PINOCCHIO (พินอคคิโอ)

PINOCCHIO (พินอคคิโอ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: pinocchio
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 195.00 บาท

เนื้อหาบางส่วน

1

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อช่างไม้ที่ชื่อมิสเตอร์เชอร์รี่เจอท่อนไม้ที่สามารถหัวเราะและร้องไห้ได้เหมือนกับเด็กๆ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...

“พระราชา” เด็กๆ ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ไม่ใช่หรอก พวกเธอผิดแล้ว กาลครั้งหนึ่ง มีท่อนไม้ท่อนหนึ่ง มันอาจจะไม่ใช่ท่อนไม้ที่ดีที่สุด เป็นเพียงแค่ท่อนไม้ธรรมดาที่ใช้กับเตาไฟหรือเตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นภายในห้องตอนช่วงฤดูหนาว มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ฉันก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกัน รู้เพียงแต่ว่าในวันที่อากาศดีวันหนึ่ง ภายในร้านของช่างไม้ที่ชื่อมิสเตอร์แอนโทนิโอ หรือทุกคนเรียกเขาว่า มิสเตอร์-เชอร์รี่ เพราะปลายจมูกของเขามักจะเป็นสีแดงเหมือนกับผลเชอร์รี่สุก ทันทีที่มิสเตอร์เชอร์รี่เห็นท่อนไม้ท่อนนี้ เขารู้สึกดีใจมาก เขาถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันพร้อมกับพูดว่า

“เหมาะเลย ฉันกำลังต้องการมันสำหรับทำขาโต๊ะอยู่พอดีเชียว”

เขาหยิบขวานขึ้นมาเพื่อที่จะจามเอาส่วนแข็งและหยาบของเปลือกไม้ออก แต่ขณะที่เขากำลังเงื้อมือขึ้น เขาก็ต้องหยุดชะงัก เพราะได้ยินเสียงเล็กๆ พูดขึ้นมาว่า

“อย่าทำร้ายฉัน”

พวกเธอลองนึกถึงภาพของมิสเตอร์เชอร์รี่ที่รู้สึกประหลาดใจดูซิ เขามองไปรอบๆ ห้องเพื่อมองหาว่าเสียงนั่นดังมาจากที่ไหน แต่เขาก็ไม่พบใคร เขามองที่ใต้เก้าอี้ม้ายาว มองไปที่ตู้ซึ่งปิดอยู่ตลอดเวลา มองลงไปที่ตะกร้าใส่มันฝรั่งและตะกร้าขี้เลื่อยก็ไม่พบใคร เขาเปิดประตูและมองออกไปยังถนนก็ไม่มีใครอีกเช่นกัน มันเป็นไปได้อย่างไรกันนะ

“ฉันรู้แล้ว” เขาพูดแกมหัวเราะ พร้อมกับเอามือเกาบนวิกผมของตัวเอง “ฉันคงคิดไปเอง เอาละ ทำงานต่อดีกว่า” เขาเงื้อขวานขึ้นอีกครั้งและจามลงไปบนท่อนไม้นั่น

“โอ๊ย เจ็บ” เสียงเล็กๆ นั่นดังขึ้นมาอีก และคราวนี้เองที่
มิสเตอร์เชอร์รี่รู้สึกฉงนเป็นอย่างมาก ตาของเขาแทบจะถลนออกจากเบ้า และปากของเขาก็อ้ากว้างจนลิ้นของเขาห้อยออกมาเกือบถึงคาง หน้าตาของเขาช่างเหมือนกับรูปปั้นที่อยู่ตามบ่อน้ำพุเลยทีเดียว

ทันทีที่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เขาก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะความกลัว

“เสียงนั่นมันคือเสียงร้องนี่เหรอ แต่ว่าที่นี่ก็ไม่มีใครคนอื่น มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ท่อนไม้จะร้องออกมาได้...ฉันไม่เชื่อ ดูซิ มันก็แค่ท่อนไม้ธรรมดาๆ ที่พอโยนเข้าไปในกองไฟ แล้วทำให้น้ำในหม้อเดือดได้...หรือว่ามันอาจจะมีใครบางคนซ่อนอยู่ข้างในนั้น ถ้าเป็นเรื่องจริง เจ้านั่นมันต้องได้รับการตอบแทนที่สาสม ฉันจะจัดการมันเอง”

ว่าแล้ว เขาก็ใช้มือทั้งสองจับท่อนไม้ขึ้นมา แล้วฟาดไปที่กำแพงอย่างไร้ความปรานี จากนั้นเขาก็หยุด และรอฟังว่าจะมีเสียงอะไรดังออกมาหรือไม่ เขารอฟังอยู่สองนาที แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ รออีกห้านาทีก็ยังไม่มี อีกสิบนาทีก็ยังไม่ได้ยิน

“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว” เขาตะโกนขึ้นพร้อมกับหัวเราะ และเกาวิกผมของตัวเอง

“ฉันคงจะคิดไปเองว่ามีเสียงร้องดังออกมา ฉันควรจะกลับไปทำงานต่อดีกว่า”

แต่เพราะเขารู้สึกกลัวมาก เขาจึงเริ่มร้องเพลงปลอบใจตัวเอง

เมื่อวางขวานลง เขาก็หยิบกบไสไม้ขึ้นมาเพื่อขัดไม้และขึ้นรูปตามที่วางแผนไว้ แต่ขณะที่กำลังขัดไม้อยู่นั้น เขากลับได้ยินเสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนั่นหัวเราะออกมาและพูดว่า

“หยุดได้แล้ว มันจั๊กกะจี้”

ครั้งนี้เองมิสเตอร์เชอร์รี่ถึงกับล้มลง ราวกับว่าเขาโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองนั่งกองอยู่ที่พื้น สภาพของเขาดูเปลี่ยนไปมากจนพวกเธออาจจะจำเขาไม่ได้ เพราะแม้แต่ปลายจมูกของเขาซึ่งเคยเป็นสีแดงอยู่เสมอ ก็กลับกลายเป็นสีม่วงเพราะความกลัว

 

 

2

มิสเตอร์เชอร์รี่ให้ท่อนไม้กับเกพเพตโตเพี่อนของเขา

ผู้ซึ่งวางแผนจะทำหุ่นกระบอกที่เต้นรำ ฟันดาบ และตีลังกาได้

ในขณะนั้นเอง มีใครบางคนกำลังเคาะประตู

“เชิญ” ช่างไม้พูด แต่เขายังอ่อนแรงเกินที่จะลุกขึ้นยืนได้ ชายชราตัวเล็กๆ ท่าทางกระตือรือร้นเดินเข้ามาข้างในร้าน เขาชื่อว่าเกพเพตโต แต่พวกเด็กๆ มักจะเรียกกันว่า โพเลนดินา เพราะว่าวิกผมของเขาเป็นสีเหลืองเหมือนกับสีของข้าวโพดบด

เกพเพตโตเป็นคนขี้โมโหง่าย เขาพร้อมที่จะมีเรื่องกับใครก็ตามที่เรียกเขาว่าโพเลนดินา และเขาจะโมโหจนไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วย

“อรุณสวัสดิ์ แอนโทนิโอ” เกพเพตโตพูด

“นี่นายไปทำอะไรอยู่ที่พื้นนั่น”

“ฉันกำลังสอนมดอ่านหนังสืออยู่”

“ดูจะมีประโยชน์มากเลยสินะ”

“อะไรพานายมาถึงที่นี่ เกพเพตโต”

“ก็ขาฉันไง แอนโทนิโอ ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากนายสักหน่อย”

“ว่ามาสิ ฉันรอฟังอยู่” ช่างไม้ตอบ

“ฉันเพิ่งจะคิดอะไรดีๆ ออก เมื่อเช้านี้เอง”

“เล่ามา”

“ฉันอยากจะสร้างหุ่นกระบอกดีๆ สักตัว มันต้องเป็นหุ่นที่สามารถเต้นได้ ฟันดาบและตีลังกากลางอากาศได้ด้วย และฉันก็จะเดินทางไปรอบโลกพร้อมกับหุ่นตัวนี้ เพื่อที่จะหาเงินมาเป็นค่าขนมปังและไวน์สักแก้ว นายคิดว่าไง”

“บราโว โพเลนดินา” เสียงปริศนาดังขึ้นมา

เมื่อเกพเพตโตได้ยินชื่อนั่น เขาก็โกรธมากจนตัวของเขากลายเป็นสีแดงเหมือนกับสีของพริกหยวกสุก เขาหันไปทางช่างไม้แล้วพูดอย่างโมโห

“ทำไมนายต้องทำให้ฉันอารมณ์เสียด้วยนะ”

“ใครไปทำให้นายอารมณ์เสียกัน”

“ก็นายเรียกฉันว่า โพเลนดินา”

“ฉันไม่ได้พูด”

“อ้อ บางทีฉันอาจจะพูดขึ้นมาเอง แต่นั่นเป็นเพราะฉันบอกนายว่านายเป็นคนเรียกชื่อนั่น”

“ไม่ใช่”

“ใช่”

“ไม่ใช่”

“ใช่”

และเมื่ออารมณ์ของพวกเขาเริ่มเดือดมากขึ้น จากที่เป็นแค่คำพูดก็เปลี่ยนเป็นลงไม้ลงมือ

พวกเขาจับที่วิกผมของอีกฝ่าย แล้วก็ดึงกัดและกระชาก

หลังการต่อสู้สงบลง วิกผมสีเหลืองของเกพเพตโตก็อยู่ในมือของแอนโทนิโอ ส่วนวิกผมสีเทาของแอนโทนิโอก็อยู่ที่ฟันของเกพเพตโต

“เอาวิกผมฉันคืนมา” แอนโทนิโอพูด

“นายก็เอาของฉันคืนมาด้วย แล้วเรามาทำสัญญาสงบศึกกัน”

ดังนั้นชายทั้งสองต่างก็คืนวิกให้แก่กัน และจับมือพร้อมกับสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันต่อไป

“เอาล่ะ เกพเพตโต ฉันจะทำอะไรให้นายได้บ้าง” ช่างไม้พูดเพื่อแสดงว่าทั้งสองกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง

“ฉันอยากจะขอท่อนไม้เล็กๆ สักท่อน เพื่อที่ฉันจะได้เอาไปทำหุ่นกระบอก นายจะให้ฉันสักท่อนได้ไหม”

แอนโทนิโอยินดีเป็นอย่างมาก เขารีบไปที่ม้านั่งยาว และหยิบท่อนไม้ที่ทำให้เขาหวาดกลัวขึ้นมา แต่ในขณะที่กำลังยื่นให้กับเพื่อนของเขา เจ้าท่อนไม้นั่นก็สั่นอย่างแรงจนหลุดออกจากมือ และกระแทกเข้าที่คางของเกพเพตโต

“อูย นี่เหรอวิธีที่นายมอบของขวัญให้กับเพื่อน แอนโทนิโอ นายเกือบจะทำฉันพิการแล้วนะ”

“ด้วยเกียรติของฉัน ฉันไม่ได้ทำ”

“อ้อ นายหาว่าฉันเป็นคนทำ”

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าท่อนไม้นั่น”

“ใช่ ฉันรู้ว่าเจ้าท่อนไม้นั่นกระแทกฉัน แต่นายโยนมันมาที่ขาของฉัน”

“ฉันไม่ได้โยนมันไปที่นายนะ”

“นายมันโกหก”

“เกพเพตโต นายอย่ามาดูถูกฉันหน่อยเลย ขืนนายยังพูดอีก ฉันจะเรียกนายว่า โพเลนดินา”

“เจ้าทึ่ม”

“โพเลนดินา”

“เจ้าโง่”

“โพเลนดินา”

“เจ้าลิงน่าเกลียด”

“โพเลนดินา”

และเมื่อเขาโดนเรียกว่าโพเลนดินาเป็นครั้งที่สาม เกพเพตโตก็โกรธมากและจู่โจมไปที่ช่างไม้ การต่อสู้ยกที่สองจึงเริ่มขึ้น และมันดูเหมือนจะรุนแรงกว่าครั้งแรกซะด้วย

หลังการทะเลาะกันจบลง แอนโทนิโอก็ได้แผลรอยข่วนเพิ่มอีกสองรอยตรงจมูก ส่วนกระดุมบนเสื้อแจ๊กเก็ตของเกพเพตโตก็หายไปสองเม็ดเช่นกัน

เมื่อไม่มีใครแพ้ชนะ ทั้งสองจึงจับมือกันอีกครั้ง และสาบานว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันต่อไป เกพเพตโตรับท่อนไม้ไปพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณแก่แอนโท-นิโอ จากนั้นเขาก็เดินโขยกเขยกกลับบ้าน

รายละเอียด

พินอคคิโอ

Pinocchio

คาร์โล คอลโลดิ : เขียน   ร่มฉัตร : แปล

 

 

คาร์โล โลเร็นซินี (Carlo Lorenzini) หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกา คาร์โล คอลโลดิ เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1826 ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1890 เขาเคยทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครในกองทัพ ทำให้งานเขียนในช่วงต้นของเขาแสดงให้เห็นถึงความสนใจทางด้านการเมือง นอกจากนี้เขายังเป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียนนวนิยายและบทละคร

คาร์โล คอลโลดิ เข้าสู่วงการวรรณกรรมเยาวชนในปี ค.ศ. 1875 โดยการแปลนิทานฝรั่งเศสเรื่อง Racconti delle fate ซึ่งเขียนโดยแปร์โร (Perrault) ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนนิทานสำหรับเด็ก เขาชื่นชอบความคิดที่จะใช้ตัวละครน่ารักและเสเพลเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในตนเองผ่านการสมมุติเปรียบเทียบ และในปี ค.ศ. 1880 เขาเริ่มลงมือเขียน “การผจญภัยของพินอคคิโอ” โดยลงพิมพ์รายสัปดาห์ใน Il Giornale per i Bambini หนังสือพิมพ์สำหรับเด็กรายแรกของอิตาลี และได้รับการรวมเล่มเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1883 ซึ่งผลงานเรื่องนี้ส่งผลให้คาร์โล คอลโลดิมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพราะได้รับความนิยมชมชอบจากเยาวชนและผู้คนทั่วทุกมุมโลก

missing image file

คำนำสำนักพิมพ์

น้อยคนนักที่จะไม่เคยได้ฟังนิทานเกี่ยวกับเจ้าหุ่นไม้แสนซน พินอคคิโอที่จมูกไม้ของเขาจะยาวขึ้นๆ เมื่อเขาพูดโกหก

นอกจากเรื่องราวที่เรารู้จักกันดีแล้ว ในนิทานเรื่องนี้เรายังได้ร่วมผจญภัยไปกับพินอคคิโอ ได้รับชมการแสดงโชว์หุ่นกระบอกที่สนุกสนาน ได้ท่องเที่ยวไปในดินแดนแห่งเพลแลนด์ ขณะเดียวพินอค-คิโอก็ต้องพบกับความยากลําบาก และความเศร้าเสียใจจากการประพฤติตนไม่ดี

แอร์โรว์คลาสสิกบุ๊คส์มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้นําเสนอผลงานอันมีชื่อเสียงที่สุดของคาร์โล คอลโลดิ ให้ท่านผู้อ่านได้สัมผัสกับอมตะนิทานแฝงคติธรรมสอนใจซึ่งเป็นที่นิยมตลอดกาลเรื่องนี้ ร่วมเป็นกําลัง-ใจให้พินอคคิโอในการพิสูจน์ตนเองว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเด็กดีได้ และดีเพียงพอที่จะกลายเป็นเด็กผู้ชายจริงๆ ตามที่เขาปรารถนา ใน “การผจญภัยของพินอคคิโอ”

ด้วยความจริงใจ

แอร์โรว์คลาสสิกบุ๊กส์

 

 

 

คำนำสำนักพิมพ์

หหนังสือนิทานเรื่องพินอคคิโอเป็นหนังสือสำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาเป็นเวลานานแล้ว สำหรับตัวผู้แปลเองได้รู้จัก-พินอคคิโอผ่านทางการ์ตูนแอนิเมชั่นของดิสนีย์ ก่อนที่จะมีโอกาสอ่านหนังสือนิทานต้นฉบับเล่มนี้

ถึงแม้ว่านิทานเรื่องพินอคคิโอจะค่อนข้างแตกต่างจากในภาพยนตร์ แต่เรื่องราวการผจญภัยของเจ้าหุ่นกระบอกพินอคคิโอก็ยังคงสนุก เร้าใจ และยังสอดแทรกแง่คิดต่างๆ มากมายที่ไม่เพียงแต่จะให้คำแนะนำสำหรับเด็กเท่านั้น กับผู้ใหญ่เองก็มีคติด้านบวกมากมายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีและความเป็นอยู่ของชาวอิตาลีในสมัยก่อนๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ร่มฉัตร ไกรว่อง

 

 

 

คำนำผู้แปล

ในภาพยนตร์ “พินอคคิโอ” ที่เราคุ้นเคยนั้น เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า มีชายชราช่างแกะสลักไม้คนหนึ่งอยู่คนเดียว ด้วยความเหงา เขาจึงได้นำไม้มาแกะสลักเป็นหุ่น และตั้งชื่อว่า “พินอคคิโอ” ต่อมามีนางฟ้าสีน้ำเงินใจดีองค์หนึ่งอยากช่วยให้ชายชรามีความสุขจึงเสกให้ พินอคคิโอ มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ โดยบอกว่าเขาจะกลายเป็นเหมือนมนุษย์ได้ เมื่อเป็นเด็กดี

ต่อมาแมวกับหมาจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์เห็นพินอคคิโอ จึงคิดแผนร้ายล่อหลอกเขาให้หนีโรงเรียนไปเที่ยวที่โรงละคร เพื่อหลอกขายให้กับเจ้าของโรงละคร แรกๆ เขาก็สนุกจนลืมทุกอย่าง...แต่พอหลายวันผ่านไป พินอคคิโอเริ่มรู้สึกเหนื่อยมากเพราะถูกบังคับให้แสดงทั้งวัน เขาจึงขอให้นางฟ้าช่วย ทันใดนั้นนางฟ้าสีน้ำเงินก็ปรากฏกายขึ้น พินอคคิโอบอกว่าถูกจับตัวมา เมื่อพูดจบจมูกของเขาก็ยาวขึ้น! เพราะพูดโกหก นางฟ้าจึงเตือนให้พินอคคิโอให้พูดความจริง

ต่อมาพินอคคิโอรู้ข่าวจากนกพิราบว่า พ่อของเขาถูกฉลามยักษ์กลืนเข้าไป เขาจึงตัดสินใจพายแพออกทะเลไปช่วยพ่อ ในที่สุดเขากับพ่อก็ออกมาได้สำเร็จ ทันใดนั้นหูและหางลาของพินอคคิโอก็หายไป พินอคคิโอก็เปลี่ยนเป็นเด็กชายที่น่ารัก ขยันขันแข็ง ไปโรงเรียนทุกวัน และไม่เคยพูดโกหกอีกเลย

แต่ในหนังสือต้นฉบับของนิทานเรื่อง การผจญภัยของพิ-นอคคิโอ (The Adventures of Pinocchio) นั้นค่อนข้างจะแตกต่างจากเรื่องราวในภาพยนตร์การ์ตูนของดิสนีย์ที่ออกฉายทั่วไป

นิทานเรื่องนี้เขียนเป็นภาษาอิตาลี โดย คาร์โล คอลโลดิเรื่องราวถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นยุคที่วรรณกรรมสำหรับเด็กได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่รูปแบบงานเขียนมีการนำเอาเด็กๆ เข้ามาใส่ในจินตนาการร่วมกับสัตว์ที่มีลักษณะเหมือนกับมนุษย์และมีชื่อเรียกตามตำนาน ราวกับว่างานเขียนที่อิงจากเรื่องจริงนั้นเป็นของวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่

ในนิทานเรื่องพินอคคิโอ คอลโลดิได้ให้ตัวเอกของเรื่องมีลักษณะที่ค่อนข้างไร้ความรู้สึกและมีเจตนาร้าย โดยนำมาจากบุคลิกของคนจริงๆ ที่ถูกสร้างมาจากทัศนคติของเขาต่อการต่อต้านประเพณีนิยมในสังคมอิตาลี พินอคคิโอถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นเด็กผู้ชายแต่มีนิสัยเหมือนกับเด็กทารก คือขาดสิ่งชี้นำทางศีลธรรม ดังนั้นเขาจึงเป็นเด็กที่ขาดความเคารพ เห็นแก่ตัว ไม่มีความเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น

ฉากในนิทานเริ่มต้นจากการทะเลาะกันที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ดูน่าขันระหว่างตัวละครสองตัวที่ชื่อว่ามิสเตอร์เชอร์รี่และเกพเพตโต มีการปะทะคารมและการสู้ด้วยร่างกาย ก่อนที่มิสเตอร์เชอร์รี่จะมอบท่อนไม้ให้กับเกพเพตโต ซึ่งภายหลังท่อนไม้นี้ก็กลายเป็นพินอคคิโอ และนี่เป็นการปูพื้นเรื่องโดยทั่วไปซึ่งค่อนข้างจะขัดแย้งกับแนวความคิดที่ได้รับการยอมรับแบบเก่า ด้วยเหตุนี้เนื้อเรื่องจึงถูกทำให้อ่อนลงโดยเสนอให้พินอคคิโอเป็นเด็กที่ซุกซนมากกว่าจะเป็นเด็กที่น่ารังเกียจ

ยกตัวอย่างเช่นเจ้าจิ้งหรีดจิมมินี่ การ์ตูนในดิสนี่เขาเป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษา เต็มไปด้วยความรักให้แก่พินอคคิโอ แต่กลับถูกฆ่าตาย ส่วนในนิทานต้นฉบับนั้นเขามีเพียงแค่ชื่อเรียกง่ายๆ ว่า จิ้งหรีดพูดได้ และร่างของมันก็แบนติดผนังจากการขว้างค้อนของพินอคคิโอเพียงเพราะเขาได้บอกเจ้าหุ่นกระบอกไม้ว่าชีวิตของพวกขี้เกียจจะจบลงในโรงพยาบาลหรือไม่ก็คุก

ก่อนที่จะสร้างหุนกระบอกเกพเพตโตนั้นมีชื่อเสียงไม่ดี แต่เขาก็เปลี่ยนไปเพราะพินอคคิโอเจ้าหุ่นที่เรียกร้องความสนใจ ซึ่งเขาเห็นเป็นเหมือนลูกชาย เขาพยายามจะอบรมเจ้าหุ่นกระบอกและสอนเรื่องความไม่เห็นแก่ตัว ดังนั้นความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดที่มีทั้งความเกลียดชังและความรักจึงเกิดโดยการพึ่งพาอาศัยร่วมกัน เกพเพตโตต้องการพินอคคิโอเพราะเขารู้สึกเหงาและต้องการรักใครสักคน ส่วนพินอคคิโอก็ต้องการเกพเพตโตเพราะเขาต้องการอาหารและการซ่อมแซม

หลังจากที่หนีไปดูการแสดงของหุ่นกระบอกจนเกือบจะโดนย่างสด ทั้งยังถูกพวกสุนัขจิ้งจอกและแมวหลอก พินอคคิโอก็ได้พบกับวิญญาณของจิ้งหรีดพูดได้ เจ้าจิ้งหรีดพยายามจะให้คำแนะนำกับพินอคคิโอ แต่ก็โดนปฏิเสธอีกครั้ง เมื่อเขาให้ความเห็นกับเจ้าหุ่นกระบอกว่า เขาจะต้องพบแต่ความเสียใจถ้าหากยังทำตามใจตัวเองเสมอ หลังจากนั้นพินอคคิโอก็เจอกับเรื่องอันตรายที่แสนมหัศจรรย์และวุ่นวาย เขาถูกพวกโจรไล่ล่าและทิ้งเขาไว้ให้ตาย แต่เขาก็ได้รับการช่วยชีวิตและทำให้ฟื้นอีกครั้งโดยนางฟ้าและสัตว์ต่างๆ

ฉากในหนังสือเราได้เห็นว่าพินอคคิโอพูดโกหกถึงสามครั้ง ซึ่งทำให้จมูกของเขายาวมากจนเขาต้องติดอยู่ในกระท่อม ต่อมาเจ้านกหัวขวานก็ช่วยให้จมูกของเขาเหมือนเดิม ทำให้พินอคคิโอได้ออกเดินทางผจญภัยต่อ

จุดสำคัญที่สุดของเรื่องพินอคคิโออยู่ตรงที่ เมื่อเจ้าหุ่นกระบอกกลายเป็นเด็กผู้ชายจริงๆ หลังจากดิ้นรนมาถึงสองปี เขาก็ได้รับบทเรียนในชีวิตเพียงพอที่จะรู้จักการแสดงความมีน้ำใจและรู้ว่าควรจะประพฤติตนอย่างไรให้ดีได้ รางวัลที่เขาได้รับคือการเป็นมนุษย์และเงินยี่สิบเหรียญทอง สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาได้ช่วยเกพเพตโตออกจากท้องของปลาฉลามและก็พากันกลับบ้าน

 

 

เกี่ยวกับ แง่คิดเกี่ยวกับนิทานเรื่อง

การแฝงคติในเรื่องพินอคคิโอเป็นเรื่องของการตีความในหลายๆ แง่ ซึ่งเรื่องราวเต็มไปด้วยเรื่องเพ้อฝันมากมายจนแก่นของเรื่องค่อนข้างจะคลุมเครือ จุดประสงค์หลักของคอลโลดิดูเหมือนจะเป็นนิทานที่แทรกไปด้วยคติธรรม คือชีวิตที่มีความสุขมักจะพบในเด็กที่ประพฤติตัวดีและคิดถึงผู้อื่นก่อนตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้น เด็กเหล่านั้นจะไม่โทษใคร แต่จะโทษตัวเองสำหรับความทุกข์ใจถ้าหากพวกเขาทำอะไรผิดพลาดลงไป

จุดมุ่งหมายสำคัญที่ต้องการจะสื่อจากนิทานเรื่องนี้ก็คือ คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตัวของพินอคคิโอเองซึ่งได้พบความสงสารและเห็นใจจากผู้อื่น หลังจากที่เขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ดีจากตัว-ละครอื่นๆ ในเรื่อง จนกระทั่งเขาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาวิ่งหนีมาคือสิ่งที่เด็กๆ หลายคนต้องการ นั่นคือบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและมั่นคง

ส่วนเกพเพตโตเองก็พบความเมตตาของตัวเองได้โดยการเรียนรู้ที่จะเอาใจใส่ผู้อื่นที่นอกเหนือจากตัวเขา ผู้แต่งนิทานเรื่องนี้ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าความดีที่อยู่ในตัวของพวกเราทุกคนนั้นจะปรากฏขึ้นในสถานการณ์ที่ถูกต้องและเหมาะสมนั่นเอง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (76 รายการ)

www.batorastore.com © 2024