รักฉันสักนิด (กรุง ญ ฉัตร)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1…

            เสียงโทรศัพท์ติดต่อภายในดังรัวขึ้นหลายครั้งที
เดียวแต่ร่างที่นั่งหมกมุ่นอยู่กับงานกองพะเนินก็ไม่มีทีท่าจะ
ขยับเขยื้อน แม้กระทั่งปอยผมที่ปรกลงมาเกือบแยงตาคม
กริบ เจ้าตัวก็ยังไม่มีเวลาสนใจที่จะเอามือปัดปอยผมขึ้นซีก
หน้านวลแม้เพียงเห็นด้านข้าง ก็บอกลักษณะว่าเจ้าตัวเป็นคน
เอาการเอางานมากกว่าจะพิถีพิถันในการแต่งเนื้อแต่งตัว
สังเกตจากเสื้อแขนยาวที่เจ้าตัวพับขึ้นลวก ๆ อย่างไม่
เอาใจใส่นัก กิริยาจับปากกาลากปราด ๆ ว่องไวกระฉับกระเฉง
เหมือนวาดดุจดังเช่นนามของเจ้าตัวนัก

            “ สันนิบาตเจี๊ยะมือหรือไงไอ้มิ้ม ”

            ผู้โผล่หน้าเข้ามาแว๊ดเสียงเขียว ๆ ใส่อย่างโมโหที่หลง
วิ่งเริดเข้ามาในห้อง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์คิดว่าไม่มีคน
อยู่ในห้องจึงรีบเข้ามา ที่ไหนได้แม่เพื่อนสาวนั่งทำงานเฉย
โดยไม่แยแสว่าเสียงโทรศัพท์จะดังหนวกหูเพียงใด

            “ ยังไม่รับอีกแน่ะ ”

            “ ขี้เกียจ ”

            เหมือนวาดตอบง่าย ๆ สอางค์ทิพย์ค้อนขวับกับคำพูด
ของอีกฝ่าย หล่อนขยับจะไปรับสายปรากฏว่าเสียงนั้น
เงียบหาย

            “ บ๊ะ ! ไอ้โทรโข่งเครื่องนี้มันอ้อนแท้จริงแฮะ แกนี่ก็
พิลึกมนุษย์ทนฟังเสียงอยู่ได้ เพราะเสนาะโสตนักหรือไง ”

            “ ฟังดี ๆ เสียงมันก็คลาสสิคไม่เลวหรอก ”

            เหมือนวาดเงยหน้าขึ้นพูดหน้าตาเฉย สอางค์ทิพย์ยิ้ม
แสยะขณะโยนแฟ้มงานลงกับโต๊ะโครม

            “ ถ้านายรับโทรศัพท์ อาจจะได้ฟังเสียงโรแมนติกแทน
เสียงคลาสสิคก็ได้ ”

            “ ฉันไม่ใช่คนโรแมนติคเหมือนนายนักหรอกย่ะ “

            หล่อนทำเสียงเหมือนเบื่อหน่ายนักหนา ทั้งที่ทราบแก่
ใจดีว่า คนเสียงโรแมนติคที่สอางค์ทิพย์พูดถึงนั้นคือใคร

            “ คุณลีทำท่าเหมือนใจจะขาดนะ พอรู้เรื่องของนาย ”

            “ นายจะไปได้ลงคอเชียวรื้อ ”

            “ ไม่มีอะไรที่คิดว่าไม่ไปนี่ ”

            “ สงกะสัยแม่เหล็กไร้สมรรถภาพ ”

            สอางค์ทิพย์ยั่วเย้า แต่เหมือนวาดก็ทำหูทวนลมเสีย
หล่อนวางปากกาบิดนิ้วที่เมื่อยขบอย่างเพลีย  ๆ อันที่จริง
หล่อนจะทำเมินเฉยกับไอ้งานกองพะเนินทึนทึกนี่ก็ได้เพราะ
อีกไม่กี่วันหล่อนก็จะย้ายงานไปอยู่ที่ใหม่แล้ว แต่นั่นแหละวิสัย
ของเหมือนวาดไม่ชอบจะทิ้งงานไว้ให้คนมาหลังต้องแช่งชัก
หักกระดูกกับคนสุมงาน หล่อนถือคติว่า ไปให้คนอาวรณ์ดี
กว่าไปให้คนขยันโตตามหลัง

            “ ขยันจริง เกือบเที่ยงแล้วไม่ไปกินข้าวเที่ยงหรือ ”

            “ ยังไม่หิว ”

            “ จะอยู่ดูงานเป็นวันสุดท้ายให้ประทับความทรงจำหรือไง ”

            “ ไม่ใช่วันสุดท้ายเสียหน่อย ”

            หล่อนค้าน หมุนปากกาในมือเล่น ดวงตาที่มองงาน
บนโต๊ะ แม้จะพูดเล่นและหักใจว่าการย้ายงานครั้งนี้
เพื่อความก้าวหน้าของชีวิตราชการ หากกระนั้นก็ยังอดรู้สึก
ใจหายไม่ได้

            “ หล่อนลาพักร้อนสามวันไม่ใช่หรือ วันนี้ก็เป็นวันสุด-
ท้ายแล้วสินะ หยุดรวมเสาร์อาทิตย์อีกตั้งห้าวัน นอนตีพุง
สบายเลยอิจฉาคนว่างงานชะมัด ”

            สำเนียกตอนท้าย เจ้าตัวทำสุ้มเสียงอิจฉาได้เหมือน
จนหญิงสาวลอบยิ้ม เพราะรู้ดีว่าสอางค์ทิพย์หลอกถามถึง
โปรแกรมที่หล่อนหยุดห้าวัน   จะมีโครงการไปไหนหรือเปล่า
เหมือนวาดไม่เคยหยุดงานโดยไม่มีโครงการไปเที่ยวไหนเสีย
ที  หล่อนรวบรวมเพื่อนฝูงเป็นคณะ  อย่างน้อยก็สี่ห้าคน  ไป
เที่ยวหาบรรยากาศตามต่างจังหวัด  แต่ครั้งนี้เจ้าตัวกลับ
เงียบเชียบ  ไม่ปริปากชวนเที่ยวเช่นทุกครั้งที่มีการหยุด

            “ เย็นนี้เราจะมีการเลี้ยงส่งนาย  อย่าลืมเสียล่ะ  ห้ามหนี
กลับก่อน  ท่าน ผ.อ. ให้เรามาเตือน ”

            “ ไม่น่าจะต้องยุ่งยาก ”

            “ นายอย่าพูดมากเลย  เค้าเลี้ยงก็ยอมรับเลี้ยงเสียดี ๆ
 เพื่อนฝูงจะได้มีลาภปากบ้าง  ขืนทำหยิ่งเพื่อนฝูงจะพลอยอด
อยากปากแห้งไปด้วย ”

            หล่อนพูดฉอด ๆ และเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง  ก็รับ
โดยไม่รอช้า

            “ ฮัลโหลคะ  รอสักครู่ค่ะ ”

            จากนั้นเจ้าตัวจึงยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้เหมือนวาด

            “ ของนายจ้ะรับเสียดี ๆ อย่าเล่นองค์ ”

            คิ้วเรียวขมวดขุ่น  ทำกิริยาเหมือนจะผวาดผวากับ
โทรศัพท์เสียนักหนา

            “ กลัวอะไรกับอีแค่โทรศัพท์  มันไม่กัดหรอกน่า ”

            “ แต่...”

            “ ถ้านายคิดจะหนีเขาโดยไม่สู้  นายจะต้องหนีไปตลอด
ชีวิตเชียวนะยายมิ้ม ”

            คำเตือนนั้นก่อให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกกระตุกหัวใจ
อย่างรุนแรง จริงสินะ ! เหมือนวาดต้องไม่แสดงความอ่อนแอ
ขี้ขลาดออกมาเป็นอันขาด  หล่อนจะต้องเตือนตัวเองว่า  หล่อน
ไปจากที่นี่เพื่อต้องการความก้าวหน้า  ไม่ใช่หนีเขา

            “ มิ้ม  เราเป็นเพื่อนตัวนะ ” สอางค์ทิพย์ตบไหล่เธอเบา ๆ
ปลุกปลอบกระตุ้นกำลังใจ  “ ไม่ต้องการจริง ๆ ว่ะ ถ้าจะเห็น
เพื่อนเป็นมนุษย์โง่บัดซบ  สู้สิเพื่อน ”

            สอางค์ทิพย์ออกไปนอกห้องแล้ว  หล่อนปล่อยให้
เหมือนวาดทำหน้าที่ตัดสินใจเองว่า  ควรจะทำอย่างไรต่อ
หล่อนมองโทรศัพท์ราวกับมันคืออาวุธร้ายกาจที่จะทำให้
ผู้เป็นเจ้าของได้รับบาดเจ็บ  เหมือนวาดเอื้อมไปรับหูโทรศัพท์
อย่างตัดสินใจ

            “ เหมือนวาดกำลังพูดค่ะ ”

            “ คิดว่าคุณจะไม่ยอมรับสายแล้วสิฮะมิ้ม ”

            ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น  เหมือนวาดไม่เคยลืมสักทีว่า
เสียงทุ้ม ๆ แบบนี้เป็นของใคร

            “ ดิฉันกำลังยุ่งกับงานค่ะ  ถ้าคุณรอนานก็ต้องขอโทษ
ด้วย ”

            “ ไม่ว่านานแค่ไหนผมก็จะรอมิ้มเสมอ ”

            สำเหนียกนั้นทอดหวานลึกล้ำ  จนคนฟังกัดริมฝีปาก
แน่น  มิใช่เพราะคำพูดหวาน ๆ ที่เขามักทำให้คนฟังรู้สึก
เหมือนเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตน่ะหรือ  จึงทำให้
เหมือนวาดเหมือนตัวงั่ง  เขาช่างพูดออกมาเต็มปากเต็มคำ
ว่ารอมิ้มได้เสมอ

            “ แค่นี้หรือคะธุระของคุณ  ขอโทษฉันมีงานยุ่งค่ะ  จะ
วางสายล่ะนะ ”

            “ อย่าเพิ่งนะมิ้ม ” เสียงห้ามนั้นค่อนข้างเร็วด้วยเกรงว่า
หล่อนจะวางหูโทรศัพท์ดังที่พูดไว้จริง ๆ ผมอุตส่าห์เพียงใด
คุณรู้ไหม  โทร.ตั้งแต่เช้า  มิ้มคุณจะย้ายจริง ๆ หรือ ? ”

            “ ค่ะ ”

            หล่อนตอบคำถามนั้นสั้นเป็นพิเศษ  ทั้งที่อยากพูด อะไร
มากมายเหลือเกิน  แต่ก้อนแข็ง ๆ ก็แล่นจุกอยู่แค่ลำคอ

            “ มิ้ม ผมอยากไปคุยกับคุณที่ห้องจัง   จะอนุญาตไหม ? ”

            “ มันไม่คุ้มนะคะ  ถ้าฉันจะตกเป็นข้อครหาของคนอื่น ”

            “ ผมคงเป็นตัวซวยในชีวิตของคุณเหลือเกินนะ ”

            เสียงนั้นย้ำให้รู้ถึงความขมขื่น  เหมือนวาดควรจะปฏิ-
เสธให้เขาคลายจากความน้อยใจ  แต่จะมีประโยชน์อะไร
สำหรับการถนอมน้ำใจเขา  ควรตัดเยื่อใยให้มันสิ้นสุดกัน
เสียที

            “ มิ้ม ! คุณจะขัดข้องไหม  ถ้าผมจะเลี้ยงลามื้อกลางวัน ”

            หล่อนเงียบไปนานทีเดียว  จนฝ่ายนั้นต้องถามซ้ำว่า

            “ คุณจะปฏิเสธอีกละสิ ”

            “ ฉันกำลังจะบอกคุณว่าตกลงค่ะ  ที่ไหนดี ”

            “ คุณลงมารอผมที่รถแล้วกันนะ ”

            “ เราต่างคนต่างขับออกไปดีกว่าค่ะ ”

            “ ทำไมล่ะผมว่าเราไปรถคันเดียวกัน  ประหยัดน้ำมัน
ดีออก  หรือคิดว่าเมืองไทยขุดแก๊สได้โชติช่วงชัชวาลเสียแล้ว ”

            “ ฉันคิดว่า  ทนเปลืองเอาหน่อยดีกว่า  เป็นขี้ข้าปาก
ชาวบ้านว่ากลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถ  โอ.เค.ค่ะ  เราเจอกันที่
ร้านอาหารเดิม ”

            หล่อนสรุปง่าย ๆ วางหูโทรศัพท์ลง  เอนตัวพิงกับ
พนักเก้าอี้  ขณะที่สอางค์ทิพย์ซึ่งรออยู่ด้านนอกโผล่เข้ามา
ในห้อง

            “ เป็นยังไงผลการเจรจา  อาเฮียร่ายโศกพะเรอ
เกวียนสินะ ”

            “ เขาขอนัดเลี้ยงฉัน ”

            “ มื้อไหนล่ะ ”

            “ เที่ยงนี้แหละ ”

            “ ก็ไปซี้  ของฟรีเสียอย่างกินเข้าไปเถอะ  กินฟรีเท่านั้น
นะอย่าเผลอใจไปนอนฟรีล่ะ  พูดก็พูดเถอะยายมิ้ม  ฉันไม่โทษ
ว่าเป็นความผิดของแกหรอก  คุณลีนะใครสบตากับเขา  โดย
ไม่ช็อคเพราะความวาบหวามก็นับว่าใจเย็นล่ะ ”

            “ นายสนับสนุนให้ฉันไปหรือ ”

            “ ถามใจนายสิว่ากล้าไหม....กล้าที่จะพบเขา  โดยลืม
ความนึกคิดเก่า ๆ เสีย ”

            เขานั่งรอเหมือนวาดอยู่ก่อนแล้ว  อาหารทุกอย่างบริกร
กำลังยกมาวาง  ลีนวัตรลุกขึ้นยืนเดินมาหาหญิงสาว  ดวงตา
เขาทอแววยินดีฉายชัดทีเดียวเมื่อเห็นเธอ

            “ มิ้ม  คิดว่าจะไม่มาเสียอีก ”

            “ มาสิคะ ” หล่อนยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มหวานระยับ
เป็นพิเศษ  นัยน์ตาเท่านั้นที่ไม่มีร่องรอยของสาวน้อยที่มองเขา
ดุจเทพบุตรอีกต่อไป  “ คุณเคยเห็นฉันเหลวไหลต่อการนัด-
หมายงั้นหรือ ”

            “ มานั่งที่โต๊ะกันดีกว่า  แน่ะอาหารเตรียมพร้อมแล้ว ”

            ลีนวัตรเป็นคนสั่งอาหารเหล่านี้เอง  ทุกอย่างจัดว่าเป็น
ของชอบเธอทั้งสิ้น  ปกติเขาเป็นคนขรึมเฉย  แต่ในความเฉย
เขาเป็นคนละเอียดรอบคอบทีเดียว  ช่างจดช่างจำในสิ่งที่เธอ
ชอบ  ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า สีสันของใช้  เขาจำทุกอย่าง
ได้ขึ้นใจ  ไม่แต่เขาจะเอาใจเธอเก่งเท่านั้นแม้กับบิดามารดา
ตลอดจนในบ้านเขาก็เป็นคอยเอาใจใส่

            “ รักกันมานาน  เมื่อไหร่จะแต่งงานเสียที ”

            “ ยังจ้ะ  อยากขอเวลาดูใจเขาอีกสักนิด ”

            “ ดูนาน ๆ มันจะเซ็งนาอีหนู ”

            แม่ปรารภอย่างคนหัวเก่า  ซึ่งท่านก็คงมีลางสังหรณ์
อย่างคนผ่านโลกมานาน

            “ ผู้ชายไม่ค่อยมีน้ำอดน้ำทนสำหรับการรอคอยเรา
หรอก ”

            “ ถ้าเขารอไม่ได้  เราเก๊าะตัดหางปล่อยวัด ”

            เหมือนวาดพูดแกมหัวเราะไม่คิดเลยจนนิดเดียวว่าคน
ที่เป็นฝ่ายตัดคือเขาหาใช่เธอไม่

            “ เราเริ่มลงมือทานกันเลยดีกว่าจ้ะ ”

            “ สั่งมาทำไมมากมาย ”

            “ มิ้มก็ทานมาก ๆ สิจ้ะ  เลี้ยงลาทั้งทีขืนเลี้ยงกระจอก ๆ
ก็ไม่สมกับตำแหน่งของมิ้มที่จะไป ”

            หล่อนและเขานั่งรับประทานเงียบ ๆ ทว่าอาหารก็พร่อง
น้อยเต็มที

            “ ใจหายนะที่จู่  ๆ มิ้มก็จะไป ”

            เขาเอ่ยขึ้นลอย ๆ เมื่อเสร็จจากการรับประทานอาหาร
หล่อนมองเหม่อไปไกลอย่างเลื่อนลอยฝืนยิ้ม

            “ เป็นธรรมดาค่ะ  เราอยู่ที่ทำงานเดียวกันมานานจน
เป็นความเคยชิน  จู่ ๆ พอจะไป  มันก็ต้องใจหายอาวรณ์
ธรรมดา

            “ แต่สำหรับผมอาวรณ์พิเศษ ”

            เสียงเขาเว้าวอนให้หล่อนไหวหวั่นอีกแล้ว  เหมือนวาด
ใช้หลอดฟางคนแก้วน้ำแข็ง  ไม่นะ ! หล่อนจะต้องทำใจให้
เข้มแข็ง  บุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้เขาไม่ใช่ผู้ชายอิสระ
พอที่ผู้หญิงจะจับจองได้  เขาเป็นผู้ชายที่มีลูกเมียแล้ว  เขา
ลวงเธอมาตลอดแต่ว่าจะเขาลวงก็ไม่ได้  ก็เหมือนวาดไม่เคย
ถามถึงผู้หญิงของเขาสักที  หล่อนเข้าใจว่าเขายังอิสระ  ที่ไหน
ได้....หล่อนเพิ่งรู้ว่าเขามีลูกเมีย  ก็เมื่อภรรยาของเขาปรากฏ
กายขึ้นเมื่อเขาถูกส่งไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด

            “ ดิฉันชื่อกรุณาค่ะเป็นภรรยาคุณลีนวัตร  ดิฉันมีความ
จำเป็นอยากพบเขาค่ะ ”

            “ มีอะไรหรือคะ ”

            “ คือลูกชายของเราป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบ  ดิฉันทำอะไร
ไม่ถูกเลยค่ะ ”

            “ เขาไปต่างจังหวัดต้องอาทิตย์หน้าถึงกลับค่ะ ”

            “ แล้วดิฉันจะทำยังไงดีคะ ”

            กรุณาทรุดลงนั่งอย่างคนหมดแรง  สีหน้าเผือกขาว
อย่างสะเทือนใจ  ดวงตาหมองหม่นเป็นกิริยาของมารดาที่
กำลังกังวลต่ออาการของบุตรชาย  เฉกเช่นมารดาที่รักเลือด
ในอกสุดชีวิต  เวลานั้นเหมือนวาดไม่คิดอะไรมากไปกว่า
ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ทำท่าเหมือนหมดอาลัยตาย-
อยากในชีวิต

            “ ไปโรงพยาบาลกันค่ะ  ดิฉันจะช่วยเหลือคุณกรุณาเอง ”

            หล่อนช่วยเหลือวิ่งเต้นทั้งการเงินและให้ความสะดวก
ต่าง ๆ จนลูกชายเขาพ้นจากอันตราย  ผู้หญิงคนนั้นแทบจะ
กราบเท้าหล่อนทีเดียว

            “ ถ้าคุณลีมา  เขาคงขอบคุณมากที่คุณกรุราช่วยเรา
แม่ลูก ”

            “ อย่าถือเป็นบุญคุณอะไรเลยค่ะ  ดิฉันกับคุณลีนวัตร
เป็นเพื่อนร่วมงานกัน  ดิฉันดีใจค่ะที่ได้ช่วยเหลือ...”

            ใช่สิ ! การช่วยเหลือครั้งนี้  มันทำให้เหมือนวาดรู้สึกว่า
ตาสว่างขึ้นทีเดียว  หล่อนอยู่ในโลกแห่งความมืดมัวมานาน
เต็มที

            “ มิ้ม....ให้ผมถามอะไรคุณสักอย่างได้ไหม ”

            หล่อนเลิกคิ้วขึ้นเป็นชิงถาม  โดยไม่มีคำพูดใด ๆ หลุด
จากริมฝีปาก

            “ คุณย้ายครั้งนี้  เพราะผมมีส่วนใช่ไหม ”

            “ ดิฉันย้ายเพราะความก้าวหน้าของอนาคตตัวเองค่ะ
คุณลีนวัตร  คุณไม่ใช่ผู้วิเศษวิโสจน์ทำให้ฉันนึกอยากพลิก
อนาคตตัวเองแน่....”

            คำตอบนั้น  บอกให้รู้ถึงความยโสและเลือดอหังการ์ใน
หัวใจของเจ้าหล่อนเต็มเปี่ยมทีเดียว

            “ และขอขอบคุณสำหรับการเลี้ยงอำลา ”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024