
เหลี่ยมรักทรชน (อักษรา) (EBOOK)
ประหยัด: 87.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
1
ดวงหน้าคมเข้มเงยขึ้นมองไปยังท้องนภากว้าง...บนนั้นยังคงมีดวงดาวนับหมื่นนับพันให้แสงสว่างวิบวับจนอร่ามเรืองไปทั้งผืนฟ้า...
“สารวัตรกำลังมองหาพระจันทร์เต็มดวงอยู่หรือเปล่าครับ”
เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด เมื่อเห็นผู้เป็นนายเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามาพักใหญ่
“ถ้าใช่แล้วเอ็งมีปัญหาอะไรไหม”
“แหมๆ ถามได้ถ้าใช่ผมก็จะได้เผ่นน่ะสิครับ...”
“ทำไมต้องเผ่น...เอ็งนี่มันยังไงใจคอจะกวนบาทากันตั้งแต่พระจันทร์เริ่มขึ้นเลยเรอะ”
“อ้าว...เกิดพระจันทร์โผล่ปุ๊บสารวัตรแปลงร่างปั๊บผมก็จะได้เผ่นเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยยังไงล่ะครับ...” ลูกน้องคนสนิทยังกระเซ้า
“ถึงไม่แปลงร่างเอ็งก็อย่าคิดว่ามันจะปลอดภัย”
สิ้นเสียงสารวัตรหนุ่มหน้าเข้มก็ยันโครมลงไปบนร่างสูงโปร่งของลูกน้องคนสนิท เป็นผลให้พ่อหนุ่มจอมกวนถลาหล่นตุ้บลงไปนอนกองอยู่ข้างบันได
“โอย...สารวัตรถีบมาได้...บันไดสูงตั้งสามขั้นเกิดผมตกลงมาคอหักตายจะทำยังไง”
คนถูกประทุษร้ายลุกขึ้นทำเสียงโอดเสียงโอย
“ไม่เห็นต้องคิดให้ปวดหัว...ตายก็เอาไปเผาสิ...บันไดแค่สามขั้นถ้ามันจะคอหักตายก็เป็นผีเฝ้าราวบันไดไปซะ...มัวแต่โอดโอยอยู่นั่นงานที่สั่งให้ทำเสร็จหรือยัง”
“โธ่...สารวัตรพูดเป็นหนังการ์ตูนไปได้...งานมันจะสำเร็จได้ยังไงล่ะ คร้าบ...จนป่านนี้ผู้หมวดยังมาไม่ถึงเลย...”
“อะไรกันนัดไว้สี่ทุ่มไม่ใช่เหรอ...นี่มันจะสี่ทุ่มครึ่งแล้วนะปกติหมวด ไม่เคยสายนี่...โทรติดต่อไปหรือยัง”
สารวัตรหน้าเข้มก้มมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ
“โทรแล้วครับ...หมวดบอกว่ากำลังเดินทางมาอย่างเร่งด่วน แต่มีเหตุฉุกเฉินเลยต้องแวะส่งส่วย...เอ๊ย!...แวะเติมน้ำมันก่อนอีกสักพักก็คงจะถึง ครับผม...”
นายตำรวจหนุ่มหน้าทะเล้นรายงานน้ำเสียงยียวน จน ผู้เป็นนายได้แต่ยืนส่งเสียงฮึ่มๆ เพราะอยากถีบซ้ำอีกสักรอบ
“ผู้หมวดมานั่นแล้วครับ...”
นายตำรวจหน้าทะเล้นรีบรายงานเมื่อเห็นรถของคนที่เฝ้ารอตีวงเลี้ยวเข้ามา
“เตรียมของพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ครับสารวัตร”
สารวัตรหนุ่มหน้าเข้มพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินลงจากบ้านตรงไปยังรถเก๋งคันหรูที่จอดรออยู่ไม่ห่าง
“สวัสดีครับสารวัตร...โอ้โฮ...ทำไมคราวนี้กระเป๋าใบใหญ่จัง”
นายตำรวจหนุ่มหน้าแฉล้มทักทายผู้บังคับบัญชา แววตาเป็นประกายเมื่อเห็นสัมภาระของเจ้านายดูมีปริมาณมากกว่าทุกครั้ง
“คราวนี้คงไปนานเป็นเดือน...ผมฝากทางนี้ด้วยนะหมวด”
คนเป็นเจ้านายบอกน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย เมื่อทุกคนขึ้นประจำที่สารถีหน้าแฉล้มจึงออกรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ไอรดาเหลือบมองกระเป๋าหนังสีดำทะมึนข้างตัวด้วยประกายตาเย็นชาจนคนที่ลอบมองรู้สึกชาวาบไปถึงไขสันหลัง
ดวงหน้าคมสวยกระจ่างตาแม้จะงดงามราวดอกไม้แรกแย้ม แต่กลับแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกจนคนที่อยู่ใกล้รับรู้ได้ มือเรียวปลดเข็มขัดนิรภัยเหวี่ยงออกไปอีกด้านอย่างรำคาญพร้อมกับเอื้อมไปดึงกระเป๋าขึ้นมาวางบนตัก...เปิดออกช้าๆ แล้วจ้องสิ่งของที่อยู่ในนั้นตาเขม็ง...
เธอเหลือบมองคนขับรถที่มองมาเป็นระยะๆ แล้วยิ้มเย็นก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบไรเฟิลคู่ใจออกมาบรรจุกระสุนและที่เก็บเสียง...
“เดโช...อีกนานไหมกว่าจะถึงที่หมาย” เธอถามขณะจดจ่ออยู่กับอาวุธในมือ
“อีกไม่ถึงห้ากิโลครับคุณหนู”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้และนั่งทอดสายตามองไปข้างหน้า รถที่ขับมาเรื่อยๆ ค่อยๆ เพิ่มระดับความเร็วขึ้นเพราะถนนว่าง ไอรดาเหลือบมองคนขับรถด้วยแววตาพอใจ...เพราะยิ่งถึงที่หมายเร็วเท่าไรภารกิจของเธอก็จบสิ้นเร็วเท่านั้น
รถสปอร์ตคันหรูแล่นฉิวในระดับความเร็วที่มากกว่าเก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังคงขับไปเรื่อยๆ โดยไม่ชะลอแม้ถนนจะคดเคี้ยว และมีป้ายเตือนว่าเส้นทางสายนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
“เฮ้ย!!...”
ขณะตีรถเข้าทางโค้งคนขับรถที่มั่นอกมั่นใจในฝีมือของตัวเองถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเห็นรถบรรทุกวิ่งสวนมาในระดับความเร็วที่ถือว่าไม่น้อยไปกว่ากัน...ไอรดา กระชับอาวุธในมือไว้แน่นจ้องรถที่กำลังพุ่งเข้ามาแววตานิ่งเฉย ราวกับไม่รู้สึกตื่นกลัวหรือหวีดร้องจนผิดวิสัยของผู้หญิง
“เดโช! หลบ”
เธอแผดเสียงเตือนคนขับรถในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงเตือนที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังอยู่ในภาวะช็อกสะดุ้งจนได้สติ...และตัดสินใจหักหลบลงข้างทางในเสี้ยววินาที
เสียงเบรกยาวที่ดังท่ามกลางหุบเขาอันเงียบสงัดถูกแทนที่ด้วยเสียงโครมสนั่น...เมื่อรถสปอร์ตพุ่งลงข้างทาง...ส่วนรถบรรทุกแฉลบไปอีกทางแต่ยังทรงตัวอยู่บนถนนและเบรกยาวไปเกือบสามร้อยเมตร...
ร่างของไอรดาหลุดลอยออกมาจากตัวรถด้วยแรงเหวี่ยงก่อนรถจะพุ่งเข้าประสานงากับต้นไม้ในเสี้ยววินาทีจนยุบไปทั้งคัน...จากแรงเหวี่ยงทำให้ร่างของเธอลอยตกลงไปในหนองน้ำศีรษะของหญิงสาวกระแทกเข้ากับกองดินนิ่มๆ ส่วนปืนในมือกระเด็นตกลงไปในน้ำซึ่งมีหญ้าขึ้นหนาทึบ
เธอได้ยินเสียงรถเบรกสนั่นอีกสองสามคันและฝีเท้าหลายคู่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว...พร้อมกับเสียงโหวกเหวกของคนที่กำลังใกล้เข้ามา...แวบหนึ่งเธอได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือผ่านวิทยุ...และมีชื่อๆ หนึ่งที่เธอได้ยินชัดจนฝังอยู่หัวในสมอง... ‘สารวัตรราช’ ก่อนจะหมดสติลง...
ร่างไร้สติของหญิงสาวถูกนำส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา...โดยอยู่ในความดูแลของสารวัตรหนุ่มหน้าเข้ม...
ช่วงดึกที่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเล็กๆ ในชนบทอันเงียบสงัดพลันโกลาหล เมื่อคนเจ็บถูกอุ้มลงจากรถแล้วตรงดิ่งเข้าไปด้านในโดยไม่รอให้ใครออกมารับ
พันตำรวจตรีราชตะโกนแจ้งเจ้าหน้าที่ให้รีบไปตามหมอ...พยาบาล สองคนวิ่งนำเขาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน...เมื่อร่างของคนเจ็บถูกวางลงบนเตียงพยาบาลทั้งสองจึงดึงผ้าม่านปิดและเชิญให้เขาออกไปรอด้านนอก
“เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์...แล้วกระเด็นออกมาจากรถศีรษะอาจจะฟาดกับดิน...ส่วนร่างกายโชคดีที่ตกลงไปในหนองน้ำจึงที่ไม่มีกระดูกชิ้นไหนหักจนสาหัส”
นายตำรวจหน้าเข้มแจ้งอาการเบื้องต้นของคนเจ็บ ขณะเดินเคียงออกมากับนางพยาบาล
“ค่ะ...เชิญสารวัตรรอด้านนอกสักครู่นะคะประเดี๋ยวคุณหมอคงมาถึง”
ไม่กี่อึดใจต่อมาร่างสูงโปร่งในชุดอยู่บ้านก็วิ่งลงมาจากห้องพักหลังเล็กซึ่งอยู่ถัดออกไปไม่ไกลมาก ทันทีที่วิ่งเข้าใกล้ห้องฉุกเฉินฝีเท้าเร่งรีบของคุณหมอคนเดียวของโรงพยาบาลก็ลดลง เมื่อเห็นคนที่ยืนหน้าเครียดอยู่ตรงหน้า
“อ้าวสารวัตรใครเป็นอะไรเหรอครับ”
หมอหนุ่มเอ่ยถามราวกับรู้ว่าสถานการณ์ที่กำลังรออยู่ด้านในคืออะไรเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่
“ไม่ใช่คนของผมหรอกหมอ...พอดีไปพบคนประสบอุบัติเหตุหมอรีบเข้าไปเถอะ”
“อ้าว!...เหรอครับ งั้นผมขอตัวไปดูคนไข้ก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
หมอหนุ่มเอ่ยขอตัวพร้อมกับผลักประตูแล้วรีบเร่งเข้าไปในห้องทันที โดยมีสายตาคมเข้มมองตามไปจนกระทั่งประตูบานนั้นปิดงับลง
“สารวัตรเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” ธิติพลที่เดินเข้ามาสมทบถามขึ้น
“เธอถึงมือหมอแล้วคิดว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย”
“ดูเหมือนเธอจะปลอดภัย...แต่ผมว่าตอนนี้สารวัตรคงสาหัสกว่าเพราะตกรถแล้วล่ะครับ”
หมวดหนุ่มหน้าแฉล้มยิ้มกว้างออกมา เมื่อมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วพบว่าเขาพาเจ้านายไปส่งไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย
“เห็นทีคงต้องขับรถไปเองอีกแล้วสิ...เป็นเพราะหมวดคนเดียวที่มาช้า”
สารวัตรหน้าเข้มโยนความผิดให้กับสารถีหน้าตาเฉย
“โธ่...สารวัตรเล่นบอกผมกะทันหันนี่ครับ...กว่าจะหาน้ำมันได้ผมแทบเอาปืนไปปล้นเจ้าของปั๊มเพราะมันท่ามากเหลือเกิน”
“ขนาดนั้นเชียว...แล้วทางโน้นเป็นไงบ้าง...เอาร่างคนตายออกมาได้หรือยัง”
ราชเลิกคิ้วพร้อมกับถามถึงคนที่ติดอยู่ในซากรถ
“เมื่อครู่ผมโทรไปถามจ่าดุล เห็นบอกว่าหน่วยกู้ภัยกำลังพยายาม นำร่างคนตายออกมาแต่สภาพรถที่ยุบจนบู้บี้ต้องใช้เครื่องตัดถ่าง...คงอีกพักใหญ่กว่าจะเอาตัวออกมาได้...พูดก็พูดเถอะสารวัตรเห็นรถแล้วผมเสียดายชะมัดราคาคงแพงลิบเลย...”
“ห่วงแต่รถว่างั้นเถอะ...ช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...ว่าแต่เธอเป็นยังไงบ้างครับ...”
“จากแรงกระแทกคงบอบช้ำภายในเอาการ...เผลอๆ ศีรษะอาจกระแทกพื้นจนทำให้มีเลือดคลั่งในสมอง...จะว่าไปเธอก็ดวงแข็งไม่น้อย...เพราะถ้าไม่กระเด็นออกมานอกรถ สภาพคงไม่ต่างกับคนขับสักเท่าไร...แล้วเรื่องเอกสารส่วนตัวของเธอล่ะมีใครเจอหรือยังอย่างน้อยจะได้แจ้งญาติให้ทราบ”
“เอกสารคงต้องรออีกสักพักครับ...”
“งั้นคืนนี้ผมจะอยู่ดูอาการและรอเอกสารของเธอไปก่อนก็แล้วกัน”
ราชตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยาก แม้จะแปลกใจตัวเองที่ห่วงใยเธอจนดูผิดปกติ และไม่ได้มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่รับรู้ถึงความผิดปกตินี้
“สารวัตรจะอยู่เฝ้าไข้เธอเหรอครับ”
ธิติพลเลิกคิ้วถามผู้เป็นนายประกายตาสงสัย...เพราะรู้ดีว่าเจ้านายที่เขาขอติดสอยห้อยตามมานับสองปีหันหลังให้อิสตรีมานาน...นานจนเขาคิดว่าอาการอกหักสองนัดซ้อน เมื่อครั้งเกี่ยวดองกับผู้กองคนสวยแห่งกองทัพไทย คงจะทำให้อดีตผู้กองหน้าเข้มเลิกให้ความสนใจกับความรักอย่างถาวรแน่นอน พันเปอร์เซ็นต์
“ทำไมมองหน้าผมแบบนั้นล่ะหมวด”
“ผมแค่แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นสารวัตรสนใจผู้หญิงคนไหน”
“เธอไม่มีใคร...ผมทำไปเพราะคำว่ามนุษยธรรม”
ราชหยิบยกคำว่ามนุษยธรรมขึ้นมาอ้างไปอย่างนั้น แต่ความจริงสิ่งที่ทำให้เขาอยากอยู่และดูแลเธอเป็นเพราะดวงหน้าซีดขาวที่หลับพริ้มอยู่ในอกมานับสามสิบนาทีนั่นต่างหาก...
ตั้งแต่อกหักและซดน้ำใบบัวบกมานับสองปีจนเริ่มยอมรับว่ายังไม่ถึงเวลาที่ฟ้าจะส่งคู่แท้ลงมาให้ เขาจึงตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะไม่หวั่นไหวกับใครอีก ทว่าน่าแปลกที่ผู้หญิงแปลกหน้ากลับทำให้หัวใจที่กล้าแกร่งสั่นไหวได้อย่างประหลาด
ราชนึกภาพอันน่าสยดสยองหากเธอถูกอัดก๊อบปี้อยู่ในรถคันนั้น...แค่คิดหัวใจก็ปวดแปลบจนรู้สึกใจหวิวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ...ยิ่งนึกถึงเนื้อตัวนุ่มละมุน...เมื่อแนบอยู่ในอก...ความรู้สึกห่วงใยและอยากปกป้องคุ้มภัยก็วิ่งกันให้พล่าน...
ร้อยตำรวจโทธิติพลเหลือบมองใบหน้าคมเข้มที่ยังหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแววตาเป็นประกาย...ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะตกหลุมรักหลุมใหญ่เข้าแล้ว...นายตำรวจหน้าแฉล้มแย้มยิ้มออกมา เมื่อเห็นอาการเคลิ้มอย่างไม่ตั้งใจของผู้เป็นนาย...
‘ดูเหมือนเส้นทางที่เพิ่งผ่านมาจะมีกามเทพยิงศรปักอกคนแถวนี้เสียแล้วกระมัง’ นายตำรวจหนุ่มยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์ของความรักกำลังถูกหว่านลงบนหัวใจที่ตายด้านมานานนับสองปีของเจ้านาย
หวังว่าแม่สาวที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ในนั้นจะยังไม่มีเจ้าของ และไม่ทำให้เจ้านายผู้อาภัพรักของเขาต้องช้ำจนเข็ดขยาดกับความรักอีกครั้ง...