กวีในอุทกภัย (ประชาคม)
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
กวีในอุทกภัย
ก่อนมวลน้ำจะทะลักท่วมบ้านของเสือ เฟื่องอักษรประมาณสัปดาห์เศษ เอกอรุณรู้จากข่าวออนไลน์ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เป็นข่าวที่ทั้งเล็กและสั้นแทบกลืนหายไปกับโลโก้สินค้าลงโฆษณา หากไม่ใช่คนที่รู้จักเสือ เฟื่องอักษรเป็นการส่วนตัว หรือเป็นคนที่ไม่ได้ติดตามผลงานด้านศิลปะหลายแขนงของแกมาเป็นเวลายาวนาน ข่าวเล็ก ๆ ที่เห็นก็คงไม่ได้สะดุดตาให้ต้องตามอ่าน หรือนำมาใส่ใจจนรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าตัว และหนังสือในบ้านของแกจำนวนหลายแสนเล่ม
แรกเอกอรุณคิดจะโทรศัพท์หาเพื่อนฝูงที่เคยสนิทชิดเชื้อกับเสือ เฟื่องอักษร หรืออย่างน้อยก็คนที่ชื่นชมเส้นทางการทำงานของแก รวมพลกันไปเยี่ยมศิลปินเฒ่าให้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจสักวัน แม้ไม่อาจหยุดยั้งกระแสน้ำที่กำลังจะบ่าท่วมมาถึงแต่อย่างน้อยก็เป็นกำลังให้ใจแกได้ยืนหยัด ให้แกรู้ว่าไม่ได้อยู่โดดเดียวเพียงลำพัง คนเขียนหนังสื่อรุ่นน้องและลูกศิษย์ลูกหาพร้อมเคียงข้าง หากแกเดือดเนื้อร้อนใจหรือขาดเหลือสิ่งใด ใครพอช่วยได้ก็คงหยิบยื่นออกไปคนละไม้ละมือ หรือถ้าจะต้องขนย้ายหนังสือหนีน้ำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ทุกคนก็พร้อมเป็นแรงงาน ขึ้นอยู่กับว่าแกจะย้ายไปเก็บไว้ที่ไหน หาสถานที่กว้างขวางรองรับได้หรือยัง
ไปเยี่ยมแกก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง เอกอรุณคิดเช่นนี้ เพราะตระหนักดีว่าเสือ เฟื่องอักษรไม่ใช่คนจะยอมรับความช่วยเหลือจากใครโดยง่าย เสืออย่างแกทระนงและอีโก้สูงเสมอมา
ยังไม่ได้โทรหาเพื่อนแม้แต่คนเดียว มวลน้ำเจ้ากรรมก็มาเยือนถึงถนนหน้าบ้านของตัวเอง แล้วเพียงชั่วข้ามคืนก็ฝ่าแนวป้องกันมาถึงบ้านชั้นล่าง กระสอบทรายที่เอกอรุณวางไว้รอรับสถานการณ์ล่วงหน้าค่อย ๆ ลดต่ำกว่าระดับน้ำที่โถมทะลักเข้ามา
เขาใช้เครื่องสูบน้ำเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานจัดการส่งแขกแปลกหน้าออกจากบ้านชั้นล่าง ลำเลียงกระสอบทรายที่เหลือมาวางซ้อนกันไว้อีกสองชั้น หัวหมุนกับปัญหาของตัวเอง ไม่มีเวลาคิดห่วงคนอื่น สู้กับข้าศึกจนเครื่องสูบน้ำโปเกหยุดหายใจ ปล่อยให้บ้านชั้นล่างถูกแขกแปลกหน้าที่ไม่ได้รับเชิญยึดครองเบ็ดเสร็จ แล้วเมื่อไฟฟ้าในบ้านถูกตัด เขตที่เขาอยู่อาศัยก็ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่อพยพ ข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าอินเตอร์เน็ต หนังสือพิมพ์รายวัน และโทรทัศน์ก็หายไป
ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่โทรศัพท์บ้านก็หมดสภาพตามมาติด ๆ
โทรศัพท์มือถือเหลือพลังงานให้ใช้ต่อมาได้อีกไม่ถึงสองวัน แบตเตอรี่ขีดสุดท้ายเลือนลับ เมื่อหาที่ชาร์จไม่ได้ เครื่องมือสื่อสารก็กลายเป็นสากกระเบือที่ใช้ตีพริกไม่ได้ทันที
แม้ไม่ได้อพยพหลบหนีไปไหนแต่ชีวิตท่ามกลางน้ำล้อมรอบไม่ต่างอะไรกับคนติดเกาะ เอกอรุณพาตัวเองย้อนยุคด้วยการหุงข้าวทำอาหารกับเตาถ่าน ดีที่เขาตุนข้าวสารอาหารแห้งไว้พร้อมสรรพก่อนมวลน้ำจะเดินทางมาถึง ไม่ว่าสถานการณ์อุทกภัยจะเลวร้ายอย่างไรในรอบเดือนสองเดือนข้างหน้า เขาไม่อดตายอย่างแน่นอน
พิมพ์ดีดตัวเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานทรงคุณค่าขึ้นมาทันที เอกอรุณตรวจดูหมึกพิมพ์หลายม้วนที่เก็บไว้ในตู้ ครั้นพบว่ายังใช้การได้ดีเขาถึงกับยิ้มปลอบใจตัวเอง ในท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน โลกอาจเปิดโอกาสให้เขาสร้างงานเขียนอย่างเต็มกำลังความสามารถ
เสียงตอกพิมพ์ดีดที่เคยเงียบหายไปจากชีวิตเขานานหลายปีหวนกลับมาอีกครั้ง นักเขียนหนุ่มใหญ่นั่งทำงานท่ามกลางย่านสวนสดเขียว รายรอบด้วยเวิ้งน้ำที่ท่วมขังทั้งถนนใหญ่ ตรอกซอย และโอบล้อมบ้านเรือนทุกหลังในย่านเดียวกัน
แปรสถานการณ์เลวร้ายเป็นโอกาสทำงาน ไม่ว่าบ้านจะจมอุทกภัยยาวนานแค่ไหน เอกอรุณตั้งใจจะใช้ชีวิตมั่นคงกับงานเขียน ดีไม่ดีเขาอาจได้นิยายยอดเยี่ยมสักเรื่องหลังน้ำลด
เผชิญกับปัญหาเฉพาะหน้าจนหลงลืมข่าวของเสือ เฟื่องอักษร จนกระทั่งวันที่เขาเดินทางไปสบตากับตัวเป็น ๆ ของแก และได้เห็นสภาพบ้านเรือนที่เหลืออยู่ของแก ข้อแก้ต่างที่ทำให้ตัวเองดูไม่เลวร้ายนักก็ฉวยโอกาสโยนบาปให้อุทกภัยรับไปทั้งหมด
“เพราะบ้านผมก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน” ข้ออ้างหรือคำพูดเช่นนี้ไม่เพียงเอกอรุณคนเดียว บรรดาคนที่รู้จักมักคุ้นกับแกเหมือนนัดหมายกันไว้ล่วงหน้า พวกเขาอ้างเหตุผลเดียวกัน ต่างยกความจำเป็นส่วนตัวเหมือนกัน ๆ กัน ยามที่ยืนอยู่ต่อหน้าใครสักคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือเพื่อนมิตรซึ่งส่งคำถามทางสายตาเป็นทำนองว่า ทำไมปล่อยปละละเลยให้พี่เสือหรือลุงเสือผจญอุทกภัยอันโหดร้ายเพียงลำพังอย่างใจจืดใจดำ ทำไมจึงไม่มีใครเลยคิดจะยื่นมือไปช่วย
“เพราะบ้านผมก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน” ข้ออ้างเช่นนี้กลายเป็นสูตรสำเร็จที่ใช้ลบคำตำหนิและแววกล่าวโทษในดวงตาของคนถาม แล้วประโยคหรือวลีนี้กลายเป็นถ้อยคำที่ใคร ๆ นำไปใช้ แม้หลายคนที่กล่าวอ้าง บ้านของพวกเขาไม่ได้ถูกน้ำท่วมแม้แต่เซนติเมตรเดียวก็ตาม
เอกอรุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อ้างคำพูดและเหตุผลนี้ หากด้วยความสัตย์จริงของสถานการณ์ จะว่าไปแล้วย่านที่เขาพักอาศัยถูกน้ำท่วมยาวนานกว่าหลายพื้นที่ในเขตเมืองหลวง
เขานั่งตอกพิมพ์ดีดอยู่กลางเกาะที่ไฟฟ้าและน้ำประปาถูกตัดขาด ไม่รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของโลกภายนอก ได้แต่คิดและหวังว่า เสือ เฟื่องอักษรอาจสูญเสียหนังสือไปเพียงบางส่วน และบ้านสองหลังของแกก็ก้าวข้ามมหาอุทกภัยไปได้โดยสวัสดิภาพ
ทุกครั้งที่นึกเป็นห่วงนักเขียนรุ่นพี่กับหนังสือของแกขึ้นมา เอกอรุณจะก้มมองชั้นล่างของบ้านที่กลายสภาพเป็นบ่อเลี้ยงปลาไปโดยสมบูรณ์ แล้วเตือนสติตัวเองว่า สถานการณ์ของคนอื่นอาจดีกว่าเขาในเวลานี้ด้วยซ้ำ ก่อนจะเป็นกังวลหรือหาทางช่วยเหลือใครอื่น เขาควรเอาตัวให้รอดและจัดการกับภาระเผชิญหน้านี้ให้ลุล่วงไปก่อน
ตกค่ำเขาอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมัดก๊าดและเทียนไข ข่าวคราวของเสือ เฟื่องอักษรค่อย ๆลอยหายไปกับสายลมเหนือผิวน้ำบนท้องถนน กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวของแกในช่วงอุทกภัยจึงถูกถ่ายทอดมาสู่เอกอรุณและใครต่อใครหลังน้ำลด
รายละเอียด
คุยก่อนอ่าน
ผมเขียนนิยายขนาดสั้นเก็บไว้เป็นจำนวนเกือบสิบเรื่อง ขนาดความยาวไม่ถึงร้อยหน้า หากพิมพ์เป็นเล่มก็คงจะบางและเล็ก สร้างปัญหาทางการตลาดให้กับสำนักพิมพ์พอสมควร เพราะวรรณกรรมไทยพิมพ์จำนวนน้อย ไม่เกินสามพันเล่ม เมื่อหนังสือออกสู่ร้านค้า นำไปวางแผงสามเล่มหรือห้าเล่ม ความเล็กและบางของมันก็จะถูกกลืนหายไปกับทะเลหนังสือ แม้แต่คนสนใจตามหาจริง ๆ ก็ต้องใช้ความพยายาม
งานเขียนเป็นความรื่นรมย์ เป็นศิลปะที่ขัดเกลาคนสร้าง รวมทั้งเป็นสนามฝึกฝนส่วนตัว แม้ไม่ได้คาดหวังกับการพิมพ์เป็นเล่ม และเสนอตัวต่อสาธารณะ ผมก็ยังเขียนเก็บไว้ ยิ่งในช่วงธุรกิจสิ่งพิมพ์เผชิญวิกฤตหลายด้าน ก็ยิ่งตอกย้ำโอกาสที่ปิดตายสำหรับนิยายเล่มเล็ก ๆ
โอกาสตีพิมพ์ปิดตาย ไม่ได้มายความว่า โอกาสแห่งการคิดและเขียนจะล่มสลายไปด้วย ตราบผู้สร้างยังยืนหยัดและมีลมหายใจ
ทันทีที่ช่องทางเล็ก ๆ เปิดให้มีโอกาสเสนองานออกไป ในรูปแบบ อีบุ๊ค หรือหนังสืออิเลคทรอนิก ความคิดบางอย่างก็จุดประกายขึ้นมา ผมอาจนานเขียนที่เก็บไว้นานแล้วมาทยอยทำนำเสนอในสื่อประเภทนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผลการตอบรับ
เริ่มจากนิยายขนาดสั้น ต้นฉบับหกสิบสองหน้า คิดว่าเหมาะและลงตัวกับการอ่านกับเครื่องมือสื่อสารพกพา เป็นได้ทั้งเพื่อนร่วมทาง เพื่อนคู่คิด และเป็นพื้นที่แห่งความรื่นรมย์สำหรับการอ่าน
เล่มต่อไปก็ขึ้นอยู่กับแรงสนับสนุนของนักอ่าน แล้วพบกันครับ
ด้วยความขอบคุณ
ประชาคม ลุนาชัย
กุมภาพันธ์ 2560