ๆ ลงจากเรือนไม้แทบโยกไปทั้งหลัง ยายส้มขว้างหมากหัวเด็กหญิงด้วยความมือไว ลูกหมากถากไปนิดเดียว กระนั้นยัง หากหยุดความไวของหลานไม่ได้ จึงด่าตามหลังไป

“นังกรอง มึงนี่ดีแต่เที่ยวแถ แถไป ถูเหย้าถูเรือนไม่เคยทำ โน่นอาทิตย์ไม่ลับเขาไม่ได้เห็นหัวมันเสียล่ะ ข้าวปลาตกถึงท้องหรือเปล่าก็ไม่รู้” ลงท้ายก็ด้วยความเป็นห่วงนั่นเอง

“แม่มันจะมาพรากไปจากอกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

ปู่เกริ่งกำลังนั่งสูบยาเส้นมวนกระดาษได้แต่ฟัง หากใจคิดด้วยความเป็นห่วงหลานสาวกำพร้าไม่น้อย  กรองทองเกิดมาพร้อมกับการแยกทางของพ่อและแม่ แม่กรองทองจะมาเอาเด็กหญิงไปแต่ พ่อกรองทองไม่ให้ สุดท้ายพ่อของเด็กหญิงออกทะเลไปหาปลา แต่พลัดตกน้ำตาย ตากับย่าจึงเลี้ยงดูกรองทองท่ามกลางความหวาดระแวงว่า สักวัน แม่ของเด็กหญิงจะมาพรากอีกฝ่ายไป

 

ที่กลุ่มเด็กๆ มีทั้งหมดหกคนเด็กหญิงรวมกลุ่มอยู่ด้วยสองคน หนึ่งนั้นคือกรองทอง เด็กหญิงสูงโย่งท่าทางแก่นแก้ว เธอจัดแจงเทจิ้งหรีดออกจากจวดโหล เด็กชายปี่พาทย์ร่างโย่งไม่แพ้กรองทอง ผิวขาวของปี่พาทย์แตกลายเพราะอากาศหนาว เด็กๆไม่รู้จักครีมบำรุงผิว นอกจากน้ำมันมะกอก และขี้ผึ้งทาปากแตกเท่านั้น เด็กชายทำหน้าที่เพชฌฆาตจับจิ้งหรีดชะตาขาดเด็ดหัวใส่ภาชนะซึ่งเป็นกะละมังสังกะสี  ส่วนเด็กชายคันศรมีหน้าตาน่าเอ็นดู หยิบถ้วยน้ำเกลือมาคลุกจิ้งหรีดชะตาขาดหลายร้อยตัวที่โดนเด็ดหัวแล้วยังไม่ตายหรือว่าเส้นมันกระตุกจึงดิ้นเมื่อเจอน้ำเกลือก็มีอยู่หลายตัว

ในขณะที่เด็กหญิงแกมแก้ว เป็นเด็กหญิงแก้มใส ร่างเล็กกว่าเพื่อนทุกคน เธอมองดูจิ้งหรีดหัวขาดดิ้นกระแด่ว มองด้วยดวงตาละห้อยไม่ได้ช่วยทำอะไรสักอย่าง เด็กหญิงเป็นผู้ติดตามประจำกลุ่ม น้ำนองเด็กชายตัวผอม กระแนะกระแหน แกมแก้ว ที่ไม่เคยช่วยทำบาป สักครั้งว่า

“ทำเป็นสงสาร แต่พอสุกล่ะก็ยัยแก้มคว้าก่อนใคร”

“จริงว่ะ ทุกครั้งแก้มลงทุนแค่ยืนดู แต่กำไรคือได้กินมาก” คันศรร่วมหัวกันต่อว่าเด็กหญิงแก้วใส

แกมแก้วได้ฟังคำวิจารณ์อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังมีแก่ใจยิ้มโชว์ฟันเรียงขาวสะอาด ซึ่งเด็กในกลุ่มเดียวกัน เจ้าตัวจะสำอางกว่าใคร ตื่นมาต้องล้างหน้าแปรงฟันก่อน แปรงอยู่นั่นเป่าปากดมความสะอาดจนแน่ใจว่าไม่มีกลิ่นเหม็นจึงพอใจ

ส่วนกรองทองหญิงห้าวในกลุ่ม ชอบอยู่ใกล้หัวหน้าคือฟ้าครามเด็กชายร่างใหญ่กว่าใคร น้าคมคร้าม มีเค้าหล่อจัด เขาเป็นหัวหน้าชั้นและเป็นหัวหน้ากลุ่ม กรองทองสนิทชิดเชื้อมาก และเธอไม่สำอางอย่างแกมแก้ว ไม่ค่อยดุแลความสะอาดของตัวเองเท่าที่ควร และยังชอบพ่นน้ำลายใกล้ฟ้าครามอีกด้วย เพราะกรองทองชอบติดอีกฝ่ายแจ ฟ้าครามผลักเพื่อนหญิงที่พูดคุยปนกลิ่นปากเหม็นอู้ผ่านเข้าจมูกเขาอย่างบ่อย

“เหม็นขี้ฟันว่ะกรองไปคุยห่าง ๆ ไป”

“แหมไอ้ครามทำเป็นสำอางเหมือนนังแก้มไปได้ ทำไม ข้าจะพ่นเสียอย่าง”กล่าวพลางกรองทองพ่นน้ำลายใส่อีกฝ่าย กลุ่มเด็ก ที่พากันเบือนหน้าต่อความสกปรกของเด็กหญิง ยกเว้นแกมแก้วที่เอาแต่หัวเราะชอบใจ อวดฟันเรียงขาวสะอาด

“ห่าเอ๊ย หน้าด้านจริงๆเลยมึง”ปี่พาทย์ต่อว่า ก่อนสบตากันกับคันศร จากนั้นเด็กชายทั้งคู่จับแขนเด็กหญิงลากไปที่ชายคลอง กรองทองดิ้นพราดแต่เด็กชายอีกสองคนเข้ามารุมกันจับ แล้วช่วยกันผลักอีกฝ่ายลงไปทันที

ตูม

กรองทองตกลงไปในน้ำ น้ำแตกกระจาย เด็กหญิงจมน้ำหนาวเย็น เมื่อโผล่ขึ้นมาหายใจบนน้ำได้ เธอด่าทอไม่ยั้ง

“โอ๊ย แม่ง อ้ายเชี่ยะนี่ พ่อแม่ไม่สั่งสอน เสือกมาผลักฉันตกน้ำ แม่งขึ้นไปได้ ฉันกระทืบมึงแน่ไอ้ปี่ เป็นหัวโจกชอบแกล้งฉันดีนัก”

ปี่พาทย์เอาแต่หัวเรากับความปากจัดขั้นเทพของ กรองทอง ทั้งยังไม่นึกหวั่นไหวต่อความอาฆาตของอีกฝ่าย แกมแก้วมองเพื่อนหญิงซึ่งเปียกน้ำทั้งตัว ปีพาทย์วิ่งไปเด็ดกิ่งไม้มาแจกเพื่อนอีกทั้งโยนก้านข่อยไปให้กรองทองสำทับว่า

“ไม่แปรงฟัน เธอไม่ต้องขึ้นมานะไอ้กรอง”

“แม่ง เชี่ยปี่ ข่อยขมจะตายห่า เอาถ่านมาให้ฉันถูเสียดีกว่า”

“ไม่ต้องเลยกรอง แปรงซะ ไม่งั้นพวกเราจะเอาไม้ไล่ตีอย่างนี้ นี่แนะ นี่แน่ะ”กล่าวพลางปี่พาทย์ลงมือเอากิ่งไม้ยาวไล่หวดกรองทอง ซึ่งต้องรีบกัดกิ่งข่อยกิ่งเล็กๆให้แตกแล้วขัดฟัน ความขมฝาดทำให้เด็กหญิงทำหน้าเหย แต่ยังทะเล้นเหมือนเด็กผู้ชาย กรองทองตะกายขึ้นตลิ่ง เป่าปากดมกลิ่น ซึ่งดีกว่ายังไม่แปรงฟันอยู่มาก เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มออกแนวร้ายกาจ

 “ใครจะมาดมปากฉันก่อนล่ะ ไอ้ปี่แล้วกัน”

“บ้าแล้วยัยเพี้ยน”ปี่พาทย์ด่าอีกฝ่ายแล้วหนีไปอีกทาง กรองทองอ้าปากตามพ่นลมใส่เพื่อน ซึ่งซ่อนสีหน้ายิ้มกริ่ม เดิน วนหนีเป็นวงกลมอยู่รอบๆกลุ่มเพื่อน

“ไปย่างจิ้งหรีดกินดีกว่า”ฟ้าครามตัดบท ไม่สนุกกับการกระทำทะเล้นสุดโต่งของกรองทอง

 

                เวลาต่อมา กรองไฟเล็กๆถูกก่อขึ้น กรองทองนั่งหนาวสั่น แกมแก้วถอดเสื้อหนาวซึ่งคลุมเสื้อมาอีกชั้นให้เพื่อนได้เปลี่ยน กรองทองวิ่งไปชายคลองอีกครั้ง ไปเปลี่ยนเสื้อครู่เดียว หิ้วเสื้อเปียกกลับมา กางเกงขาสั้นยังเปียกเหมือนเดิม เด็กหญิงเลือกที่จะนั่งข้างฟ้าคราม ได้ยิน ฟ้าครามถามแกมแก้วด้วยความเป็นห่วงว่า

            “ไม่หนาวหรือแก้ม”

            “กรองหนาวกว่า ไม่รู้ปี่จะไปแกล้งทำไม น้ำในคลองหนาวออก”

            “มันอยากสกปรก แล้วเสือกคุยว่าจะเรียนพยาบาล”ปี่พาทย์หันไปบอกแกมแก้ว แล้วเหลียวหน้าไปมองคนคนนั่งเอามืออังไฟด้วยความหนาวสั่น คันศรรวมหัวกันกับเพื่อนต่อว่ากรองทองอีกคน

            “ถ้าเป็นพยาบาล มันก็คงเป็นพยาบาลที่สกปรก ซกมกที่สุด คนไข้จะติดเชื้อจากมันนี่ล่ะ”

            กรองทองรับฟังคำต่อว่าต่อขานด้วยความไม่อดทน ดังนั้นเด็กหญิงจึง จิกกระหม่อมต่อปากคำออกมาว่า

“เสนอหน้านักนะไอ้ศร ไม่ต้องมารวมหัวชมฉันให้มากนักหรอก”

เธอเรียกไอ้ กับเพื่อนชาย ซึ่งพวกเขาไม่ถือสาอีกฝ่าย เพราะรู้กำพรืดกรองทองดีว่า ปากจัดจ้าน ยิ่งไปห้ามปราม จะกลายเป็นยุส่งได้ ดังนั้นกรองทองจึงพิเศษกว่าคนอื่นที่ทำตัวกลมกลืนไปกับกลุ่มมากกว่าแกมแก้ว ซึ่งเพื่อนชายแยกได้ว่าเป็นผู้หญิงเต็มที่

สายมากเกินเวลาทานข้าวเช้าแล้ว ป้าสวยของเด็ก ๆ จึงเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดังมาว่า

“เสร็จแล้วมากินข้าวเช้ากันนะลูก”

“จ้าป้า”แกมแก้วรีบรับคำเสียงใส

“นั่นเรื่องกินต้องยกให้มัน”

ปี่พาทย์ว่าแกมแก้ว เพราะเด็กหญิงตัวจ้อยประจำกลุ่มห่วงเรื่องกินก่อนใคร

ฟ้าครามส่งไม้ย่างจิ้งหรีดให้แกมแก้ว เด็กหญิงรีบรับไว้ แล้วเกรงใจกรองทองผู้หามาได้มากกว่าใคร จึงส่งต่อให้ไปเด็กหญิงจอมห้าว บอกเสียงอ่อนจากใจจริง

            “กรองกินก่อนเหอะเหนื่อยออก”

            “ยัด ๆ เข้าไปเหอะน่า”กรองทองตอกกลับด้วยภาษาคุ้นเคย ทำท่าเหมือนจะจับจิ้งหรีดยัดเข้าปากเพื่อนจริง

เด็กหญิงแกมแก้วอิงกายหลบหลังฟ้าคราม เปล่งเสียงหัวเราะคิกคัก หลบเลี่ยงการกระทำของกรองทอง ไม่ถือโกรธท่าทางฉุนเฉียวของเพื่อน ขณะนั้นน้ำนองยังส่งจิ้งหรีดย่างสุก หอมกรุ่นมาให้อีก แกมแก้วรีบรับไว้ คันศรบ่นพึม

            “ผู้อุปถัมภ์ยัยแก้มเยอะ”

            ทุกคนได้แต่หัวเราะ ขณะที่แกมแก้วดึงจิ้งหรีดส่งให้กรองทองจนถึงปาก กรองทองงับเข้าปากไปทั้งตัว แล้วรีบพ่นลงใส่มือ เป่าปากร้องอู้ว่าร้อน เด็กๆพากันหัวเราะชอบใจ กรองทองย้อนถามแกมแก้วว่า

            “จับใส่ให้ฉันทั้งมือเปล่า เธอไม่ร้อนหรือไงแก้ม”

            “หึ ไม่ร้อน” ว่าพลางเด็กหญิงเอามือยื่นเข้าไปในกรองไฟจะหยิบถ่าน ฟ้าครามรีบปัดมืออีกฝ่ายพลางว่า

            “เขารู้แล้วว่าแก้มจับถ่านได้ ไม่ต้องแสดงไปหรอก เดี๋ยวมือพอง”

            “แหมอยากแสดงความเก่งมั่งก็ไม่ได้”

แกมแก้วบ่นสีหน้ายิ้ม หน้าตาสวย และเธอคงสวยมากหากเติบโตเป็นสาวเต็มที่

 

ผ่านอาหารเช้าฝีมือมารดาของฟ้าครามไปแล้ว  เด็กๆยังคงพากันเที่ยวยิงนกตกปลา พากันเที่ยวตะลอนไปตามประสาเด็กท้องทุ่ง

            “เฮ้ยบัวฝักนั้นแก่แล้วว่ายไปดูมั้ยไอ้คราม” กรองทองชวนเพื่อนชาย แกมแก้วเสนอหน้าเพราะชอบกินเม็ดบัวเป็นที่สุด

            “เดี๋ยวเราไปเก็บให้” กล่าวจบ แกมแก้วกระโจนลงน้ำหายไปทุกคนหันมาสบตากันก่อนร้องตะโกนบอกพร้อมกัน“รีบขึ้นเร็ว บ่อนี้มีปลิง”

            “หา”

            เจ้าตัวตาเหลือกค้างเมื่อโผล่ขึ้นน้ำได้ยินคำเตือนของเพื่อน รีบจ้วงน้ำกลับขึ้นฝั่ง กระทืบขาเล่า ๆ หน้าตาเหยเก แกมแก้วขยะแขยงปลิงเป็นที่สุด กรองทองหัวร่อเสียงดังผลักเพื่อนหญิงจนเซแซดเพราะคนตัวเล็กแรงน้อยกว่า

            “อีเซ่อ”กรองทองด่าตามประสาคนปากจัด

“หลอกขึ้นหลอกลงล่ะก็ง่ายนัก บ่อนี้มีปลิงที่ไหนเล่า”

            “อ้าวไม่มีเหรอ งั้นจะได้ลงไปใหม่”

            แกมแก้วโดดลงไปจริงตามคำ ครานี้อีกห้าสหายกระโจนลงน้ำตูม ๆ เกือบจะพร้อมกัน จากนั้นว่ายน้ำแข่งกันไปเก็บบัวตามเป้าหมาย แกมแก้วเก็บฝักบัวมาจากฟ้าครามแล้วโดดขี่หลังเพื่อน

            “อย่า แก้ม เดี๋ยวจมน้ำ” ฟ้าครามร้องห้ามแล้วจมผลุบลงไป

กรองทองรีบเข้ามาดึงแกมแก้วออกจากการกอดรัดเพื่อนตัวโต

            “เล่นบ้าอะไรอย่างนี้นังแก้มเดี๋ยวจมน้ำตายหรอก”

            “โทษที เห็นหลังกว้างน่าเกาะ” เอ่ยแล้วเอาปากคาบฝักบัวว่ายน้ำเข้าฝั่ง โดยมีฟ้าครามแอบมองตามหลังเด็กหญิงแกมแก้ว เพื่อนสนิทกันมาแต่เล็กแต่น้อย

            หัวใจเด็กชายวัยสิบกว่าขวบรู้สึกหนาวร้อนไม่รู้ตัว

            แดดร้อนจัดมากแล้วเด็กๆพากันนั่งเข้าไปหาที่พักในร่มไม้ ผ่านสวนใครทุกคนเป็นเจ้าของหมด ชอบใจผลไม้สิ่งใด ต่างเก็บเอามาลิ้มชิมรสไม่เลือก

            เวลานี้น้ำนองปีนต้นมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งไม่สูงมาก ปี่พาทย์ปีนอีกต้น โดยมีกรองทองเอามีดฟันลูกมะพร้าว เมื่อเห็นเนื้อพองเต็มลูกต่างคนต่างยินดี เพราะได้มะพร้าวกะทิไว้กินกันอย่างอร่อย มะพร้าวกะทิคือมะพร้าวที่มีเนื้อนิ่มเต็มลูก ไม่มีน้ำ เนื้ออ่อนและหอมมาก

            คมมีดฟันฉับที่ลูกมะพร้าวอ่อนครานี้ปี่พาทย์ส่งให้กรองทองก่อนแกมแก้วกรองทองอ้าปากรับกลืนเอื๊อก ๆ กิริยาเหมือนเด็กผู้ชาย ต่างจากแกมแก้วที่รับลูกที่สองจากฟ้าครามแล้วค่อย ๆ เอาช้อนสังกะสีแคะเนื้อให้เปิดกว้างส่งคืนกลับไปให้ฟ้าครามได้ลิ้มรสก่อนเพราะเป็นคนเหนื่อยที่สุด แม้จะอยู่รวมกลุ่มผู้ชายแต่อุปนิสัยของแกมแก้วยังอ่อนโยน

            น้ำนองเบื่อดูความถ้อยทีถ้อยอาศัยของเพื่อนทั้งคู่ จึงแย่งไปกินเสียเองพลางเอ่ยโพล่งออกมา

 “ลีลากันมากนัก เอามานี่ กูแดกเอง”

“กูก็ไม่มีลีลาเอามานี่”คันศรโดดคว้าแย่งต่อจากน้ำนองอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังสดใสไม่ถือโกรธกัน

            กรองทองเสนอแนะให้ตีท้ายครัวผู้เป็นปู่

“ขโมยแตงปู่เกริ่งกินดีกว่า”

            เด็ก ๆ ตาลุกวาวเห็นดีด้วย ครั้นย่องเก็บได้คนละลูกแล้วก็ถูกจับได้ ปู่เกริ่งด่าจนแตกกระเจิง แต่ทุกคนยังไม่วายถือแตงโมวิ่งหนีกันอ้าว

            “เด็กมันกินแค่นั้นจะเป็นไรไป”

            ย่าส้มค้อนประหลับประเหลือกที่สามีทำขี้เหนียวกับลูกหลาน ปู่เกริ่งหันไปโต้คู่ชีวิต

            “ข้าไม่ได้หวง แต่ให้มันรู้จักขอดี ๆ ไม่ใช่ริเป็นขโมยกัน”

            “แกต้องสั่งสอนนังกรอง นั่นน่ะตัวดีฝูงนำมาเลย”

            “จริงของแก จะเลี้ยงยังไงให้มันเป็นผู้หญิงกับเขาบ้าง”

            “ดูเพื่อนมันเถอะมีแต่ผู้ชายแล้วข้าว่านะนับวันชักจะเหมือนแกทุกที”

            “นังแก้มไม่เห็นแก่น เพื่อนผู้ชายก๊กเดียวกันกับนังกรอง”

            ครานี้ย่าส้มต้องเงียบเสียงอย่างเห็นพ้องต้องกันกับปู่เกริ่ง แกมแก้วดูจิ้มลิ้มน่ารัก ต่างจากความคมขำห้าวหาญของกรองทองยังกับไม่ใช่เพศเดียวกัน

           

 

 

ย่างเข้าสู่ชั้นมัธยมปีที่3.ต่างอายุ15-16 ตามเวลาเกิดต้นปีท้ายปี

             “ย้าก” เด็กรุ่นสาวกระโดดเข้ามาพร้อมเงื้อจอบสุดแขน กลุ่มเพื่อนแตกกระเจิงเกรงจะถูกลูกหลง เสียงตุ้บเมื่อจอบกินดินจนมิดด้าม

            “นังแรงควาย” ปี่พาทย์ว่าเพื่อนหญิง ผมซอยสั้นเปิดหู

เหตุเกิดจากเมื่อวาน กรองทองถูกอาจารย์ประจำชั้นใช้กรรไกรตัดผมลงโทษในฐานะที่ผมยาวเกินติ่งหูมาหนึ่งนิ้ว กรองทองกลับไปให้ช่างประจำหมู่บ้านกล้อนผมสั้นเต่อ ดังนั้นตอนเข้าแถวจึงถูกอาจารย์ประจำชั้นทำโทษให้วิ่งรอบสนามเป็นการประจาน

เมื่อโดนทำโทษเรียบร้อย กรองทองยังถูกเรียกไปอบรม เธอตอกย้ำอย่างดื้อด้านว่า

            “พรุ่งนี้หนูจะโกนหัวมาค่ะ” กรองทองเสียงเขียวชังน้ำหน้านัก

            “อย่ามาประชดครูนะกรองทอง”

            “ไม่ได้ประชดค่ะ แต่หนูไม่ทราบว่าทรงไหนจะถูกใจอาจารย์”

            อาจารย์โกรธจนตัวสั่นแต่ไม่อาจจะลงโทษอะไรกรองทองอีก อาจารย์เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ไม่ได้เป็นนักกีฬาที่จ้องเอาชนะกันถ่ายเดียว ดังนั้นคนเป็นครู จึงต้องลดทิฐิลงมาเข้าใจเด็กในปกครอง ต้องมีเมตตา และมีความเห็นใจ เพราะเด็กแต่ละคนพื้นฐานนิสัยสันดานเดิมย่อมผิดแผกแตกต่างกัน เพียงท่านเข้าใจแล้ว ท่านจะได้เป็นแม่คนอีกหลายร้อยหลายพันสมกับอาชีพแม่พิมพ์ของชาติเลยทีเดียว ท่านนึกรู้ว่าความเข้มงวดไม่สามารถชนะเด็กคนนี้ได้เลย

            “เอาล่ะไม่ต้องโกนมาก็แล้วกันทีนี้ทำอะไรผิดครูจะตักเตือนก่อน”

            เด็กสาวยิ้มรับหน้าบานเมื่อท่านอ่อนข้อมาให้นิดหนึ่ง

            “ปลูกต้นไม้ไม่ใช่ฝังศพ ขุดซะกว้าง” น้ำนองว่าเพื่อน เมื่อกรองทองตั้งหน้าตั้งตาขุดหลุม โดยไม่วัดขนาดต้นไม้

            “เก็บแรงไว้ขุดให้เราอีกหลุมดีกว่า” ปี่พาทย์ยิ้มกริ่มขณะเอ่ยกรองทองโยนจอบเข้าใส่ขารีบหลบ กระนั้นปลายด้ามจอบยังโดนหัวป๊อก

            “แมร่งกินแรงผู้หญิง” เธอว่าหน้าบูดบึ้ง

            “อ้าวแกเป็นผู้หญิงหรือนี่กรองทอง ตายห่าเราคิดว่าแกไม่มีมดลูกซะอีก”

            “ไอ้เชี่ยะ” กรองทองด่าเปิง ก่อนยกจอบทำท่าจะสับหัวปี่พาทย์ เด็กรุ่นรีบยกมือไหว้ท่วมหัว

            “กลัวแย้วจ้า แม่”

            “เออไหว้แม่ซะ ชีวิตนี้จะได้จำเริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป” เธอยกมือไหว้ตอบ พร้อมอวยชัยให้พรราวกับผู้ทรงศีล

“ไปหาไอ้ครามเหอะ มันมีชั่วโมงพละอยู่โน่น”น้ำนองชวนพวกไปหาเพื่อนหัวหน้ากลุ่ม

            กรองทองเดินนำกลุ่มไปหาคนที่ทำตัวเป็นหัวหน้า

ทางด้านฟ้าครามเป็นเด็กรุ่นหนุ่มร่างสูง เขาโตเกินหน้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน หากแล้วจู่ๆร่างสูงของเขาถลำไปข้างหน้า เมื่อร่างบางของแกมแก้วกระโดดขี่หลัง เด็กรุ่นหน้าคมรีบพยุงตัวไม่ให้เสียหลักพลางต่อว่าแกมแก้ว

            “ลงไป๊ แก้ม เดี๋ยวถูกทำโทษ ยิ่งโดนทัณฑ์บนอยู่ด้วย”

            คนโดนเอ็ดหัวเราะคิกคักแต่ยอมลงจากหลังเพื่อนแต่โดยดี จากนั้นชะแง้หน้าเข้าไป ยิ้มรับฟันขาวมีเขี้ยวแหลมมุมปากน่ารักให้ฟ้าคราม ซึ่งอีกฝ่ายทำหน้าปั้นยากจะทำหน้าโกรธก็ไม่ใช่ จะยิ้มให้ก็ไม่เชิง ทำให้แกมแก้วยิ่งโบกมือหยอกเย้า

            “แต่ช้าแต่อย่าโกรธแก้มเลยนะ อ่ะมีของดีมาฝากตัวเองด้วยล่ะ”

เด็กรุ่นสาวล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกระดาษสีสวยส่งให้เพื่อนชายมีกลิ่นหอมกรุ่นเมื่อรับใกล้ ๆ จดหมายพรมน้ำหอมมาอย่างดี คันศรรีบฉวยไปซุกข้างหลังไม่ให้ฟ้าครามแล้วยังต่อว่าแกมแก้วด้วยความเข้าใจผิด

            “หน็อยแน่ยัยแก้ม แกริส่งจดหมายให้ไอ้ครามแล้วหรืออยากเลื่อนฐานะหรือไง”

            “แหมไอ้ปากฉอหอ” กรองทองด่านำมาก่อนตัว เธอมาทันได้ยินคำให้ร้ายของคันศรพอดี คันศรเกาผมตั้งยิกบ่นพึมพำ

            “เราล่ะเบื่อปาก มหากาฬด่ากราดเป็นมหากาพย์ของนังกรองทองจริง ๆ”

กรองทองเหลือบไปเห็นแกมแก้วถือจดหมายกระดาษสีชมพู คันศรอดปากไม่ได้จึงเอ่ยถาม

“แล้วจดหมายใครล่ะแก้ม”

            แกมแก้วไม่ตอบ แต่ส่งให้ฟ้าครามเด็กรุ่นหนุ่มหน้าคม ฟ้าคราม ๆ เหลือบมองหน้าแม่สื่อแม่ชักนิดหนึ่ง ก่อนรับไปเก็บไว้โดยไม่ถามและไม่เปิดอ่าน แต่กรองทองกระแซะเข้าไปใกล้เพื่อนชาย จากนั้นล้วงกระเป๋าเพื่อนหน้าตาเฉย เธออยากรู้อยากเห็นว่าใครส่งสาสน์มาให้เพื่อนชาย

            การโดนล้วงลูกอย่างนี้ฟ้าครามไม่ชอบใจ จึงปัดมือกรองทองออก

            “เฮ้ยอย่า”

กรองทองหัวเราะฮาเมื่อแย่งไปจากฟ้าครามได้เป็นผลสำเร็จ เด็กรุ่นสาว ผมซอยสั้นผิดระเบียบชูจดหมายอวดเพื่อนๆ จากนั้นฉีกซองออก แล้วยืนตัวตรง เปิดออกอ่านเสียงดัง

            “ครามที่รัก” เธอเปิดอ่านเสียงดังจนนักเรียนอื่น ๆ หันมาทางกลุ่มของตนเป็นจุดเดียว

            “บุษคงไม่ทำให้ครามเสียเวลามากนัก อ้วก” คนอ่านทำขย้อนในขณะที่แกมแก้วโกรธมาก ดังนั้นเธอจึงใช้ร่างบางของตนโดดแย่งคนตัวสูงกว่า ซึ่งรีบซ่อนจดหมายไว้ด้านหลัง แกมแก้วหน้าง้ำต่อว่าเพื่อนสนิทเสียงเขียว

            “เลิกบ้าได้แล้วนะกรอง เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ”

            คนที่จ้อยในกลุ่มดูเสียงแข็งสุดจนเพื่อนสนิทคาดไม่ถึง ฟ้าครามผละจากเพื่อนหญิงทั้งสองไปทางอื่น กรองทองยัดจดหมายคืนให้แกมแก้วด้วยใบหน้าบูดบึ้ง สะบัดเสียงห้าวใส่แม่สื่อตัวดี

            “อย่ามาทำตัวเป็นคนดีนักเลย นังนั่นเป็นใครแล้วเราเป็นใคร”

            “พวกเราเป็นเพื่อนคราม ครามเขาอาจชอบคนอื่นอยู่กรองควรคิดถึงใจคนอื่นมั่งสิ”

“ไปคิดถึงทำไม มันกระแดะส่งจดหมายให้ผู้ชายเองนี่”

“แล้ว ถ้ากรองถูกประจานอย่างนี้บ้างละจะทำยังไง”

            “ใครมาประจานฉัน ฉันก็จะตบหน้ามันให้แหกเลยสิ”

            “แล้วทำไมไม่คิดถึงบุษยาบ้างละว่าเขาจะอายแค่ไหนที่กรองฉีกหน้าเขาอย่างนี้”

            ครานี้คนวู่วามหน้าจืดสนิท เธอคิดแต่เพียงว่าเป็นเพื่อนย่อมมีสิทธิ์ในตัวเพื่อนซึ่งเติบโตมาด้วยกัน ความหวงแหนทำให้กรองทองไม่ชอบ ไม่อยากให้เด็กสาวนอกกลุ่มเข้ามาเฉียดใกล้ ดังนั้นจึงเกิด แรงกระตุ้นบางอย่างทำให้ลงมือประจานไม่ยั้งคิด

เวลาเดียวกันนั้นออดหมดชั่วโมงดังขึ้น ปี่พาทย์ กรองทอง น้ำนอง ต่างแยกย้ายกันเอาเครื่องมือไปเก็บใน ขณะที่คันศรและฟ้าคราม แยกไปเข้าห้องเรียนหลังหมดชั่วโมงพละ

แกมแก้วอยู่ห้องเดียวกับสองเพื่อนชาย เธอเข้ามาเป็นคนสุดท้ายของห้อง แต่ต้องชะงักเท้าที่พึ่งก้าวเข้าห้องเมื่อสายตานักเรียนหญิงสองสามคนส่งมาให้อย่างไม่เป็นมิตรนัก หนึ่งในสองเดินเข้ามาเผชิญหน้าร่างบางของแกมแก้วเธอใจหวาดหวั่นไม่น้อย

            “ถ้าคิดแกล้งฉันอย่างนี้ไม่ต้องทำหน้าซื่อปรารถนาดีทำเป็นแม่สื่อให้ฉันก็ได้แกมแก้ว”

            “เธอเข้าใจผิดแล้วบุษ ฉันไม่คิดว่า”

            “ฉันเกลียดเธอ” ตลับแป้งฝุ่นเล็ก ๆ ที่ซุกไว้ข้างหลังถูกขว้างใส่หน้าแกมแก้วซึ่งไม่ทันตั้งตัวจึงหลบไม่พ้นถูกตลับที่หน้าผากถนัด ฟ้าครามกับคันศรเข้ามาพบเหตุการณ์พอดี เขาปราดสายตาไปที่กลุ่มเด็กผู้หญิงหนึ่งในสามปากดีต่อว่าเขา

            “เธอไม่ใช่ลูกผู้ชายฟ้าคราม เธอกับเพื่อนแกล้งบุษยา”

            “ตามใจถ้าจะเข้าใจอย่างนั้น แต่ทำร้ายแกมแก้วอย่างนี้ ไม่เกินไปหน่อยหรือ”

            “น้อยล่ะไม่ว่า คนหน้าไหว้หลังหลอก”

            ฟ้าครามเหลือบมองแกมแก้วนิดหนึ่งเด็กสาวเดินเลี่ยงบุษยาไม่เอาเรื่อง คันศรเป็นลูกผู้ชายไม่อยากทะเลาะกับผู้หญิง หากต่างใจกับฟ้าคราม เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้บุษยา อีกฝ่ายรีบถอบหลังไปก้าวหนึ่ง ด้วยความหวาดหวั่น ดวงตาคมกริบของฟ้าครามมีประกายดุมาก จนบุษยาหายใจไม่ทั่วท้อง นึกไปว่า ถ้าถูกชก คงสลบ

ฟ้าครามก้มหน้าลงไปพูดกับคนตัวเล็ก

“เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ฉันไม่เคยชอบเธอสักนิดบุษยา ขอเตือนเธอครั้งเดียว อย่าทำร้ายแก้มอีก”

ถ้อยน้ำคำจากคนที่ตนหลงใหลได้ปลื้ม ทำร้ายได้รุนแรงกว่าการถูกตบหน้าหลาย ๆ ครั้ง ฟ้าครามจากไปนั่งโต๊ะใกล้ ๆ กับคันศรเปิดกระเป๋าดึงสมุดจดรายงานเตรียมเข้าสู่บทเรียนเมื่ออาจารย์เข้าสอน


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2025