กับดักเสน่หา ชีต้าร์ล่าหัวใจ ภาค 1-2 (นางแก้ว) (EBOOK)

กับดักเสน่หา ชีต้าร์ล่าหัวใจ ภาค 1-2 (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: กับดักเสน่หา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่1 กลบเกลื่อนหลักฐาน

 

                ประเทศอเมริกาในรัฐโอไฮโอ

ณ ที่บ้านพักหลังเดี่ยว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันเกือบทั้งแถบ รวมทั้งบ้านหลังหนึ่งที่กำลังมีการเคลื่อนไหวของสี่สาวต่างเชื้อสายและเผ่าพันธุ์ หากสนิทกันมาก เพราะมีกิจกรรมแปลกๆทำร่วมกันเสมอ เช่นวันนี้

                หญิงต่างชาติทั้งผิวดำ และผิวขาวสองคน ชาวญี่ปุ่นหนึ่งคน ต่างช่วยกันจับคิริยา หญิงสาวผมยาวหยักศก ผมของเธอมีความยาวถึงกลางหลัง ผมหยิกยาวนั้นดูราวกับเธอใช้สาหร่ายเส้นยาวกลุ่มใหญ่ปกคลุมศีรษะ มือทั้งสองข้างถูกพันธนาการด้วยเชือกแน่นหนาไขว้ไปข้างหลัง และขาทั้งสองถูกพันธนาการ

หญิงสาวทั้งสามคน ผลักเชลยยัดใส่ตู้ผ้า พลางปิดล็อกแน่น จากนั้นทั้งสามสาวออกมากภายนอกห้องสายตาคอยจับจ้องมอง ผู้ที่โดนจับขังด้วยความเต็มใจ

หญิงผิวดำผมหยิกฟู พลิกนาฬิกาข้อมือ จับเวลาพลางนับ

                “One…Two…Three…Four…”

                “Sixty”

                ประตูห้องถูก หญิงไทยถีบประตูผางออก หอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผมยุ่งไปกว่าที่เป็นอยู่ ริมฝีปากเต็มอิ่มมีรอยช้ำห้อเลือดเพื่อนหญิงชาวญี่ปุ่น เข้าไปใช้นิ้วแตะอย่างนุ่มนวล

                “Ohรีย่าเลือดออก”

                “เวลาล่ะ ฉันใช้เวลาไปนานมั้ย”

                “สองนาที ยูรอด ” หญิงผิวดำว่า

                คิริยาบ่นอย่างไม่พอใจตัวเองต่อความคิดว่าไม่น่าผิดพลาดได้

                “บ้าเอ๊ย ฉันเคยทำเวลาได้ดีกว่านี้นี่นา”

                “เอาน่ายังไงเกมของเราก็สิ้นสุดด้วยการรอดอยู่ดี”

                คิริยาปัดผมยาวและหยิกเหมือนสาหร่ายทะเลให้ไปรวมเป็นกลุ่มทางด้านหลัง ดวงหน้าเรียวรูปไข่สวยงาม ผิวขาวนวลเนียนสวยไม่แพ้สาวญี่ปุ่น หรือชาวเกาหลี ไล่ลาถอนใจยาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

 เธอต้องใช้ความพยายามมากกว่าทุกครั้งเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจากพันธนาการ พวกเธอชอบเล่นพลิกเพลงผาดโผนเกมที่ต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ หลายคนมองว่ากลุ่มของเธอบ้า

หากพวกเธอมีเหตุผลจำทำตัวให้รอดได้อย่างไรถ้าอยู่ในสถานการณ์คับขัน เคยแม้แต่เล่นตลกร้ายกับเพื่อนที่วางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล อยู่ชมรมมวยปล้ำหญิง คิริยาหาญเข้าไปปล้ำอีกฝ่ายในโรงอาหารและโดนริบของกินเวลาเที่ยง แต่พวกของคิริยาไม่หยุดแค่การลงโทษจากโรงเรียน เพราะพวกเธอตามไปงัดรถของนักมวยปล้ำร่างยักษ์จนมีสภาพเป็นเศษเหล็กจนเจ้าตัวต้องมาจับมือเป็นพวกเดียวกัน

“เจ็บมั้ยรีย่า”

                “แค่ปลดล็อกประตูรถแค่นั้นยูโกะไม่มีปัญญา เธอจะทำตัวเป็นคุณหนูไปทำไม ในเมื่อเมืองเธอมียากูซ่า”

                “ฉันมีรีย่าเป็นผู้คุ้มครองคนเดียวก็พอแล้ว มีรีย่าอยู่ทั้งคนฉันตายไม่เป็นอยู่แล้ว”

                “ยังไงสักวันก็ต้องต่างคนต่างไปอยู่ดี เราจะเล่นกันอย่างนี้ไปตลอดไม่ได้”เฟลม สาวผิวหมึกเอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการ ยูโกะมองคิริยาด้วยดวงตาละห้อย หากคิริยายิ้มรับ เห็นด้วยกับคำกล่าวของเฟลม

                ยูโกะไม่อาจรับได้ เพราะเธอรักคิริยา เฉกเช่นคู่รักที่ไม่อยากมีการพลัดพรากกันไป เธอวิงวอนกึ่งบังคับ

                “ยูต้องไม่ทิ้งฉัน ไม่ทิ้ง ใช่มั้ยรีย่า”

                “ที่รัก เธอจะย้ายไปอยู่กับฉันที่เมืองไทยหรือเปล่าล่ะ”

                “ฉันไปได้กับเธอทุกทีล่ะ ฉันรักเธอ รักจริงๆนะที่รัก”

                คิริยาแตะรีย่านวลของเพื่อนสาวบางเบา ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอใกล้ยูโกะแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ แต่เธอไม่ได้รู้สึกถึงการขาดอีกฝ่ายไม่ได้ อย่างที่ยูโกะเป็น

                รถปอร์เช่สีแดงเพลิงแล่นฉิวไปจอดหน้าบ้านหลังเดี่ยว กั้นรั้วเตี้ยตามกฎหมาย ซูซานเป็นคนขับ เธอมารอรับไล่ล่าและยูโกะซึ่งพักอยู่ด้วยกัน

                เวลาต่อมา

 สี่สาวเฮฮาสะพายกระเป๋าคนละใบไปตั้งแค้มป์

                เฟลม สาวผิวหมึกหน้าคมตามสัญชาติกล้ามเนื้อเป็นหมัดใช้พลังในตัว บีบกระป๋องโค้ก จนเกิดแรงดันฝาปิดออก

                “เยี่ยมมากเฟลม รับรองได้เลยว่าถ้าฉันหาผู้ชายที่ไม่มีปัญญาเปิดฝ่ากระป๋องด้วยวิธีนี้ล่ะก็ฉันจะไม่ขอรับมาเป็นคู่เด็ดขาด”

 ซูซานสาวผมบลอนด์เอ่ยกลั้วหัวเราะ ขับรถแซงทุกคันที่ขวางทาง  คิริยาเปิดฝาจุกออก ยูมิกอดแขนเพื่อนหญิงยิ้มฟันเกเต็มปาก

                “รีย่าเก่งกว่าเพราะเปิดด้วยวิธี ที่ไม่ทำให้น้ำหกสักหยด”

                “ยู ชัวร์” เฟลมผลักคิริยาจนศีรษะคะมำ

                ซูซานเจ้าของรถเหยียบเบรกกึก ก่อนเอ่ยเสียงดัง

“เธอลงไปกัดกันให้กระอักไปข้างหนึ่งเลยไป”สาวเจ้าของหน้าหวานไล่สองสาวลงไปวัดฝีมือ

คิริยากระโจนเข้าใส่ เฟลมอีกฝ่ายจับร่างบางและเล็กกว่าจะทุ่มหากคู่ต่อสู้ไวยิ่งนักตีลังกากลับไปข้างหลัง ลอดหว่างขาร่างสูงของเฟลม พลางออกกำลังสุดแรงกระตุกขาทั้งสอง ก่อนจะยกขึ้นถอนรากถอนโคน คนตัวใหญ่ล้มตึงไม่เป็นท่า

                เพื่อนปรบมือเกรียวเมื่อชัยชนะตกเป็นของคิริยาอีกครั้ง

                “เมื่อไหร่ฉันจะจับเธอแก้ผ้าได้เสียทีรีย่า” เฟลมเอ่ย พลางเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก

                “เมื่อเธอมีสมองมากกว่านี้มั้ง”สาวไทยคนสวยตอบพลางยิ้มหวานตามธรรมชาติ

                ยูโกะชื่นชมคิริยาอย่างหลงใหล แต่ซูซานถามคิริยาอย่างเป็นงานเป็นการโดยไม่หันมาว่า

                “เฮ้ รีย่า ยูเป็นลูกมหาเศรษฐีเมืองไทยหรือ รวยแค่ไหนครอบครัวเป็นจิตรกรแบบเธอหรือ”

                “พ่อฉันรวยมากติดท็อปเทนของเมืองไทย เขาเป็นพ่อค้า”

                “แล้วพ่อมีลูกกี่คน”

                “สามคน ผู้ชายหนึ่ง เป็นคนโต มีพี่สาวและฉันเป็นคนสุดท้อง”

                คิริยาตอบพลางยิ้มฟันขาว ขณะที่ยูโกะเลื่อนตัวเองขึ้นมานั่งใกล้อีกฝ่าย คิริยาจูบรีย่าเพื่อนสาว พลางเอ่ย

                “กับผู้ชายฉันอาจเป็นผู้หญิงก็ได้ใช่มั้ยล่ะ”

                “ฉันไม่ให้เธอกับใครทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย” ยูโกะประกาศกร้าวแหนหวง

                “พวกเธอฉันก็ไม่ให้รีย่าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกผู้ชายหรอก”

                ทุกคนได้แต่เงียบไม่โต้ตอบให้กับยูโกะไม่สบายใจ ส่วนพวกเธอแค่อยากสนุกไปตามเรื่อง ไม่มีใครยึดติดอย่างสาวชาวแดนอาทิตย์อุทัยที่เป็นหญิงรักหญิงเต็มตัว

ส่วนคิริยาไม่ตอบว่าอะไร เธอหยิบแว่นกรอบใหญ่สวม ยูโกะเอนอิงซบแขนอีกฝ่าย เอ่ยอ้อนหญิงสาวที่เธอรักสุดชีวิต

                “ฉันจะไปบ้านเธอ ฉันจะอยู่กับเธอจนตาย”

                คิริยาม้วนลิ้นในปากเล่นครู่หนึ่งจึงแล่บออกมา พร้อมใบมีดคมกริบอยู่บนลิ้น สาวๆ หวีดร้องหน้าเบ้ หญิงชาติญี่ปุ่นอย่างยูโกะตื่นเต้นสุดขีด

                “เธอเอาซุกไว้ที่ไหนโอ้พระเจ้านี่เธอทำได้ยังไงกันนะ”

                “วิธีรอดของมนุษย์ไงล่ะ” คิริยาตอบ ดวงตาสุกใส มีแววสลดลงวูบหนึ่ง ความทรงจำเก่า นานเนาฝังในสมองส่วนลึกลางเลือน หากไม่เคยจางหาย

เธอถูกใครคนหนึ่งขังไว้ในห้องแคบๆ ห้องที่แคบและมืด เธอกรีดร้อง ร้อง และร้องจนหมดเสียง นานเพียงใด คิริยาซึ่งยังเป็นเพียงเด็กหญิงเล็กๆ มารู้สึกตัวอีกที เมื่อเธออยู่บนเตียงนอนโดยมีพยาบาลคนสวยดูแล

แม่ของเธอไปไหนกันหนอเวลานั้น เธอจำไม่ได้

ด้วยวัยเพียงเก้าปี คิริยาต้องจากเมืองไทยมาอยู่ต่างแดนจนถึงทุกวันนี้

“เธอคิดอะไรพิสดารอยู่เรื่อย” เพื่อนๆต่อว่า แต่ก็อยู่ร่วมก๊วนเดียวกัน

“ไม่รู้สิ” คิริยาไหวไหล่ตอบเพื่อน “ฉันสงสัยอยู่ตลอดล่ะว่า เราตั้งหน้าตั้งตาเรียนทำไมถ้าไม่มีการเรียนรู้เอาตัวรอดอย่างมิจฉาชีพเอาไว้บ้าง ฉันคิดเสมอว่า ถ้าฉันลืมกุญแจไว้ในบ้าน แล้วฉันสามารถเอาสมการจุดไหนมาแก้ ถ้างัดบ้านไม่เป็น หรือรถฉันดับกลางทางแต่ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์ ฉันต้องลากรถหรือลากขาเดิน”

                “อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้นนะ”

                “ก็เพราะพวกเธอไง”คิริยาย้อนกลับไปที่เพื่อนตัวแสบทุกคน ซึ่งแต่ล่ะคนมีวิชาป้องกันตัวอย่างหลากหลาย บางครั้งสนุกเลยเถิด ขโมยรถคนอื่นหนีไปจอดอีกทียังเคยมี

                ชีวิตที่ต้องการอะไรบางอย่างมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปของคิริยา ซึ่งเธอเองเท่านั้นที่รู้ว่าขาดอะไร แต่เธอไม่สามารถบอกใครได้ เธอจึงมีความแผลงผิดธรรมดา...ใกล้ผู้หญิงเพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหาย แต่มิใช่ปฏิเสธผู้ชาย เพียงแต่เธอไม่ใกล้ใครเท่านั้น!

                                                                .................

ที่เมืองไทย

                สถานีตำรวจ NPV รับการแจ้งความข้ามาว่า นายตำรวจต่างพากันตื่นเต้น เพราะเป็นการตายที่เรียกได้ว่า ตายดังทั่วประเทศแน่ เพราะผู้ตายคือ

นายสุริยา เจ้าสัวใหญ่ ฆ่าตัวตาย ขณะนั้นผู้สื่อข่าวกำลังเข้ามาทำข่าวเรื่องการจับตายคดียาบ้า เมื่อได้รับรู้ข่าวดังระดับประเทศ พวกเขาต่างพากันติดตาม นายตำรวจ พร้อมคณะผู้ติดตามหลายคน พากันไปที่รถของหลวง มีแต่ผู้กำกับที่ไปโดยรถส่วนตัว โดยมี ร้อยตำรวจเอกคีรีเป็นคนขับให้

                ท่านผู้กำกับเอ่ยกับลูกน้องคนสนิท

                “ไม่ใช่ฆ่าตัวตายแน่งานนี้”         

                “ทำไมล่ะครับ”

                “คนรวยมหาศาลกลัวตายทั้งนั้นล่ะ ยิ่งประสบความสำเร็จยิ่งไม่มีทางฆ่าตัวตาย”

                “ใครจะจัดฉากล่ะครับท่าน”

                “ก็ต้องไปดูฉากว่าสมจริงแค่ไหน”

               

ร้อยตำรวจเอก คีรี เอกณรงค์ชัย นายตำรวจรูปงาม ผิวเนื้อสองสีดูสมชายชาตรี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้ดูงามสง่ายิ่ง เขาเป็นนายตำรวจที่ไม่ต้องการชื่อเสียง หากว่าชื่อเสียงกลับวิ่งมาหาเขาเอง เพราะว่าเขาเป็นนายตำรวจน้ำดี และมีความคมคายหล่อเหลา

 แฟนคลับนอกสังกัดกรมตำรวจจึงพากันตามไปทุกทีที่ทราบว่าคีรีจะไปทำคดี ซึ่งการทราบของเหล่าคนที่ชื่นชม มาจากผู้สื่อข่าวที่จะกระจายกันให้ทราบ

ยิ่งมีการถ่ายทอดสด และผู้สื่อข่าวได้มาสัมภาษณ์นายตำรวจผู้บังคับบัญชาของคีรี  คีรีจะพยายามเลี่ยง แต่ท่านผู้กำกับจะเรียกเขาไว้เสมอ ซึ่งอาจจะมีคนแอบว่าท่านว่า อาศัยความหล่อของลูกน้องดังหน้ากล้องท่านก็ไม่ถือเพราะไม่ได้ยิน

เวลานี้คีรีไม่สนใจเสียงกรี๊ดดังมาจากกลุ่มคนชื่นชอบการทำงานและความหล่อระดับเทพของเขา ซึ่งเมื่อมีการแถลงข่าวที่ใดและพวกเขาได้รับรู้ ต่างก็จะมาตามให้กำลังใจมากไม่ต่างจากดาราดังสักเท่าไหร่ แม้แต่ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ซึ่งส่วนใหญ่ห้าวหาญ ไม่คลับคล้ายสายบันเทิง ก็ชื่นชม และเขาก็ปฏิเสธเสียงร้องกรี๊ด กรี๊ดไม่ได้เสียด้วย เพราะ ความดี และความหล่อย่อมแทงใจสาวเป็นของธรรมดา

ชายหนุ่มย่นคิ้วสีหน้าเคร่งเครียด อย่างใช้ความคิดอย่างมาก เขาเป็นนายตำรวจฝีมือดี ดังนั้นหากเขารู้ว่าคนร้ายพยายามปกปิด เขาจึงคิดว่ามีวิธีใดจะเปิดเผยออกมาได้ เขาจะทำทุกทาง ลากตัวมาเค้นความลับก็จะทำถ้าไม่ผิดกฎหมาย

ท้ายประโยคท่านผู้กำกับหัวเราะในลำคอ แล้วจึงแสดงรอยยิ้มที่ดูเหมือนทั้งเอ็นดูและหยันของผู้เป็นนาย คีรีไม่แยแสเขาเลี้ยวรถเข้าคฤหาสน์ใหญ่ มีรถผู้สื่อข่าวทั้งสถานีโทรทัศน์รายงานด่วน และหนังสือ อาชญากรรมหลายเล่ม เขามากันจนลานจอดรถไม่พอจอด รกของผู้กำกับเองยังต้องจอดข้างนอก ท่านผู้กำกับอุทานด้วยความหงุดหงิด

“ตายห่า...หมดกันหลักฐาน” จากนั้นท่านบ่นปนโกรธ

“ใครมันอนุญาตให้พวกนี้เข้ามาก่อนกองพิสูจน์หลักฐานจะมา”

“ฉากสมบูรณ์สิครับแบบนี้”คีรีเย้ยคดีที่ต้องสรุปเป็นการฆ่าตัวตัวอย่างหมดรูป เพราะหลักฐานน่าจะโดนทั้งมือ และเท้าเหยียบย่ำ ไม่ต่ำกว่าเป็นร้อยแล้ว

เมื่อผู้กำกับเห็นบรรดาผู้สื่อข่าวกรูกันเข้ามาที่ท่านและลูกน้อง ท่านเอ่ยเบาเป็ไนการสนทนาพอได้ยินตามลำพังว่า

“คนรวยตายทียุ่งกันทุกกรม นี่มากันหมดกระทั่งการเมืองเลย ลื้อคิดว่าไงเสือ”

“ผมคงไม่มีความคิดอะไรมากไปกว่า ไม่ว่าใคร ถ้าผิดกฎหมายมีให้จัดการเท่ากัน”

“มีลื้อคิดอย่างนี้เพราะคนที่เรารักยังไม่ถึงคุกถึงตาราง”

“ถึงเป็นญาติ ผมก็ไม่เว้นครับท่าน”

“พูดได้ ถึงเวลารับรองว่าลื้อวิ่งพล่านเหมือนหนูวิ่งหาทางออกแน่ หึหึ”ผู้กำกับหัวเราะในลำคอ

ฝ่ายเจ้าของบ้าน ซึ่งเวลานี้ คือ นางทัศนีย์ สุริยะรุ่งเรือง เดินออกมาต้อนรับผู้กำกับ นางยกมือไหว้ผู้มีสีมาแต่ไกล ผู้กำกับรับไหว้ แล้วตำหนิว่า

“ทำไมปล่อยผู้สื่อข่าวเข้ามามากขนาดนี้”

“ไม่ทราบว่าใครแจ้งออกไป มาถึงก็ห้ามไม่ได้ ไม่มีใครฟังเลย”นางเช็ดน้ำตา ตอบไปพลางสะอื้น

“ศพเจ้าสัวอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะท่าน”

ผู้กำกับเข้าไปโดยมีดีรีตามไปติดๆ พร้อมเจ้าหน้าจากกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งหมดพากันเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างที่ ภรรยาผู้ตายแจ้งไว้

แสงเฟลชยังส่องแสงวูบวาบ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าต้องการภาพศพให้สวยมากหรือคมชัดมากราวกับยังไม่ตายก็ไม่ปาน

คีรีมองโดยรอบแล้วท้อใจเพราะว่าไม่มีหลักฐานอะไรให้เหลืออีกแล้ว เพราะแก้วกาแฟ แก้วน้ำ หลายแก้ววางอยู่บนเคาน์เตอร์ หลายใบ เอาไปพิสูจน์คงเป็นดีเอ็นเอของผู้สื่อข่าวทั้งนั้น

ผู้กำกับและคีรี พร้อมกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ เมื่อแพทย์หญิงจากโรงพยาบาลใกล้บ้านที่เกิดเหตุตรวจแล้วว่านายสุริยาเสียชีวิตอย่างแน่นอน

สภาพศพ นั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้หุ้มกำมหยี่ ศีรษะหงายไปทางพนักเก้าอี้ สิ่งแวดล้อมที่ได้เห็นคือ ที่ศีรษะด้านขวามีรอยกระสุนปืน เลือดกระเซ็นมากเกินกว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายในความคิดของผู้มีประสบการณ์ แต่หลักฐานโดนกลบเกลื่อนด้วยการเปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้ามาวุ่นวายก่อนหน้านี้ ปืนรีวอลเวอร์ตกอยู่หน้าตักเป็นพิรุธ ยิงตัวตายแล้วมีวางปืนหน้าตักได้

“กั้นเส้นห้ามไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา”ผู้กำกับสั่งนายตำรวจ ซึ่งรีบนำเทป สีเหลืองเข้ากั้นรอบบริเวณ แต่ทุกคนย่อมทราบดีว่า ไม่มีประโยชน์อะไรในสถานที่เกิดเหตูแล้วนอกจาก ต้องพิสูจน์ผลทางนิติเวชเท่านั้น

เวลาต่อมาอีกสองชั่วโมงเศษ

                ผู้กำกับพร้อมคณะต้องมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในเบื้องต้นว่า

                “เป็นการฆ่าตัวตายครับ แต่ผมยังไม่ตัดประเด็นเรื่องการฆาตกรรม เพราะธุรกิจการค้ากำลังไปได้ดี และมีกำไรมหาศาลไม่มีเรื่องบาดหมางต่อผู้ร่วมค้าหรือหุ้นส่วนใดๆจึงน่าจะมีอะไรแอบแฝง ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์ทางนิติเวชอีกครั้งครับ”

                ดังนั้นในเวลาต่อมา ข่าวเจ้าสัวจึงเป็นข่าวใหญ่ให้สื่อมวลชนประโคมข่าวทุกสื่อทีเดียว

การฆ่าตัวตายอย่างมีเงื่อนงำ และทุกข่าวไม่ได้มุ่งไปที่การฆ่าตัวตายแต่เป็นการฆาตกรรมอำพราง!

ตำรวจเร่งปิดสำนวนเร็วเกินไป เจ้าหน้าที่จึงพลอยตกเป็นจำเลยของสังคมไปด้วยในการนี้

 

ที่อเมริกา คิริยาได้รับข่าวร้ายจากพี่ชายแจ้งข่าวข้ามทวีปมาให้รับรู้ว่าผู้ให้กำเนิดตายแล้ว หญิงสาวช็อกจนกำโทรศัพท์แน่นอย่างไม่รู้สึกตัว น้ำตาเอ่อคลอ

“ทำใจดีดีไว้ เป็นอะไรหรือเปล่ารีย่า”

เสียงของพี่ชายปลุกให้คิริยาตื่นอาการตกภวังค์ เอ่ยเสียงสั่นพลิ้ว เจ็บเหมือนใจแทบขาด

                “หนูไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อว่าคุณพ่อจะฆ่าตัวตาย พี่เชื่อหรือ พี่เชื่อว่าพ่อเราจะฆ่าตัวตายหรือ”

 “ปืนที่ใช้ฆ่าเป็นของคุณพ่อ มันอยู่ในมือของท่าน”

                “หนูไม่เชื่อ หนูไม่เชื่อ”คิริยากรีดเสียงร้อง “ฆ่าตัวตายปืนน่าจะตกพื้นหรือกระเด็นไปหรือ หรืออะไรก็ได้ แต่มันต้องไม่ใช่อยู่ในมือเหมือนโดนจับยัดอย่างนั้นสิ”

                “รีย่า”

                “ทุกคนน่าสงสัยทั้งนั้น พี่ไม่สงสัยหรือ จู่ๆ พ่อลุกขึ้นมายิงขมองตัวเองเพราะค้าขายร่ำรวยลูกหลานรักใคร่กันดี เหตุผลนี้ใช่มั้ย”คิริยาประชดเสียงดัง สำเนียงแทบฟังไม่เป็นภาษาไทย

                ชายร่างสูงโปร่งใบหน้าละม้ายคล้ายกับคนที่กำลังพูดอยู่ปลายสายกระตุกหัวคิ้วเข้าหากัน เขาก็ไม่เชื่อ แต่กองพิสูจน์หลักฐานค้นร่องรอยไม่ได้เลย เพราะการปล่อยให้ผู้สื่อข่าวและตำรวจเข้ามายังสถานที่เกิดเหตุโดยไม่มีการพิสูจน์ก่อนถือว่าพลาดไปมากเขาเองไม่ทราบว่าใครแจ้งให้ผู้สื่อข่าวเข้ามา

                วีระทราบหลังจากเกิดเหตุร้ายไปแล้วว่า แม่เลี้ยงนอนหลับสนิทบนห้อง น้องสาวอยู่บ้านส่วนตัว เขาเองย่อมรู้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ เขาจะสงสัยใครในที่นี้ในเมื่อ แม่เลี้ยง...แม่ของคิริยา ดูเศร้าเสียใจยิ่งนัก แม้อยากคิด แต่ยังไม่กล้าคิด

และเขาไม่เชื่อว่าพ่อของเขามีเหตุผลร้ายกาจอะไรจึงถึงกับต้องฆ่าตัวตาย หรือพินัยกรรมที่มีข่าวมาตลอดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

                “พี่”

                “รีย่า” สองพี่น้องต่างเรียกกัน และกัน คิดปราดในเรื่องเดียว

                “พี่ไม่คิดฮุบมรดกใช่มั้ย”

                “รีย่าจะบ้าหรือไง พี่เป็นพี่เธอนะพี่จะฮุบไปทำไมกัน ในเมื่อเท่าที่จะได้จากการแบ่งกับพวกเธอมันก็มากมหาศาลอยู่แล้ว

                “ผัวพี่ล่ะ ผัวพี่เป็นคนยังไง”คิริยาเหวี่ยงแหไปทั่ว

                “นิพนธ์ยิ่งไม่น่าสงสัยเขาทำงานเป็นข้าราชการ มือสะอาดการค้าไม่เคยยุ่ง และไม่มีการพนัน”

                “เมียพี่ล่ะ”

                “จะบ้าหรือไง ลื้อมาพูดหมาๆ แบบนี้ได้ยังไง รีย่า วนิดาทำงานสังคมสงเคราะห์ ถ้าสงสัยคนที่นี่ทำไมไม่สงสัยตัวเองมั่ง”

                “ก็เพราะหนูเรียนเมืองนอกนานแล้วนะสิพี่ หนูไม่อยู่ในข่ายต้องสงสัยใช่มั้ย”

                “พ่อฆ่าตัวตาย”

                “พ่อถูกฆาตกรรม พ่อไม่ได้ฆ่าตัวตาย”

“รีย่า” วีระอยากเชื่อเช่นเดียวกับน้องสาวต่างมารดา

“หนูจะลากไอ้อีคนนั้นมันจ่อยิงกบาลให้ได้คอยดู”คิริยาประกาศกร้าว ปาดน้ำตาที่รินไหลให้เหือดแห้ง ความเข้มแข็งคืนกลับ พ่อเป็นคนดี คนดีไม่ควรตายโดยคนร้ายยังลอยนวล

นับแต่ข่าวการตายของบิดาได้มาถึง คิริยาปิดกั้นตัวเองจากเพื่อน แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างยูโกะก็ไม่อาจเข้าใกล้ กระทั่งคิริยาเริ่มทำใจให้ยอมรับการจากไปของบิดา เธอจึงผนึกความเข้มแข็งไปบอกลาเพื่อนทุกคนเพื่อนกลับเมืองไทยอย่างกะทันหัน

ยูโกะได้รับการบอกลา แต่เธอกลับขอติดตามกลับไปด้วย แต่คิริยาไม่ยอม ทั้งสองทะเลาะกัน

“เธอมันบ้าไปแล้วยูโกะฉันไม่ใช่เลสเบี้ยน จะใช้ชีวิตอย่างที่เธอต้องการได้ยังไง ฉันต้องกลับไปหาพี่น้องไปสืบเรื่องการตายของพ่อฉัน”

“นังคนบ้า เธอต้องการทิ้งฉัน เธออยากเห็านรักแท้จากฉันใช่มั้ย”

“จะทำอะไรยูโกะ”คิริยาย้อนถาม แล้วยืนนิ่งขึงแทบลืมหายใจ เมื่อยูโกะใช้มีดคัตเตอร์กรีดข้อมือตัวเอง คิริยาโดดเข้าไปห้าม แต่ยูโกะผลักอีกฝ่ายพร้อมวิ่งหนี คิริยาจึงโทรตามตัวเฟลมมาจัดการเรื่องยูโกะ ส่วนเธอตัดสินใจแล้วว่าต้องทิ้ง ทิ้งทุกอย่างไว้ให้อยู่เบื้องหลัง เธอไม่อาจใจอ่อนต่อยูโกะได้

...บางครั้งความโหดร้ายที่โถมเข้าใส่ใครสักคนหนึ่งอาจจะทำให้คนคนนั้นเข้มแข็งขึ้นมาก็ได้ คิริยาคิดเช่นนั้น!!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (76 รายการ)

www.batorastore.com © 2024