คุณนายท้ายครัว (หงส์หยก)

คุณนายท้ายครัว (หงส์หยก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: คุณนายท้ายครัว
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 350.00 บาท 87.50 บาท
ประหยัด: 262.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                                                  ตอน 1

ในยุคที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหมุนเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย หลากหลายผู้คนบนโลกเดินทางไปมาหาสู่กันได้รวดเร็วขึ้น อันเนื่องมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ขบวนการหนึ่งที่เติบโตควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลง คือกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ที่อาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พัฒนาขบวนการค้ายาให้มีความไฮเทคและรวดเร็วตามไปด้วย  

ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อกวาดล้างกลุ่มผู้ค้ายาที่มีมาไม่ขาดสาย

วันนี้อีกเช่นกันที่กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ค้ายานรกเข้าไปในตลาดสด เสียงปืนที่ยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ผู้คนพากันแตกฮือ บ้างหลบเข้าที่กำบัง บ้างเอะอะหวีดร้องตกใจกับเหตุการณ์

 เสียงไซเรนรถตำรวจดังกระหึ่มปะปนกับเสียงปืน สถานการณ์ดังกล่าวเต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย

 กลุ่มคนร้ายถูกไล่ล่าเข้าไปจนมุมบริเวณบ้านร้างหลังเก่าสุดซอย สาดกระสุนปะทะกันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถูกจับกุมได้ในที่สุด   

 ‘วรุตม์’...สารวัตรหนุ่มหัวหน้าชุดปฏิบัติการ สั่งลูกน้องคุมตัวคนร้ายเข้ามายืนเรียงกัน 

 บ่อยครั้งที่ติดตามไล่ล่าคนร้ายเข้ามาในที่แห่งนี้ อันเนื่องมาจากเป็นแหล่งชุมชนแออัด เต็มไปด้วยวัยรุ่นคึกคะนอง ที่พร้อมทุกเมื่อกับการเป็นเอเย่นต์รับส่งยา 

ปฏิบัติการในวันนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญสำหรับเขา เพราะมีสายรายงานว่า “ไอ้เหลิม” หัวหน้าใหญ่ของแก๊งค้ายา ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของทางการ จะเข้ามาขนถ่ายสินค้ากันที่นั่น

แต่ผู้ที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด กลับไม่มีไอ้เหลิมอย่างที่คาดคิดไว้

 “พลาดอีกจนได้!”

นอกจากจะหัวเสีย ยังผลุนผลันออกไปจากที่นั่นพร้อมกับลูกน้องสามสี่คน เพราะคิดว่าพวกมันคงไปไหนได้ไม่ไกลนัก

 

 บริเวณสี่แยกไฟแดงด้านหน้าตลาด มีรถยนต์หลายคันกำลังจอดติดไฟแดงยาวเหยียด กลายเป็นเป็นภาพชินตาไม่ต้องซื้อหาหรือว่าจ้าง ไฟแดงนานเท่าไหร่ ก็เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ขายพวงมาลัย ได้เดินโปรโมทสินค้าหลากหลายราคา เริ่มตั้งแต่ 10 – 50 บาท แล้วแต่การประดิษฐ์ประดอย

 ‘การบูร’ เด็กสาววัย 18 ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขาสั้น หนึ่งในจำนวนผู้เดินขายพวงมาลัย  กำลังทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่วชำนาญการ  เมื่อเห็นสัญญาณไฟแดงตรงหน้าทำท่าจะเปลี่ยน จึงเดินวนกลับไปริมถนนอย่างรู้หน้าที่ เพื่อสมทบกับเพื่อนชายอีกคน ที่เดินถือพวงมาลัยกลับเข้ามาอีกทาง

“ขายได้มั้ยวะไอ้ยาหม่อง”

เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ เชิงบอกว่าวันนี้ไม่อดตาย

รูปร่างผอมบางไม่ได้ส่วน แถมยังตัวดำปี๋ โกรกผมแดงราวกับลูกครึ่งฝรั่ง แต่ดั้งยุบแทบมองไม่เห็น ช่วยเน้นความอัปลักษณ์ให้มันได้อย่างดี 

‘ยาหม่อง’อยู่ในวัยไล่เลี่ยกับการบูร สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ให้ความยำเกรงการบูรและคอยเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ ด้วยเห็นว่าความปากร้ายกับความก๋ากั่นของหญิงสาว ทำให้นักเลงจ้าวถิ่นแถวนั้นไม่กล้ายุ่งด้วย

“ฉันได้ห้าสิบบาท พอกินข้าวแกงสองจาน ฉันเลี้ยงลูกพี่เองวันนี้”  มันล้วงเงินในกระเป๋าออกมาโชว์

ฝ่ายลูกพี่ยักคิ้วเพียงนิด เดินนำหน้าลูกน้องเข้าไปทางตลาด ปากไม่วายส่งเสียงทักทายผู้คนคุ้นเคยไปด้วย

สภาพข้าวของล้มระเนระนาดที่มองเห็น ไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนแปลกใจ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง อันเนื่องมาจากการทะเลาะเบาะแว้งของพวกนักเลงในตลาด

 เดินยังไม่ถึงร้านข้าวอย่างที่หวัง สองลูกพี่ลูกน้องเหลียวมองหน้ากันด้วยความตกใจ เมื่อเสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามา  

 ปัง ปัง ปัง!...มันดังมาจากท้ายซอยหลังตลาด

“เสียงอะไรลูกพี่”

“สงสัยพวกพ่อมึงตามจับไอ้ขี้ยาอย่างเคย” การบูรนึกอะไรขึ้นมาได้ “ไอ้ยาหม่อง กระจาดพวงมาลัยที่ฝากป้าย่นเอาไว้อีกซอย เอ็งเอามาหรือยัง”

อีกฝ่ายถึงบางอ้อ เพิ่งนึกได้เหมือนกัน “ลืมสนิท ทำไงดีลูกพี่”

“ก็กลับไปเอาสิวะ”

“อึ๋ยยย..ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวโดนจับไปมั่วซั่วเหมือนลูกพี่คราวที่แล้วอีก”

“เอ็งนี่มันไม่ได้เรื่อง ฝากฝังอะไรไม่ได้สักอย่าง กลัวจนขี้ขึ้นสมอง จะไปกลัวทำไมวะเราไม่ได้ทำอะไรผิด...งั้นเอางี้ เอ็งไปรอข้าอยู่ตรงป้ายรถเมล์ เดี๋ยวข้าไปเอาพวงมาลัยแล้วจะตามไป”

“เอางั้นเหรอลูกพี่ ระวังจะเจอดีอีกล่ะ”

ปลายเท้าขนาดย่อมถีบโครมเข้าที่ท้องมันแรงๆ “ไม่เข้าไปเอายังจะปากดี ขืนจับมั่วอีกละก็ ตำรวจก็ตำรวจเถอะ เจออีการบูรตะบันหน้าเขียวแน่”

ยาหม่องยิ้มแหย “ตำรวจนะพี่ ไม่ใช่ไอ้พวกขี้เมาท้ายซอย”

“เออ..ตำรวจแล้วไง ตำรวจไม่ใช่พ่อข้าสักหน่อย กลัวทำไมวะ” ขาดคำก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังจุดหมายท้ายซอย

 

วรุตม์ไล่ติดตามคนร้ายมาจนถึงกลางซอย จวนเจียนจะได้ตัว แต่คนร้ายหลบเข้าไปทางซอยเล็กๆ เหมือนรู้ช่องทางเป็นอย่างดี สารวัตรหนุ่มวิ่งตามไปทางนั้น  ยังไม่ทันถึงที่หมายก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่วิ่งสวนมา ทำเอาล้มลงไม่เป็นท่า

“โอ้ย!...” การบูรร้องเสียงหลง 

กำลังยันตัวจะลุกขึ้น แต่กลับถูกกุญแจมือสวมฉับๆ ลงที่แขนทั้งสองข้าง  

“เฮ้ย!” เธอเหลียวมองหน้าเจ้าของกุญแจมือและเห็นว่าเป็นคู่ปรับเก่า “สารวัตร!”

“นี่เธออีกแล้ว”

“รู้แล้วก็รีบปล่อย คนจะรีบไปทำมาหากิน” บอกพร้อมจ้องเขม็งมองอย่างไม่เกรงกลัว

วรุตม์ถอนหายใจยาว สาวห้าวประจำซอยคนนี้ เป็นไม้เมื่อไม้เมากับเขาอยู่ก่อนแล้ว ที่สำคัญเธอคือเป้าหมายอีกคน ที่คิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายานรก ไม่ว่าจะให้เหตุผลหรือด่าทออย่างไร เธอถูกควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจ พร้อมกับกลุ่มพวกค้ายาที่จับได้

 ถึงที่หมายแล้ว เสียงด่าทอยังดังเอะอะไม่ไว้หน้าใคร จนหมู่แหวงที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ต้องเข้ามาเตือนให้ใจเย็น

“ถ้าเอ็งไม่เงียบ เดี๋ยวสารวัตรโกรธสั่งขังไม่รู้ด้วยนะ”

“เอาซี้ ตำรวจรังแกประชาชนชัดๆ เจ้าข้าเอ้ย...ใครไม่เคยเห็นตำรวจรังแกประชาชน เชิญทางนี้ รีบมาดูกันเร็ว”  

 หมู่แหวงส่ายศีรษะไปมา

 สักครู่วรุตม์เดินออกมาจากห้องผู้กำกับฯ ชายหนุ่มตรงมาหยุดใกล้ๆ ชี้หน้าเชิงฝากเอาไว้ก่อน

“ดีว่าไม่มีหลักฐานชี้ชัด วันนี้จะปล่อยตัวไปก่อน”

“ปล่อยตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง บอกแล้วว่าฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกมัน  ทำไมเมืองไทยมีแต่ตำรวจงี่เง่าอย่างสารวัตรนะ เสียเวลาทำมาหากินหมด” เธอแบมือเหมือนรออะไรบางอย่าง

แทนคำตอบโต้ วรุตม์หยิบเงินส่งให้ 1000 บาท อย่างรู้หน้าที่ ทำเอาหญิงสาวยิ้มตาโต ยัดเงินใส่กระเป๋าตัวเองอย่างรวดเร็ว  

“ขอบคุณ ว่าแต่จับฉันมาตั้งหลายครั้ง ไม่เบื่อบ้างเหรอสารวัตร..เอ หรือว่าแอบติดใจฉันเข้าแล้ว”

ชายหนุ่มส่ายศีรษะปลงๆ “เธอควรหันมาร่วมมือกับตำรวจ ดีกว่าคิดเพ้อเจ้อไม่เข้าเรื่อง”

“คนที่คิดเพ้อเจ้อสารวัตรมากกว่า ฉันน่ะประชาชนคนบริสุทธิ์ ความจริงจับฉันมาตั้งหลายครั้งฉันยังไม่ได้เอาคืนสักครั้ง สงสัยวันนี้คงต้องจัดหนักหน่อย”

 “อย่าอวดเก่งผิดที่ผิดทางน่า”

แทนคำตอบการบูรซัดหมัดเข้าที่หน้าเขาอย่างจัง “นี่เป็นการจัดแบบเบาๆ คราวหน้าหนักกว่านี้แน่” ขาดคำก็วิ่งเผ่นแน่บออกไปจากที่นั่น

วรุตม์ทำท่าจะตามแต่เปลี่ยนเป็นยืนนิ่ง เอามือจับขากรรไกรโยกบิดไปมาคลายความเจ็บ ก่อนหันไปเจอหมู่แหวงและลูกน้องสองสามคน ที่กำลังยืนรอคำสั่ง

“จะให้สกัดจับมั้ยครับสารวัตร”  

ผู้ถูกถามกระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้หงุดหงิด “ขี้เกียจเป็นขี้ปากชาวบ้าน หาว่าฉันรังแกประชาชน”

“จะว่าไปเด็กคนนี้บารมีมันเยอะนะครับ”

“เยอะยังไง”

“ก็มันสามารถต่อยปากสารวัตรได้ ทำร้ายเจ้าพนักงานเชียวนะครับ”

วรุตม์เหลือบมองหน้าหมู่แหวง  “มีอะไรก็ไปทำ..ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

หมู่แหวงก้มหน้าเดินออกไปแล้วไม่วายเหลียวมามองยิ้มๆ

                                                    *************

คฤหาสน์หรูกลางกรุงบนเนื้อที่กว่า 100 ตารางวา โดดเด่นสะดุดตากับผู้พบเห็น ด้านหน้าประตูทางเข้า เขียนป้ายตัวใหญ่ติดไว้ว่า “บ้านนฤบดินทร์”  

คฤหาสน์หลังงามมีรัตนาและธานินทร์สองสามีภรรยา เป็นประมุขของบ้าน กิจการค้าเพชรที่ร่ำรวย สืบทอดกันมายาวนานจากบรรพบุรุษ รวมไปถึงบริษัทส่งออกเครื่องหนังแถวหน้า และร้านทองกว่า 20 แห่งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ทำให้บ้านนฤบดินทร์เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป

รัตนามีบุตรชายเพียงคนเดียวคือวรุตม์ ที่ไม่หวังประกอบอาชีพตามบิดามารดา เพราะชื่นชอบการเป็นตำรวจมากกว่า ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา ทำให้รัตนาต้องเข้มงวดเรื่องการสรรหาสะใภ้อยู่ไม่น้อย

คู่หมั้นหมายของลูกชายลงตัวที่ “รัชนี” ลูกสาวคนเดียวของ “แสงเดือน”  เพื่อนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจค้าเพชรไฮโซด้วยกัน

 บ่ายของวันนี้ดูโกลาหลเป็นพิเศษ เมื่อมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นภายในห้องรับแขกของบ้านนฤบดินทร์ 

“นีไม่ยอมนะคะคุณป้า ดูสิ รุตปิดเครื่องหนีนีเอาดื้อๆ โทรศัพท์ไปที่ห้องทำงานก็บอกว่าไม่อยู่” พูดพลางกระแทกตัวนั่งลงกับโซฟาตัวยาว ขยับแว่นกันแดดสีดำอันโตขึ้นเหนือศีรษะ

 รัตนาบอกอย่างเกรงใจ

“ตารุตบอกป้าว่า ไปสืบราชการลับ คงทำงานอยู่มากกว่าหนูนี”

“ราชการลับเหรอคะ”

“จ้ะ”

“แล้วคุณป้าก็เชื่อด้วยเหรอคะ”

“จ้ะ” 

“คุณป้าเชื่อลูกง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง ทำไมคุณป้าไม่ถามว่ารุตไปที่ไหน ไปทำอะไร ไปกับใคร ทำไมไม่ถามล่ะคะ” ผู้พูดใส่อารมณ์อย่างลืมตัว นั่งกอดอกกระแทกหลังลงกับเบาะโซฟาตัวหรูแรงๆ ท่าทางขัดใจ

“เอ่อ..คือว่า ป้า...”

“คราวหลังคุณป้าต้องถามให้ละเอียด เผื่อรุตไปกับผู้หญิงอื่นจะว่ายังไง นีไม่ยอมนะคะคุณป้า อุตส่าห์หมั้นหมายกับนีแล้ว ยังจะไปมีคนอื่นแบบนี้ มีอย่างที่ไหน เป็นคู่หมั้นกัน แต่หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว คอยดูนะ..กลับมานีจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

 “ป้าว่าหนูนีอย่าเพิ่งคิดมากไปเลยจ้ะ อีกอย่าง ป้าเองก็ไม่เคยเห็นตารุตมีผู้หญิงที่ไหนนอกจากหนูนี”

“เรื่องแบบนี้พูดกันได้ที่ไหนคะคุณป้า ผู้หญิงสมัยนี้วิ่งเข้าหาผู้ชายเป็นว่าเล่น ถึงแม้จะมีเจ้าของแล้วก็เถอะ บางคนนะคะ ไปนั่งเฝ้าถึงที่ทำงาน ทั้งที่ผู้ชายเขาไม่สนใจสักนิด เพื่อนนีบางคนนะคะ เช้าถึงเย็นถึงบ้านผู้ชาย จนญาติเขาเอือมระอา” บอกบรรยายยาวเหยียด เหมือนไม่เว้นจังหวะให้หายใจ

“ดีนะ ที่นีไม่ได้เป็นอย่างนั้นน่ะลูก”

รัชนียิ้มรับแบบเจื่อนๆ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดที่พูดออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่แทบทั้งสิ้น แทนที่จะตีโพยตีพายต่อ จึงเป็นฝ่ายนิ่งเสีย

“หนูนีไม่ต้องกลัวนะจ้ะ ถึงยังไง ป้าก็ไม่มีทางให้รุตเหลวไหลเป็นอันขาด ครอบครัวของเราก็รู้จักกันมานาน ตารุตไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก ถ้าเขาติดต่อมา ป้าจะบอกให้โทร.ไปหาหนูนีด่วนนะจ้ะ”

“ขอบคุณค่ะคุณป้า ก็มีแต่คุณป้านี่แหละค่ะ ที่เข้าใจนีมากที่สุด” บอกแล้วยิ้มประจบกระแจง

 

หลังวิ่งหนีออกมาจากสถานีตำรวจ การบูรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยาหม่องฟังอย่างละเอียด เหตุการณ์ตอนต่อยหน้าวรุตม์ดูจะเป็นสีสันต์ให้บรรยากาศการเล่าสนุกสนานครื้นเครง จบจากการเล่ายังอาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นยาหม่อง จากเงินที่วรุตม์ให้มา

 นั่งกินข้าวไปได้สักครู่ จู่ๆ การบูรนึกอะไรขึ้นมาได้

“ตายห่า..ห้องฉัน..” 

“อะไรเหรอลูกพี่..อยู่ๆ เกิดเป็นห่วงพระราชวังขึ้นมา” พูดไปเคี้ยวข้าวไปไม่ยั้ง

“ฉันเพิ่งนึกได้น่ะสิ ว่าตอนออกมาจากห้องเมื่อเช้า  เสียบปลั๊กเตารีดเอาไว้ เพิ่งรับจ้างงานแรกซะด้วย”

“ตายโหง...ถ้าเกิดไฟไหม้ วายวอดทั้งซอยเลยนะลูกพี่” 

“รีบกินเข้าสิ จะได้รีบไป ไม่อย่างนั้นทั้งพระราชวังของแกแล้วก็ของฉัน วอดแน่!”

เพียงเสี้ยววินาที ยาหม่องโกยข้าวเข้าปากหมดในพริบตา มันรวบรัดตัดความเรียกเจ้าของร้านมาเก็บเงิน ก่อนพากันทยานออกไปจากที่นั่นทันที

เดินลึกเข้าไปในซอย ยังไม่ทันถึงจุดหมาย ได้ยินเสียงคนร้องไห้ดังมาจากด้านหนึ่ง 

 “เอ็งได้ยินเหมือนข้ามั้ยวะ” การบูรถามขึ้นมาก่อน

“ได้ยิน..เสียงเด็กร้อง”

“ใช่..เด็กร้องไห้..”

“สงสัยเด็กแถวนี้ถูกแม่ตีมากกว่า  รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์”

“ฝนตั้งเค้าทำท่าจะตก ฉันว่าเข้าไปดูมันหน่อยดีกว่า ถ้ารู้ว่าเป็นลูกใคร จะได้พาไปให้พ่อแม่มัน  ดีไม่ดีเจอพวกแก๊งลักขโมยเด็กเข้า มันจะซวยยิ่งกว่า” 

เสียงร้องไห้ยังดังอย่างต่อเนื่อง แถมยังเร่งความแรงขึ้นเรื่อยๆ

ท่ามกลางความค้างคาใจ การบูรเดินนำหน้าไปตามเสียงที่ได้ยิน ก่อนจะเห็นเด็กชายวัย 13 ปีนั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าห้องเช่า ใบหน้ามีรอยเขียวช้ำจากการถูกทารุณ

“ไอ้น้อง ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้” การบูรขยับเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ “หน้าตาไม่เคยเห็น ไม่ใช่เด็กแถวนี้นี่หว่า”

เด็กชายไม่พูดอะไรนอกจากส่งเสียงร้องไห้ไม่หยุด 

 “ไอ้น้อง..บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวพี่จะไปส่ง เร็วเข้าเถอะ ฝนจะตกแล้ว พ่อแม่จะเป็นห่วงเอา”

“ไม่อยากกลับบ้าน คนที่บ้านใจร้าย ช่วยด้วย ช่วยผมด้วยนะพี่” สองมือจับแขนการบูรไว้แน่นท่าทางตื่นกลัว

“ใครจะทำอะไร ไหนเล่ามาซิ” 

“อาที่บ้าน จะฆ่าผม เขาจะฆ่าผม...” เสียงเล่าปะปนกับเสียงร้องไห้  “ยังไงวันนี้ผมก็ไม่กลับไปที่นั่นเด็ดขาด มีแต่คนใจร้ายทั้งนั้น ฮือๆๆๆๆ”

การบูรสบตายาหม่องแล้วถอนหายใจ

“จะให้เชื่อได้ยังไง...เดี๋ยวนี้เด็กจรจัดโกหกเก่งจะตายไป”

“พี่ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ ปล่อยผมไว้ที่นี่ ผมไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร”

“หนอย..มีฟอร์มซะด้วย” ยาหม่องมองค้อน ก่อนเร่งเร้าลูกพี่ทันควัน “ไปเถอะลูกพี่ เดี๋ยวพ่อแม่มันก็มาตามไปเองนั่นแหละ”

“เอางี้ วันนี้ไปนอนที่บ้านพี่ก่อน ค่ำมืดแล้วจะนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนได้ยังไง”

อีกฝ่ายเงียบเหมือนเห็นดีด้วย

“ชื่ออะไรล่ะเอ็งน่ะ”

“ทิงเจอร์ครับ”

ยาหม่องแดกดัน “ทิงเจอร์...กระแดะชื่อเป็นฝรั่งเชียว”  

“ทิงเจอร์ ยาหม่อง การบูร กลุ่มยาสามัญประจำบ้านทั้งนั้น ความจริงมันน่าจะเป็นพวกเดียวกับเราได้ ”

“แต่บอกก่อนนะ ถ้าคิดจะมาหลอกลวงพวกฉัน เอ็งได้เจอดีแน่ นี่ดีนะว่าลูกพี่ฉันเมตตาเอ็ง ถ้าเป็นฉัน..บอกตามตรง สองตาก็ไม่แล”

ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไร ทิงเจอร์ล้วงกระเป๋าหยิบเงินแบงค์พันล้วนๆ ออกมาส่งให้การบูรหน้าตาเฉย

“พี่ช่วยหาที่เก็บให้ผมทีนะครับ”

แบงค์พันหลายแบงค์เรียงกันเป็นปึกไม่ทราบจำนวน พาให้ยาหม่องเบิกตาค้าง บอกตะกุกตะกักแทบไม่เป็นคำ

“อะ..ไอ้..น้อง..อย่าบอกนะว่าแบงค์ในมือเอ็งเป็นของจริง” 

 “ไปเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะขนาดนั้น” การบูรถามทันควัน

“ขโมยมา”

“หา !...” ต่างพากันร้องเสียงหลง

คราวนี้ยาหม่องถึงกับกระสับกระส่ายยืนไม่ติดที่

“ลูกพี่...ปล่อยมันกลับไปบ้านมันเถอะ เฉียดไปเฉียดมาอยู่กับตาราง เดี๋ยวได้เข้าไปนอนในนั้นแน่ๆ  ยิ่งไม่ถูกกับตำรวจอยู่ด้วย ไม่เข็ดหรือไง”

“พี่ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ยังไม่มีใครรู้” เด็กชายรีบสรุป

การบูรถอนหายใจ ครั้นจะถามที่มาที่ไป เกรงว่าจะยืดยาวไปกว่านั้น ที่สำคัญเธอควรรีบกลับไปห้องพักให้เร็วที่สุด หญิงสาวตัดบทคว้าเงินปึกใหญ่ใส่กระเป๋า  ก่อนจูงมือทิงเจอร์เดินนำออกไปหน้าตาเฉย ยาหม่องเอามือเกาหัวขัดใจ เร่งฝีเท้าเดินตามไปติดๆ

พากันเดินลึกเข้าไปท้ายซอย ล้วนเป็นบ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียวติดกันดูแออัด ห้องแถวตลอดแนวยาวมีผู้พักอาศัยเต็มหมด ได้ยินเสียงตะโกนคุยกันโหวกเหวกแบบไม่เกรงใจดังออกมาเป็นระยะ  บางกลุ่มนั่งปักหลักดื่มฉลองรายวันอยู่หน้าห้องเช่า

เดินมาจนถึงห้องพักของตัวเอง กลับพบว่าประตูด้านหน้าถูกงัดเปิดไว้  การบูรตกใจรีบเดินเข้าไปด้านใน

ไม่มีทั้งเตารีด และหม้อหุงข้าว ที่ถือว่าเป็นของมีราคาที่สุดในนั้น เล่นเอาการบูรถอนใจเฮือก

“ใครกล้าล้วงคองูเขียวอย่างลูกพี่วะเนี่ย” ยาหม่องบอกเสียงเรียบ

“เฮ้อ..สงสัยมีคนใจดีเข้ามาดูแลห้องให้ ช่างมันเถอะวะ”

“ไปเอาหม้อหุงข้าวที่ห้องฉันมาใช้ก่อนก็ได้ลูกพี่ ฉันจะได้มากินด้วย”

“แผนสูงตลอด”

“เอาเงินผมไปซื้อใหม่สิครับ ผมไม่ว่าหรอก” ทิงเจอร์เสนอความเห็น

“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากันเรื่องนั้น ตอนนี้หาที่นอนก่อนดีกว่า”

ต่างนั่งลงตรงพื้นห้อง ยาหม่องเริ่มหันมาสนใจที่มาที่ไปของทิงเจอร์

“คราวนี้เอ็งลองเล่าเรื่องของเอ็งให้ข้าฟังอย่างละเอียด”

 “ถ้าผมเล่า พวกพี่จะเชื่อผมหรือเปล่าครับ เพราะชีวิตผมมันน้ำเน่ายิ่งกว่าละคร”

“เอ้า..เน่าก็จะฟัง ดูสิว่ามันจะเน่าสู้ข้าวของในห้องไอ้ยาหม่องได้รึเปล่า” การบูรตั้งใจฟัง

ทิงเจอร์เริ่มลำดับเหตุการณ์ “พ่อกับแม่ผมเพิ่งเสียไปได้ไม่นาน...ผมอยู่กับอา ซึ่งเป็นผู้ดูแลมรดกที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้ให้กว่าห้าสิบล้าน”

“ห้าสิบล้าน!..” เสียงประสานกันดังสนั่น

“ครับ..อยู่มาไม่นาน อาก็พยายามจะฆ่าผมให้ตาย เพื่อจะได้มรดกของผม”

“หา..แล้วอาเอ็งเป็นอาแท้ๆ หรือเปล่า ทำไมใจร้ายจัง” ยาหม่องถามต่อ

“อาแท้ๆ ครับ รู้มั้ยเขาใจร้ายขนาดไหน คืนที่ผมจะหนีออกมา ผมแอบได้ยินเขาคุยกับแฟนของเขา บอกว่าจะฆ่าผมให้ตายในห้องน้ำแล้วใช้ไฟช็อต  จากนั้นพวกเขาก็จะได้เป็นผู้จัดการมรดกในฐานะที่ดูแล ผมเลยต้องหนีออกมา และแอบขโมยเงินออกมาด้วย”

การบูรหยิบเอาแบงค์พันในกระเป๋ากางเกงออกมาดู

“เงินนี่มันเยอะอยู่เหมือนกันนะไอ้น้อง”

“ผมลืมบอกพวกพี่ไปอย่างหนึ่ง”

“อะไร”

“พ่อกับแม่ฝากจดหมายเอาไว้  ให้ผมเดินทางไปตามหาญาติ เหมือนพวกเขาจะรู้ว่าอาไว้ใจไม่ได้ เขาสั่งว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ให้เดินทางไปตามหาญาติในจดหมาย”

“ทำยังกับเล่นซ่อนหา...เอ็งพูดจริงหรือพูดเล่นวะเนี่ย” ยาหม่องยังไม่อยากเชื่อนัก “ไม่แน่นะลูกพี่ มันอาจหนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าก็ได้”

“ผมพูดจริงครับ...ผมอยากให้พวกพี่ช่วยพาผมไปตามหาญาติ ตามที่อยู่ในจดหมาย ถ้าเจอแล้ว ผมจะให้ส่วนแบ่งพวกพี่”

“เอ็งจะให้พวกข้าเท่าไหร่” ยาหม่องหยั่งเชิง

“ห้าแสน”

“ห้าแสนบาท!” เสียงประสานดังกว่าเมื่อครู่

ต่างพากันขยับห่างออกมาซุบซิบขอความเห็น สักครู่ยาหม่องคลานเข่าเข้ามาจ้องหน้าทิงเจอร์ในระยะประชิด

“หน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยนะ เป็นทายาทห้าสิบล้าน”

“หน้าตาดีใช่มั้ยครับ”

“หน้าตาไม่น่าไว้ใจน่ะสิ” มันสรุปเสียงดัง

“ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นอะไร ผมจะลองไปขอความช่วยเหลือคนอื่นดู”

“แล้วทำไมไม่ลองไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจล่ะ จริงสิ...พี่จะพาไปหาตำรวจดีมั้ย” การบูรเริ่มเห็นทางออก

“ผมกลัวตำรวจไม่เชื่อ แล้วก็จะพาผมกลับไปบ้านอาอย่างเดิม แล้วผมก็มีแต่ตายกับตาย..แต่ถ้าพวกพี่ไม่สนใจข้อเสนอ...พรุ่งนี้ผมจะลองไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นดู แต่วันนี้ผมขอพักกับพวกพี่หนึ่งคืนนะครับ”

“เออ..วันนี้นอนก่อน พรุ่งนี้เอ็งจะได้คำตอบ” ยาหม่องสรุปแค่นั้น  “และเพื่อเป็นการป้องกันอันตราย คืนนี้ฉันจะนอนเป็นเพื่อนลูกพี่ที่ห้องนี่ด้วย เผื่อไอ้เด็กนี่มันพาพวกมายกเค้า”

“ไอ้ยาหม่อง มันจะมาเอาอะไรได้อีกวะ ของที่มีค่าที่สุดในห้องฉันน่ะ มันเอาไปหมดแล้ว”

“จริงด้วยแฮะ”

“เอ็งจะนอนก็หาที่นอนกันเอา ห้องข้าไม่แบ่งชนชั้นวรรณะหรอก” 

“แล้วพี่อยู่กับใคร”

“ข้าอยู่คนเดียว ป้าที่เลี้ยงดูข้ามาตายไปนานแล้ว พ่อแม่ข้าตายไปก่อนป้าอีก จะถามอะไรอีกมั้ย”

“ไม่ละครับ”

เจ้าของห้องเริ่มจัดสถานที่ให้แต่ละคนนอนกันคนละมุม  

ความอ่อนเพลียทำให้ทิงเจอร์หลับไปก่อนหน้า มีเสียงกรนดังแผ่วออกมาพอให้ได้ยิน ท่ามกลางค่ำคืนอันยาวนาน  การบูรและยาหม่องกลับเป็นฝ่ายนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา คำว่า “ห้าแสนบาท” แว่ววนเวียนอยู่ในห้วงความทรงจำ  

ไม่ทันคาดคิด!..ทั้งลูกพี่และลูกน้องผุดลุกขึ้นพร้อมกัน แบบไม่ได้นัดหมาย 

“ลูกพี่คิดเหมือนฉันใช่ไหม” ยาหม่องชิงถามขึ้นก่อน

การบูรพยักหน้า “เอ็งว่าเอาไงดีวะ”

“ลำพังขายพวงมาลัย บางวันค่าข้าวค่าขนมยังไม่ค่อยพอกิน เงินตั้ง 5 แสน ชาตินี้ก็หาไม่ได้  แค่พาไปพบญาติแค่นั้นเอง ดีกว่ามานั่งทะเลาะกับสารวัตรด้วยนะลูกพี่”

“แล้วถ้าเกิดมันหลอกลวงเราไปฆ่า แต่ถ้าฆ่าเราตายพวกมันจะได้อะไรวะ สมบัติต้นตระกูลก็ไม่มี”

ต่างพากันเงียบเมื่อเห็นว่าจริงตามนั้น 

“แต่ว่าค่าเดินทางล่ะลูกพี่ เราไม่มีเงินเลยนะ”

เสียงหนึ่งตะโกนบอกขึ้นมาทันควัน

“ก็เอาเงินของผม ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พักพร้อมสรรพ”

การบูรและยาหม่องเหลียวมาทางทิงเจอร์ รู้ว่าไม่ได้หลับ

“ใครใช้ให้เอ็งแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน” ยาหม่องวางท่าข่ม

“ไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยินครับ เพราะห้องแคบแค่นี้เอง”

ยาหม่องเงียบอย่างจำนน

“ตกลงจะไปกับผมใช่มั้ยครับ”

“เอาเป็นว่าพวกเราตกลงจะช่วยทิงเจอร์ตามหาญาติ” การบูรสรุป “แต่จะขอพิสูจน์ความจริงอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจ”

“ไชโย!...จะพิสูจน์อะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอให้ช่วยเหลือผมก็พอ” ทิงเจอร์ยิ้มหน้าบานกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันควัน “ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”

การบูรมองหน้าทิงเจอร์ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

                                       **************

รายละเอียด

เมื่อสารวัตรหนุ่มอย่าง ‘วรุตม์’ ต้องติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ค้ายารายใหญ่

‘การบูร’ เด็กสาวขายพวงมาลัยจอมทโมน เป็นเป้าหมายหลักที่เขาคิดว่าเธออาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ค้ายา

การติดตามไล่ล่าทั้งกลุ่มผู้ค้ายาและการบูร จึงดำเนินไปพร้อมกับการตามหาหัวใจ 

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (82 รายการ)

www.batorastore.com © 2024