ดั่งดวงหทัยฟาโรห์ (นางแก้ว) (EBOOK)
ประหยัด: 52.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
ตอนที่1 ฟาโรห์ ผู้รวมแผ่นดิน
ไนล์...โอ้...ไนล์เอย สายน้ำที่ทอดยาวดุจดั่งมารดาที่เลี้ยงดูพื้นที่แห้งแล้งของทะเลทรายได้อย่างน่ามหัศจรรย์ สองฝั่งของไนล์ เอ่อท้น นำพาดินดำอันอุดมสมบูรณ์ ให้เกิดการเพาะปลูก สร้างชีวิต และก่อเกิดอารยะธรรมที่ยิ่งใหญ่ ได้กล่าวขานนานนับพันๆปี
กลุ่มชนหลายเผ่าพันธุ์ได้พึ่งพาอาศัยสองริมฝั่งสร้างความยิ่งใหญ่ให้เกิด หลายเผ่า และชนเผ่าที่สร้างความยิ่งใหญ่ได้เป็นหนึ่งคือ อียิปต์
การรุกรานเพื่อนบ้าน การผูกสัมพันธไมตรีเป็นการสร้างอาณาจักรและความรุ่งเรืองให้เข้มแข็งสืบทอดมาจนถึง ฟาโรห์เซเนบ ฟาโรห์นักรบแห่งราชวงศ์ อเมเนมเฮต ทรงมีแม่ทัพคู่พระทัยที่เก่งกาจคือ เซมาอู บุตรแห่งเฟเนตผู้รับราชการมาสองแผ่นดิน เขาเป็นแม่ทัพผู้มีอิทธิพลมากคนหนึ่ง และที่สำคัญฟาโรห์ทรงไว้วางพระทัยมาก เพราะเซมาอูเป็นแม่ทัพมาแต่ครั้งเสด็จพ่อของพระองค์มีเจตนารวมแผ่นดินอียิปต์เป็นหนึ่ง และมาทำการสำเร็จในรัชสมัยของพระองค์ แม่ทัพเซมาอูมีอายุมากแล้ว เป็นคนซื่อสัตย์และรับใช้ฟาโรห์มาอย่างกล้าหาญจนถึงปัจจุบัน แม้แต่เสนาบดีคนใหม่ นามอีมาอูที่แต่งตั้งในรัชสมัยของฟาโรห์เซเนบขึ้นครองราชย์ เมื่อสิบปีก่อน ยังมีข้อราชการปรึกษาหารือกับแม่ทัพคนกล้าอยู่บ่อยๆ
ในห้องทรงอักษร
ฟาโรห์เซเนบประทับนั่งบนพระเก้าอี้ทองคำ สลักลายนูนทั้งพนักพิง และขาเก้าอี้เคลือบทอง มีองค์เดียวในห้องประทับแห่งนี้ที่เป็นพระเก้าอี้ทองคำ
ฟาโรห์เซเนบมีสีพระพักตร์เคร่งเครียด ซึ่งภายในห้องนั้นยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ คือ มหาเสนาบดี อีมาอู และ แม่ทัพ เซมาอู แม่ทัพวัยหกสิบ แม่ทัพสองแผ่นดินผู้ที่ได้รับความไว้ใจจากฟาโรห์มากที่สุด และสองผู้เป็นข้าแห่งแผ่นดินทั้งสองมีท่าทีเคร่งเครียดไม่น้อยเช่นกัน
ฟาโรห์เซเนบดำรัสด้วยสุรเสียงอันทรงอำนาจกับคนทั้งสอง ซึ่งมีความภักดีต่อฟาโรห์ยิ่งกว่าชีวิต
“เจ้าแน่ใจหรือว่าข่าวที่ได้รับว่าอียิปต์เหนือคิดแข็งข้อแบ่งแยกออกจากอียิปต์ที่เรารวบรวมเป็นหนึ่งเดียวให้แตกกันอีกครั้ง”
แม่ทัพเซมาอูแม่ทัพสองแผ่นดินเป็นผู้มีอายุมากแล้วแต่ยังมีความสามารถไม่ลดน้อยลงไปสักนิด ท่านเข้าบังคมทูลด้วยท่าทีเชื่อมั่นว่า
“อูเซเรค คนของข้าพระองค์ได้สืบมาแล้วอย่างมั่นใจว่า มีนักบวชเข้าร่วมการแบ่งแยกในครั้งนี้ด้วยพะย่ะค่ะฟาโรห์”
“อูเซเรค มันผู้นี้คือใคร มาจากตระกูลใด เป็นลูกของใครเซมาอู”
“อูเซเรค เป็นชนเผ่าฮิบซึ่งอยู่ทางตะวันตก”
“ชนเผ่าผิวขาว มันมาทำอะไร เผ่าฮิบเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเซมาอู เจ้าถึงได้เชื่อมั่นในตัวคนผู้นี้”
“เพราะอูเซเรคเคยช่วยชีวิตของข้าพระองค์เมื่อครั้งโดนงูพิษที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์หลายปีก่อน คนผู้นี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์ มีความแตกฉานทางด้านภาษา และการแพทย์นอกจากจะให้อูเซเรคเป็นอาลักษณ์ สอนหนังสือลูกหญิงเนเฟอร์ ข้าพระองค์ไว้ใจจนให้มันเป็นทหารติดตามอย่างไม่เคยให้ออกหน้า เมื่อสามปีที่แล้ว ข้าบาทได้ข่าวไม่สู้ดีมาจากอียิปต์เหนือ ข้าจึงได้ตัดสินใจให้อูเซเรค ปลอมตัวเป็นนักบวชในวิหารแห่งอียิปต์เหนือ พะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“เวลานี้มันยังเป็นพระอยู่หรือ”
“มิได้ฝ่าบาท อูเซเรคฆ่าพระปลอมตายเพราะมันผู้นั้นจับได้ว่าอูเซเรคเป็นไส้ศึก บัดนี้อูเซเรคได้กลับมารายงานข้าพระองค์ว่ามีการคิดปกครองอียิปต์เหนือโดยไม่ยอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับอียิปต์ดังที่ทรงต้องการ”
“มันฆ่าพระ แล้วเรื่องเงียบดังเงาเชียวหรือ ข้าไม่อยากเชื่อ”
“ทรงเชื่อในตัวข้าพระองค์เช่นใด ขอทรงเชื่อในอูเซเรคคนนี้ด้วยฝ่าบาท”แม่ทัพเซมาอูรับรองในตัวอูเซเรคอย่างยอมถวายหัวเป็นประกัน
ฟาโรห์เซเนบขบคิดนิ่งเงียบไปเป็นครู่ ท่าทางของพระองค์บ่งบอกว่าเป็นคนที่ฉลาด และมีความสุขุมมาก จึงมักจะมีดำริทุกครั้ง ก่อนจะมีรับสั่งออกมา
“ถ้ามันติดตามเจ้าเข้ามาในวัง เจ้าจงไปเรียกมันมาพบข้า”
มหาเสนาบดี และแม่ทัพเซมาอูสบตากันวูบหนึ่ง ก่อนที่แม่ทัพเซมาอูแม่ทัพวัยหกสิบปีจะออกไปเรียกหาอูเซเรคเข้ามาเฝ้าด้วยตนเอง
ฟาโรห์มีรับสั่งกับมหาเสนาบดีคู่พระทัย ซึ่งพระองค์มอบหมายราชกิจให้ทำอย่างไม่เคยมีสิ่งใดผิดพลาด ตลอดที่ทรงครองราชย์มาเกือบสิบปีเป็นเสนาบดีคู่พระทัยของพระองค์เลยทีเดียว
“ข้าต้องการรวมอียิปต์ให้เป็นหนึ่งเดียว เมื่อรวมได้ เหตุใดมันจึงต้องการแบ่งออกไปอีก”
“การฉ้อฉล เหลิงอำนาจที่พระองค์ทรงปล่อยให้ เชื้อพระองศ์เป็นขุนนางผู้มีหน้าที่รับราชการต่างพระเนตรพระกรรณ และนักบวชได้มีอำนาจเต็มที่ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีผู้ต้องการเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์เหนือ”
“สองมงกุฎ สองแผ่นดินอย่างที่ถูกแบ่งแยกมาในครั้งอดีตหรือ การทำเช่นนั้นข้าเห็นความแตกแยก และการรุกรานจากชนเผ่าป่าเถื่อน จนไม่สามารถทำกิน หรือให้ประชาชนอยู่เป็นสุข ชาติอียิปต์จะหาความเจริญได้ช้านัก”
“ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก”
ขณะนั้น แม่ทัพเซมาอู ได้นำพาชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปี ผู้มีความคมคายหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยากมาเข้าเฝ้าฟาโรห์ พระองค์ท่านถึงกับแปลกพระทัยจนอุทานออกมาว่า
“เจ้าเด็กคนนี้หรือที่เจ้ากล่าวขานว่ามันมากมีความสามารถมากมายนัก”
อูเซเรคถวายบังคมฟาโรห์ กล่าวออกไปอย่างอาจหาญว่า
“ความสามารถของข้าพระองค์มีเพียงธุลีดินหากเปรียบเทียบใครอื่นพะย่ะค่ะ”
ฟาโรห์ทรงสรวลออกมาเมื่อได้รับการถ่อมตัวอย่างนอบน้อมของอูเซเรค ก่อนตรัสไปว่า
“เจ้าไม่ได้มีท่าทีดั่งทาสโดยทั่วไปเจ้ามาจากชนเผ่าฮิบก็น่าจะเป็นความจริง เพราะข้ารับรู้มาว่าทั้งชายหรือหญิงของชาวเผ่านี้ล้วนมีหน้าตาผิวพรรณที่ดี แต่ไม่ดีมากเช่นเจ้า”พระองค์ทรงหนักแน่น และขึงขัง “จงบอกฐานะของเจ้ามาเดี๋ยวนี้อูเซเรค”
อูเซเรค เลื่อนสายตาไปทางมหาเสนาบดี และ แม่ทัพเซมาอู นายของตน ก่อนก้มหน้า ไม่เงยขึ้นมองฟาโรห์เซเนบและสารภาพกับองค์ฟาโรห์ถึงชาติกำเนิดตนเองด้วยความสำนึกในอำนาจบารมีของผู้เป็นใหญ่เหนือดินแดนอียิปต์
“การแย่งชิงในเชื้อพระวงศ์ คนที่มีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้า ล้วนถูกหมายหัว ข้าบาทพลั้งเผลอจึงได้ถูกลักพาตัวมาขายเป็นทาส แต่ข้าหนีระหว่างทางจนไปพบนายท่านเซมาอู ถูกงูเห่ากัดที่ริมฝั่งไนล์ ข้าพระองค์พอมีวิชาแพทย์ติดตัวมาบ้าง จึงได้รักษาท่านด้วยการดูดพิษออก และรักษาต่อด้วยสมุนไพร เรียกว่าว่านเสลดงูพะย่ะค่ะ”
“แล้วเจ้ามีฐานะมั่นคงอย่างที่เซมาอูรับรองได้อย่างนี้เหตุใดไม่กลับไปยังเผ่าของเจ้าแล้วเรียกหาความชอบธรรมอันนั้นเล่าอูเซเรค”
“จะมีประโยชน์อันใดพะย่ะค่ะฝ่าพระบาท ในเมื่อบัดนี้เผ่าฮิบได้หัวหน้าที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ชนเผ่านั้นได้กำจัดข้าบาทออกมา นับว่าเป็นการดี”
“ทำไม เจ้าไม่อยากได้ตำแหน่งคืน เจ้าตอบมา หรือเจ้ามีเบื้องหลังอันใดอูเซเรค เบื้องหลังที่ต้องการแอบแฝงในอียิปต์”
“ข้าพระองค์ไม่มีความทรยศในหัวใจ” อูเซเรคทูลผู้มีอำนาจสูงสุด ด้วยความมั่นคง
“เมื่อชนเผ่าที่ข้าได้ถือกำเนิดมาได้ผู้นำที่ดี ข้าพระองค์จะกลับไปแย่งชิงให้ประชาชนเดือดร้อนเพื่อตัวเองนั้นข้าพระองค์ไม่อาจทำได้ บัดนี้ข้าพระองค์ได้ล้างเลือดตัวเองเป็นชาวอียิปต์ตามนายของข้าพระองค์ และได้สาบานต่อเทพเจ้าว่า จะไม่มีวันทรยศต่อผู้มีพระคุณโดยเด็ดขาด เทพเจ้ารับรู้แล้ว องค์ฟาโรห์โปรดรับฟังด้วยพะย่ะค่ะ”
ฟาโรห์นิ่งงันไปเล็กน้อยต่อคำทูลออกมาด้วยความหนักแน่นไร้การเสแสร้ง แม่ทัพผู้เป็นนายรู้สึกยินดีที่ได้รับรู้ความจริง และยอมรับในตัวอูเซเรคมากขึ้นฟาโรห์อยากลองใจจึงตรัสเสียงดังราวพิโรธว่า
“เจ้ามาใส่ไคล้ว่าอียิปต์เหนือคิดแบ่งแยกออกไปจากอียิปต์ใต้ เจ้ายังกล้าพูดว่ามีหัวใจภักดีต่ออียิปต์อย่างนั้นหรืออูเซเรค”
“ฝ่าบาท หากข้าไม่คิดว่าตนเองเป็นอียิปต์ ข้าพระองค์คงจะนิ่งเงียบ และรอดูการแบ่งแยกด้วยความพึงใจ หาใช่ความร้อน รีบนำความจริงมาบอกต่อท่านแม่ทัพผู้มีคุณเหนือชีวิตของข้าพระองค์ดังนี้”
“โปรดเชื่ออูเซเรคคนนี้เถิดฝ่าบาท ข้าพระองค์ขอรับรองด้วยชีวิต”
“เช่นนั้นเจ้าจัดเตรียมทัพ ข้าจะไปกวาดล้างคนชั่วคิดก่อการโดยเร็ว”
เซมาอูน้อมรับราชโองการ อูเซเรคติดตามแม่ทัพเป็นเงาตามตัว มหาเสนาบดีอีมาอู จัดเตรียมวางแผนงานจัดรับในระหว่างที่ฟาโรห์เดินทาง สิ่งที่มหาเสนาบดีต้องทำคือรักษาบัลลังก์ให้มั่นคงให้มากที่สุด!!
ที่ตำหนักราชินีเมเดต
แต่แรกนั้นราชินีเป็นพระขนิษฐาของฟาโรห์เซเนบ พระนางไม่ก้าวก่ายการเมือง แต่ทรงต้องการความมั่นคงแห่งฐานะราชินี เพราะอภิเษกกับฟาโรห์มาหลายปี ทรงมีแต่พระธิดา แต่พระมเหสีของฟาโรห์มีพระโอรส ถึงสองพระองค์ ข่าวได้ส่งมาว่า ฟาโรห์จะเสด็จไปอียิปต์เหนือเพื่อกำราบคนคิดคด พระองค์จะพาพระโอรสซึ่งเกิดจากพระสนมไปด้วย
เรื่องร้อนเช่นนี้อยู่ในพระทัยพระนางเมเดตมานานมากแล้ว พระนางคิดหาวิธีอยู่นานที่จะมีโอกาสถวายการรับฟาโรห์ แต่ไม่อาจมีทางนั้นเพราะฟาโรห์โปรดปรานพระสนมมากกว่า มีเวลาว่างพระองค์จะเสด็จตำหนักพระสนม เวลานี้มีการเตรียมทัพ พระนางจึงฉวยโอกาสไปส่งเสด็จเพื่อเข้าเฝ้า
แต่เมื่อไปถึงพระตำหนักส่วนพระองค์ของฟาโรห์ กลับพบว่าพระองค์อยู่กับพระสนมซึ่งเป็นนางในดวงใจ พระนางเมเดต ทรงเก็บความผิดหวังไว้แต่ในพระทัย ฝืนเข้าเฝ้าอวยพรพระสวามี
“เมเดต มานั่งที่นี่ก่อน”
“อย่าทรงวุ่นวายพระทัยไปเลยเพคะ ข้าเพียงแต่นำพรที่ข้าสวดวิงวอนต่อเทพโฮรัสเพื่อให้เสด็จพี่พิชิตศึกในครั้งนี้โดยเร็ว”
“ขอบใจมากเมเดต การศึกครั้งนี้ไม่เกินความสามารถของเราเป็นแน่ เราจะพาบาอูเฟรติดตามไปด้วยเพื่อเรียนรู้เรื่องการสงครามให้เป็นประสบการณ์”
พระมเหสียิ้มออกมาอย่างดีพระทัย ส่วนพระนางเมเดตจำฝืนอวยพร ทั้งที่หวั่นพระทัยในฐานะของตนเองที่สุด
“เจ้าดูแลอิอาเมสให้ดี เมเดต เมื่อนางเจริญวัยมากพอ บางทีนางจะสมรสกับบาอูเฟร”
โอ้ไม่มีทาง...ไม่มีทางที่ข้าจะยอมให้ลูกคนอื่นมามีสิทธิ์เหนือบัลลังก์ ข้าต้องมีโอรสของข้าเองเพื่อการอภิเษกสายเลือดบริสุทธิ์..
“เพคะเสด็จพี่ ข้ามีความยินดีตามนั้น แต่อิอาเมสเพิ่งสามชันษา ข้ายังไม่ต้องการให้มีการประกาศสิ่งใดออกไปเพคะ”
“ข้าไม่รีบร้อนหรอกเมเดต บาอูเฟรเพิ่งสิบสามเท่านั้น ข้าเพียงแต่ต้องการวางรากฐานไว้เท่านั้นเอง”
“เพคะ”พระนางเมเดตรับพระกระแสด้วยความร้อนริษยาเต็มพระหฤทัย แม้ภายนอกมีรอยยิ้มราวยินดี หากภายในมีแต่แผนการกำจัดศัตรูทุกคนให้พ้นทาง
บัดนี้ทัพอันเกรียงไกรของฟาโรห์เซเนบ ได้เคลื่อนลงสู่อียิปต์เหนือ เพื่อขับไล่ขุนนางแข็งข้อคิดแบ่งแยกอียิปต์เป็นสอง
หัวหน้านักบวชและขุนนางผู้คิดการแบ่งแยกอียิปต์เพื่อแต่งตั้งตัวเองเป็นฟาโรห์ ได้ข่าวการเคลื่อนทัพของฟาโรห์
เซเนบ
ทั้งสองจึงแต่งทัพออกไปต้านรับกองทัพของฟาโรห์โดยมีแม่ทัพเซมาอูเป็นทัพหน้า ฟาโรห์เป็นทัพหลวง องค์ชายใหญ่เคียงข้างพระบิดา
เลือดแห่งอียิปต์กำลังนองแผ่นดินเพราะการคิดเป็นใหญ่ของผู้มีอำนาจและต้องการอำนาจให้มากยิ่งขึ้น
ความเมตตาในสงครามเลือดย่อมไม่มี เมื่อผู้ที่ถือดาบออกห้ำหั่นหมายชีวิตฝ่ายตรงข้าม ย่อมเป็นศัตรูกัน แม้จะมีเลือดอียิปต์ไหลพล่านในตัวก็ตามที การแบ่งแยกแผ่นดินเป็นการ โง่เขลาของนักการเมือง หรือความโง่เขลาของประชาชน หรือเหล่าทหารกันแน่เล่า
“ฆ่ามัน มันผู้บังอาจคิดแบ่งแยกดินแดน”แม่ทัพเซมาอูประกาศกร้าว แกว่งดาบเข้าฆ่าฟันนายกองอย่างไร้ซึ่งความปรานี
ทัพอียิปต์บนทัพแรกแตกกระจายถอยร่นเข้าเมือง ทัพที่สองออกต้านรับ ในทัพนั้นมีนักบวชมาปะปน บ่งบอกให้รู้ว่าความคิดเป็นใหญ่จนลืมหน้าที่ได้เกิดขึ้นจริงตามคำบอกเล่าของอูเซเรค นักบวชที่ฝึกฝีมือเพื่อรบ ย่อมหมายความว่าหัวหน้าต้องการเป็นฟาโรห์ นักบวชเป็นชนชั้นสูงที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์
“เสียงสวดมนต์ของเจ้าไม่ขลังพอที่จะส่งเสริมให้แบ่งแยกดินแดนแห่งนี้เจ้าคนสิ้นคิด”ฟาโรห์เซเนบดำรัสด้วยความกราดเกรี้ยว มีความพิโรธจัด เพราะพระองค์เป็นคนแต่งตั้งทั้งวีเซียเอตเม็ต มาจากเชื้อพระวงศ์ และแต่งตั้งนักบวช
เซเรทด้วยพระองค์เอง แต่ทั้งสองกลับคิดว่า พวกเขาได้ขนมปังชิ้นใหญ่มากพอที่จะกินทั้งก้อนแล้วจึงได้คิดคดทรยศต่อฟาโรห์ได้ลง
“จับพวกทรยศสับไม่ให้เหลือเค้าความเป็นคน ไม่ให้วิญญาณมันท่องไปในแดนแห่งความตายได้ ไม่ให้มันได้มีมัมมี่ ไม่ให้มีนได้กลับสู่ร่างเดิมของมันได้อีก”
พระบัญชาเด็ดขาดท่ามกลางการสู้รบ ทำให้ทหารส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัวยิ่งนัก ถึงขนาดวางดาบไม่ต่อกรกับทัพใหญ่…พวกเขาหวาดหวั่นต่อการสาปแช่งและกลัวความจริงอย่างลนลานนั่นคือความเชื่อที่จะไม่มีโลกใดโลกหนึ่งได้อยู่อาศัย!!!
แม่ทัพเซมาอูเป็นทัพหน้า บุกเข้าประตูเมืองอียิปต์เหนือ ทหารที่คุ้มครองต่างวางดาบไม่มีการต่อสู้ อีก แม่ทัพเซมาอูสั่งให้ทหารจับตัววีเซียและนักบวชตัวการมาลงโทษ...สับร่างไม่ให้มีโอกาสฟื้นคืนชีพ ที่หนักสุดแม้แต่โลกแห่งวิญญาณยังไม่สามารถไปอาศัยได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
เซเรทหัวหน้านักบวชได้หลบหนีไปจนมุม เขาหันมาทางนักบวชผู้ติดตาม ซึ่งเป็นหลานชายในสายเลือดเขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความหวังก่อนเปิดปากบอก
“เพคา เจ้ารีบหนีเอาตัวรอดไปซ่อนตัวให้ดี จากนั้นเจ้าเข้าไปสู่วิหารหลวงให้ได้ เจ้ารู้ไว้ ฐานะของเจ้าคือเจ้าชายองค์หนึ่ง”
“นายท่าน ท่านกลัวจนกล่าวสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกมาแล้วหรือ”
“น้องสาวของข้าเป็นนางสนมที่ถูกลืม นางถูกใส่ร้ายจากเมเดตว่ามีชู้ นางต้องโทษประหาร แต่นางได้รับการช่วยเหลือจากลุงของเจ้าส่งมาอยู่ที่นี่ จนเวลานี้ เพคา เจ้ารีบเอาชีวิตให้รอดไปพบกับลุงเจ้าที่วิหารหลวง ลุงเจ้ารู้ดีว่าเจ้าคือหัวหน้าคนต่อไป”
“อะไรนะนายท่าน”
“ลิขิตของเทพเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลง ข้าทำวันนี้ไม่สำเร็จแต่วันหน้าเจ้าต้องทำให้ได้ เพคา หนีไป”สั่งแล้วนักบวชเซเรท วิ่งไปปรากฏตัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทหารผู้ไล่ล่า
แม้ท่านตายอย่างไร้ร่าง แต่ยังหวังหลานชายวัยสิบแปดปีจะรอดออกไปเพื่อจัดการศพของเขาในภายหน้าให้ถูกพิธี และเหนือสิ่งอื่นใด เขาอยากให้เพคาครองบัลลังก์อียิปต์ให้จงได้
เพคามองภาพสุดท้ายของผู้ที่บอกว่าเป็นลุง เขาโดนทหารจับกุมตัวไปได้ ไม่ทันไรดาบกระหน่ำลงบนร่างของเซเรทจนแทบหาชิ้นเนื้อส่วนดีไม่ได้ เว้นแต่ศีรษะซึ่งต้องไปถวายฟาโรห์ ว่าเซเรทสิ้นชีพลงแล้ว
เสียงสรวลเยาะเย้ยต่อความพ่ายแพ้ของผู้บังอาจที่คิดมาเทียบชั้นฟาโรห์ดังกึกก้องท้องพระโรง ก่อนที่จะมีพระราชกระแสหนักแน่น
“อียิปต์จะไม่มีการแบ่งแยก เมื่อเรารวมแผ่นดินทั้งสองได้แล้วย่อมเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ย่อมมั่นคงดังสายน้ำไนล์ที่ไหลชั่วกัปชั่วกัลป์”
ดวงพระเนตรกร้าวแกร่ง ดังคำมั่นที่สัญญากับทหาร และประชาชน อียิปต์จะมีเพียงหนึ่งฟาโรห์สองมงกุฎตลอดกาล!!!
ที่ท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ และมีความอลังการ ทาสชายหญิงในวังยืนอยู่เรียงรายรอรับใช้ทันที ที่มีรับสั่ง
เหนือบัลลังก์สิงโตทองคำของฟาโรห์เซเนบ พระองค์ประทับเคียงข้างองค์ราชินีเมเดต
เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และข้าราชบริพารฝ่ายทหารและพลเรือนต่างเข้าเฝ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
“ฟาโรห์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ”
บัดนี้รางวัลสำหรับคนทำความดีความชอบหลังจากปรามกบฏลงได้อย่างง่ายดาย ได้ถูกกำหนดให้ในวันนี้
“นำทองมาเทให้ท่วมตัวแม่ทัพเซมาอูบุตรแห่งเฟเนต แม่ทัพคู่ใจของข้าเดี๋ยวนี้”
เซมาอู เดินเข้าไปคุกเข่าหมอบกับพื้น จากนั้นทาสชายผิดำต่างถือถาดใส่เหรียญทองคำมาเทลงบนร่างของเซมาอู หลายต่อหลายถาดจนท่วมตัวตามรับสั่ง
จากนั้นทาสชายผิวดำจึงได้นำกระสอบมาใส่ทอง เพื่อขนย้ายไปให้ท่านแม่ทัพในภายหลัง
“อูเซเรค เจ้าผู้มีความดีความชอบมากในครั้งนี้ ข้าไม่อาจมอบรางวัลให้เสมอนายเจ้าได้ ข้าให้เจ้าขอข้าจากปากเจ้าเอง”
แม่ทัพเซมาอู ถือโอกาสนั้นเข้าไปกราบทูลตัดหน้าอูเซเรค ซึ่งท่านแม่ทัพรู้ดีว่าเป็นคนมักน้อยใฝ่รู้แต่การเรียน และการศึก ดังนั้นท่านจึงเป็นฝ่ายทูลขอเสียเองว่า
“ขออภัยพะย่ะค่ะฟาโรห์ ข้าพระองค์ขอบังอาจกราบทูลขอรางวัลแทนอูเซเรคผู้มักน้อยคนนี้พะย่ะค่ะ”
“เจ้าจะขอแทนหรือเซมาอู”
“พะย่ะค่ะ ขอแทนเป็นการลับพะย่ะค่ะ”
พระองค์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ก่อนพยักพระพักตร์รับด้วยความเกรงใจต่อแม่ทัพคู่ใจและรับราชการมาสองแผ่นดิน