ร้อนรัก CEO เจ้าเสน่ห์ (เพลงมีนา) (EBOOK)

ร้อนรัก CEO เจ้าเสน่ห์ (เพลงมีนา) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: ร้อนรักCEOเจ้าเสน่ห์
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 139.00 บาท 34.75 บาท
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

            หญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายย้อมครามนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย  ในหน้าข่าวสังคมมีภาพข่าวการบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเด็กของเซเลบฯ สาวที่เพิ่งมีข่าววิวาห์ไปไม่กี่เดือนถ่ายรูปคู่กับ CEO หนุ่มเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว

            ลักษณ์ณารา ไขแสง เจ้าของร้านพรรณนา ร้านกรีนช็อปเล็กๆ แต่กำลังเป็นแบรนด์น้องใหม่ได้รับการจับตามองมากในขณะนี้ หญิงสาวเสยผมสั้นประบ่าที่ดัดเป็นลอนอ่อนของตัวเองอย่างเคยชิน เธอจำได้ชัดเจนว่า ‘ดารัณ’ เพื่อนรักเคยเปรยกับเธอเรื่อง ‘การ์เร็ต แบล็ค’ ที่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเธอจนทำให้สามีของดารัณเข้าใจผิด ถึงแม้สามีของดารัณจะเป็นคุณหมอที่ดูเป็นคนมีเหตุผล แต่เธอกลับไม่ไว้ใจผู้ชายตาน้ำขาวคนนั้นที่รู้ทั้งรู้ว่าดารัณแต่งงานแล้วยังคิดจะเป็นมือที่สามอีกมันน่าปวดหัวแทนเสียจริง

            “หน้าตาก็ดีทำไมเป็นพวกชอบสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวคนอื่นนะ”

            ลักษณ์ณาราพึมพำแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานเปิดคอมพิวเตอร์เสิร์สประวัติ ‘การ์เร็ต แบล็ค’ CEO หนุ่มวัย 36 ที่ยังโสดเป็นที่หมายปองของสาวๆ ซ้ำยังมีฉายาคาสโนว่าอีกต่างหาก   เรื่องฉาวมีพอๆ กับความสามารถในการพัฒนาสินทรัพย์หลายพันล้านของตัวเองเลยจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่อยู่ในสายตาเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องทำอะไรสักอย่าง การงานที่ยุ่งเหยิงแถมต้องมารับรู้เรื่องแย่ๆ ของคนรวยอีก หญิงสาวอยากออกไปผ่อนคลายบ้าง เธอถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานบิดตัวไปมาแก้เมื่อยขบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบกุญแจรถออกจากบ้านทั้งที่สี่ทุ่มกว่าแล้วก็ตาม

            เสียงเพลงและไฟสลัวในผับไฮโซกลางกรุงดูจะไม่ช่วยให้ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีสีดำเรียบขรึมอารมณ์ดีขึ้นมาได้  ‘การ์เร็ต แบล็ค’ CEO เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทระดับห้าดาวในหลายประเทศ ซ้ำยังมีอีกหลายแห่งทั่วทุกมุมโลก เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในประเทศไทยจนพูดไทยได้ชัด และเป็นเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่ทำให้สาวๆ อ่อนระทวย มือใหญ่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม แม้จะมีสาวสวยสุดเซ็กซี่แนบข้างทั้งซ้ายและขวาแต่เขากลับเบื่อหน่ายอย่างที่ไม่เคยเป็น 

            “เป็นอะไรไปคะการ์เร็ต” สาวสวยคนหนึ่งกระซิบถาม นิ้วเรียวไต่ที่กระดุมบนแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

            “แค่เบื่อๆ” ชายหนุ่มยักไหล่ คงมีเพียงเครื่องดื่มในมือที่เรียกความสนใจจากเขาได้

            “พูดแบบนี้น่าน้อยใจจัง” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดเผยอขึ้นอย่างเชิญชวน “หรือว่าเราจะเปลี่ยนบรรยากาศทำอะไรที่สนุกกว่านี้ดีคะ”

            ดวงตาสีเขียวเข้มดุจน้ำทะเลลึกมองไปที่สองสาวที่ขนาบข้างของเขา ความสวยของพวกเธอไม่น้อยกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์เบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นมันคงไม่ถูกกำจัดได้ง่ายดายด้วยผู้หญิงสองคนนี้แน่ ปีนี้เขาอายุ 36 ปีแล้วยังครองความเป็นโสดไม่คิดเรื่องแต่งงานให้ปวดหัว แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิง แต่ก็มีบางคนที่ผ่านเข้ามาให้รู้สึก ‘ถูกใจ’ บ้าง

            ชีวิตการงานยุ่งหลายตลบเขาก็รับมือได้เสมอ แต่เมื่อหลายเดือนก่อนเขาเกิด ‘ถูกใจ’ หญิงสาวที่แต่งงานแล้วเข้าให้ เขารู้นิสัยที่แก้ไม่หายของตัวเองดีและไม่คิดอยากแก้นั้นก็คือ “อยากได้อะไรก็ต้องได้” แม้เขาจะพยายามตามตื้อเธออยู่หลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่มีเยื่อใยให้ เขาก็พร้อมที่จบความสัมพันธ์ที่ยังไม่ได้เริ่ม ทุกความรู้สึกที่เคยมีมันคลี่คลายเบาบางลงไปมาก และเมื่อต้องร่วมงานกับเธอคนนั้นอีกครั้ง เขากลับรู้สึกว่าเธอเป็นมิตร เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับเขา แต่หลายคนไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

            มือใหญ่ที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มชะงักไปอึดใจ ดวงตาสีเขียวของเขาเห็นร่างเพรียวในชุดเดรสลูกไม้กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอจ้องเขม็งมาทางเขาเหมือนเห็นเขาเป็นเป้าหมายและมันยิ่งย้ำชัดเมื่อริมฝีปากหยักสวยยกยิ้มที่มุมปาก และเดินตรงเข้ามานั่งที่โซฟาตรงข้ามกับเขาโดยไม่ขออนุญาต เรียวขาสวยยกขึ้นไขว่ห้าง  หญิงสาวเจ้าของผมยาวประบ่าดัดเป็นลอนสวยเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ  ไม่สนใจสายตาของสองสาวที่นั่งขนาบข้างกับชายหนุ่มที่จ้องมองผู้มาใหม่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว

            “ผมเข้าใจว่าผับที่นี่เข้าได้เฉพาะเมมเบอร์เท่านั้น” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก อารมณ์เบื่อหน่ายกลับเลือนหายไป

            “ใช่ค่ะ” หญิงสาวโปรยยิ้มหวาน “แต่ไม่ใช่มีแค่คุณที่เป็นสมาชิกนี่คะ”

            “เรื่องนั้นผมรู้” เขายิ้มจนเกือบจะเป็นหัวเราะ “แค่ไม่คิดว่าคนอย่างคุณลักษณ์ณาราจะสนใจสถานที่แบบนี้นี่ครับ”

            หญิงสาวหัวเราะไม่รู้สะเทือนกับประโยคเหน็บแหนมของเขาสักนิด เธอโน้มตัวมาใกล้ปรายตาสำรวจอีกฝ่ายอย่างประเมินราคา 

“แค่เมมเบอร์ไม่ต้องรวยแค่มีเงินก็สมัครได้ค่ะ”

            การ์เร็ตถึงกับแหงนหน้าหัวเราะ เขาเรียกบริกรสั่งเครื่องดื่มให้หญิงสาวในชุดดำตรงหน้า เขาคุ้นเคยกับเธอดี ลักษณ์นารา ไขแสง เพื่อนสาวคนสนิทของ ดารัณ หญิงสาวอีกคนที่เขาเคยสนใจแต่เธอแต่งงานแล้วและมั่นคงในความรักที่มีต่อสามีของเธอ เขายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำต่อดารัณเป็นสิ่งผิดแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นคนเลวอะไร เพราะอย่างไรเขากับดารัณก็ยังไม่มีอะไรเกินเลย  และที่สำคัญมันเป็นความรู้สึกที่อยากเอาชนะมากกว่ารักใคร่จริงจังอะไร

            แต่ดูเหมือนชีวิตเขาจะมีสีสันมากขึ้นก็เมื่อลักษณ์ณาราเข้ามาขวางกีดกันระหว่างเขากับดารัณตลอด การปรากฏตัวของเธอจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา  ทว่ามันคือความบันเทิงอย่างหนึ่งไปแล้ว หรือเพราะที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายเพราะหลายวันนี้ไม่ได้เจอผู้หญิงคนนี้ก็ไม่รู้ ยังไม่ทันที่การ์เร็ตจะพูดอะไร บริกรก็ยกเครื่องดื่มมาให้ลักษณ์ณารา

            “Margarita น่าจะเหมาะกับคุณ” การ์เร็ตพยักหน้าให้

            “จะมอมเหล้าฉันหรือคะ” ลักษณ์ณารายิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉันคออ่อนนะคะ”

            “แหม! พูดแบบนี้เห็นทีต้องขอพิสูจน์ว่าคอคุณอ่อนแค่ไหน” เขาท้าทายแล้วเรียกบริกรของเครื่องดื่มเพิ่ม

            “การ์เร็ต! คุณมากับพวกเรานะคะ” หญิงสาวที่ขนาบซ้ายขอการ์เร็ตถึงกับปรี๊ดออกมาอย่างเหลืออด

            “เอ...เท่าที่จำได้ผมมาคนเดียวนะครับ” การ์เร็ตหันไปมองด้วยสายตาเย็นชาจนหญิงสาวเสียวสันหลังวาบขึ้นมา “และคนอย่างผมคงไม่ต้องพึ่งพาให้ใครต้องพามาเข้าผับด้วย”

            หญิงสาวรู้สึกได้ยินเสียงแตกเพล้ง! จากใบหน้าของตัวเอง เมื่อผู้ชายไม่เล่นด้วยทั้งสองสาวจึงพร้อมใจกันลุกขึ้นสะบัดหน้าเดินออกมา

            ลักษณ์ณารายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบซ่อนรอยยิ้มของตนเองไว้ แต่เขาก็ยังมองออกแล้วยักไหล่

            “อย่าคิดว่ามาก่อกวนผมเป็นผลสำเร็จนะ เพราะผมไม่ได้สนใจผู้หญิงสองคนนั้นอยู่แล้ว” 

            “แหม! มองฉันเลวร้ายไปหรือเปล่าคะ” ลักษณ์ณาราแสร้งทำหน้าใสซื่อซึ่งตรงข้ามกับความจริง เธออยากกวนประสาทเขาทำให้เขาพลาดเหยื่อ

            “มันก็คงไม่ต่างจากที่คุณมองผมนักหรอก” เขาหัวเราะ “ว่าแต่คุณหายไปไหนมาหลายวัน”

            “คิดถึงฉันขนาดนั้นเชียว ควรดีใจใช่ไหมคะ” อาจเพราะแอลกอฮอร์และน้ำผลไม้ที่ผสมกันอย่างลงตัวทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก 

            “ไม่อยากพูดให้คุณดีใจแต่ผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”

            “ใช้มุขนี้กับฉันไม่ได้ผลหรอกนะ” ลักษณ์ณาราส่ายหน้าไปมา เธอคิดว่าเขายั่วเธอกลับให้เธอคิดว่าเขาให้ความสำคัญเธอ เหอะ! มันก็แค่ลูกไม้ตื้นๆ ที่ผู้ชายทั่วไปชอบใช้กัน

            “ฉันไปดูสินค้าเข้าร้านก็เลยไม่อยู่กรุงเทพฯ หลายวัน”

            “ต้องไปดูเองเลยรึ” เขาถามอย่างสนใจ “สั่งให้เขามาส่งก็ได้นี่”

            หญิงสาวถอนริมฝีปากจากแก้วเครื่องดื่ม “ได้แต่ถ้าไปดูเองมันจะได้ของที่ถูกใจมากกว่า ถ้าเป็นคุณล่ะจะสร้างโรงแรมทั้งที่จะดูแค่แปลนหรือไปยืนบนที่ดินผืนนั้นจริงๆ”

            “คุณพูดก็ถูก” เขาเอนหลังแล้วแกะกระดุมเสื้อเม็ดบนออกด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเองกับผู้หญิงที่ตั้งหน้าเป็นศัตรูกับเขา

            เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีต่อล้อต่อเถียงเธอเหมือนทุกครั้งก็เล่นลักษณ์ณาราไปไม่เป็นเหมือนกัน “เจองานหินเข้าให้หรือไง”

            “หน้าตาผมบอกแบบนั้นเหรอ” เขายิ้ม “ใช้แผนแสร้งทำเป็นห่วงใยให้ผมตายใจหรือเปล่า”

            “คุณเองก็ท่าทางจะงานยุ่งนะ หนวดเคราไม่ได้โกนเลย”

            มือใหญ่ยกมือลูบคางตัวเองแล้วยิ้มมุมปาก “ผู้หญิงบางคนชอบ”

ลักษณ์ณาราเบ้ปาก แล้วดื่มเครื่องดื่มของตนเป็นแก้วที่สี่  ท่าทางไร้ความเมามายของเธอทำให้การ์เร็ตชอบใจ ท่าทางจะไม่ ‘คออ่อน’ อย่างที่เธอออกตัวเสียแล้ว

“ผมไม่ค่อยเห็นผู้หญิงดื่มหลายแก้วแล้วยังไม่ออกอาการเหมือนคุณเลยนะ”

“ฉันมันของหายากนะ” ลักษณ์ณาราหัวเราะ ดูเหมือนวันนี้ไม่เหมาะกับการปะทะคารม

“ดื่มกับคุณแล้วสนุกดี ไปดื่มต่อที่บ้านผมนะ”

เธอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “อะไรนะ นี่ชวนฉันไปบ้านคุณเหรอ”

“แค่ดื่ม” เขายักไหล่ “ผมหลายแก้วแล้วจะขับรถกลับลำบาก”

“คุณอยากดื่มก็กลับไปดื่มคนเดียวซิ”

“มันไม่เหมือนกันนี่น่า” เขายิ้มที่มุมปาก “หรือคุณกลัวจะหลงเสน่ห์ผม”

“โธ่! พูดออกมาได้” ลักษณ์ณาราย่นจมูก “ถ้าคุณไม่เป็นตัวการที่ทำให้เพื่อนรักฉันต้องลำบากใจนะ คุณไม่ใช่ผู้ชายที่ฉันจะมาเสียเวลาด้วยเลย”

คราวนี้การ์เร็ตถึงกับผิวปากออกมา “ถ้าคุณคิดแบบนั้นก็ไปดื่มที่บ้านผมได้ซิ”

“ก็ได้ แค่ดื่ม มันจะมีอะไร”

“โอเค ตามนั้น” การ์เร็ตเรียกบริกร 

ลักษณ์ณาราลุกขึ้นยืนโดยไม่มีอาการเซแต่การ์เร็ตก็ถือโอกาสโอบไหล่เธอไว้ นิ้วมือสัมผัสหัวไหล่ เขาเลื่อนมือลงเพื่อได้ลูบผิวกายเนียนละเอียดที่อยู่นอกผ้าลูกไม้  ลักษณ์ณารามองมือใหญ่ก่อนจะมองหน้าคมเข้มที่ระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าไปมา เธอเจอผู้ชายเจ้าชู้มาเยอะเรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินรับมือแน่นอน ขณะที่ทั้งสองเดินออกจากผับมาที่ลานจอดรถ  ลักษณ์ณาราไม่รู้เลยว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของชายคนหนึ่งที่มากับกลุ่มเพื่อนของเขา  เขาทำเหมือนอยากเดินเข้ามาหาแต่ไม่อาจปลีกตัวออกมาได้  จึงมีเพียงสายตาอาลัยที่จับจ้องจนทั้งสองขึ้นรถเก๋งคันหรูแล้ว

ลักษณ์ณาราไม่ได้เอารถยนต์ของตัวเองมา เพราะตั้งใจจะมาดื่มนิดๆ หน่อยๆ เพื่อผ่อนคลาย แต่ก็บังเอิญเจอโจทก์เข้าให้ ก็แค่อยากมากวนอารมณ์เขาให้ตัวเองอารมณ์ดีแต่ไม่ได้คิดวางแผนถึงขนาดนั่งรถคันเดียวกันไปถึงบ้านเขาแบบนี้ เขาเองก็ขับรถสบายๆ เหมือนพาเพื่อนไปเที่ยวบ้านแม้ว่าเขากับเธอจะไม่มีคำนั้นเลยก็ตาม ใช้เวลาไม่นานนักรถเก๋งก็แล่นผ่านกลางคืนของกรุงเทพฯ มาโรงแรมหรูของเขา

“ผมพักที่นี่ เชิญครับ” การ์เร็ตพูดยิ้มๆ ก่อนจะลงรถไปเปิดประตูให้หญิงสาว “ปกติผมไม่พาใครมาหรอกแบบนี้หรอกนะ”

“ฉันคงเป็นกรณีไม่ปกติสำหรับคุณ” ลักษณ์ณาราลงจากรถ เดินตามร่างสูงใหญ่เข้ามาในโรงแรมห้องพักของเขาอยู่ชั้นบนสุด

เขาสั่งเปิดไฟฟ้าด้วยเสียง “ตามสบายคิดว่าเป็นบ้านของตัวเองก็ได้”

“ใจดีขนาดนั้นเชียว”  หญิงสาวหัวเราะแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ก้มลงถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองออกก่อนจะเดินเปลือยเท้าตามแผ่นหลังของเขาไปที่เคาน์เตอร์ใกล้ๆ กัน

“เผื่อคุณจะใจดีกับผมบ้าง” เขาชงเหล้าให้ “บรั่นดีได้ไหม?”

“ไม่มีปัญหา” เธอรับแก้วเหล้าจากเขามาดื่ม

เขาวางศอกลงบนเคาน์เตอร์จ้องมองหญิงสาวตรงหน้า  “ให้ตายซิ! คุณที่คอแข็งจริงๆ”

“เคยกินเหล้าป่ายาดองกับชาวบ้านมาบ้าง” เธอไหวไหล่ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร “ฉันดูแลตัวเองได้”

“ผมเชื่อ” เขารินเหล้าให้ตัวเอง “ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่กล้ามาถึงบ้านของผม”

“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”  ลักษณ์ณาราหรี่ตามองอีกฝ่าย “เผื่อคุณทำอะไรไม่ดีกับเพื่อนฉัน ฉันจะได้รับมือทัน”

“คุณนี่รักเพื่อนเหลือเกินนะ”

“ก็เพื่อนฉันเป็นคนดีนี่ แล้วคุณไม่มีเพื่อนรักบ้างหรือไง”

การ์เร็ตถอนหายใจเบาๆ “ผมไม่ค่อยมีเพื่อนนักหรอก ส่วนใหญ่เพื่อนในแวดวงธุรกิจมากกว่า”

“ฟังดูน่าสงสารนะแต่ฉันไม่เห็นใจหรอก” เหล้าแก้วต่อมาทำให้เธอรู้สึกร้อนในอกขึ้นมา

“เกลี่ยกล่อมให้คนลงทุนกับผมยังจะง่ายว่าคุยกับคุณจริงๆ ลักษณ์ณารา”

“หนิง”

“ครับ?” เขาขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน

“เรียกหนิงก็ได้ ชื่อเล่นฉัน” เธอบอกเขาแล้วรับเหล้าแก้วต่อมา

“รู้สึกเป็นเกียรติที่คุณยอมให้ผมเรียกชื่อเล่นของคุณ” 

เขายิ้มและเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเขายิ้มบ่อยแค่ไหนเมื่ออยู่ใกล้สาวปากร้ายคนนี้ เขากำลังจะเติมเหล้าให้เธออีกแต่เธอโบกมือห้ามไว้ก่อน 

“ขอเข้าห้องน้ำก่อน แต่เห็นทีเจ้าบ้านต้องไปส่งไม่งั้นเข้าผิดห้องแน่ๆ”

“ก็บอกแล้วว่าให้ทำตัวตามสบายเหมือนบ้านตัวเอง” 

เขาลุกขึ้นเดินไปประคองร่างเนียนนุ่ม ร่างบางเซเล็กน้อยแต่ได้มือใหญ่ที่จับสองไหล่ของเธอช่วยประคองไว้ เธอหันไปเพื่อจะขอบคุณแต่ใบหน้ากลับปะทะลมหายใจร้อนๆ

“หรืออยากจะเข้าห้องนอนของผมก็ได้นะ”

“ไม่เป็นไรคะ ฉันเกรงใจคุณ ไม่อยากเห็นคุณต้องนอนโซฟา”

การ์เร็ตถึงกับกลั้นหัวเราะ หญิงสาวเดินเข้าห้องน้ำ ในขณะที่เขายืนพิงผนังหน้าห้อง อารมณ์เบื่อหน่ายจางหายไป นี่เธอคงมั่นใจในตัวเองว่า ‘รับมือ’ กับเขาได้แน่ๆ ถึงกล้ามาถึงห้องและยังขับไล่ไสส่งให้เขานอนโซฟาอีก  ลักษณ์ณารารู้สึกมึนแล้วจริงๆ นั้นแหละ เธอนี่ช่างกล้าเสียจริง บุกมาถึงห้องของเขาเพื่อที่จะดูว่าเป็นอยู่อย่างไร ผู้ชายประเภทที่ชอบสร้างปัญหาให้คนอื่น แต่ที่อยู่เขาก็โอเค ไม่น่าแปลกใจที่มีผู้หญิงหมายปองจะได้เขาเป็นคนรักนักหรอก แน่นอนว่าความร่ำรวยของเขาเป็นเรื่องจริง จะโทษผู้ชายอย่างเดียวก็คงไม่ถูกนัก เพราะข่าวที่เธอรับรู้มาส่วนใหญ่เป็นข่าวที่เรียกว่า “นินทา” น่าจะถูกที่สุด

เธอเองก็ไม่อยากตัดสินคนสักคนด้วยคำพูดของคนอื่น  เช่นเดียวกับที่เธอเคยเป็นมา แต่เธอก็ไม่อาจไว้ใจเขาได้เช่นกัน  ลักษณ์ณาราถอนหายใจเบาๆ ล้างมือแล้วออกจากห้องน้ำ แล้วเธอก็ต้องแปลกใจที่เห็นเขายืนรออยู่

“ผมกลัวคุณหลับในนั้น”

“ฉันแยกห้องนอนกับห้องน้ำออกหรอกค่ะ”

“คุณนี่นะ” การ์เร็ตเสยผมแล้วหัวเราะ เพียงเส้นผมที่เคยปรกตาอยู่ถูกปัดขึ้นก็ทำให้หญิงสาวได้เห็นดวงตาลึกลับและเปี่ยมเสน่ห์ได้ชัดเจน

“ฉันจะกลับแล้วล่ะคะ ขอบคุณที่เชิญมาชมห้องสวยๆนะคะ” เธอยิ้มให้และเดินไปหยิบกระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ แต่มือใหญ่เอื้อมมาจับข้อมือของเธอไว้ก่อน 

“คุณจะกลับจริงๆ เหรอ” เขาถามอย่างแปลกใจ

“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับแล้วยิ้มที่มุมปาก “ฉันแค่มากันท่าไม่ให้คุณลากผู้หญิงคนไหนมาทำร้ายจิตใจก็เท่านั้นเอง”

“ห๋า!” เขาตกใจจนปล่อยข้อมือเธอออก แต่ลักษณ์ณาราส่ายหน้าไปมา

“ขอโทษที่ทำให้เสียความรู้สึกนะคะ” เธอแสร้งทำหน้าสำนึกผิดทั้งที่กลั้นยิ้มเต็มที่

“ถ้าคุณไม่หลงเสน่ห์ผม ทำไมต้องรีบกลับล่ะหรือกลัวใจตัวเอง”

“เพราะฉันจะไม่หลงกลคุณไงล่ะ” เธอยกมือขึ้นแตะแก้มเปื้อนเคราบางๆ ของเขาเบาๆ “คุณต่างหากล่ะที่ต้องระวังจะหลงเสน่ห์ของฉัน”

คำพูดเชิญท้าทายกับลมหายใจผ่าวร้อนของเขา เมื่ออยู่ใกล้ชิดยิ่งทำให้เห็นว่าดวงตาของเขาดูลึกลับและมีเสน่ห์ไม่น้อย   เธอไม่ใช่ผู้หญิงในสเป็กของเขาและเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายในแบบของเธอ หญิงสาวผละจากร่างสูงแล้วเดินจากมาอย่างง่ายดาย ทว่าคำพูดที่เหมือนท้าทาย คล้ายเล่นเกมจ้องตาหากมีใครหลบตาก่อนก็จะเป็นคนแพ้  และแน่นอนว่าทั้งสองคนสะกดคำว่า ‘แพ้’  ไม่เป็น.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 1

 

            การ์เร็ตระบายลมหายใจอย่างโล่งอก  คนสนิทรายงานว่าสองสามีภรรยาตระกูลกมลฉัตรเมื่อสองวันก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังกลับจากงานกาลาดินเนอร์ปลอดภัย “ดารัณ” ภรรยาสาวแทบไม่มีรอยขีดข่วนแต่ “ธันวา” คุณหมอหนุ่มเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล คืนกาลาดินเนอร์มีการประมูลคู่เต้นรำ เงินประมูลนำไปสร้างโรงพยาบาลเด็ก เขานึกสนุกประมูล “ดารัณ” เป็นคู่เต้นรำแข่งกับ “ธันวา” สามีของดารัณ

            เขาเจอผู้หญิงมามากแต่มีไม่กี่คนที่จะทำให้เขารู้สึกประทับใจ ดารัณเป็นผู้หญิงที่เขารู้สึก “พอดี” เธอสวยและอ่อนหวาน ก่อนหน้าที่จะได้เจอตัวจริงเขาก็คิดว่าดารัณเหมือนไฮโซทั่วไป ออกงานสังคมบ่อยแต่เมื่อเขามีโอกาสได้พบเธอกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด อาจเพราะผู้หญิงที่เข้ามาส่วนใหญ่จะมาด้วยเหตุผลเดียวคือ เขาคือการ์เร็ต แบล็ค เศรษฐีพันล้าน เจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทหรูในประเทศไทยและอีกหลาย

 

ประเทศ

“อะไรที่อยากได้ก็ต้องเอามาให้ได้”

เขาคิดอย่างนี้เสมอทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัว แต่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับดารัณเพราะเธอรักสามีที่เพิ่งแต่งงานกันหมาดๆ เธอไม่หวั่นไหวกับเขาเลยสักนิด แน่นอนว่าในชีวิตของเขามีผู้หญิงที่พร้อมจะเลิกกับสามีมาคบกับเขาถ้าเขาต้องการ แต่ไม่ใช่กับดารัณ เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าดารัณไม่สนใจเขา เขาก็ไม่คิดจะเหนี่ยวรั้ง แต่ไม่คิดว่าการล้อเล่นครั้งสุดท้ายของเขาจะทำให้หมอธันวาที่ดูเคร่งขรึมจะออกอาการหึงหวงมากขนาดนั้น

            ตระกูลกมลฉัตร เป็นตระกูลเก่าแก่และมีอิทธิพลมากตระกูลหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะไม่มีข่าวอุบัติเหตุให้คนนอกได้รู้ แต่มันก็ไม่เกินความสามารถของเขาที่จะส่งลูกน้องมือดีออกไปสืบข่าวมาให้ ความรู้สึกผิดทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่ธันวารักษาตัวอยู่ และเมื่อถึงที่หมายร่างสูงเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วกดหมายเลขชั้นที่ต้องการ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกและขาของเขากำลังจะก้าวออกไป ทันใดนั้นเองมือเรียวก็ผลักและดันให้เขาเข้าไปด้านในและกดลิฟต์ลงทันที

            “เฮ้! อะไรกันคุณ!” การ์เร็ตหัวเสีย ลิฟต์เลื่อนลงทันทีที่ปลายนิ้วสวยจิ้มหมายเลขชั้นที่เธอต้องการ

            “ฉันรู้ว่าคุณมาทำอะไร” หญิงสาวแปลกหน้าพูดเสียงดุและเชิดหน้ามองอีกฝ่าย

            “คุณเป็นใครกัน” การ์เร็ตงุนงง เขาเคยเจอผู้หญิงห้าวไร้มารยาทคนนี้ที่ไหน

            “เลิกวุ่นวายกับดารัณเสียที” คราวนี้เธอถลึงตาใส่ เป็นจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวท่าทางประหลาดดึงแขนของเขาเกือบๆ จะลากร่างสูงใหญ่ให้เดินตามมา 

“อย่าให้ชีวิตครอบครัวคนอื่นต้องมาพังพินาศเพราะความงี่เง่าของคุณเลย”

            การ์เร็ตเพิ่งเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูด “คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่จะมาเยี่ยมคุณธันวา”

            “พูดกันอย่างแมนๆ เลยนะ” ลักษณ์ณารายืนกอดอกมองอีกฝ่าย “เอาเป็นว่าคุณอยู่ห่างๆ ทั้งคู่จะดีกว่า”

            “เพื่อความสบายใจ ไว้วันหลังผมมาเยี่ยมก็ได้” เขาเองก็รู้สึกผิดอยู่บ้างและแอบกังวลว่าอุบัติเหตุครั้งนี้จะเพราะเขาประมูลเต้นรำแข่งกับธันวา

            “ไม่ต้องมาหรอก” ลักษณ์ณาราโบกมือไปมา “เดี๋ยวก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณไม่ต้องตามไปเยี่ยมถึงบ้านให้มีปัญหาหรอกนะ”

            “ก็ผมอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจนี่” เขายักไหล่ไม่สนใจคำขู่ของอีกฝ่าย

            ลักษณ์ณารายักไหล่เลียนแบบเขา “ก็หาแฟนสักคนซิ คนอื่นจะได้ไม่คิดว่าคุณตามจีบดารัณอยู่”

            เธอเบ้ปากแล้วหมุนตัวเดินกลับ

            “คุณจะไปไหน”

            “ทำงานซิ ฉันไม่ว่างเหมือนคนรวยบางคนหรอกนะ จะได้มีเวลาว่างไล่จีบเมียชาวบ้านนะ”

            การ์เร็ตถึงกับอ้าปากค้าง ผู้หญิงคนนี้พูดจาไม่มีหางเสียงไม่ออดอ้อนเหมือนคนอื่นที่เขารู้จัก ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ลักษณ์นาราไม่ได้หวั่นไหวกับรอยยิ้มของเขา  หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนเดินจากไปโดยไม่รู้ว่าคนตัวโตคิดอะไรอยู่ในใจ การ์เร็ตหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองมาได้ทันถ่ายรูปหญิงใบหน้าของหญิงสาวไว้แล้วส่งภาพให้คนสนิทก่อนจะต่อโทรศัพท์สายตรงทันที

            “พศินสืบให้หน่อยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ฉันต้องการข้อมูลด่วน”

            “คู่แข่งทางธุรกิจหรือว่ามาเฟียแก็งค์ใหม่ครับบอส”

            “ถ้ารู้จะมาถามรึ!” เขาทำเสียงเข้มใส่แต่หน้ายิ้มเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่“น่าจะเป็นคนที่รู้จักคุณดารัณ” 

            “ครับบอส”

            “ฉันต้องได้ข้อมูลเย็นนี้”

            “เย็นนี้เลยหรือครับ”

            “ใช่ ไม่อย่างนั้นจะบอกว่าด่วนรึ”

            “ครับบอส”

            การ์เร็ตตัดสายโทรศัพท์จากคนสนิทแล้วก็ต่อสายถึงเลขาฯ “ให้คนจัดกระเช้ามาเยี่ยมคุณธันวาที่โรงพยาบาลทีนะ”

            “ได้ค่ะเจ้านาย” นางรับคำสั่งอย่างไม่รู้ว่าบิ๊กบอสอยู่หน้าโรงพยาบาลนั้นเอง “เอ่อ วันนี้เจ้านายจะกลับเข้าโรงแรมไหมคะ”

            “ทำไม? มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”

            “คุณเอริก้ามาพบค่ะ”

            “อ่อ...ผมลืมไป” เขามองตามร่างเพรียวที่ขับรถเก๋งญี่ปุ่นคันเล็กเคลื่อนผ่านหน้าไป “จัดห้องพักที่ดีที่สุดให้แล้วบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง”

            “ค่ะเจ้านาย”

            การ์เร็ตยิ้มที่มุมปาก เขามอง ‘ของเล่นชิ้นใหม่’ แล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า  เอาเถอะ! ปล่อยไปก่อน ถ้า ‘อะไร’ ที่เขาต้องการแล้วละก็ไม่ยอมให้หลุดมือไปง่ายๆ ชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับมาที่รถของตัวเองและขับกลับมาที่โรงแรมห้าดาวสุดหรูกลางกรุงที่เขาเป็นเจ้าของ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพียงโรงแรมแห่งเดียวที่อยู่ในการปกครองของเขา แต่เอาเถอะ เอาเป็นว่าเขามีธุรกิจหลายอย่างแต่เขาชอบการบริหารจัดการโรงแรมเป็นที่สุด ในระยะเวลายี่สิบที่เขาทำงานหนักหน่วงหนีความจนกลายเป็นมหาเศรษฐี ใครจะว่าเขาใช้ชีวิตเสเพลหรืออยู่กับความร่ำรวยเขาก็ไม่สนใจ จะทำไมเล่า? กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องอดมื้ออยู่อย่างเหน็บหนาวท่ามกลางหิมะโปรย ขโมยขนมปังกินเพื่อประทังชีวิต  

            หนังสือพิมพ์ นิตยสารหรือรายการโทรทัศน์เคยสัมภาษณ์เขาหลายครั้ง แต่สิ่งที่คนอื่นรับรู้มันไม่ได้สักครึ่งจากชีวิตจริง เขาเป็นเด็กเร่ร่อนหลังจากพ่อตายแม่ก็ติดสุราอย่างหนักและเพิ่มดีกรีด้วยเฮโรอีน เมื่อข้าวของในบ้านถูกแปรเป็นเงินเพื่อซื้อยาเสพติดจนหมดเกลี้ยง แม่ก็ขายตัวเองเพื่อแลกยาเหล่านั้น ผู้ชายที่แม่พาเข้าบ้านเห็นเขาเป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่พร้อมจะลงมือทำร้ายได้ทุกเมื่อ เขาอายุเพียง 10 ขวบ ก็ตัดสินใจหนีออกมาใช้ชีวิตข้างถนน  เขาเคยอยู่สถานสงเคราะห์และถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์แต่มันก็ไม่ได้ดีกว่าที่เคยเป็นอยู่นัก การออกมาใช้ชีวิตเร่รอนเป็นทางเลือกของเขาจนเมื่อได้พบหญิงชราที่อยู่ลำพังกับแมว 7-8 ตัว 

            มันเริ่มจากที่แมวตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถมายังซอกตึกที่เขาซุกตัวหลบความหนาวที่ทำเอามือของเขาซีดเซียวและสั่นระริก    หญิงชราตะโกนโหวกเหวกอย่างตกใจทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและคว้าตัวแมวสีเหลืองทองตัวนั้นไว้ได้

            “โอ้ว!ขอบใจจริงๆ ถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้ฉันต้องแย่แน่ๆ เจ้าตัวนี้มันถูกคนใจร้ายไล่ตีมาเป็นแผลที่ขาหลัง มันก็เลยไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ง่ายๆ”

            เด็กชายได้แต่มองไม่ได้สนใจเรื่องที่หญิงชราเล่าให้ฟังนัก  แต่เผลอคิดไปว่าแมวตัวนี้ช่างเหมือนเขาแตกต่างที่เขาไม่มีใครเป็นห่วงเป็นใย

            “ตายจริง! มือของเธอเย็นมากเลย มันเขียวไปหมดแล้วนี่!”

            หญิงชราแปลกหน้าดึงมือของเขามาดูด้วยสีหน้าตกใจ  นางจูงมือข้างหนึ่งของเด็กชายในขณะที่เด็กน้อยก็ยังอุ้มแมวไว้แนบอก เดินข้ามถนนมายังบ้านเก่าๆ หลังหนึ่งที่มีแมวอยู่หลายตัวนอนขดตัวกลมอยู่หน้าเตาผิง

            “มานี่ก่อนซิ มานั่งข้างๆ กัน” หญิงชราหยิบเบาะอันหนึ่งมาวางให้เขานั่งหน้าเตาผิง  “ฉันมีซุปฟักทองอยู่ในครัว มันคงพอช่วยให้เธออุ่นท้องขึ้นมาได้”

            เด็กชายนั่งลงบนเบาะนุ่มความอบอุ่นจากเตาผิงทำให้เขาผ่อนคลายและเผลอคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน เขาวางแมวตัวนั้นไว้บนตักและมันไม่ขยับตัวไปไหน ไม่กี่นาทีต่อมาชามซุปฟักทองก็ถูกยื่นส่งให้ เขารับมากินอย่างหิวโหยจนเกือบสำลัก

            หญิงชรายื่นมือไปจะลูบศีรษะ แต่เด็กชายผวาและเบี่ยงตัวหนี “เด็กน้อย...เธอคงลำบากมามากเลยทีเดียวนะ”  

            เด็กชายไม่ตอบหลบสายตาเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินซุปฟักทองในถ้วย ในใจของเขาคิดเพียงว่าจะได้รีบออกไปหาที่ซุกหัวนอนก่อนที่จะโดนใครแย่งอีก

            “ฉันเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่ถ้าเธอไม่มีที่ไป จะอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ”

            คราวนี้เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นจ้องมอง แม่หญิงชราจะยิ้มให้แต่เขาก็ยังระแวงเธออยู่ 

            “ฉันชื่อวิทอเรีย แบล็ค” หญิงชราแนะนำตัว “เธออยากให้ฉันเรียกเธอว่าอะไรดีล่ะ”

            “การ์เร็ต” เขาเอ่ยห้วนๆ ออกจากบ้านมาหลายปีเขาไม่ได้ลืมนามสกุลตัวเองแต่ไม่อยากจดจำ อดีตของตัวเอง

            “เอาล่ะการ์เร็ต คืนนี้เธอนอนกับลูกๆ ของฉันไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

            เด็กชายพยักหน้า เขากวาดสายตามองบ้านที่ค่อนข้างซอมซ่อและแมวอีกหลายตัว  เขาเหนื่อยและเพลียเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่นจึงได้แต่ล้มตัวลงนอนหน้าเตาผิง  เป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจถูกเพราะหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็น ‘การ์เร็ต แบล็ค’ เด็กชายที่วิทอเรียคอยสอนให้อ่านหนังสือ และสอนให้เขากลายเป็นผู้เป็นคนอย่างที่เป็นทุกวันนี้

            นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นชีวิตอของ  ‘การ์เร็ต แบล็ค’ CEO หนุ่มที่เคยได้รับรางวัลหนุ่มโสดในฝันของสาวๆ จากแมกกาซีนยอดนิยม แต่เบื้องหลังรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์เปี่ยมด้วยเล่ห์กลที่เมื่อใดก็ตามเขาหมายปอง ‘เหยื่อ’ ชิ้นไหนแล้วก็ไม่มีทางพลาด 

            แล้วชายหนุ่มก็คิดถึงหญิงสาวแปลกหน้าที่เขายังไม่รู้จัก  ไม่นานหรอก เขาจะทำให้เธอสยบต้องทำทุกอย่างที่เขาต้องการ  เพราะเขาคือ การ์เร็ต แบล็ค อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้!.


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (22 รายการ)

www.batorastore.com © 2024