ล้วงตับ (แต๋ว) แตก (หัสวีร์) (EBOOK)

ล้วงตับ (แต๋ว) แตก (หัสวีร์) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ล้วงตับแต๋วแตก
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 280.00 บาท 182.00 บาท
ประหยัด: 98.00 บาท ( 35.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

1

 

            แสงอาทิตย์ยามบ่ายฉายแสงทาบทาทองกวาวต้นใหญ่

ที่แผ่กิ่งใบปกคลุมเหนืออาคารประชุมหลังใหญ่ของมหาวิทยาลัยจนเกิดเป็นเงาร่มรื่น เงียบสงบ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าห้องประชุมที่ประตูทุกบานปิดเงียบอยู่ในเวลานี้ ด้านในมีกลุ่มนักศึกษากว่าสี่สิบชีวิตกำลังขะมักเขม้นทำกิจกรรมกันอย่างตั้งใจ

            หนุ่มร่างบางยืนกอดอกทำคิ้วขมวด สายตาจับจ้องไปยังบนเวทีที่มีนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งสิบสองชีวิต กำลังเหวี่ยงมือจัดองศาท่าทางตามจังหวะเพลงมาร์ชของมหาวิทยาลัย เหงื่อที่โซมกายยืนยันได้ว่า นี่คงไม่ใช่รอบแรกในการโชว์ลีลาการเป็นเชียร์ลีดเดอร์มือใหม่ในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยให้รุ่นพี่อีกหลายชีวิตได้ชม

            ชายหนุ่มส่ายหัว ก่อนจะดันแว่นตาที่สวมอยู่ให้ติดสันจมูก แล้วจึงหันไปชูฝ่ามือให้หนุ่มที่คุมเครื่องเสียงให้หยุดเพลงที่กำลังบรรเลงเสียก่อน

            เสียงเพลงหยุดลง หนุ่มสาวบนเวทีจึงหันมามองรุ่นพี่ที่คุมการแสดงของพวกเขาอย่างหวั่นๆ คงจะเป็นอีกรอบที่พวกเขาจะโดนตำหนิเรื่องของการโชว์ที่ไม่ถูกใจ ซึ่งมันวนเวียนซ้ำๆ เป็นหนังม้วนเดิมมากกว่าสามสิบรอบแล้ว

            “น้องๆ ทุกคนเต้นได้ดีขึ้นแล้วนะคะ” เสียงจากหนุ่มร่างบาง ทำให้ทุกคนระบายยิ้มบนใบหน้าได้ แต่กระนั้น เนื้อทราย รุ่นพี่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการคัดเลือกเชียร์ลีดเดอร์ปีนี้ก็ยังไม่ยอมยิ้มตามสถานการณ์  “ผิดก็แต่...น้องกองทัพคนเดียว ที่ยังเต้นไม่แข็งแรงพอ” หนุ่มแต๋วรุ่นพี่จ้องเขม็งไปยังหนุ่มหล่อร่างสูงแถวหลังสุดด้านซ้ายมือ คนถูกตำหนิหุบยิ้มแทบไม่ทัน

            “ไหนเธอลองเริ่มตั้งแต่ท่าแรกให้ฉันดูอีกครั้งซิ” เนื้อทรายใช้สายตาบังคับให้รุ่นน้องเดินออกมาด้านหน้าและทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            เสียงเพลงดังขึ้นอีกครั้ง หนุ่มหน้าหล่อเริ่มตั้งท่าและกวาดมือตามจังหวะการร้องของตัวเอง ได้แค่ครึ่งเพลงรุ่นพี่เดิมก็สั่งให้หยุดเต้น

            “พอๆ ได้แล้ว” เนื้อทรายถอนหายใจดัง แล้วจึงรีบเดินเข้าไปบอกน้องใหม่ใกล้ๆ “นี่เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ว่าเธอคือเชียร์ลีดเดอร์ที่เป็นผู้ชายนะ” เนื้อทรายกลอกตา พยายามอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจให้ฟัง หนุ่มรุ่นน้องตะลึงชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจดังพร้อมกับค้อนให้เขา

            “โธ่...คุณแม่ขา...ทัพพี่ก็พยายามทำเต็มที่แล้วนะคะ มันก็ได้แค่นี้จริงๆ ใจจริงทัพพี่อยากจะแต่งหญิงเริดๆ เชิดๆ อยู่แถวหน้ามากกว่า”

            “หยุด!” ไม่ทันที่รุ่นน้องจะเปิดปากพูดต่อ เนื้อทรายก็ยกมือเป็นการห้าม ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจ้องหน้าหนุ่มหล่อหัวใจสาว

            “นี่หล่อน ฉันเข้าใจนะ ว่าหล่อนคือเก้งน้อยโลกสวยที่อยากจะโบยบินเป็นผีเสื้อแสนงามเสียเหลือเกิน แต่นี่ไม่ใช่งานกีฬาสีของโรงเรียนชายล้วน ที่ตุ๊ดหัวโปกจะรวมกลุ่มกันแต่งสาวเพื่อเรียกความฮือฮาจากหนุ่มๆ” เนื้อทรายร่ายยาวจนคนฟังเถียงไม่ทัน

            “นี่คืองานกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัย คนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์คือตัวแทน คือหน้าตาของสถาบัน เพราะฉะนั้นจริตมารยาหญิงที่มีล้นปรี่ในตัวเธอ ฉันขอให้เก็บใส่หีบหนีบโจ๊ะและโยนมันไว้ใต้เตียงก่อน อย่าเพิ่งแสดงมันออกมาได้ไหม”

            คนฟังหน้ามู่ทู่ ก่อนจะเดินเข้าไปในแถวช้าๆ

            “ชื่อกองทัพ แต่เรียกตัวเองว่าทัพพี่ ฉันละเพลียไส้ติ่งจริงๆ เชียว” เนื้อทรายบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าและตะโกนบอกทุกคนบนเวทีอีกครั้ง “อย่าว่าฉันใจร้ายนะทุกคน ฉันที่แหละ ใจดีที่สุดแล้ว ฉันเลือกพวกเธอมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์ได้ ก็มีคนที่จะเอาพวกเธอออกไปได้เหมือนกัน ทุกคนในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยากจะมายืนอยู่ตรงที่ที่พวกเธอยืนอยู่ทั้งนั้น เพราะมันคือโอกาสที่จะเดินทางไปสู่การเป็นที่รู้จัก ได้ออกสื่อ มีรุ่นพี่ของพวกเราหลายคนที่ได้เข้าสู่วงการบันเทิง” คำพูดของเนื้อทรายทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบ

            “และที่ฉันเลือกพวกเธอ เพราะพวกเธอมีบุคลิก หน้าตาดี ใครเห็นก็สะดุดตา แต่เหนือสิ่งอื่นใด ฉันเห็นพวกเธอมีความตั้งใจและความรับผิดชอบ เข้าใจนะกองทัพ” เนื้อทรายหันไปถามหนุ่มเจ้าปัญหา ที่เธอมองว่าการเต้นของเขาดูไม่เป็นผู้ชายเท่าไร กองทัพพยักหน้าอย่างจำนน

            “งั้นลองอีกครั้งนะ” หนุ่มรุ่นพี่หันไปพยักหน้ากับทีมเครื่องเสียง สิบสองชีวิตจึงเริ่มตั้งท่าและเต้นตามจังหวะอีกครั้ง

            เนื้อทรายค่อยโล่งอก เพราะดูเหมือนกองทัพจะเต้นได้ขึงขังสมชายชาตรีกว่าเดิม

            “แบบนี้สิ...แข็งแรง ให้รู้ว่าเราเป็นผู้ชายหน่อย” เขาตะโกนก้องเพื่อสร้างความมั่นใจให้รุ่นน้อง

            เพลงเปิดต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับสเตปมือตามจังหวะที่ทุกคนช่วยกันร้อง ทันใดนั้นเอง รุ่นน้องทั้งหมดบนเวทีก็หยุดเต้นเสียดื้อๆ แถมยังก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไร

            “อ้าว...หยุดทำไมล่ะ” เนื้อทรายสงสัย ก่อนที่หนุ่มเครื่องเสียงจะชี้มือให้เขาหันไปยังประตูห้องประชุม ใครบางคนกำลังเดินเข้ามา

            หญิงสาวหน้าสวยเดินเชิดหน้า ยิ้มหวานลงบันไดแต่ละก้าวด้วยความมั่นใจ ราวกับนางแบบที่กำลังเดินบนเวทีแคตวอล์ก ชุดนักศึกษาที่รัดรูปตึงเปรี๊ยะเน้นทรวดทรงองค์เอวพร้อมกับกระโปรงสีดำสั้นเหนือเข่า ยิ่งชวนให้หนุ่มๆ ในห้องมองด้วยความเสน่หา

            “พรนางฟ้า...” เนื้อทรายหลุดเรียกชื่อเธอออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอจะทำให้ผู้มาใหม่ได้ยิน

            “ยังจำชื่อฉันได้อีกเหรอ นึกว่าลืมไปแล้ว” เธอสบตาและยิ้มมุมปากให้แก่หนุ่มแว่น ก่อนจะหันไปมองรุ่นน้องบนเวที “ถ้าอย่างนั้น ยังจำได้หรือเปล่า ว่าฉันคือประธานเชียร์ของมหา’ลัยเราปีนี้ด้วย” เธอเอ่ยเสียงเบา แต่คนฟังข้างๆ กับรู้สึกเหมือนคนมีอำนาจกว่ากล่าวตำหนิ

            “รู้สิ...ฉันเลยไม่อยากกวนเธอเรื่องการซ้อมลีดไง”

            “เหรอ...” หญิงสาวเอ่ยประชดเสียงดัง “หึ..เธอจะบ้าหรือเปล่า ฉันเป็นประธานเชียร์ของมหา’ลัย ฉันก็ต้องอยากดูความเรียบร้อยของทุกๆ งานสิ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอคัดลีดไปถึงไหนแล้ว นี่อะไร แอบซุ่มแอบซ้อม แต่ไม่ยักจะเคยบอกฉันเลย” พรนางฟ้ายักไหล่ บ่นเรื่องที่เนื้อทรายแอบมาคุมซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เพียงคนเดียว เหมือนจงใจไม่ให้เธอมีส่วนร่วม “ทำไม...กลัวฉันจะมาทำให้วงแตกเหรอ”

            “คือ...ฉันก็”

            “พอละ ฉันขี้เกียจฟังคำแก้ตัว ว่าแต่ พวกเธอซ้อมกันถึงไหนแล้ว ฉันขอดูหน่อยสิ” เสียงของพรนางฟ้าได้ยินชัดในห้องประชุมที่เงียบกริบ เนื้อทรายส่งสัญญาณให้เพลงเริ่ม และพยักหน้าให้รุ่นน้องเริ่มการโชว์

            พรนางฟ้ากอดอกมองลีลาบนเวทีด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเธอกำลังชื่นชอบสิ่งที่ได้เห็น ยิ่งเมื่อเสียงปรบมือของเธอดังก้องหลังเพลงจบ ความกดดันของคนในห้องประชุม รวมทั้งเนื้อทรายจึงถูกผ่อนคลายออกมาได้บ้าง

            “เป็นไงบ้าง เธอชอบใช่ไหม” คนคุมทีมถามด้วยความดีใจ

            “เริดที่สุดเนื้อทราย สมกับเป็นรองประธานของฉัน” คำชมของพรนางฟ้าทำให้เนื้อทรายผุดรอยยิ้มขึ้นมาแทนความกังวล

            “แต่ติดนิดเดียว...” เธอจีบไม้จีบมือแสดงเรื่องที่ติดค้างในใจ

            “อะไร” เนื้อทรายรีบถาม

            “เอาผู้ชายคนซ้ายมือสุดออกไป รวมถึงคนกลางด้วย ฉันไม่อยากให้พวกตุ๊ดมาอยู่ในทีมเชียร์ลีดเดอร์ปีนี้” คำพูดนั้นราวกับเสียงฟ้าผ่าฟาดลงกลางห้องประชุม

            “เธอพูดอะไรพรนางฟ้า จะให้ฉันเปลี่ยนคนในเวลาที่ใกล้จะถึงงานกีฬาแล้วเนี่ยนะ” เนื้อทรายเสียงสั่น ไม่คิดว่าประธานเชียร์ของตนจะมีความคิดแบบนี้

            “ถูกต้อง เธอก็รู้นะ ว่าฉันไม่ค่อยปลื้ม หรือหลงใหลกับการแสดงของพวกเพศที่สามเท่าไหร่ โอเค้...ฉันยอมให้อยู่เบื้องหลังได้ แต่ถ้ามาเสนอหน้า จีบไม้จีบมือเต้นเรียกร้องความสนใจ ฉันว่ามันไม่เวิร์ก”

            “แต่...สองคนนี้ ก็ดูผู้ชายนะ”

            “ผู้ชายกับผีน่ะสิ เธอดูการกรีดนิ้วการกระดกขาสิ แถมยังส่ายตูดยังกับหางเครื่องเลดี้ กาก้า แบบนี้ออกไปโชว์ได้ขายหน้ากันทั้งมหา’ลัย พอดี มหา’ลัยอื่นจะดูถูกเราได้ว่าที่นี่ตุ๊ดชุมยิ่งกว่ายุง”

            “แต่...ฉันว่าถ้าเขาแอ๊บได้เนียนขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา และน้องๆ ก็จำท่าได้หมดแล้วนะ เหลือแค่เต้นให้แข็งแรงเท่านั้น” เนื้อทรายพยายามอธิบาย

            “เนื้อทราย...” ประธานเชียร์ลากเสียงยาวอย่างรำคาญใจ “ผู้ชายเขาก็อยากดูสาวๆ เป็นลีด ผู้หญิงก็อยากดูผู้ชายเป็นลีด ไม่มีใครอยากดูตุ๊ดเต้น แม้กระทั่งเธอเองไม่ใช่เหรอ” พรนางฟ้ายังยิ้ม แต่แววตากลับบาดลึกลงหัวใจของหนุ่มแต๋ว

            “เข้าใจนะน้องๆ สองคนนั้นก็...ไปช่วยงานส่วนอื่นละกัน”

            “กับกองทัพ ฉันเข้าใจนะ แต่ภาคภูมิเขาเป็นผู้ชายนะ ทำไมต้องให้ออกไปด้วย” เนื้อทรายพยายามเถียงแทนหนุ่มอีกคนที่กำลังจะถูกให้ออกจากทีมด้วย

            “หึ...” พรนางฟ้าเดินไปหน้าเวที ก่อนจะมองหนุ่มร่างสูงผิวขาวที่ตกเป็นจำเลยอีกคน “ทฤษฎีผีเห็นผี คงใช้ไม่ได้กับตุ๊ดปีสี่อย่างเธอแล้วมั้ง หมอนี่ถ้าฉันขึ้นเครื่องบินแล้วชะโงกจากหน้าต่างลงมายังมองออกเลยว่าเป็นกะเทย เสริมดั้งแหลมเป็นพิน็อกคิโอ ใส่บิ๊กอายตาโตอย่างกับพาวเวอร์พัฟฟ์เกิร์ลส์ ผมเซตเป็นทรงแข็งโป๊ก เข็มขัดแบรนด์เนม แถมไม่มองฉันเลยตั้งแต่เดินเข้ามา เก้งแท้แน่นอนย่ะ เอาออกไปซะ” พรนางฟ้ายื่นคำขาด ก่อนจะยักไหล่และหมุนตัวเดินจากไปยังประตู

            “มันจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือพี่” เสียงที่ดังตามหลังทำให้ประธานเชียร์หยุดกึก หันหลับมายังต้นเสียง

            หนุ่มน้อยกลางเวทียืนกำมือแน่น หลังจากโพล่งบอกความอึดอัดในใจออกไป

            พรนางฟ้าหรี่ตามองเขา ก่อนจะกอดอกและเดินเข้ามาใกล้ๆ

            “เธอพูดว่าไงนะ”

            “ผมก็ถามพี่ไง ว่ามันไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ ที่อยู่ดีๆ ก็มาไล่พวกผมออกจากทีมเชียร์ลีดเดอร์ ผมว่าปัญญาอ่อนงี่เง่าที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินเหตุผล เพราะผมกับกองทัพเป็นเกย์เนี่ยะนะ นี่น่ะหรือประธานเชียร์ของสถาบันอุดมศึกษาที่มีแต่คนอยากจะเข้ามา ผมว่ามันกากว่ะ” ภาคภูมิพูดแรงจนทั้งห้องประชุมสะดุ้งโหยง

            “นี่นายเก้งน้อย ถือว่าหล่อนกล้ามากนะที่มาด่าฉันฉอดๆ แบบนี้ เหตุผลของประธานมันถือเป็นที่สิ้นสุด ฉันแค่ไม่อยากให้เกย์หรือตุ๊ดได้เป็นเชียร์ลีดเดอร์เท่านั้น พวกเธอจะไปทำฉาก คิดท่าเต้นอะไรก็ทำไปสิ ฉันไม่ได้ห้ามเสียหน่อย ทำไม ไม่ได้เต้นแล้วมันจะตายไหม” พรนางฟ้ารัวเป็นชุด

            “เออ เอะอะก็เกย์ เอะอะก็กะเทย ทำไมยะ พวกฉันไปทำให้เจ๊เมนส์ไม่มา หรือไปทำให้แฟนเจ๊อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือไง ถึงได้มาจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้” ภาคภูมิทนไม่ไหว หลุดแต๋วออกมาจนคนทั้งห้องประชุมตาค้าง แต่พรนางฟ้ากลับยิ้มสะใจที่ได้เปิดเผยตัวตนน้องใหม่คนนี้ให้สาวแตก

            “ใช่ พวกเธอทำให้สังคมสับสน พวกเธอไม่มีความจริงใจ ชอบหลอกลวง แม้แต่เพศยังกลบเกลื่อนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนไส้เดือน และก็จำไว้ด้วยเนื้อทราย ว่าฉันคงไม่เห็นสองคนนี้บนเวทีในวันจริงนะ”

            “เออ ไม่เป็นก็ได้โว้ย อีป้าชะนีใจแคบ” ภาคภูมิเหลืออด ตะโกนลั่น เดินลงเวที พรนางฟ้าสะดุ้งโหยงกับคำด่านั้น นี่ถือเป็นการหมิ่นเกียรติเธอครั้งแรกในรอบหลายปี ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครบังอาจขนาดนี้...เมื่อกี้ถ้าฟังไม่ผิด เขาเรียกเธอว่า “ป้า”

            “เดี๋ยวนะ นังภาคภูมิ นี่หล่อนกล้าขึ้นเสียงเรียกฉันว่าป้าเหรอ ฉันคือพรนางฟ้า นักศึกษาดีเด่นของมหา’ลัย นักกิจกรรมตัวยง รุ่นพี่ที่พอปพิวลาร์ที่สุด กลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องนะ” หญิงสาวเดินตามหมายจะไปเอาเรื่องหนุ่มน้อยให้ถึงที่สุด จนเนื้อทรายรีบคว้าตัวไว้

            “พอเถอะยายฟ้า เสียเวลาเปล่าๆ เธอไปดูแลงานอื่นเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” เนื้อทรายจำเป็นต้องใช้แรงชาย ทั้งฉุดทั้งลากหญิงสาวออกมานอกห้องประชุมด้วยความทุลักทุเล

            “นี่ปล่อยฉันนะยายเนื้อทราย คนอย่างพวกเธอก็เป็นแบบนี้แหละ ปากหมา แถมชอบใช้ความรุนแรง แล้วแบบนี้ยังคิดจะมีบทบาทในสังคมอีก” พรนางฟ้ายังไม่หมดฤทธิ์ โวยวายเสียงดังจนเนื้อทรายต้องปล่อยข้อมือของเธอ

            “เอาละๆ ฉันเข้าใจแล้วท่านประธาน เธอแค่ต้องการไม่ให้สองคนนั้นเป็นเชียร์ลีดเดอร์ใช่ไหม” รองประธานถามย้ำกับผู้มีอำนาจเหนือกว่า เขาเองก็หนักใจในการวางตัวกับกิจกรรมทุกครั้ง แม้พรนางฟ้าจะดูไร้เหตุผลกับเรื่องเพศที่สาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกกิจกรรมที่หญิงสาวได้เป็นแม่งาน มันเพอร์เฟกต์เสียจนเขาเองก็สู้ไม่ได้

            กับเพศปกติทั่วไป เธอก็แสนจะฮอตและใจดีด้วย แต่สำหรับกลุ่มตุ๊ดแต๋ว สิ่งที่สาวสวยมีให้มักเป็นสายตาหยามเหยียดและรอยยิ้มแสยะเท่านั้น ไม่แปลกที่งานกีฬาระหว่างมหาวิทยาลัยครั้งนี้ พรนางฟ้าทีมีฐานเสียงจากชายหญิงเป็นส่วนใหญ่ แถมผลงานก็เด่นเข้าตา จนได้รับเลือกให้เป็นประธานเชียร์ โดยที่เขาแพ้คะแนนไปเยอะพอสมควร

            “ใช่ อย่าให้ฉันเห็นอีเก้งสองตัวนั้นอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน” เธอชี้หน้าเนื้อทราย ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นสูงอีก

            “เอาเป็นว่าฉันรับทราบและจะรับไปปฏิบัติ เธอไว้ใจได้” เนื้อทรายเอ่ยแค่นั้น แล้วจึงเดินกลับเข้าไปในห้องประชุม

            พรนางฟ้าสะบัดหน้า ก้าวเดินไปตามถนนหน้าหอประชุม แต่เดินไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอตามหลัง

            กะเทยสาวผิวเข้มร่างท้วมในชุดนักศึกษารัดเปรี๊ยะมองแล้วเหมือนแหนมที่ถูกมัดจนแน่น เดินกรีดกรายมาหาเธอ กระโปรงสั้นเหนือเข่าเปิดให้เห็นขาที่ใหญ่กว่าท่อนซุง สร้างความตะลึกแก่ผู้พบเห็น

            “พรนางฟ้า ฉันเรียกเธอตั้งนาน หูตึงเหรอยะ” คนวิ่งตามต่อว่าด้วยอาการเหนื่อยหอบ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนม้าหินอ่อนใกล้ๆ พรนางฟ้ากอดอกปรายตามองเขา พร้อมกับแอบถอนหายใจ

            นี่มันวันกะเทยโลกหรือไง ถึงได้มีแต่สิ่งมีชีวิตประเภทนี้มาวุ่นวายกับเธอ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยกะเทยตรงหน้าตอนนี้ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย แถมประทายยังเป็นมิตรกับเธออย่างชัดเจน ไม่มีปกปิดเหมือนพวกเกย์คนอื่นๆ

            “อะไรกันเจ๊ นี่บุกมาถึงถิ่นฉันเลยเหรอ” หญิงสาวถามพร้อมเสียงหัวเราะ “แล้วดูแต่งเนื้อแต่งตัว ไม่เวอร์ ไม่ใช่เจ๊โดม ประทายจริงๆ” พรนางฟ้ามองสาวร่างใหญ่ ไม่สิ หนุ่มร่างใหญ่แต่หัวใจสาวกับการแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นนักศึกษาสาว นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเช่นนี้อยู่บนโลกนี้ได้

            “พอดีฉันตามกองถ่ายมาถ่ายละครที่นี่ ก็เลยสวมชุดให้เข้ากับสถานที่ ไม่อยากเด่นเกินไป”

            “เหรอคะ ไม่เด่นเลยนะคะชุดนี้ แค่เห็นวิกผมสั้นสีบลอนด์ ตัดกับผิวสีดำๆ ขอเจ๊แล้ว คนปกติที่ไหนจะกล้าใส่กัน”

            “เอ๊ะ อีนี่ ฉันมั่นใจว่าสวยละกันย่ะ” หนุ่มแต๋วเชิดหน้าไม่แคร์คำพูดของใคร

            “ตกลงมาถ่ายละครอย่างเดียวเหรอ” พรนางฟ้าถาม เพราะรู้ว่าอาชีพหลักของชายหนุ่มตรงหน้า คือช่างแต่งหน้าตัวประกอบของกองถ่าย แต่ดูเหมือนประทายจะชอบแต่งตัวให้เด่นสะดุดกว่าดาราเสียอีก นอกจากนี้เขายังมีงานอดิเรกลับๆ ที่เขาและพรนางฟ้าเท่านั้นที่รู้

            “ก็...จะมาถามหล่อนด้วย เรื่องที่คิดจะเปิดบริษัทนักสืบน่ะ จะเอาจริงเหรอ” ประทายถามย้ำ เรื่องที่เธอและเขาคุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันก่อน สาวมั่นอย่างพรนางฟ้ากำลังคิดจะเปิดบริษัทนักสืบ แถมไม่ใช่นักสืบธรรมดาเสียด้วย

            “นักสืบ สแกนเกย์เนี่ยะนะ เธอนี่เป็นอะไรมากมายกับพวกฉันหรือเปล่า” หนุ่มหัวใจสาวบ่นอุบทันที เมื่อได้ฟังแนวคิดของเธอ ขณะกำลังมาร่วมงานละครเวทีของคณะซึ่งประทายมักจะมารับจ้างแต่งหน้าเป็นประจำ จนช่วงหลังๆ พรนางฟ้าเริ่มสนิทกับเขามากขึ้น เพราะเขาเองก็ชื่นชอบนิสัยและความแปลกในตัวของหญิงสาวไม่น้อย

            คนอะไร เกลียดกะเทยยิ่งกว่าหมา...เขาเคยบอกเธอเช่นนั้น

            “ก็เอาจริงสิ ฉันว่าหลังๆ พวกอีแอบมันเหมือนจะหลบอยู่ทุกมุมตึกแล้วนะ ถ้าไม่รีบจัดการ สังคมไทยจะต้องเดือดร้อนเพราะคนพวกนี้แน่ๆ” สาวสวยตอบคำถามอย่างมีอารมณ์ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนม้าหินอ่อนด้วย

            “โวยวายแบบนี้ ไปมีเรื่องกับเกย์ที่ไหนมาอีกละเนี่ยะ” ประทายถามอย่างคนรู้นิสัยคนอ่อนวัยกว่า

            “ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันเพิ่งไปวีนที่ห้องซ้อมเชียร์ลีดเดอร์มา ข้อหาคิดจะเอาตุ๊ดมาเป็นลีดปีนี้”

            “เธอจะไปสนใจทำไม ส่วนใหญ่เชียร์ลีดเดอร์กับแดนซ์เซอร์มันก็ตุ๊ดก็แต๋วหมดนี่”

“มันก็ใช่ แต่ปีนี้ฉันเป็นประธานเชียร์นะ ฉันไม่ยอมให้พวกนี้มาเพ่นพ่านตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรอก”

            “ดีจัง ที่ฉันไม่ได้เรียนที่เดียวและรุ่นเดียวกับเธอ ไม่งั้นคงไม่ได้ผุดได้เกิด”

            “ไม่หรอกเจ๊ คนที่ชัดเจน กล้าแสดงออกแต่งสาวไปเลยฉันไม่เท่าไหร่ ฉันเกลียดอีพวกเกย์แอบที่เป็นไส้เดือนมากกว่า เจอผู้ชายก็จะเอา เจอเกย์ด้วยกันก็จะกิน แถมเจอผู้หญิงก็คิดจะแต่งงานอีก อี๋...น่าเกลียดน่ากลัว ตัวเดียวบาทเดียว”

            “ที่พูดมาเนี่ย พี่ชายหล่อนทั้งนั้นเลยนะ” คำพูดของประทายทำเอาคนฟังหน้าชา เขาพูดไม่ผิดสักนิด พี่ชายของเธอ เจ้าเทวา เป็นผู้ที่ทำให้เธอไม่ชอบคนประเภทนี้

            “อย่าพูดถึงคนคนนี้ได้ไหม ฉันยิ่งอารมณ์เสียอยู่ด้วย”

            “เหรอจ๊ะ กับอีแค่พ่อแม่ยกกิจการนักสืบเก่าแก่ให้พี่ชายดูแล ลูกสาวที่ใครๆ ไม่รักถึงกับคิดแยกไปตั้งบริษัทเองเลยเหรอยะ” ประทายพูดแทงใจคำเธออีกครั้ง ยิ่งทำให้พรนางฟ้าหน้างอขึ้นอีก

            “ใช่ และจะทำให้ดัง ทำให้ดีกว่าด้วย แต่อย่างที่รู้แหละ ฉันจะเน้นสแกนพวกเกย์ให้ผู้หญิงทั้งโลกรู้ และเจ๊ต้องมาเป็นผู้จัดการให้ฉันด้วย”

            “อืม...เริดไม่เบา ถ้าตามอุดมคติแล้วฉันเห็นด้วย แต่ความแค้นส่วนตัวไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ว่าแต่ตอนนี้เธอจะทำยังไงต่อไปล่ะ”

            “ก่อนที่เราจะเปิดเป็นบริษัทจริงๆ ฉันว่าเราต้องมีผลงานให้คนรู้จักเสียก่อน” พรนางฟ้าพูดด้วยแววตามุ่งมั่น

            “ผลงาน” ประทายทวนคำถามด้วยความสงสัย

            “ฉันจะชวนเพื่อนๆ ในบอร์ดแอนตี้เกย์มาร่วมกันโชว์ผลงานเจ๋งๆ เอาให้มันฮือฮาไปเลย” พรนางฟ้าเอ่ยถึงบอร์ดแอนตี้เกย์ของเว็บไซต์ชื่อดังของเมืองไทย โดยเว็บบอร์ดดังกล่าว เน้นเล่าเรื่องการตรวจสอบพิจารณาดูเกย์ โดยที่เธอเป็นสมาชิกอันดับต้นๆ ที่มีคนรู้จัก ภายใต้ชื่อลับว่า “นางฟ้าล่าเก้ง”

            “เธอหมายถึงชวนเพื่อนในบอร์ดมาร่วมบริษัทงั้นหรือ”

            “ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันอีเมลชวนพี่แพรพิณกับบัวบุหงาแล้ว รวมฉันก็เป็นสามสาวนักล่าแต๋ว” พรนางฟ้าเอ่ยชื่ออีกสองสาวที่สนิทกันในเว็บบอร์ด และเธอก็ติดต่อให้เข้าร่วมบริษัทเธอแล้ว

            “แล้วจะทำอะไรเป็นผลงานล่ะ”

            “ระดับพรนางฟ้า ถ้าไม่ชัวร์ไม่ทำหรอกเจ๊  ฉันแอบขโมยงานที่พี่ชายตัวดีมันไม่รับงานมาได้สามงานพอดี ฉันจะให้พวกเราทำงานนี้กัน” หญิงสาวนึกถึงเอกสารที่เธอไปค้นพบในห้องทำงานของเจ้าเทวา จึงรู้ว่าพี่ชายเลือกไม่รับงานนักสืบที่เกี่ยวข้องกับเกย์โดยเฉพาะ เหตุเพราะคงไม่อยากเปิดโปงสถานภาพทางสังคมของคนอื่น ที่ดันเหมือนกับชีวิตของตัวเอง แต่กับงานสืบให้เมียน้อย เมียหลวง หรืองานที่ทำให้ผู้หญิงขายหน้า เจ้าเทวากลับรีบรับงานนั้น สองมาตรฐานชัดๆ เขาคงไม่อยากเห็นผู้หญิงมีความสุข

            “น่าสนุกไม่น้อย แล้วเราจะเริ่มรับงานเมื่อไหร่เหรอ” ประทายถามด้วยความตื่นเต้น

            “รบกวนเจ๊ช่วยรวบรวมข้อมูลและติดต่อกับผู้จ้างงานให้ฉันด้วย เอาก่อนสิ้นปีนี้นะ เดี๋ยวฉันส่งอีเมลไปให้ แล้ววันที่หนึ่งมกราคม ฉันจะนัดให้ทุกคนมาเจอกันเพื่อแจกงาน รับรองได้สนุกกันแน่ๆ” หญิงสาวยิ้มมุมปาก พลางนึกถึงความสนุกที่รออยู่

            “ว่าแต่...เธอจะตั้งชื่อบริษัทว่าอะไรล่ะ” ประทายถามคำถามสุดท้าย พรนางฟ้ามองไปยังท้องฟ้าปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัด

            “บริษัทนักสืบ จี-สแกน เปิดแผนสแกนเกย์” หญิงสาวมีแก่ใจตบท้ายด้วยสโลแกนที่คิดไว้ในใจ

            “ตัวจีนี่คือคำว่าเกย์ใช่ไหม หวังว่าคงไม่ใช่จีสปอตนะ ฉันไม่อยากจะสแกนจุดนั้นของชะนี...” ประทายแอบปล่อยมุกหวังจะให้หญิงสาวได้ผ่อนคลาย แต่คู่สนทนากลับทำหน้าตึงเครียด ยืนยันว่าเธอไม่ได้ตลกด้วย

            “ฉันล้อเล่น” ประทายเอ่ยเสียงอ่อย

            พรนางฟ้าตวัดค้อน ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้ายามเย็นต่อ พลอยให้นึกไปถึงครั้งที่ได้มีโอกาสสแกนเกย์ครั้งแรก ที่เป็นเหมือนการจุดประกายการเป็นนักสืบสแกนเกย์ของเธอ

 

            หลังจากคบหามาได้ไม่ถึงปี วันนี้ตรีภพหนุ่มหล่อผู้ เพียบพร้อมทุกอย่าง ก็นัดเธอกินข้าวที่ห้องส่วนตัวในร้านอาหารสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเขาแอบกระซิบกับเธอว่า มีเรื่องพิเศษที่อยากจะบอกกับเธอ

            ‘เขากำลังคิดจะขอพี่ณีแต่งงานแน่เลย’ พรนางฟ้าสาวรุ่นน้องที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กบอกกับเธอเช่นนั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ญาณีไปปรึกษาเรื่องนี้กับเธอ อาจเพราะภาพลักษณ์ที่เป็นสาวมั่นยุคใหม่ เธอจึงอยากฟังความคิดเห็นในมุมมองของน้องสาวข้างบ้านคนเก่ง ที่คงคิดอะไรได้เร็วกว่าหญิงสาวที่อ่อนต่อโลกอย่างเธอ

            ‘ฟ้าว่าไอ้พี่ตรีภพของพี่ณีมันแปลกๆ นะ อายุสามสิบกว่าแล้ว แต่ดันไม่เคยมีแฟน ทั้งๆ ที่ต้นทุนสูงทั้งหน้าตา ฐานะ และชื่อเสียง’ พรนางฟ้าแสดงความคิดเห็น เมื่อครั้งญาณีมาปรึกษาเรื่องผู้ชายที่ครอบครัวต้องการให้เธอคบเพื่อหวังสร้างทายาทสืบสกุล

            ‘เขาอยู่ในครอบครัวคนจีน ต้องทำงาน ไม่มีเวลาหาแฟนมั้ง’ ญาณีพยายามหาข้ออ้างให้ชายหนุ่ม

            ‘คนเราต่อให้ทำงานหนักแค่ไหน ไอ้เรื่องเพศตรงข้าม ยังไงก็ต้องคบไว้เพื่อผ่อนคลายอยู่แล้ว ที่ฟ้าเห็นส่วนใหญ่ หล่อเฟี้ยวขนาดนี้ ถ้าไม่แต่งงานส่วนมากมักจะเป็นพวกเจ้าชู้ตัวพ่อ ระวังให้ดี’ พรนางฟ้าวิเคราะห์ ‘ว่าแต่พี่ณีล่ะ รู้สึกยังไงกับเขาบ้าง’ คำถามของสาวรุ่นน้องทำให้ญาณีต้องเม้มริมฝีปากทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น

            ‘ก็ไม่รู้สินะ ฉันเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน ไปเที่ยวด้วยกันไม่บ่อย ที่มีโอกาสก็ตามคำคะยั้นคะยอของที่บ้านเท่านั้น’

            ‘ถ้างั้น...เรื่องนี้ให้ฟ้าลองสืบประวัติให้ไหมล่ะ รับรองไม่มีใครรู้’

            ‘จะดีเหรอ’

            ‘รับประกันด้วยเกียรติของลูกสาวบ้านสปายฮันเตอร์เลยค่ะ’ พรนางฟ้าชูสามนิ้วสัญญาด้วยศักดิ์ศรีของบริษัทนักสืบที่เป็นกิจการของครอบครัวเธอ

            นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ญาณีแอบคิดตลอดการเดินทางมาที่ร้านอาหารแห่งนี้ว่า น้องสาวคนสนิทจะมีข้อมูลของสารถีหนุ่มที่ควงมาวันนี้เช่นไร

            ...เขาอาจจะบ้างาน หรือไม่ก็เป็นพวกโลกส่วนตัวสูง จนทำให้ครองตัวโสดมาถึงป่านนี้ แต่ดูทีท่าที่เขาปฏิบัติกับเธอก็ช่างแสนดี ทำให้เธอยังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่สมองกำลังประมวลผล

            ทุกอย่างคงต้องรอสาวนักสืบเท่านั้น อย่าเพิ่งคิดไปเอง แค่สมองคิดไกลยังไม่เท่าไร แต่เธอกลัวหัวใจจะตกหลุมรักเขาไปไกลจนกู่ไม่กลับมากกว่า

            ตรีภพหยิบเมนูอาหาร คอยเทกแคร์เธออย่างอ่อนโยน เรียกได้ว่าบรรยากาศและคนตรงหน้าทำให้ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่เคยมีแฟนจนอายุจะย่างเข้ายี่สิบห้าคนนี้ กำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง...

            หลังจากเห็นเป้าหมาย พรนางฟ้าที่ซุ่มดูอยู่ในห้องอาหารก็ยิ้มกริ่ม หญิงสาวในชุดบริกรรีบนัดแนะให้ทีมงานปฏิบัติตามแผนที่เธอวางไว้

            งานนี้ จากที่เคยจะล้วงลับตับแตกหนุ่มใหญ่ ว่ามีลูกเมียซ่อนไว้หรือเปล่า แต่เรื่องราวมันกลับสนุกกว่านั้น เพราะกลายเป็นว่า ตรีภพที่คิดว่าเป็นยอดมนุษย์ไฟฟ้าสุดเท่ ความจริงเขามีเงาของเซเลอร์มูนซ่อนอยู่ในตัว

            และที่เขาคิดจะจีบพี่สาวเธอ ก็เพราะความเห็นแก่ตัวล้วนๆ เขาถูกที่บ้านบังคับให้หาภรรยาให้เร็วที่สุด เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ที่คนเป็นพ่อจะยกให้ทันทีเมื่อมีผู้หญิงรับปากแต่งงานกับเขา

            ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของแผนการโรแมนติกของเขาในวันนี้ แผนการที่กำลังจะทำให้ญาณี พี่สาวที่เติบโตเล่นหัวมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่อาจรับรู้เลยว่าเขาคือเก้งสุดแสนอันตรายที่พร้อมจะขวิดชะนีเพื่อความสุขของตัวเอง

            พรนางฟ้าเดินมายืนใกล้ๆ รีบยกนิ้วจุปากเมื่อญาณีทำท่าจะทักทายเธอ ขณะที่ตรีภพกำลังสนใจเมนูอาหาร สาวล่าเก้งก็เดินไปกระซิบข้างหูญาณี

            ‘อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปค่ะ ฟ้าปลอมตัวมาเพื่อเปิดเผยตัวตนผู้ชายคนนี้ตามคำสัญญา อยู่เฉยๆ แล้วรอดูทุกอย่างเองนะคะ’ เธอบอกถึงการปรากฏตัวระหว่างมื้ออาหาร ญาณีค่อยโล่งใจที่มีนักสืบสาวอยู่ใกล้ พรนางฟ้าจึงเดินถอยห่างจากโต๊ะ ก่อนจะหยิบไวโอลินในมือมาบรรเลงเพลงคลาสสิกให้เข้ากับบรรยากาศตามที่ชายหนุ่มบอกกับทางร้านไว้ก่อนแล้ว

            เสียงเพลงนั้นทำให้ญาณียิ้มกริ่ม มือประสานใต้คาง ไม่นึกว่าพรนางฟ้าจะสีไวโอลินได้ แต่ก็ไม่แปลกเพราะเพื่อนรุ่นน้องที่อยู่ข้างบ้านเธอนั้นเก่งเกินเด็กทั้งคู่ ญาณีกวาดสายตามองบรรยากาศรอบกาย บัดนี้แสงจันทร์ส่องสะท้อนแม่น้ำเจ้าพระยาดูสวยงามราวกับกำลังฉายแสงงามสะกดคนดู บนโต๊ะอาหารมีดอกกุหลาบในแจกันคริสตัล ตั้งอยู่เคียงข้างเชิงเทียนที่ส่องแสงวับแวม สะท้อนใบหน้าหนุ่มใหญ่ที่กำลังจับจ้องเมนูในมือ

            เธอกำลังรู้สึกเขินอาย...ญาณีแอบคิด ถ้าตัวจริงของเขาเป็นคนดีจริง ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ได้เรียนสูงอย่างเธอคงจะโชคดีไม่น้อย ที่กำลังจะได้คนอย่างตรีภพมาเป็นแฟน เดี๋ยวสิ...อย่าเพิ่งพาใจหลงไปกับแสงสีที่เขาพามา ความจริงวันนี้เธอต้องรอฟังจากพรนางฟ้า น้องสาวของเธอเท่านั้น

            ‘ตกลงเลือกอาหารได้หรือยังเอ่ย’ เขาเอียงหน้าถาม เพราะเห็นหญิงสาวเอาแต่ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัว

            ‘สั่งไปแล้วค่ะ’ เธอบอก เพราะเพิ่งบอกเมนูอาหารที่ต้องการให้แก่บริกรหนุ่มมาดดีที่ยืนข้างๆ

            ‘ครับ งั้นผมขอ...’ ตรีภพหันไปพูดกับหนุ่มหน้าหยกที่รอจดเมนูอาหารจากเขา ช่วงเวลาที่สายตาของลูกค้าปะทะกับหนุ่มน้อยผู้ให้บริการ แม้จะไม่นาน แต่คนที่กำลังสีไวโอลินอยู่กลับเห็นอะไรบางอย่าง

            หึ หญิงสาวหัวเราะในลำคอ...มันคือแววตาแบบผู้ชายที่ได้สบตากับผู้หญิงที่ถูกใจ แถมยังหยุดนิ่งไปเกือบห้าวินาที แหม...ถ้าเป็นบาร์เกย์แล้วมีเด็กเสิร์ฟหล่อขนาดนี้ ป่านนี้เขาคงหยิบจับคลำลูบมือเป็นหนวดปลาหมึกแล้วมั้ง พรนางฟ้าคิดในใจจนปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก

            ‘ไม่นึกเลยนะครับ ว่าแค่ช่วงเวลาไม่นานที่ผมกับคุณได้พบกัน มันกลับทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับคุณอย่างประหลาด หรือชาติก่อนเราจะเคยเจอกันจริงๆ ขอบคุณพระพรหมที่ท่านไม่ใจร้ายกับคนที่ขี้เหงาอย่างผม แถมยังส่งนางฟ้าที่น่ารักมาให้’ คำพูดของเขาทำให้พรนางฟ้าแอบเบ้ปากแทบไม่ทัน

            ตายแล้ว นี่สงสัยตอนเด็กๆ หม่อมแม่คงพาท่านชายตรีภพไปดูยี่เกบ่อยแน่ๆ พูดจาอย่างกับพระเอกหน้าม่าน เธอคิดประชด

            ‘อย่างนั้นเชียวหรือคะ อ้อ...แล้วที่นัดทานข้าววันนี้ คุณตรีภพมีอะไรจะคุยกับณีหรือคะ’

            ‘ก็...’ เขาก้มหน้านิ่ง ‘ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณเป็นคนสำคัญกับผมมากจริงๆ เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน ผมมีความสุขมาก’ เขาหันมาพยักหน้าให้พรนางฟ้า เพื่อส่งสัญญาณตามที่ได้นัดแนะกับเจ้าหน้าที่ของร้าน

            ตามแผนการที่เขาวางไว้ ภาพบนจอโพรเจกเตอร์ในห้องแห่งนี้จะเปลี่ยนไปภาพสไลด์ของเธอกับเขาครั้งที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน พรนางฟ้าส่งสัญญาณให้ทุกอย่างดำเนินไป

            ‘พระเจ้า’ ญาณีตกใจ ก่อนจะยิ้มไม่หุบ เขาใส่ใจรายละเอียดถึงขั้นเก็บภาพถ่ายทุกภาพตั้งแต่แรกพบไว้ หญิงสาวยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปาก ซาบซึ้งและตื้นตัน อารมณ์อ่อนไหวของผู้หญิงกำลังเป็นจุดอ่อนที่ใครๆ สามารถหลอกได้ง่ายๆ

            ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาหวัง พรนางฟ้ากลับเปลี่ยนเพลงหวานๆ มาเป็นเพลงที่เขาน่าจะรู้จักดี

            เพลง “I Will Survive”

            ‘ชอบไหมครับ ทุกภาพ เอ่อ...ทุกความทรงจำ ผม จดจำ...’ ตรีภพพยายามพูดตามบทที่ท่องมาอย่างดี แต่เสียงเพลงประจำชาติเกย์จากไวโอลินในยามนี้กลับทำลายสมาธิของเขาจนหมดสิ้น

            ‘คือ ผม...อยากจะให้คุณ ได้...รับ’ ยิ่งพูด ขาเจ้ากรรมก็กลับส่ายเข้าจังหวะเสียงเพลง ตรีภพเหงื่อซึม สูดลมหายใจลึก เขาต้องเอ่ยประโยคสารภาพรักและขอเธอแต่งงานให้สำเร็จ ‘ถึงเวลาแล้วนะครับ ที่คุณ...เอ่อและผม ไม่สิคุณจะได้เห็นผม...ไอ วิล เซอร์ วาย เฮ เฮ้...’ ประโยคลงท้ายเข้าจังหวะกับทำนองเพลงของพรนางฟ้าอย่างลงตัว

            ‘คุณจะไอวิลเซอร์วาย คืออะไรหรือคะ’ ญาณีสงสัยในคำพูดของเขา แถมยังมีพฤติกรรมประหลาดให้เห็นอีก

            ‘เอ่อ...น้อง พี่ว่าเปลี่ยนเพลงเถอะ ขอเพลงที่มันโรแมนติกกว่านี้หน่อยสิ...เพลง ‘loving you’ ก็ได้’ เขาหันมาพูดกับเธออย่างอารมณ์เสีย

            พรนางฟ้าหยุดเล่นดนตรี ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เขา ‘ทำไมหรือคะ เล่นเพลงนี้ไปสะกิดต่อมแต๋วใครหรือเปล่า’ เสียงดังฟังชัด แถมยังไม่กลัวใคร ทำให้ตรีภพตกใจพอสมควร

            ‘นี่...เธอทำอะไร ทำไมเสียมารยาทกับลูกค้าแบบนี้’ เขาเริ่มโวยวายจนญาณีที่นั่งอยู่ต้องรีบห้าม

            ‘ใจเย็นๆ ค่ะ นี่พรนางฟ้า น้องสาวข้างบ้านของณีเอง เธอมาทำงานพิเศษที่นี่ค่ะ’ หญิงสาวพูดตามความเข้าใจ ก่อนจะหันมาปรามพรนางฟ้า ‘เธอก็เหมือนกัน ตกลงจะเล่นอะไรเนี่ย’

            ‘ไม่เล่นอะไรหรอกค่ะพี่ณี ฟ้าก็แค่อยากจะมาเตือนพี่ณีว่า ระวังผู้ชายคนนี้ให้ดี เขากำลังจะหลอกพี่’ พรนางฟ้าตวัดสายตาไปมองตรีภพที่ลุกขึ้นยืนตัวสั่นด้วยความตกตะลึง

            ‘หลอก...ฉันไปหลอกอะไรพี่เธอ ฉันยังโสดและปรารถนาดีต่อเขา รู้ไหมวันนี้ฉันตั้งใจจะขอคุณณีแต่งงาน’ เสียงของเขาดังชัดเต็มสองหู หัวใจญาณีเต้นไม่เป็นจังหวะ เหตุนี้นี่เอง เขากำลังจะขอเธอแต่งงานงั้นหรือ...เหมือนที่พรนางฟ้าเดาไม่ผิด

            ‘เอายังไงล่ะฟ้า เธอบอกว่าเขาจะหลอกฉันงั้นเหรอ’ ญาณีหันไปถามความจริงจากน้องสาว

            ‘ก็...อุ๊ย พี่ชาย ระวังที่แขนเสื้อของพี่มีตุ๊กแกติดอยู่ค่ะ’

            ตรีภพชะงักเล็กน้อย แล้วหมุนตัวหาสิ่งที่หญิงสาวบอก ที่แขนของเขามีสัตว์ตีนเหนียวสีสันสดใสติดอยู่ เป็นผลให้ชายหนุ่มแสดงตัวตนออกมาทันที

            ‘กรี๊ดดด...เอามันออกไปที กรี๊ดดด’

            เขาร้องและดิ้นพล่านไปทั่วด้วยระดับเสียงแหลมเกินร้อยแปดสิบเดซิเบล จนพรนางฟ้าต้องรีบไปช่วยปลดตุ๊กแกจากตัวเขาโยนทิ้ง

            ‘น่าเกลียดที่สุด ร้านอาหารระดับนี้มีสัตว์แบบนี้อยู่ได้ไง คอยดูฉันจะฟ้อง’ เขากลัวจนตัวสั่นและโกรธจนน้ำหูน้ำตาไหล

            ‘ไม่หรอกค่ะ นี่มันตุ๊กตายาง’ เธอชูสิ่งของที่อยู่ในมือ ‘เราก็แค่พิสูจน์ตัวตนของพี่ไงคะ ว่าพี่กลัวหรือเปล่า แมนหรือเปล่าไม่รู้ ผลก็อย่างที่เห็นแหละพี่ณี พี่ตรีภพวี้ดว้ายสาวแตกเลย’

            ‘อะไรกันยายฟ้า ตุ๊กแกใครๆ ก็กลัวทั้งนั้น เธอจะเหมารวมได้ไง นี่อย่าบอกนะว่าเธอกำลังสงสัยว่าคุณตรีภพเขาเป็น...’ กำลังจะพูดต่อ พรนางฟ้าก็จุปากและชี้ให้ญาณีมองไปยังเจอโพรเจกเตอร์บนผนังห้อง ที่บัดนี้ เปลี่ยนจากรูปหวานแหววของเธอและเขา เป็นคลิปวิดีโออะไรบางอย่างที่มีเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดแสบหู ญาณีมองตามด้วยความสงสัย

            ‘และเราจะประกาศผู้เข้ารอบคนแรกนะคะ ได้แก่ มิสโคลัมเบีย’ เสียงจากคลิปดังก้อง ภาพที่เห็นคือภาพการประกวดนางงามที่ไม่ใช่ผู้หญิงหรือสาวประเภทสอง แต่เป็นกลุ่มชายหนุ่มที่จริตจะก้านเกินหญิง ทุกคนมีสายสะพายชื่อประเทศต่างๆ คาดอยู่

            ‘พี่ณีจับตาผู้เข้ารอบคนถัดไปนะคะ’ พรนางฟ้าป้องปากกระซิบ ญาณีจ้องจอแทบไม่กะพริบตา

            ‘และขอเสียงปรบมือต้อนรับ มิสเปอร์โตริโก...’ ทันทีที่หนุ่มอีกคนปรากฏตัวในคลิป ญาณีก็ตกใจจนตาเบิกโพลง ขณะที่ตรีภพก็มีอาการไม่ต่างกัน

            ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตลายดอก เดินสะบัดตูดยิ้มร่า ดีใจที่ตัวเองได้เข้ารอบ ใบหน้าของเขาคล้ายกับคนที่เธอมากินข้าวด้วยในวันนี้จนเธอต้องอุทานออกมา

            ‘คุณตรีภพ’

            ‘นี่เป็นคลิปที่ฟ้าไปเจอในเว็บบอร์ดแฟนนางงามค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าพี่ตรีภพจะเป็นสมาชิกที่นั่นด้วย แถมยังมีกิจกรรมประกวดนางงานเล่นกันขำๆ ตอนงานเลี้ยงปีใหม่ น่ารักดีนะคะ ซึ่ง...ไม่น่าจะมีผู้ชายที่ไหนเล่นกันแผลงๆ แบบนี้ เสียดายนะคะ ท้ายๆ คลิป พี่ตรีภพตอบคำถามพลาดไปนิด เลยพลาดมงกุฎวันนั้นไปเลย’ พรนางฟ้าทำหน้าเศร้า

            ‘ตกลงคุณเป็นเกย์เหรอ’ ญาณีหันไปสบตาหนุ่มที่กำลังจะขอเธอแต่งงาน

            ‘คือ...จะบ้าหรือคุณณี มันจะเป็นไปได้ไง นั่นมันใช่ผมที่ไหน ดูดีๆ สิ’ ตรีภพยังพยายามแก้ตัว ก่อนจะหันมาเอาเรื่องพรนางฟ้า

            ‘นี่เธอต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้มาหลอกลวงทำให้เราสองคนเข้าใจผิดกัน ทั้งๆ ที่เรากำลังจะมีอนาคตร่วมกันแล้วนะ’

            ‘ฉันไปหลอกลวงพี่ตรงไหน นี่มันความจริงทั้งนั้น พี่ฮัมเพลง ‘I will Survive’ กรีดร้องสาวแตกเมื่อเจอตุ๊กแก แถมยังเล่นประกวดนางงามกับเพื่อนๆ ในบอร์ดแฟนนางงาน มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ได้สร้างขึ้นมาเลยสักนิด’

            ‘นี่เธอ...’ ตรีภพเหลืออด ปรี่เข้าไปหมายประชิดตัวพรนางฟ้า แต่ดันเป็นจังหวะเดียวกับที่บริกรหนุ่มน้อยยกอาหารมาเสิร์ฟ ทำให้ชนเข้ากับเขาอย่างจัง ผลก็คือจานอาหารหล่นแตกกระจาย แถมยังเปื้อนเสื้อของเขาด้วย

            ‘ตายแล้ว เลอะหมดเลย’ ญาณีรีบเข้าไปช่วยปัดเศษอาหารที่เปื้อน ขณะที่บริกรหนุ่มรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

            ‘แย่จริง รีบพาลูกค้าไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำสิ’ พรนางฟ้าบอกกับเด็กเสิร์ฟ

            ตรีภพยังมองหน้าเธออย่างไม่พอใจนัก แต่ด้วยเสื้อผ้าที่สกปรก ทำให้เขาต้องไปล้างคราบออกให้เร็วที่สุด เมื่อบรรยากาศในห้องสงบลง สองสาวจึงหันมาสบตากัน

            ‘ตกลงเธอคิดว่าไง’ ญาณีถามความคิดเห็นน้องสาว

            ‘ก็...สามสเตปที่เห็นเมื่อครู่ แต๋วแตกเลยไหมล่ะ’ พรนางฟ้าย้อนถาม

            ‘ตกลงที่เธอเป็นห่วง เพราะกลัวเขาจะเป็นเกย์แล้วมาหลอกฉันแต่งงานสินะ’

            ‘หรือว่าพี่ไม่แคร์ ความจริงเขาก็ฐานะดีไม่น้อย ออกเรือนไปด้วยสบายไปทั้งชาติเลยนะ แต่พี่จะไม่ได้ความรักจากเขาสักนิด ฉันไปสืบมาแล้ว เขาต้องการหาภรรยาเพราะพ่อแม่เริ่มบังคับ’

            ‘อืม...’ ญาณีครุ่นคิด “แต่เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าใช่” ดูเหมือนพี่สาวยังไม่แน่ใจว่าเวลาไม่ถึงชั่วโมงกับสิ่งที่เขาแสดงออกเมื่อครู่ จะทำให้มั่นใจได้ว่าเขาเป็นเกย์

            ‘เอางี้...ตอนจบใกล้จะมาถึงแล้ว’ พรนางฟ้าหลิ่วตา จูงแขนหญิงสาวออกจาห้องอาหาร มุ่งตรงไปที่หน้าห้องน้ำชาย

            ‘พาฉันมาที่นี่ทำไม หรือเธอกำลังคิดว่า คุณตรีภพจะนั่งฉี่’ ญาณีคิดไปเรื่อยเปื่อย เหตุเพราะพรนางฟ้าชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ

            ‘บ้า! แบบนั้นต้องกะเทยแต่งสาวไปเลย’ สาวรุ่นน้องตอบพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู พร้อมกับนับถอยหลัง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาตั้งกล้องหน้าประตูห้องน้ำชาย

            ‘ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...และ’ หญิงสาวยิ้มมุมปาก สายตายังจับจ้องที่ประตูบานนั้น

            ‘...ศูนย์’

            เมื่อเธอพูดจบ ก็มีเสียงร้องครวญครางดังขึ้นจากในห้องน้ำด้วยความสยดสยอง

            ‘ว้ากกก...ทำอะไรของมึงเนี่ยะ’ ญาณีทำหน้าแปลกใจที่ได้ยินเสียงนั้น แม้จะพยายามหันหน้ามามองพรนางฟ้าเพื่อขอคำอธิบาย แต่น้องสาวก็เอาแต่จ้องประตูห้องน้ำด้วยแววตามีเลศนัย

            โครม! ประตูถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของบริกรหนุ่มน้อยที่พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่ห่างกันมาก หนุ่มใหญ่ที่เกือบจะเป็นเจ้าบ่าวของญาณีก็วิ่งตามออกมา พร้อมกับตะครุบขาเขาไว้ไม่ให้ไปไหน

            ‘เฮ้ย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ’ เด็กหนุ่มพยายามสะบัดขาหนี แต่ตรีภพก็ยังมือเหนียว แถมยังค่อยๆ ขยับขึ้นไปกอดรัดตัวเขาไว้แน่น

            ‘ไม่ขออะไรมาก...ขอจูบ...ขอจูบทีเดียว’ ตรีภพจ้องหน้าหนุ่มหล่อพร้อมกับทำปากจู๋ หลับตาพริ้ม หนุ่มน้อยเหลืออด ใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะบันเข้าไปที่ปลายคางคนที่กำลังจะล่วงเกินเขา

            ตุ้บ! ร่างของหนุ่มใหญ่ล้มลง พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยของเด็กหนุ่ม และเมื่อพรนางฟ้าหัวเราะลั่น เขาก็หันไปมองเธอทันที

            ‘ฟ้า! ไหนว่าไม่มีอะไรไง แล้วทำไมไอ้พี่คนนี้ถึงกลายเป็นเกย์หื่นขึ้นมาได้เนี่ย’ หนุ่มน้อยบ่นพึมพำ พร้อมกับเดินมาหาพรนางฟ้า ทิ้งร่างของตรีภพให้นอนสลบเหมือดอยู่เช่นนั้น

            ‘เอาน่าอชิตะ ไหนว่าอยากช่วยฉันไง’ พรนางฟ้ายักไหล่ ก่อนจะหันไปมองญาณีที่ได้แต่ยืนงง กะพริบตาปริบๆ

            ‘ตกลงพวกเธอรู้จักกันเหรอ’ คนแก่กว่าถาม

            ‘ใช่ค่ะ ที่อชิตะ เพื่อนที่มหา’ลัยของฟ้าเอง เขาอาสาช่วยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพี่ตรีภพด้วยค่ะ’ พรนางฟ้าเปิดเผยถึงแผนการครั้งนี้ ว่าไม่ได้มีเธอคนเดียว แต่ยังมีอชิตะหนุ่มหล่ออีกคนที่มักจะมาเซ้าซี้เป็นหมาหยอกไก่กับเธอเสมอ เธอจึงแอบหลอกเขามาช่วยงานนี้ โดยไม่เปิดเผยให้เขารู้ว่าเป้าหมายเป็นเกย์

            ‘งั้นเหรอ...แล้วในห้องน้ำมันเกิดอะไรขึ้น...ทำไมคุณตรีภพกับเธอถึง...’ ญาณียังคงเดาเหตุการณ์ไม่ออกอยู่ดี

            ‘ผมเองก็งงเหมือนกันครับ พอฟ้าบอกให้พาเขาไปล้างเนื้อล้างตัว ปรากฏว่าดูเหมือนเขาไม่ได้สติเหมือนคนเมายา แถมมือไม้ก็เริ่มลูบคลำผมไปทั่ว ตาก็จ้องแต่หน้าผม หนักที่สุดก็ตอนที่เขาขอจูบปากผม’

            ‘หา!’ ญาณีอ้าปากค้าง

            ‘ผมเลยวิ่งหนีออกมา ก็เป็นเหมือนอย่างที่ทุกคนเห็นนั่นแหละครับ’  อชิตะอธิบายพร้อมกับชูแขนที่ขนลุกชันให้ทุกคนดูว่าเขายังสยองไม่หาย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พรนางฟ้าบอกกับเขาว่างานนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว

            ‘ก็เธออยากมาช่วยฉันเองนี่’ พรนางฟ้าย้อนชายหนุ่ม แล้วจึงหันไปพูดกับพี่สาวคนสนิท ‘แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอพี่ณี เห็นชัดแบบนี้ ไอ้พี่ตรีภพคนดีของพี่ไม่ใช่ผู้ชายแน่ๆ’

            ‘แล้วทำไมเขาถึงได้สติแตก ไล่จูบผู้ชายในห้องน้ำแบบนั้นได้ล่ะ’

            ‘เพราะเจ้านี่ไงคะ’ พรนางฟ้าหยิบบางอย่างที่เป็นแท่งขนาดเล็กออกมาให้เธอเห็น ‘ลิปสติกสยบเก้ง หากให้ผู้ชายทาลิปมันตัวนี้แล้ว สารฟีโรโมนที่สกัดอย่างเข้มข้นจะไปกระตุ้นกลิ่นผู้ชายให้ออกมาล่อเกย์ที่อยู่ใกล้ๆ ให้ขาดสติ ถึงขั้นอยากจะจูบปากเลยค่ะ’

            ‘อ๋อ...ไอ้ที่เธอให้ฉันทาก่อนจะไปรับออร์เดอร์สินะ’ อชิตะนึกได้ว่าหญิงสาวคะยั้นคะยอให้เขาทาลิปสติกแท่งนั้นทั้งๆ ที่เขาไม่เต็มใจ

            ‘ใช่’ เธอตอบ ก่อนจะเดินไปจับมือพี่สาวคนสนิท ‘ว่าแต่ พี่ณีจะยังเชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายอีกไหมคะ’

            ‘ก็...ขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงที่ไหนจะยอมโง่อีกล่ะ ขอบคุณนะ’ คนแก่กว่ายิ้มให้

            ‘ขอบคุณลิปสติกสยบเก้งแท่งนี้ดีกว่า’ เธอยังภูมิใจกับเครื่องมือของเธอ

            ‘พี่ก็ลืมไป...ว่าระดับพรนางฟ้า แห่งสปายฮันเตอร์ มีหรือที่เทคโนโลยีนักสืบจะธรรมดาเหมือนคนทั่วไป’

            ‘อันนี้สั่งมาจากเมืองนอกเลยนะคะ เอาไว้ใช้ปราบเก้งโดยเฉพาะ’ พรนางฟ้ายังมีแก่ใจอวดเครื่องมือลับในการปราบเกย์ครั้งนี้ของเธอ ‘ว่าแต่พี่จะทำยังไงกับอีตาพี่ตรีภพคนดีของพี่ต่อล่ะ’

            ญาณีมองร่างที่นอนสงบนิ่ง พร้อมกับถอนหายใจ

            ‘พวกเธอช่วยยกเขาไปไว้ในรถละกัน ส่วนฉันจะกลับแล้ว’ คนแก่กว่าพูดแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากร้าน

            ‘เดี๋ยวสิพี่ณี!’ พรนางฟ้าตะโกนตามหลัง ญาณีหยุดกึกพร้อมกับหันมารอฟังสิ่งที่หญิงสาวต้องการจะบอก

            ‘ในฐานะที่เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน พี่ณีคงจะรู้นะคะ ทุกวันนี้ยังมีผู้หญิงอีกมากถูกเกย์พวกนี้หลอกแต่งงานเพื่อบังหน้า แต่พี่ณีโชคดีกว่าพวกเธอเหล่านั้น เพราะฉะนั้น พี่ณีจะว่าอะไรไหม หากฟ้าจะขอนำเรื่องราวทั้งหมดของพี่ณี ไปบอกเล่าในเว็บบอร์ดที่ฟ้าเป็นสมาชิกอยู่ เผื่อใครที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกับพี่ณีจะได้เข้าใจ’

            ญาณีเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะส่งยิ้มให้น้องสาว

            ‘พรนางฟ้า สิ่งที่เธอทำมันคือการช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งไม่ให้ตกนรกทั้งเป็นเชียวนะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะไม่อนุญาตหรอก ตามสบายเลย’ ญาณียักไหล่ และเดินจากไป

            พรนางฟ้ามองตามอย่างหมดห่วง หัวใจพองโตกับสิ่งที่ได้ทำลงไป รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฮีโร่สาวที่ช่วยปลดปล่อยเพศหญิงให้ปลอดภัยจากปีศาจเกย์ร้าย

            ...คอยดู เรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านในเว็บบอร์ด

รายละเอียด

คำนำจากนักเขียน

 

แรกทีเดียว หลังจากได้รับการติดต่อจากทีมบรรณาธิการให้ร่วมเขียนใน ซีรีส์นิยายโปรเจ็ค ‘สแกนเกย์’ ยอมรับตามตรงว่าผู้เขียนไม่มั่นใจว่าจะสามารถสรรค์สร้างผลงานชิ้นนี้มาให้ผู้อ่านได้หรือไม่ เหตุเพราะยังใหม่กับการเขียนนิยายเป็นชุด รวมถึงระยะเวลาส่งงานที่ต้องตรงเวลา จึงเกรงว่าจะกลายเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับตัวเอง

แต่เมื่อมีใครบางคนบอกว่า โอกาสมักจะมาตอนที่เราคิดว่าเราไม่พร้อม และมักจะเดินผ่านเราไปตอนที่เราคว้ามันไม่ได้อีก นั่นจึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้เขียนจะปฏิเสธคำชักชวนจากทีมบรรณาธิการ

เมื่อลงมือหาข้อมูลมาปรุงแต่งในเตาอบแห่งจินตนาการ ความสนุก และสุขใจที่ได้สร้างสรรค์ผมงานชิ้นนี้จึงเกิดขึ้น พร้อมเสิร์ฟเป็นขนมหวานแสนอร่อยให้ผู้อ่านได้ลิ้มลอง

พรนางฟ้า สาวนักศึกษา บ้ากิจกรรม กับภารกิจค้นหาเก้งต้องสงสัยจะทำให้เรารู้ว่า จริงหรือ...ที่คนเราจะสามารถสแกนตัวตนคนๆ หนึ่งได้ เรามีมาตรฐานอะไรไปตรวจวัดและจะมั่นใจได้อีกเช่นไรว่า ผลลัพธ์ที่ได้มาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เขากำลังแสดง…

การเป็นเกย์ของคนเช่นเดียวกัน ในยุคสมัยที่โลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน บางครั้งเราเห็นชายแท้เป็นคุณหนูแสนติ๋ม ขณะที่คนเป็นเกย์กลับดิบเถื่อนจนแทบไม่เชื่อสายตา กะเทยบางคนเรียนจบช่างกลโรงงาน บางคนเรียนจบ รด.ปีห้า หรือแม้แต่บางคนเคยทำงานร้านเขียนป้าย พวกเขาอาจไม่ชอบ แต่พวกเขาก็ทำได้ และถ้าทุกอย่างยังคือการเสแสร้ง ที่ไม่มีใครรู้ความจริงด้านใน นั่นจึงอาจเป็นที่มาของความสนุกของนิยายเรื่องนี้

ขอบคุณผู้บริหารและกองบรรณาธิการซูการ์บีทที่ให้โอกาส คุณเพทูรย์ คุณพิมาลินย์ เพื่อนนักเขียนที่ร่วมปฏิบัติล่าเก้งด้วยกัน

ขอบคุณพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนๆ อีกหลายท่าน และที่ไม่ลืมทุกครั้งคือมิตรรักนักอ่านที่มีหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือ

“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ ขอเพียงสังคมเว้นพื้นที่เล็กๆ ให้พวกเราได้มีโอกาสได้ยืนหยัดต่อไป...ขอบคุณค่ะ” ประโยคฮิตตบท้ายคำตอบ ของนางงามสาวประเพศสอง ที่เรามักได้ยินบนเวทีเวทีประกวดความงาม

เราไม่รู้ว่าพื้นที่เล็กๆ ที่พวกเธอต้องการคืออะไร แต่อย่างน้อย หากใครที่ได้อ่านนิยายซีรีส์ ล้วง ลับ จับ เกย์ เชื่อเสมอว่า นิยายเล่มนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ ‘พื้นที่’ เหล่านั้นของพวกเธอ กว้างขึ้น...แน่นอน

 

หัสวีร์


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (80 รายการ)

www.batorastore.com © 2025