ดาวเลือน เดือนลืม (จรัญ ยั่งยืน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1.เสียงที่รวดร้าวใจ

 

เสียงนั้นทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน มันนำซึ่งความสูญเสียอันน่าเศร้าใจ

มันอาจจะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจำเพาะผู้คนในเมืองเมืองนี้ เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองนักเลงแห่งชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก เมืองที่มีทั้งท้องทุ่งต้นข้าวพลิ้วใบตามลม ชายหาดทรายสวยทะเลงาม

และมันก็เป็นเมืองที่มีทั้งเลือดและน้ำตา

“ตูม”

นกกระจอกนกกระจิบที่กำลังเย้าหยอกกันอยู่ในร่มเงาใบพุทราที่แผ่กิ่งกว้าง หวีดร้องก่อนแตกฮือบินขึ้นฟ้าไปคนละทิศละทาง 

“โอ๊ย”

เสียงร้องดังไปถึงท้องนาที่กำลังลงแขกดำนา อรชรสะดุ้ง ทิ้งกล้าในมือ โยนงอบลงบนคันนา  วิ่งหน้าตื่นมายังต้นเสียง  เมื่อมาถึงเธอแทบไม่เชื่อในสิ่งที่สองตาเห็น รี่เข้าไปกอดร่างที่เลือดท่วมตัว มือเหี่ยวย่นรุ่งริ่งสั่นเทา ดวงตางุนงงสงสัย

 “แม่...แม่...ใครทำกับแม่แบบนี้”

หญิงชรานั่งพิงโคนต้นพุทรา ลูกสุกของมันหล่นอยู่กลาดเกลื่อน แต่บัดนี้ถูกฝ่าเท้าเหยียบเละเลอะ สารรูปของนางไม่ต่างจากทหารบาดเจ็บถูกหิ้วร่องแร่งออกจากสมรภูมิภูหินร่องกล้า  มือข้างหนึ่งเหวอะหวะ   มืออีกข้างหนึ่งนิ้วขาดร่องแร่ง ลิ่มเลือดกระเซ็นเปื้อนเปรอะเสื้อคอกระเช้าสีน้ำที่ฉีกขาดเป็นริ้วรู

“ทำใจดีๆ ไว้นะป้า”

แขกดำนาขาชุ่มโคลน เหงื่อชุ่มเสื้อ ที่วิ่งตามอรชรมา  แข่งกันตะโกนปลอบหญิงชราจนฟังไม่ได้ศัพท์  สังคมชาวนาไม่ใช่สังคมอื่นไกล พวกเขาล้วนเป็นญาติมิตรกัน  รู้จักมักคุ้นกัน แบ่งข้าวกันกินได้ยามที่ครอบครัวใดขาดแคลน  แต่หลายคนต้องเบรกตัวโก่ง เบ้หน้าไปทางอี่น  ภาพที่เห็นตำตาสยดสยองเกินกว่าจะรับไหว

 “อาจ เอ็งยืนเซ่ออยู่ทำไมวะ  ขึ้นไปบนเรือนสิ เอาผ้ามาให้แม่ผืนนึง เร็วๆ เข้า”

อรชรหันมาตวาดลูกชายคนเล็ก  เสียงแสบแก้วหูปลุกสติองอาจกลับคืนมา เด็กหนุ่มหน้าถอดสี  เขารู้ดีว่าเวลาแม่โมโห  หากขืนชักช้าไม่ทันใจ  แม่จะไม่ต่างจากตัวอิจฉาในหนังในลิเก  แม่จะเกรี้ยวกราดไม่เลิกรา

 เด็กหนุ่มที่ขากางเกงยังมีน้ำหยดติ๋งๆ วิ่งพรวดพราดขึ้นไปบนเรือนไม้ขนาดย่อม  สอดส่ายตาหาสิ่งที่แม่ต้องการ เสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งแขวนอยู่กับตะปูบนเสากลางบ้าน  เป็นเสื้อลายสก็อตน้ำเงิน-แดง ตอนนี้มันจะเป็นเสื้อของใครไม่สำคัญ  เขารีบคว้าหมับติดมือ กระโดดลงเรือนมาทันที

อรชรรับเสื้อไปฉีกควากๆ  ปากพร่ำบ่นซ้ำๆ  ใครมันช่างเลวจริงๆ ทำกับคนแก่ได้ แต่แล้วเหมือนเธอจะนึกอะไรออก  เธอหันมาตะโกนใส่หน้าลูกชายคนโตที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่

“โอ เอ็งยืนเซ่ออยู่ทำไมวะ  วิ่งไปบ้านลุงสมที บอกว่ายายไม่สบายมาก ต้องพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ให้ลุงเอารถออกเลย”

โอฬารตกตะลึงไม่แพ้น้องชาย พอตั้งสติได้ เขาก็รีบโกยอ้าว  ราวนักวิ่งกำลังลงแข่งขันชิงเหรียญทอง  การวิ่งสำหรับคนบ้านนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร   คนในบ้านบ้านนี้ล้วนเป็นนักวิ่ง  แม้แต่อรชรก็วิ่งเร็วไม่น้อยหน้าสาวๆ คนไหน

“แม่ ทำใจดีๆ นะ เดี๋ยวรถมา ไปโรงพยาบาลกัน”

หญิงวัยใกล้สี่สิบปลอบแม่ที่เนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือด  ขณะที่มือฉีกเสื้อพันรอบแขนเหี่ยวย่นทั้งสองข้าง แม้เธอจะพันแล้วพันเล่าแต่มิอาจห้ามอยู่  เลือดยังซึมออกมาชุ่มผ้าที่มัดไว้หลายชั้น

“ไม่เป็นไร แม่ทนไหว นึกว่าเป็นขวดยาหอม” เสียงหญิงชราแหบพร่า นางใจเด็ดเดี่ยวจริงๆ  ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด ราวกับว่านางไม่ได้รับความเจ็บปวด  หรือว่านางไม่มีน้ำตาเหลือให้ไหลอีก ต่างลิบลับกับลูกสาวของนางที่หน้านิ่ว ตาแดงก่ำ แววตาลุกโชนราวมีกองไฟสุมอยู่ข้างใน

“มันเลวจริงๆ  ถ้ากูรู้กูจะเหยียบมันให้จมธรณี”

ความโกรธที่สุมอกทำให้อรชรพุ่งพล่านราวน้ำร้อนเดือดปุดๆ  แม้ว่าแม่จะหันหลังให้ แต่การกระเพื่อมแรงของหนั่นเนื้อเอวบ่งบอกอารมณ์ของแม่ได้ องอาจต้องรีบก้มหน้า รอหาโอกาสเลี่ยงหลบออกมา

สัปดาห์ก่อน แก้วเพื่อนรักที่สุมหัวกันอยู่ทุกวันก็โดนเหมือนกัน   นั่นเพราะความประมาท คึกคะนอง เขาเอาขวดใส่กระเป๋ากางเกง ขี่จักรยานยกล้อท้ายปัด ดริฟต์โชว์ได้แค่สองครั้งก็เป็นเรื่อง จักรยานที่อวดโอ่ว่าเก่งกาจล้มคว่ำ  คนขี่หล่นจากอานกระแทกพื้นดินอย่างจัง  ระเบิดในกระเป๋ากางเกงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

องอาจอดสยองแทนเพื่อนไม่ได้  ขาเหวอะเห็นเนื้อขาวเว่อ  ร้องลั่นเหมือนควายถูกลากเข้าโรงเชือด ต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลหลายวันหลายคืน หมอบอกว่าโชคดีที่เศษขวดไม่ตัดเส้นเลือดใหญ่ มิฉะนั้นอาจจะต้องไปนอนต่อในโลง

วันนี้ในมุมมืดของดงตาลท้ายหมู่บ้าน ข้างลอมฟางกองใหญ่ปลอดคน เป็นแหล่งซ่องสุม เป็นแหล่งผลิต เป็นแหล่งทดลองทางวิทยาศาสตร์ของ“แก๊งดงตาล” ที่นับวันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แก๊งวัยรุ่นกลุ่มนี้ก่อตัวอย่างเงียบๆ  ไม่โด่งดังกระฉ่อนเมืองเหมือนแก๊งหมาผอมที่ออกอาละวาดฉกชิง ข่มขู่คุกคามอยู่ในเมือง แต่ว่าแก๊งดงตาลก็สร้างความปวดเศียรเวียนกะโหลกให้ชาวบ้านแถบนี้ไม่น้อย

หัวโจกอันดับหนึ่ง คือ“ด็อกเตอร์แว่น” ลูกของลุงแช่มป้าสวย สองผัวเมียที่มีอาชีพเป็นลูกจ้างถางหญ้าให้กรมทางหลวง พวกเขาไม่เคยเรียกชื่อลูกชายแบบนี้  ตั้งชื่อให้ทั้งหล่อและเท่ว่า “ยอดชาย” แต่เพื่อนไม่มีใครเรียกเขาว่า “ยอดชาย” หรอก  ในเมื่อเขาใส่แว่นหนาเตอะมาตั้งแต่สิบขวบ ยิ่งเขาหันมาเอาดีในทางผสมสูตรเคมี  อุทิศตนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประดิษฐ์คิดค้น จัดเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับศาสตราจารย์ของแก๊งดงตาล เขาจึงได้รับการเชิดชูจากเพื่อนๆ ให้เป็น “ด็อกเตอร์” เป็นบุคคลสำคัญระดับแกนนำ

 แม้ “ด็อกเตอร์แว่น” จะเรียนไม่เอาอ่าวในห้องเรียน แต่เขาก็รักสูตรเคมีจริงจัง เขาจะเสาะหาวัสดุอุปกรณ์มาประกอบเป็นระเบิดทันที่มีเงินอยู่ในกระเป๋าคุ้นเคยกับดินประสิว กำมะถันเหลือง โดยต้องถ่อไปซื้อจากร้านขายยาในเมือง  ทั้งยังคิดค้นเรื่องการใส่วัสดุอื่นๆ ประกอบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ตะปู สังกะสีที่นำมาตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  รวมทั้งการที่จะเลือกขวดอะไรดีถึงจะเหมาะมือในการใส่ดินระเบิด

ตกค่ำ เสียงตูมๆ จะดังเป็นระยะๆ ราวเกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับโจรแก๊งใหญ่ แต่นั่นเป็นเพียงการทดสอบประสิทธิภาพของระเบิดสูตร “ด็อกเตอร์แว่น” ล็อตใหม่ว่าดีพอจะนำไปใช้งานจริงหรือยังสามารถข่มขวัญคู่อริจนขี้เยี่ยวแตกลนลานได้หรือไม่

“ไม่ใช่ของเราแน่ๆ”   

องอาจพึมพำ เขายังวุ่นวายใจกับระเบิดในขวดยาหอมที่ตกอยู่บนลานหญ้าหน้าบ้านยาย

มันน่าจะเป็นของไอ้แค็ป แม้จะเป็นความคิดที่ปัดสวะให้พ้นตัว  แต่เขาก็เชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้สูง

“แค็ป”เป็นลูกคนเล็กของลุงสม  แก่กว่าองอาจสองสามปี  เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่พกระเบิดติดตัวตลอดเวลา  แม้ว่าแค็ปกับองอาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ว่าไม่กินเส้นกันมานับแต่วันนั้น เมื่อแค็ปค้ำคอขมขู่เอาเงินจากองอาจ  แม้องอาจแม้ตัวเล็กกว่าแต่สู้ยิบตา เขาเอาทรายสาดใส่ตาของแค็ป จนทั้งคู่ฟัดกันหน้าแหกหัวแตก โชคดีที่พี่เชิดเข้ามาห้ามทัน มิฉะนั้นไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะต่างคนต่างคิดว่า “กูไม่กลัวมึง” จากนั้นความเป็นญาติกันมีแต่ความห่างเหิน

ทางใครทางมัน

ก๊วนของแค็ปส้องสุมกันตรงลี่ที่ตาจ๋าสร้างไว้ดักปลาในลำห้วย พอตาจ๋าเผลอพวกเขาก็ไปสุมหัวกัน  นั่นเพราะเสียงน้ำในลำห้วยไหลกระทบซี่ไม้ไผ่ฟังไพเราะหู

กลุ่มของแค็ปห้าวมีเด็กแตกเนื้อหนุ่มใจถึงอยู่ในกลุ่มหลายคน หนำซ้ำเคยเปิดศึกตีกับกลุ่มหนองไม้แดงซึ่งขึ้นชื่อลือชาในวงการนักเลง   “ไอ้แค็ป” ถูกปืนลูกซองสั้นจ่อหัว  จนมือสั่นทำระเบิดหล่นตรงหน้า ดีแต่ว่าระเบิดด้าน ไม่อย่างนั้นคงต้องไปนอนในโรงพยาบาลเหมือนแก้ว แต่เขาก็โดนไม้หน้าสามฟาดกบาลจนเลือดอาบ

เหตุที่ “ทรงวุฒิ” ได้ชื่อว่า“แค็ป” ก็ไม่ได้มีที่มาที่ไปพิสดารอะไร มันมาจากที่เขาริเล่น “น้ำสร้างฝัน” เสียงป๊อดๆ ในกระบอกไม้ไผ่   สืดควันลงเต็มปอดปล่อยออกมาลอยล่องเล่นลม เอนหลังนอนลงบนลี่ไม้ไผ่ แหงนหน้ามองฟ้าจะเห็นโลกอีกใบ โลกที่มีสีสันสวยงาม

“ของไอ้แค็ปหรือว่าของเรา”

ยังเป็นคำถามคาใจ

องอาจเองก็เคยเอาของมาซุกซ่อนไว้หลังยุ้งของยาย มันอยู่ใกล้มือกว่าเอาไปซุกไว้ในดงตาล  เกิดอะไรฉุกละหุกขึ้นมา สามารถไปเอามาใช้งานได้ทัน แต่พอแม่เริ่มระแคะระคายขึ้นมา เขาก็เคลื่อนย้ายไปที่อื่น เขามั่นใจว่าเขาเคลื่อนย้ายไปหมดแล้ว

“ตูม”

“ตูม”

เสียงนั้นดังกึกก้องอีกแล้ว

องอาจแหงนมองเดือนยามค่ำเรี่ยยอดตาล มันขะมุกขมัวเหมือนว่ากำลังจะเลือนหายไปจากฟ้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024