Customer Reviews

TWILIGHT นวจันทรา New Moon (ปกใหม่)
3
นิยายโรแมนซ์แบบต่างชาติ เราว่าเราชอบ Twilight มากกว่า New Moon นะ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

เล่มที่สองของชุด Twilight มีชื่อว่า New Moon หรือภาษาไทยว่า “นวจันทรา” ใครช่างคิดชื่อนะ เพราะจริง ๆ อิอิ ที่เกี่ยวข้องกับพระจันทร์ก็เพราะว่าในเล่มที่สองนี้จะปรากฏอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งออกมานั่นคือ มนุษย์หมาป่า จริง ๆ แล้วปรากฏในเล่มแรกแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นมนุษย์หมาป่า เจคอบ ซึ่งเป็นตัวละครหลักอีกตัวในเรื่องยังไม่สามารถแปลงร่างได้
เรื่องราวยังคงเน้นความรักของแวมไพร์กับมนุษย์เช่นเดิม แต่ครั้งนี้มีอุปสรรคเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น ในเรื่องนี้ เจคอบซึ่งเป็นมนุษย์หมาป่าจะเข้ามามีบทบาทในความรักของเอ็ดเวิร์ดและเบลล่ามากยิ่งขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างความสับสนให้กับเบลล่า
สำหรับเราเราให้เล่มนี้แค่สามดาว แค่น่าอ่านเท่านั้น อ่านได้เรื่อย ๆ เพราะตัวเราเองก็อ่านเล่มนี้แบบเรื่อยเปื่อยมาก บางทีก็อ่านสแกนผ่าน ๆ เอาแค่พอรู้เรื่องเท่านั้น คือเราไม่ได้รู้สึกว่าสนุกอะไรมากมาย เล่มแรกยังสนุกและตื่นเต้นกว่า มีเหตุการณ์ที่ชวนให้ลุ้นมากกว่า เล่มนี้เน้นความรัก ความสับสนในใจเบลล่ามาก จนเรารู้สึกหมั่นไส้ยัยเบลล่ามากขึ้นทุกที นางเหมือนสวยเลือกได้ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ใช่ อะไรแบบนั้น เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าที่ควร ทำให้ New Moon ดูเป็นนิยายโรแมนซ์แนวเพ้อฝันมากขึ้นไปอีก จริง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าตื่นเต้น หรือให้ลุ้นเลยนะ แต่สำหรับเรา มันยังไม่มากพอ เพราะน้ำหนักความน่าเบื่อมันไปกองอยู่กับความหลายใจของเบลล่าไปแล้ว เรียกว่า ถ้าเมืองไทยมีนางวันทอง New Moon ก็มีเบลล่าค่ะ 555
ไม่กล้าแนะนำว่าควรอ่าน เอาเป็นว่า อยากอ่านก็อ่านดีกว่า ไม่ได้เลวร้ายอะไรค่ะ
TWILIGHT แรกรัตติกาล
5
นิยายโรแมนติกแนวแวมไพร์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

Twilight หรือชื่อภาษาไทยว่าแรกรัตติกาล เป็นนิยายชุดสำหรับวัยรุ่นที่ดังที่สุดเล่มหนึ่ง มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และได้รับความนิยมไปทั่วโลก
เนื้อเรื่องของ Twilight กล่าวถึงความรักของวัยรุ่นล้วน ๆ แต่เป็นวัยรุ่นต่างเผ่าพันธุ์ นั่นคือ พระเอกเป็นแวมไพร์ ส่วนนางเอกเป็นมนุษย์ธรรมดา
การเดินเรื่องของ Twilight ใช้นางเอกคือเบลล่าเป็นเหมือนคนเล่าเรื่องราวทั้งหมด เรื่องราวในหนังสือส่วนใหญ่จึงเป็นมุมมองของเบลล่าเพียงคนเดียว
จะว่าไป Twilight ก็เหมือนนิยายเพ้อฝันฉบับต่างประเทศ เพราะเอ็ดเวิร์ด พระเอกของเรื่องเป็น แวมไพร์สุดหล่อที่มาใช้ชีวิตปนกับมนุษย์ ในนิยายก็จะเห็นว่าตัวเบลล่าเองก็เพ้อถึงเอ็ดเวิร์ดบ่อย ๆ เช่นกัน
ในช่วงต้น ผู้แต่งให้เบลล่าเป็นตัวเล่าเรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดที่เบลล่าพบเห็น ผู้แต่งจะค่อย ๆ เฉลยออกมาว่าเอ็ดเวิร์ดแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร และเอ็ดเวิร์ดเองก็รู้สึกกับเบลล่าอย่างไร ส่วนท้ายของเรื่องถึงจะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กันระหว่างแวมไพร์สองกลุ่ม เป็นการต่อสู้ของเอ็ดเวิร์ดเพื่อปกป้องเบลล่าจากแวมไพร์อีกกลุ่มที่ต้องการทำร้ายเบลล่า
คำว่า Twilight นั้นเป็นการเปรียบเทียบความเห็นของเบลล่าที่มีต่อเอ็ดเวิร์ดว่าเขาเหมือนกับบุคคลที่มาจากความมืด อะไรประมาณนั้น เราว่าเราชอบชื่อที่แปลเป็นภาษาไทยนะ แรกรัตติกาล ชื่อเท่ดี
ถ้าใครที่ชอบอ่านนิยายแนวโรแมนติก แนวแวมไพร์ แนวเพ้อฝันนิด ๆ เราว่าเรื่องนี้ก็เหมาะค่ะ เนื้อเรื่องไม่หนักวิชาการจ๋า เป็นความรักล้วน ๆ เป็นชีวิตวัยรุ่นล้วน ๆ เลย ช่วงที่มีการต่อสู้ มีเพียงช่วงท้ายเท่านั้น แนะนำให้อ่านเพื่อความบันเทิงเลยค่ะ
เทวากับซาตาน (ฉบับเปลี่ยนปก) (แดน บราวน์)
5
นวนิยายที่เชื่อมโยงเรื่องของวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ศิลปะไว้ได้อย่างลงตัว และน่าติดตาม
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

เทวากับซาตาน (Angels and Demons) เป็นนวนิยายขายดีติดอันดับโลกอีกเล่มหนึ่งที่เป็นผลงานของแดน บราวน์ เล่มนี้ยังใช้ตัวละครเอกตัวเดิมคือ โรเบิร์ต แลงดอน เหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดในเล่มนี้จะเกิดก่อนรหัสลับดาวินชีด้วยค่ะ แต่จะอ่านรหัสลับดาวินชีก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เนื้อเรื่องแตกต่างกันอยู่แล้ว สิ่งที่เหมือนกันคือ ศาสตราจารย์แลงดอน ต้องใช้ความรู้ในด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและศาสนาของตนเองในการแก้ปริศนา ไขความลับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องค่ะ
เทวากับซาตานนี้แน่นไปด้วยข้อมูลและเนื้อหา ใครที่อยากไปเที่ยววาติกัน เมื่อได้อ่านเล่มนี้จะเหมือนได้ไปเที่ยวเลยค่ะ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการคัดเลือกพระสันตะปาปา รวมไปถึงสถานที่สำคัญในกรุงโรมที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ และเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปินหลายต่อหลายคน มีข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรลับด้วย เรียกว่าข้อมูลที่ผู้แต่งศึกษาค้นคว้ามาประกอบนั้น แน่นปึ้กจริง ๆ อ่านไปแล้วเหมือนตัวเองก็กำลังค้นหาองค์กรลับนี้ไปพร้อมกับศาสตราจารย์แลงดอนด้วย
ในส่วนของเนื้อเรื่องเล่มนี้ มีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การเชื่อมโยงเรื่องของวิทยาศาสตร์เข้ากับศาสนา นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่แน่นปึ้กแล้ว แดน บราวน์ ยังค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มาเป็นอย่างดีอีกด้วย ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้เป็นความรู้ใหม่ที่ทำให้ผู้อ่านหลายคนอ้าปากค้างได้แน่นอน
ใครที่ชอบอ่านนิยายแนวนี้ อ่านแล้วได้ความรู้ ได้คิดตาม และค้นหาความจริงไปพร้อม ๆ กับตัวละคร เทวากับซาตานถือเป็นเรื่องหนึ่งที่แนะนำให้อ่านค่ะ ถึงจำนวนหน้าจะเยอะ เห็นแล้วท้อ แต่อ่านไปเรื่อย ๆ รับรองว่าวางไม่ลงค่ะ
รหัสลับดาวินชี The Davinci Code (แดน บราวน์)
5
เต็มห้าดาวขอให้สิบดาวได้มั้ยสำหรับหนังสือเล่มนี้ มันดีงามจริงๆ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

รหัสลับดาวินชี เป็นวรรณกรรมที่โด่งดังไปทั่วโลกจริง ๆ เรียกว่าเขย่าคริสตจักรเบา ๆ เลยทีเดียว เพราะแดน บราวน์ ผู้แต่งได้หยิบเอาประเด็นที่อ่อนไหวมาเขียนเป็นเรื่องราว และยังมีหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้แต่งได้ศึกษาค้นคว้ามาสนับสนุนข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย คืออ่านแล้วเรารู้สึกว่า เราอยากเรียนแบบโรเบิร์ต แลงดอน ตัวละครเอกในเรื่อง เราอยากหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หรือเกี่ยวกับสัญลักษณ์พวกนี้มาอ่านต่อเนื่อง และแอบคิดไปขนาดที่ว่า เรื่องราวที่เกิดในเล่มนี้อาจจะเป็นเรื่องจริงเลยก็ได้
เนื้อเรื่องดำเนินผ่านตัวละครเอกคือโรเบิร์ต แลงดอน ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและสัญลักษณ์ โดยมีผู้ช่วยซึ่งเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งสองจะต้องร่วมกันค้นหาปริศนาที่ถูกทิ้งไว้ด้วยสัญลักษณ์ หรือภาพเขียนสำคัญต่าง ๆ และยิ่งค้นหาปริศนามากเท่าไหร่ ก็นำไปสู่ความลับอันยิ่งใหญ่มากเท่านั้น
ถ้าใครที่อยากอ่านนิยายเบา ๆ เราไม่แนะนำเรื่องนี้ค่ะ เพราะเนื้อหาในเล่มนี้หนักพอตัวเลย วิชาการเน้น ๆ แต่คนที่อยากอ่านแล้วได้ความรู้ อ่านแล้วได้คิด หรือชอบแนวสืบหาความจริง พูดได้ว่าไม่ควรพลาดรหัสลับดาวินชีโดยเด็ดขาด เพราะผู้แต่งวางพล็อตเรื่องไว้น่าติดตามมาก ตัวละครค่อย ๆ คลายความสงสัยให้เราไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ก็ทำให้ผู้อ่านช็อคได้เช่นกัน เพราะเรื่องนี้หักมุมได้แบบคาดไม่ถึงจริง ๆ
สิ่งเดียวที่ต้องระวังในการอ่านก็คือ ระวังความเชื่อของตัวเองให้ดี เพราะถ้าได้อ่านแล้วละก็ บอกเลยว่าจะยิ่งอินและรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริง เรากำลังค้นหาความลับร่วมไปกับแลงดอนจริง ๆ ควรอ่านมากจริง ๆ ค่ะ เต็มห้าแทบอยากจะให้สิบดาวเลย
Harry Potter เล่ม 03 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน (ปกทอง)
5
วรรณกรรมเยาวชนที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่ง ... ไม่ควรพลาดค่ะ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน เป็นหนังสือเล่มที่สามของวรรณกรรมเยาวชนที่ดังที่สุดในโลก จำได้ว่าเล่มสามนี้อ่านตั้งแต่วันแรกที่หนังสือออกจำหน่าย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ สำหรับเรา เราชอบเล่มสามค่อนข้างมาก รู้สึกว่ามีอะไรพลิกไปมาหลายอย่าง ต้องนับถือ เจ.เค.โรว์ลิ่งจริง ๆ ที่ลวงผู้อ่านให้คิดไปอีกทางได้

ในแฮร์รี่เล่มสามนี้ มีตัวละครที่ถือว่าสำคัญเพิ่มมาอีกหนึ่งตัว และเป็นตัวหลักที่ขมวดปมของเรื่องไว้ ตอนที่อ่านบอกเลยว่าเราตื่นเต้น คิดและเดาไปต่าง ๆ นานาว่าตัวละครนี้มาจากไหน มาเพื่ออะไร ยิ่งตอนไหนที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับแฮร์รี่ ก็เดาแล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แน่เลย และเราก็มานั่งคิดตามว่ามันเกี่ยวข้องกับเจ้าแห่งศาสตร์มืดยังไง เรียกว่าแทบอยากพลิกไปดูเฉลยในตอนจบเลยแหละ เราอ่านแฮร์รี่เล่มสามจบภายในครึ่งวัน อ่านแบบไม่วาง ไม่ทำอย่างอื่น แม้จะเข้าห้องน้ำยังต้องถือหนังสือตามเข้าไปอ่านอ่ะ

ในส่วนของการแปล เราเคยอ่านภาคภาษาอังกฤษแบบผ่าน ๆ และเลือกมาหนึ่งบทเพื่อดูวิธิการแปลและการใช้ภาษา ในความเห็นของเราผู้แปลแปลได้ดีทีเดียว ได้ใจความตรงตามภาคภาษาอังกฤษครบถ้วน ผู้แปลใช้ภาษาที่ง่าย ทำให้อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่เสียอรรถรสในการอ่านค่ะ

ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์แต่ไม่เคยอ่าน แนะนำเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าอ่านเถอะ คุณจะไม่ผิดหวังเลยที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ สำหรับเรานะสนุกกว่าภาพยนตร์แน่ ๆ ค่ะ ลองอ่านดู
เจ้าชายน้อย
5
วรรณกรรมฝรั่งเศสที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เป็นเรื่องที่นักอ่านทุกคนไม่ควรพลาดค่ะ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

เราเชื่อว่านักอ่านหลาย ๆ คนต้องรู้จัก “เจ้าชายน้อย” หรือ Le Petit Prince แน่นอน เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสที่ถือเป็นวรรณกรรมอมตะเล่มหนึ่งเลยทีเดียว มีการแปลไปหลายภาษาทั่วโลก

ดูผิวเผินแล้วเจ้าชายน้อยก็คล้าย ๆ กับหนังสือนิทานสำหรับเด็กทั่วไปนะคะ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ได้รับการจัดหมวดให้เป็นหนังสือสำหรับผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเล่มที่เรามีเป็นฉบับที่ฉลองครบรอบ 70 ปี หน้าปกแบบนี้เลย ภาพประกอบน่ารัก เหมาะกับการเป็นหนังสือเด็กจริง ๆ

ถ้าเป็นเด็ก ๆ เลยมาอ่านเจ้าชายน้อยคงไม่คิดอะไร คงอ่านเหมือนนิทานเรื่องหนึ่งที่มีเจ้าชายผจญภัยไปดาวต่าง ๆ แต่ครั้งแรกที่เราอ่านเจ้าชายน้อย ตอนนั้นอยู่มัธยม ถือว่ายังเด็กอยู่ละกัน ตอนนั้นอ่านตามนักร้องที่เราชอบอีกแล้ว เราอ่านก็คิดตามบ้างนิดหน่อย อ่านผ่าน ๆ ไป พอเรียนมหาวิทยาลัยก็หยิบมาอ่านอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เรารู้สึกว่าเราคิดตามมากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีบางอย่างแฝงอยู่

ตอนนี้เราทำงานแล้ว และมีโอกาสได้หยิบเจ้าชายน้อยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ครั้งนี้เราพบว่า การเดินทางของเจ้าชายน้อยไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้พบเจอผู้คนแต่ละที่ เหตุการณ์เหล่านี้เชื่อมโยงกับผู้คนที่เราพบเจอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ทันที เรียกว่า การอ่านเจ้าชายน้อย ทำให้เรานึกถึง และคิดตามสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ มีอะไรให้เราคิดต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ

สำหรับนักอ่านที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เราเชื่อว่าคงได้อ่านเจ้าชายน้อย แต่ถ้าไม่เคยอ่าน หรือหากคุณเป็นนักอ่านหน้าใหม่ เราขอแนะนำให้อ่านเจ้าชายน้อยค่ะ สำหรับเราถือว่าเป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งเลย
พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เรื่อง พระมหาชนก ฉบับการ์ตูน ภาพสีตลอดเล่ม
5
หนึ่งในทศชาติชาดกที่ได้รับการตีพิมพ์ในรูปแบบการ์ตูนเพื่อให้อ่านง่าย
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 21 มกราคม พ.ศ. 2558

พระมหาชนก เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ถูกจัดทำขึ้นในรูปแบบการ์ตูน เคยตีพิมพ์ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้มีการตีพิมพ์ใหม่เป็นแบบสี่สี สวยงามยิ่งขึ้น

พระมหาชนกเป็นเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก ซึ่งเป็นชาดกเกี่ยวกับการเสวยพระชาติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 10 พระชาติเพื่อบำเพ็ญบารมี ก่อนพระองค์จะเสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า โดยพระมหาชนกเป็นพระชาติที่สองของทศชาติชาดก กล่าวถึงการบำเพ็ญบารมีด้านความเพียร
ก่อนอ่าน ดิฉันมีความรู้เรื่องย่อเกี่ยวกับพระมหาชนกอยู่บ้าง เนื่องจากเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับ ทศชาติชาดกมาบ้างแล้ว แต่เมื่อได้อ่านฉบับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์ในรูปแบบการ์ตูน ดิฉันรู้สึกถึงความแตกต่าง ไม่ใช่ในแง่ของเนื้อหา เนื่องจากเป็นชาดก เนื้อหาคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว สิ่งที่แตกต่างคือ “ความน่าสนใจ”

ดิฉันคิดว่าฉบับการ์ตูนนี้ ช่วยให้เข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้น ยิ่งรูปแบบใหม่ได้รับการตีพิมพ์แบบสี่สีด้วยแล้ว ยิ่งดึงดูดให้น่าอ่านมากยิ่งขึ้น
ลายเส้นการ์ตูนคมชัด อาจจะไม่ละมุนแบบลายเส้นการ์ตูนสมัยใหม่ แต่เส้นก็ชัดเจน ภาพตัวละครแต่ละตัว ผู้วาดใส่คาแรกเตอร์ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนดี

ขึ้นชื่อว่าชาดกแล้ว ทุกเรื่องย่อมมีข้อคิดแฝงไว้เสมอ พระมหาชนกก็เช่นกัน นอกจากข้อคิดหลัก ๆ ในเรื่องของความเพียรพยายามแล้ว ยังมีเรื่องอื่น ๆ แทรกอยู่ทั่วไปให้ผู้อ่านอย่างเรา ๆ ได้อ่านและคิดตาม เพื่อนำไปเป็นข้อคิด คติสอนใจได้

ดิฉันขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ผู้ปกครองหาซื้อให้น้อง ๆ เด็ก ๆ ได้อ่านค่ะ นอกจากจะเข้าใจเรื่องง่ายแล้ว ยังแฝงข้อคิดต่าง ๆ มากมายให้ผู้ปกครองได้ใช้โอกาสนี้ในการอยู่ใกล้ชิดกับเด็ก ๆ เพื่อสอนค่ะ
4
ผู้หญิงสองคนแย่งผู้ชายคนเดียว แต่เราว่า เรื่องนี้ให้ข้อคิดอะไรมากกว่านั้น
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 20 มกราคม พ.ศ. 2558

นวนิยายที่มีชื่อเสียงอีกเล่มของ “นันทนา วีระชน” ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครหลายครั้ง “เมียแต่ง” เล่าเรื่องชีวิตหลังแต่งงานของอรุณประไพ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมียแต่งของคงไคย

ปกติเราไม่ค่อยอ่านนิยายแนวตบตีแย่งชิงสามี เรามองว่ามันน้ำเน่าไปหน่อย แต่ตอนดูละครเวอร์ชั่นล่าสุดที่ชมพู่เล่น เรารู้สึกว่าละครกระชับ และแฝงข้อคิดเอาไว้หลายอย่างให้กับผู้หญิง เลยลองไปหาอ่านดูบ้าง ซึ่งเราว่าเราไม่ผิดหวังที่อ่าน

ผู้แต่งสร้างตัวละครหลักอย่างอรุณประไพ และปรุงฉัตรได้แตกต่างชัดเจน อรุณประไพเป็นแม่บ้านแม่เรือน เป็นไอดอลของกุลสตรีไทยที่ควรเอาอย่างในเรื่องการจัดการภายในบ้าน ส่วนปรุงฉัตรเป็นแบบเจ้าคิดเจ้าแค้น พยายามหาทางให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างพระเอกนางเอกตลอดเวลา
ส่วนตัวของพระเอกนั้น ผู้แต่งสร้างให้มีที่มาที่ไปว่าทำไมไม่ชอบนางเอกในช่วงต้น รวมไปถึงกว่าจะเริ่มรู้สึกรักนางเอก ผู้แต่งก็ใช้วิธีการให้พระเอกได้ค่อย ๆ เรียนรู้จากเมียทั้งสองคน ผู้อ่านจะรู้สึกตามคงไคยได้ว่าทำไมถึงอยากอยู่กับอรุณประไพมากกว่าปรุงฉัตร
สิ่งที่เราชอบเลยก็คือความเข้มข้นของเรื่อง ผู้แต่งเขียนนิยายแนวนี้ได้แซ่บจริงจัง เราว่าแต่ละตัวมีเหตุมีผลในการกระทำของตัวเอง อย่างปรุงฉัตรเอง พออ่านแล้วก็รู้สึกได้ว่าทำไมนางถึงเป็นคนแบบนี้ พอเรารู้สึกตามตัวละคร เลยยิ่งทำให้อิน และรู้สึกว่าเรื่องมันมีความเป็นไปได้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ตบตีแย่งชิงผู้ชายไปวัน ๆ แล้ว

ใครที่ชอบเวอร์ชั่นละคร พออ่านแบบหนังสืออาจจะแตกต่างกันหลายจุด แต่ที่คงไว้คือข้อคิดที่ว่า ผู้หญิงที่ผู้ชายต้องการ คือผู้หญิงแบบที่เป็นคู่คิดได้ แบบอรุณประไพนี่แหละ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ปกใหม่)
4
แนะนำผู้ปกครองซื้อให้เด็ก ๆ อ่านค่ะ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 20 มกราคม พ.ศ. 2558

หนังสือการ์ตูนความรู้จากสำนักพิมพ์อีคิวพลัสเรื่อง “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” นี้ เราได้อ่านเล่มนี้เพราะไปดูภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจบแต่ยังอินอยู่ เลยลองค้นหนังสือในบ้านดูไปเจอหนังสือเล่มนี้ที่น้องชายซื้อไว้ เลยขอมานั่งอ่านสักนิดหนึ่ง

การนำพระราชประวัติมาเขียนเป็นการ์ตูนแบบนี้ ข้อดีมาก ๆ เลยก็คือ ทำให้เด็ก ๆ อ่านแล้วเข้าใจง่ายขึ้น ภาพการ์ตูนช่วยให้การนำเสนอเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยเด็กได้มากขึ้น และทำให้เด็ก ๆ เห็นภาพชัดเจนขึ้นด้วย

หนังสือเล่มนี้ เราว่าเหมาะกับเด็กหลายวัย สำหรับเด็กระดับประถมศึกษา เริ่มมีการเรียนประวัติศาสตร์บ้างแล้ว การที่ได้อ่านพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรในรูปแบบการ์ตูนความรู้แบบนี้ ก็จะช่วยให้เด็ก ๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้น เห็นภาพชัดเจนขึ้น ทำให้จำเรื่องราวได้ง่ายและเพิ่มมากขึ้น การเรียนประวัติศาสตร์ก็จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

สำหรับเด็กโตที่ไม่ชอบเรียนประวัติศาสตร์ หรือมองว่าประวัติศาสตร์ค่อนข้างน่าเบื่อ มีแต่ต้องจำ เราว่าหนังสือการ์ตูนความรู้แบบนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกันที่จะช่วยให้เด็กกลุ่มนี้มีความสุขกับการศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น

ภาพการ์ตูนในหนังสือเล่มนี้สำหรับเราถือว่าโอเคมากเลย เราชอบลายเส้นของตัวการ์ตูน เพราะดูไม่แข็งจนเกินไป ตัวการ์ตูนแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างชัดเจน ภาษาที่ทางสำนักพิมพ์นำไปใช้เขียนการ์ตูนก็เป็นภาษาที่ง่ายขึ้น แทรกความสนุกเป็นระยะ การลำดับเนื้อหาในเล่มลำดับได้ดี ทำให้คนที่อ่านเข้าใจลำดับเหตุการณ์มากขึ้น

เราแนะนำให้ผู้ปกครองซื้อการ์ตูนความรู้แบบนี้ให้กับน้อง ๆ ได้อ่านค่ะ มีประโยชน์ต่อการศึกษา ส่วนน้อง ๆ ที่โตแล้วแต่ไม่ชอบเรียนประวัติศาสตร์เพราะมองว่ามันน่าเบื่อ ลองอ่านการ์ตูนความรู้แนวนี้ดู อาจจะชอบประวัติศาสตร์มากขึ้นก็ได้ค่ะ
Harry Potter เล่ม 02 แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ (ปกทอง)
5
แฮร์รี่ต้องค้นหาห้องแห่งความลับ แล้วเขาจะเจออะไรในนั้นกันล่ะ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 20 มกราคม พ.ศ. 2558

วรรณกรรมเยาวชนสุดฮิตอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ในเล่มสองนี้ ต้องบอกว่า เจ.เค. โรว์ลิ่ง วางพล็อตเรื่องไว้ดีจริง ๆ ครั้งนี้ ทำให้แฮร์รี่ ต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมด้วยซ้ำ

อาจมีคำถามว่าถ้าไม่อ่านเล่มแรก แล้วมาอ่านเล่มนี้ก่อนจะอ่านรู้เรื่องมั้ย คำตอบคือ รู้เรื่องแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับในเล่มแรก แต่อาจจะมีการพูดถึงเหตุการณ์ในช่วงที่แฮร์รี่อยู่ปีหนึ่งบ้าง ซึ่งไม่ใช่ปัญหาในการอ่านแต่อย่างใด

ในเล่มนี้ ภารกิจที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ต้องค้นหาเรื่องราวลึกลับของ “ห้องแห่งความลับ” ซึ่งเป็นตำนานเก่าแก่ของฮอกวอตส์ ยิ่งทั้งสามคนค้นหามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอเรื่องราวประหลาดที่สร้างความหวาดกลัวไปมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากตัวละครเดิมทั้งหมดจะกลับมาสร้างความสนุกให้กับผู้อ่านแล้ว ตัวละครที่โตขึ้นอย่างจินนี่ วีสลีย์ น้องสาวของรอน ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในเล่มนี้มากขึ้น และยังมีตัวละครใหม่อีกตัวที่มาแบบรับเชิญเล่มนี้เล่มเดียว อย่างกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต แถมโผล่มาแบบสร้างความหมั่นไส้ให้กับผู้อ่านอีกด้วย
ในหนังสือเล่มนี้นอกจากจะมีเรื่องราวหลัก ๆ ที่แฮร์รี่ต้องค้นหาห้องแห่งความลับแล้ว ยังแฝงเรื่องของการแบ่งแยกสายเลือด แบ่งแยกชนชั้นไว้ด้วย ผู้เขียนได้เปรียบเทียบให้เห็นถึงกลุ่มคนที่เหยียดสายเลือดอย่างชัดเจน คาดว่าคงมีไอเดียมาจากการแบ่งแยกสีผิว ซึ่งผู้อ่านอ่านแล้วจะรับรู้ได้ทันทีเลยว่า เราไม่ควรจะแบ่งแยกสายเลือด แบ่งแยกชนชั้น

ห้องแห่งความลับเป็นเช่นไร จะเกี่ยวข้องกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์หรือไม่ และใครเป็นผู้เปิดห้องแห่งความลับ ปลดปล่อยความน่ากลัวออกมาอีกครั้ง ติดตามอ่านได้ในเล่ม รับประกันความสนุกเช่นเคย
รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน (ชุด Rising Sun) (ณารา)
4
เล่มแรกของชุด Rising Sun รับประกันความหวานของพระเอกนางเอก
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 20 มกราคม พ.ศ. 2558

“รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน” เป็นนิยายเล่มแรกในชุด Rising Sun ซึ่งเป็นผลงานของณารา เป็นเรื่องของกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้น ตัวละครและสถานที่ทุกอย่างในเรื่องจึงเป็นญี่ปุ่นทั้งหมด การจำชื่อตัวละครเลยยากไปนิด แต่อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จำได้

ชุด Rising Sun นี้จะมีสามเรื่องด้วยกัน อย่างที่รู้กันว่าผลงานของณาราเป็นนิยายโรแมนซ์ ย่อมต้องเกี่ยวกับความรักของชายหญิง สำหรับรอยรักหักเหลี่ยมตะวันก็ไม่แตกต่างกัน ครั้งนี้ ณาราผูกปมของเรื่อง เป็นความรักของหัวหน้ากลุ่มมาเฟียกับหญิงชาวไทยที่ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น เป็นความรักที่เกิดขึ้นระหว่างความขัดแย้งระหว่างกลุ่มมาเฟีย

ต้องชื่นชมว่าณาราทำการบ้านเรื่องวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว ใครที่ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่น จะได้ซึมซับวัฒนธรรมสมัยก่อนเต็มที่แน่นอน ส่วนภาษาที่ใช้ในเรื่อง ก็เป็นภาษาง่าย ๆ แต่สะท้อนภาพอย่างชัดเจน ยิ่งฉากแสดงความรักระหว่างทาเคชิกับแพรวดาวด้วยแล้วนั้น บอกเลยว่าหวานแหววมาก เพราะทาเคชิเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวแม้ว่าจะมีสถานะเป็นถึงผู้นำของกลุ่มก็ตาม

อีกอย่างที่ชอบคือ การเขียนกลอนตอบโต้กันของทาเคชิกับแพรวดาว ชอบกลอน กลอนเพราะมาก หวานมาก ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกได้ถึงความรักที่ทาเคชิและแพรวดาวมีให้กัน

หลังจากอ่านเล่มนี้จบลง เราเชื่อว่าสาว ๆ จะหลงรักทาเคชิไม่ยาก เหมือนที่เราก็แอบชอบตัวละครตัวนี้ จัดว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่คอโรแมนซ์ไม่ควรพลาดค่ะ
บ้านไร่ปลายฝัน : ปฐพีเล่ห์รัก
3
อาจจะไม่สนุกเท่าอีกสามเล่ม แต่ก็น่าอ่านอยู่นะ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 20 มกราคม พ.ศ. 2558

นวนิยายชุดบ้านไร่ปลายฝัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฝดสี่แห่งบ้านไร่อดิศวรคือ ดิน ลม ไฟ และน้ำ เรื่องราวนอกจากจะเล่าถึงความรักระหว่างพี่น้องและครอบครัวอดิศวรแล้ว ยังกล่าวถึงความรักของแต่ละคนอีกด้วย

เล่มที่สามสำหรับซีรีย์ชุดบ้านไร่ปลายฝัน สำหรับปฐพีเล่ห์รักนั้น เราว่าค่อนข้างดร็อปกว่าเรื่องอื่นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือตอนทำเป็นละคร มันไม่เปรี้ยงเท่าสามเล่มที่เหลือ

พล็อตเรื่องที่ผู้เขียนสร้างไว้คือการปลอมตัวเข้าไปสืบความลับของปฐพี หรือดิน ฝาแฝดคนโตของบ้านอดิศวรที่ทำกิจการรีสอร์ทอยู่ ในส่วนของความลับของดินที่ซ่อนไว้นั้น เราว่าค่อนข้างน่าสนใจ ถึงแม้ลักษณะของการซ่อนจะคล้ายในเล่มที่สองดวงใจอัคนี เพราะดันเก็บคีย์แมนเอาไว้ที่โรงพยาบาล แต่ส่วนที่ขัดใจเราพอสมควรคือ การสร้างตัวนางเอกของเรื่องคือชะเอม ให้เข้าไปสืบความลับของดิน ตอนแรกรู้สึกว่าชะเอมดูฉลาด ดูมีไหวพริบ แต่ตอนท้าย ๆ เราว่านางดูไม่ค่อยมีไหวพริบเท่าที่ควร แถมตัวละครชะเอม เราไม่ได้รู้สึกว่ามีดีอะไรมากมายจนพระเอกต้องหลงรัก เราเลยอ่านเรื่องนี้แล้วไม่อินมากนัก ซึ่งจะต่างจากเล่มอื่น ๆ ในซีรีย์ที่พระเอกกับนางเอกยังได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขมากกว่า ได้ช่วยเหลือและเห็นอกเห็นใจกันมากกว่า

ส่วนที่ชอบในเล่มนี้คือ เล่มนี้ไม่มีฉากหวือหวา ถึงแม้จะเดินเรื่องเรียบง่าย แต่จุดที่พระเอกกับนางเอกอยู่ด้วยกัน เราก็ยังสัมผัสได้ว่าคุณปฐพีรักชะเอมมาก มีซีนที่พระเอกนางเอกกุ๊กกิ๊กกันพอเหมาะ

ถึงแม้ว่าเล่มนี้จะไม่โดดเด่นเท่าเล่มอื่น แต่ก็อ่านได้ ไม่ชวนหลับซะทีเดียวค่ะ
บ้านไร่ปลายฝัน : วายุภัคมนตรา (แพรณัฐ)
5
เป็นเล่มที่เราชอบอันดับสองรองจากดวงใจอัคนีเลย
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 19 มกราคม พ.ศ. 2558

นวนิยายชุดบ้านไร่ปลายฝัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฝดสี่แห่งบ้านไร่อดิศวรคือ ดิน ลม ไฟ และน้ำ เรื่องราวนอกจากจะเล่าถึงความรักระหว่างพี่น้องและครอบครัวอดิศวรแล้ว ยังกล่าวถึงความรักของแต่ละคนอีกด้วย

“วายุภัคมนตรา” เป็นเรื่องสุดท้ายในซีรีย์บ้านไร่ปลายฝัน เรื่องของวายุภัคหรือลม ผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ที่สุดในบรรดาแฝด และไม่เคยเชื่อในความรัก ความเจ้าชู้ของลมนี่เองที่เป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น

นางเอกของเรื่องคือทิชากรหรือกะทิ เป็นนักเขียนที่ต้องเข้ามาหาข้อมูลในไร่องุ่นของลม แรก ๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกัน เพราะกะทิดันไปทักว่าลมมีโหงพรายมาเกาะหลัง ซึ่งจริง ๆ แล้ว กะทิสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้เนื่องจากเธอคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของกะทิเป็นหมอคุณไสย
กะทิคอยช่วยเหลือลมหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งลมเกิดประทับใจ และเกิดเป็นความรักขึ้น แต่อย่างว่า ผู้ชายเจ้าชู้มีชนักติดหลัง กะทิจึงไม่ใจอ่อนง่าย ๆ แต่เธอก็รู้สึกดีกับลม และตามหาความจริงที่เกิดขึ้นกับลม

ในเล่มนี้ นอกจากจะมีเรื่องราวความรักแล้ว ยังมีเรื่องของสิ่งลี้ลับ เรื่องของคุณไสยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถือว่าฉีกแนวไปจากสามเล่มที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด การสอดแทรกเรื่องราวของคุณไสยที่ผู้เขียนใส่นั้น สำหรับเราถือว่าไม่ได้ใส่เข้าไปจนดูงมงาย ถึงแม้จะมีช่วงหนึ่งที่จัดเต็มในเรื่องของการสู้กันของไสยเวท แต่ถ้ามองในแง่ของการสอนว่า การนำวิชาความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเช่นไร เราถือว่าก็เป็นการแทรกคำสอนที่ดีนะ

ผู้ชายคนไหนก็ตามที่แอบหยิบเล่มนี้มาอ่าน เราเชื่อว่าอาจจะกลืนน้ำลายและอาจจะเลิกเจ้าชู้ไปสักพัก เพราะกลัวจะเจอแบบลมล่ะ แต่สำหรับผู้หญิงที่ได้อ่าน คงอดไม่ได้ที่จะเจอผู้ชายที่พร้อมจะหยุดที่เราแบบที่ลมหยุดที่กะทิล่ะเนาะ
บ้านไร่ปลายฝัน : ดวงใจอัคนี (ซ่อนกลิ่น)
5
ไฟแผดเผาทุกอย่าง แม้กระทั่งหัวใจของตัวเอง
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 19 มกราคม พ.ศ. 2558

นวนิยายชุดบ้านไร่ปลายฝัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฝดสี่แห่งบ้านไร่อดิศวรคือ ดิน ลม ไฟ และน้ำ เรื่องราวนอกจากจะเล่าถึงความรักระหว่างพี่น้องและครอบครัวอดิศวรแล้ว ยังกล่าวถึงความรักของแต่ละคนอีกด้วย

“ดวงใจอัคนี” ถือเป็นเล่มที่สองสำหรับนิยายชุดนี้ โดยส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้ที่สุด ถึงแม้ว่าช่วงต้นของเรื่อง จะดูเหตุผลอ่อน ๆ ไปสักนิดสำหรับเรา แต่ความกวนของนายไฟกับความแสบของยัยจี๊ดก็ทำให้ลืม ๆ ไปได้บ้างเหมือนกัน
สำหรับการเดินเรื่องในเล่มนี้ ประเด็นหลักคือความรักของไฟกับจี๊ดที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งของสองครอบครัว คือครอบครัวอดิศวรของไฟ และครอบครัวพศวัตของจี๊ด เรียกได้ว่ายากที่สองครอบครัวนี้จะญาติดีกัน แต่เมื่อรักกันแล้ว ทั้งสองคนก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ได้ ซึ่งอุปสรรคใหญ่สุดก็คือพ่อของจี๊ดนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนได้แทรกปมความขัดแย้งของทั้งสองครอบครัวไว้ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของไฟและจี๊ด ทำให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงความขัดแย้ง และร่วมลุ้นตาม นอกจากนี้ ก็ยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่เข้ามาเป็นตัวแปรให้ไฟและจี๊ดเกิดอาการพ่อแง่แม่งอนกันเรื่อย ๆ รวมถึงคอยสร้างอุปสรรคให้ความรักของทั้งสองคนอีกด้วย

สำหรับเรื่องนี้ เรียกว่ามีฉากวาบหวิวน้อย แต่ก็มีฉากที่ทำให้อมยิ้มไปกับความน่ารักของไฟและจี๊ดได้ ถึงแม้ว่าไฟจะดูเป็นผู้ชายใจร้อน มุทะลุสมชื่อ แต่ก็มีมุมที่น่ารัก กวน ๆ ตามแบบฉบับของไฟ เรียกว่าอาจจะเป็นผู้ชายที่ตรงกับสเปกสาว ๆ เข้าก็ได้ ยิ่งถ้าใครเคยดูละครมาแล้วนึกภาพตามว่าไฟคือณเดชน์ มีหวังเคลิ้มตามนายไฟแน่นอน
บ้านไร่ปลายฝัน : ธาราหิมาลัย (ณารา)
4
ความรักต่างชนชั้นของคุณหมอชาวไทยกับมกุฎราชกุมารจากต่างประเทศ
โดย: ์Nattiez วันที่เขียนรีวิว: 19 มกราคม พ.ศ. 2558

นวนิยายชุดบ้านไร่ปลายฝัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฝดสี่แห่งบ้านไร่อดิศวรคือ ดิน ลม ไฟ และน้ำ เรื่องราวนอกจากจะเล่าถึงความรักระหว่างพี่น้องและครอบครัวอดิศวรแล้ว ยังกล่าวถึงความรักของแต่ละคนอีกด้วย

นิยายเล่มแรกในชุดนี้คือ “ธาราหิมาลัย” เป็นความรักของน้องสาวสุดท้องของบ้านคือ “น้ำ” หรือแพทย์หญิงทิพย์ธารา หมอน้ำเป็นน้องสาวที่พี่ชายทั้งสามคนคือ ดิน ลม และ ไฟ หวงมาก ไม่ว่าใครจะเข้ามาจีบน้องสาว จะต้องเจอกับสามหนุ่มคอยกีดกันอยู่เสมอ

เมื่อหมอน้ำต้องรับดูแลคนไข้คนหนึ่งที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และต้องพามาอยู่ที่ไร่เพราะไม่สามารถสืบหาได้ว่าเขาคือใคร ความรักของหมอน้ำจึงเริ่มต้นขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าคนไข้คนนั้นคือเจ้าชายภูวเนศแห่งประเทศปารวัตร

การดำเนินเรื่องก็เหมือนนิยายชวนฝันเรื่องอื่น ๆ ที่ชายผู้สูงศักดิ์ปลอมตัวมา และจำเป็นต้องกลับไปชิงบัลลังก์คืน โดยได้รับความช่วยเหลือจากหญิงสาวที่ตนรัก และต้องพิสูจน์รักแท้กันและกัน เจ้าชายยอมสละราชสมบัติเพื่อความรัก

สิ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้โดดเด่น อยู่ที่การแสดงให้เห็นถึงความรักของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ครอบครัวก็เป็นที่พึ่งให้เราได้เสมอ ดูตัวอย่างได้จากหมอน้ำที่เจอเรื่องราวต่าง ๆ ก็ได้ครอบครัวเป็นที่พักใจ รวมไปถึงความรัก ความช่วยเหลือระหว่างพี่น้อง ที่ไม่ว่าจะตกระกำลำบาก หรือต้องทำอะไร พวกเขาก็ยินดีและเต็มใจช่วยเหลือกันและกันเสมอ
สำหรับคนที่ชอบอ่านนิยายโรแมนซ์ชวนฝัน ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เช่นกัน สำนวนการเขียนของณารานั้นไว้ใจได้เสมอ แต่อาจจะไม่เหมาะกับน้อง ๆ อายุน้อยกว่า 18 นะคะ เพราะฉากวาบหวิวในเรื่องผู้เขียนก็บรรยายไว้ซะละเอียดเกิน 55
www.batorastore.com © 2024